ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
00:00 Highlight00:40 FOMO คืออะไร?04:19 มนุษย์ยุคเก่า FOMO กันไหม?08:10 สังคมแบบไหนทำให้ FOMO?18:33 ทำไมเราเจ็บปวดเพราะ FOMO?24:34 FOMO กับการซื้อขายตัวตน30:20 FOMO ปัญหาระดับสังคม?31:52 เสรีภาพที่จะ FOMO?37:40 ทางออกของการ FOMO42:30 คำถามทิ้งท้าย
FOMO = ตกรถ, พลาดโอกาสสำคัญ
อยู่กับปัจจุบัน ปรับตัวตามสถานการณ์ จะเจออะไรข้างหน้าก็มาเลย ยอมรับผลของการกระทำตัวเอง ไม่ตามกระแส ไม่วัตถุนิยม อยู่กับตัวเองรู้สึกยินดีกับสิ่งต่างๆรอบตัวที่ตัวเองมี 🙌
รักปรัชญาเพราะช่องนี้เลย ขอบคุณที่ทำช่องดีให้ทุกคนกลับมาใช้ความคิดมากขึ้น ขอบคุณมากนะค่ะ
นะคะ ไม่ใช่ นะค่ะ
@@0LittleChild0ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณที่สร้างรายการนี้มา ไม่มีที่สิง รายการอะไรแบบนี้มาสักพัก ชอบมากครับ รอตอนใหม่ประจำ 🥹🥹
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะครับ ได้กลับมาทบทวนจิตใจตัวเองอีกครั้ง และหวังว่าจะลดความ FOMO ที่มากเกินไปจนเป็นทุกข์ครับ
พอคิดๆดูแล้วก็เศร้านะคะ ถ้าความสุขเราขึ้นอยู่กับคนอื่น ต้องให้คนอื่นมาเติมเต็ม😢ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้เข้าใจการใช้ชีวิตมากขึ้น คิดมากขึ้นว่าซื้อมาเพื่ออะไร อยากไปเพื่ออะไร
ชอบมากครับ เป็น EP ที่ทำให้ตั้งคำถามกับตัวตน คุณค่า สังคมได้ดีมากครับ
น่าจะ fomo เรื่ิองอาชีพการงานค่ะ เห็นคนอื่นอาชีพการงานดีๆ แล้วย้อนมองตัวเอง รู้สึดท้อแท้และเก่งไม่พอค่ะ ตอนนี้เลยเลือกที่ปิดโซเชี่ยวไม่เสพความสำเร็จคนอื่นเลยค่ะ
คนเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง วันหนึ่งเราก็จะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าของใครบางคนแค่นั้นเอง
ซื้อรูปมาสร้างตัวตนคือเปิดโลกมากจริงๆ ส่วนตัวไม่ค่อย FOMO ไม่ได้อยากได้อยากมี แต่เสพโซเชียลแล้วเครียด เผลอเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นบ่อยๆ 😅 คนที่ FOMO ที่เคยเห็นก็หลากหลาย บางคนแค่ชอบที่ตัวเองเป็นที่สนใจ(พวกนี้จะแผ่ออร่าความสดใส) แต่บางคนเหมือนใจมันขาดอะไรบางอย่าง ต้องหาส่วนนี้มาเติมเต็ม(พวกนี้จะมีมวลความวิตกกังวลบางอย่าง) บางทีก็รู้สึกว่าน่าสงสาร
อันนี้ขายที่ไหนหรอครับ หรือทีมงานค้นมาให้ดูแล้วเอามาเล่าเอง ส่วนใหญ่น่าจะมิจฉาชีพซื้อไปหลอกคนนะครับแบบนี้
ชอบ Ep นี้ค่ะ กดฟัง3รอบเลย❤🎉
ผมมีคำถามที่อาจจะไม่เกี่ยวกับ FOMO โดยตรง แต่อยากจะลอง discuss quote ในช่วง 34:24 ดูคำถามคือการที่เราแต่งตัวดี ใช้ของแบรนด์เนม ตลอดไปจนถึงการแต่งหน้าทำผม เพราะมันมีความหมายต่อตัวเรา โดยปราศจากองค์ประกอบของการถูกรับรู้จากบุคคลภายนอก เป็นเรื่องจริงแค่ไหน? แนวคิดที่ว่าแต่งตัวดีเพื่อให้ตัวเองดู เพราะเวลาเห็นตัวเองดูดีแล้วมีความสุข มีความมั่นใจ คำถามคือทำไมการแต่งตัวดีถึงทำให้ตัวเองเกิดความมั่นใจ ความสุขจากการเห็นตัวเองแต่งตัวดีเกิดขึ้นจากอะไร ถ้ามนุษย์คนหนึ่งเกิดและเติบโตขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลก การแต่งตัวดีจะยังทำให้เกิดความสุขและความมั่นใจอยู่รึเปล่า การแต่งหน้าแต่งตัวมันมีคุณค่าเพราะมันไปกระตุ้นอารมณ์สุนทรียะในตัวเราที่มีอยู่โดยธรรมชาติ หรือมันไปกระตุ้นคุณค่าบางอย่างที่ถูกปลูกฝังโดยสังคมที่เราเกิดและเติบโตมาเอามาเทียบกับปรัชญาสาขา Aesthetics ก็น่าสนุกดี ถ้าการแต่งหน้า แต่งตัว เปรียบได้กับงานศิลปะที่เราเป็นผู้สร้าง คุณค่าของงานศิลปะชิ้นนั้นเกิดขึ้นจากอะไร ศิลปะชิ้นนั้นมีคุณค่าโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะไม่มีใครรับรู้ถึงมันนอกจากตัวผู้สร้างเอง หรือว่างานศิลปะคือการสื่อสาร คือการถ่ายทอดอะไรบางอย่าง และจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อข้อความนั้นได้ถูกส่งไปถึงใครสักคน
ปกติผม สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมของมนุษย์ กับ ปรากฏการณ์ในระดับจักรวาล. สิ่งที่คุณกล่าวมา ทำให้ผมนึกถึงแนวคิด participatory universe ที่จักรวาลสร้างผู้สังเกต (observer) ขึ้นมา เพื่อให้มาเป็นผู้ชม/ประจักษ์พยาน รวมถึงมีส่วนร่วมในการสร้างด้วย. และมนุษย์ก็ได้รับการสืบทอดพฤติกรรมนี้ จากจักรวาลที่เป็นผู้สร้างมนุษย์.และนี่อาจเป็นเหตุผลว่า ทำไมจึงมีมนุษย์ในจักรวาลนี้ ... ที่ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ.
