ทำไมรถไฟฟ้าถึงไม่มีเกียร์!? โตโยต้าฉีกกรอบมาพร้อมเกียร์ ให้ฟิวรถสปอร์ตพร้อมจดสิทธิบัตร TOYOTA EV
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 17 ก.พ. 2022
- #รถไฟฟ้า #รถยนต์ไฟฟ้า #Toyota #โตโยต้า
Toyota จดสิทธิบัตรเกียร์กระปุกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะ Toyota มองว่าในอนาคตหากโลกเข้าสู่ ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว อรรถรสในการขับรถน้ำมันอย่างการเปลี่ยนเกียร์ จะค่อยๆหายไป จึงได้มีการพัฒนาเกียร์กระปุกไฟฟ้าเพื่อที่จะเอามาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าของค่าย Toyota นี้ มาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร
🚘⚡สำหรับใครที่สนใจอยากเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน รถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกให้เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้💥💥
เข้ามาเป็นส่วนนึงในการผลักดัน สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ👇👇
/ @welldoneguarantee
FB: @welldone guarantee
Tik Tok: bit.ly/3goOcUU
IG: welldone_guarantee
ติดต่องานได้ที่
welldone.guarantee@gmail.com - ยานยนต์และพาหนะ
สามารถสนับสนุนช่องได้
มาเป็นสมาชิกแก๊งรถยนต์ไฟฟ้ากันเ
สนใจเสื้อกลุ่มรถไฟฟ้า สั่งเลยที่👇👇
forms.gle/k4XnHDNzUiEjGhKa7
เขียนคำว่า "คลัทช์" แบบนี้ครับ มาจาก "clutch" แปลว่า ยึด เกาะติด ไม่ใช่ ครัช ที่ปรากฏในคลิป ครับ
ผลิตออกมาขายเร็วๆรถยนต์ไฟฟ้า จะซื้อ
ผมเห็นด้วยที่จะมีเกียร์ แต่ไม่ใช่จุดประสงค์เดียวกับ Toyota นะ การมีเกียร์ควรจะมีเพื่อ ลดขนาดของมอเตอร์ ไม่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์ขนาดใหญ่ kw สูงๆ มอเตอร์ขนาดเล็กก็ทำให้รถออกตัวได้เมื่อใช้เกียร์1 แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์รอบสูงที่กินไฟมาก ใช้มอเตอร์รอบต่ำทำงานร่วมกับเกียร์ 5 เพื่อนประหยัดไฟ
คิดเหมือนกันเลยครับ
ถูกต้องเลยครับ👍👍👍👍
แล้วเรื่องแรงบิดล่ะครับ
@@fonake ทดรอบโดยใช้เกียร์1ให้มีทอล์คเยอะพอที่จะออกตัวได้ครับแล้วค่อยๆลดแรงบิดลงไปเรื่อยๆตามเกียร์ที่สูงขึ้นครับ
คิดเหมือนผมเลยครับ
เค้าอุสาคิดนวัตกรรมเพื่อลดอะไหล่ การซ่อมบำรุง การผลิต พี่โตก็พยายามสรรหาเพิ่มอีก มันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นจริงๆ
รายได้มาจากทุกชิ้นส่วน
เมื่อรถน้ำมัน 1 คัน มีอะไหล่นับพันชิ้น แต่ละชิ้นก็สร้างรายได้ในตัวมันเอง
พอเปลี่ยนเจน พี่โต แกก็คงเสียดาย
ขายรถยนต์แล้ว อะไหล่ต่างๆก็ต้องมีตามมา
@@camellafaralemkova5494 มันมีรีเซิทออกมาเลยครับ ว่าแบรนสินค้าญี่ปุ่นเป็นงี้จริงๆคือคอนข้างคอนเซอเวทีฟและพัฒนาช้า ลองมองย้อนแบรนเครื่องใช้ไฟฟ้าดังๆในอดีตตอนนี้โดนเกาหลีแซงไปหมดแล้ว
โตโยต้าน่าจะต้องการระบายอะไหล่ถึงหาวิธีใส่เกียร์ มา
@@user-nq5ci8ym6r ใช่ครับ ผลประโยชน์เยอะ
ขออธิบายในเชิงวิศวกรรมครับ ถ้าเข้าใจกราฟแรงม้าและแรงบิดและความสามารถในการทำ RPM ของมอเตอร์ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป จะเข้าใจว่าทำไมรถไฟฟ้าถึงมีแค่เกียร์อัตราทดเดียวได้ และการใส่เกียร์ 1,2,3,…ให้รถไฟฟ้าก็ไม่ได้แปลว่าจะเพิ่มความเร็วปลายเสมอไป
อย่างมอเตอร์ไฟฟ้าของเทสล่า Model S Plaid ให้แรงม้าแบบ Flat curve 1,020 แรงม้า ตั้งแต่ความเร็ว 130 ไปยัน 320. คำว่า Flat curve แปลว่าตั้งแต่รอบมอเตอร์ที่ความเร็ว 130 ไปยัง 320 มอเตอร์ให้แรงม้าคงที่ตลอดที่ 1,020 แรงม้า แบบนี้การมีเกียร์ไม่ได้ช่วยให้เพิ่มความเร็วปลาย เพราะไม่ว่าจะเชนเกียร์ให้อัตราทดเกียร์ตกที่ความเร็วใดหลังความเร็ว 130 มันก็ให้ 1,020 แรงม้าเสมอ ซึ่งความเร็วปลายเป็นฟังก์ชันโดยตรงกับแรงม้า เชนเกียร์ไปเท่าไหร่ก็ได้เท่าเดิม
