ในมุมคนที่อยู่ใน core ของอุตสาหกรรม EV มองว่าญี่ปุ่นไม่ได้ตกขบวนเลย user มโนแทนให้ล้วนๆ EV ไม่ใช่อนาคตอย่างเดียว แต่คือทางเลือกหนึ่ง ต้องมอง S-curve กันให้ออกก่อน ตลาด EV จะโตขึ้น แต่จะเคียงข้างไปกับพลังงานอื่นๆในระยะยาว
Wait and See ผมว่าส่วนนึง ญี่ปุ่นรอเทคโนโลยีที่นิ่ง ราคาสัมพันธ์กับความต้องการ เพราะตอนนี้Standardการผลิตชิ้นส่วนของ EV เพิ่งจะเริ่มวางกติกากันไม่นานมานี้เอง ถ้าวันนึงทุกอย่างลงตัว ญี่ปุ่นแค่ยกเครื่องออก ใส่แบตกับมอเตอร์ ก็ทำได้แล้วครับ
ผมว่าแบรนด์จีนทำได้แต่เค้าไม่ทำ เอาปริมาณเข้าสู้และลดคอสซึ่งราคาคุณภาพมันสัมพันธ์กันอยู่แล้ว ถ้าตั้งราคาไปชนแบรนด์ญี่ปุ่นเก็ขายไม่ได้แน่รถจีน เค้าเลยทำแบบไต่เส้นโดยการดรอปคุณภาพราคาให้ไม่ไปเกยกะพวกรถญี่ปุ่น แล้วพลังงานทางเลือกอย่างไฮโดรเจนยังต้นทุนสูงด้วยในยุคนี้ที่ยังเป็นยุค ev gen
ของไทย ความต้องการ EV ก็เยอะ แต่ยอดขายรวมยังไม่สูงมากนัก เพราะไม่มีให้เลือก คนจำนวนไม่น้อยรอที่จะดู EV ญี่ปุ่น เพราะบริการหลังการขายของญี่ปุ่นสร้างความมั่นใจในการใช้งานระยะยาวได้มากกว่า
การทดสอบล่าสุด ตอนนี้ auto pilot ของโตโยต้าก็นำ Tasla ไปแล้ว เหลือแต่จะเอามอเตอร์กับแบต ลงบอดี้เมื่อไหรแค่นั้น อย่างจีนเร่งแทบตายยอดใช้ EV ยังไม่ถึง 20%เลย ถึงว่า ญี่ปุ่นไม่ค่อยรีบ
ตัวเราเองเปลี่ยนรถใหม่ ก็ไม่เคยมองรถ EV เลย มองว่าเหมือนตอน ford festa ที่คนแห่ไปซื้อสุดท้ายยยค่าซ่อมแพงกว่าค่ารถ ใครอยากขับรถไฟฟ้าก็ขับเลยน่ะ เป็นหนูทดลองไปก่อน เพราะเราไม่รีบ
00:59 เกริ่นนำ
03:06 สถานการณ์ปัจจุบัน
08:26 ญี่ปุ่นก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้า
12:06 3 อุปสรรคของญี่ปุ่น
18:36 กลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่าน
26:49 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร
44:07 ความเสี่ยง
46:46 บทสรุป EV
ลี
1ลง
😮😢😢
ชอบทุกเม้นต์ที่มาเลยครับ คุณภาพเต็มๆทุกเม้นต์ ความรู้ทางเทคนิค, มุมมองอย่างเป้นมืออาชีพ เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ร่วมกันที่ดีเลิศครับ
ส่วนตัวแล้ว ผมย้ายมาเติบโตที่อเมริกา เคยคิดว่าจะซื้อ Tesla แต่คิดไปคิดมา มันไม่สะดวกที่ต้องไปรอ charge ... ราคาก็แพง ถ้าคิดแล้วกว่าจะคืนทุนใช้เวลาหลายปี พอมีปัญหาก็รถยกอย่างเดียวครับ ตอนนี้ราคารถไฟฟ้ามือสองเริ่มตกที่อเมริกาแล้ว เราต้องมองดูยาวๆครับ ผมเองเป็นเป็นเจ้าธุรกิจที่อเมริกา ผมมองจุดคุ้มทุนแล้วรถไฟฟ้าคือ....ไม่คุ้มอย่างแรง
เคยคุยกันคนญี่ปุ่น เค้าบอกว่าสาเหตุที่่รถญี่ปุ่นขายได้ทั่วโลก นั้นไม่ใช่คุณภาพ แต่เป็น service ซึ่งผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะ ซื้อรถแต่ละทีถ้าเป็นคนธรรมดาที่อยากใช้รถได้นานๆ ก็ต้องมองเรื่องศูนย์บริการด้วย
เพราะฉะนั้นตอนนี้ยังยากที่จะตัดสินอะไรว่าจะเป็นอย่างไร
ใช่แล้วครับ จากจุดแข็ง
กลับกลายเป็นชนักติดหลัง
และว่าระบบที่ลงแรงสร้างมาทั้งหมด
ก็กลายไปเป็นอุปสรรคที่สำคัญ
ในการปรับตัวในปัจจุบันครับ
@@kitinan เจ้าตลาดส่วนใหญ่ จะขยับยาก
เหมือนโกดัก ก็ติดกับดัก กล้องฟิล์ม
โนเกีย ก็ตายเพราะยึดติด OS ของตัวเอง
ไม่กล้ามาทาง android แต่แรก
เลยถูก google กับ apple ทิ้งไว้ข้างหลัง
พอขยับตัวช้าไป ก็ ไม่ทันล่ะครับ
service แก้ได้ครับ ตอนนี้ค่ายจีนขอแค่ มีที่ยืนก่อนซึ่งตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่ยืนดันเป็น ev แถวหน้าไปแล้วด้วย
จากจุดแข็งของศูนย์บริการกำลังจะกลายเป็นจุดด้อยหรือเปล่าในอนาคตคงต้องมาดู เพราะรูปแบบการให้บริการกำลังจะเปลี่ยนจากรถต้องวิ่งเข้าศูนย์บริการเปลี่ยนโมเดลเป็นรูปแบบการให้บริการวิ่งเข้าหาลูกค้าแทน ซึ่งเทสล่ากำลังจะ disrupt ตรงนี้แล้ว ที่เทสล่าทำได้เพราะรถ EV ชิ้นส่วนมันน้อยกว่ารถสันดาปรวมถึงการใช้ของเหลวด้วย
@@ananda99-k9f ไม่ต้องไปสงสารใครครับ
ไม่เสือกเรื่องคนอื่นดีที่สุด
ในมุมคนที่อยู่ใน core ของอุตสาหกรรม EV มองว่าญี่ปุ่นไม่ได้ตกขบวนเลย user มโนแทนให้ล้วนๆ EV ไม่ใช่อนาคตอย่างเดียว แต่คือทางเลือกหนึ่ง ต้องมอง S-curve กันให้ออกก่อน ตลาด EV จะโตขึ้น แต่จะเคียงข้างไปกับพลังงานอื่นๆในระยะยาว
ขอ Global Economic background ประเทศญี่ปุ่น หน่อยครับ ขอบคุณครับ
ใช่ๆ อยากได้หมือนกัน โดยส่วนตัวชอบประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หาหนังสือมาอ่าน ดูภาพยนตร์หรืออนิเมชั่นที่อิงประวัติศาสตร์ หรือมีช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับความจริงบางส่วน ทำให้เรารู้และชอบความเป็นญี่ปุ่นวัฒนธรรมญี่ปุ่น ค่านิยมของญี่ปุ่น
มากๆ เราเลยอยากรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่นในมุมมองของเฮียวิทย์ด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่เขากระโดดข้ามจากประเทศล้าหลังในช่วงปลายยุคเอโดะ เข้าสู่ยุคเมจิ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็กลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจโลกในเวลานั้นได้ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นเช่นนั้นได้(ตามปกติแล้วการที่ประเทศหนึงโดนอีกประเทศคุกคามอยู่ไม่น่าจะพัฒนาตนเองจนกลายเป็นประเทศระดับเดียวกับผู้คุกคามได้เลย กรณีญี่ปุ่น 8 ก.ค. 1853 พลเรือจัตวาแมธิว ซี เพอรี่ ของอเมริกา ยกทำเรือ(กองเรือดำ คุโระฟุเนะ) มาปิดปากอ่าวอูรางะ บังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศและค้าขายกับตน มิฉะนั้นจะยิงปืนใหญ่เข้าไปในเอโดะเมืองหลวงของญี่ปุ่น ณ เวลานั้น) อยากรู้ว่ามีอะไรเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ญี่ปุ่นทำเช่นนั้นได้ [เคยอ่านผ่านๆมาว่าสมัยนั้นมีการส่งลูกหลานขุนนางไปเรียนต่างประเทศแล้วกลับมาพัฒนาประเทศ อิโตะโคะโตริประเทศที่พัฒนาและโด่ดเด่นกว่าใคร เช่น เยอรมัน อังกฤษ ตัวอย่างคนที่มีชื่อเสียง เช่นโอกุโบะ โทชิมิสึ แต่ถึงกระนั้นต้องมีอะไรอย่างอื่นอีกที่จะทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาเร็วขนาดนั้น การส่งลูกขุนนางไปเรียนและให้กลับมาพัฒนาประเทศต้องไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำใหเญี่แนพัฒนาได้เร็วขนาดนั้นแน่นอน ลองคิดดูว่าต่อให้มีความรู้ความสามารถพอที่จะพัฒนาประเทศไปในแบบที่ตนคิด แต่ก็ต้องมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยจำนวน โดยเฉพาะกลุ่มหัวเก่าที่ไม่ชอบให้มีการเปลี่ยนแปลงเพราะจะกระทบอำนาจของตนเอง ญี่ปุ่นทำได้ไง? (* อิโตะโคะโตริคือการนำวิธีของผู้อื่นมาปรับเป็นของตนเอง ผู้นำแนวคิดคือเจ้าโชโตกุ ไดอิชิ ผู้นำทางการเมืองของญี่ปุ่นในสมัยอาซูกะ)] แล้วหลังจากจบสงครามญี่ปุ่นเป็นผู้แพ้สงคราม เผชิญกับเศรษฐกิจที่พังพินาศ ตลาดของญี่ปุ่นก็เป็นตลาดที่ผลิตอาวุธเป็นหลัก พออเมริกาเข้ามาก็สั่งห้ามการผลิตอาวุธ แล้วเขาเปลี่ยนสภาพแบบนั้นให้มากลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกได้ยังงไงกัน? มีอะไรที่เราเรียนรู้จากเขาได้บ้าง อยากให้เฮียวิทย์ทำคลิปประวัติศาสตร์การเมืองของญี่ปุ่นให้จัง
ดันๆครับ🙌🏻
ญี่ปุ่นเสร็จขอไทยต่อนะครับพี่เคนเเต่ถ้าตอนนี้เรื่องราวของไทยพูดยากเกินไปก็ไม่ต้องก็ได้ครับ555
@@Boat__ไทยยากมากเพราะช่วงที่ผ่านมามันระยำมากมาย
พอได้ยินเฮียวิทย์พูดถึงจุดแข็งของอุสส่าหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นแล้ว อยากทราบครับว่าปัจจุบันเฮียขับรถของค่ายไหนและเหตุผลคืออะไรครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าครับเฮีย
ขับวอลโว่
@@KHOMSAN-YANGNOK เกือบถูกละครับ ผมขับรถจากพื้นที่ที่ อยู่ล่างกว่า สวีเดนนิดนึงครับ
ชีวิตเฮียขับรถมา 2 ยี่ห้อเองครับ Mazda สมัยเด็กเพราะเป็นรถเก่าที่ครอบครัวโละมาให้สองคัน ... หลังจากนั้น BMW ครับ สาเหตุเพราะเป็นลูกจ้างบริษัทเขามายาวนานพอสมควรครับ แม้ว่าจะจากมา แต่ก็ยังขับรถเขาอยู่เรื่อยมาครับ เพราะมิตรภาพที่ดีต่อกันยี่สิบกว่าปี.. เรียกว่าเลือกเพราะ มิตรภาพมากกว่า การพิจารณา spec รถครับ ..
