ดราม่าราคาปากกาลดน้ำหนัก Ozempic ของบริษัทผู้ขาย
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 17 เม.ย. 2024
- ทุกคนรู้เรื่อง ดราม่าราคาปากกาลดน้ำหนัก Ozempic ของบริษัทผู้ขาย บ้างมั้ย ซึ่งบริษัทที่ขายยาที่ชื่อบริษัท Novo Nordisk โดยราคาของปากกาลดน้ำหนักนี้ปกติจะอยู่ที่กว่า 1,000 เหรียญต่อเดือน ซึ่งราคาก็อาจจะต่างไปในแต่ละประเทศ และปากกาลดน้ำหนัก Ozempic นี้นอกจากจะใช้สำหรับการลดน้ำหนักแล้ว มันยังถูกใช้ในการรักษาโรคเบาหวานอีกด้วย ถือว่าเป็นยาสำคัญเลย ยังไงก็ตามล่าสุดก็มีวิจัยจากมหาวิทยาลัย Yale กับ King's College มาเผยว่ายาตัวนี้สามารถผลิตได้ในราคาเพียง 5 เหรียญเท่านั้น เท่ากับว่าบริษัท Novo Nordisk ทำกำไรถึง 200 เท่าให้กับยาที่ช่วยชีวิตคนนี้เลย ตอนนี้เลยมีกระแสสวนกลับเพื่อให้ปรับราคาแต่ก็ยังไม่มีอัปเดตใดๆ
#เรื่องเล่า #ไวรัล #ดราม่า #สาระ #ozempic #shorts
ถือบริษัทเดียวเพราะถือสิทธิบัตรอยู่น่ะสิ และขายได้เพียง 10 ปีเท่านั้น ที่บริษัทจะสามารถถอนทุนคืนจากยาตัวนี้ได้ กำไรก็สำหรับการวิจัยยาถัดไป ก่อนหน้านี้โปรเจกส์ยาอาจจะล้มเหลวไปเยอะกว่าจะได้ยาตัวนี้ อีกอย่างสูตรยาไม่ใช่สูตรอาหาร แยกแยะด้วย
เป็นธรรมดาครับ
คิดแต่ต้นทุนอย่างเดียวก็มันไม่ได้ บริษัทยาจ่ายค่าวิจัยสูงมาก ใครถือหุ้นอยู่น่าจะรู้บริษัทนี้ได้กำไรสุทธิต่อปีประมาณ30% ส่วนตัวคิดว่าเป็นการทำกำไรในช่วงที่ยังถือลิขสิทธิ์อยู่
ต้นทุนยาหรืออาหารเสริมไม่ได้มีแค่ค่าตัวยา มันมีค่าวิจัย ค่าจดสิทธิบัตร ค่าดำเนินการต่างๆ เพื่อนำออกมาขายอีกค่ะ อาจมีค่าใช้จ่ายระหว่างทางมูลค่ามหาศาลที่เราไม่รู้ก็ได้นะคะ
ใจเย็นทุกคนเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าใช้สารอะไรในส่วนผสมแล้วงานวิจัยจาก2มหาลัยต้องไปดูเปเปอร์ของเค้าว่ามันจริงมากน้อยแค่ไหนที่ออกมาพูดแบบนั้น เรื่องนี้ใหญ่มากในต่างประเทศเพราะผู้ป่วยเบาหวานมีเยอะ หากบริษัทไม่ผิด มหาลัยเละแน่นอน อย่ารีบเชื่อพวกคลิปแบบนี้ ต้องหาอ่านเพิ่ม
แม่ผมเป็นเบาหวาน ผมอยากซื้อยาตัวนี้ให้มากๆ แต่รายาสูงเกินไป แต่ผมไม่เคยคิดที่จะให้เขาลดราคาเพราะถึงแม้จะราคาสูงแต่ก็เป็นสิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นมาและรออีกหลายปีสิทธิการผลิตเจ้าอื่นก็จะทำได้แล้วและจะราคาลดแน่นอน ผมมองว่าถ้าเราไปกดดันเขาตอนนี้ถึงเคสนี้จะลดได้แต่แรงจูงใจของหลายบริษัทลดลงแน่นอนการที่ราคาสินค้าสูงมากตอน10ปีแรกผมคิดว่าให้เป็นรางวัลสำหรับบริษัทที่คิดค้นขึ้นมาครับ 😊
