ฉันมื้อเดียว...เป็นอย่างไร? FAQ โดยพระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 30 ก.ย. 2024
- #ฉันมื้อเดียวเป็นอย่างไร? #พระฉันได้วันละกี่ครั้ง? #ฉันเพลมีอาบัติหรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธบางคนเข้าใจว่า ภิกษุสามเณรฉันอาหารได้แค่วันละหนึ่งครั้ง ถ้าฉันมากกว่าหนึ่งครั้งก็จะมีอาบัติ แต่ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่? คำว่าฉันมื้อเดียวหมายถึงอะไร?
บทความที่ควรอ่านประกอบ
*วินิจฉัยเรื่องการฉันมื้อเดียว
m.facebook.com...
*ณ วัดดอนคำพวง ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
ติดตามในช่องทางอื่นๆ:
Facebook : เพจนานาวินิจฉัย / mahasilananda
Facebook : พระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท / mahaparkpoom
TikTok : นานาวินิจฉัย / mahasilananda
Instagram : นานาวินิจฉัย / mahasilananda
#วินิจฉัยเรื่องการฉันมื้อเดียว
ฉันมื้อเดียว...หมายถึงอะไร?
มีพระบาฬีว่า "เอกภตฺติโก สมโณ โคตโม รตฺตูปรโต วิรหโต วิกาลโภชนา" แปลว่า พระสมณโคดมฉันมื้อเดียว เว้นการฉันในราตรี งดจากการฉันในเวลาวิกาล (ที.สี. ๙/๑๐/๕)
ทั้งมีสิกขาบทห้ามภิกษุสามเณรฉันอาหารในเวลาวิกาลไว้ด้วยว่า
"โย ปน ภิกฺขุ วิกาเล ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุญฺเชยฺย วา, ปาจิตฺติยํ." (ภิกษุใดเคี้ยวของเคี้ยวหรือฉันของฉันในเวลาวิกาล ต้องอาบัติปาจิตตีย์)
และ วิกาลโภชนาเวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ (ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นอาหารในเวลาวิกาล) ดังนี้
แล้วคำว่า ฉันมื้อเดียว หมายถึง ฉันครั้งเดียวใช่หรือไม่?
ตอบว่า ไม่ใช่
ดังหลักฐานดังต่อไปนี้ :-
คำว่า #ฉันมื้อเดียว (เอกภตฺติโก) ความว่า ภัตมี ๒ อย่าง คือ
๑. ภัตที่พึงฉันเวลาเช้า
๒. ภัตที่พึงฉันเวลาเย็น
ในภัต ๒ อย่างนั้น ท่านกำหนดภัตที่พึงฉันเวลาเช้าไว้ภายในเที่ยงวัน ท่านกำหนดภัตที่พึงฉันในเวลาเย็นไว้ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงอรุณขึ้น เพราะเหตุนั้น ***แม้จะฉัน ๑๐ ครั้งภายในเที่ยงวัน ก็ชื่อว่า ฉันมื้อเดียว #ท่านหมายถึงการฉันภายในเที่ยงวันนั้นจึงกล่าวว่าฉันมื้อเดียว
ชื่อว่า #งดจากการฉันในเวลาวิกาล (วิกาลโภชนา) เพราะงดเว้นจากการฉันในเวลาวิกาล. การฉันในเวลาเลยเที่ยงวันไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน ชื่อว่า การฉันในเวลาวิกาล (วิกาลโภชนะ). พระผู้มีพระภาคชื่อว่า งดจากการฉันในเวลาวิกาล เพราะเว้นจากการฉันในเวลาวิกาลนั้น (ที.อฏฺ. ๑/๗๔-๗๕)
