ในที่สุดรถไฟฟ้าค่ายจีนทำได้แล้ว!! พัฒนาแบตเตอรี่วิ่งได้ 1,000 กิโล SUV GAC Aion LX Plus
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 30 พ.ย. 2021
- #รถไฟฟ้า #รถยนต์ไฟฟ้า #GAC #AionLXPlus
ในที่สุดค่ายจีนก็ทำได้แล้ว รถไฟฟ้าที่วิ่งได้ 1000 กม.
ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จด้านเทคโลโนยีรถไฟฟ้าจีน ที่ฝ่ามาถึงขีดสุดได้ แซงค่ายรถญี่ปุ่นแบบไม่เห็นฝุ่นกับ
GAC Aion LX Plus
🚘⚡สำหรับใครที่สนใจอยากเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน รถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกให้เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้💥💥
เข้ามาเป็นส่วนนึงในการผลักดัน สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ👇👇
/ @welldoneguarantee
FB: @welldone guarantee
Tik Tok: bit.ly/3goOcUU
IG: welldone_guarantee
ติดต่องานได้ที่
welldone.guarantee@gmail.com - ยานยนต์และพาหนะ
สามารถสนับสนุนช่องได้
มาเป็นสมาชิกแก๊งรถยนต์ไฟฟ้ากันเ
สนใจเสื้อกลุ่มรถไฟฟ้า สั่งเลยที่👇👇
forms.gle/k4XnHDNzUiEjGhKa7
เริ่มก่อน ครองตลาดก่อน
สำหรับคนวิ่งไกล รถวิ่งได้ไกลต่อการชาร์จยิ่งดี เหลือไฟ30/40ก็แวะชาร์จแวะกินข้าวไปในตัวไม่ต้องกังวลแบตหมด
ชาร์ตครั้งนึงวิ่งได้เยอะที่สุดนี่ดีครับ เพราะเรายิ่งชาร์ตน้อยครั้ง การเสื่อมของแบตก็จะช้าลงมาก อย่าเอาประเด็นว่าปกติคนเราขับรถได้ประมาณ 600-800 กม.ก็ล้าแล้ว มันคนละเรื่องกับรถ หลายคนเขาก็ขับ 200 - 300 กม.พักครั้งนึงก็มี แต่เขาไม่ต้องไปชาร์ตแบตนี่ เพราะแบตเขาดี เทสลามั่วแล้วที่เอาประเด็นนี้มาเตะสกัดผู้อื่น
อีกกน่อยก็กลับมาใช่แบตธรรมดา
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ตัวเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเล็กใช่พลีงงานน้อยแต่ให้กำเนิดไฟฟ้าใด้มากและสูงขึน กับตัวช๊าตที่แรงเร็วเต็มร้อยวิ่งไปช๊าตไป
รถไฟฟ้ายังไงก็คุ้มอยู่แล้ว
ระยะทางต้องเผื่อไว้ก่อน ถ้าสเปค500km วิ่งจริง 400-300km
ขอระบบชาร์จเร็วก็พอ
ผมมองว่า นั่นคือความสำเร็จที่ดีมากของจีนแล้วครับ ชาจครั้งนึงวิ่งไปได้พันกิโล ผมว่าเยี่ยมครับ อย่างน้อยมันก็อุ่นใจว่าวิ่งได้ระยะทางเยอะ เทสล่าจะมาอ้างว่าคนเราขับรถแล้วล้า ยังไงต้องจอดพัก จอดชาร์จ ผมว่ามันเป็นข้ออ้างของพวกจะพ่ายแพ้ครับ ทำไม่ได้ก็อ้างโน่นนี่นั่น เทสล่าอย่าอ้างแล้วมาเร่งพัฒนาให้มันเหนือกว่าคู่แข่งดีกว่า ต่อไป ยิ่งถ้าชาจทีวิ่งได้ 1500 - 2000 กิโลเมตร ยิ่งจะดีสุดๆกว่าครับ เหมือนที่เราดูในหนังเทคโนโลยีวาร์ปสปีดเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ปัจจุบันเริ่มที่จะคิดค้นเป็นจริงได้แล้ว ผมว่ามันเป็นจริง เพียงแต่ความรู้ของเรายังไม่ถึง เทคโนโลยีเรายังไม่ถึง.......... ไม่งั้นพวกเอเลี่ยนจะมาโลกเราได้ไงห่างเป็นล้านๆปีแสง
ตรงเกินไป..แบบนี้เขิลสิครับ 555
ผมว่าชาร์จเร็วดีกว่า แบตใหญ่วิ่งได้ไกล แต่เทสลาพูดถูก แบตลูกใหญ่ราคาแพงกว่าแบตลูกเล็กแน่นอน แต่ตอนนี้จีนเหนือกว่าจริง สรุปมันมีข้อดีข้อเสีย
ชาร์แล้วไม่วิ่ง 1,000+ กม. ภายในสามวันมันเสื่อมลงเท่าไหร่ ราคาแพงเกินเหตุ ควรชาร์จเต็ม ชาร์จแต่ละครั้งต้องวิ่ง ไม่งั้นแบตเสื่อมจนหมด สต. โดยรวมจะคุ้มกับการใช้รถของมนุษย์ไหม รถ 100 คัน วิ่งเกินวันละ 100 กม.มีกี่คัน วิ่งเกิน 200 กม.กี่คัน วิ่งวันละ 1,000 กม.กี่คัน จีนพ่อสี ทำอะไรเว่อ ๆ คิดเองไม่เป็นก้อบ หวังชนะจะกลืนโลกอย่างเดียว สต.เชื่อในความคิดของ อี ลอนมัสห์
ใช่แล้วครับ ระยะทางเพียงพอแล้วพัฒนาระยะเวลาการชาจ์นดีกว่า ถ้าชาร์จได้เร็วเรื่องระยะทางเป็นเรื่องรอง ดูรถน้ำมันสิ ไม่มีใครสนใจเรื่องถังน้ำมันใหญ่เล็กเพราะเพียงพอกับการเดินทางแล้วเติมปั้มแป๊บเดียว
ถ้าในไทยใน คสต. ผมคิดว่าน่าจะอยู่ที่ 700 กม.( Net ) ก็พอ เพียงแค่พัฒนาให้มีการชาร์จแบตฯ ได้เร็วขึ้นอยู่ที่ประมาณ 15-20 นาที(ช่วงพักทานข้าวหรือเปลี่ยนอิริยาบถ) ส่วนความถี่ที่ตั้งของสถานีชาร์จในระหว่างทางก็ว่าไปอีกเรื่องนึงครับ😁
