ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
คุณสมภพเป็นนักจิตวิทยาที่อธิบายแล้วเห็นภาพเลยครับ ผมเองก็เคยคุยกับนักจิตวิทยาชื่อพี่ฝ้าย เขาเป็นคนที่สวยและน่ารักมากเลย แล้วเขาก็ดูจะชอบผมด้วย แต่ว่าไม่ได้ขอเบอร์กันและกันไว้ พอผมออกจากโรงพยาบาลก็เลยไม่ได้ติดต่อกันอีก ทุกวันนี้ผมเป็นคนพิการทางสมองและสติปัญญา แถมป่วยเป็นโรคจิตเวชด้วย ต้องรับประทานยาเช้าเย็น เป็นยาที่ช่วยควบคุมอารมณ์ ให้มีอารมณ์เป็นปกติ ควบคุมสารเคมีในสมองให้เกิดความสมดุล ยานั้นมีคุณอนันต์ แต่ถ้าใช้ผิดก็มีโทษมหันต์ ผมว่าคุณสมภพท่านน่าจะเป็นนักปฏิบัติธรรมนะ ถ้าท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมท่านน่าจะบรรลุธรรม เป็นนักจิตวิทยาที่บรรลุธรรม
คนไม่รู้พุทธ ไม่ศึกษาพุทธศาสนาเพิ่มเติม เรียกว่านับถือแต่ตามๆกันมาตามทะเบียนบ้านจะฟัง podcast นี้ได้เข้าใจยากมาก จิตน่าจะหลุดลอยไปเยอะเลยขนาดอาจารย์ท่านสอนจิตวิทยา ท่านยังศรัทธาพุทธศาสนาอย่างสุดซึ้งเลย
สภาวะทุกข์ ( สุข ) สภาวะสุข ( ทุกข์ )เข้าใจทุกข์สุขถาวร ยึดมั่นสุขประเดี๋ยวประด๋าวก็ทุกข์ถาวร เพราะว่ามันเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา แม้คอมเม้นนี้ก็ไม่เที่ยงเป็นสมมติบัญญัติ ไม่ควรคิดเยอะยึดมั่นถือมั่น อาศัยแค่ความเข้าใจและปล่อยวางลงได้
🙋♀️🙋♀️ เราฟังแล้วก็ชอบและเข้าใจคำอธิบาย แนวคิดนี้ 👍
11:16 คนพุทธที่ทำบุญเยอะๆ เพื่ออยากสะสมแต้มบุญ (เก็บไว้ตรงไหน?) อยากไปสวรรค์-ไม่อยากไปนรก อยากนิพพาน-ไม่อยากเกิดอีกชาติหน้า อยากหมดกิเลสแบบสิ้นเชิงไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว อยากพ้นทุกข์อย่างถาวรไม่กลับมาทุกข์อีกเลย อยากถามว่า ความอยาก-ไม่อยากเหล่านี้ เป็นความปกติ หรือไม่ปกติ(ป่วย) ในทางจิตวิทยาหรือเปล่าครับ ?
เป็นได้ทั้งปกติและไม่ปกติ คนที่จะเข้าถึงนิพพาน ก็จะมองเห็นเชื้อโรค ทีดีและไม่ดี สู้กันเป็นเพียง เวทนา หรือ เบื่อหน่าย เขาถึงเลือกสายกลางเป็นที่สิ้นสุด ดีก็ไม่มี ไม่ดีก็ไม่มี ไม่ทุกข์ ไม่สุข วางอยู่ เฉยๆถ้าตามจิตวิทยา ทิ้งทั้งปัญหาทิ้งทั้งพาละที่แบกออกให้หมด หนีในการต่อสู้ขัดแย้งไม่สิ้นสุดนั้นเอง 😁✌
ในที่สุดก็มีคนที่คุยด้วยเหตุผลมีการตั้งคำถาม ไม่ใช่เข้ามาอวยอย่างเดียว เยี่ยมครับ
มันคืออุบายเบื้องต้น ในการละกิเลสของมนุษย์ แต่ภายหลังถูกตีความโดย ตั้งใจหรือความไม่รู้ ของคนที่มีความโลภ จึงทำให้เข้าใจผิด หรืออยากให้คนมาทำบุญเพื่อที่จะได้เงิน (บางสถานที่นะครับไม่เหมารวม) จึงให้ข้อมูลผิดๆ ธรรมชาติของคนเกิดมาก็มีความโลภ โกรธ หลงติดมาด้วย พอโดนกระตุ้นก็ไปใหญ่เลย แต่ความจริงผิดหลักพระพุทธศาสตร์นะครับ
ใช่ครับ เป็นการฝึกล่ะกิเลสภายใน เป็นอุบายปัญญา หากคนที่มีปัญญาจะเห็นได้เป็นขั้นตอน ที่มาสลับและซับซ้อน อาศัยเกิดเพื่อให้ดับทุกข์มนุษย์สามารถ ยับยังช่างใจเอาชนะใจตัวเองได้ และจะหันมาทำเพื่อคนอื่นมากกว่าทำเพื่อตนเอง
หลวงพ่อชา อธิบายเรื่อง นรก- สวรรค์ ไว้ง่ายๆ แบบนี้:เมื่อเราไปทำบุญทำทาน, ให้อภัยคนที่ทำให้เราโกรธ, อยากให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ...เราจะมีความรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์ถ้าเราอยากมีโน่นมีนี่ ไม่ได้แล้วโกรธ คิดแต่จะทำลายคนอื่น, ไปโกงเงินเขามาแล้วกลัวตำรวจจับ ....เราก็เหมือนอยู่ในนรก.