อันนี้เลยเป็นเหตุผลทำไมรถไฟฟ้ามันขับโคตรสนุก เพราะรอบต่ำมันสร้างแรงม้าได้เต็มๆ ซึ่งแรงม้าเต็มๆที่รอบต่ำๆ ค่าแรงบิดมันจะเยอะตามสมการ แรงม้า = แรงบิดคูณรอบ/ค่าคงที่ สังเกตดูที่สมการ แรงม้ามากที่รอบต่ำแรงบิดจะสูง ซึ่งมันเป็นคุณลักษณะสุดยอดตามธรรมชาติของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบนั้นที่เครื่องยนต์สันดาปใดๆไม่สามารถทำได้ มอเตอร์เลยไม่จำเป็นต้องมีเกียร์ต่ำขึ้นดอยขึ้นเขา และนี่ก็ตอบคำถามที่ทำไมเทสล่า Roadster II ที่ไมอีลอนเคลมแรงบิดที่ 10,000 Nm มันถึงทำได้ แค่คุณมี 1000 แรงม้าที่รอบ 10 RPM แรงบิดคุณก็ปาไป 7 แสน Nm แล้ว ซึ่งมอเตอร์มันให้แรงม้าสูงๆที่รอบต่ำๆได้ไง คำนวณดูได้แทนในอินเตอร์เน็ต Hp RPM to Nm คุณจะเข้าใจเอง
เครื่องยนต์สันดาปแรงม้าจะเป็นลักษณะเป็นช่วงๆ เป็นพีคๆ ไม่ใช่ Flat Curve และแรงบิดมักมาปลาย RPM เลยเป็นเหตุผลไงว่าทำไมมันต้องมีเกียร์ เพื่อเลี้ยงยอดพีคแรงม้าและแรงบิดนั้น แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าของ Plaid ไม่มีคำว่าพีค เพราะมันมาเต็มตลอด
ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าของรถไฟฟ้าอื่นๆที่ไม่ใช่ Plaid จะยังไม่เป็น flat curve จะมีพีคกลางๆและตกปลาย (สาเหตุว่าทำไมถึงโดนสันดาปแซงปลายเทียบที่แรงม้าเดียวกัน) รถไฟฟ้าประเภทนี้การมีเกียร์ 1,2,3… จะเพิ่มความเร็วสูงสุดได้
แค่คุณพัฒนาทำแรงม้ามอเตอร์ให้เป็นแบบ Flat curve (ลด back EMF ที่ปลาย RPM) คุณก็ไม่จำเป็นต้องมีเกียร์ให้เมื่อยตุ้มแต่อย่างใด ความฉลาดของเทสล่า
ต้องเข้าใจว่ามอเตอร์ไฟฟ้ามันคือของล้ำอนาคตครับ มันดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปในทุกๆด้านเรื่อง Performance อย่างไม่มีที่ติ มันคือของปิดทองหลังพระที่น้อยคนจะทราบ ผมเรียนวิศวกรรมถึงได้ตาสว่าง เข้าใจความสัมพันธ์ทั้งหมด
ผลประโยชน์ คือเหตุผล
ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง+สนับสนุน
แต่ได้ข่าวผ่าน ครม.เรื่องการสนับสนุนแล้ว ที่เหลือคือสถานีชาร์ท อย่างน้อยทุกๆ 80 กิโลเมตร
ผมชอบมีเกียร์นะ มันได้อารมณ์และได้รอบปลายที่ไม่ต้องใช้แรงกำลังมอเตอร์ที่กินไฟมากเกินไป
@@samailittle.9232 เช่นกัน อนาคตอีก 500 ปีจากนี้ อาจมีเทเลพอตหายตัวถึงที่หมายเลย ไม่ต้องมาขับรถ รถไฟฟ้าก็เริ่มกลายเป็นของตกยุค เหมือนเกียร์ของรถสันดาปในปัจจุบันที่เริ่มตกยุค แต่คนก็ยังตามหาความหลังการขับขี่รถไฟฟ้า 😁 ทุกสิ่งเกิดขึ้นและจบไป ไม่จีรัง ถ้าโลกนี้ไม่เคยมีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าเกียร์ เราคงไม่รู้ว่าการมีเกียร์มันได้อารมณ์
อ่านแล้วขำเลย เขียนไปไม่มีประโยชน์ ประเทศนี้ นักการเมือเก่งกว่าหมอ จบ ม.6 เก่งกว่าศาสตราจารย์
เรียนสายศิลป์ความรู้วิทยาศาสตร์ชนะนักวิทยาศาสตร์โนเบล รู้ดีทุกเรื่อง
@@bozzalnw5357 ผมว่าอาจจะเร็วนั้น เพราะอีก 10 ก็ไปดาวอังคารกันแล้วน่าจะ 100 ปีอย่างต่ำแหละ 😂😂
โตโยต้าใสเกียร์มาเพราะเทคโนโลยีมอเตอร์ยังไม่ถึงขั้น ดูจากเทคโนโลยีที่โตโยต้ามีด้านมอเตอร์ไฟฟ้า ยังตามหลังค่ายรถไฟฟ้าอย่างเทสล่าอีกมาก มอเตอร์ไฟฟ้าทั่วไปตีนต้นทำได้ดีแต่ตีนปลายไปไม่ไหว ไม่แปลกที่จะใส่ชุดเกียร์เข้ามาเพื่อชดเชย ซึ่งหลายค่ายก็ใส่ชุดเกียร์เข้ามา แต่ก็ยังสู้มอเตอร์ของเทสล่าไม่ได้ แรงทั้งตีนต้นและตีนปลาย มีชุดเกียร์มันหมายถึงราคาที่เพิ่มเข้ามา ค่าบำรุงรักษา กำลังและพลังงานที่สญเสียไป และน้ำมันที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชุดเกียร์รถน้ำมันว่าแพงแล้ว ชุดเกียร์สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าแพงกว่าอีกมากจะกี่เท่าไม่รู่ เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดมันสูงก็ต้องใช้เฟืองเกียร์ที่ทนแรงบิดได้สูง แน่นอนมันคือค่าการผลิตที่ต้องซับซ้อนและสูงขึ้นตาม เอาเกียร์รถ น้ำมันมาใส่อายุไม่ยืนแน่ไม่นานก็พัง สำหรับผมการใส่ชุดเกียร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านังโดยสารมันหมายถึงเทคโนโลยีที่ยังไม่ก้าวไกล เหตุผลหลักที่โตโยต้าใส่มาในรถซุปเปอร์คาร์คืออะไร เจาะตลาดคนใช้รถน้ำมัน ที่ยังชินกับการขับขี่แบบรถน้ำมัน ที่เป็นแฟนโตโยต้า วิเคราะห์ได้เลยว่าตีนต้นสู้เทสล่าไม่ได้เลย