ต้องคิดค่าวิจัยด้วยนะค่าวิจัยมันอาจจะสูงก็ได้ แต่ถ้าไม่สูงก็ควรลดราคาลงมา
ทำไมละเงินมันหอม ใครจะตาย ใครจะลำบากแล้วทำไมละ ไม่มีใครรู้ ก็ฉันจะรวย ไม่มีคู่แข่งมาก การผูกขาดก็ยิ่งเยอะ😅😅😅 ขอให้ทุกคนที่เป็นเบาหวานหรือมีพ่อแม่ป่วยเป็นโรคนี้ ให้อายุยืนยาวนะคับ ไม่ป่วยอีกโรค รักษาออกกำลังกายให้ดี
ถามเป็นความรู้ครับ ต้นทุนนี่คือรวมพวกค่าวิจัย ค่าทดลอง ค้นคว้าต่างๆ เฉลี่ยไปด้วยมั้ยครับ หรือแค่ค่าการผลิตจากต้นทุนวัตถุดิบเฉยๆครับ
ไม่แปลกหรอกถ้าคุณภาพมีนดีแล้วเค้าจะอัพราคา มันก็เหมือนสินค้าแบรนด์เนมหรือร้านอาหารชื่อดัง พวกกลุ่มนี้ถ้าเทียบต้นทุนก็ถือว่าแพงเหมือนกันแต่คนไม่บ่นเพราะคิดว่าซื้อแบรนด์ บริษัทนี้ก็คงคิดเหมือนกัน ถ้าจะลดราคาจริงๆผมก็ไม่คิดว่าเค้าจะลดถึงครึ่งด้วยซ้ำ และมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะไม่ลดเลยหากรัฐบาลหรือหน่วยงานไม่เข้าเข้ามาเจรจา
ก่อนเขาได้ยาสูตรนี้มาเท่าลงทุนนักวิจัยไปกี่คนคนล่ะกี่ล้าน?ทำไมไม่มีคนคิดตรงส่วนนี้เลย?ค่าห้องเเลปจิบาทะอื่นๆอีกมากหมายกว่าสูตรยาจะเสร็จเเล้วทำออกมาใช้ได้จริงมันต้นทุนโคตรสูงเลยนะคิดตรงส่วนนี้ก็1000ดอลนี้ก็ปกตินะ
ควร หมดอายุ สิทธิ์บัตร ได้แล้ว 😂😂😂
มันคือข้อเสียของการผูกขาดอยู่เจ้าเดียวไง ทุกคนรู้ วิธีที่ดีคือให้แข่งกัน 2 เจ้าขึ้นไป
สรุปคือเงินจำนวนมากที่เอาไปเขาเอาไปพัฒนายาตัวใหม่หรือเพื่อความสบายของตัวเองในสหรัฐมักจะมียาราคาแพงๆซึ่งพวกเขารู้ว่าผู้คนต้องซื้อมันแน่เมื่อนั่นอาจเป็นชีวิตของพวกเขา ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะ ผมคิดว่าในอนาคตมันน่าจะมีราคาถูกลงนะ (¿question?)
แรงบันดาลใจให้ป้าติ๋ม
เหลี่ยมมาก
ค่าวิจัยสูงมากครับถ้าไม่ได้กำไรก็ไม่มีใครทำยานี้ถือเป็นการเปลี่ยนครั้งสำคัญเพราะคนกินยาเบาหวานมากและนานไตพัง ยานี้ทำให้ไม่อยากอาหารก่อนหน้าก็มีคล้ายกันแต่ทั้งเบื่ออาหารและเบื่อชีวิตด้วย
ไม่รวมค่าลิขสิทธิ์ไง ค่าวิจัย😊
ขอบคุณ ม.เยลและ King College มากๆเลยจ้า 👏👏 🤩🤩
ยาเกือบทุกตัวก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ได้ต่างกันเลย ต้นทุนยามันก็รวมผลประโยชน์ที่ต้องแบ่งกันเป็นทอดๆ ค่ายาที่เราจ่ายกันมาตลอดส่วนมากก็คือการจ่ายผลประโยชน์ให้กลุ่มคนต่างๆ