ขอบคุณค่ะสิ่งนี้มีประโยชน์ ช่วยหนูได้มาก
สภาวะจิตนิ่ง คือล้มกระดานเหตุและผล ต้นเหตุของทุกข์ สุขล้วนมาจากเหตุและผล คำถามเล็กๆ และการแก้ไขปัญหาในสมอง นั้นคือผิดทาง ปัญญาไม่ได้เกิดจากการตั้งคำถาม และหาคำตอบ แต่เกิดจากการ ได้พักผ่อนอย่างเหมาะสมของจิต บางครั้งอาจเป็นการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆได้เลย ไอนสไตน์ตอนคิดค้นทฤษฎีย์สัมพันธภาพ กาลิเลโอคิดกฏแห่งแรงโน้มถ่วง เขาอาจอยู่ในสภาวะว่างจากความคิด ไม่มีเหตุมีผลในใจให้วุ่นวายก็ได้ เพราะสองทษฎีย์ที่กล่าวมา คือล้มล้างความเชื่อ งานวิจัย ในอดีตทั้งหมด นี่คือความนิ่งแบบธรรมชาติ แต่ทางพุทธศาสนา สภาวะนั้นฝึกปฏิบัติได้ เมื่อถึงขั้นแยกสภาวะได้ ก็จะเห็นอาการ คือเห็น ทุกข์ สุข หรืออารมณ์ ต่างๆ เป็นแค่อาการหนึ่ง โดยมีจิตเป็นผู้เฝ้าดู และไม่มีความพยายามไปแก้ไขอะไรทั้งนั้น สิ่งเหล่านั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามธรรมดา ปัญญาจะมาตอนที่จิตว่างละครับ
นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้น ไม่ได้ล้มกระดานของเหตุและผลครับ เขายังมีเหตุและผลอยู่เสมอ. เพียงแต่เขาได้คำตอบ ในขณะที่พักผ่อนอยู่. เพราะสมองของคนเรา สามารถประมวลผลได้ในขณะที่เราเองไม่รู้ตัว (background processing). ซึ่งจะเกิดจากการที่เรารับรู้ข้อมูล ขบคิด มากจนถึงระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังคิดไม่ออก แล้วคนผู้นั้นหยุดพักผ่อนก่อน. แต่สมองยังทำงานอยู่ และพอสมองสามารถเชื่อมโยง/ข้อมูล เหตุผล ที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ได้แล้ว , ผลคือ การคิดออกแบบปิ๊งแว้บขึ้นมา. ทางจิตวิทยาเรียกว่า intuition. ถ้าคิดออก ในขณะที่กำลังขบคิดอยู่ ก็เป็นแบบ intellect. แต่ถ้าเป็นระบบอัตโนมัติที่แทบไม่ต้องคิดอะไร ก็คือ instinct (เช่น มือโดนของร้อน แล้วรีบชักมือออกทันทีโดยอัตโนมัติ).