ด้วยความที่ที่เขามี BEV, PHEV และครั้งหนึ่งเคยทุ่มเทกับ Liquid Hydrogen (ท่ีทำให้เราไเด้เรียนรู้ควบคู่ไป) ทำให้ได้ศึกษา Energy transition หรือการเปลี่ยนผ่านพลังงานมาโดยตลอดครับ .. แต่สำหรับเฮียแล้ว ทุกค่าย ญี่ปุ่น เยอรมัน อเมริกัน จีน ฯลฯ เราล้วนเป็นคนในวงเดียวกันครับ ทุกค่ายมีข้อดี เพียงแตคนละแบบครับ
ผมรอรถไฮโดรเจนของโตโยต้าอยู่ครับ แต่ผมจะรอในรถเทสล่าครับ สู้ๆโตโยต้า
+1
ยังติดเรื่องต้นทุนที่สูงอยู่ กับเรื่องการขนส่ง
ถ้าแก้ได้ นี่คือพลังงานแห่งอนาคตอย่างแท้จริง
Wait and See ผมว่าส่วนนึง ญี่ปุ่นรอเทคโนโลยีที่นิ่ง ราคาสัมพันธ์กับความต้องการ
เพราะตอนนี้Standardการผลิตชิ้นส่วนของ EV เพิ่งจะเริ่มวางกติกากันไม่นานมานี้เอง
ถ้าวันนึงทุกอย่างลงตัว ญี่ปุ่นแค่ยกเครื่องออก ใส่แบตกับมอเตอร์ ก็ทำได้แล้วครับ
มันไม่ใช่แค่แบตกับมอเตอร์ มันมีซอฟแวร์ด้วย ตอนนี้ตามหลังเค้าอยู่หลายขุมแล้วด้วย
เคยคุยกับน้องที่ทำงานในบริษัทรถญี่ปุ่น น้องก็บอกว่าผู้บริหารเค้าก็รอดูอยู่จริง ๆ คือปล่อยให้ค่ายอื่น ๆ ลงทุนไปก่อนรอให้เทคโนโลยีมันนิ่งก่อนว่ารถไฟฟ้าแนวไหนกันแน่ที่น่าจะยั่งยืนจริง ๆ ค่อยลงทุนต่อ
จริง ซอฟท์แวร์ ในรถญี่ปุ่น โบราณมากครับ
ถึงเวลานั้น ชาวบ้าน เขาก็ไปทำ รถบินได้กันแล้ว
ส่วนตัวผมมองว่าบ.ญี่ปุ่นชอบมีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เดี๋ยวนี้เลยหายไปจากหลายๆธุรกิจมาก อย่าลืมนะครับว่าเทคโนโลยีสมัยนี้มันไปไว้มาก เอาง่ายๆตอนผมเด็กๆ 15-16 ไม่ค่อยมีใครซื้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า LG,Samsung แต่ทุกวันนี้ถามกลับไปว่า มีใครยังซื้อ Sony, Panasonic บ้าง ระวังไว้บ้างก็ดีครับ เมื่อสินค้าติดตลาดแล้ว ไม่นานความเชื่อมั่นและความไว้ใจในบริการ มั่นก็จะตามมา ผมมองไปที่ Benz,BMW ถ้าธุรกิจรถไฟฟ้าไม่มาจริงๆ เขาคงไม่ลงมาเล่น อย่าลืมนะครับว่าแบรนด์ระดับนี้เขามี R&D ระดับโลก อีกอย่างคนรุ่นใหม่เขามีทัศนคติที่เปลี่ยนไปกับรถที่ใช้น้ำมันแล้วนะครับ เขาแคร์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ย้อนไปซัก 15-20 ปีที่แล้ว ไปพูดกับใครว่าวันหนึ่ง Nokia จะเจ๊ง ล้มละลาย ไม่มีคนใช้ Nokia ในอีก 15-20 ปีข้างหน้า คงมีแต่คนหัวเราะว่าไอ้นี่มันบ้า รอให้ปลาบินได้ก่อนค่อยมาพูด
เฮียวิทย์เก่งมาก เก่งแบบเกินไป
เหมือนเข้าใจโลก ยังกับพระพุทธเจ้า 🧐
จริงครับเฮียอยู่ทุกวงการเลย 555
มันแค่สื่อประชาสัมพันธ์ ที่ต้องการตามล่าโฆษณาจากค่ายรถ EV จีน ที่กำลังโปรยเงินค่าโฆษณา
ตกขบวน หรือกระโดดลงจากขบวน เพื่อหาสิ่งที่เป็นอนาคตที่แท้จริงกว่า
จริงครับ พวกอวยจีนต้องเสียใจแน่ๆ
โตโยต้า มีความมั่นใจในแบรนด์ เหมือน โนเกีย,หรือ โกดัก ในอดีด จึงไม่คิดจะวิ่งตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ สุดท้ายอาจจะเป็นเหมือน โนเกีย ก็ได้
ผมเห็นด้วยกับเฮียวิทย์ว่า Stageนี้ค่ายรถญี่ปุ่นต้องทำคู่ขนานรถยนต์สันดาบกับวิจัยEVไปเรื่อยๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ช้าอย่าลืมว่ายอดขายณตอนนี้90%ยังเป็นสันดาบแล้วจะทิ้งทุกอย่างไปเพื่อ10%ไปเพื่ออะไร เพราะฉะนั้นกลยุทธ์ของเจ้าตลาดเดิมกับของหน้าใหม่ในตลาดรถยนต์ย่อมต่างกัน และระหว่างทางในการผลัดเปลี่ยนนี้อาจะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่าEVเข้ามาสอดแทรกก็ได้ อีกทั้งค่ายรถเข้ายังมองถึงมิติของทั้งIndustrialด้วยพวกแรงงานและsupplierของทั้งเชนว่าจะปรับตัวตามเรื่องนี้่กันยังไง
ญี่ปุ่นคงรอดูมากกว่า เพราะตอนนี้ ตลาดรถ ยังเป็นของรถสันดาบภายในอยู่ สัดส่วนEV ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่มาแน่ ส่วนค่ายญี่ปุ่น แบรนด์แข็งแรงมากแทบทุกยี่ห้อ ส่วนค่ายจีน รถ EV เค้าเกิดมาจากการบริโภคภายใน เป็นหลักเพราะตลาดใหญ่มาก แต่ความเชื่อมั่นของแบรนด์ ถ้าในระดับโลก น่าจะต่ำกว่าค่ายญี่ปุ่นแน่ๆ ผมว่าญี่ปุ่นรอให้ตลาดเกิดและซุ่มเตรียมความพร้อม และพัฒนาทางเลือกอื่น อย่างไฮโดรเจน เป็นอีกทางเลือก สมมุติถ้าตลาดมันเกิดแล้ว คนส่วนใหญ่หันมาใช้รถไฟฟ้าในสัดส่วนที่มากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น สถานีชาร์ต พร้อม เทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น ผมว่าค่ายญี่ปุ่นเค้าน่าจะเปลี่ยนผ่านได้ไม่ยาก และเค้าก็ทำรถไฮบริดมานานมากแล้ว ซึ่งมันน่าจะเหนือกว่ารถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เมื่อญี่ปุ่น เปิดเกมรุกปล่อยรถไฟฟ้า ออกมา ผมเชื่อ ความแข็งแรงของแบรนด์ จะสู้กับค่ายใหม่ๆได้แน่นอน เพราะแบรนด์ญี่ปุ่นเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคมายาวนาน ต้องรอลุ้นกันดูครับ เกมนี้ต้องดูกันยาวๆครับ
1.ส่วนตัวมองว่าญี่ปุ่นไม่ได้ตกขบวน แต่มองหาพลังงานอย่างอื่นควบคู่ไปด้วยที่ไม่ใช่EV เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าได้มีทางเลือกอีกทางหนึ่ง...
2.รถญี่ปุ่นที่ขายได้ทั่วโลกไม่ใช่เพราะรถมีคุณภาพที่สูงมาก แต่เพราะความทนทานและไม่จุกจิกของตัวรถ และมีบริการหลังการขายที่ดี ที่แบรนด์รถจากจีนหรือแบรนด์รถจากประเทศอื่น ไม่สามารถทำได้...
3.ความชำนาญของช่างไทย ทั้งในศูนย์และอู่นอกศูนย์ ที่ชำนาญรถญี่ปุ่นมากกว่า อะไหล่ถูกและหาง่าย ช่างที่ไหนก็ซ่อมเป็นทั่วไทย คือรถญี่ปุ่น... รถทนทานไม่จุกจิก อะไหล่ก็ถูก หาช่างง่ายอีก... ลูกค้าก็สบายใจ...
ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ
ญี่ปุ่น(ยัง)ไม่เทใจไปอีวี ไม่ใช่เพราะแค่ติดที่ต้องอุ้ม suppliers ที่เกี่ยวข้อง ตามหลักธุรกิจญี่ปุ่น (แต่จะเข้าทำนองเตี้ยอุ้มค่อมหรือเปล่า) แต่ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น 1.ลงทุนพลังงานไฮโดรเจนไปเยอะแล้ว เพราะไม่ได้อาศัยวัตถุดิบตั้งต้นอะไรมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ดูท่าจะเป็นต้นทุนจม 2.วัตถุดิบอย่างอื่น โดยเฉพาะลิเธี่ยม ไม่ได้เป็นเจ้าของเลย เหมืองลิเธี่ยมส่วนใหญ่..จีนบ้าง ลุงอิล่อนบ้าง กวาดเรียบ ถ้าญี่ปุ่นจะทำ (ทีหลัง) ก็จะเสียเปรียบกว่ามาก ไม่เหมือนสมัยทำรถ ICE
ในบรรดาค่ายญี่ปุ่น มี Nissan ที่เข้าตลาดอีวีไวมาก และดูอนาคตดีที่สุดในตอนแรก ๆ น่าจะเป็นนโยบายของประธานคนก่อนที่ระเห็จออกนอกประเทศไปแล้ว พอเปลี่ยนคนใหม่มา ก็กลับไปทำแบบเดิม ๆ อีวีก็ผลักดันน้อยลง ไปเน้นตัว KIck แทน ทำให้เสียโอกาสไป ทั้งที่เริ่มต้นมาได้ดี ตลาดต่างประเทศก็ตอบรับดีด้วย
ผมว่าแบรนด์จีนทำได้แต่เค้าไม่ทำ เอาปริมาณเข้าสู้และลดคอสซึ่งราคาคุณภาพมันสัมพันธ์กันอยู่แล้ว ถ้าตั้งราคาไปชนแบรนด์ญี่ปุ่นเก็ขายไม่ได้แน่รถจีน เค้าเลยทำแบบไต่เส้นโดยการดรอปคุณภาพราคาให้ไม่ไปเกยกะพวกรถญี่ปุ่น แล้วพลังงานทางเลือกอย่างไฮโดรเจนยังต้นทุนสูงด้วยในยุคนี้ที่ยังเป็นยุค ev gen
ญี่ปุ่นเดินตามรอย ฟูจิ 😄😄😄😄😄 ไม่สนโลก ไม่ยอมผลิตกล้องดิจิตอล
@@sutheeinkaew9212 55555
@@sutheeinkaew9212 เดี๋ยวๆกล้องดิจิตอล ทุกวันนี้แบรนด์ญี่ปุ่นทั้งนั้นนะท่าน sony canon nikon ฟูจิกับโกดักสมัยนั้นมันผลิตฟีล์มเป็นหลัก ถ้าจำไม่ผิดกล้องดิจิตอลตัวแรกก็น่าจะเป็นโกดักนะ
ผมเชื่อไฮโดรเจนครับ สุดยอดครับรายการนี้ข้อมูลแน่นมาก
555
ญี่ปุ่นรอพัฒนาแบตเตอรี่่รุ่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบันต่างหาก หรือไม่ก็ไปลองตลาดไฮโดรเจนที่กำลังขายอยู่ในอเมริกา ยุโรป ไปแล้ว เรื่อง EV มันง่ายสำหรับญี่ปุ่นอยู่แล้ว มารอดูว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ดีดว่า
ผมเห็นด้วย ดูอย่างรถไฟพลังงานแม่เหล็ก Maglev ทุกวันนี้ญี่ปุ่นยังอยู่ในขั้นการทดลองอยู่เลยเพราะตามนิสัยของคนญี่ปุ่นเขาต้องมั่นใจจริงๆจึงจะปล่อยของออกมาขาย แต่จีนเขาเน้นทำก่อนทำให้ไวอย่างอื่นค่อยว่ากัน+กับกระแสโลกทุกวันนี้ชอบอะไรที่ปัจจุบันทันด่วน เลยทำให้คนที่นิสัยช้าแต่ชัวร์อย่างญี่ปุ่นอาจจะดูไม่ทันเพื่อน แต่ผมเชื่อว่าถ้าเขาปล่อยอะไรออกมาของสิ่งนั้นมักจะเป็นของดีเสมอ
ญี่ปุ่นโดยเฉพาะโตโยต้าไม่ได้รอเทคโนโลยีนิ่งอะไรทั้งนั้นแหละ แค่เพียงผ่านไม่ได้มากกว่าเพราะบริษัท supplier ในเครือทั้งหลาย(ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มีรถพร้อมส่งและอะไหล่มากมาย)ที่เคยผลิตชิ้นส่วนสำหรับเครื่องยนต์สันดาปให้จะถูกโละทิ้งแทบทั้งหมด อีกปัจจัยนึงคือโตโยต้าทุ่มการวิจัยไปกับ fuel cell มากเกินกว่าที่จะถอยกลับ แถมตอนนี้ยังออกรถสันดาปที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงออกมาอีกซึ่งใช้ชิ้นส่วนแทบไม่ต่างจากรถธรรมดา
แต่สุดท้ายไฮโดรเจนมันก็ไปไม่ไหวหรอก infrastructure มันไม่พร้อม กลับกัน ev charger ติดตั้งง่ายกว่าเยอะ แถมทุกวันนี้สถานีชาร์จทั้งหลายยังไม่ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพเลยเพราะคนส่วนใหญ่เลือกที่ชาร์จรถตัวเองที่บ้าน
ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเค้ามองว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่ในปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์ การใช้งานทดแทนรถยนต์สันดานได้ ซึ่งแบตเตอรี่โซลิดสเตจ จะเป็นตัวเปลี่ยนในอุตสาหกรรมนี้ครับ แล้วค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นกำลังรอแบตเตอรี่แบบนี้อยู่
เชลเชื้อเพลิงไปไม่ไหว ? ไม่ใช่มั้ง โฟล์คลิฟต์เมกาก็ใช้เยอะแยะ หลายคนชาจที่บ้านแต่เดินทางทีชาจนานสองชม. รถนะมันออกแบบมาเพื่อความสะดวกสะบาย แล้วไอ้รถบรรทุกละไม่ต้องชาจเป็นครึ่งวันเลยหรอ แล้วก็ไม่ใช่แค่โตโยต้าที่มุ่งทางเชลเชื้อเพลิงทั่วโลกเหอะ แต่ถ้าจะวิ่งอยู่แต่แถวบ้านก็อีวีนั้นแหละถ้าไม่คิดเหื่อชื้อรถเดินทางไกลต้องชาจนาน ยิ่งรถบรรทุก นอนปั๊มเลยไหม ดีเลย ปตท.เปิดโรงแรมด้วย แจ่มแมว
เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากรอชาจ ก็รอแบตเตอรี่สักรุ่นในอนาคตที่ชาจสิบนาทีเต็ม และนี้เรากำลังพูดถึงอนาคตกันนะ ภาษีคาร์บอนอีก บลาๆ รอดูได้เลย ถ้าคิดว่าเชิลเชื้อเพลิงไม่เกิด เออ..ปลั๊กเพาเวอร์ก็บริษัทใหญ่อะนะลงทุนเพิ่มผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ไปดูงปการเงินมันสิ ถ้าคิดว่าไม่เกิดทั้งๆที่มันเกิดขึ้นแล้ว
@@songfonghu2332 รอไปเรื่อยๆ จนค่ายจีนกับเทสล่าทิ้งไปจนจะไม่เห็นฝุ่นละ โตโยต้าเคยประกาศมาหลายรอบละจะเปิดตัวแบตโซลิดสเตทปีนั้นปีนี้ แล้วก็เงียบหายไป ล่าสุดบอกทำสำเร็จแล้วแต่ต้นทุนสูงมากกว่าแบตลิเธียมที่ใช้อยู่ 5 เท่า !!!
@@songfonghu2332 Solid state องค์ประกอบหลักคือลิเธียมอยู่ดี ซึ่งราคาแร่ลิเธียมพุ่งแรงมาก
ขณะที่เมกา จีน เค้าซุ่มวิจัยแบตโซเดียมแทน ประสิทธิภาพยอมลดลงหน่อย แต่ได้มาซึ่งราคาถูก
คิดว่าแบบไหนจะแมสมากกว่ากัน
อีกอย่าง ญี่ปุ่นตอนนี้ ระบบ Powertrain กินไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ เอาง่ายๆพี่โต bz4x กับ Tesla model Y long range
ขนาดตัวถังพอๆกัน แบตพอๆกัน แต่ bz4x ถ้าวิ่งความเร็วเท่ากัน bz4x กินไฟมากกว่าเกือบ 30%
ก็ไม่รู้ว่ากลยุทธ์เหวี่ยงแหของพี่โตจะเวิร์ครึเปล่า แต่ถ้าบอกว่าเทคโนโลยีญี่ปุ่นมี พร้อมลงสนาม บอกเลยว่าลงได้ แต่ efficiency แย่มาก (แย่กว่ารถจีนบางค่ายอีก)
🙂"เจอปัญหาแล้วแก้ไม่ใช่วิถีการทำงานแบบญี่ปุ่น" ชายสูงวัยชาวญี่ปุ่นได้พูดกับผม สืบเนื่องจากผมได้คุยกับ CEO ญี่ปุ่นเจ้าของคำกล่าวนี้ แกเป็นคนในวงการธุรกิจของญี่ปุ่นมาในงานโรดโชว์รวมตัวนักธุรกิจจากญี่ปุ่น ซึ่งเราคุยกันเรื่อง EV แล้วพาเขานั่งเรือเจ้าพระยา เขาต่อว่าบ้านเราว่า ทำไมรัฐบาลไม่พัฒนาบ้านริมน้ำให้มีความปลอดภัยให้มั่นคง คนจะได้อยู่ได้อย่างหมดกังวลรู้สึกปลอดภัยกับชีวิต แล้วนางก็โยงไปว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ช้าเรื่อง EV แต่พยายามทำวิจัยมาตลอด ทดสอบเรื่องความปลอดภัยตลอดหลายปี กำลังปิดช่องโหว่ต่างๆให้แน่ชัดว่ามันโอเคมันดีมันกู๊ดแล้ว รถEV ถึงจะได้ปล่อยออกมาได้ ญี่ปุ่นไม่ได้รีบ เพราะถ้ารีบก็จะเจอปัญหาแบบ เทสล่า หรือค่ายจีน เจอปัญหาแล้วแก้ไม่ใช่วิถีการทำงานแบบญี่ปุ่น ทุกอย่างต้องทดสอบ ทดลองให้เกิน100% ว่าปลอดภัยกับผู้บริโภคจริงๆ ไม่งั้นมันจะเสียชื่อเสียง และเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า
ญี่ปุ่นไม่ได้ห่วงเรื่องความปลอดภัยอย่างเดียว แต่เป็นห่วงซัพพลายเชน ต่างๆที่ซัพพอร์ตธุรกิจรถญี่ปุ่นด้วย ถ้า EV ออกมา100% มันจะเป็นตราบาปไปทั้งชีวิตให้แก่ญี่ปุ่น บาปเรื่องอะไร? ก็คือทำให้คนหลายล้านคนตกงานในชั่วพริบตาแล้วเศรษฐกิจจะมีปัญหา แล้วลุงแกก็บอกว่าฐานผลิตรถยนต์ใหญ่สุดของญี่ปุ่นอยู่ในไทย คุณคิดว่าถ้าญี่ปุ่นเปลี่ยนเป็น EV คนไทยจะตกงานกี่คน? รัฐบาลไทยจะแก้ปัญหาคนตกงานอย่างไร? ไม่ใช่แค่ไทยประเทศอื่นๆทั่วโลกจะมีคนตกงานกี่คนจากผลพวงนี้?