เทคโนโลยีแบตจะไม่หยุดแค่นี้ และนวัตรกรรมแบตใหม่ๆ จะทำให้แบตเตอรี่ในอนาคตถูกลง และเป็น
อีก 6-7ปีก็วิ่งได้พันกันหมดแล้วครับ
จริงๆ ก็ตามที่เทสล่าบอกนะ คนเราจริงๆ ถ้าขับยาวๆ 1000 กิโลเมตร ต้องล้ามากแน่ๆ มันต้องมีจอดบ้าง และถ้าใช้เกณฑ์ อุ้ยยย แบตใกล้หมด หรือต่ำกว่า 40% ก็จะเริ่มหาที่ชาร์จละ และพอแวะ ก็ถือโอกาสพักในตัวเลย เป็นความคิดที่ดี แต่สำหรับผมมองว่า การชาร์จครั้งนึงแล้ววิ่งได้ 1000 กม. จะได้เปรียบตรงที่ ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ หรือเปล่า เช่นชาร์จครั้งนึง วิ่งได้สักวันละ 200-300 โล สามวันชาร์จครั้ง จะได้เปรียบกว่ามั้ง เว้นแต่ว่า ถ้าไม่ชาร์จทุกวัน แบตจะเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่เป็นอะไร ผมว่า ได้เปรียบตรงนี้ นอกนั้น ถ้าทำสถานีชาร์จเร็วได้ จะดีกว่ามาก เพราะถ้าสถานีแห่งนึง มีที่ชาร์จแค่ 20-30 หัว แต่ละ 1 การชาร์จ ถ้าหมดลูก ใช้เวลา 20-30 นาที คันที่รอคิวก็คงรอไปนาน เว้นแต่มีสถานีชาร์จเยอะๆ ถึ่ๆ คงจะแก้ปัญหารอคิวชาร์จได้ ถ้าไม่ใช่แบบชาร์จเร็ว (เตรียมสร้างอุตสาหกรรมรถชาร์จไฟฟ้าแป๊บแบบไฟฟ้าฉุกเฉิน สำหรับรถหมดแบตกลางทาง น่าจะรุ่ง)
จะใส่ 1000km เทสล่าก็ทำได้ครับ แต่มันไม่คุ้มกับน้ำหนักรถที่ต้องเพิ่มขึ้นอีกมาก
ถ้าจะวิ่งพันโล อาจจะต้องใส่แบตมากถึง 150 kWh ซึ่งเฉพาะน้ำหนักแบตอาจจะพุ่งไปถึง 700kg อัตราสิ้นเปลืองพลังงานจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ครับ
วิศวกรเค้าต้องคำนวณให้น้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่จะให้ระยะทางที่เหมาะสม เราจึงเห็นค่ายรถส่วนใหญ่ใส่แบตมาราวๆ 50-80 kWh
เปลี่ยนกันขับ...
วิ่งต่อเนื่องเกิน 1000 กิโล ผมวิ่งประจำครับ
ดีๆ แข่งกันพัฒนา ให้โลกของเรากลับมาฟื้นฟูบรรยากาศให้สะอาด เพื่ออนาคตลูกหลานจะได้ไม่สำลักคาร์บอนไดออกไซด์
ตั้งแต่ใช้มือถือจีนมาอย่างหนักสุดๆ เปิด365วันไม่ปิดเลย แบตรอึดทนจริง ทำให้ผมเริ่มเชื่อถือจีนขึ้นมา80-90%
สำหรับไทย ระยะทางน่าจะต้องให้ได้ 600-800km ไม่น่าจะต้องไปถึงหรือเกิน 1000km
แต่ไปเน้นลดต้นทุนเพื่อลดราคาขาย น่าจะได้ผลตรงกับสิ่งที่ลูกค้าอยากได้
อีลอนมัสห์พูดถูก แต่สิ่งที่บริษัทจีนทำก็ไม่ใช่ไม่ดี เพราะเป็นเชิงประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
ถ้าใส่แบตมากเกินไป ก็แค่ไปเอาออกเพื่อลดต้นทุนแค่นั้นเอง
ที่น่าสนใจคือ เทคโนโรยีแบตเตอรี่ความจุสูง มันจะไปเปิดโลกสิ่งประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ใช่แค่เรื่องยานยนต์
ถ้าวิ่งเที่ยว ตะวันออก ไป เหนือ 800 กว่า มีค่ะ
แวะ แต่ ไม่นอนค้าง ระหว่างทาง
ต้องมีพลังงานเผื่อไว้ดีแล้ว
ถ้ายิ่งจีน แผ่นดินใหญ่
รถไฟฟ้ามีหลายรุ่น เลือกตามความเหมาะสมดีกว่าค่ะ
@@NARiCHY_RiCHY มันจึงกลายเป็นเคสพิเศษไปไงครับ ในมุมของมัสค์น่าจะหมายถึง ราคาขายมันจะสูงอาจจะทำให้แข่งขันยาก
ที่ดีคือแบตประจุสูง นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ถ้าเราพูดถึงไฟสำรองบ้าน, คอม รวมไปถึงแบตมือถือเอง มันเข้ามา Disrupt จนเราตกใจกะมันนะ
@@Nathan-SPR ไม่มีใครปฏิเสธสิ่งนี้ครับ ถ้าพัฒนาเทคโนโรยีแบต จะช่วยเปิดโลกการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ได้อีกมหาศาลเลย เป็นอะไรที่แบตรุ่นเดิมๆทำไม่ได้
ถ้ารถออฟชั่นไกล้เคียงกัน รถน้ำมัน 1ล้าน รถไฟฟ้า2.5 ล้าน ระยะการใช้งาน 10 ปี บวกลบคูณหารค่าซ่อมบำรุงค่าพลังงานรถน้ำมันก็ถูกกว่าอยู่ดี ปัจจุบันนี้ขอเลือกรถพลังงานน้ำมัน อนาคตไม่แน่รอไห้พัฒนาแบตเตอรี่ถึงขีดสุดก่อนและราคาถูกลงถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดี ตอนนี้ราคาแบตเตอรี่ 4/10 ของราคาตัวรถ
เยี่ยมไปเลย สุดยอด แจ่มจริงๆ
ในไทยจำเป็นที่ต้องวิ่งได้ 1,000 km ต่อ 1 การชาร์จครับ เพราะประเทศไทยหัวชาร์จน้อยมาก วิ่งขึ้นเหนือลงใต้ลำบากมาก
