รู้จัก ‘นาฬิกาชีวิต’ กับกิจกรรมที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 16 เม.ย. 2020
- ชวนมารู้จักกับ ‘นาฬิกาชีวิต’ (Body Clock / Biological clock) 😄🕐
วงจรของระบบการทำงานในร่างกาย ที่สัมพันธ์กับกิจวัตรประจำวันของเรา
มาดูกันค่ะว่า นาฬิกาชีวิต คืออะไรกันแน่? สำคัญต่อ สุขภาพ ยังไง?
และเราควรทำอะไรในช่วงเวลาไหนของวันจึงจะดีต่อร่างกาย
🔰 รายละเอียดเพิ่มเติม www.chillpainai.com/scoop/11711/
⏰ 01.00 - 03.00 น. ช่วงเวลาของตับ
อวัยวะที่ทำหน้าที่ขับสารพิษและสะสมอาหารสำรองให้กับร่างกาย ผลิตอินซูลิน ตลอดจนผลิตน้ำดีเพื่อเก็บไว้ย่อยไขมัน ซึ่งตับจะทำงานตอนที่เราหลับ ฉะนั้นถ้าถึงช่วงนี้แล้วเรายังไม่นอน จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ ทำให้ผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยลง อาจทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจ ฯลฯ
⏰ 03.00 - 05.00 น. ช่วงเวลาของปอด
เราควรตื่นนอนในช่วงนี้เป็นประจำค่ะ เพื่อช่วยให้ปอดทำหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกายได้ดี อีกทั้งยังส่งผลทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้ หอบหืด ไซนัส หรือโรคทางเดินหายใจ ควรตื่นแต่เช้าตรู่มาสูดอากาศบริสุทธิ์ ปอดจะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจ้า
⏰ 05.00 - 07.00 น. ช่วงเวลาของสำไส้ใหญ่
เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการขับถ่ายในทุกๆ วัน โดยเราสามารถกระตุ้นลำไส้ใหญ่ให้ทำงานได้ดีด้วยวิธีง่ายๆ คือ การดื่มน้ำ 1-2 แก้ว หลังจากตื่นนอน และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ลำไส้ใหญ่ได้ขยับตัว ช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณสดใสขึ้น และยังลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคริดสีดวงทวารด้วยค่ะ
⏰ 07.00 - 09.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร
เริ่มเช้าวันใหม่กันด้วยมื้อเช้าที่ดี เพิ่มพลังงานให้ร่างกายกันค่ะ อย่างที่ได้ยินมาเสมอว่า อาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุด เพราะกระเพาะทำหน้าที่ย่อยอาหารได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ ร่างกายเราจึงดูดซึมสารอาหารต่างๆ ไปใช้ได้ดี และยังช่วยให้กระเพาะอาหารแข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระเพาะด้วยนะคะ ส่วนอาหารที่ควรเลือกทานในช่วงเช้า ก็จะเป็นอาหารประเภทโปรตีนเป็นหลักเลยค่ะ
⏰ 09.00 - 11.00 น. ช่วงเวลาของม้ามและตับอ่อน
ช่วงเวลาที่ม้ามและตับอ่อน จะเริ่มทำงานเต็มที่ ในช่วงนี้เพราะส่วนต่างๆ จะตื่นตัวสุดหลังจากเริ่มวันใหม่ ตับอ่อนจะนำสารอาหารที่ได้ ส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่วนม้ามจะคอยดักจับเชื้อโรค สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ฉะนั้นในช่วงนี้เราควรตื่นนอน ลุกจากเตียงนะคะ เพราะถ้าใครยังขี้เซานอนต่อ อาจจะอาจส่งผลเสียต่อม้ามและตับอ่อน ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรงได้ค่ะ
⏰11.00 - 13.00 น. ช่วงเวลาของหัวใจ
ในช่วงเวลานี้หัวใจจะทำงานหนักเป็นพิเศษ เพราะต้องสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้ความดันเลือดจะสูงขึ้นกว่าปกติ จึงเป็นช่วงเวลาที่เราควรหลีกเลี่ยงเรื่องเครียดๆ หรือเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นตกใจ และหาอะไรที่ผ่อนคลายทำบ้าง เพื่อรักษาความสมดุลในการทำงานของหัวใจ
⏰ 13.00 - 15.00 น. ช่วงเวลาของลำไส้เล็ก
มาถึงช่วงเวลาที่ควรงดทานอาหารกันแล้วจ้า เพราะช่วงนี้เป็นเวลาที่ลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดซึมอาหารที่เป็นน้ำ เพื่อนำไปสร้างกรดอะมิโนเพื่อใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้ไม่ควรทานอะไรในช่วงนี้ ลำไส้เล็กจะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
⏰ 15.00 - 17.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะกับการออกกำลังกายมากๆ ค่ะ เพราะร่างกายจะได้ขับของเสียออกมาผ่านทางเหงื่อ ซึ่งถ้าอยากให้กระเพาะปัสสาวะทำงานได้ดีขึ้นอีก ให้เราดื่มน้ำเยอะๆ และไม่ควรอั้นปัสสาวะ เพื่อช่วยให้การขับของเสียจากร่างกายได้เร็วขึ้น