Examinator ล้มกระดานคือ กุญแจ ของเรื่องทั้งหมด ถ้าไม่ล้ม ก็เหมือนพายเรือในอ่าง มีคำถาม ก็ต้องมีคำตอบ มีคำตอบ ต้องมีแก้ปัญหา ก่อเกิดเรื่องราวยุ่งเหยิง ลิงแก้แห จะเอาเวลาที่ใหนให้จิตพักผ่อน ปัญหาคือ จะต้องฝึกอุบายยังไงให้ล้มกระดานได้ ถ้าเราทำลายกำแพงได้ ปัญญาจะเกิดขึ้นเอง
Examinator มรรคมีองแปด ข้อแรกคือเห็นชอบ ถ้าเห็นชอบ มันก็จะไปตามทางของมัน ตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธะเจ้าครับ
อื..อ่านแล้วเข้าใจต่างกันตรงทุกข์สุขอะไรต่างๆนาๆที่ว่ามานั้นละ..แต่จริงๆ(จริงแบบฉันนะ)ท่านให้กำหนดรู้แต่ทุกข์เท่านั้นไม่ใช่หรือจึงจะเห็นสมุทัยได้..ฮือ..แต่ก็ใช่เนาะสุขๆดูอาการมันไปก็ใช่เนาะ..จบๆผิดตรงใดก็ขออภัยไว้นะ
@@เห็นอยากไม่ตอบ ทุกข์ สุข เศร้า โกรธ ล้วนมีอาการของมัน แต่อาการทุกข์จะเห็นง่ายที่สุดครับ พระพุทธองค์จึงนำมาเป็นอุบายก่อนอันดับแรก พอเห็นทุกข์ แต่ไม่เป็นทุกข์เพราะฝึกจนจิตเป็นผู้เฝ้าดูแล้ว อาการอย่างอื่นก็จะเห็นได้ไม่ยากนักครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นสุข ทุกข์ เศร้า เหงา ล้วนแต่เกิดการปฏิสนธิของจิตกับ ตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัญญาความนึกคิดเก่าๆ จึงเกิด อาการขึ้นมา การล้มกระดานคือ การตัดการปฏิสนธิของสิ่งเหล่านั้น โดยพยายาม จับตัวต้นเหตุของเรื่อง คือจิตที่วอกแวก จิตนี่แหละตัวทำให้เกิดปัญหา ถ้าเราจับได้ไล่ทัน และมีปัญญาที่จะทำอุเบกขาได้ เราก็จะได้พักผ่อนจริงๆซะทีครับ เพราะจิตนั้นไม่สามารถไปปฏิสนธิกับอายตนะภายนอกได้ จึง ไม่เกิด สุข ทุกข์ โกรธ เกลียดได้ครับ อันนี้ผมพอจะรู้คร่าวๆนะครับ ปฏิบัติจริงๆ จิตก็ไม่ยอมง่ายๆหรอกครับ ต้องมีปัญญาอย่างสูงถึงจะละวางจิตได้ ผมไม่มีความสามารถนั้นหรอกครับ (อันนี้เป็นประสพการอันน้อยนิดของผมนะครับ เส้นทางฆารวาสอย่างผมคงไปไม่ถึงหรอกครับ กิเลสเต็มหัวใจ ผิดถูกยังไงก็ขออโหสิผมนะครับ ท่านพระอาจารย์ อิอิ)
So good
อีพีนี้เป็นอีพีที่ดีมากเลยค่ะ มันเหมือนค่อยๆ อธิบายให้เห็นในจุดที่เป็นต้นเหตุ ได้เข้าใจโดยอยู่บนหลักความเป็นจริง ไม่สวยหรูเกินไป หรือโหดร้ายเกินไป แม้ว่าทั้งสองทางนั้นก็ไม่ได้หมายถึงว่ามันถูกหรือผิดก็ตาม ขอบคุณที่ทำให้ได้ลองมองอีกแบบนะคะ ยังไงก็อยากให้เชิญมาอธิบายเรื่องอื่นๆ ให้ยาวๆ กว่านี้ ฟังไปด้วยคิดไปด้วยคือช่วยได้มากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณดุจดาวนะคะ เข้าใจว่าคุณดุจดาวอยากจะพูดขยายให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้น ขอบคุณสำหรับรายการดีๆ และนักจิตวิทยาที่เชิญมาในอีพีนี้ด้วยนะคะ
ผมรู้ว่า ความทุกข์ ความสุข กิเลส ตัณหา เป็ินสิ่งที่มนุษย์ ขัดขืนและหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็ไม่มีคำสอนใดที่ทำให้มนุษย์หลุดพ้นได้ และคำสอนที่มีอยู่เต็มโลก ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ปฎิบัติไม่ได้ สสวัสดี
ที่ว่ารู้ และมีอยู่เต็มโลก แต่ว่าลองปฏิบัติลองทำซัก1คำสอนรึยังครับ