ความสำคัญอยู่ที่ความเร็วในการชาร์จ ถ้าต่อการชาร์จวิ่งได้300กิโลเมตรใช้เวลาชาร์จไม่เกิน10นาทีก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
เเจ๋วใช้จริง500+แน่ระยะทางกำลังดี แวะพักเหนื่อยก็ชาร์จ
สุดยอดไปเลย ทุกอย่างมันพัฒนาไปเรื่อย สักพักเราก็จะชินเหมือนกับเราใช้รถน้ำมัน
จะว่าทิ้งญี่ปุ่นแบบไม่เห็นฝุ่นก็ไม่เชิงนะครับ เพราะตัวนี้พัฒนาร่วมกับมิตซูบิชิ
เมื่อพัฒนาแบตเตอรี่วิ่งได้ 1,000 กิโล ต่อไปก็พัฒนาเรื่องน้ำหนักใครจะเบากว่ากันในแง่ความจุต่อน้ำหนัก
ทิ้งยังไงเค้าก็พัฒนาร่วมกันนิ้
อย่าพาดหัว ไม่ทิ้งฝุ่นยุนนะไม่ใช่ขอบชายเเดน
ญี่ปุ่นว่าที่สอง ไม่มีใครกล้าว่าที่หนึ่ง เพราะความหนาของแผ่นเหล็กหนาเกือบเท่าถุงพลาสติกแล้ว
ดีใจด้วย นำพี่ จีน ที่ทำสำเร็จ และเหนือกว่า ค้าย ญี่ปุ่นและอเมริกา
วิ่งได้ไกลมากดี แต่ขอให้แบตทน และราคาไม่แพงด้วยจะดีมากๆ กลัวจะเหมือนสินค้าอื่นของจีน ยังพังง่ายอยู่
ต้องชาร์จเร็วด้วยครับ
สมาร์ทโฟนจีนก็มาตรฐานระดับโลก อย่าเอาของตามตลาดมาเปรียบ ต้องเอาของเกรดเดียวกันมาเปรียบเทียบ แบตรถไฟฟ้าเขารับประกัน8ปี
ส่วนใหญ่ใช้ไปซ่อมไป
@@chamnankongkaeo1682 เฮ้ยมันไม่ใช่ของตามตลาดนะโว๊ยยย หัวเหว่ย ออปโป วิโว่ โลโนโว่ เสียวมี่ เรดหมี่ CTL DJI BYD ตงฟง ไฮเออร์ ฯลฯ พวกนี้แบรนด์ระดับโลกขายไปทั่วโลก
อุตสาหกรรมจีนคือคุณภาพจะต่ำกว่าทุกชาติและเกษตรไม่เคยผ่านออกจากแผ่นดิน🎈😁🧋
ง่ายๆเลยครับ ผมคนสุรินทร์ 1000กิโลเมตร ถ้าขับเข้า กทม. ผมชาร์จที่บ้านครั้งเดียวก็ถึง กทม.ละ คุณแค่แวะปั้มเข้าห้องน้ำ พักรถแค่นั้นเอง ประหยัดสุดๆ ถ้าจะเล่นรถอีวีอย่างแรกเลยต้องดู แบต วิ่งได้กี่กิโลเมตรต่อ ชาร์จหนึ่งครั้ง ติดตามครับ
ของคนไทยหายไปใหนหมด อยากให้คนไทยพัฒนาเองบ้าง พึ่งแต่ประเทศอื่นเอามาขายในไทยแพงมาก
อยากให้หลายๆความเห็นเปิดโลกให้กว้างครับ ยุคนี้ปี 2021 เลิกดูถูกจีนสักที เข้าใจว่าหลายๆคนผมเองก็โตมากับ softpower ญี่ปุ่น คนไทยมากมายจะมองว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เจ๋งที่สุดก็ว่าได้ ส่วนจีนเราโดนฝังหัวจาก propaganda ของโลกเสรีให้มองจีนด้านลบมากๆ พอวันนึงมีข้อมูลด้านบวกของจีนก็มักจะทนไม่ได้เป็นธรรมดา ยิ่งมาแซงญี่ปุ่นประเทศในดวงใจแล้วย่อมทนไม่ได้ ผมว่ายุคนี้เทคโนโลยีมันไปไวมากนะครับ ใครเรียนรู้ต่อยอด ปรับตัวได้ไว คือผู้ชนะ อยากให้คนไทยหลายๆคนเปิดใจกับสินค้าจีนให้มากๆ ลดอคติ หาข้อมูลมากๆ ครับ
ไม่มีใครดูถูกจีนก่อนนะครับแต่จีนต่างหากที่ทำตัวเองครับเข้าใจว่าของจีนถูกกว่าแต่พอซื้อมาใช้ดู มันพังไวมากไม่คุ่มค่าเงินที่จ่ายทำไม
ใช่มาแซงประเทศ AV ในดวงใจได้ไง
@@jumbo6613 อันนี้จริง ไม่คิดว่าแบรนด์ที่ดีที่สุดบางยี่ห้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่คิดว่าพี่จีนดีๆ ก็ยังแพ้ของเกาหลีที่รุ่นต่ำกว่า สเปคต่ำกว่าอีก เจอตลอดลุงหนวด นึกว่าเลือกของเกรดดีแล้ว แต่ก็ไม่วายมีปัญหา จนเริ่มขยาด จริง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เหมือน ญี่ปุ่น เริ่มพัฒนาเทคโนฯ ตัวเองช่วงเริ่มต้น..
สมัยก่อนพวกจีนแดงมันทำตัวเอง อย่าดูถูกคนไทยด้วยกันเองครับ ถ้าคนไทยโง่ให้คนจูงจมูกง่ายขนาดนั้น ประเทศไทยต้องเคยเป็นเมืองขึ้นบ้างแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยอมรับอยู่ว่าจีนเริ่มผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเข้ามาในตลาดมากยิ่งขึ้น ผิดกับสมัยก่อนที่ผลิตแต่สินค้าด้อยคุณภาพออกมาขายในตลาด เพียงเพื่อต้องการเงินไปพัฒนาประเทศ รัฐบาลจีนเองก็ไม่มีการควบคุมใดๆทั้งสิ้น ใครทำงานเข้าประเทศได้เป็นดี แต่ตอนนี้รัฐบาลจีนก็ส่งเสริมให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด เพื่อต้องการเป็นอันดับ 1.ทางเศรษฐกิจโลก
@@jumbo6613 คุณพูดได้ถูกที่สุดถ้าอันไหนจีนผลิตเองผมจะพยายามเลี่ยงไม่ซื้อ
เหตุผลที่ต้องทำให้รถBEVวิ่งได้ไกลถึงขีดสูงสุด 1,000กิโลเมตร ทั้งที่การขับขี่ปกติก็อยู่ที่ประมาณ500-600km ก็เมื่อยล้าประสิทธิภาพของผู้ขับก็อาจลดลง
.