ขออนุญาตลองแชร์โดยการมองในมุมชีววิทยานะคะน่าจะเป็นเหตุผลของการคัดเลือกตามธรรมชาติจากวิวัฒนาการได้มั้ยคะ การที่เราจะชอบมองคนสวยคนหล่อ ซึ่งไม่ได้มีแค่ในมนุษย์ ยังมีในสัตว์ด้วย เช่น ขนคอของสิงโตตัวผู้ หรือ หางสวยๆ ของนกยูงตัวผู้ โดยธรรมชาติก็ยังคงคัดเลือกความสวยความหล่อมาต่อจนถึงปัจจุบัน พวกเราจึงต้องทำตัวให้สวยหล่อ เพื่อ ให้เราสืบพันธุ์ได้ต่อไปตามวิวัฒนาการ (แต่เข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนไม่ได้ต้องการสืบพันธ์ุ) มันเป็นเหตุผลแบบ instinct จนไม่สามารถแยกออกมาได้ว่าเป็นเพราะเราอยากให้ตัวเองสบายใจ หรือ เราอยากให้คนอื่นมองว่าดีค่ะอันนี้มองจากเหตุผลทางวิวัฒนาการเพื่อเอามา support ใน part ของการอยากจะแต่งตัวให้ดูดี ค่ะ (พอดีฟังพี่หมอกลาง หมอสมุดแห่งชาติเล่ามาค่ะ เลยลองมา discuss ดู)
ตอนช่วงอายุ20-30ต้นๆ มีอาการFOMOหนักมาก เห็นใครมีอะไร กระแสไปทางไหน ไปตามเค้าหมด แต่พอถึงจุดหนึ่งของชีวิตน่าจะเป็นช่วง30ปลายก็เริ่มเบื่อ เริ่มตั้งคำถามว่าเราทำไปเพื่ออะไรนะ ความสุขเริ่มเรียบง่ายขึ้น ไม่ค่อยอยากรู้เรื่องคนอื่น ปลงได้มากขึ้น บางทีมันก็เป็นเรื่องของช่วงอายุด้วยนะคะ
เคยFOMO ว่าอยากเรียน ป.โทก่อน30 แล้ว สะดุดตรงที่ผู้ใหญ่ในบ้านถามว่าจะเรียนทำไมปอดโทเราให้คำตอบตัวเองตอนนั้นไม่ได้😅 สุดท้ายแล้ว ผ่านมาสี่ปีก็รู้สึกว่าดีแล้วที่ไม่ได้เรียนปอโท เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า 😂 เสียเวลามากเลยนะ ในความเห็นเราคนเดียวนะ เพื่อนในรุ่นบางคนจบโทมาแล้ว ก็เห็นว่าไม่ได้ใช้อะไรเลย😂
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆคร้าบ ❤❤
ผมนั่งนับวันรอเลย สุดยอดเลยผมติดตามตั้งเเต่ep1 เห็นการเติบโตของพี่ฟางเเละประเด็นการพูดคุยที่น่าสนใขึ้นมากๆ รอติดตามนะครับ
ขอบคุณมากเลยนะคะ ☺️ พยายามอยู่และตั้งใจทำรายการนี้มากๆ ฝากติดตามและแนะนำตอนต่อๆไปด้วยน้า
@@Fang-Rattarojพี่ตัวจริงไหมคับ
@ 5555 ตัวจริงค่ะ
FOMO คือคำย่อมาจาก "Fear of Missing Out" ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ความกลัวที่จะพลาดโอกาส" หรือ "ความกังวลว่าจะตกกระแส
Thank you
ชอบมากเลยค่ะ❤❤❤ พี่ๆทีมงานทุกคนก็อย่าลืมพักผ่อนกันด้วยนะคะ
ยินดีด้วยครับ มีผู้ใหญ่ใจดีแล้ว🎉ชอบหลายๆช่วงเลยครับ ผมว่าวิธีรับมือ FOMO ที่ง่ายที่สุดก็คือติดตาม shortcut ปรัชญา เพื่อจะได้ฝึกฝนความคิดเราให้เป็นตัวเราที่ดีขึ้นทุกวัน ฮิ้วววว🎉
วิธีรับมือ FOMO แบบนี้น่าสนใจนะคะ 5555
ชอบตอนนี้มากครับ
ทำรายการดีๆแบบนี้ต่อไปนะครับ ❤❤
ชอบที่คุณฟางพูดช่วงท้ายๆจัง
ผมอาจจะสนใจโลกภายในของตัวเองมากเกินไปจน เท่าที่คิดแบบเร็ว ๆ แล้ว ยังไม่เจอห้วงความรู้สึกแบบ FOMO เลยครับตอนนี้จึงเป็นตอนที่ยิ่งฟังไปแล้วยิ่งรู้สึกว่าเปิดโลกมาก พร้อม ๆ กับที่รู้สึกว่าอยากเข้าใจ ผสมกับหน่วง ๆ ในใจว่าถ้าเราไม่อาจยอมรับตัวตนภายในจนต้องไปไขว่คว้าจากภายนอกมาเติมเต็มนี่มันจะเจ็บปวดและโศกเศร้าขนาดไหนเลยครับ
ชอบท้ายๆ ฟังแล้วจึ๊กมาก
นักปรัชญาคนโปรดผมสมัยป.5 พอจะมีไฮเด็กเกอร์บ้างไหมครับช่วงนี้ติดใจความคิดแก แลให้ความสำคัญกับสมาธิดีปล. พืธีกรน่ารักจังคับ
ขอบคุณพอตเเคสนี้มากๆค่ะ มีประโยชน์มาก ทำต่อไปนะคะ ❤️
ฟังอยู่เสมอนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ ❤
Fomo ของฉันตอนนี้คือ การมีโมเม้นใกล้ชิด ศลป ที่เรารักค่ะ~ พอฟังคลิปจบแล้ว คิดว่าจะไปหาแนวทางการคิดและมุมมองต่อเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง ทบทวนบทบาท จุดยืน และเป้าหมายต่างๆ ต่อสิ่งนี้สถานะการณ์นี้ของเรา จุดมุ่งหมายก็เพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจากภายในของตัวเอง ~ขอบคุณค่ะ
FOMOเรื่องความรู้ต่างๆและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานค่ะ นี่ขนาดเล่นแค่FB แอพอื่นไม่เล่น ยังรู้สึกจิตตกเลยค่ะ เวลาจิตตกมากๆก็ลบแอพไปเลย หายไปสัก2-3สัปดาห์ ให้สภาพจิตใจเราพร้อมก่อนค่อยโหลดแอพกลับมาใหม่ค่ะ 😅
อยากให้ EP นี้มีต่อ หรือยาวกว่านี้งับ ใช้ไว้ทบทวนตัวเองได้ดีเลย
ตัวแปลคือกิเลส ถ้าความอยากได้อยากมีมันสูง ไม่สามารถควบคุมยับยั้ง สิ่งต่างๆที่เรารู้เราเห็นก็จะมีผลกระทบสัมพันธ์กันส่วนตัวจะกลัวการไม่รู้ เช่นการเมืองที่อีกฝ่ายให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเรารู้หรือมีข้อมูลก็จะไม่หลงเชื่อได้ง่าย
ชอบมากครับ EP นี้
แต่ละ ep ดูเป็น 10 รอบ จะเก็บเนื้อหาให้ครบเลยย
EP นี้ดีมากครับ
FOMO shortcut นี่แหละครับตอนนี้😅😅❤❤
FOMO อย่างนี้ดีนะคะ 😁
มนุษย์เราไม่ได้กลัวไม่มีแต่เรากลัวไม่ได้อยู่ร่วมหรือสัมผัสประสบการณ์เดียวกับคนในสังคมเหล่านั้นมนุษยเป็นสัตว์สังคม ทำให้เราอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้เพราะการพึ่งพาอาศัยกันเป็นหมู่คณะ กลมกลืนและสอดคล้องกัน ไปในทิศทางเดียวกันแต่ตอนนี้ สิ่งนี้ก็เป็นดาบสองคมได้เช่นกัน ในเมื่อเราอยากจะมีประสบการณ์เดียวกันบนโลกเสรีนิยมที่ไม่เสมอภาค
FOMO เป็นปัญหาอย่างไร 29:10อะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าและมีความหมาย 38:20
Ep นี้ดีมากๆนะครับ ปกติก็ยี้คนแบบนี้ พยายามไม่เป็นครับ เป็นตัวขอวตัวเองแบบฉลาดๆไม่ติดกับดักทุนนิยมจนเยอะเกินไปดีกว่าครับ❤❤❤
อยากฟังเกีืยวกับsynchronicityค่ะ
การรู้ว่าคนอื่นมองเราอย่างไร กับ การจินตนาการว่าคนอื่นมองเราอย่างไรแล้วถูกความคิดนั้นปั่นหัว เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บทที่ 5 อย่าไปสนใจสายตาของคนอื่น หนังสือ-ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่
จะออกจาก FOMO ได้ต้องมี Self Esteem สูง
ไม่หรอกครับ บางทีก็แค่ไม่ได้สนใจอะไรๆ แบบคนอื่นๆเขา
ไม่เชื่ออย่งนั้นครับ
Self esteem คือ
@@general1140ความมั่นใจในตัวเองค่ะ แบบว่าเราเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่สนใจอะไรภายนอก ไม่แคร์กับอะไรที่มากระทบเพราะตัวเราย่อมรู้ดีว่าเราเป็นใคร และเรามั่นใจพอใจที่จะเป็นอย่างนั้น