ความทุกข์ในศาสนาพุทธที่เป็นรูปธรรมเห็นได้ชัด พิสูจน์ได้ สามารถพูดได้ในทุกศาสนา ในทุกคนที่เป็นมนุษย์ ทุกข์เกิดจากผัสสะเป็นจุดเริ่มต้น.ผัสสะ ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง สัมผัส การกระทบ การถูกต้องที่ให้เกิดความรู้สึก ผัสสะ เป็น ความประจวบกันแห่งสามสิ่ง คือ อายตนะภายใน(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) อายตนะภายนอก(รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์) และวิญญาณ
มันกระทบก่อนมั้ยที่จะไปถึงจิต จิตเป็นที่เก็บสั่งสม ในอดีตวัยเด็กบางทีมันลืมสนิทไป แต่พอถูกกระทบแบบอดีต ที่เก็บสั่งสมไว้ มันผุดขึ้นทันที(สังเกตุตัวเอง) จิตเป็นนามธรรมต้องใช้ วิธีสังเกตุ จะเห็นได้เมื่อไม่มีสิ่งมารบกวน
ผมรุ้ต้นเหตุ ความทุกข์ ความสุข กิเลส ตัณหา มาจากไหน และวิธีหลุดพ้น ซึ่งมันไม่เกียวกับศาสนา และจิตวิทยาเลย โลกนี้จะมีสักกี่คนที่คิดได้ว่า ทุกข์ มาจากไหน
ก็มาจากเหตุ..แล้วใครทุกข์อะไรก็ว้าไปตามนั้น..เช่นคนหลง..หลงอะไร..หลงทางหลงผู้หญิงผู้ชาย..สารุปว่า..เป็นไปตามหวังและไม่ตามหวังถ้าตรงข้ามทุกข์แน่ๆ(อาจจะไม่ชัดนะ)..แค่นี้พอว่ารู้บ้างได้หรือไม่
ชอบทุก ep ที่ผ่านมา แต่ ep นี้ไม่รู้ทำไมฟังไม่จบ
ธรรมในศาสนา เป็น อวิชา ในการแสดงธรรมต่อสงฆ์ แต่ก็เป็นจิตวิยาของมนุษย์เช่นกัน ในการใช้ วิชาการอธิบาย podcast ก็อธิบายได้ดีครับป๋ม
Ep.นี้ดีเราทุกข์เพราะเรามีความต้องการซ่อนอยู่ในใจ แต่บางทีไม่รู้ตัว
สำนักวิปัสสนาอนัตตาถ้ำวัว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อธี วิจิตตธมฺโม เชิญทุก ๆ ท่าน คลิกเข้าไปดู...
ที่มาของทุกข์ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุ คือไม่ต้องมีเหตุ คนนทั้งโลกจะเอาเหตุมาอ้างว่าทำให้ทุกข์ เพราะผมรู้ตันเหตุของเหตุ ว่ามาจากไหน
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุ 100% เอามาจากไหนที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีเหตุ
อยากให้ทำวีดีโอวิเคราะห์การทำงานของ “ขงเบ้ง” หน่อยครับ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำไปปรับใช้ในชีวิตครับ ขอบคุณครับ
Yuval Noah Harari พูดถึงการทำสมาธิ ในบททีห้า ในหนังสือเล่มทีสามของเขา (21 Lessons for the 21st Century)เขาใช้ การทำสมาธิ เป็นเครื่องมือในการสร้าง resistent ของการมีชีวิตอยู่ในศตวรรษ ที่ 21 ได้อย่างน่าสนใจ
ชอบบ รัก ปลื้ม ล้ำมาก มีประโยชน์ค่ะ อยากให้พูดอีกหลายๆมิติเลย💛
คนที่อธิบายมีความรู้ความเข้าใจดีมากๆครับ
ทางพุทธศาสนา จิตมากกว่าเพียงการรับรู้ การรับรู้พุทธศาสนาเรียก วิญญาณ พุทธศาสนาอธิบายเรื่องจิตได้ละเอียดกว่าทางวิทยาศาสตร์มาก
ดีจริงๆคือทำเอง..ถ้าไม้ทำเองที่ว่าดีๆคนอื่นๆจะว่าพุทธดีจริงหรือเพราะเขาไม่เชื่อ..ระวังคนไม่เชื่อไม่ชอบบ้างนะถ้าท่านเป็นพุทธจริงๆ
❤
เสียเงินมั้ยคะ
ขอบคุณคุณดุจดาวที่เชิญคุณเอกมานะคะเป็น2ตอนที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์มากจิงๆค่ะ
♥️