1.เพราะแบตเตอรี่ยังมีขีดจำกัดเรื่องการชาร์จนานจึงต้องให้มีพลังงานเหลือๆเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงานจะไม่พอในการขับขี่ต่อเนื่องยาวๆ เพราะการขับขี่แต่ละคนไม่เหมือนกัน และระยะทางในห้องทดสอบกับนท้องถนนมันต่างกัน
.
2.จริงอยู่ว่าต่อ1การชาร์จเต็มของรถจะวิ่งได้ระัยะทางได้แค่ประมาณ500km และสามารถพักเติมพลังงานทั้งคนทั้งรถได้และชาร์จเร็ว แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรชาร์จเร็วบ่อยๆเพราะแบตเตอรี่จะเสื่อมไวกว่าการชาร์จธรรมดา การมีแบตเตอรี่ที่มีความจุเยอะจึงช่วยลดการชาร์จไวบ่อยๆได้ก็จะยืดอายุแบตเตอรี่ไปได้อีกหน่อย
.
3.พลังงานไม่ได้ใช้แค่การขับเคลื่อนปกติเพียงอย่างเดียว มันยังมีปัจจัยอื่นๆที่เป็นโหลดทำให้สิ้นเปลืองพลังงานกว่าปกจติอีก เช่น บรรทุกเยอะกว่าปกติ เปิดแครื่องปรับอากาศ ระบบฟังก์ชั่่นและอุปกร์ไฟฟ้าอื่นๆ ฯ
.
4.เมื่อใช้งานไปเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งแบตเตอรี่ก็จะประสิทธภาพลดลงกว่าตอนซื้อมาใหม่ๆ ระยะทางก็จะลดลงกว่าเดิม ดังนั้นถ้าวิ่งได้1,000km เมื่อเวลาผ่านไปอาจเหลือแค่800-900km และยังรวมปัจจัย1-3ข้างต้นก็อาจจะเหลือระยะทางวิ่งจริงได้แค่ 600-700km เมื่อใช้โหลดสูงสุด
.
แต่ประเทศไทยได้เปรียบเรื่องเส้นทางวิ่งบนถนนระหว่างจังหวัดยังสั้นกว่าหลายๆประเทศที่ต้องวิ่งระห่างรัฐ อย่างจีน อเมริกา แต่ก็จะมาเสียเปรียบเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนซึ่งอาจต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดการเดินทางและแบตเตอรี่อาจเสื่อมประสิทธิภาพไวกว่าประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น
ดีครับ! ชอบเทคโนโลยีนี้ครับ...
ดีมากถ้าขายในราคาที่จับต้องได้คงจะปังไม่ได้ดูถูกสิ่งประดิษฐ์จากจีนมันดูล้ำถ้าแบรนดังมีประกันหรืออะไหร่ศูนย์บริการที่ดีเข้ากันได้และทนทานจะดีสุดๆ แต่ที่เจอบ่อยคือมันปลอมแปลงไส้ในในแบรนที่ผลิตคล้ายกันคือลอกมาแต่หน้าตาแต่คุณภาพไม่กลางก็ต่ำ
กรุงเทพมหานคร-อุดรธานี ไป-กลับในการชาร์จครั้งเดียว ผมนี่โอเครเลย รีบผลิตมาไวๆนะ รออยู่
ดีมาก..ในฐานะผู้บริโภค สินค้าใครดี ราคาเหมาะสม เอาแบนนั้นจร้า
ผมพึ่งไปออกมา Kia EV6 วิ่งได้528เองครับ อยากดูรีวิว
คือยังไม่ค่อยไว้ใจคุณภาพจีนว่าจะวิ่งได้ 1000 Km จริง แล้วอายุการใช้งาน คงต้องรอการทดสอบยังไม่ต้องรีบ
ของจีนราคาถูก คุณภาพดี เหมาะกับตลาด Mass ในประเทศไทยเป็นอย่างสูง
ดีเลยครับผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์มากขึ้น และมีทางเลือกให้คนใช้รถยนต์ แต่รถยนต์ไฟฟ้าก้อไม่ได้ตอบโจทย์กับทุกอาชีพ
การพัฒนาเรื่องของความจุแบ็ตเตอร์รี่ของรถไฟฟ้าคงสามารถทำให้วิ่งได้เกิน 500 กม.แล้วเพียงแต่งยังไม่เปิดตัวออกมา..คงจะค่อย ๆ ผลิตออกจำหน่ายเมื่อคนหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากกว่าปัจจุบัน..จนถึงจุดคุ้มทุนมากกว่า
เมื่อถึงจุดที่สถานีชาร์จมีมากพอๆกับปั๊มน้ำมัน การแข่งกันเรื่องระยะทางของ ev ก็จะหมดไป ถึงตอนนั้น ระยะก็น่าจะอยู่ที่ 500 - 600 กม.โดยเฉลี่ย
ก็ลดขนาดแบตลงสิ รถน้ำหนักเบาลง ประหยัดพลังงานมากขึ้น การพัฒนาแบตก็ยังมีผลต่อไป
มันขึ้นอยู่กับความเร็วในการชาร์จซะมากกว่า ปัจจุบันถ้าชาร์จได้เร็วเหมือนเติมน้ำมัน มันคงเกิดไปแล้ว มองในมุมเหมือนมือถือได้ครับ ยังไงการใช้ได้นานกว่าก็ยังดีกว่าอยู่ดี
@@kowitchansungnern6283 _iu
เวลาในการชาร์จ มีส่วนสำคัญด้วย
ถูก ถ้าช๊าต5นาทีเต็ม รถวิ่งได้ 300โลก็ยังใช้ได้ไม่มีปัญหา
ใช่ครับ การตลาดจีนแซงญีปุ่นแต่คุณภาพจะเทียบเท่าญี่ปุ่นหรือไม่เวลาในอนาคตเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะอยู่หรือใครจะไปครับ
ไม่นานหรอก รอเวลา
ถามหน่อย มีข้อมูนเกี่ยวกับ แบัดหมด แล้วมีบันหาไหม?