เราจะทำให้คนมีทางเลือก เราไม่ตัดรถน้ำมันออกแน่นอน ใครรีบทำไปก่อนเลยแล้วญี่ปุ่นจะมาเป็นผู้นำรถไฟฟ้าอย่างแท้จริง จบแกทิ้งไว้เท่านี้เราก็คิดตามแล้วแกก็พูดเรื่องอื่นไปเรื่อยๆ
เพื่อนคนญี่ปุ่นผมเขาก็บอกมาแบบนี้เหมือนกันครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นevเลย2ล้านคนตกงานแน่ๆ
แต่ยุคนี้ออกตัวช้า จะตามเข้าไม่ทันนะ อย่าลืมว่าคู่ต่อกรของญี่ปุ่นคือจีนนะ ญี่ปุ่นรอช้าเพื่อเอาให้ชัวร์ก่อนเริ่มทำ ส่วนตอนนั้นจีนคงไปไกลแล้ว ผมว่าญี่ปุ่นกำลังชะล่าใจและยึดติดกับความสำเร็จของยุครถสันดาบมากกว่านะ ซึ่งการรอนี่แหละจะเป็นจุดเริ่มต้นความถดถอยของญี่ปุ่น แล้วยิ่งคู่ต่อสู้เป็นจีนแล้วด้วยคือห้ามรอ ห้ามช้าเด็จ เพราะจีนมันเร็วมาก
@@sra7852 จะเลือกระหว่าง 2ล้าน คนกับ ประชาชน ทั้ง ปท. ญี่ปุ่นจะเลือกอะไร
แม่พูดได้ไหมลูก
ผมเคยคุยกับคนที่ทำธุริกิจ เขาบอกว่า ฝรั่งจะรวดเร็วทันทีฉับไวแต่มีพลาดมีผิดบาง ญี่ปุ่นจะช้าแต่แม่นในรายละเอียดและถูกต้อง
ผมยังเชื่อรถ hybrid มากกว่ารถแบตเตอรี่100%
เพราะผมว่าอีก10ปีน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการกำจัดแบตเตอรี่ปริมาณมาก
ความที่บริษัทรถญี่ปุ่นเป็นองค์กรใหญ่ทำให้เคลื่อนไหวช้า ต้องห่วงซัพพลายเออร์ กลุ่มลูกค้าในประเทศตัวเองที่ไม่มีความต้องการใช้รถไฟฟ้ามากขนาดที่ต้องทุ่มทั้งหมด อีกอย่างผมว่าบริษัทพวกนี้ซุ่มทำรถรอไว้แล้วแหละ แค่รอวันที่กระแสมันนิ่งจริง ๆ เดี๋ยวก็ปล่อยมาพรวดเดียวเอง
ผมคิดว่างั้น ถึงออกรุ่นมาทีหลังคนก็ยังให้ความสนใจอยู่ดี ตอนี้ตลาด EV ยังใหม่อยู่
แต่ก็จะเกิดการแย่งส่วนแบ่งตลาด จากค่ายรถประเทศจีนมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆมาด้วย
@@icejmmm จริงครับ ถ้าเจ้าตลาดปล่อยมาทีหลัง ราคาไม่ห่างมาก
เจ้าตลาดได้เปรียบแน่นอนครับ
แต่ถ้าปล่อยให้ จีนเติบโตไป และขยายพื้นที่จนเต็มที่ แล้วลดต้นทุนได้เยอะ ๆ
เจ้าตลาดอาจจะ ตามไม่ทัน หากปล่อยระยะเวลานานเกินไปอ่ะครับ
เครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน ญี่ปุ่นมาก่อนจีน ไต้หวันก็มาก่อนจีน ตอนนี้โดนจีนตีแตกหมด แต่จีนตีตลาดรถไม่ได้ คุณว่าเพราะอะไร ยึดหัวหาดได้ก่อน ไม่ใช่สูตรสำเร็จว่าจะชนะเสมอไป
@@วิศวกรอีสาน ใช่ครับ เพราะรถคันนึงไม่ใช่หลักพันหลักหมื่นต้นเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้า ซื้อทีต้องคิดยาว
ญี่ปุ่นไม่ได้ตกแน่นอนครับผม แต่เลือกมองทางเลือกอื่นด้วย อย่าลืมว่า แบตเตอรี่รถไฟฟ้าเนี่ยไปๆมาๆ แค่กระบวนการต้นจนจบอาจแย่กว่าขุดน้ำมันด้วยซ้ำไม่ใข่ญี่ปุ่นไม่รู้ เลยเลือกหันไปหาทางเลือกอื่นเล่นไฮโดรเจน หรือทางอื่นแทน
ส่วนตัวผมมองว่า ญี่ปุ่นไม่ตกขบวนหรอก ช่วง 5 ปีมานี้ เทคโนโลยีรถไฟฟ้าจุดติด คิดว่าญี่ปุ่นก็เล็งเห็นทิศทาง อาจจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีแบบแอบไว้ ให้ระบบโครงสร้างรถไฟฟ้ามัน Set ตัวแบบคงที่ก่อน ให้ระบบมันเอื้อต่อการใช้งานที่สะดวกกว่านี้ ไม่แน่เขาอาจะเริ่มใช้ภายในประเทศก่อน ญี่ปุ่นเขาพัฒนาทั้งตัวระบบ เพื่อให้รองรับต่อการใช้งานอย่างยั่งยืน
การจะมีรถไฟฟ้าใช้ในไทย ควรมีบ้านที่ติดตั้งที่ชาร์จส่วนตัว ถึงจะสะดวก ให้ไปหวังจุดชาร์จสาธารณะยังมีเรื่องปวดหัวอยู่เลยครับ
ผมว่ามันไม่ช้าหรอก แต่เราตื่นเต้นตามกระแสมากเกินไป โดยเฉพาะกระแสที่มาจากคนมีกะตังค์ ที่เค้าซื้อรถ EV มาเป็นคันที่ 2 ที่ 3 หรือซื้อมาลอง ไม่ดีก็ขาย
ส่วนคนที่มีเพราะความจำเป็นจริงๆ มีคันเดียวในบ้านส่วนใหญ่ก็ยังไม่เลือก EV หรอก ทั้งไม่ครอบคลุมการใช้งานและแพง
ส่วนมากที่ซื้อกันตอนนี้ ที่มารีวิวกันตอนนี้ ดูหน้าแต่ละคนละ อยากบอกว่าไม่ต้องรีวิวว่าประหยัดหรือน้ำมันแพง เพราะคุณมีตังค์เติมอยู่แล้ว
คุณเปลี่ยน life style ให้เข้ากับ EV ได้ ซึ่งมันไม่ใช่คนทั่วไป
มองอีกมุมได้ดีมากๆครับ ชวนมองว่ามันไม่ใช่จุดเริ่มต้น แต่เป็นทางเลือกที่มีมากขึ้นให้ผู้บริโภคได้เลือกว่าจะใช้รถแบบไหน ระบบมันไม่ได้เปลี่ยน แต่ขั้นตอนการใช้พลังงานมันเปลี่ยนไป
เดี๋ยวมึงก็รู้
ผู้บริโภคผัว ปวดหัว กับผู้บริโภคเมีย เพราะ ทางเลือกเยอะขึ้น
ev ถ้าแก้เรื่องชาร์ตได้เร็วแบตวิ่งได้เกือบพันโล/ชาร์ต 1 ครั้ง คนหันไปใช้ ev กันหมด
เหมือนกล้องฟิมล์กับกล้องดิจิตัล
เหมือนคำถามสมัยก่อนว่ารถน้ำมันถ้าเติมเต็มถังวิ่งได้เกือบพันโลก็จะดี แต่ตอนนี้เติมเต็มถังวิ่งได้สัก 500 โลก็โอเคกันแล้วครับ ผมกลับคิดว่าถ้าจุดชาร์จเยอะและชาร์จจาก 30 ไป 80 ใช้เวลา 5 นาทีคนก็แห่ไปใช้กันแน่ ๆ
ด้วยระบบขนส่งสาธารณะญี่ปุ่น สะดวกเข้าถึงง่ายด้วยรึเปล่า ความต้องการจึงน้อย อาจจะด้วย การจะมีรถ1คันต้องมีที่จอดด้วย ไม่สามารถจอดในซอย ข้างทางได้เหมือนไทย ซึ่งราคาที่พักอาศัยก็โคตรจะแพงเลย 😅
22:03 H 2 ev อะไรจะชนะ
33:34 บริษัทปรับตัวยังไง Sony chip
เฮียวิทย์ แลโทรม ๆ นะครับ ฝากเฮียรักษาสุขภาพหน่อย ชอบเฮียเล่าเรื่อง เข้าใจง่าย สนุก
โตโยต้าเขารู้ศักยภาพของรถไฟฟ้าว่ามีศักยภาพแค่ไหน เพราะตัวเองเคยทำมาแล้ว จึงเชื่อมั่นในรถยนต์ไฮโดรเจนมากกว่า ซึ่งญี่ปุ่นมาถูกทางแล้ว และอีกไม่นานกระแสของรถยนต์ไฮโดรเจนกำลังจะมา ถ้าให้เดาก็คงเป็นช่วงปีหน้าและรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกเขี่ยทิ้ง
ผมยังเชื่อว่า hydrogen ดูดีกว่าในระยะยาวเหมือนกันครับ
ให้รถน้ำมันๆถูกๆไปเลย แต่คนไทยแถวเมืองนนทบุรีของไทยมีการนำรถญี่ปุ่น หรือรถที่ใช้น้ำมันมาเปลี่ยนเป็นรถที่ใช้มอร์เตอร์ไฟฟ้าเฉลี่ยคันล่ะสองแสนบาท ..และตอนนี้มีคนนำเราเข้าร้านเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ามันแทบแน่นกันทั้งร้านเลย..
อะไรที่จำนวนเยอะราคาจะถูก ถ้ารถไฟฟ้าเยอะ รถน้ำมันมีน้อยราคาจะไม่ถูกหรอก ราคาน้ำมันจะแพงขึ้นสำหรับเติมรถ
ปัญหา ของ H2 คือ การ handing ครับ ระดับความปลอดภัยต้องสูงมากกว่า ระบบ รถไฟฟ้า
อยากให้คนตัดมานั่งฟังเสียงแก๊กๆๆๆ ที่เป็นsound effect ที่ใส่มามากๆครับ มันทำให้คำพูดคุณเคน ดูไม่สมูทสุดๆ อยากฟังเสียงพูดเฉยๆมากกว่า ไม่แน่ใจว่าจะใส่soundนี้มาเพื่ออะไร
Thanks!