แต่ตีนปลายน่าจะเฉีอน ๆ และเทคโนโลยีมอเตอร์ที่ยังไม่ถึงขั้น ทำไมใส่ขุดเกียร์จึงสูญเสียกำลังไปมาก หลัก ๆ ง่าย ๆ เลย แรงเสียดทานที่เกิดจากเฟืองทุกตัว เหล็กเสียดสีกับเหล็ก ยิ่งมีหน้าสัมผัสเสียดสีกันมากเท่าไหร่แรงเสียดทานก็มากขึ้นเท่านั้น มันคือกำลังที่สูญเสีย มอเตอร์ก็มีแรงเสียดทานถายในระหว่างแกนมอเตอร์กับลูกปืน บูซ เสื้อมอเตอร์ อากาศ เครื่องยนต์สูญเสียกำลังไปมากได้ไม่เจ็มประสิทธิภาพของการเปาไหม้ก็เพราะแรงเสียดทานในเครื่องยนต์นี่แหละ ลูกสูบ แหวน ก้านสูบ ปลอกสูบ แกนเพลา ชาร์บ วาล์ว และอื่น ๆ ที่มีการเสียดทานกันของเหล็กกับเหล็กอีกเยอะมาก หากทำให้แรงเสียดทานภายในชุดเกียร์มีน้อยมาก ๆ ได้ ก็จะยอดเยี่ยมมาก แต่โคตรมหายากมาก ๆ จริง ๆ
เห็นด้วยว่าอาจจะให้มีเป็นทางเลือก
อย่างแรกคือจะมีบางคนที่ชอบเกียร์ธรรมดามาก ไม่ชอบเกียร์อัตโนมัติ บางคนอาจจะกลัวเกียร์อัตโนมัติ หรืออาจจะมองว่าเกียร์อัตโนมัติไม่ปลอดภัยเท่าเกียร์ธรรมดา เป็นต้น กลุ่มนี้จะไม่ชอบอีวีเพราะอีวีมีแต่เกียร์ออโต้หรือเพราะอีวีนั้นไม่มีเกียร์ แต่ถ้าอีวีมีแบบเกียร์ธรรมดาให้เลือกใช้ คนกลุ่มนี้ก็อาจจะเปิดใจยอมรับอีวีได้มากขึ้น
อย่างที่สอง อาจมีประโยชน์ในการขับลงเขาชัน หรือการดริฟท์ ฯลฯ ก็อาจจะเหมาะกับรถที่มีหลายเกียร์มากกว่า หรืออย่างตัวผมเองไม่เคยขับอีวี ไม่เคยขับรถที่มีรีเจ็น ไม่เคยขับรถที่เป็น one pedal ก็คงจะถนัดขับรถแบบดั้งเดิมมากกว่า
อย่างที่สาม งานบางประเภทที่ยังต้องการเกียร์ธรรมดา เช่น ใบขับขี่ของบางประเทศจะมีแบบ ใบขับขี่ขับเกียร์ออโต้ได้อย่างเดียว กับแบบใบขับขี่ขับได้ทั้งเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดา โรงเรียนสอนขับรถยังอาจต้องการรถมีเกียร์ธรรมดาอยู่
ขี้งกอย่างพี่โต ขนาดมิเตอร์วัดความร้อนยังตัดออกเพื่อลดคอส นี่จะหาเรื่องเพิ่มคอสโดยไม่จำเป็น ผมว่าคงอยู่ได้แค่ขั้นพัฒนา ออกตลาดขายจริงคงยากมากๆ😅
มอเตอร์ แบบมีเกียร์ ก็มีใช้ในอุตสาหกรรม เยอะแยะ เพราะ เราต้องการ ทอร์ก ไม่ได้ต้องการรอบจัด ใช้อินเวอเตอร์ มันลดแต่รอบ แต่ไม่เพิ่ม ทอร์ก พวกขับขึ้นเขา ยังไงควรมีเกียร์
นี่แหละสิ่งที่ต้องมี
1 ลดภาระมอเตอร์
2 ได้กำลังเพิ่มขึ้น
3 ได้ความเร็วเพิ่มขึ้น
4. ไช้พลังงานน้อยลง
5 ไม่จำเป็นต้องไช้มอเตอร์ลูกใหญ่
ต้องไปเทียบว่า ราคาเกียร์กับไปลงทุนมอเตอร์กำลังสูงอันไหนคุ้มกว่า
6. เพิ่มค่าบำรุงรักษาอีกเยอะ
อย่าลืมว่ามันมีการสูญเสียกำลังในชุดเกียร์ ยังต้องมานั่งเปลี่ยนน้ำมันเกียร์แล้วยังต้องจ่ายแพงขึ้นอีก มันจะคุ้มค่าไหมนะ แต่ถ้ามีเกียร์ L ไว้ขึ้นทางลาดชันหรือบรรทุกหนักนี่ยังพอได้
เหตุผลของคนรุ่นใหม่เยี่ยมมากครับ..โตโยต้าคือบริษัทโบราณ
บางตนเข้าไม่ได้สนเรื่องของประสิทธิภาพ แต่บางคนอยากได้อารมณ์ในการขับขี่ ซึ้งก็คือเกียร์ รอบกวาดสับ ที่คนอยากได้จริงๆคือเกียร์ธรรมดาบวกมอเตอร์เอาไว้สับเพื่อความสนุกในการขับขี่ มันถึงยังมีรถสปอตเกียร์ธรรมดาอยู่ทั้งๆที่เกียร์อัตโนมัติให้ประสิทธิ์ภาพที่มากกกว่าเร็วกว่ามนุษย์
@@michaelhnunpanichponk9602 ขนาดเกียร์ปัจจุบัน(น้ำมัน)ยังมีการสึกหรอ สับผิด ขับขี่กระชาก สะดุด มันมีการสึกหรอ ยิ่งมอเตอร์ไฟฟ้ากดเป็นพุ่งสับผิดทีนึงกระจุยกระจายแน่ๆครับ (รอบสูง)
มอเตอร์ก็ยังมีชุดเกียร์ดิฟมีน้ำมันเกียร์ มีของเหลวระบายความร้อนด้วย
ไม่มีเกียร์ การสูญเสียกำลังยิ่งเยอะกว่าครับ ถ้าไม่มีเกียร ก็ต้องใช้มอเตอร์ที่มีกำลังสูง แบตก็ต้องใหญ่ ราคาแพงแถมวิ่งได้ไกล้ครับ
ทุกอย่างที่ Toyota คิด ล้วนเป็นผลประโยชน์ส่วนตนของ Toyota ทั้งนั้น
ถูกต้องสุดๆครับ
โตโยต้าเป็นบริษัทเอกชนครับ
รถไฟฟ่า แค่มี เกียร์ low กับ เกียร์ high ก็พอแล้วมั้งครับ ถ้ามีเกียร์เอามาลดเรื่องการกินไฟ ไม่ต้องทำจะดีกว่าเพราะยังไง แบตมันก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
นั่นดิ เยอะไปเปลือง 555
@@WelldoneGuarantee ไม่ทราบว่าปกติเกียร์1ลูกน้ำหนักเท่าไห้ครับ
ไม่ต้องมีเกียร์ เฟือง accessories ต่างๆน้ำหนักลดไปเยอะ มอเตอร์ไม่ทำงานหนักประหยัดไฟโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