มีแบตเยอะๆ ดีครับ ไม่ใช่เอาใว้วิ่งใกลอย่างเดียว ชาร์จไม่บ่อยจะไถ้รักษาแบต
สำหรับคนทุนน้อยอย่างผมอยากได้
วิ่งพันกิโลต่อชาร์จเผื่อไปต่างจังหวัด
ร้อยกว่ากิโลต้องพักอยุ่แล้วแต่ถัาวันไม่ได้ไปต่างจังหวัดก็ใช้ใน
กรุงเทพแบตเหลือ25-30%ค่อยชาร์จ
อาทิตย์ชาร์จครั้งยิ่งดีแบตจะได้ใช้ไปนานๆ
ผมขับรถน้ำมันใช้ความเร็วประมาณ 90-80 วิ่งยาว 12 ชม.จอดเติมน้ำมันไม่ถึง15 นาทีก๋ขับต่อเพราะวิ่ง นนท์ - น่าน
ถ้าขัยรถไฟฟ้า สงสัยใช้เวลา ไม่ตำกว่า 15-17 ชม.แน่เพราะต้องคอยเติมไฟทุก 200-250 กม.(วิ่งหลบสายเก่าไปออกเลี่ยงเมืองนครสวรรค์รับคนที่บรรพตวิ่งมาออกทางโพทะเลออมไปน่านรวม700โล)
สุดยอดค่ายจีน ญี่ปุ่นกำลังถอถอยด้านยานยนต์แน่นอน และค่ายุโรปอเมริกา หากค่ายไหนทำแบตเตอร์ที่ดีที่สุดจะเป็นมหาอำนาจแน่นอนซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจีนทำได้กดีและทำได้ก่อนใคร แน่นอน เพราะจีนเค้าเอาจริงโซลาเซลล์ที่ผลิต หรือแบตทั่ว ๆ ไป ไฟ LED ก็ผลิตที่จีนหมด
ผมก็เชื่อว่าจีนทำได้ครับ เทคโนโลยีเกือบทุกอย่างในโลก อยู่ที่จีนหมดแล้ว อะไรที่จีนสามารถทำได้เรานึกไม่ถึงเลย รอแค่การพัฒนาแบตเตอรี่ รอสั่งสมประสบการณ์ ผลิตภัณฑ์จากจีนถ้าจะทำให้ดี เค้าทำได้แน่นอน ความเสถียรความทนทานก็ทำได้แน่
แน่นอนว่าจีน มีหลายๆอย่างทีพร้อมกว่าประเทศอื่น แต่อย่างไรก็ตาม product มันมีหลาย segment
จีนจะได้ market share รุ่นที่ ราคาเป็นตัวตัดสินใจ เหมือนมือถือนั่นแหละ ซึ่งจีนก็ยังไม่ด้เป็นมหาอำนาจ แต่อย่างใด
แต่ high end แล้ว US ยังคงเป็นผู้นำ
ระยะทางที่วิ่ง ก็เป็นตัวตัดสินใจแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น วิ่งได้ไกล ราคาก็สูงขึ้น นัำหนักก็เพิ่มขึ้น ทำให้กินไฟเพิ่มขึ้น ชึ่งไม่ optimize สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการระยะทางที่ไกลมาก
ลองคิดดู รถน้ำมัน วิ่งกี่โล ต้องแวะปั้มเพื่อหยุดพัก ชีวิตจริงมันไม่ได้ต้องการเยอะขนาดนั้น
คหสต ได้ซัก 400-500 กม จาก full charge ผมก็ ok แล้ว
แต่ถ้ารถจีน ราคาดีใน รุ่นประมาณนี้ก็น่าสนใจอยู่ แต่ก็กังวนในเรื่องการใช้งานระยะยาวอยู่
นะนะ แชร์ความคิดเห็นกัน
@@Countryman.Lifestyle101 +1 ทำได้กับใช้งานได้จริง มันต่างกันจริง ๆ ครับ ความปลอดภัยความทนทาน การบริการ และอื่น ๆ จีนยังต้องพิสูน์ตัวเองอีกเยอะในด้านตลาดรถ เพราะรถยนต์มันไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ มันยังมีอะไรตามมาอีกสารพัด แต่ยังไงก็เป็นเรื่องดีที่มีจีนมาเป็นคู่แข่งพัฒนาแข่งกันสุดท้ายผลดีก็ตกกับผู้บริโภค.
ดีๆ ต่อไปพัฒนาระบบระบายความร้อนจากแบตให้เหมาะกับเมืองร้อนด้วย
จะรอEVญี่ปุ่น... ความเสถียรและทนทาน ไม่จุกจิก ยังไว้ใจญี่ปุ่นเหมือนเดิม จะรอ...