ซึ่งก็สอดคล้องกับคำอธิบายของวิกาลโภชนสิกขาบทซึ่งอธิบายไว้ว่า
คำว่า #ในเวลาวิกาล (วิกาเล) ได้แก่ ในกาลที่ผ่านไปแล้ว อธิบายว่า ตั้งแต่ล่วงเลยเที่ยงวันไปจนถึงอรุณขึ้น (กงฺขา. ๒๖๔)
พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า ในเวลาวิกาล (วิกาเล) นี้ ดังต่อไปนี้ :-
ตั้งแต่การขึ้นของอรุณไปจนถึงเวลาเที่ยงตรงนี้ชื่อว่า #กาล (กาโล) แห่งการฉัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพระอริยะทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น. [ส่วน]เวลาอื่นจากกาลนั้น ชื่อว่า #วิกาล (วิกาโล) โดยมีรูปวิเคราะห์ว่า วิคโต กาโล วิกาโล (กาลที่ผ่านไปแล้ว ชื่อว่า วิกาล) ฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า “ในกาลที่ผ่านไปแล้ว” (วิคเต กาเล) เป็นต้น. (กงฺขา.นวฏี. ๔๑๐-๑)
สรุปว่า #การฉันมื้อเดียว หมายถึง #การฉันจะกี่ครั้งก็ตามตั้งแต่เวลาอรุณขึ้นจนถึงเที่ยงตรงตามหลักฐานดังกล่าวมานี้
และหากจะมีผู้ประสงค์อธิบายว่า การฉันมื้อเดียว หมายถึง การฉันครั้งเดียว ก็ขอจงลองอธิบายปรัมปรโภชนสิกขาบทซึ่งว่าด้วยการฉันโภชนะของบุคคลหลังๆ ก่อนโภชนะที่รับนิมนต์โดยออกชื่อโภชนะ ๕ ไว้ก่อน, ปฐมปวารณาสิกขาบทซึ่งว่าด้วยการเริ่มฉันแล้วและห้ามภัตแล้ว ฉันอาหารที่ไม่เป็นเดน และธุดงค์ข้อเอกาสนิกังคะ (ฉันอาสนะเดียว) ดู ว่าจะอธิบายอย่างไรจึงจะเข้ากันได้กับความเห็นของตน
***ปรัมปรโภชนสิกขาบทและปฐมปวารณาสิกขาบทเป็นต้นที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ในพระวินัยปิฎกเป็นหลักฐานในเรื่องการฉันหลายครั้งในหนึ่งวันของภิกษุทั้งหลาย และธุดงค์ข้อฉันอาสนะเดียว ก็เป็นหลักฐานในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะถ้าภิกษุต้องฉันแค่ครั้งเดียวต่อวันอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีการสมาทานประพฤติในธุดงค์ที่ว่าด้วยการฉันบนอาสนะเดียว (คือเมื่อเริ่มฉันแล้ว หากเปลี่ยนอิริยาบถแล้วก็จะฉันอีกไม่ได้ในวันนั้น) ดังนี้เป็นต้น
***ปัจจุบันมีกลุ่มคนบางกลุ่มสอนว่า พระต้องฉันครั้งเดียว ฉันตอนเพลเป็นต้น มีอาบัติ โดยอ้างหลักฐานคือพุทธพจน์ที่ยกไว้ในโพสต์แล้วข้างต้น โดยไม่ยอมดูอรรถกถา ทั้งไม่สนใจว่าความเห็นนั้นจะสอดคล้องกับสิกขาบทต่างๆ ในพระวินัยหรือไม่ เป็นต้น (ซึ่งตามจริง ถึงอ้างพุทธพจน์จุดนี้โดยไม่ดูอรรถกถาและสิกขาบทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ไม่มีปรับอาบัติไว้อยู่ดี) ส่งผลให้คนที่เชื่อถือตาม พลอยไปตำหนิพระที่ฉันเพล เป็นการก่อโทษทางวาจา กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ว่าร้ายผู้มีศีลขึ้นอีก ย่อมประสบบาปเป็นอันมาก
พระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท
จิรํ ติฏฺฐตุ สทฺธมฺโม
ขอพระสัทธรรมจงดำรงมั่นตลอดกาลนาน
ส่วนใครที่ยังยืนว่าการฉันเพลมีอาบัติก็ลองยกสิกขาบทมาดูหน่อยนะว่าการที่เข้าใจอย่างนั้นเข้ากันได้กับสิกขาบทไหน
สายวัดป่าตัวเดียวกันไหมคับ
น่าสังเวชใจเหลือเกินนี่ขนาดว่าเปนมหานะ ฉันอาหารครั้งเดียวต่อ๑วันยังไม่รู้เรื่องเลย เปรียนไหนแล้วหละท่านมาหา
สาธุๆๆค่ะ
ฝฃ
😆
ผมว่าฉันได้ครั้งเดียวน่ะจากเช้าถึงเทียงช่วงนี้ เพราะฉันมากทำให้กามธาตุกำเลิบ ง่วงงาย หนักกาย ฟุ้งซ้าน กำหนักในกาม (นี้คือรู้ด้วยปัญญาณานผมเอง) ตอนทียังไม่ห้ามฉันยามวิกาล ก็ฉันครั้งเดียว เพียงแต่บางรูปออกจากสมาธิ สมาบัติ ไม่เป็นเวลาท่านทุกกายเลยไปบิณทบาตจนเกิดเรื่อง เลยบรรญัติเวลา และผมฟังในพระไตร ท่านกล่าวว่าตั้งแต่ตรัสรู้ท่านฉัน วันหนึ่งหนเดียว น่ะคับ
ที่ท่านมหายกตัวอย่างของอรรถกถามาอ้างนั้นว่า ฉันข้าวยาคู+กับ และฉันโภชนาอันปราณีตนั้น มันก็เกิน1มื้อแล้ว ผมขอถามว่าพระเหล่านั้นได้ลุกจากอาสนะเดิมหรือเปล่าคับ?.และที่ท่านยกธุดงค์วัตรในการฉันเพียงมื้อเดียวหนเดียวมานั้น ธุดงค์วัตรมันไม่ได้เป็นพระวินัยนะคับ ใครจะถือหรือไม่ถือก็ได้ทั้งนั้น ก็ในเมื่อตั้งใจจะขูดเกลากิเลสให้ยิ่งๆขึ้นแล้ว จะมาฉันหลายครั้งถ้ายังไม่เลยเที่ยงวันกันทำไมเล่าเพราะท่านจะต้องเข้าไปอยุ่ในป่าแทบจะตลอกทั้งวันกันอยุ่แล้วนะ(จะหาคนมาถวายภัตตาหารมันย่อมยากตามไปด้วย) ก็ดูอย่างฆราวาสที่เข้ามาถืออุโบสถศีล(ศีล8ประการ)ดูสิ เขาเหล่านั้นกินข้าวกันเพียงวันละมื้อเดียวเท่านั้นทั้งๆที่การหาอาหารไม่ได้ยากเย็นเหมือนกับพระที่ถือศีลธุดงค์เลยนะ..ผมฝากถามท่านมหาเพียงเท่านี้แหละคับ
ที่มันขัดกันก็เพราะท่านไปถือเอาอรรถกถางัยครับ ถ้าเอาเฉพาะที่พระตถาคตตรัสไว้ก็คือฉันแค่มื้อเดียวต่อวัน
ถูกต้องที่สุดครับ ทีแรกบอกยกอรรถกถาต่อมาบอกขัดพระสูตรขนาดท่านอธิบายยังขัดกันเอง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เธอฉันอาหารเพียงวันละ 1 หนแม้นี้ก็เป็นศีลของเธอประการ หนึ่ง
คำว่ามื้อเดียวมันคือคำแปลบาลีเป็นไทย. แปลใหม่ได้ว่า "ภิกษุฉันภายในคาบเช้าคาบเดียว" ทีนี่บุคคลที่ไม่คุ้นสำนวนและการข้ามภาษาที่เกิดจากการแปล. ก็จะเกิดการเข้าใจผิดอย่างนี้ได้. โดยเฉพาะคนที่อ่านพระไตรปิฎกฉบับประชาชน หรือกลุ่มบุคคลที่ตัดสินอะไรโดยไม่รู้ความ