มีสารคดีเกี่ยวกับอัลกอลิทึมของโซเชียลใน netflix คือเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับมากับคำว่า ถ้าเราใช้สินค้าไหนฟรีแสดงว่าเรากำลังเป็นสินค้าอยู่ อะไรประมาณนี่แหละ ช่วงนั้นหลอนเลยไม่เล่นเฟสเป็นอาทิต5555
If you're not paying for the product, you are the product โปรดักช็อคคคค หยุดเล่นโซเชี่ยลไปสักพักเลยคร่า 😅
เรื่องการเรียน ทั้งต้องตามเพื่อนให้ทันทั้งเนื้อหา และเกรด รวมถึงพี่ๆ ของตัวเอง ที่เค้าอายุเกินเราไปไกลแล้ว พยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเองมาตลอด จนคิดเหหมือนกันว่า ทำไมเราต้องแคร์ว่าตัวเองต้องมีคุณค่าด้วย ตอนนี้เลยเลือกพยายามกับสิ่งที่มีความสุขกับคนที่เรารักและแคร์ดีกว่า ที่เหลือชั่งมัน 5555
พักหลังมานี้สบายใจที่จะ JOMO มากกว่าค่ะ เบาใจดี ขอบคุณพิธีกรทั้งสองและทีมงานที่ทำรายการดีๆ แบบนี้มาให้ฟังกันนะคะ
FOMO เรื่องการทำงานครับ กลัวว่าจะทีวิธีการทำงานอื่นๆ ที่ทำได้ดีกว่าที่เราอยู่ในปัจจุบัน ที่เราไม่รู้ แล้วคนอื่นรู้ จนเรารู้สึกไร้ค่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่มันไปไวแล้ว โดยเฉพาะในยุค AI
คิดว่าคงขึ้นอยู่กับประสบการณ์และวัยด้วย ถ้าเป็นตอนวัยรุ่นก็อาจจะอยากไปโน่นไปนี่ ตามเพื่อนหรือตามกระแส แต่ตอนนี้เวลาเห็นอะไรที่เป็นกระแสจะพยายามหลีกๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การเที่ยวหรือสินค้าใหม่ เราเฉยๆ ทั้งหมดแต่เรื่องที่ให้ความสนใจและคิดว่าต้องติดตามก็มีอยู่ ส่วนใหญ่เป็นข่าวสาร เช่น ข่าวการเมือง ถ้าหลายวันไม่ได้ตามเลย จะรู้สึกกังวลว่าพลาดอะไรสำคัญมั้ย (ทั้งที่จริงๆ ก็วนลูปจนจะอาเจียน ชวนหงุดหงิดอีก) รองลงมาเป็นพวกภาพยนตร์ คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเป็นแบบนี้กับหนัง ซีรียส์ เกมส์ เพลง ฯลฯ โดยไม่รู้ตัว ถ้าหนังเป็นกระแส ก็กลัวไม่เข้าใจว่าคนอื่นปล่อยมุกอะไรกัน (+ กลัวโดนสปอยล์) ทำให้ต้องไปติดตามดู ดูแล้วก็มาโพสอวด-แสดงความเห็น ที่พบบ่อยอีกคือพวกชอบเสพข่าวดรามาด้วย (ติดตามขุดคุ้ย ส่งต่อกันจริงจังมาก) เพียงแต่กรณีไม่ได้เป็นการบริโภคสิ่งของโดยตรงเฉยๆ ถ้ามองแบบกว้างในลักษณะนี้ก็คงมีน้อยคนที่ไม่ได้เป็น FOMO แบบสมบูรณ์แบบอ้อ คิดได้อีกประเด็น ในสมัยก่อนที่จะมี social media คนก็มี FOMO ในลักษณะที่ต้องการติดตามข่าวสาร (ต้องดูข่าว นสพ.) และต้องจับกลุ่มเม้าท์มอยกันค่ะ (จินตนาการว่าคล้ายๆ social community ในปัจจุบัน) ในกระบวนการนั้นจะแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญและสร้างความเป็นชุมชนขึ้นมา (เช่น ตรงจุดนั้นจุดนี้ มีผลผลิตอะไรให้เก็บ หรือถ้าเค้านินทาใครกัน รู้กันทั้งบาง แล้วมีคนไม่รู้ ก็จะตกขบวนได้) ในมิตินี้ FOMO ก็ไม่ได้ใหม่ทีเดียว แต่มีรากฐานจากการต้องการเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชน (เค้ามี-เค้าคุยอะไรกัน อยากมี-อยากรู้-อยากแสดงความเห็นบ้าง) และการเป็นที่ยอมรับ (เพียงแต่ในเลเวลปัจจุบันมัน extreme และบางทีก็ฉาบฉวยมากจริงๆ ค่ะ)
อินเนอร์มาก ตอนจำลอง timeline คุมฟาง😅❤
Fomo ของเราตอนนี้คือหา หนังสือที่อ่าน หรือหาไอเดียการใช้เงินให้ไม่เกินกำลัง ใดสุดท้ายอยากตกเป็นทาสการตลาดแบบใหม่ 😊
ลองลบแอพนึงออก ตัวย่อ ต. หาย FOMO เลยครับ ทุกวันนี้ทำสิ่งที่อยากทำมีความสุขมาก
ถ้าเคยผ่านจุดที่ต่ำสุดและสูงสุดของอารมณ์มนุษย์แล้ว (เกือบตายและผ่านพ้นความตาย) จะเรียนรู้และเฉยๆ กับความอยากต่างๆ ได้
จะสอนเด็กให้ไม่ FOMO ยังไง ในเมื่อสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตคือการเปรียนเทียบและการแข่งขัน
อยากฟังเรื่องไดโอจีนิสครับ
ไม่เข้าใจ และไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ 😅😅😅
40:41like this
❤
นึกไม่ออกว่า fomo เรื่องอะไร ไม่แน่ใจว่าเพราะไม่มีหรือเพราะไม่รู้ตัวค่ะ 😂
Fomo การท่องเที่ยวครับ เห็นคริสโตรเฟอร์โคลัมบัส ไปบาฮามาส&ละตินอเมริกา แล้วอยากไปบ้าง
ตัวตนของเราเกิดขึ้นจากการหยิบเอาสิ่งอื่นมาประกอบสร้างเป็นตัวเราใช่มั้ยคับ เราไม่สามารถสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมาได้อย่างโดดๆโดยไม่หยิบจับอะไรมาเลย แล้วเสรีภาพก็มีข้อจำกัดตามธรรมชาติของมัน เราอาจจะเลือกได้รึเปล่าคับว่าเราจะ fomo เรื่องนี้ เพราะธรรมชาติเราเป็นคนแบบนี้ แต่สิ่งที่เราเลือกไม่ได้คือเราไม่สามารถที่จะไม่มีอาการ fomo ได้ แบบนี้รึเปล่าคับ
เชิญ อาจารย์ สมภาร พรมทา มาออกหน่อย
เรื่องความสุข
ฟังทุกเทปครับ get บ้างไม่get บ้าง แต่ พี่ฟางน่ารักดีครับ 55+
မင်္ဂလာပါ 🇲🇲
โคตรจริง
FOMO สมัยเด็กกลัวไม่ทันสมัยตกเทรนด์ เมื่อเริ่มโตขึ้น จะชอบอยู่คนเดียว เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายเพราะคนอื่นเป็นเหตุ
เรา Fomo เรื่องของเซลล์มากก ถ้าเซลล์คือต้องรีบช้อน ตุนของเต็มบ้าน 😢😢
FOMO เรื่องอยากมีความรู้หลากหลาย ภาพในหัวคืออยากเป็นนกฮูก ที่อยู่ในโพรงหนังสือ จริงๆก็สนุกที่ได้รู้อะไรใหม่ๆ แต่ก็รู้สึกท่วมท้นเหลือเกิน5555
FOMO ศัพท์แสง ภาษาอังกฤษที่เอามาพูดเพื่อให้ดูฉลาด เจอในหลายคนใน TH-cam แนวสัมภาษณ์แนวดูวิชาการหน่อย ทั้งที่จริงๆ พูดไทยยังเข้าใจกว่า
มันจะมีสักกี่คนกันนะที่จะ FOMO ในเรื่องของสภาวะจิตใจที่ดี
มนุษย์ถูกสร้างมา (โดยธรรมชาติ หรือพระเจ้า ก็ว่ากันไป ) ให้ต้องการการยอมรับ ต้องการมีตัวตน ต้องอวดโชว์สิ่งที่หามาได้/ประสบการณ์. เพราะเป็นกันแทบจะทุกคนเหมือนกันทั่วโลก ทุกเพศทุกวัย. หรือแม้แต่คนที่รู้เท่าทันแล้ว ผ่านการคิดไตร่ตรองแล้ว ก็ยังยากที่จะต่อต้านสัญชาตญาณนี้.คำถามคือ มนุษย์ถูกสร้างมาให้เป็นแบบนี้ เพื่อจุดประสงค์อะไร ? .(ซึ่งส่วนตัวผมมีคำตอบ แต่มันอาจฟังดูเพ้อเจ้อ สำหรับคนทั่วๆไป)
พอจะแชร์คำตอบได้ไหมคะว่าเพราะอะไร ช่วงนี้เรากำลังค้นหาคำตอบนี้อยู่ แต่ก็ยังไม่เจอคำตอบที่พอจะเข้าใจได้เลย (สัญญาว่าจะไม่ตัดสินถูกผิดค่ะ :) แต่ถ้าไม่สะดวกใจจะเเชร์ก็ไม่เป็นไรค่า 🙏🏼