Toyota ซุ่มเงียบไม่ผลิตรถ แต่ไปพัฒนาแบตแทน ได้ข่าวมาตั้งแต่ปี2019 แต่ช่วงนั้นคือเงียบมาก แต่มาตามๆข่าวรอได้เลยครับผมเชื่อว่ากลับมาแน่นอน ไม่ต้องเหนื่อยผลิตรถแต่ไปผลิตแบตขายแทน
ได้ตามข่าวมั้ย ปี 2019 บอกว่าปี 2021 จะเปิดตัวรถที่ใข้แบตโซลิดสเตท
ปี 2020 บอกว่าจะเริ่มผลิตปี 2022
ปี 2022 บอกว่าทำสำเร็จแล้ว แต่ต้นทุนสูงกว่าแบตลิเธียม 5 เท่า !!!
ขอเปลี่ยนแผนจะเอาไปใส่ในรถ Hybrid ก่อนนะจ๊ะ 🤣🤣🤣
ตอนนี้ปี 2023 ยังไม่โผล่ออกมาเลยจ้า 😅
@@dum5855 byd ทำ solid state เสร็จออกวิ่งถึงไหนแล้ว ฝั่งกระโน้น… (ก๊า กา กา)
หลายคนคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าคือพลังงานสะอาด แต่คงไม่ทราบว่า กระบวนการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งใช้แร่จากประเทศ DRC ในทวีปแอฟริกา ซึ่งกระบวนการไม่ Sustainability เลย ทุนจีนเข้าไป ทุนต่างชาติเข้าไปถลุง มีการกดขี่ ในขณะที่มีทรัพยกรแต่ประชาชนในประเทศเขา ไม่ได้รวยขึ้นเหมือนประเทศเศรษฐีน้ำมัน แต่กลับป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ไม่ควรมองแต่ข้อดี ในขณะที่อีกฝั่งของโลกยังเดือดร้อนอย่างมาก
ไม่ได้ตกขบวน แต่ไม่คิดจะทำมากกว่า
เขาคงสำรวจตลาดมาแล้วว่า ระบบบริการรถไฟฟ้าในไทยยังไงก็ไปไม่รอด รัฐไทยสนับสนุนน้ำมันมากกว่า และกลุ่มนายทุนน้ำมันไทยก็ไม่ยอมเสียส่วนแบ่งไปให้พลังงานไไฟ้า
สับสนอะไรรึเปล่า บ้านเราสนับสนุน EV มากที่สุดในอาเซียนเลยนะ โตโยต้าเองที่บอกว่าบ้านเรายังไม่พร้อม ให้รออีก 15-20 ปี แต่ผ่านมาแค่ไม่ถึง 5 ปี ท่านปธ.ยังต้องกลืนน้ำลายตัวเอง 🤣🤣🤣
ยุ่นกับเมกาคือปาท่องโก...ถ้าเมกาหยุดผลิตน้ำมันเข้าตลาดโลกเมื่อไรเมื่อนั้นก็ได้เวลา
toyota ตอนนี้ผมมองว่า เขาเปลี่ยนถ่ายเร็วเกินไปไม่ได้ 😅 ปต่คิดว่าเขามีเทคโนโลยีที่รองรับสำหรับอนาคตแล้ว ดูๆเขาไม่ค่อยกลัวรถจีนแบ่งตลาดเพราะรถยนต์เป็นเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัย ญี่ปุ่นยังยืน1 แต่จีนทำไม่ได้ รถยนต์มันไม่ใช่สินค้าแบบโทรศัพท์อ่าครับ มันเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน โอกาส ชีวิต เพื่อนผมเล่นรถจีนแต่ปัญหาเยอะจัด ท้ายสุดยอมเจ็บตัวกลับมาออกรถญี่ปุ่น
รถจีน ใส่จอใหญ่ พูดได้ มีกล้องเยอะๆ มีซันรูฟ คนไทย บอกโคตรล้ำเลยยยยยยยยยย
รถญี่ปุ่น อวยเครื่องยนต์ VVT-I, I-VTEC, MIVEC, Hybrid, Boxer
แค่นี้ก็รู้แล้วว่า เค้าทุ่มงบวิจัยไปกับอะไร
@@thanaponrojasawasatien3139 บริษัทน้องใหม่ยังทำได้ โตโยต้า กำไรเหลือๆ ผมว่าป่านนี้เขาซุ่มทำ แต่แค่รีบเปลี่ยนซัพพรายเออร์ทันทีไม่ได้ มันติดหลายสัญญา ผมเฉยๆกับรถจีน แต่ยอมว่า tesla คือมาตราฐานของรถEV ยุคใหม่ ซึ่งรถจีนยังไปไม่ถึงครับ ยังมีอาการสะดุด อัตราบริโภคไฟฟ้า ความเสถียรของระบบภายในยังไม่ได้ ถ้าถามคนที่เล่นรถจริงจัง เรื่องพวกนี้ค่อนข้างซีเรียสครับ จะมองว่า ราคาแค่นี้ ทำไมหวังเยอะ "มันขึ้นอยู่กับคุณให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองขนาดไหน" ไม่ใช่ แค่ขึ้นดอยขึ้นเขา ก็ดับกลางอากาศไฟจ่ายไม่ถึง, airbag ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง มันไม่ใช่มาตราฐานของรถยนต์อ่าครับ ก็อย่างที่บอก... มันไม่ใช่มือถือ ไอ้มือถือแค่เร็ว ภาพสวย กล้องชัดก็จบไง นี่รถยนต์ นั่งจริงๆ ขี่จริงๆ ชนจริงเจ็บจริงตายจริง 555 ญี่ปุ่นเขาไปยันเรื่องการเน้นสมรรถนะการขับขี่ รถจีนยังเน้นเพิ่มออฟชั่นกิ้กก้อกเรื่อยๆ มันไม่ได้ช่วยให้หรูขึ้นนะ
ญี่ปุ่นทุ่มไปกับการวิจัยรถ
แล้วจีนล่ะทุ่มไปกับการทอนเงินใช่หรือไม่ ทำไมรถไฟฟ้าค่ายจีนไม่เสียภาษีสักบาท คือ 0%
กลับกันรถไฟฟ้าค่ายญี่ปุ่นเสียภาษีให้รัฐไทย 20%
พอพอกับหลักสูตรสอวอนั่นแหละ ตุนกระสุนเอาไว้เเล้วตั้ง 250 สอวอ
มัวชักช้าโดนแย่งซัพพลายเออร์เอาจะเหนื่อยนะ ถ้ายิ่งฝ่ายEVขายดีกลุ่มซัพพลายเออร์ก็จะยิ่งขยับลงทุนเพิ่มไปทางEVมากกว่า เมื่อมีซัพพลายเออร์แข่งแย่งกันน้อยลงมันจะส่งผลเสียกับฝ่ายICEนะ
@@มอดไม้ตัวดํา ผมว่า เขาดึงได้ตลอดครับ โตโยต้า ที่ขยับไม่ได้น่าจะยังติดสัญญาอยู่ อากิโอะ โตโยะดะ บอกเขาตัดสินใจช้าไปหน่อยเรื่อง EV แต่ชื่อของโตโยต้า ถ้ากระโจนมาในตลาดนี้จริง ยังไงก็ขายได้ครับ แต่เรื่องตั้งราคา อาจจะยากหน่อยเพราะพวกที่อยู่ในตอนนี้ราคาถูก แต่ก็ยังเหลือแก้ปให้เล่นเรื่อง ประกันคุณภาพและเทคโนโลยีที่อัดแน่นด้วยความเสถียร ยังไงผมว่าToyota ก็มา แต่ช้าไปหน่อยเท่านั้นเอง โตโยต้าเซ็นสัญญากับซัพเดิมในระยะยาว ถ้าจะเปลี่ยนเป็นEV เลยอาจโดนฟ้องครับ
ของไทย ความต้องการ EV ก็เยอะ แต่ยอดขายรวมยังไม่สูงมากนัก เพราะไม่มีให้เลือก คนจำนวนไม่น้อยรอที่จะดู EV ญี่ปุ่น เพราะบริการหลังการขายของญี่ปุ่นสร้างความมั่นใจในการใช้งานระยะยาวได้มากกว่า
เขารอ Tesla มากกว่า
@@rzeroth8963 คิดว่าไม่ครับ
รถ EV ใช้ได้เกิน 10 ปีมั้ยครับ ถ้ายังก็ยังเป็นของเล่นอยู่ ไม่ใช่รถใช้งาน
@@workhardplayharder4924 ผมคิดเหมือนคุณเลยน้ำมัน10ปีโอเวอฮอล3-0หมื่นวิ่งฉิว ไฟฟ้าหล่ะกี่บาท
@@nbubpasiri คิดว่าใช่เลยแหละ เพราะขนาดteslaยังไม่มีสถานีชาร์จไม่มีโชว์รูมคนยังจองเป็นหมื่น ยิ่งถ้าลดราคาอีก(ประเทศอื่นลดแล้ว) ยิ่งขายได้เพิ่มเพราะคนที่อยากได้ตอนนี้เค้ายังเล็งอยู่เพราะหวังว่าจะลดราคา
มีหลายคนออกมาวิเคราะห์ว่า แบตเตอรี่มันจะถูกลงได้เรื่อยๆซื้อได้เลย แต่การกลับกันจีนจะขอปรับราคาขึ้น และถ้าใช้ไปหลายๆปี แบตเตอรี่ไม่ถูกลงแล้วจะทำยังไง ซื้อ Eco Car ญี่ปุ่นได้อีกคันเลยนะ ลองวิเคราะห์ดูหน่อยซิ
จะดีดนิ้วทำไหม
ใครจะรู้ ดีไม่ดีโตโยต้าอาจจะมีแจ็คพ็อตก็ได้ รอดูต่อไปเพราะ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นมาก สำหรับev เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเปลี่ยนรถจะเน้นใช้ยาวๆ
ชื่นชมครับ content ข้อมูลแน่นและลึก ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆแบบนี้ครับ
❤ ยุคทองของผู้บริโภคครับ เลือกให้เหมาะกับตัวเอง😊
เฮียวิทย์พูดได้ดีครับ