แปลตรงตัวภาษาบาลีจะเป็นแบบนี้แหบะครับ จริงๆฉันมื้อเดียวคือคาบเดียว หรือperoid หริอช่วงเวลา ตกม้าตายกันหมดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรกหลายร้อยปีแล้วเพราะแปลตรงตัวไม่เทียบกับหลักฐานอื่นนั่นแหละ
@@hutchplay คำแนะนำนี้มีนำ้หนัก ขอบคุณครับ
เอาเป็นว่าพระพุทธเจ้าฉันท์กี่ครั้ง ภิกษุสาวกก็ควรทำตามพระพุทธเจ้า เนอะ
อ่านสองพระสูตรนี้จะเข้าใจมากขึ้นครับ คือ ภัททาลิสูตร คุณแห่งการฉันหนเดียว ของฉบับมหามกุฏ เล่มที่๒๐ข้อที่๑๖๐ และพระสูตรชื่อ ลฑุกิโลปมสูตร เล่มที่๒๐เหมือนกัน ข้อที่๑๗๕ครับ ถ้าเรา(รักศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธะ) พระองค์ตรัสบอกสอนไว้อย่างไรเราก็ควรเดินตามที่องค์พระศาสดาได้ทรงบอกสอนไว้ครับ จะเป็นผู้เจริญในพระศาสนาของพระศาสดา
อรรถกถาอย่าไปสนใจมากไปดูอริยวินัยที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้
การก่อสร้างเป็นเหตุเสื่อมของภิกษุครับพระพุทธเจ้าตรัสห้ามไว้
ฉันมื้อเดียว พระป่าปฏิบัติจริงๆ ทางอิสาน ไม่ใช่พระปลอมๆ จะมาวินิจฉัน เขาทำธุดงค์ฉันที่นั่งเดียว คือลุกจากที่นั่งแล้ววันนั้นท่านไม่ฉัน อย่าทำเป็นศาสดายกวินัยมาอวด ไม่ใช่ไอ้เกษมน้ำหน่าว หลวงปู่มั่นท่านพาปฏิบัติมา ที่มึงพูดนั้นมันพระบ้าน พระป่าฉันแล้วเขาจะแปรงฟันพร้อม เพราะเวลาดื่มน้ำในวันนั้นมันจะล้างเศษอาหารลงไป นี้คือข้อวัฒน์ของพระป่า มังเลิกแสดงตนเป็นผู้เลิศวินัยได้แล้ว
ทินกร สรสิน .เห็นด้วยครับเกษม 2 แล้วละ555
อื่มมมมม พระป่าพระบ้านพระศาสดาไม่เคยแยก ไม่มีมหานิกาย ไม่มีธรรมยุติ อย่าตรรกะคิดเอาคนเดียว จะป่าจะบ้าน ถ้าปฏิบัติดีชอบก็บรรลุหมด
พระป่าบ้านคนยุกหลังมาทำกันเอง หยุดงมงายเหอะ พระท่านเอาหลักฐานมาชี้ชัดตามพระสูตรตามวินัยตามพระไตรบิฎก ไม่ใช่เอาครูบาอาจารย์เอาสายป่ามาอ้าง ควายเอ้ยโง่ละอวดฉลาด
แบบนั้น เป็นการถือธุดงค์ ซึ่งไม่ใช่วินัย แต่เพราะเลือกที่จะทำเอง ถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรทรมานตัวเอง พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้ทรมานตัวเอง
ไม่ถูกครับ จริงๆ พระต้องฉันท์มื้อเดียว มีพระสูตรอยู่ ท่านไปอ่านขอแต่งใหม่ มาบิดเบียนคำสอนของพระศาสดา เอกเป็นหนึ่ง ไม่ใช้เหมารวมเช้าถึงเที่ยงทำเป็นศรีธนชัยไปได้ ฉันท์มื้อเดียวใครฉันท์หลังจากนี้ ปรับอาบัติทุกคืนคำ ศึกษาดีๆน่ะครับ
บาลีมคธ คำไหนคำนั้นวินิจฉัยได้เช่นไรก็เช่นนั้นพระวินัยก็ฉันนั้นตามอรรถพยัญชนะบาลีไม่มีสอง