ลองนึกถึง รถไฟฟ้าเหยียบที่ความเร็ว 120 แต่มาใช้เกียร์ 1 เหยียบเท่ากันได้ความเร็วแค่ 30-40 เพื่อออกตัว เปลืองไฟมากกว่ามากๆเพราะว่าเป็นมอเตอร์ ไม่ใช่ เครื่องยนต์ มันจะคุมได้ยังไง ยิ่งทำให้รถหนักขึ้นไปอีก
ในขณะที่แบบไม่มีเกียร์เหยียบหน่อยเดียวด้วยความเร็ว 30 40 เท่ากัน ไม่เปลืองไฟ
ปล. แต่เสียค่าขนาดมอเตอร์เพิ่มขึ้นนะ
มันเป็นการจดเพื่อให้ได้สิ่งใหม่จากผู้อื่น
รถไฟฟ้ามีเกียร์ มีมานานแล้วแต่เป็น hypercar ที่โตโยจดมันเป็นเกียร์ที่ใช้ในรถถนนทั่วไป แต่ถามว่ามีผลอะไรกับค่ายอื่นไหมผมมองว่า มันทำได้แค่ทำสิ่งใหม่ที่ไม่เหมือนกับของโตโย และตัวโตโยเองก็หวังให้เจ้าอื่นคิดสิ่งใหม่กว่ามานำเสนอ จดสิทธิบัตรเพื่อให้โลก ev เปลี่ยนไปตามแนวทางที่ตนต้องการมากกว่าการจดที่หวงแหนความคิดทางปัญญา
* rimac คือ ค่ายรถ hypercar ev ที่ใส่เกียร์ในระบบมอเตอร์ครับผม
ควรมีโหมดเกียร์ต่ำใช้ง่ายดูแลง่ายเพื่อใว้ออกตัวและขึ้นทางชัน พอได้ความเร็วก็บายพาสระบบเกียร์ไปเลย อาจลดขนาดมอเตอร์ได้อีก
การตอบสนองความรู้สึกรถน้ำมันเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม คนส่วนใหญ่ไม่แคร์ แค่ใครจะยึดติดกับความรู้สึกก็ว่ากันไป
ควรจะมีเกีย เพื่อทดรอบในการสิ้นเปลืองไฟ แบต และแบตจะยืดอายุการใช้งาน
มันไม่เหมือน ice นะครับ ให้ลองนึกถึง รถไฟฟ้าเหยียบที่ความเร็ว 120 แต่มาใช้เกียร์ 1 เหยียบเท่ากันได้ความเร็วแค่ 30-40 เพื่อออกตัว เปลืองไฟมากกว่ามากๆเพราะว่าเป็นมอเตอร์ ไม่ใช่ เครื่องยนต์ มันจะคุมได้ยังไง ยิ่งทำให้รถหนักขึ้นไปอีก
ในขณะที่แบบไม่มีเกียร์เหยียบหน่อยเดียวได้ความเร็ว 30 40 เท่ากัน ไม่เปลืองไฟ
สงสัยครับ ทำไมไม่ลดขนาด ลดกำลังมอเตอร์ เพื่อประหยัดการใช้แบ็ต ด้วยการใช้เกียร์ล่ะครับ เช่น แทนที่จะใช้มอเตอร์กำลัง 300 นิวตันเมตร ในรถหนัก 1ตัน ก็กลับไปใช้ 120 นิวตันเมตร + ระบบเกียร์แทน
จะมีเกียร์ใส่มาให้มันยุ่งยากทำไมล่ะ อีกอย่างการบำรุงรักษาก็จะตามมา 1 เดือนก็จะต้องเข้าศูนย์บริการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ น้ำมันเกียร์ก็อาจเป็นชนิดที่แพงๆเพราะเขาจะอ้างว่าเป็นเกียร์ชนิดพิเศษ
แต่ถ้าไม่มีเกียร์ 6 เดือนหรืออาจเป็น 1 ปี อาจเข้าศูนย์ 1 ครั้งสบายกระเป๋าเรามากมิชอบหรือครับ
เขาคงทำมารถเฉพาะกลุ่มอย่างรถสปอร์ตนั้นแหละครับคงไม่มาขายเป็นรถบ้านทั่วไปให้เราใช้หรอก เพราะคนเล่นรถแนวเฉพาะกลุ่มต้องการความสนุกในการขับขี่แบบดั้งเดิม
ก็ในเมื่อ รู้ๆกันอยู่ว่า ปัญหาหนึ่งของรถไฟฟ้าในปัจจุบัน คือ ยิ่งเร่งรอบสูง ยิ่งเปลืองแบต
ก็ถ้ามีเกียร์มาช่วยลดรอบในช่วงความเร็วปลายได้ การกินแบตก็ควรจะน้อยลง
เอาเรื่องการประหยัดแบต มาเป็นตัวชูโรงดีกว่า ครับ ดูมีเหตุผลในการขาย มากกว่าเรื่องอรรถรสในการขับขี่
คนใช้รถไฟฟ้าส่วนมากต้องการความสะดวกสบาย ง่ายๆ แต่โตต้าออกแบบให้ยุ่งยากเพิ่มขึ้น เพิ่มต้นทุนสูงขึ้น ราคาเพิ่มขึ้นแน่นอน ยังไงโตต้าคิดได้แต่ คงขายได้ไม่ดีแน่นอนคับ
เป้าของเขาจริงๆก็ทำเฉพาะกลุ่มอยู่แล้ว ถ้าเป็นค้าที่บ้าการขับรถสนุกกับการขับเขายังโหยหาเกียร์กะปุกอยู่
มีคนจำนวนหนึ่งที่ชอบเกียร์ธรรมดา ก็เลยไม่ชอบอีวีหรือไม่ต้องการอีวี การที่มีอีวีแบบเกียร์ธรรมดา บางทีอาจจะแก้ปัญหานี้ได้
อันนื้คิดคล้ายกันครับ น่าจะเน้นขายอะไหล่ด้วย เพราะโตโยต้าถนัดเรื่องกลไกลถ้ามีกลไกลมากรายได้น่าจะเพิ่มอีกทางหนึ่ง และมอเตอร์ก็ไม่ต้องใช้แรงบิดมากการลดต้นทุนก็จะน้อยลงกำไรมากขึ้น
จริงๆรถไฟฟ้ามันมีเกียร์อยู่แล้วนะ แต่มันมีแค่เกียร์เดียวเลยไม่ต้องมีการสลับเกียร์ คิดว่าถ้าเพิ่มเกียร์ควรเพิ่มแค่เกียร์เดียวเพื่อมาเสริมความเร็วปลายให้ประหยัดแบตมากขึ้น เพราะเมื่อรถแล่นด้วยความเร็วตัวรถจะไม่ต้องการกำลังแต่ต้องการแค่ความเร็ว แก้ไขตรงนี้ด้วยการเพิ่มเกียร์มาลดรอบมอเตอร์เพื่อให้ประหยัดไฟลงตอนรถวิ่งเร็วและลอยตัวแล้วน่าจะช่วยประหยัดแบตได้เยอะ แต่ก็ต้องแลกกับต้นทุนการผลิตที่สูงกับค่าบำรุงรักษาที่มากขึ้น.