ผมว่าในยุค EV ค่ายไหนก็ไม่ต่างกันครับ เพราะระบบมันจะเหมือนกันหมด
ความเสถียรที่ว่าน่าจะซอฟแวร์ เพราะความเสถียรรถจีนไม่ถึงขั้นห่วยแต่ใช้งานจริงไม่ค่อยได้ ไม่ทันใจ อันนี้ไม่ได้เทียบกับรถญี่ปุ่นแต่เทียบกับเทสล่าที่พัฒนามาก่อนหลายปี
โลกเปลี่ยนไปแล้วยอมรับทุกวันนี้จีนทำได้ทุกอย่าง
@@user-im4fm4ul7g เทคโนโลยีจีนไม่ธรรมดานะครับ ไม่งั้นอเมริกามันจะกลัวจีนทำไม ทำทุกวิถีทางที่จะแบนการค้าของจีน ของจีนมีตั้งแต่เกรดต่ำ เกรดกลาง และเกรดพรีเมี่ยม อยู่ที่ว่าเรามองเห็นตลาดแบบไหน
@@user-yr9xc2xl9y ลองยกตัวอย่างยี่ห้อที่เสถียรของจีนหน่อยค่ะ พอดีไม่เคยเจอ
ผู้ใช้รถทั่วโลก กำลังรอคอยรถ EV ที่ค่ายรถต่างๆ ขับเคลื่อนแข่งกัน ไปสู่ยานชนิดวิ่งได้ไกลมากๆในการชาร์ทแบ๊ตครั้งเดียว ค่ายไหนทำได้ชนะแน่นอนครับ
เทคโนโลยีแบต ใครทำได้คนนั้นครอง
วิ่งได้ไกลคือธงแรก ธงต่อไปน่าจะเป็นขนาดแบต คิดว่าทุกค่ายทำได้หมดวิ่งไกลเกิน 1000โล แต่บรรทุกมากเกินไป
โอย!..ตั้งแต่ดูข่าวรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้ามานี้5ปีแล้วบ้างก็บอกว่าวิ่งได้200กม.,300กม.,500กม.ต่อการการชาร์จครั้งจนป่านนี้ไม่เห็นมีรายใดทำมาขายเลย มีอยู่1 ค่ายคือนิสสัน ก็หายจ้อยไหนแล้ว ที่เห็นใช้อยู่เต็มถนนทุกวันนี้ก็ล้วนแต่ใช้"น้ำมัน"ทั้งนั้นแหละคุณเอ๊ย
MG ZS EV, MG EP , Ora good cat ยอดจดทะเบียน 3,600 คันละ
สวยมากๆครับ สูงยาวขาวดี
ถ้าวิ่งได้1000กม.จริงๆ จะต้องขายดีแน่นอน เพราะจะได้กลับมาชาร์จแบตเตอรี่ตอนกลางคืนที่บ้าน ค่าไฟฟ้าถูกด้วย และยังทำให้อายุแบตเตอรี่อยู่ได้ทนทานหลายปีขึ้นไปอีก (ถ้าเปลี่ยนเป็นหม้อไฟฟ้าTOUค่าไฟฟ้ายิ่งถูกลงอีกครึ่งหนึ่ง)
หม้อไฟtouคืออะไรครับ
แบตวิ่งได้พันโลจะแพงกว่าแบตวิ่งได้500 โลมาก
@@user-xv6th1vx9k การคำนวณไฟอีกรูปแบบนึง ที่สามารถขอใช้งานได้ ค่าไฟจะถูกช่วงกลางคืน จะแพงช่วงกลางวัน ถูก/แพงเทียบกับค่าไฟเรทปกติ
มันได้ไม่ถึง 1000 กม. หรอกเพราะวัดแบบ nedc
ช่วยเอาข้อมูลรถ rivian r1s usa วิ่งได้ 1000 up มาแจงหน่อยครับ
ใช้เวลากี่นาที charge battery จึ่งเต็ม
500 km. คนขับอยากพักจริง แต่อยากพักแค่แปปเดียว ไม่อยากจอดชาร์ทไฟนานเป็น ชม.ครับ ถ้าวิ่งได้ 1000 km. แล้วจอดฉี่ จอดพักกินกาแฟเฉยๆ สัก 10-15 นาที เยี่ยมเลยครับ
สวยๆๆๆ ไฟท้ายยาวสวย วิ่งยาวสบายเลยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตจะหมดกลางทาง ลดความเสีายงว่าจะมีสถานรีชาร์จไหม จะเสียหรือเปล่า แบตจะแพงไหม เดี่ยวมาระเบิดรถอีก แต่เข้าไทยคงจะถูกก่าเทสล่านะ
ยังไงก็หมั่นใจเจแปนครับ ของเขาต้องหมั่นใจสุกถึงจะปล่อยออกมาวิ่งบนโลกใบนี้ เกิดมาก็เจอแต่รถเจแปนกับเยอรมัน ยุโรบเมกาจีนเพิ่งวิ่งตามาแต่แบบแรงๆ แต่มันแรงและเร่งไปครับน่ากลัวไป ญี่ปุ่นเขามีของดีอยู่แล้ว
ในโลกนี้ใครเขาจะมาใช้รถยนต์จีนแน่นอนเพราะ ดีกว่าประเทศอื่นและจะต้องไม่มีใครชื้อเพราะราคาแพงกว่าของจีน นี้ละประเทศที่จะเป็นมหาอำนาจของโลก สุดยอด ไม่มีใครเทียบได้.
ไทยเรากำลังจะผลิตแบตเทพใช้ โดยนับชม.เป็นเกณฑ์ ชาร์จไฟ1ครั้งวิ่งได้5ชม.
สุดยอดครับๆๆ
คนใช้ได้ประโยชนครับ
ชอบไรเลือกเอาครับ
อ้อคะ ญี่ปุ่นเค้าก็ทำได้ ใครก็ทำได้ แต่ทำให้มันถูกมันยากกว่าค่ะ
ติดตามครับ
ญีปุนกำลังพัฒนารถสันดาบอยู่เลย
aion lx plus จะขายไทยไหมครับ
ถ้าวิ่งได้800/1000 กม และใช้ได้8/10ปี ราคาแบตไม่สูงมาก มีหวังมาแรงแน่ คนพร้อม มีเงิน ใช้ก่อนแน่นอน เมืองใหญ่ควรใช้ก่อน คน ตจว ที่มีเงิน น้อย รอไปก่อน ใครมีเงิน จัดไป
มาตราฐาน NEDC เป็นค่าประมาณระยะทางเกินจริงไปหน่อยนะครับ ถ้า1000กิโลวิ่งจริงเติมที่น่าจะ700-800กิโล ต่างจาก WLTP ที่น่าจะใกล้เคียงกว่านะครับ
สถานีชาร์จไฟอยู่ไหน ละจ๊ะ
ไทยเราพัฒนาถึงไหนแล้วครับ. อยากเห็นพี่ไทยสายพันธุ์ไทยเพราะฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกคำนี้ยังใช้ได้อยู่มั้ยนะ...รออยู่นะครับ
เรื่องเทคโนโลยีแบตเตอรี่ไม่อยากเชื่อจีนมากนัก ทำได้แล้วไม่รู้ว่าระยะยาวเป็นยังไง เคยมีประสบการณ์กับสินค้าจีนที่ใช้แบตเตอรี่หลายๆอย่าง ใช้ได้ไม่ทนครับ เสื่อมเร็วมากๆ
เป็นสินค้าจีน ชิ้นแรกที่ผมสนใจ
Aion เท่าที่ดูช่องอื่นมา ออกเสียงเป็น 2 พยางค์นะครับ ไม่ใช่ออกเสียงพยางค์เดียว ลองเช็คดูครับ
สุดท้าย เดี๋ยวเทสล่าก็ต้องมาทำ 1000 กม. ต่อการชาร์ตอยู่ดี แค่ตอนนี้เทคโนโลยีกับราคายังไม่สมเหตุสมผล แต่ระยะที่ถือว่าไว้ใจได้ น่าจะอยู่ที่ 1000 กม.นี่แหละ และถ้าจะเป็นรถที่ใช้งานได้จริง(แทนรถน้ำมันได้) ก็ควรมีระยะต่อการชาร์ตไม่ต่ำกว่า 600 กม. ถ้าต่ำกว่านั้น ผมยังเห็นว่า เป็นแค่ของเล่น และจะตกรุ่นในไม่ช้า ผมว่า ระยะความถี่ที่คนจะชาร๋ตรถแล้วไม่รู้สึกรำคาญเป็นภาระ น่าจะอยู่ที่ 1 สัปดาห์ต่อครั้ง ดังนั้น 1 สัปดาห์ใช้รถกี่กิโลเมตร ก็คูณ 1.5-2 เข้าไป อันนั้นน่าจะเป็นระยะที่เหมาะสม สำหรับรถที่จะมีไว้ใช้งานจริง โดยไม่ต้องมีรถคันอื่นสำรองให้ลำบาก
พัน..ก.ม...สุดยอดมาก...ดีแล้ว..ไทยเรา..จะได้ไม่ต้องซื้อ..รถ.ยุโรป..ที่มี.ราคาแพง..ขอ.เตือน..ทุกๆคน..อย่างเพิ่ง..ซื้อ.รถที่ใช้.น้ำมัน..อีกหน่อย..จะกลายเป็น..เศษเหล็ก..