ภาษาอื่นคลาดเคลื่อนได้บาลีมคธตีความตรงๆพระภิกษุผู้ทรงความเป็นพหูสูตรคงไว้ซึ่งอรรถพยัญชนะย่อมวินิจฉัยได้อย่างเที่ยงตรงไม่คลาดเคลื่อนตรงกันข้ามแปลบาลีมคธผิด!!แม้อักษรเดียวชีวิตเปลี่ยนพระวินัยย่อมเปลี่ยนคลาดเคลื่อนได้
สาธุๆๆคับสำหรับคลิปนี้
มีนายแพทย์ท่านหนึ่งไปบวชที่วัดสวนโมกข์ เป็นพระใหม่ ท่านพุทธทาสบอกกับพระใหม่ง่าย ๆ ว่าบวชอยู่ที่วัดนี้ ฉันมื้อเดียวนะ ญาติโยยมยากจน เราอย่าเป็นภาระให้ญาติโยมหลายมื้อเลย
ผมว่าฉันมื้อเดียวนะ อยู่ที่ว่าท่านไปบินฑบาตรได้อาหารมาตอนไหนแล้วจึงกลับมานั่งฉัน
อ่านสองพระสูตรนี้จะเข้าใจมากขึ้นครับ คือ ภัททาลิสูตร คุณแห่งการฉันหนเดียว ของฉบับมหามกุฏ เล่มที่๒๐ข้อที่๑๖๐ และพระสูตรชื่อ ลฑุกิโลปมสูตร เล่มที่๒๐เหมือนกัน ข้อที่๑๗๕ครับ ถ้าเรา(รักศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธะ) พระองค์ตรัสบอกสอนไว้อย่างไรเราก็ควรเดินตามที่องค์พระศาสดาได้ทรงบอกสอนไว้ครับ จะเป็นผู้เจริญในพระศาสนาของพระศาสดา
ความคิดส่วนตัวนะครับ
ถ้าพระฉันอาหารก่อนเที่ยงแล้วยังฉันไม่อิ่มแต่เลยเที่ยงไปแล้วโดย
ที่ไม่ลุกออกจากวงข้าวที่ฉันไม่
อาบัติ ่ถ้ายังไม่อิ่มแล้วลุกออกไปแต่เลยเที่ยงไปแล้วกลับมาฉันต่อนี่อาบัติใช่ป่ะครับ ติได้ครับ (ยังดูไม่จบเม้นก่อนครับ)
ทำผิดวินัย ก็เลี่ยงบาลีอย่างหน้าตาเฉย จากรุ่งอรุณ ถึงเที่ยง จะฉันกี่ครั้งก็ได้ ตีความไปไกลแล้ว นั่งฉันแล้วลุกขึ้น นั่นคือ จบแล้วในวันนั้น จะฉันอีกไม่ได้
ผมเพิ่งบวชได้พรรษาเดียวที่ผ่านมานี้บวชเมื่อธันวาปีที่แล้วจะเข้าธันวาอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ผมอยากอยู่แบบวัดป่าเดินธุดงเป็นกิจวัตถือตามวินัยเป็นหลักอยากหาทางหลูดพ้นบวชแก่แล้ว
จริงแล้วดีกว่าฉันหลายมื้อ
มื้อหนักๆๆมื้อเดียว...มื้ออีก2มื้อ เบาๆ
ดีต่อผู้ทำ และผู้รับ อาหาร
ภิกษุพึงฉันอาสนะเดียว..เพื่อขัดเกลากิเลส
กลุ่มพุทธวจนะอธิบายว่า หลังจากฉันแล้วนั่นล่ะเรียกว่าวิกาล แม้จะยังไม่เที่ยงก็ตาม ท่านมหาจะอธิบายแก้อย่างไร เพราะเขาเอาเอกภัตต้กังว่าเป็นฉันมื้อเดียว
ตลกโปกฮาดี ตอนเช้ายังมีฉันข้าวต้ม ค่อยไปออกบิณฑบาตรนำภัตตาหารกลับมาฉันอยู่เลย
ผมว่าท่านเข้าใจอะไรผิดนะคับ
พระวัดไหนบ้างเขาฉันตอนเที้ยงไป...ไม่มีหรอกครับ
ท่านเข้าใจตั้งแต่ฉันมื้อเดียวที่ว่าหมายถึงมื้อเดียวฉันสิบครั้งแล้ว...ไม่งั้นพระพุทธเจ้าก็บันหยัดว่าฉันสิบครั้งแล้วสิครับ ท่านจะบันหยัดใว้ทำไมว่ามื้อเดียว
อย่าลืมนะครับคำพูดพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก ...