ไม่เห็นด้วย ต้องเสียเงินค่าน้ำมันเกียร์อีก การสึกหรอช่วงที่มันเปลี่ยนเกียร์อีก ของเทสล่าเขาวิ่งไปล้านโล แล้วถอดเกียร์มาดู มันยังดูเหมือนใหม่ ถ้าเปลี่ยนเกียร์แบบนี้ วิ่งไม่ถึงล้านโลเหมือนเทสล่าแน่
ถ้าฟังจากคลิป มันไม่มีเกียร์จริงๆ เป็นเกียร์ปลอมๆให้คนขับเท่ๆเฉยๆ แบบกดสวิทซ์ไปสั่งมอเตอร์ให้วิ่งเร็ววิ่งช้าเฉยๆ
อยากให้หมดยุคเก่า ให้บริษัทรถยนต์ใหม่ๆเกิด ผลประโยชน์จะได้ตกกับผู้บริโภคเต็มๆ ไม่ใช่กั๊กสเปคเหมือนที่ผ่านมา
ขอแสดงความดีใจที่โดนcopyเม้น
การที่จะมีเกียร์เหมือนรถน้ำมันข้อดีคือได้อรรถรสความสนุก ได้ความประหยัดในการใช้ไฟฟ้าเพราะใช้มอเตอร์ลูกเล็กลงได้รอบมอเตอร์ก็ใช้น้อยลง แต่ข้อเสียคือต้นทุนกับการซ่อมบำรุงนี่ล่ะ
แล้วไม่คิดที่จะใช้ high torque บนพื้นฐาน low power เพื่อให้ประหยัดน้ำมันละ ครับ เกียร์มีความจำเป็นมาก
ถ้าค่ายรถพัฒนาออกมา มันก็น่าจะช่วยให้ประหยัดแบตเพิ่มขึ้น ได้ระยะมากขึ้นด้วย เพราะไม่ต้องเค้นแรงบิดมาก แค่อยู่ในเกียร์ที่เหมาะสม เฟืองแตะกันเบาๆนิดเดียวรถก็ขยับล่ะ
เป็นเสน่ห์ของรถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อครับ
สำหรับผมว่าดีคับ 3อัตราทดพอคับ คือ ขึ้นเขา :ได้แรงบิดเวลาขึ้นและได้การรีเจนไฟกลับแล้วก็หน่วงรถได้ดีกว่าเดิม
ในเมือง : ก็อย่างทึ่ชื่อบอกเน้นความคล่องตัว
นอกเมือง : ใช้เดินทางไกล โดยจะทำให้รถประหยัดไฟฟ้า มอเตอร์จะใช้ความเร็วรอบน้อยลง
ตอนนี้ที่ชาวบ้านอู่บ้านนอกทำใช้เองก็ใช้เกียร์ อย่างเช่น รถมาสด้า 1300 ซีซี ที่พังงา มีเกียร์น่ะครับ ผมเห็นเขารีวิวอยู่นานแล้ว เห็นถอดเครื่องออกใช้มอเตอร์ ชนเกียร์เดิม
ชอบที่จะมีเกียร์ครับ
ผมก็ชอบรถไฟฟ้าครับ ผมเป็นพนักงานขับรถอยู่ สิ่งที่อยากใด้ รถไม่ต้องแพงมาก และจุดชารจ์ไฟมากกว่านี้ครับ (ลองคิดดูครับถ้ามีรถไฟฟ้าไปพัทยาหรือระยองซัก60คันในกรุงเทพจะชารจ์ไฟนานขนาดใหน อยู่ที่ไฟปล่อยแรงหรือช้าแต่ละจุดหรือป้ำน้ำมันไม่เหมือนกันถ้าเจอคิวที่3ก็นานหน่อยเพราะคงไม่มีใครเอาไฟแค่ 20-30%หลอกครับ) แต่ยอมรับว่าน่าใช้ครับ..
ติดตามครับ
รถที่ใช้มอเตอร์กำลังสูงๆอย่างพวกเทสล่าผมมองว่าไม่จำเป็น
แต่รถแรงน้อยๆแบบค่ายจีนผมมองว่าควรมี โดยเฉพาะรถบรรทุก
ถ้ามีซักเกียร์ 2 เกียร์ hi low ออโต้ก็ได้
ก็จะไม่มีกรณีแบบ โอร่า ชัตดาวน์ คาเนินเพราะโหลดหนักจนร้อน
ลดการดึงกระแสตอนออกตัว ตอนเรียกอัตราเร่ง ก็ทำให้แบตเตอรี่ใช้ได้ระยะทางมากขึ้น/ชาร์จ
ขายดีครับ แตกต่างไม่น่าเบื่อ ถึงเวลานั้นคงหารถเกียร์กระปุกขับยากแล้ว สนุกเวลาสับเกียร์ ได้ความเร็วแบบรถไฟฟ้า
ถ้าขับแบบบุนตะและทาคุมิ ส่งเต้าหู้ ขึ้นลงเขาอากินะ จำเป็นนะ เทคนิคการใช้คลัทช์ ใช้เกียร์เพิ่มแรงบิด เป็นเสน่ห์สายดริฟท์ น่ะครับ
สงสัยจะทำใว้รองรับรถไถนาev
ต้องการ "ความเร็วปลาย" ที่ "ไม่ต้อง" การแรงบิดมากๆ แต่ต้องการไหลๆ และใช้ "ไฟน้อยๆ"
อยากได้เสียงท่อจากรถไฟฟ้าด้วยครับ
ในรอบมอเตอร์เท่ากัน ถ้าอยู่ที่เกียร์ 1 กับ เกียร์ 3 ความเร็วล้อน่าจะต่างกัน การกินไฟอาจจะไม่ต่างกันเท่าไร
คนส่วนมากเค้าอยากได้ เพื่อช่วยการ ลงที่ลาดชัน ให้มันลดความเร็ว
ไม่ใช่เพื่อการออกตัว
ขออนุญาตสอบถามครับ
แล้วเกียร์ cvt สามารถใช้กับรถไฟฟ้าได้ไหมครับ เกียร์ระบบนี้ จะสามารถทนแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าได้ไหม