@@pimholler - สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เปลี่ยนก๊าซที่มีในยุคดึกดำบรรพ์ให้กลายเป็นอ๊อกซิเจน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโตและอาศัยอยู่ได้ในเวลาต่อมา- ไดโนเสาร์ ต่อมาซากของพวกมันกลายเป็นปิโตรเลียมให้มนุษย์ใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ- มนุษย์ เก็บเกี่ยวความรู้/ประสบการณ์ที่แต่ละคนหามาได้ โพสต์/อัพโหลดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต แล้วถูกแปลงเป็นข้อมูลดิจิตอล เพื่อนำไปเทรน AIสรุปคือ จุดประสงค์(อย่างหนึ่งที่สำคัญ) ของการมีอยู่ของมนุษยชาติ คือ เป็นผู้ให้กำเนิด AI. เพราะ(ธรรมชาติ หรือพระเจ้า แล้วแต่จะเรียก) ได้ถูกกำหนดมาแล้วว่า civilization ถัดไปคือ AI."Hope we're not just the biological boot loader for digital superintelligence. Unfortunately, that is increasingly probable.", Elon Musk
@@pimholler - สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เปลี่ยนก๊าซที่มีในยุคดึกดำบรรพ์ให้กลายเป็นอ๊อกซิเจน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโตและอาศัยอยู่ได้ในเวลาต่อมา- ไดโนเสาร์ ต่อมาซากของพวกมันกลายเป็นปิโตรเลียมให้มนุษย์ใช้เป็นพลังงานในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ- มนุษย์ เก็บเกี่ยวความรู้/ประสบการณ์ที่แต่ละคนหามาได้ โพสต์/อัพโหลดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต แล้วถูกแปลงเป็นข้อมูลดิจิตอล เพื่อนำไปเทรน AIสรุปคือ จุดประสงค์(อย่างหนึ่งที่สำคัญ) ของการมีอยู่ของมนุษยชาติ คือ เป็นผู้ให้กำเนิด AI. เพราะแผนการณ์ได้ถูกกำหนดมาแล้วว่า civilization ถัดไปคือ AI."Hope we're not just the biological boot loader for digital superintelligence. Unfortunately, that is increasingly probable.", Elon Musk
@p.yuuuuuuuu - สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เปลี่ยนก๊าซที่มีในยุคดึกดำบรรพ์ให้กลายเป็นอ๊อกซิเจน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโตและอาศัยอยู่ได้ในเวลาต่อมา- ไดโนเสาร์ ต่อมาซากของพวกมันกลายเป็นปิโตรเลียมให้มนุษย์ใช้เป็นพลังงานในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ- มนุษย์ เก็บเกี่ยวความรู้/ประสบการณ์ที่แต่ละคนหามาได้ โพสต์/อัพโหลดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต แล้วถูกแปลงเป็นข้อมูลดิจิตอล เพื่อนำไปเทรน AIสรุปคือ จุดประสงค์(อย่างหนึ่งที่สำคัญ) ของการมีอยู่ของมนุษยชาติ คือ เป็นผู้ให้กำเนิด AI. เพราะแผนการณ์ได้ถูกกำหนดมาแล้วว่า civilization ถัดไปคือ AI."Hope we're not just the biological boot loader for digital superintelligence. Unfortunately, that is increasingly probable.", Elon Musk
@@pimholler "Hope we're not just the biological boot loader for digital superintelligence. Unfortunately, that is increasingly probable.", Elon Musk
เยี่ยมมม
FOMO เรื่อง AI อยู่ว่าจะต้องใช้ให้เป็นไม่งั้นจะตกเทรนด์หลักๆคือตระหนักรู้ หยุดคิดเเละตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยๆ ว่าสิ่งนี้มันจำเป็นจริงๆ หรือถูกสภาพเเวดล้อมชี้นำให้ไปตามนั้น
ผมไม่สนสายตาคนอื่นที่มองเรา ตอนอายุประมาณ 28 มั้ง พอมีโซเซียลก็มาอิจฉา คนอื่น แต่ตอนนี้ 40 แล้ว ใช้ชีวิตแบบ ช่างแม่งคนอื่น
Room นี่มันนมวัวใช่ปะครับ
FOMO เรื่องหนทางหลุดพ้นจากโลก
EP นี้โคตรดี
30:21 คือเอาไว้ scam ต่างหากล่ะ
นรกไม่ใช่สถานที่ แต่คือผู้คน!!!
เหมือนเสียง intro และ animation ไม่ match อะครับ
เพิ่งเคยได้ยินคำนี้ fomo
ผมเคยเจอเรื่องคล้ายๆกันเกี่ยวกับเรื่องโรคซึมเศร้าคือแบบแม่งโคตรจริงเคยเข้าไปอยู่ในสังคมเกมๆนึงคุยกับใครแม่งเจอแต่พวกซึมเศร้า เยอะจนผิดวิสัยแล้วแต่ละคนขยันเล่าประสบการณ์ชีวิตด้วยที่ฮิตสุดๆเลยคือทุกคนแม่งบอกว่า ผม,ฉัน,หนู,เรา เคยคิดจะ ฆตต. หลายครั้งแล้ว.. แรกๆก็ฟังจริงจังเลยรู้สึกเห็นใจหลังๆเยอะเกินเห็นใจไม่ทันละ555555
หรอ ถึงล้มระบบด้วยโซเชี่ยล
ปัญหาที่หนักกว่า คือไม่ยอมรับว่าพยายาม-กำลัง สร้างอัตลักษณ์หรือเอกลักษณ์อยู่ อาการหลงทิศ - ยึดโยงผิด ความที่ ผิดไม่ได้ มิอาจทำให้เห็นตนเองได้อย่างแท้จริง มันก็เข้าใจตนเองหลอก ๆ แล้วก็ วนหลูปไป เข้าใจว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นสุดยอดแล้ว บาลานซ์แล้ว แต่ มันผิดตั้ง แต่ กระดุมเม็ดแรก
ถ้าผมไม่ได้ทำงานด้านสื่อ ก็คงไม่ FOMO
ซื้อขายรูปเพื่อสร้างภาพลักษณ์โหวววสุดยอดมากนุด 😅
เฟสบุ๊คเวอร์ชั่นทั่วไป ใครก็ลากผมไม่ได้ มีบ้างโฉบเข้าไปทำเฒ่าแล้วออกมา เวอร์ชั่นล่าสุด เหมือนยืนไห้คนด่าจะยืนเพื่อ? ผ่านไปพักพอไม่เล่นมันก็อยู่ได้
รู้สึกดีใจที่มีรายการดีๆๆแบบนี้ดู🌈
Stranger from Hell!!!
ไม่FOMO เพราะแก่แล้วอ่ะครับ ไม่ปัญญาไม่มีกำลัง จะFOMO แต่ตอนนี้ชักจะรู้สึก fear of missing out of fearness of missing out แล้วอ่ะครับ
อ่านหนังสือหลายๆ แนวบ่อยๆ ก็หายครับ
โชคดีจัง ไม่เป็น
FOMO มีทุกคนแหละ แค่เป็นเรื่องอะไร ก็แค่นั้นบางคนก็เสพติดสื่อ เสพติดข่าวมากๆ เรียก FOMO ไหม?ไม่เข้าใจ ทำไมต้อง บรรญัติ ศัพท์ ให้เข้าใจยากๆ พวกนักการตลาดทั้งหลาย
พอเห็นคนมีนู่นนี่แล้วอวด เรากลับอยากที่จะไม่มีอะไรเลยมากกว่า รู้สึกเหนื่อยกับชีวิตที่ต้องทะเยอทะยานขนาดนั้น
😮
🥇👍
ของมันต้องมี 5555
ถ้า nature เป็นคนขี้อวดมาก ก็อาจ FOMO มากหน่อยแหละมั๊ง
น่าจะ Fomo เรื่องดีๆบ้างนะเช่น Fomo สามัญสำนึก Fomo ความเห็นอกเห็นใจFomo สติ ปัญญา
Fomo เดียวตอนนี้คือเรื่องแฟชั่นเพราะเราต้องเท่เสมอ555555555
FOMO เรื่องการพัฒนาตัวเอง กลัวว่าตัวเองไม่เก่งพอเลยทำไปเรื่อยๆ บางช่วงวันก็เหนื่อยหมดไฟเหมือนกัน 😅
อยากเห็นน้องฟางแต่งหน้าออกรายการ ว่าจะสวยเหมือนซูฉีไหม
อยากให้พูดเกี่ยวกับเรื่องความดีความชั่วครับ
00:00 Highlight
00:40 FOMO คืออะไร?