คนอยู่บ้านเช่า อพาร์ทเม้น หอพัก ตึกแถว จะทำยังถ้าจะใช้รถ ev และคนแรงงาน ทำงานโรงงานส่วนมาก อยากใช้จะทำยังไง ปัญหานี้ยังไม่มีคำตอบเลย
ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่โทรศัพท์มือถือก็ไม่มีญี่ปุ่นที่เป็นแนวหน้า เมื่อโลกเปลี่ยนแปลง จบแล้วผมทำงานบริษัทอะไหล่รถยนต์ญี่ปุ่น ผมชื้อไร่สวนไว้ปลูกผักขายในอนาคตเมื่อแก่ตัวเมื่อโรงานปิดตัว
อยากได้ Global Economic Background ฟิลิปปิน ครับ สมัยก่อน พวกคาราบาว ไปเรียนนอกกันก็ที่นั่น มันเคยมีอะไรดีนะ
นอกเรื่องนิดนึงค่ะ ไฟล์มีสีกิ๊กก็อกแทรกตลอด น่ารำคาฯมากค่ะ
ยี่ปุ่นมีของ แต่ก็มีแต่ของ ขายอะไรไม่เป็นเลย แถมควบคุมโดยคนแก่ที่ความรู้หมดอายุไปแล้วเหลือแต่บุญเก่า แถมเห็นแก่ได้ด้วย รู้มั้ยทำไม EV บูม มันบูมเพราะเทสล่าไง แต่ปัจจัยหนุนไม่ใช่ความสดของรถอย่างเดียว แต่อย่าลืมว่า Tesla ลงทุนทำสถานีชาร์จทั่วประเทศ ทำแบบบ้าคลั่งเป็นเครือข่ายในระยะห่างที่ผ่านการคำนวนมาแล้ว คนถึงกล้าใช้ แล้ว Fuel Cell ของ Toyota ทำอะไรบ้าง มีสถานีชาร์จกี่อัน อยากดันเทคโนโลยีตัวเองมีแต่ของ แต่ไม่รู้วิธีดันสินค้าตัวเอง จบครับ แค่เอาไปทำรถบรรทุกยังคิดไม่ออกเลย
เหตุผลที่ยกขึ้นมาเพื่อให้เชื่อว่า EV ยังไม่สามารถขึ้นมาแทนเครื่องยนต์สันดาปได้อย่างรวดเร็ว มีนอาจเป็นเพราพผู้เล่นหลักไม่เอาเพราะเป็นผู้คุมเกมก็เป็นได้
รถไฟฟ้าขับแล้วตื่นเต้นจริงๆอย่างที่เค้าว่า ตื่นเต้นว่าแบตจะไปหมดตรงไหนน่ะ กรณีที่ใช้แบบขับไกลๆไม่ใช่ในเมือง
ถ้ารถยนต์ไฟฟ้าให้ผู้บริโภคซื้อแต่ตัวรถ ไม่ต้องซื้อแบต ให้ไปใช้วิธี Swap เอา ตัวรถน่าจะถูกลงกว่าครึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าในแง่ความปลอดภัย
Supply chain เยอะและใหญ่เกินจะเปลี่ยนได้ เพราะรถไฟฟ้าชิ้นส่วนหายไปเกินครึ่ง
ยังเชื่อมั่นรถยนต์ญี่ปุ่นมากกว่ารถยนต์จีน เชื่อว่า E Fuel จะเกิดแน่นอน และตอนนี้รถไฟฟ้าเหมาะเป็นรถคันที่สอง ไม่เหมาะเป็นรถคันแรก
16:21 ผมต้องปรบมือฉะให้กับการวิเคราะห์ของช่องนี้เลย ถูกต้องที่สุดครับ เพราะโครงสร้างของการผลิตรถยนต์ของบริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นมันมีซัพพลายเออร์เยอะมาก กว่าจะผลิตมาให้ได้1คัน มีชิ้นส่วนเล็กๆ จนถึงชิ้นใส่วนใหญ่ๆมาประกอบกัน ดังนั้นโครงสร้างของซัพพลายเออร์จึงมีส่วนสำคัญในการที่จะปรับเปลี่ยน
และอาจจะมีพันธสัญญาของทั้งสองบริษัทที่เซ็นกันในระยะยาว อาจจะถึง10ปีก็อาจเป็นได้ ซึ่งตรงนี้มันอาจจะเป็นผลเสียได้
จริงๆก็น่าเห็นใจมากๆกับตรงนี้ ถ้าบริษัทจะปรับเปลี่ยนจริงๆ มันต้องยืดหยุ่นในสัญญาที่เกี่ยวพันกันในแต่ละบริษัทด้วย
รถEv ถ้ารถชนหนักถึงแบตจะระเบิดมัยครับ
มนุษย์จะสร้าง colony หรือเปล่าครับ
การทดสอบล่าสุด ตอนนี้ auto pilot ของโตโยต้าก็นำ Tasla ไปแล้ว เหลือแต่จะเอามอเตอร์กับแบต ลงบอดี้เมื่อไหรแค่นั้น อย่างจีนเร่งแทบตายยอดใช้ EV ยังไม่ถึง 20%เลย ถึงว่า ญี่ปุ่นไม่ค่อยรีบ
เอ่อ แบตที่ใช้ในเทสล่า ผลิตโดย พานาโซนิค LG CATL เทสล่าไม่ได้เป็นเจ้าของเทคแบตเตอรีเลย คิดว่าญี่ปุ่นจะปรับช้าๆ เพราะรถที่ญี่ปุ่นทำราคาถูกกว่ายุโรป เมกา เน้นตลาดแมส ไม่มีความจำเป็นต้องล้ำเป็นคนแรก
ญี่ปุ่นกำลังดูตลาดมือ2 ว่างจะซื้อขายยังไง และวัสดุที่จะมาผลิตอะลุมิเนียมลดลงอย่างมาก ราคาแพง ยังเป็นปัญหาของบริษัทใหญ่ๆ และ กำลังคิดสร้างรถพลังงานสะอาด อันนี้จริงค่ะ🤣 (ฟังมาจากพนักงานที่ทำงานผลิตรถยนต์ค่ะ)😊
อยากรู้เรื่องต้นกำเนิดเลขอารบิก พีชคณิต อัลกอรึทึม ด้วยคะ
คุณวิทย์ มีงานเขียนหนังสือไหมครับ อยากอ่านในมุมมองต่างๆ
เคยมีอยู่เล่มนึง ครับ เป็นหนังสือแนวพุทธศาสนา เป็นการถอดบทสนทนาที่ผม ( ในฐานะของ "พุทธทะเบียนบ้าน" สอบถามข้อสงสัย เกี่ยวกับพุทธศาสนา โดยมีพระอาจารย์ ว. วชิรเมธีเป็นผู้ตอบ หนังสือลำนำทีมในปี 2009 ชื่อว่า "พุทธ พบวิทย์; ช่างคิดพบช่างถาม" ครับ
เฮียวิทย์ข้อมูลแน่นมากๆ รายการนี้ดีกว่าพวกกูรูน้ำๆเยอะ สำหรับคนทั่วไปยังไง ice ก็ยังดีกว่ายาวๆ จนกว่าจะเก็บภาษี carbon
ภายใน 5 ปีนี้คงอยู่ในช่วง first adoption ยังไงก็มาแน่ แต่ระยะเวลาที่จะกลายเป็น mainstream นั่นแหละจะนานแค่ไหน ข้อจำกัดการขยายตัวของ ev car น่าจะอยู่ที่การ supply lithium ที่จัดเป็น rare earth ต่างจาก hydrogen ที่มีมากมายในธรรมชาติ
หาดใหญ่ สงขลา บ้านผมรถน้ำมันวื่งเต็มบ้านเต็มบ้านเมือง แบตเตอรี่ใช้ไป 2-3 ก็เสื่อมสภาพ รถน้ำมันใช้ได้ 20 ปี สบายๆๆ
ตัวเราเองเปลี่ยนรถใหม่ ก็ไม่เคยมองรถ EV เลย มองว่าเหมือนตอน ford festa ที่คนแห่ไปซื้อสุดท้ายยยค่าซ่อมแพงกว่าค่ารถ ใครอยากขับรถไฟฟ้าก็ขับเลยน่ะ เป็นหนูทดลองไปก่อน เพราะเราไม่รีบ
คนวิเคราะห์ไม่เคยใช้รถไฟฟ้าเลยซักคนนะครับอาจเข้าใจไม่ตรงบางอย่าง ผมใช้รถไฟฟ้าเองอยากเสริมนะครับ โดยเฉพาะ Tesla รถไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องเข้าศูนย์บ่อยนะครับ ทุก 20,000 กม.ก็ได้ การเสื่อมของแบตก็น้อยมากแทบไม่ต้องเปลี่ยนตลอดอายุการใช้งาน Tesla ไม่มีตัวแทน มาขายเองและประกอบจบในโรงงานเดียว มี Gigapress ด้วย ทำให้ลดราคาได้มาก ในเรื่องแบตถ้าวิจัยให้ใช้เกลือหินมาทำแบตที่มีมากในไทย มันก็น่าจะครบวงจรแล้วนะครับ ส่วนเรื่องกลัวว่าการชาร์ตไม่พอไม่จริงนะครับตามปั้มว่างเพียบ และส่วนใหญ่ชาร์ตบ้านกันนะครับ รถญี่ปุ่นควรรีบทำได้แล้ว กำขี้ดีกว่ากำตด บอกได้แค่นี้ครับ
ปล.ค่าใช้จ่ายดูแลและเดินทางรถไฟฟ้าก็ประหยัดจริงๆครับ แค่ 1/3 ของคันเก่า ส่วนไฮโดรเจนไม่เหมาะรถส่วนตัวด้วยครับ ทั้งการระเบิดรุนแรงและต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงมากด้วยครับ
คล้ายตอนคุณเชียร์บิตคอยน์กัน
เรื่องราคาที่ดินกับเวลาการชาร์จ มีผลต่อการเลือกใช้รถไฟฟ้าหรือไม่
- เวลาในการชาร์จที่นานกว่าการเติมน้ำมัน
ในประเทศที่คนอยู่บ้านทำให้ชาร์จได้ทั้งคืน แต่ในประเทศที่คนพักคอนโด อพาร์ตเม้น การต่อคิวชาร์จคงเป็นเรื่องลำบาก?
- คนเมืองก็เริ่มซื้อรถส่วนตัวน้อยลง หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น?