ถ้าสามารถใช้เกียร์ cvt ได้ น่าจะสามารถทดรอบของมอเตอร์ได้พอสมควร ซึ่งหมายถึงอัตราการใช้กระแสไฟฟ้า ที่ลดลง
รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบาย เพราะว่าไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ
สร้างงานให้ บจ. ในเครือ เพิ่มโอกาสซ่อมกับคนใช้
พี่โตทำเกียร์ เพื่อให้ บ.เกียร์ญี่ปุ่นไม่ตาย มันแค่นั้นเอง คนซื้อก็จ่ายค่าของที่ไม่ต้องใช้ เพิ่มเอาตามรสนิยมที่อยากซื้อพี่โต อิๆ
ใส่ในรถสปอร์ตพอไหว อย่ามาใส่รถบ้านนะเปลืองน้ำมันเกียร์ ค่าซ่อม ฯลฯ
ขอแสดงความประสบการณ์ แบบเด็กๆนะครับ เคยโม มอเตอร์เล่นสมัยรถ ทามิย่าตอนเด็ก ถ้ามีเกียร์แล้ว ผมว่า มันทำให้ใช้มอเตอร์ ที่กินไฟน้อยได้ ตอนผมทำเล่น มอเตอร์แรงๆ กินไฟมาก
ถ้ามันเป็นการถนอมแบตล่ะครับ การใข่พลังงานที่น้อย แต่ได้กำลังที่สูง ล่ะครับ
คือ ใช้รอย มอเตอร์ที่ต่ำ แต่พลังงานที่ถูกส่งออกมาจากชุดเกียร์ สูงมาก
ถ้ามอเตอร์มีแรงบิดสูงเกียร์แรก1:1ก็น่าจะได้แล้วเกียร์2-3ก็ลดลงไปอีกหน่อยเพื่อลดรอบมอเตอร์จะได้ลดการกินไฟให้ลดลง
ต่อไปคิดว่าไม่จำเป็น คิดว่า ถ้าเป็นรถไฟฟ้า ไปพัฒนาสมองกล ดีกว่าไหม ต่อไปจะเป็นระบบ ai แล้ว ที่ประมวลผลเองอัตโนมัติ หรืออาจเป็นปุ่มทางเลือกไว้ให้ใช้แค่นั้นเหละ ถ้าอยากให้ประหยัดน้ำมัน ควรไปพัฒนาซอฟเว ดีกว่ามั้ง หรือชิปประมวลผล ดีกว่ามั้ง
ถ้าใช้แล้วประหยัดไฟขึ้น วิ่งได้ระยะทางมากขึ้น อันนี้น่าทำ ถ้าเพื่อฟิลลิ่งอย่างเดียวเปลืองต้นทุนเปล่าๆ
ผมไม่เห็นด้วยกับโตโยต้าที่โตโยต้าจะทำก็เพราะต้องการจะขายอะไหล่รถยนต์เท่านั้นเองเมื่อมีเกียร์ก็ต้องมีน้ำมันเกียร์อีกและอะไหล่ขายไปพร้อมกันหาเรื่องให้กับคนใช้รถยนต์ไฟฟ้าเสียเงินซื้อน้ำมันเกียร์และอะไหล่อีกเมื่อรถไฟฟ้ามอเตอร์รอบมันจัดอยู่ไม่จำเป็นเลยเมื่อค่ายรถญี่ปุ่นยังคิดแบบนี้อยู่ต่อไปรับรองไม่ทันรถค่ายจีนแน่นอนทุกวันนี้จีนเขาไปไกลแล้วค่ายรถญี่ปุ่นยังมีความคิดล่าหลังมากๆ
เห็นด้วยกับไอเดียนี้ครับ ไปประยุกต์ใช้กับรถบรรทุกได้ ช่วยเบาแรงมอเตอร์และลดภาระงานของมอเตอร์ในกรณีบรรทุกหนักๆได้ด้วย
ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเกียร์ธรรมดา ตัวเกียร์มันอาจจะเป็นคอมพิวเตอร์ก็ได้ครับ ไม่ใช่หน้าตาเกียร์น้ำมันแบบที่เราคุ้นเคยแน่นอน เพราะต้องเสียค่าน้ำมันเกียร์บลาๆซึ่งเกียร์ธรรมดารถไฟฟ้าไม่มีแบบนี้แน่นอนครับ ถ้าใช้เกียร์คอมพิวเตอร์ คุณก็มีหน้าที่แค่สับโยกเหยียบครัชเพิ่มอรรถรสอย่างเดียว ไม่ต้องเติมน้ำมันเกียร์ครับ
ผมคิดแบบคุณเลย
ดีมากที่ไม่ได้ยินคำว่า "จากคนวงใน"
ชิ้นส่วนมาก เสียเงินซ่อมมาก ญี่ปุ่นก็จะได้เงินมากๆ..
ช่องเติบโตขึ้นเรื่อยๆเลยพี่ชาย ไม่ได้แวะมาดูนาน
แต๊งส์ๆเลย
ขนาดรถยนต์ เครื่องน้ำมัน เกียร์ออโต้ ก็ยังอยากมี แพดเดิ้ลชิพเลย
อาจจะดีในเรื่องประหยัดพลังงานด้วยครับ มีการทดรอบจากเกียร์ อาจจะทำให้ มอเตอร์หมุนรอบต่ำลง แต่ได้ความเร็วที่มากขึ้นด้วย
ความคิดเห็นของผมคือ โตโยต้ากำลังหาจุดขายที่แตกต่าง (ตามสไตล์คิดแบบญี่ปุ่น) เพราะตามคนอื่นอย่างเดียวเดี๋ยวเสียที่นั่ง
ไม่ทีชุดเกียร์ ก็ลดต้นทุน รถ และเพิ่มยอดขาย เวลาซ่อม หรือเปลี่ยน มอเตอร์ หรือแบต
เกียร์ e-cvt จะเอามาใส่รถไฟฟ้าไหม????