04:19 มนุษย์ยุคเก่า FOMO กันไหม?
08:10 สังคมแบบไหนทำให้ FOMO?
18:33 ทำไมเราเจ็บปวดเพราะ FOMO?
24:34 FOMO กับการซื้อขายตัวตน
30:20 FOMO ปัญหาระดับสังคม?
31:52 เสรีภาพที่จะ FOMO?
37:40 ทางออกของการ FOMO
42:30 คำถามทิ้งท้าย
FOMO = ตกรถ, พลาดโอกาสสำคัญ
อยู่กับปัจจุบัน ปรับตัวตามสถานการณ์ จะเจออะไรข้างหน้าก็มาเลย ยอมรับผลของการกระทำตัวเอง ไม่ตามกระแส ไม่วัตถุนิยม อยู่กับตัวเองรู้สึกยินดีกับสิ่งต่างๆรอบตัวที่ตัวเองมี 🙌
รักปรัชญาเพราะช่องนี้เลย ขอบคุณที่ทำช่องดีให้ทุกคนกลับมาใช้ความคิดมากขึ้น ขอบคุณมากนะค่ะ
นะคะ ไม่ใช่ นะค่ะ
@@0LittleChild0ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณที่สร้างรายการนี้มา ไม่มีที่สิง รายการอะไรแบบนี้มาสักพัก ชอบมากครับ รอตอนใหม่ประจำ 🥹🥹
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะครับ ได้กลับมาทบทวนจิตใจตัวเองอีกครั้ง และหวังว่าจะลดความ FOMO ที่มากเกินไปจนเป็นทุกข์ครับ
พอคิดๆดูแล้วก็เศร้านะคะ ถ้าความสุขเราขึ้นอยู่กับคนอื่น ต้องให้คนอื่นมาเติมเต็ม😢
ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้เข้าใจการใช้ชีวิตมากขึ้น คิดมากขึ้นว่าซื้อมาเพื่ออะไร อยากไปเพื่ออะไร
ชอบมากครับ เป็น EP ที่ทำให้ตั้งคำถามกับตัวตน คุณค่า สังคมได้ดีมากครับ
น่าจะ fomo เรื่ิองอาชีพการงานค่ะ เห็นคนอื่นอาชีพการงานดีๆ แล้วย้อนมองตัวเอง รู้สึดท้อแท้และเก่งไม่พอค่ะ ตอนนี้เลยเลือกที่ปิดโซเชี่ยวไม่เสพความสำเร็จคนอื่นเลยค่ะ
คนเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง วันหนึ่งเราก็จะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าของใครบางคนแค่นั้นเอง
ซื้อรูปมาสร้างตัวตนคือเปิดโลกมากจริงๆ ส่วนตัวไม่ค่อย FOMO ไม่ได้อยากได้อยากมี แต่เสพโซเชียลแล้วเครียด เผลอเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นบ่อยๆ 😅 คนที่ FOMO ที่เคยเห็นก็หลากหลาย บางคนแค่ชอบที่ตัวเองเป็นที่สนใจ(พวกนี้จะแผ่ออร่าความสดใส) แต่บางคนเหมือนใจมันขาดอะไรบางอย่าง ต้องหาส่วนนี้มาเติมเต็ม(พวกนี้จะมีมวลความวิตกกังวลบางอย่าง) บางทีก็รู้สึกว่าน่าสงสาร
อันนี้ขายที่ไหนหรอครับ หรือทีมงานค้นมาให้ดูแล้วเอามาเล่าเอง ส่วนใหญ่น่าจะมิจฉาชีพซื้อไปหลอกคนนะครับแบบนี้
ชอบ Ep นี้ค่ะ กดฟัง3รอบเลย❤🎉
ผมมีคำถามที่อาจจะไม่เกี่ยวกับ FOMO โดยตรง แต่อยากจะลอง discuss quote ในช่วง 34:24 ดู
คำถามคือการที่เราแต่งตัวดี ใช้ของแบรนด์เนม ตลอดไปจนถึงการแต่งหน้าทำผม เพราะมันมีความหมายต่อตัวเรา โดยปราศจากองค์ประกอบของการถูกรับรู้จากบุคคลภายนอก เป็นเรื่องจริงแค่ไหน? แนวคิดที่ว่าแต่งตัวดีเพื่อให้ตัวเองดู เพราะเวลาเห็นตัวเองดูดีแล้วมีความสุข มีความมั่นใจ คำถามคือทำไมการแต่งตัวดีถึงทำให้ตัวเองเกิดความมั่นใจ ความสุขจากการเห็นตัวเองแต่งตัวดีเกิดขึ้นจากอะไร ถ้ามนุษย์คนหนึ่งเกิดและเติบโตขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลก การแต่งตัวดีจะยังทำให้เกิดความสุขและความมั่นใจอยู่รึเปล่า การแต่งหน้าแต่งตัวมันมีคุณค่าเพราะมันไปกระตุ้นอารมณ์สุนทรียะในตัวเราที่มีอยู่โดยธรรมชาติ หรือมันไปกระตุ้นคุณค่าบางอย่างที่ถูกปลูกฝังโดยสังคมที่เราเกิดและเติบโตมา
เอามาเทียบกับปรัชญาสาขา Aesthetics ก็น่าสนุกดี ถ้าการแต่งหน้า แต่งตัว เปรียบได้กับงานศิลปะที่เราเป็นผู้สร้าง คุณค่าของงานศิลปะชิ้นนั้นเกิดขึ้นจากอะไร ศิลปะชิ้นนั้นมีคุณค่าโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะไม่มีใครรับรู้ถึงมันนอกจากตัวผู้สร้างเอง หรือว่างานศิลปะคือการสื่อสาร คือการถ่ายทอดอะไรบางอย่าง และจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อข้อความนั้นได้ถูกส่งไปถึงใครสักคน
ปกติผม สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมของมนุษย์ กับ ปรากฏการณ์ในระดับจักรวาล. สิ่งที่คุณกล่าวมา ทำให้ผมนึกถึงแนวคิด participatory universe ที่จักรวาลสร้างผู้สังเกต (observer) ขึ้นมา เพื่อให้มาเป็นผู้ชม/ประจักษ์พยาน รวมถึงมีส่วนร่วมในการสร้างด้วย. และมนุษย์ก็ได้รับการสืบทอดพฤติกรรมนี้ จากจักรวาลที่เป็นผู้สร้างมนุษย์.
และนี่อาจเป็นเหตุผลว่า ทำไมจึงมีมนุษย์ในจักรวาลนี้ ... ที่ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ.