คุณสมภพเป็นนักจิตวิทยาที่อธิบายแล้วเห็นภาพเลยครับ ผมเองก็เคยคุยกับนักจิตวิทยาชื่อพี่ฝ้าย เขาเป็นคนที่สวยและน่ารักมากเลย แล้วเขาก็ดูจะชอบผมด้วย แต่ว่าไม่ได้ขอเบอร์กันและกันไว้ พอผมออกจากโรงพยาบาลก็เลยไม่ได้ติดต่อกันอีก ทุกวันนี้ผมเป็นคนพิการทางสมองและสติปัญญา แถมป่วยเป็นโรคจิตเวชด้วย ต้องรับประทานยาเช้าเย็น เป็นยาที่ช่วยควบคุมอารมณ์ ให้มีอารมณ์เป็นปกติ ควบคุมสารเคมีในสมองให้เกิดความสมดุล ยานั้นมีคุณอนันต์ แต่ถ้าใช้ผิดก็มีโทษมหันต์ ผมว่าคุณสมภพท่านน่าจะเป็นนักปฏิบัติธรรมนะ ถ้าท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมท่านน่าจะบรรลุธรรม เป็นนักจิตวิทยาที่บรรลุธรรม
คนไม่รู้พุทธ ไม่ศึกษาพุทธศาสนาเพิ่มเติม เรียกว่านับถือแต่ตามๆกันมาตามทะเบียนบ้าน
จะฟัง podcast นี้ได้เข้าใจยากมาก จิตน่าจะหลุดลอยไปเยอะเลย
ขนาดอาจารย์ท่านสอนจิตวิทยา ท่านยังศรัทธาพุทธศาสนาอย่างสุดซึ้งเลย
สภาวะทุกข์ ( สุข ) สภาวะสุข ( ทุกข์ )
เข้าใจทุกข์สุขถาวร ยึดมั่นสุขประเดี๋ยวประด๋าวก็ทุกข์ถาวร เพราะว่ามันเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา แม้คอมเม้นนี้ก็ไม่เที่ยงเป็นสมมติบัญญัติ ไม่ควรคิดเยอะยึดมั่นถือมั่น อาศัยแค่ความเข้าใจและปล่อยวางลงได้
🙋♀️🙋♀️ เราฟังแล้วก็ชอบและเข้าใจคำอธิบาย แนวคิดนี้ 👍
11:16 คนพุทธที่ทำบุญเยอะๆ เพื่ออยากสะสมแต้มบุญ (เก็บไว้ตรงไหน?) อยากไปสวรรค์-ไม่อยากไปนรก อยากนิพพาน-ไม่อยากเกิดอีกชาติหน้า อยากหมดกิเลสแบบสิ้นเชิงไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว อยากพ้นทุกข์อย่างถาวรไม่กลับมาทุกข์อีกเลย
อยากถามว่า ความอยาก-ไม่อยากเหล่านี้ เป็นความปกติ หรือไม่ปกติ(ป่วย) ในทางจิตวิทยาหรือเปล่าครับ ?
เป็นได้ทั้งปกติและไม่ปกติ
คนที่จะเข้าถึงนิพพาน ก็จะมองเห็นเชื้อโรค ทีดีและไม่ดี สู้กันเป็นเพียง เวทนา หรือ เบื่อหน่าย เขาถึงเลือกสายกลางเป็นที่สิ้นสุด ดีก็ไม่มี ไม่ดีก็ไม่มี ไม่ทุกข์ ไม่สุข วางอยู่ เฉยๆ
ถ้าตามจิตวิทยา ทิ้งทั้งปัญหาทิ้งทั้งพาละที่แบกออกให้หมด หนีในการต่อสู้ขัดแย้งไม่สิ้นสุดนั้นเอง 😁✌
ในที่สุดก็มีคนที่คุยด้วยเหตุผลมีการตั้งคำถาม ไม่ใช่เข้ามาอวยอย่างเดียว เยี่ยมครับ
มันคืออุบายเบื้องต้น ในการละกิเลสของมนุษย์ แต่ภายหลังถูกตีความโดย ตั้งใจหรือความไม่รู้ ของคนที่มีความโลภ จึงทำให้เข้าใจผิด หรืออยากให้คนมาทำบุญเพื่อที่จะได้เงิน (บางสถานที่นะครับไม่เหมารวม) จึงให้ข้อมูลผิดๆ ธรรมชาติของคนเกิดมาก็มีความโลภ โกรธ หลงติดมาด้วย พอโดนกระตุ้นก็ไปใหญ่เลย แต่ความจริงผิดหลักพระพุทธศาสตร์นะครับ
ใช่ครับ เป็นการฝึกล่ะกิเลสภายใน
เป็นอุบายปัญญา หากคนที่มีปัญญาจะเห็นได้เป็นขั้นตอน ที่มาสลับและซับซ้อน อาศัยเกิดเพื่อให้ดับทุกข์
มนุษย์สามารถ ยับยังช่างใจเอาชนะใจตัวเองได้ และจะหันมาทำเพื่อคนอื่นมากกว่าทำเพื่อตนเอง
หลวงพ่อชา อธิบายเรื่อง นรก- สวรรค์ ไว้ง่ายๆ แบบนี้:
เมื่อเราไปทำบุญทำทาน, ให้อภัยคนที่ทำให้เราโกรธ, อยากให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ...เราจะมีความรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์
ถ้าเราอยากมีโน่นมีนี่ ไม่ได้แล้วโกรธ คิดแต่จะทำลายคนอื่น, ไปโกงเงินเขามาแล้วกลัวตำรวจจับ ....เราก็เหมือนอยู่ในนรก.