Ev มันยังไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะมาแทนเครื่องสันดาป ผมเคยเห็นมาแล้วว่าโตโยใช้รถขับเคลื่อนด้วยน้ำมาเป็นเวลา 12-15 ปี
มันไม่ง่ายขนาดนั้นที่จะเปลี่ยนสิ่งที่คนทั้งโลกใช้อยู่ทุกวันเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย
ควรมีให้เลือกทั้ง 2 แบบ มีเกียร์และไม่มีเกียร์ตามใจลูกค้าครับ ราคาน่าจะต่างกันเป็นแสน
เรื่องเกียร์ มันไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็น รถไฟฟ้า หรือ รถน้ำมัน มันแค่ช่วยเรื่อง ทอร์ก อย่าง ออร่า กูดแคท ถ้าใส่ เกียร์ ก็ขึ้นเขาสบาย..... รถน้ำมันถ้าไม่มีเกียร์ ก็ขึ้นเขาไม่ได้ เหมือนกัน
ปกติ คนไทยก็ทำได้ครับ (ใช้รถคันเดิม) แต่ต้นทุนยังสูง เช่น 1.ราคาแบตเตอรี่ 2.ราคามอเตอร๋ไฟฟ้าอย่างดี 3.ชุดคอนโทนเลอร์ ควบคุมการทำงาน(มอเตอร์)ไฟฟ้าครับ ส่วนชุดเกียร์ ใช้ตัวเดิม รถก็วิ่งปกติครับ
ผมหวังให้ค่ายที่จะทำรถกระบะไฟฟ้าในตลาดรถใช้ทำเกษตรกรรม มีระบบเกียร์ไว้ใช้ทบแรงขณะบรรทุกของหนักขึ้นเขาลงเขา เพราะการใช้ engine break ช่วยได้มากเรื่องความปลอดภัย
หรือรถไฟฟ้าจะไม่เหมาะสำหรับการการใช้ในงานเกษตร
ผมว่าหลายคนวิเคราะห์กันออกทะเลมากๆ เหตุผลของเกียร์ ต้องไปดูว่าเกียร์มันมีไว้เพื่ออะไรตั้งแต่ยุคแรกๆที่มีการค้นพบ มันคือการผ่อนแรง มันคือการเพิ่มแรงบิด เหตุผลไม่ได้ซับซ้อนอะไร มีเกียร์ ใช้มอเตอร์เล็กลงได้ นน.ลดลง ใช้ไฟน้อยลง ไปได้ไกลขึ้นในแบ็ตที่เท่าเดิม ทีนี้สิ่งที่ต้องดูตามมาคือ มันคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นกับประโยชน์ที่ได้แค่นั้นเอง ส่วนตัวผมมองว่ามันก้าวหน้านะ ผมว่า...
คลิปนี้คุณเวลมีเสียงแปลกแฮะ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
ถ้าจะเอาอรรถรส ควรทำเสียงมาร่วมด้วย เช่นเสียง v8 หรือเสียงเครื่องโรตารี่
ใส่เสียงก็พอ
เกียร์คงจะช่วยลดขนาดของมอร์เตอร์ และขนาดของแบตเตอรี่ ทำให้ราคารถต่ำลง มั้ง และเกียร์สามารถสร้างบุคลิกการขับขี่ของรถมั้ง
รถไฟฟ้าใส่เกียร์คงเป็น niche market การใส่เกียร์ทำให้ราคารถเพิ่ม ค่าบำรุงรักษาเพิ่ม
ขนาด1:1 ท็อคยังเยอะ แค่2 speed ก็เพียงพอนะ
หางานให้Supplierเกียร์ยังอยู่ต่อ
ทำให้ขายน้ำมันเกียร์ได้ ศูนย์บริการไม่เหงาจนเกินไป
ต. พูดแลดูสวยหรูนะ มองอีกมุมคือ มันลดต้นทุนด้านมอเตอร์ได้ ไม่จำเป็นต้องใส่มอเตอร์แรงๆ ส่งผลถึง แบตเตอรี่ = กำไรที่เพิ่มขึ้น ไหมอ่ะ(เพราะต. มีรง.รองรับเรื่องระบบเกียร์อยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก) ก็ต้องมารอดูกัน ว่าถ้าทำมาจริงจะราคาเท่าไหร หุๆๆ
เพิ่มต้นทุนให้สูงขึ้น แล้วจะขายถูกได้หรือไง เพิ่มน้ำหนักรถอีก เพิ่มน้ำมันเครื่องอีกเพิ่มค่าใช้จ่ายถ่ายน้ำมันเครื่องอีก ความคิดโบราณ ญี่ปุ่นหมดอนาคตแล้ว
เลียคลัชรถไฟฟ้า
เสียงมอเตอร์คงดัง
วิ้ววว วิ้วววว แสบแก้วหูแน่ๆ อิอิ
รถผมออกตัวเกียร์5 เเต่เหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นหน่อย
ทุกวันนี้ผมยังขับรถเก๋งเก่า ๆ เกียร์กระปุกอยู่เลย อยากได้ใหม่อยู่นะแต่ในท้องตลาดตอนนี้มีแต่เกียร์ออโต้ ผมขับแล้วจะหลับ... คร๊อก ฟรี๊...
ผมอยากให้มีเกียออโต้สำหรับไฟฟ้า
แมวดีควรมีเกียร์ต่ำ ขึ้นเขามอเตอร์จะไม่ร้อนมาก
ไม่มีความจำเป็นหรอกครับเกียร์สำหรับรถไฟฟ้า แต่จะทำให้เพิ่มการส่อมบำรุงเพิ่มอีกสำหรับผู้ใช้ บริษัทจะขายอะไหล่ได้เพิ่มอีกเช่นกัน
มันไม่ใช่แค่ความสนุกครับ ผมคิดนะ เมื่อเราเหยียบคันเร่งเท่าเดิมแต่รถมีเกียร์จะได้เปรียบตรงอัตตราทดจะทำให้รถมีเกียร์วิ่งได้ไกลขึ้นในระยะการอัดแบตเท่าเดิม ลองทดสอบดูครับ อัตตราทดมีผลต่อระยะทางต่อการชาร์ทนะครับ ตามหลักวิผศวกรรม ถ้าเทียบกับมอเตอร์เพียวๆ
เอาที่สบายใจเถอะครับ
เรียนทุกท่าน
17-18 กพ 2565 รอยัลฮิลล์ นครนายก มีกิจกรรม ttbdrive ร่วมกับ รถสวยสมุทรปราการ รบกวนระมัดระวีง เพื่อรับผิดชอบสังคมด้วยนะคะ
เนื่องจากมีผู้ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ แจ้งว่า โต๊ะทานข้าว ผู้เข้ารวมกิจกรรม มีคนติดโควิด ดังนั้น ควรร่วมมือรับผิดชอบสังคม ระมัดระวังด้วยค่ะ
ล่าสุด นุ๊กได้ร่วมงาน และทำการตรวจสอบด้วยชุดตรวจทถกวัน และไปตรวจที่โรงพยาบาล ยังไม่พบเชื่อนะคะ เพื่อทราบค่ะ
#ชมรมรถสวยศรีนครินทร์
#ttbdrive