ได้อ่านข่าวรถรุ่นนี้แล้ววิ่ง 1000 กม. ราคาในจีน 1.8 ล้านบาท(349,600 หยวน) มาไทยก็ตีสะ 2.6-3.0 ล้านบาทอัพ ราคานี้ต้องคนมีตังส์ ถ้ามาราคาเท่านี้ คนเค้ามองว่าซื้อรถ EV แบรนด์ยุโรปที่วิ่ง 4-500 กม.ได้
ตัวเริ่มต้นครับราคานี้ วิ่งไม่ถึงพัน ตัวพัน เกือบ 3 ล้าน แต่ก็มาเถอะวิ่งได้แบบนี้ยังไงก็ขายได้
สอบถามหน่อยครับสรุปภาษีที่จีนต้องเก็บหรือไม่เก็บผมยังงงอยู่เลย
@@mmt9689 ภาษีน้ำเข้า0%แต่อย่างอื่นยังเก็บอยู่
ชาร์จ แต่ละครั้ง ค่าใช่จ่ายประมาณเท่าไรครับ.
จีนสุดยอดจริง ไทยเราเมื่อไหร่จะมี
รถไฟฟ้าจากจีนกําลังมางานนี้
ถ้าญี่ปุ่นวิ่งได้ 700 จีนวิ่งได้ 1,000 ขอเลือกญี่ปุ่นดีกว่า เพราะมั่นใจในคุณภาพญี่ปุ่น
โลกเปลี่ยนไปแล้วครับ.
โลกไปถึงใหนแล้วยังอยู่ที่เดิมอยู่เลย
"สิทธิของคุณ" เงินคุณ ไม่มีใครบังคับคุณได้หรอกครับ
แบตเตอรี่ชุดละเท่าไหร่ครับ 2-3ปีเปลี่ยนที คุ้มมั้ยครับ เมื่อเทียบกับน้ำมัน เพราะมันไม่ได้ใช้แต่ไฟฟ้ามาชาร์จนะครับ มันใช้แบตเตอรี่ด้วย ซึ่งต้องเปลี่ยนทุก2-3ปีและไม่สามารถทนใช้จนเสื่อมเท่ารถน้ำมันได้เพราะรถน้ำมันใช้แบตแค่ตอนสตาร์ท ใช้จนรถสตาร์ทไม่ติด3ปีค่อยเปลี่ยนก็ได้ แต่รถไฟฟ้าไม่ไช่นะครับ เพราะในทุกๆค่าความเสื่อมหมายถึงรถจะวิ่งได้ระยะทางน้อยลง ซึ่งคงไม่มีใครทนใช้ได้ถึง3ปีแน่ เพราะระยะทางมันจะลดลงเรื่อยๆ ลองบวกลบคูนหารดูซิครับ เปรียบเทียบดู ระยะเวลา2-3ปีอะไรประหยัดกว่า ในอีกไม่นานเราจะได้เห็นคนเอารถไฟฟ้ามาขายเป็นเศษเหล็ก เพราะรับภาระค่าแบตเตอรี่ไม่ได้ ต้องควักเงินก้อนใหญ่เกือบเท่าราคารถใหม่เลย
เบนช์วิ่งได้มาก
ยิ่งขับได้ไกลขิ่งดี ล้าเมื่อยหยุดพักก็ใช่ว่าจะได้ชาร์จแบตเสมอไป หยุดรถทานอาหารระหว่างทางจะให้จอดทานแต่ที่ปั๊มน้ำมันหรือตามห้างคงไม่ใช่ จุดชาร์จตามตจว.ยิ่งไม่ค่อยมี ยิ่งวิ่งได้ไกลยิ่งวางแผนการเดินทางได้ยืดหยุ่น แต่ก็ต้องขึ้นกับประสิทธิภาพแบตและราคาค่าเปลี่ยนในอนาคตด้วย
มันต้องพัฒนาสถานีการชารจ์ให้ชาร์จได้เร็ว
เร็วขนาดไหนเหรอ... ลองคิดดูตอนที่เราขับรถไปเติมน้ำมันตามปั๊มทั่วๆไป..เราใช้เวลาเติม
น้ำมันเท่ารั่ย...ถ้าการขับรถเข้าสถานีแล้ว
ชารจ์ไฟได้เต็ม100% พอๆกับการเติมน้ำมันเมื่อรั่ย เมื่อนั้นครับ รถน้ำมันจะค่อยๆหมดไปแน่นอนครับ😁😁😁
ราคาน่าจะพอได้
ถ้าเป็นจีนราคาไม่สูง
ถ้าเป็น Tesla. เกือบสี่ล้าน ห้าล้าน เฮ้ออออ
สำคัญคือ มาได้ใช้เมื่อไหร่ ราคาบางกลุ่มเค้าก็พร้อม จะเท่าไหร่
ต่อไปต้องเพิ่มมาตราฐานให้เยอะขึ้นอีก รถไม่ได้มีไว้ขับอย่างเดียว ถ้าแบตเก็บไฟได้มากมันมีข้อดีเยอะมาก เราสามารถใช้ไฟฟ้าในรถเพื่อทำกิจกรรมต่างๆนอกสถานที่ได้มาก เช่น ไปกางเต้นค้างแรมที่ท่องเที่ยวได้โดยมีไฟจากรถใช้ทำอาหาร เปิดไฟ ทำงานอะไรต่างๆได้ไม่ต้องไปขอใครใช้ไฟหรืออาจจะหาไฟไม่ได้ นี้คือเหตุผลที่ต้องเผื่อไฟในแบตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่แค่ใช้วิ่งไกลแต่เพื่อใช้ไฟทำอย่างอื่นได้ด้วย
คคฤ
ถ้าสร้างหุ่นยนต์ไปลงดาวอังคารได้ก้อทำได้หมดแหละ จีนคืออนาคตโลกไปแล้ว
1000เลขสวยอุ่นใจดีแต่ไม่งั้นก็สัก800ต้องเยอะๆไว้ก่อน 600รู้สึกยังน้อยไป
พัฒนาไปล้ำจริงๆ
น่าสน
500-600 km ก็น่าจะพอ ถ้าการชาร์จใช้เวลาน้อยลง