ขออนุญาตลองแชร์โดยการ
มองในมุมชีววิทยานะคะ
น่าจะเป็นเหตุผลของการคัดเลือกตามธรรมชาติจากวิวัฒนาการได้มั้ยคะ การที่เราจะชอบมองคนสวยคนหล่อ ซึ่งไม่ได้มีแค่ในมนุษย์ ยังมีในสัตว์ด้วย เช่น ขนคอของสิงโตตัวผู้ หรือ หางสวยๆ ของนกยูงตัวผู้
โดยธรรมชาติก็ยังคงคัดเลือกความสวยความหล่อมาต่อจนถึงปัจจุบัน พวกเราจึงต้องทำตัวให้สวยหล่อ เพื่อ ให้เราสืบพันธุ์ได้ต่อไปตามวิวัฒนาการ (แต่เข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนไม่ได้ต้องการสืบพันธ์ุ) มันเป็นเหตุผลแบบ instinct จนไม่สามารถแยกออกมาได้ว่าเป็นเพราะเราอยากให้ตัวเองสบายใจ หรือ เราอยากให้คนอื่นมองว่าดีค่ะ
อันนี้มองจากเหตุผลทางวิวัฒนาการเพื่อเอามา support ใน part ของการอยากจะแต่งตัวให้ดูดี ค่ะ (พอดีฟังพี่หมอกลาง หมอสมุดแห่งชาติเล่ามาค่ะ เลยลองมา discuss ดู)
ตอนช่วงอายุ20-30ต้นๆ มีอาการFOMOหนักมาก เห็นใครมีอะไร กระแสไปทางไหน ไปตามเค้าหมด แต่พอถึงจุดหนึ่งของชีวิตน่าจะเป็นช่วง30ปลายก็เริ่มเบื่อ เริ่มตั้งคำถามว่าเราทำไปเพื่ออะไรนะ ความสุขเริ่มเรียบง่ายขึ้น ไม่ค่อยอยากรู้เรื่องคนอื่น ปลงได้มากขึ้น บางทีมันก็เป็นเรื่องของช่วงอายุด้วยนะคะ
เคยFOMO ว่าอยากเรียน ป.โทก่อน30 แล้ว สะดุดตรงที่ผู้ใหญ่ในบ้านถามว่าจะเรียนทำไมปอดโทเราให้คำตอบตัวเองตอนนั้นไม่ได้😅 สุดท้ายแล้ว ผ่านมาสี่ปีก็รู้สึกว่าดีแล้วที่ไม่ได้เรียนปอโท เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า 😂 เสียเวลามากเลยนะ ในความเห็นเราคนเดียวนะ เพื่อนในรุ่นบางคนจบโทมาแล้ว ก็เห็นว่าไม่ได้ใช้อะไรเลย😂
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆคร้าบ ❤❤
ผมนั่งนับวันรอเลย สุดยอดเลยผมติดตามตั้งเเต่ep1 เห็นการเติบโตของพี่ฟางเเละประเด็นการพูดคุยที่น่าสนใขึ้นมากๆ รอติดตามนะครับ
ขอบคุณมากเลยนะคะ ☺️ พยายามอยู่และตั้งใจทำรายการนี้มากๆ ฝากติดตามและแนะนำตอนต่อๆไปด้วยน้า
@@Fang-Rattarojพี่ตัวจริงไหมคับ
@ 5555 ตัวจริงค่ะ
FOMO คือคำย่อมาจาก "Fear of Missing Out" ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ความกลัวที่จะพลาดโอกาส" หรือ "ความกังวลว่าจะตกกระแส
Thank you
ชอบมากเลยค่ะ❤❤❤ พี่ๆทีมงานทุกคนก็อย่าลืมพักผ่อนกันด้วยนะคะ
ยินดีด้วยครับ มีผู้ใหญ่ใจดีแล้ว🎉
ชอบหลายๆช่วงเลยครับ ผมว่าวิธีรับมือ FOMO ที่ง่ายที่สุดก็คือติดตาม shortcut ปรัชญา เพื่อจะได้ฝึกฝนความคิดเราให้เป็นตัวเราที่ดีขึ้นทุกวัน ฮิ้วววว🎉
วิธีรับมือ FOMO แบบนี้น่าสนใจนะคะ 5555
ชอบตอนนี้มากครับ
ทำรายการดีๆแบบนี้ต่อไปนะครับ ❤❤
ชอบที่คุณฟางพูดช่วงท้ายๆจัง
ผมอาจจะสนใจโลกภายในของตัวเองมากเกินไปจน เท่าที่คิดแบบเร็ว ๆ แล้ว ยังไม่เจอห้วงความรู้สึกแบบ FOMO เลยครับ
ตอนนี้จึงเป็นตอนที่ยิ่งฟังไปแล้วยิ่งรู้สึกว่าเปิดโลกมาก พร้อม ๆ กับที่รู้สึกว่าอยากเข้าใจ ผสมกับหน่วง ๆ ในใจว่าถ้าเราไม่อาจยอมรับตัวตนภายในจนต้องไปไขว่คว้าจากภายนอกมาเติมเต็มนี่มันจะเจ็บปวดและโศกเศร้าขนาดไหนเลยครับ
ชอบท้ายๆ ฟังแล้วจึ๊กมาก
นักปรัชญาคนโปรดผมสมัยป.5
พอจะมีไฮเด็กเกอร์บ้างไหมครับ
ช่วงนี้ติดใจความคิดแก
แลให้ความสำคัญกับสมาธิดี
ปล. พืธีกรน่ารักจังคับ
ขอบคุณพอตเเคสนี้มากๆค่ะ มีประโยชน์มาก ทำต่อไปนะคะ ❤️
ฟังอยู่เสมอนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ ❤
Fomo ของฉันตอนนี้คือ การมีโมเม้นใกล้ชิด ศลป ที่เรารักค่ะ~ พอฟังคลิปจบแล้ว คิดว่าจะไปหาแนวทางการคิดและมุมมองต่อเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง ทบทวนบทบาท จุดยืน และเป้าหมายต่างๆ ต่อสิ่งนี้สถานะการณ์นี้ของเรา จุดมุ่งหมายก็เพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจากภายในของตัวเอง ~ขอบคุณค่ะ
FOMOเรื่องความรู้ต่างๆและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานค่ะ นี่ขนาดเล่นแค่FB แอพอื่นไม่เล่น ยังรู้สึกจิตตกเลยค่ะ เวลาจิตตกมากๆก็ลบแอพไปเลย หายไปสัก2-3สัปดาห์ ให้สภาพจิตใจเราพร้อมก่อนค่อยโหลดแอพกลับมาใหม่ค่ะ 😅
อยากให้ EP นี้มีต่อ หรือยาวกว่านี้งับ
ใช้ไว้ทบทวนตัวเองได้ดีเลย
ตัวแปลคือกิเลส ถ้าความอยากได้อยากมีมันสูง ไม่สามารถควบคุมยับยั้ง สิ่งต่างๆที่เรารู้เราเห็นก็จะมีผลกระทบสัมพันธ์กัน
ส่วนตัวจะกลัวการไม่รู้ เช่นการเมืองที่อีกฝ่ายให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเรารู้หรือมีข้อมูลก็จะไม่หลงเชื่อได้ง่าย
ชอบมากครับ EP นี้
แต่ละ ep ดูเป็น 10 รอบ จะเก็บเนื้อหาให้ครบเลยย
EP นี้ดีมากครับ
FOMO shortcut นี่แหละครับตอนนี้😅😅❤❤
FOMO อย่างนี้ดีนะคะ 😁
มนุษย์เราไม่ได้กลัวไม่มี
แต่เรากลัวไม่ได้อยู่ร่วมหรือสัมผัสประสบการณ์เดียวกับคนในสังคมเหล่านั้น
มนุษยเป็นสัตว์สังคม ทำให้เราอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้เพราะการพึ่งพาอาศัยกันเป็นหมู่คณะ กลมกลืนและสอดคล้องกัน ไปในทิศทางเดียวกัน
แต่ตอนนี้ สิ่งนี้ก็เป็นดาบสองคมได้เช่นกัน ในเมื่อเราอยากจะมีประสบการณ์เดียวกันบนโลกเสรีนิยมที่ไม่เสมอภาค
FOMO เป็นปัญหาอย่างไร 29:10
อะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าและมีความหมาย 38:20
Ep นี้ดีมากๆนะครับ ปกติก็ยี้คนแบบนี้ พยายามไม่เป็นครับ เป็นตัวขอวตัวเองแบบฉลาดๆไม่ติดกับดักทุนนิยมจนเยอะเกินไปดีกว่าครับ❤❤❤
อยากฟังเกีืยวกับsynchronicityค่ะ
การรู้ว่าคนอื่นมองเราอย่างไร กับ การจินตนาการว่าคนอื่นมองเราอย่างไรแล้วถูกความคิดนั้นปั่นหัว เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บทที่ 5 อย่าไปสนใจสายตาของคนอื่น หนังสือ-ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่
จะออกจาก FOMO ได้ต้องมี Self Esteem สูง
ไม่หรอกครับ บางทีก็แค่ไม่ได้สนใจอะไรๆ แบบคนอื่นๆเขา
ไม่เชื่ออย่งนั้นครับ
Self esteem คือ