#รถสวยสมุทรปราการ
#ตลาดรถยนต์
#รถมือสอง
#cars24
#carro
#carsome
จาก กรกมล มลธุรัช Nook
T:0652204007
E:khonkamon.m@gmail.com
L:khonkamon.m
สิ่งที่รอคอยได้วิ่งไกลขึ้นอีก จะได้ใช้รอบต่ำในเกียร์สูงๆ อาจจะมีสัก3เกียร์เดินหน้า1เกียร์ถอยหลังก็ได้
เพิ่มอรรถรสในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ และซ่อมบำรุงชุดเกียร์
สวัสดีครับพี่
มาตามนัด
เอาจริง ในตัวมอเตอร์รถไฟฟ้าเองก็มีระบบเกียร์อยู่ในนั้น ไม่ได้ออกจากแกนมอเตอร์แล้วหมุนล้อเลย ถ้ารถไฟฟ้าอยากได้ฟิวแบบระบบเกียร์ผมว่าแก้ปัญหาได้ที่ระบบ software (กำหนดรอบในแต่ล่ะสวิตซ์) ง่ายกว่าเยอะ แต่ก็นั้นแหละยุคเริ่มต้นของรถไฟฟ้า หลายแบนด์ก็ต้องสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองเพื่อที่จะแตกต่าง ยิ่งโตโยต้าช้ากว่าชาวบ้านก็ต้องยิ่งหาอะไรมาสู้ ถึงเริ่มต้นอาจดูไร้สาระ แค่สนองความต้องการบางกลุ่ม แต่อนาคตอาจพัฒนากลายเป็นนวัตกรรมของอะไรสักอย่างก็ได้
มีเป็นทางเลือกก็ดี สุดท้ายก็ต้องลองทดสอบใช้งานจริงว่าตอบโจทย์ป่าว
ถ้าจำไม่ผิด tesla เคยทำแล้ว มี2 เกียร แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
คลัทช์ เขียนแบบนี้ครับ ไม่ใช่ "ครัช" ที่ปรากฏในคลิปครับ เหตุเพราะถอดมาจากภาษาอังกฤษ "clutch" ที่แปลว่า ยึด เกาะติด ดังนั้นจึงต้องเป็นภาษาไทยว่า "คลัทช์" เด็กสมัยใหม่เขียนไม่เคยถูกเลยครับ ด้วยความเคารพ
คิดถึงตอน เกรียพัง คราช หมด ด้วย อะไหล่ อีก ข้าพเจ้าหนึ่งคน ไม่ซอ รถไฟฟ้ามีเกรีย ขอรับท่าน
พี่โตอยากได้ค่าบำรุงรักษาจากการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ อะไหล่เกี่ยวกับเกียร์
ชอบ
เสื้อTESLAสวยครับ
สามารถสนับสนุนเสื้อคลุมไฟฟ้า ได้ที่นี่ครับ😍😍
forms.gle/k4XnHDNzUiEjGhKa7
มีเกียร์ก็มีค่าซ่อมบำรุงมีการสึกหรอ มีการขาย spare part
ใช้รถไฟฟ้าที่สนามบิน ตั้งแต่อยู่ดอนเมือง มา30กว่าปี ยังมีเกียร์เต่า กับเกียร์กระต่ายเลยคับ แต่ละคันใช้เกิน20ปี ใช้ในคลังสินค้า และลานจอดแถวคลังคับ ลากน้ำหนักรวม50ตันสบายๆ
มันใช้งานคนละแบบครับ อันนึกใช้เฉพาะความเร็วต่ำ ลากจูง อันนึงใช้ทั้งต่ำทั้งสุง
@@user-ow7zt6ky9d คือทำแค่โหมดรอบต่ำ กับรอบสูง ก็น่าจะเพียงพอคับ รอบต่ำเพื่อในการขึ้นที่สูงชัน เหมือนมอไซด์ไฟฟ้า ยังมี3สปีด น่าจะดีกว่ามีสปีดเดียวนะคับ
มีไว้ทำไม แทนที่จะลดชิ้นส่วน ลดต้นทุนลง ไหนจะค่าบำรุงรักษา น้ำหนักรถก็เพิ่ม ค่าถ่ายน้ำมันเกียร์อีก รถไฟฟ้าแรงบิดมหาศาล เกียร์ต้องทนถึก แต่ถ้าเสียมาค่าซ่อมไม่อยากจะคิด
มีเกียร์ทำให้ประหยัดไฟครับใช้มอเตอร์เล็กลงทำให้วิ่งไกลขึ้น
รถไฟฟ้ามีเกียร์ ล้าสมัย เพิ่มความฝืด
ไม่มีเฟืองท้ายด้วย ใช้มอเตอร์ขับตรงล้อเลย
ลดค่าความฝืดเป็น0
การเปลี่ยนรอบอินเวอร์เตอร์ทำได้ดีกว่ามาก
ถ้ามีเกียร์ควรมีแค่ lowกับhigh ใช้lowตอนทางลาดชัน ใช้highตอนทางปกติ
อย่างน้อยสาวกขาซ้ายจอมพลังอย่างผมก็สบายใจ ส่วนหลายคนบอกจะทำทำไมไม่มีใครเขาใช้แล้วถ้าอนาคต ผมว่าเขาทำมาขายเฉพาะคนชอบขับรถสปอร์ตมากกว่า คนเล่นรถและชอบรถแนวนี้เช่น ผม ต้องการอารมณ์สนุกในการขับขี่แบบดั้งเดิมอยู่
ผมว่า ไม่ต้องมีเกียร์ก็ดีอยู่แล้วครับ ถ้ารถไฟฟ้าแบบที่แรงต้นแรงปลายสม่ำเสมอเป็น flat curve เหยียบคันเร่งไม่ว่าต้นหรือปลายก็มีแรงบิดสูง จะมีเกียร์ไว้ทำไมอีกล่ะครับ เพียงแต่ว่าช่วงต้นๆ ของคนใช้รถ อาจจะไม่คุ้นเคยกับระบบแบบนี้ และยังติดใจอยู่กับระบบเข้าเกียร์แบบเดิมๆ ก็เหมือนกับ การใช้เกียร์อัตโนมัติในรถยนต์ และเกียร์ธรรมดา สมัยก่อนก็ยังไม่คุ้นเคย เพราะใช้เกียร์อัตโนมัติ แล้วแรงบิดในรอบต้นไม่สูง ทำให้ขับไม่สนุก ดังนั้นพวกรถสปอร์ตทั้งหลายจึงใช้เกียร์ธรรมดา ตบเกียร์กันไปมาสนุกดี แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าแรงบิดมาทั้งรอบต้นรอบปลาย เกียร์ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปครับ ยกเว้นเอาไว้สำหรับให้คนที่ชอบตบเกียร์เล่นสนุกๆเท่านั้น
แรงบิดมาตั้งแต่รอบต้นก็จริงแต่ภาระอยู่ที่แบตเตอรี่กับชุดควบคุมความเร็วมอเตอร์ เกียร์ช่วยลดภาระของอุปกรณ์พวกนี้ลงได้ครับ อาจไม่ต้องกังวลว่ามอเตอร์จะร้อนเกินจนตัดการทำงาน
ในเมื่อใช้พลังงานในการออกตัวลดลง ที่ความจุแบตเท่าเดิมอาจวิ่งได้ระยะทางที่ไกลกว่าแบบเดิม