ควิกชาร์จ ตามปั้ม 12 นาที แบตเต็ม 80 % ไม่น่ามีปัญหา ส่วนการชาร์จตามบ้านก็เสียบปลั๊กไว้ค้างคืน
ตกไม่ตกยังไม่อาจสรุปได้ แต่ที่แน่ ๆ ค่ายญี่ปุ่นเสียรายได้จากการขายรถไปเป็นหมื่นล้านให้กับรถ ev ไปแล้ว
คนละเป้าหมายแล้วในเมกาฮอนด้านิสสันโตต้าเปอร์เซ็นต์สูงขึ้น7%
ลงทุนในไทยไม่ใช่จะเพิ่มการจ้างงาน ใช้โรบอท ใช้AI หุ่นยนต์ทำงานแทนคนหมดแน่นอน
ต้องรีบทำแล้วคับเดี้ยวไม่ทัน…ผมทำนา ตอนนี้ไม่ต้องแบกเครื่องฉีดยาเองแล้ว ใช้บังคับ โดรนบินฉีด แบตอึดขึ้นกว่าเดิมฝุดๆ🎉
ระบบปีรามิดอุปถัมธ์ในโซ่อุปทานอตสาหกรรมรถยนต์ จากค่ายรถสู่คู่ค้าทำให้การเปลี่ยนแปลงยากและท้าทายมากๆ และรถยนต์คืออุตสาหกรรมที่เป็นหัวใจหลักของประเทศเขา มีผลกระทบต่อ GDP 14-15% หรือมากกว่านั้น เขาคำนึงถึงคนที่ได้รับผลกระทบก่อนเปลี่ยนแปลง.........เลยต้องนั่งดูยอดขายรถ EV โตเอาๆ ตาปริบๆ แต่ถ้าเรารอเขาเปลี่ยนเราก็คงนั่งข้างๆ เขาดูอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราหดตัวตามไปเป็นเพื่อนกัน...รอทำเครื่องบินhydrogenเลยละกัน
15:01 wet and see? อะไรเหรอครับ?
wait รอดูครับ
โลกนี้ยังมีประเทศโลกที่ 2และ3 อีกมากมายที่มีไฟฟ้าใช้ไม่เพียงพอเลยครับ กลุ่มประเทศพวกนี้ยังต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลไปอีกเป็นอย่างน้อย 50-100 ปี ญี่ปุ่นตกขบวน EV ในประเทศโลกที่ 1 ก็ยังขายประเทศโลกที่2-3 ได้ครับ
ไม่ครับ การตลาดแบบญี่ปุ่นคือ ถ้าโลกเปลี่ยนจริง พร้อมลงตลาดครับ แล้วเค้ามั่นใจว่า ถ้าเค้าทำจริง ยังไงก็ปัง
ผมย้อนให้นึกดู เช่น ตลาดมอเตอร์ไซค์บ้านเรา แม้แต่ค่ายญี่ปุ่นเองยังใช้กลยุทธนี้
ตอนออโตเมตริกมาใหม่ๆ ยามาฮ่ารุกตลาดหนักมาก โดยฮอนด้า(เข้าตลาดมองห่าง) พอคนเชื่อว่า ออโตมาจริง สุดท้ายฮอนด้าก็รุกจนได้เป็นเจ้าตลาดเหมือนเดิม .
,Ev เช่นเดียวกันครับ
สมมุติ อีก 3 ปี
มี byd กับ toyo อยู่ตรงหน้า segment เดียวกัน ออฟชั้นใกล้ๆกัน ราคาใกล้กัน คุณเลือกเชื่อถือใคร(ยกเว้นดีไซส์ซึ่งเป้นรสนิยมส่ในบุคคล)
ผมยังเชื่อมั่นในญี่ปุ่น ถ้าราคาเดียวกัน สเปหเท่ากัน ใครจะโง่ซื้อรถจีน …แต่เท่าที่ผ่านมามันไม่เป็นแบบนั้นสิครับ ญี่ปุ่นแม่งจอมกั๊ก เปลี่ยนทีละนิดหน่อน ลากยาวมาก ๆ พอจะจบรุ่นค่อยจัดเต็ม
ทำแบบนี้คนซื้อเบื่อ
รถจีน แค่จอใหญ่ พูดได้ มีซันรูฟ คนไทยบอก โคตรรรรล้ำเลยครับ
รถญี่ปุ่น อวยเครื่องยนต์ I-VTEC, VVT-I, MIVEC, BOXER, HYBRID
แค่นี้ก็รู้เต้าทุ่มงบพัฒนาไปกับอะไร
ราคานํ้ามันเป็นสื่งกำหนดว่า รถเครื่องยนต์จะลดลงแค่ไหน ถ้านํ้ามันขึันแบบไม่ลงคนต้องเบื่อ
ตอนนี้มีใช้แอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงได้แล้วครับ เก็บพลังงานได้เยอะกว่าอีวี
ผมว่าที่ค่ายรถญึ่ปุ่นยังไม่มาเล่นรถไฟฟ้าแบบเต็มตัวเพราะว่าห่วงsupplier + คนญึ่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่บ้านเป็นหลังๆเลยหาที่ชาร์จยากด้วย จะให้ไปจอดรอชาร์จข้างนอกตลอดมันทำให้ชีวิตลำบากขึ้นซะอีก สู้ใช้hybridหรือน้ำมันดีกว่า ไม่ต้องวุ่นวายกับการชาร์จแบ็ต
17:35 ญี่ปุ่นจะแก้ ต้องวางแผนการเปลี่ยนผ่านทั้งระบบเลยคับ ตั้งแต่ต้นน้ำไปสุดปลายน้ำเลย ไม่งั้นซัพพลายเออร์ปลิว
Toyoda วางมือซะแล้ว จะเป็นยังไงต่อไปนะ..
เฮียดูโทรมๆจังวันนี้ พักผ่อนเยอะๆนะครับ
ตอนนี้ควรซื้อรถยนต์แบบไหนดีครับ
มือสอง หรือรอก่อนครับ เทสล่าลดราคาอีกแล้ว
คิดเห็นแตกต่างนะ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เข้มงวดเรื่องความตรงต่อเวลา ถ้าเป็นผ่านไปสู่รถ EV โดยสิ้นเชิงเลย ยังไม่พร้อม ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จมันยังเสียเวลาอยู่มากกว่าการเติมน้ำมัน รถไฟฟ้าญี่ปุ่นตรงเวลากันเป็นนาที ถ้าไปทำงานสายแล้วอ้างที่ทำงานว่ารอแบตรถยนต์เต็มอยู่คงโดนไล่ออก
รถไฟฟ้าน่าใช้ แต่อาจไม่เหมาะกับคนทุกคน เช่นคนที่ต้องเร่งรีบ ไม่มีเวลาพอที่จะรอการชาร์จไฟ
Sony เมื่อก่อนก็นำนะ แต่พอเกาหลี จีนมา โซนี่ก็ดังนะ แต่ก็ไม่ได้ซื้อและ เพราะโซนี่ให้เทคโนโลยีน้อย แถมแพงกว่า จีนเกาหลี ที่จัดเต็มมาให้เยอะ ทำให้ซื้อจีน เกาหลี ผมว่ารถมันคงคล้ายๆๆกัน
รถมันต่างกันครับต้องเลือกให้ดีๆพ่อผมบอกรถที่ทนที่สุดคือญี่ปุ่นและเยอรมันผมมีดัทสันกับเบนซ์30ปีผ่านไปพนักงานเขาเอาไปขนปูนชนนู้นนี้อยู่เลยผมบอกเลยรถเกาหลีเกาหลีกับจีนอยู่ไม่ถึง10ปี
ส่วนตัวผมevมันก็ดีนะครับ คือตั้งแต่ที่เกิดมาที่บ้านซื้อกระบะไทเก้อ อายุรวมแล้วน่าจะ20ขวบ คือมันยังใช้ได้อยู่ได้ดีเลยด้วย แต่พอมองไปev ด้วยราคาที่มันยังสูงมากๆ ระยะการใช้งานมันต่ำ แล้วการที่จะซื้อรถคันนึงสมัยนี้คิดแล้วคิดอีก เพราะย้อนกลับมาไม่ได้ละคันเป็นล้านละสมัยนี้ ส่วนตัวผมมองว่าน้ำมันยังน่าใช้ที่สุดนะแล้วถ้าผสมกับไฮบริดด้วยอันนี้ผมชอบที่สุด
ประเทศที่ไฟฟ้านำเข้า ไม่ควรส่งเสริมการใช้รถ ev
ปชช.ไทย ควรจะรู้เสียก่อนว่า รถไฟฟ้าที่มีใช้กันอยู่ 5 ขนืด มีหลักการทำงานอย่างไร
1. รถไฮบริด HEV
2. รถไฮบริดเสียบปลั๊กได้ PHEV
3. รถเสียบปลั๊ก BEV หรือเรียกตืดปากว่า EV
4. รถ E -Power
หรือ รถEV + เครื่องยนต์ +เครื่องปั่นไฟ
5. รถไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง หรือ FCEV
เซลล์เชื้อเพลิง คือ เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง จากปฏิกริยาไฟฟ้าเคมี โดยไม่มีการสันดาปลุกไหม้
ปัจจุบัน เซลล์เชื้อเพลิง ถูกประยุคต์มาใช้งานกับอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆมากมาย เราสามารถแบ่งชนืดของเซลล์เชื้อเพลิงได้ ตามชนืดเชื้อเพลิงที่นำมาใช้กับม้น คือแบบใช้
( ไฮโดรเจน/ โปรเพน / เมทานอล / เอทานอล ) แต่ ที่นำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าจะมี 2 ชนืด
คือ แบบใช้ ( ไฮโดรเจน เอทานอล )และ
เหตุผลสำคัญ ที่เซลล์เชื้อเพลิงถูกปิดหูปิดตาเตะถ่วงหรือ ถูกพยามบืดเบือนข้อมูลต่างๆ ไม่ใช่ว่า เซลล์เชื้อเพลิงไม่ดี แต่เพราะว่า
- FCEV กำเนืดไฟฟ้าในตัวเองได้ ไม่ต้องชาร์จ จุดนี้เอง จะทำให้บรรดา รฟฟ.ทั้งรัฐ และ เอกชน
เสียผลประโยชน์จากภาคขนส่งทันที จากภาคขนส่ง และลามไปสู่ บ.ถ่านหิน และ บ.ปิโตรเลียม เพราะ บ.พวกนี้ ที่ขายพลังงานให้กับ รฟฟ.ไง
-FCEV รถไฟฟ้าชนืดนี้ และ รถ EV และ
รถ E -Power : จะมีชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อนที่น้อยลง เมื่อเทียบกับ รถใช้น้ำมัน รถไฮบริด และ ไฮบริดเสียบปลั๊กได้ : การมีชิ้นส่วนที่น้อยลง แต่ เสือก ตั้งราคาขายแพงเวอร์ แบบนี้เป็นผลดีต่อ บ,แม่เจ้าของแบรนด์รถ / แต่จะเป็นผลเสียร้ายแรงต่อ บรรดา บ.OEM รับจ้างผลืตชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งหลาย และ OEM บางรายที่ผลิตชิ่นส่วนเฉพาะ
ที่ขายหายไป จากรถไฟฟ้าพวกนี้ แล้วบริษัท ปรับต้วไม่ทัน อาจจะต้องพับฐานเลิกกิจการไปเลย
ก็เป็นได้แน่นอน : จริงไหม ธนาธร , สุริยะ
- เชื้อเพลิงทั้ง 2 ชนืด ( ไฮโดรเจน และ เอทานอล ) ณ ปัจุบันมีกระบวนสะอาด ในการผลิตใหม่ๆ