วิ่งได้ 1,000/ charge เหมาะกับเมืองไทยมาก เพราะ สถานีเติมยังไม่สมบูรณ์ ทั้งจำนวนจุด และกำลังไฟ อีกทั้งการให้บริการตามสถานี
ถ้าเกิดวิ่งจริงได้ 800 กม ก็ยังคือว่าโครตเจ๋งอยู่ดี
ผมคิดว่าปัญหาอยู่ที่สถานีชาร์จนี่แหละครับยังไม่ครอบคลุมเท่าไรถ้าไปเขตนอกเมืองนี่แย่พอตัว
แต่ซัก5-10ปีอาจจะคลอบคลุมทั่วประเทศยังไงก็คุ้มค่าจริงๆนะรถไฟฟ้าเนี่ย
ถ้ามี Arc Reactor ใช้เป็นพลังงานรถได้คงจะดีเนาะพี่🤗
โทนี่ทำมา สิบกว่าปีละครับ
ซื้อแล้วจะไปชาร์จไฟที่ไหนเมื่อยังไม่ถึงจุดหมาย เมื่อระบบไฟฟ้าเสียหรือเสื่อม มีช่างแก้ไขได้หรือไม่(ช่างไทย)
แบตฯยังไม่พ้นความเสี่ยงและยังไม่น่าจะดีพอ เพราะข้อมูลแบตฯน้อยและรวมการทดสอบความปลอดภัยเรื่องแบตฯ รอฟังครับ.
ควรทำแบตแบบยกเปลี่ยนได้ (ยกเข้าออกโดยอุปกรณ์ช่วยยกออกและใส่เข้าโดยเทียบรถเข้าจุดเปลี่ยนตามสถานีบริการ) คล้ายๆจุด swap ของ ปตท. ที่ใช้กับรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า จะทำให้สะดวกรวดเร็วขึ้น
เหมือนโฆษณาในไทยหรือเปล่าครับ ที่บอกว่าน้ำมัน1ถังวิ่งได้300กิโล แต่ต้องวิ่ง60กิโลเมตร
battery หยุดพัฒนามานาน ตอนนี้รอ ไฟฟ้า อีกไม่กี่ปี
1 การชาร์ท มันกี่ ชม ครับพี่
ราคาคุยป่าวครับ bmw ix วิ่งอย่างเก่ง560 ต่อ1การชาร์ด
เวล ว่างๆลองคิดดูซิว่าพวกที่ทำ เบต ไม่ว่าญี่ปุ่น จีน ยุโรป คุยกันจัง โซลิดสเตด ด้วยแล้ว เทสล่า ตายแน่ๆเลย คุณคิดอย่างไร งวดหน้าทำเรื่องนี้ทีผมชอบดูมาก ฟังจนงงแล้ว ผมมีความคิดว่าจะซื่อ เทสล่า ต้องรอให้ Texas เปิดสักพักก่อน สั่งแล้วคอยนานมันหงุดหงิด ว่ามั้ย เห็นคุณ Blink โชคดีได้มาแล้ว ถ้าไมใช้ไปให้เช่าก็ได้ ผม 75 แล้ว แต่ชอบรถ
ดีครับ รอดูพัฒนาการของรถยนต์ไฟฟ้าต่อๆไป ทำได้ดีกว่านี้แน่นอนครับบ
Ultra Fast Charge ของรถบัส EA ก็ไม่น้อยหน้าครับ จาก 0% >>> 80% ใช้เวลาแค่ 15 นาที อันนี้ CEO นำเสนอใน oppday บริษัทเองเลย
เติมน่ำมันเร๋วกว่าครับ ไม่ได้ประหย้ดอะไรมากมาย
แลกกับค่าตัวรถ
เราว่านะ..ไทยควรวางมาตรฐานต่างๆ ไว้ให้ดี ก่อนที่รถไฟฟ้าจะมาเต็มรูปแบบ เช่น 1.มาตรฐานของหัวชาร์จ่ายไฟฟ้าสาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะในเมือง นอกเมืองต้องมีมาตรฐานเดียวกันหมด รองรับรถไฟฟ้าทุกชนิดได้ดี และชาร์ไฟฟ้าได้เท่าๆ กัน ไม่ใช่มีหลากหลายมาตรฐาน จนผู้บริโภคปวดหัว แย่งกันชาร์ 2. ระบบสำรองไฟฟ้าในรถแต่ละคันควรกำหนดมาตรฐานในผลิตเอาไว้ รถแต่ละคันควรมีระบบสำรองไฟเท่าไหร..ไม่ใช่มีหลากหลายไปหมด ใครทำเก็บได้มากยิ่งดี วิ่งได้ไกล ไม่ต้องมาเติมไฟ มันจะไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมในการผลิตเลย 3. รัฐควรสร้างมาตรฐานต่างๆ เพื่อรองรับการมีของรถยนต์ไฟฟ้า จะโดยร่วมกับภาคเอกชน เพื่อการเติบโตที่รวดเร็ว รวมถึงการกำจัดขยะจากรถสันดาบ ที่ต้องนำไปรีไซเคิล ซึ่งประเทศเรายังไม่มี ถ้าทำได้ขยะเหล่านี้จะรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ หรือจะนำรถเก่าไปแลกรถใหม่เป็นรถไฟฟ้า เติมเงินนิดหน่อย ก็จะลดPM2.5 ลดเสียง ลดคาร์บอน สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ได้มากมายเลยทีเดียว