⏰ 17.00 - 19.00 น. ช่วงเวลาของไต
หลังจากที่เราได้ขับถ่ายของเสียและเผาผลาญโปรตีนมาทั้งวัน ทำให้ไตทำงานหนักมาตลอด ช่วงเวลานี้ตัวเราจึงควรพักด้วยค่ะ ไม่ควรทำงานหนัก แต่ก็ต้องทำตัวให้สดชื่น ไม่ง่วงหงาวหาวนอนเช่นกัน เพราะมิฉะนั้น ไตอาจอ่อนแอและเสื่อมได้
⏰ 19.00-21.00 น. ช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ
ถึงเวลาผ่อนคลายจิตใจกันบ้างค่ะ ช่วงนี้ควรเลือกทำกิจกรรมเบาๆ เพื่อให้หัวใจทำงานน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นนั่งสมาธิหรือ ดูหนัง ฟังเพลงแบบสบายๆ ร่างกายจะได้เตรียมปรับโหมดสู่การเข้านอนที่มีประสิทธิภาพ ในทางกลับกันถ้าไม่พักผ่อนในช่วงนี้จะทำให้เลือดข้น กล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนัก ส่งผลให้หัวใจโต โดยเฉพาะคนที่ชอบทำงานตอนดึกๆ หรือเที่ยวกลางคืน
⏰ 21.00-23.00 น. ช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น
เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเข้านอน เพราะช่วงนี้เราควรพักผ่อน ทำให้ร่างกายอบอุ่น ไม่ร้อน ไม่หนาวไป ฉะนั้นไม่ควรอาบน้ำเย็น หรือออกไปเดินเล่นนอกบ้านในช่วงนี้ ซึ่งถ้าใครหลับยากลองดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วก่อนนอน จะช่วยให้หลับง่ายและสบายขึ้นค่ะ สำหรับผลเสียของการไม่พักผ่อนในช่วงนี้ ก็คือจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายมากขึ้น อาจจะให้เกิดอาการเลือดจางตามมาได้
⏰23.00 - 01.00 น. ช่วงเวลาของถุงน้ำดี
เป็นช่วงเวลาที่ต้องพักผ่อนเช่นกันค่ะ และควรจิบน้ำก่อนนอนด้วย เพื่อช่วยให้ถุงน้ำดี อวัยวะที่มีหน้าที่ย่อยไขมัน ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป มีน้ำเก็บเอาไว้หล่อเลี้ยงร่างกายในเวลาที่หลับใหล และเป็นการเจือจางไม่ให้น้ำดีข้นจนเกินไป เพราะจะทำให้ไขมันตกตะกอนในตัวเรา อาจมีผลเสียต่างๆ ตามมา เช่น ตื่นกลางดึก อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ลงพุง มีถุงไขมันใต้ตา หรือขาดวิตามินเอ ดี อี เค ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน
#นาฬิกาชีวิต #สุขภาพ #นาฬิกา
ติดตาม " ชิลไปไหน " ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
📌Website : www.chillpainai.com/
📌 IG : chillpainai
📌 Twitter : chillpainai
📌Facebook : / chillpainai
🔰ดูวอเชอร์ที่พักทั่วไทยได้ที่นี่ bit.ly/ChillMarketFB
ดีเลยครับ ได้รู้ ว่าเราควรรักษาสุขภาพยังไง
ดีมากเลยครับขอบคุณ
ข้อมูลหลายอย่างไม่ถูกต้องนะคะ เช่น ตับไม่ได้สร้าง insulin เป็นตับอ่อนต่างหาก
กระเพาะอาหาร ย่อยแค่โปรตีน และไม่ได้ดูดซึมอาหารเป็นหลัก ดูดซึมแค่แอลกอฮอล์และยาบางชนิด และ
ตับอ่อนไม่ได้เป็นอวัยวะที่นำสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย แต่ผลิตน้ำย่อยและฮอร์โมนบางชนิด
ลำไส้เล็กไม่ได้ดูดซึมน้ำเพื่อนำไปสร้างเป็นกรดอะมิโน ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนทำคลิปนะคะ อาจสร้างความเข้าใจผิดได้หลายประเด็น
ข้อมูลมาจากไหนครับ
@@weerayutkophon9117 หนังสือเรียน สรีรวิทยา เล่ม 1,2,3 ค่า
@@hializขอบคุณครับ
ขอบคุณนะคะ😀
ขอบคุณคะ
ดีมากครับ
คนทำงานกะดึกอย่างผมมันต้องปรับตัวและต้องใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งครับ ทานอาหารก่อนเข้างานทานแค่พออิ่ม โยเกิร์ตสักแก้วไม่มีน้ำตาล ห้ามทานหวานในเวลากลางคืนเพราะจะทำให้เราง่วงได้ ก่อนจะออกจากงานสักชั่วโมง ทานอาหารหลัก ๆ ได้เลย ข้าว แป้ง น้ำตาล ได้เลย ตอนกลับบ้านให้ใส่แว่นตาดำกันไม่ให้แสงกระทบตาเรา เพราะแสงจะทำให้สมองส่วนกลางเราตื่นตัวขึ้นเป็นสาเหตุนอนหลับไม่เต็มที่ในเวลากลางวัน พอถึงบ้านเข้าทำกิจกรรมที่บ้านก่อนอย่างน้อย 30 นาที เช่น ซักผ้า รีดผ้า เข้าห้องนอนก็ปิดผ้าม่านประเภท Blackout ทึบแสง 100 เปอร์เซ็นต์ หาผ้าอะไรปิดตาก่อนที่จะนอนหลับ เพียงเท่านี้ก็สามารถปรับตัวในการใช้ชีวิตในเวลากลางดึนได้แล้ว กะเช้า กะบ่าย กะดึก ผมจะมีวีธีปรับตัวของผมแบบนี้ทุกทีเมื่อต้องเข้าเวรกะ
ปรับตัวได้สุดยอดเลยค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ
ต้องทำงานเข้ากะดึกตลอด ร่างกายรวนหมดแล้ว😭
😮
อาบน้ำเวลาไหนดีครับ
🌷👍👍👍👍👍🌷
🌿💐❤️🙏🏻❤️💐🌿
🥀ขอบคุณค่ะ🥀