ที่กำลังถูกพัฒนา ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในต้นทุนที่ต่ำลง ใช้วัตถุดิบหมุนเวียน และ แยกฐานการผลิตได้ กระจายลงไปยังท้องถิ่นต่างๆ : ตรงจุดนี้ คือ การกระจายโอกาส กระจายรายได้ลงสู่ ปชช. : แต่มันจะเป็น ผลเสียร้ายแรง ต่อกลุ่มทุนผูกขาดพลังงานเดิมๆ ทั้งหมด : กลุ่มปิโตรเลียม อาจเหลือพอได้เก็บกินเล็กๆน้อย เช่น น้ำม้นเบรค น้ำมันไฮดรอลิก น้ำมันเครื่อง จารบี โซเวนผสมสี / แต่จะไม่ใช่ชิ้นปลามันจากการขายเชื้อเพลิงอีกต่อไป
กรณี รถไฮบริด หรือ HEV
หลักการทำงานคือ
- เครื่องยนต์ของรถพวกนี้ เป็นเครื่องสันดาปภายใน ( ICE )มีหน้าที่ 2 อย่าง คือ ขับเคลื่อนตัวรถ เมื่อความเร็วสูง และ ปั่นไฟเก็บลงแบตไฮบริด
- ในช่วงรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ รถพวกนี้จะใช้ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ได้ไฟฟ้าต้นกำลัง มาจากแบตไฮบรืดในการข้บเคลื่อน
- เครื่องยนต์จะไม่ถูกสตาร์ทการทำงานเลย ถ้าแบตไฮบริด อยู่ในสภาวะเต็ม หรือ รถจอดตืดไฟแดง หรือ รถใช้ความเร็วต่ำในการเคลื่อนที่
- ด้วยหลักการทำงานทั้งหมดนี้ จึงเกิดข้อดีในเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิงมากๆ จากการใช้รถในเมือง ที่ที่การจราจรติดขัด หนาแน่น
- แต่ก็มีข้อเสียด้วย เช่นกัน ระบบนี้ต้องมีชิ้นส่วนเยอะ เพราะ ต้องมีการตัดต่อกำลัง สลับไปมาระหว่าง มอเตอร์ไฟฟ้า กับเครื่องยนต์ และ เมื่อรวมกับแบตไฮบริด จึงทำให้มี มี นน.มาก และ เมื่อแบตไฮบริดเสื่อมลง ความประหยัดที่เคยทำได้ จะต้องถูกเทกลับไปยัง บ.แม่เจ้าของแรนด์ ด้วยการซื้อแบตใหม่ที่มีราคาแพงมาก หากผู้ใช้รถ ยังต้องการจะใช้รถคันนี้ที่ประหยัดน้ำมันต่อไป
กรณี PHEV หรือ ไฮบริดเพิ่มฟังก์ขั่นเสียบปลั๊กได้
รถประเภทนี้ ไม่ได้มีอะไรต่างไปจาก HEV เดิมเลย
มันแค่เพิ่มฟังก์ชั่น การชาร์จไฟตรงลงแบตไฮบรืด ที่ตืดตั้งในตัวรถ ขณะจอด กับแหล่งไฟฟ้าภายนอก แค่นั้นเอง
กรณี รถ BEV หรือ รถไฟฟ้าเสียบปลั๊ก หรือ ที่ชอบเรียกติดปากว่า รถ EV
รถพวกนี้ ไม่สามารถกำเนิดไฟฟ้าในตัวเองได้ โดยมันมีหลักการทำงานทำนองเดียวกับ
รถเด็กเล่นทามิย่าสมัยก่อน, คือ ในระบบขับเคลื่อนของมันจะประกอบด้วย
- แบต EV - คอนโทรลชาร์จ - คอนโทรลรอบมอเตอร์ - ระบบชาร์จไฟกลับลงแบตขณะแตะเบรค - มอเตอร์ไฟฟ้า - ชุดเกียร์ทดส่งกำลัง
ปัญหาสำคัญของรถไฟฟ้าเสียปลั๊กพวกนี้คือ
- เสียเวลาการชาร์จนาน
- แบตหนีก
- แบตแพง
- วิ่งได้ทางสั้นกว่ารถเครื่องสันดาปภายใน และ รถไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง หรือ FCEV
- การชาร์จไฟจากสายส่งของหลวง ซึ่งมีต้นกำลังมาจาก รฟฟ.(รัฐ +เอกชน ) โดยมีทั้ง รฟฟ.พลังงานเดิม ( พลังความร้อน ) และ รฟฟ.พลังงานทางเลือกสะอาด ปัญหาคือ ค่าไฟแพง ลักษณะแบบนี้ EV ก็ = เป็นแค่เทคโนโลยี ย้ายที่ปล่อยมลพิษ จากรถ ไปเป็น รฟฟ.แทนแค่นั้นเอง แต่ ลักษณะแบบนี้แหละ ที่ผู้ที่กินผลประโยชน์จากพลังงานผูกขาดเดิมๆ ( รฟฟ. บ.ถ่านหิน บ.ปิโตรเลียม )
ต้องการมากๆ เพราะพวกเขาได้ประโยชน์ และ EV กับ ไฮเปอร์ลูปก็เช่นกัน เพราะพวกมัน ช่วยยืดอายุระบบเปโตรดอลล่าของอเมริกา ที่เอาเปรียบทางการเงินทุกชาติในโลกมาอย่างเนิ่นนาน ให้ต่อลมหายใจยืดอายุออกไปได้ เราจึงเห็น การพยามตีปี๊บจาก อเมรืกาในเรื่อง EV และ ไฮเปอร์ลูปไง
กรณี E-Power
เทคโนโลยีแบบนี้ มันคือ
Ev + เครื่องยนต์ + เครื่องปั่นไฟ
ซึ่งดูหลักการทำงาน จะคล้ายๆกับ หัวรถจักร
ดีเซลไฟฟ้า / โดย E- Power จะมีหลักการทำงานดังนี้ คือ
- เครื่องยนต์ มีหน้าที่ฉุดเครื่องปั่นไฟ ให้ทำการ
ปั่นไฟลงเก็บในแบต อย่างเดียว
- แล้ว เมื่อเวลาต้องการขับเคลื่อนรถ ระบบคอนโทรลจะ ดึงเอาไฟจากแบตเตอรี่ ไปจ่ายให้กับ
มอร์เตอร์ขับเคลื่อน ไปเปลี่ยนเป็นพลังงานกล ส่งต่อ ไปยังเกียร์ทดและชุดเฟืองท้าย ส่งกำลังขับลงไปยังล้อรถ / ระบบนี้ต่างจากระบบไฮบริดตรงที่ เครื่องยนต์ของระบบนี้ จะมีหน้าทีแค่ปั่นไฟอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่ส่งพลังงานกลไปขับล้อ จึงทำให้
ง่ายต่อการรวบคุม และ มีชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อนน้อยกว่าพวกไฮบรืดมาก
Toyota เขาเชื่อว่า รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่เทคโนโลยีพลังงานทดแทน มี่สำคัญสุดน่ะครับ เขามองไปที่ Hydrogen ครับ
เพราะส่วนตัวชอบเป็นชาวสวนเกษตรกรมากทั้งที่ มีนวัตกรรมรถEV ไร้แบตเตอรี่ที่ออกแบบไว้นานละ ปี 2016 หัวใจสำคัญที่สุดคือ generator ที่ไร้การเคลื่อนไหว ทำงานแบบนิ่ง กังหันลมเพิ่มพลังไฟฟ้าเมื่อรถออกตัวไปแล้ว motor ก็ออกแบบเองไร้แม่เหล็กถาวร แต่ยังไม่ได้เริ่มต้น
Project เพราะมีธุรกิจอื่นที่ชอบอยู่แล้ว อีกไม่นานนักก็จะย้ายไปอยู่ทางอเมริกาเหนือยุโรปเหนือหรือออสเตรเลียและอยู่ถาวร
เมื่อนั้นแหละที่จะ ปลุกปั้นรถสปอร์ต EV ที่ล้ำที่สุด เป็นทั้งรถและบ้านไปได้ทุกที่ทุกเวลาเพราะเรามีพลังงานไม่จำกัดอยู่กับตัว ไม่ว่าฝนตกฟ้าร้องแดดแรงหนาวเหน็บ ก็ไร้อุปสรรค โลกสวยคือโลกส่วนตัวสูงลิบ ครับ
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในรถยนต์ ผู้ผลิตรายใหญ่คือใครครับ
ไม่ทราบพอจะมีตอนหนึ่งให้เฮียวิทย์ช่วยอธิบาย เปรียบเทียบระหว่างโครงสร้างทางอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น เยอรมนี และอเมริกาได้ไหมคะ จากแผนภูมิที่คุณเคนเปิดให้ดูว่า supplier 1, 2, 3 หรือ ในภาษา OEM tier 1, 2, 3 เราเข้าใจว่าญี่ปุ่น ก็เหมือนกับของเยอรมนีและอเมริกานะคะ เลยคิดว่าเหตุผลข้อนี้ไม่สมเหตุสมผล แต่เราอาจจะไม่เข้าใจในเบื้องลึก อย่างไรก็รบกวนชี้แนะเพิ่มเติมนะคะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลดีดีจาก THE SECRET SAUCE คะ
ตอนแรกไม่เชื่อพอไปขับเทส ora คือ ทำดีกว่าญี่ปุ่นผลิตอินโดมาก ขับดีกว่ามากด้วยสิ
เห็น Lexus มี electric car ให้จองซื้อที่ อเมกานะคะ
ญี่ปุ่นคุณภาพ จีนถูก ฝรั่งแรง นิยามสินค้าที่ติดในความคิดคนไทย
คุณภาพเหนือชั้น ยอมซื้อเพราะเมดอินเจแปน
ขอบคุณที่ช่วงหลังมานี้ The Standard หันมาทำข่าวรถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นนะครับ
ขอบคุณที่ทำให้สังคมไทยน่าอยู่ยิ่งขึ้นไปอีกนะครับ
EV จะค่อยๆกินส่วนแบ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เรามารอดูกันอีก 5 ปี ว่าจะเป็นอย้างไรครับ
อ้อลืมบอกอีกอย่างนึง . รถไฟฟ้าจะรุ่งหรือร่วง. ไปดูตอนราคาขายต่อเป็นรถมือสอง . อันนี้สำคัญมาก.
คนญี่ปุ่นเขามองว่า ถ้ารถติดบนถนนตอนหิมะตก แบตเตอรี่หมด ไม่สามารถหิ้วสายชาร์จมาชาร์จเหมือนหิ้วน้ำมันมาเติมได้ เขาเลยไม่นิยมค่ะ
ผิดถนัดเลยจ้าาา รถ ev ยิ่งรถติดแทบไม่เสียพลังงาน ตรงข้ามกับรถน้ำมัน รถ ev จอดเฉยๆ เปิดแอร์/heater ใช้พลังงานแบตแค่ประมาณ 1% ต่อชั่วโมงเท่านั้น คิดง่ายๆ สมมติติด snow อยู่กลางทางแล้วแบตรถเหลืออยู่ 30% (ซึ่งคนใช้ ev จะถือว่าเริ่มน้อย) ยังนั่งอยู่ในรถได้อีกเกิน 24 ชั่วโมงแน่ๆ