ขอบคุณค่ะสิ่งนี้มีประโยชน์ ช่วยหนูได้มาก
สภาวะจิตนิ่ง คือล้มกระดานเหตุและผล ต้นเหตุของทุกข์ สุขล้วนมาจากเหตุและผล คำถามเล็กๆ และการแก้ไขปัญหาในสมอง นั้นคือผิดทาง ปัญญาไม่ได้เกิดจากการตั้งคำถาม และหาคำตอบ แต่เกิดจากการ ได้พักผ่อนอย่างเหมาะสมของจิต บางครั้งอาจเป็นการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆได้เลย ไอนสไตน์ตอนคิดค้นทฤษฎีย์สัมพันธภาพ กาลิเลโอคิดกฏแห่งแรงโน้มถ่วง เขาอาจอยู่ในสภาวะว่างจากความคิด ไม่มีเหตุมีผลในใจให้วุ่นวายก็ได้ เพราะสองทษฎีย์ที่กล่าวมา คือล้มล้างความเชื่อ งานวิจัย ในอดีตทั้งหมด นี่คือความนิ่งแบบธรรมชาติ แต่ทางพุทธศาสนา สภาวะนั้นฝึกปฏิบัติได้ เมื่อถึงขั้นแยกสภาวะได้ ก็จะเห็นอาการ คือเห็น ทุกข์ สุข หรืออารมณ์ ต่างๆ เป็นแค่อาการหนึ่ง โดยมีจิตเป็นผู้เฝ้าดู และไม่มีความพยายามไปแก้ไขอะไรทั้งนั้น สิ่งเหล่านั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามธรรมดา ปัญญาจะมาตอนที่จิตว่างละครับ
นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้น ไม่ได้ล้มกระดานของเหตุและผลครับ เขายังมีเหตุและผลอยู่เสมอ. เพียงแต่เขาได้คำตอบ ในขณะที่พักผ่อนอยู่. เพราะสมองของคนเรา สามารถประมวลผลได้ในขณะที่เราเองไม่รู้ตัว (background processing). ซึ่งจะเกิดจากการที่เรารับรู้ข้อมูล ขบคิด มากจนถึงระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังคิดไม่ออก แล้วคนผู้นั้นหยุดพักผ่อนก่อน. แต่สมองยังทำงานอยู่ และพอสมองสามารถเชื่อมโยง/ข้อมูล เหตุผล ที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ได้แล้ว , ผลคือ การคิดออกแบบปิ๊งแว้บขึ้นมา. ทางจิตวิทยาเรียกว่า intuition.
ถ้าคิดออก ในขณะที่กำลังขบคิดอยู่ ก็เป็นแบบ intellect. แต่ถ้าเป็นระบบอัตโนมัติที่แทบไม่ต้องคิดอะไร ก็คือ instinct (เช่น มือโดนของร้อน แล้วรีบชักมือออกทันทีโดยอัตโนมัติ).