@@general1140ความมั่นใจในตัวเองค่ะ แบบว่าเราเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่สนใจอะไรภายนอก ไม่แคร์กับอะไรที่มากระทบเพราะตัวเราย่อมรู้ดีว่าเราเป็นใคร และเรามั่นใจพอใจที่จะเป็นอย่างนั้น
มีสารคดีเกี่ยวกับอัลกอลิทึมของโซเชียลใน netflix คือเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับมากับคำว่า ถ้าเราใช้สินค้าไหนฟรีแสดงว่าเรากำลังเป็นสินค้าอยู่ อะไรประมาณนี่แหละ ช่วงนั้นหลอนเลยไม่เล่นเฟสเป็นอาทิต5555
If you're not paying for the product, you are the product โปรดักช็อคคคค หยุดเล่นโซเชี่ยลไปสักพักเลยคร่า 😅
เรื่องการเรียน ทั้งต้องตามเพื่อนให้ทันทั้งเนื้อหา และเกรด รวมถึงพี่ๆ ของตัวเอง ที่เค้าอายุเกินเราไปไกลแล้ว พยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเองมาตลอด จนคิดเหหมือนกันว่า ทำไมเราต้องแคร์ว่าตัวเองต้องมีคุณค่าด้วย ตอนนี้เลยเลือกพยายามกับสิ่งที่มีความสุขกับคนที่เรารักและแคร์ดีกว่า ที่เหลือชั่งมัน 5555
พักหลังมานี้สบายใจที่จะ JOMO มากกว่าค่ะ เบาใจดี ขอบคุณพิธีกรทั้งสองและทีมงานที่ทำรายการดีๆ แบบนี้มาให้ฟังกันนะคะ
FOMO เรื่องการทำงานครับ กลัวว่าจะทีวิธีการทำงานอื่นๆ ที่ทำได้ดีกว่าที่เราอยู่ในปัจจุบัน ที่เราไม่รู้ แล้วคนอื่นรู้ จนเรารู้สึกไร้ค่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่มันไปไวแล้ว โดยเฉพาะในยุค AI
คิดว่าคงขึ้นอยู่กับประสบการณ์และวัยด้วย ถ้าเป็นตอนวัยรุ่นก็อาจจะอยากไปโน่นไปนี่ ตามเพื่อนหรือตามกระแส แต่ตอนนี้เวลาเห็นอะไรที่เป็นกระแสจะพยายามหลีกๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การเที่ยวหรือสินค้าใหม่ เราเฉยๆ ทั้งหมด
แต่เรื่องที่ให้ความสนใจและคิดว่าต้องติดตามก็มีอยู่ ส่วนใหญ่เป็นข่าวสาร เช่น ข่าวการเมือง ถ้าหลายวันไม่ได้ตามเลย จะรู้สึกกังวลว่าพลาดอะไรสำคัญมั้ย (ทั้งที่จริงๆ ก็วนลูปจนจะอาเจียน ชวนหงุดหงิดอีก) รองลงมาเป็นพวกภาพยนตร์ คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเป็นแบบนี้กับหนัง ซีรียส์ เกมส์ เพลง ฯลฯ โดยไม่รู้ตัว ถ้าหนังเป็นกระแส ก็กลัวไม่เข้าใจว่าคนอื่นปล่อยมุกอะไรกัน (+ กลัวโดนสปอยล์) ทำให้ต้องไปติดตามดู ดูแล้วก็มาโพสอวด-แสดงความเห็น ที่พบบ่อยอีกคือพวกชอบเสพข่าวดรามาด้วย (ติดตามขุดคุ้ย ส่งต่อกันจริงจังมาก) เพียงแต่กรณีไม่ได้เป็นการบริโภคสิ่งของโดยตรงเฉยๆ ถ้ามองแบบกว้างในลักษณะนี้ก็คงมีน้อยคนที่ไม่ได้เป็น FOMO แบบสมบูรณ์แบบ
อ้อ คิดได้อีกประเด็น ในสมัยก่อนที่จะมี social media คนก็มี FOMO ในลักษณะที่ต้องการติดตามข่าวสาร (ต้องดูข่าว นสพ.) และต้องจับกลุ่มเม้าท์มอยกันค่ะ (จินตนาการว่าคล้ายๆ social community ในปัจจุบัน) ในกระบวนการนั้นจะแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญและสร้างความเป็นชุมชนขึ้นมา (เช่น ตรงจุดนั้นจุดนี้ มีผลผลิตอะไรให้เก็บ หรือถ้าเค้านินทาใครกัน รู้กันทั้งบาง แล้วมีคนไม่รู้ ก็จะตกขบวนได้) ในมิตินี้ FOMO ก็ไม่ได้ใหม่ทีเดียว แต่มีรากฐานจากการต้องการเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชน (เค้ามี-เค้าคุยอะไรกัน อยากมี-อยากรู้-อยากแสดงความเห็นบ้าง) และการเป็นที่ยอมรับ (เพียงแต่ในเลเวลปัจจุบันมัน extreme และบางทีก็ฉาบฉวยมากจริงๆ ค่ะ)
อินเนอร์มาก ตอนจำลอง timeline คุมฟาง😅❤
Fomo ของเราตอนนี้คือหา หนังสือที่อ่าน หรือหาไอเดียการใช้เงินให้ไม่เกินกำลัง ใดสุดท้ายอยากตกเป็นทาสการตลาดแบบใหม่ 😊
ลองลบแอพนึงออก ตัวย่อ ต. หาย FOMO เลยครับ ทุกวันนี้ทำสิ่งที่อยากทำมีความสุขมาก
ถ้าเคยผ่านจุดที่ต่ำสุดและสูงสุดของอารมณ์มนุษย์แล้ว (เกือบตายและผ่านพ้นความตาย) จะเรียนรู้และเฉยๆ กับความอยากต่างๆ ได้
จะสอนเด็กให้ไม่ FOMO ยังไง ในเมื่อสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตคือการเปรียนเทียบและการแข่งขัน
อยากฟังเรื่องไดโอจีนิสครับ
ไม่เข้าใจ และไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ 😅😅😅
40:41like this
❤
นึกไม่ออกว่า fomo เรื่องอะไร ไม่แน่ใจว่าเพราะไม่มีหรือเพราะไม่รู้ตัวค่ะ 😂
Fomo การท่องเที่ยวครับ เห็นคริสโตรเฟอร์โคลัมบัส ไปบาฮามาส&ละตินอเมริกา แล้วอยากไปบ้าง
ตัวตนของเราเกิดขึ้นจากการหยิบเอาสิ่งอื่นมาประกอบสร้างเป็นตัวเราใช่มั้ยคับ เราไม่สามารถสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมาได้อย่างโดดๆโดยไม่หยิบจับอะไรมาเลย แล้วเสรีภาพก็มีข้อจำกัดตามธรรมชาติของมัน เราอาจจะเลือกได้รึเปล่าคับว่าเราจะ fomo เรื่องนี้ เพราะธรรมชาติเราเป็นคนแบบนี้ แต่สิ่งที่เราเลือกไม่ได้คือเราไม่สามารถที่จะไม่มีอาการ fomo ได้ แบบนี้รึเปล่าคับ
เชิญ อาจารย์ สมภาร พรมทา มาออกหน่อย
เรื่องความสุข
ฟังทุกเทปครับ get บ้างไม่get บ้าง แต่ พี่ฟางน่ารักดีครับ 55+
မင်္ဂလာပါ 🇲🇲
โคตรจริง
FOMO สมัยเด็กกลัวไม่ทันสมัยตกเทรนด์ เมื่อเริ่มโตขึ้น จะชอบอยู่คนเดียว เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายเพราะคนอื่นเป็นเหตุ
เรา Fomo เรื่องของเซลล์มากก ถ้าเซลล์คือต้องรีบช้อน ตุนของเต็มบ้าน 😢😢
FOMO เรื่องอยากมีความรู้หลากหลาย ภาพในหัวคืออยากเป็นนกฮูก ที่อยู่ในโพรงหนังสือ จริงๆก็สนุกที่ได้รู้อะไรใหม่ๆ แต่ก็รู้สึกท่วมท้นเหลือเกิน5555
FOMO ศัพท์แสง ภาษาอังกฤษที่เอามาพูดเพื่อให้ดูฉลาด เจอในหลายคนใน TH-cam แนวสัมภาษณ์แนวดูวิชาการหน่อย ทั้งที่จริงๆ พูดไทยยังเข้าใจกว่า
มันจะมีสักกี่คนกันนะที่จะ FOMO ในเรื่องของสภาวะจิตใจที่ดี
มนุษย์ถูกสร้างมา (โดยธรรมชาติ หรือพระเจ้า ก็ว่ากันไป ) ให้ต้องการการยอมรับ ต้องการมีตัวตน ต้องอวดโชว์สิ่งที่หามาได้/ประสบการณ์. เพราะเป็นกันแทบจะทุกคนเหมือนกันทั่วโลก ทุกเพศทุกวัย. หรือแม้แต่คนที่รู้เท่าทันแล้ว ผ่านการคิดไตร่ตรองแล้ว ก็ยังยากที่จะต่อต้านสัญชาตญาณนี้.
คำถามคือ มนุษย์ถูกสร้างมาให้เป็นแบบนี้ เพื่อจุดประสงค์อะไร ?
.