Examinator ล้มกระดานคือ กุญแจ ของเรื่องทั้งหมด ถ้าไม่ล้ม ก็เหมือนพายเรือในอ่าง มีคำถาม ก็ต้องมีคำตอบ มีคำตอบ ต้องมีแก้ปัญหา ก่อเกิดเรื่องราวยุ่งเหยิง ลิงแก้แห จะเอาเวลาที่ใหนให้จิตพักผ่อน ปัญหาคือ จะต้องฝึกอุบายยังไงให้ล้มกระดานได้ ถ้าเราทำลายกำแพงได้ ปัญญาจะเกิดขึ้นเอง
Examinator มรรคมีองแปด ข้อแรกคือเห็นชอบ ถ้าเห็นชอบ มันก็จะไปตามทางของมัน ตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธะเจ้าครับ
อื..อ่านแล้วเข้าใจต่างกันตรงทุกข์สุขอะไรต่างๆนาๆที่ว่ามานั้นละ..แต่จริงๆ(จริงแบบฉันนะ)ท่านให้กำหนดรู้แต่ทุกข์เท่านั้นไม่ใช่หรือจึงจะเห็นสมุทัยได้..ฮือ..แต่ก็ใช่เนาะสุขๆดูอาการมันไปก็ใช่เนาะ..จบๆผิดตรงใดก็ขออภัยไว้นะ
@@เห็นอยากไม่ตอบ ทุกข์ สุข เศร้า โกรธ ล้วนมีอาการของมัน แต่อาการทุกข์จะเห็นง่ายที่สุดครับ พระพุทธองค์จึงนำมาเป็นอุบายก่อนอันดับแรก พอเห็นทุกข์ แต่ไม่เป็นทุกข์เพราะฝึกจนจิตเป็นผู้เฝ้าดูแล้ว อาการอย่างอื่นก็จะเห็นได้ไม่ยากนักครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นสุข ทุกข์ เศร้า เหงา ล้วนแต่เกิดการปฏิสนธิของจิตกับ ตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัญญาความนึกคิดเก่าๆ จึงเกิด อาการขึ้นมา การล้มกระดานคือ การตัดการปฏิสนธิของสิ่งเหล่านั้น โดยพยายาม จับตัวต้นเหตุของเรื่อง คือจิตที่วอกแวก จิตนี่แหละตัวทำให้เกิดปัญหา ถ้าเราจับได้ไล่ทัน และมีปัญญาที่จะทำอุเบกขาได้ เราก็จะได้พักผ่อนจริงๆซะทีครับ เพราะจิตนั้นไม่สามารถไปปฏิสนธิกับอายตนะภายนอกได้ จึง ไม่เกิด สุข ทุกข์ โกรธ เกลียดได้ครับ อันนี้ผมพอจะรู้คร่าวๆนะครับ ปฏิบัติจริงๆ จิตก็ไม่ยอมง่ายๆหรอกครับ ต้องมีปัญญาอย่างสูงถึงจะละวางจิตได้ ผมไม่มีความสามารถนั้นหรอกครับ (อันนี้เป็นประสพการอันน้อยนิดของผมนะครับ เส้นทางฆารวาสอย่างผมคงไปไม่ถึงหรอกครับ กิเลสเต็มหัวใจ ผิดถูกยังไงก็ขออโหสิผมนะครับ ท่านพระอาจารย์ อิอิ)
So good
อีพีนี้เป็นอีพีที่ดีมากเลยค่ะ มันเหมือนค่อยๆ อธิบายให้เห็นในจุดที่เป็นต้นเหตุ ได้เข้าใจโดยอยู่บนหลักความเป็นจริง ไม่สวยหรูเกินไป หรือโหดร้ายเกินไป แม้ว่าทั้งสองทางนั้นก็ไม่ได้หมายถึงว่ามันถูกหรือผิดก็ตาม ขอบคุณที่ทำให้ได้ลองมองอีกแบบนะคะ ยังไงก็อยากให้เชิญมาอธิบายเรื่องอื่นๆ ให้ยาวๆ กว่านี้ ฟังไปด้วยคิดไปด้วยคือช่วยได้มากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณดุจดาวนะคะ เข้าใจว่าคุณดุจดาวอยากจะพูดขยายให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้น ขอบคุณสำหรับรายการดีๆ และนักจิตวิทยาที่เชิญมาในอีพีนี้ด้วยนะคะ
ผมรู้ว่า ความทุกข์ ความสุข กิเลส ตัณหา เป็ินสิ่งที่มนุษย์ ขัดขืนและหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็ไม่มีคำสอนใดที่ทำให้มนุษย์หลุดพ้นได้ และคำสอนที่มีอยู่เต็มโลก ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ปฎิบัติไม่ได้ สสวัสดี
ที่ว่ารู้ และมีอยู่เต็มโลก แต่ว่าลองปฏิบัติลองทำซัก1คำสอนรึยังครับ
ความทุกข์ในศาสนาพุทธที่เป็นรูปธรรมเห็นได้ชัด พิสูจน์ได้ สามารถพูดได้ในทุกศาสนา ในทุกคนที่เป็นมนุษย์ ทุกข์เกิดจากผัสสะเป็นจุดเริ่มต้น
.
ผัสสะ ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง สัมผัส การกระทบ การถูกต้องที่ให้เกิดความรู้สึก ผัสสะ เป็น ความประจวบกันแห่งสามสิ่ง คือ อายตนะภายใน(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) อายตนะภายนอก(รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์) และวิญญาณ
มันกระทบก่อนมั้ยที่จะไปถึงจิต จิตเป็นที่เก็บสั่งสม ในอดีตวัยเด็กบางทีมันลืมสนิทไป แต่พอถูกกระทบแบบอดีต ที่เก็บสั่งสมไว้ มันผุดขึ้นทันที(สังเกตุตัวเอง) จิตเป็นนามธรรมต้องใช้ วิธีสังเกตุ จะเห็นได้เมื่อไม่มีสิ่งมารบกวน
ผมรุ้ต้นเหตุ ความทุกข์ ความสุข กิเลส ตัณหา มาจากไหน และวิธีหลุดพ้น ซึ่งมันไม่เกียวกับศาสนา และจิตวิทยาเลย โลกนี้จะมีสักกี่คนที่คิดได้ว่า ทุกข์ มาจากไหน
ก็มาจากเหตุ..แล้วใครทุกข์อะไรก็ว้าไปตามนั้น..เช่นคนหลง..หลงอะไร..หลงทางหลงผู้หญิงผู้ชาย..สารุปว่า..เป็นไปตามหวังและไม่ตามหวังถ้าตรงข้ามทุกข์แน่ๆ(อาจจะไม่ชัดนะ)..แค่นี้พอว่ารู้บ้างได้หรือไม่
ชอบทุก ep ที่ผ่านมา แต่ ep นี้ไม่รู้ทำไมฟังไม่จบ
ธรรมในศาสนา เป็น อวิชา ในการแสดงธรรมต่อสงฆ์ แต่ก็เป็นจิตวิยา
ของมนุษย์เช่นกัน ในการใช้ วิชาการอธิบาย podcast ก็อธิบายได้ดีครับป๋ม
Ep.นี้ดีเราทุกข์เพราะเรามีความต้องการซ่อนอยู่ในใจ แต่บางทีไม่รู้ตัว
สำนักวิปัสสนาอนัตตาถ้ำวัว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อธี วิจิตตธมฺโม เชิญทุก ๆ ท่าน คลิกเข้าไปดู...
ที่มาของทุกข์ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุ คือไม่ต้องมีเหตุ คนนทั้งโลกจะเอาเหตุมาอ้างว่าทำให้ทุกข์ เพราะผมรู้ตันเหตุของเหตุ ว่ามาจากไหน
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุ 100% เอามาจากไหนที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีเหตุ
อยากให้ทำวีดีโอวิเคราะห์การทำงานของ “ขงเบ้ง” หน่อยครับ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำไปปรับใช้ในชีวิตครับ ขอบคุณครับ
Yuval Noah Harari พูดถึงการทำสมาธิ ในบททีห้า ในหนังสือเล่มทีสามของเขา (21 Lessons for the 21st Century)
เขาใช้ การทำสมาธิ เป็นเครื่องมือในการสร้าง resistent ของการมีชีวิตอยู่ในศตวรรษ ที่ 21 ได้อย่างน่าสนใจ
ชอบบ รัก ปลื้ม ล้ำมาก มีประโยชน์ค่ะ อยากให้พูดอีกหลายๆมิติเลย💛
คนที่อธิบายมีความรู้ความเข้าใจดีมากๆครับ
ทางพุทธศาสนา จิตมากกว่าเพียงการรับรู้ การรับรู้พุทธศาสนาเรียก วิญญาณ พุทธศาสนาอธิบายเรื่องจิตได้ละเอียดกว่าทางวิทยาศาสตร์มาก
ดีจริงๆคือทำเอง..ถ้าไม้ทำเองที่ว่าดีๆคนอื่นๆจะว่าพุทธดีจริงหรือเพราะเขาไม่เชื่อ..ระวังคนไม่เชื่อไม่ชอบบ้างนะถ้าท่านเป็นพุทธจริงๆ
❤
เสียเงินมั้ยคะ
ขอบคุณคุณดุจดาวที่เชิญคุณเอกมานะคะเป็น2ตอนที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์มากจิงๆค่ะ
♥️