(ซึ่งส่วนตัวผมมีคำตอบ แต่มันอาจฟังดูเพ้อเจ้อ สำหรับคนทั่วๆไป)
พอจะแชร์คำตอบได้ไหมคะว่าเพราะอะไร ช่วงนี้เรากำลังค้นหาคำตอบนี้อยู่ แต่ก็ยังไม่เจอคำตอบที่พอจะเข้าใจได้เลย (สัญญาว่าจะไม่ตัดสินถูกผิดค่ะ :) แต่ถ้าไม่สะดวกใจจะเเชร์ก็ไม่เป็นไรค่า 🙏🏼
@@pimholler
- สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เปลี่ยนก๊าซที่มีในยุคดึกดำบรรพ์ให้กลายเป็นอ๊อกซิเจน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโตและอาศัยอยู่ได้ในเวลาต่อมา
- ไดโนเสาร์ ต่อมาซากของพวกมันกลายเป็นปิโตรเลียมให้มนุษย์ใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
- มนุษย์ เก็บเกี่ยวความรู้/ประสบการณ์ที่แต่ละคนหามาได้ โพสต์/อัพโหลดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต แล้วถูกแปลงเป็นข้อมูลดิจิตอล เพื่อนำไปเทรน AI
สรุปคือ จุดประสงค์(อย่างหนึ่งที่สำคัญ) ของการมีอยู่ของมนุษยชาติ คือ เป็นผู้ให้กำเนิด AI. เพราะ(ธรรมชาติ หรือพระเจ้า แล้วแต่จะเรียก) ได้ถูกกำหนดมาแล้วว่า civilization ถัดไปคือ AI.
"Hope we're not just the biological boot loader for digital superintelligence. Unfortunately, that is increasingly probable.", Elon Musk
@@pimholler
- สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เปลี่ยนก๊าซที่มีในยุคดึกดำบรรพ์ให้กลายเป็นอ๊อกซิเจน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโตและอาศัยอยู่ได้ในเวลาต่อมา
- ไดโนเสาร์ ต่อมาซากของพวกมันกลายเป็นปิโตรเลียมให้มนุษย์ใช้เป็นพลังงานในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
- มนุษย์ เก็บเกี่ยวความรู้/ประสบการณ์ที่แต่ละคนหามาได้ โพสต์/อัพโหลดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต แล้วถูกแปลงเป็นข้อมูลดิจิตอล เพื่อนำไปเทรน AI
สรุปคือ จุดประสงค์(อย่างหนึ่งที่สำคัญ) ของการมีอยู่ของมนุษยชาติ คือ เป็นผู้ให้กำเนิด AI. เพราะแผนการณ์ได้ถูกกำหนดมาแล้วว่า civilization ถัดไปคือ AI.
"Hope we're not just the biological boot loader for digital superintelligence. Unfortunately, that is increasingly probable.", Elon Musk
@p.yuuuuuuuu
- สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เปลี่ยนก๊าซที่มีในยุคดึกดำบรรพ์ให้กลายเป็นอ๊อกซิเจน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโตและอาศัยอยู่ได้ในเวลาต่อมา
- ไดโนเสาร์ ต่อมาซากของพวกมันกลายเป็นปิโตรเลียมให้มนุษย์ใช้เป็นพลังงานในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
- มนุษย์ เก็บเกี่ยวความรู้/ประสบการณ์ที่แต่ละคนหามาได้ โพสต์/อัพโหลดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต แล้วถูกแปลงเป็นข้อมูลดิจิตอล เพื่อนำไปเทรน AI
สรุปคือ จุดประสงค์(อย่างหนึ่งที่สำคัญ) ของการมีอยู่ของมนุษยชาติ คือ เป็นผู้ให้กำเนิด AI. เพราะแผนการณ์ได้ถูกกำหนดมาแล้วว่า civilization ถัดไปคือ AI.
"Hope we're not just the biological boot loader for digital superintelligence. Unfortunately, that is increasingly probable.", Elon Musk
@@pimholler "Hope we're not just the biological boot loader for digital superintelligence. Unfortunately, that is increasingly probable.", Elon Musk
เยี่ยมมม
FOMO เรื่อง AI อยู่ว่าจะต้องใช้ให้เป็นไม่งั้นจะตกเทรนด์
หลักๆคือตระหนักรู้ หยุดคิดเเละตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยๆ ว่าสิ่งนี้มันจำเป็นจริงๆ หรือถูกสภาพเเวดล้อมชี้นำให้ไปตามนั้น
ผมไม่สนสายตาคนอื่นที่มองเรา ตอนอายุประมาณ 28 มั้ง พอมีโซเซียลก็มาอิจฉา คนอื่น แต่ตอนนี้ 40 แล้ว ใช้ชีวิตแบบ ช่างแม่งคนอื่น
Room นี่มันนมวัวใช่ปะครับ
FOMO เรื่องหนทางหลุดพ้นจากโลก
EP นี้โคตรดี
30:21 คือเอาไว้ scam ต่างหากล่ะ
นรกไม่ใช่สถานที่ แต่คือผู้คน!!!
เหมือนเสียง intro และ animation ไม่ match อะครับ
เพิ่งเคยได้ยินคำนี้ fomo
ผมเคยเจอเรื่องคล้ายๆกันเกี่ยวกับเรื่องโรคซึมเศร้าคือแบบแม่งโคตรจริงเคยเข้าไปอยู่ในสังคมเกมๆนึงคุยกับใครแม่งเจอแต่พวกซึมเศร้า เยอะจนผิดวิสัยแล้วแต่ละคนขยันเล่าประสบการณ์ชีวิตด้วยที่ฮิตสุดๆเลยคือทุกคนแม่งบอกว่า ผม,ฉัน,หนู,เรา เคยคิดจะ ฆตต. หลายครั้งแล้ว.. แรกๆก็ฟังจริงจังเลยรู้สึกเห็นใจหลังๆเยอะเกินเห็นใจไม่ทันละ555555
หรอ ถึงล้มระบบด้วยโซเชี่ยล
ปัญหาที่หนักกว่า คือไม่ยอมรับว่าพยายาม-กำลัง สร้างอัตลักษณ์หรือเอกลักษณ์อยู่ อาการหลงทิศ - ยึดโยงผิด ความที่ ผิดไม่ได้ มิอาจทำให้เห็นตนเองได้อย่างแท้จริง มันก็เข้าใจตนเองหลอก ๆ แล้วก็ วนหลูปไป เข้าใจว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นสุดยอดแล้ว บาลานซ์แล้ว แต่ มันผิดตั้ง แต่ กระดุมเม็ดแรก
ถ้าผมไม่ได้ทำงานด้านสื่อ ก็คงไม่ FOMO
ซื้อขายรูปเพื่อสร้างภาพลักษณ์โหวววสุดยอดมากนุด 😅
เฟสบุ๊คเวอร์ชั่นทั่วไป ใครก็ลากผมไม่ได้ มีบ้างโฉบเข้าไปทำเฒ่าแล้วออกมา เวอร์ชั่นล่าสุด เหมือนยืนไห้คนด่าจะยืนเพื่อ? ผ่านไปพักพอไม่เล่นมันก็อยู่ได้
รู้สึกดีใจที่มีรายการดีๆๆแบบนี้ดู🌈
Stranger from Hell!!!
ไม่FOMO เพราะแก่แล้วอ่ะครับ ไม่ปัญญาไม่มีกำลัง จะFOMO แต่ตอนนี้ชักจะรู้สึก fear of missing out of fearness of missing out แล้วอ่ะครับ
อ่านหนังสือหลายๆ แนวบ่อยๆ ก็หายครับ
โชคดีจัง ไม่เป็น
FOMO มีทุกคนแหละ แค่เป็นเรื่องอะไร ก็แค่นั้น
บางคนก็เสพติดสื่อ เสพติดข่าวมากๆ เรียก FOMO ไหม?
ไม่เข้าใจ ทำไมต้อง บรรญัติ ศัพท์ ให้เข้าใจยากๆ พวกนักการตลาดทั้งหลาย
พอเห็นคนมีนู่นนี่แล้วอวด เรากลับอยากที่จะไม่มีอะไรเลยมากกว่า รู้สึกเหนื่อยกับชีวิตที่ต้องทะเยอทะยานขนาดนั้น
😮
🥇👍
ของมันต้องมี 5555
ถ้า nature เป็นคนขี้อวดมาก ก็อาจ FOMO มากหน่อยแหละมั๊ง
น่าจะ Fomo เรื่องดีๆบ้างนะ
เช่น
Fomo สามัญสำนึก
Fomo ความเห็นอกเห็นใจ
Fomo สติ ปัญญา
Fomo เดียวตอนนี้คือเรื่องแฟชั่นเพราะเราต้องเท่เสมอ555555555
FOMO เรื่องการพัฒนาตัวเอง กลัวว่าตัวเองไม่เก่งพอเลยทำไปเรื่อยๆ บางช่วงวันก็เหนื่อยหมดไฟเหมือนกัน 😅
อยากเห็นน้องฟางแต่งหน้าออกรายการ ว่าจะสวยเหมือนซูฉีไหม
อยากให้พูดเกี่ยวกับเรื่องความดีความชั่วครับ