เอะอะก็อ้างแต่ อรรถกถา อ้างแต่คำสาวกทำไมไม่อ้างคำพระพุทธเจ้า
ผมฉันเวลาเดียว
เวลาหิว🤣🤣
อยากให้หลวงพี่ บันทึกเป็น MP3 เป็นรวมไว้เป็นชุด จะได้โหลด ทีเดียวเลย สาธุ
จะฉันช่วงไหนเวลาใด ให้ดูพุทธจริยวัตร คือวันหนึ่งบิณฑบาตกี่ครั้ง เวลาพระพุทธองค์รับฉันในบ้าน กลับมาพระพุทธองค์ยังฉันอีกไหม หรือบิณฑบาตฉันเสร็จแล้วพระพุทธองค์รับฉันในบ้านอีกไหม คำตอบไม่มีครั้งเดียวและอยู่ระหว่างช่วงเช้าไปหาเที่ยง ไม่ใช่เช้าไปหาเที่ยงจะกี่ครั้งก็ได้ อย่างนั้นก็ฉันไปเรื่อยจนกว่าจะถึงเที่ยงจึงหยุดมันไม่ใช่ คนเรากินข้าวเป็นหลักทั่วไปคือสามมื้อ มื้อเช้า,มื้อเที่ยง,มื้อเย็น คือกินอย่างจริงจัง ไม่นับกินจุกกินจิก การกินอย่างจริงจังคือกินให้อิ่ม บางคนสี่มื้ออย่างนักเที่ยวมีร้านอาหารโต้รุ่งเป็นต้น ฉะนั้นฉันเช้าฉันเพลนับเป็นสองมื้อ ไม่ใช่เช้าถึงเที่ยงนับเป็นมื้อเดียวแล้วเที่ยงถึงเย็นเป็นสองหกโมงเย็นถึงเที่ยงคืนเป็นสามเที่ยงคืนถึงหกโมงเช้าเป็นสี่ ก็ผิดหลักทั่วไป
ภัททาลิสูตรเล่าท่าน จุลศีลก็ด้วย
มื้อเดียว คือกินกี่ครัังก็ได้
ไม่เกินเที่ยง ฟังดูพิกล
กินตอน7โมงครั้งนึง. กินอีกที11โมง. เรียก1มื้อมันยังไงๆอยู่
ส่วนจะกินหลายหนก็ได้อยู่ถ้าเป็นอาหารนั้นเป็นเดนหรือมีอาการป่วย
แต่ถ้าบิณฑบาตรแล้ว กินแล้ว
รับนิมนต์ไปฉันเพล แล้วฉันในที่นั้น อาหารนั้นคงไม่น่าจะใช่เดน หรือเปล่าครับ?
ท่านมหาต้องเอาหลักตัดสินธรรมวินัย๘ ประการม่วัดซิ จบเลย และมันจะขัดกับปรัมประโภชนา นะ ฉันมากกว่า หนึ่งมื้อมีให้แค่สามสมัยเท่านี้น สรุปผมว่าฉันมื้อเดียวน่ะ เหมาะไม่ขัดกับข้งตั้นเลย
อย่ามั่ว
เมื้อเดวจากรุ่งอรุนถึงเที่ยงสมัยก่อนเอาพระอาทิตย์แทนนาฬิกาดูที่เงา..ฉันเมื้อเดวคือบินบาตรใด้อาหารมา...จะนั่งฉันเวลาใหนก็ใด้ภายในเวลาไม่เกินเที่ยงเช่นฉันเก้าโมงไปอิ่มเอาตอน
สิบเอ็ดโมง อิ่มแล้วลุกจากที่แล้ววันนั้นจะไม่ฉันอีกอาจจะแบบนี้
ฉันมื้อเดียวครับ
และพระป่วยฉันตอนเย็นจะผิดหรือไม่
การหาเหตุผลมาเพื่อสนองกิเลส ไม่มีที่สิ้นสุดหรอก ในเมื่อพระพุทธเจ้าก็บอกอยู่ว่า กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก เพื่อลดกิเลสของความอยาก แต่ท่านกับหาเหตุผลมาเถียงเพิ่มกิเลสมาเพื่อกินเยอะ เพื่อเพิ่มความอยาก อยากกินเยอะก็กิน มันขัดกับคำสอนมากๆ ตถาคตตรัสว่าสิ่งไหนสอนผิดแปลผิด ให้ดูว่าเป็นไปเพื่อลดกิเลสหรือเพิ่มกิเลส อันนี้ชี้ชัดว่าผิด เพราะเพิ่มกิเลส ไม่ช่วยละกิเลสเลย แนะนำให้ไปฟังหมอเขียวสอนนะท่าน ท่านเป็นฆราวาสแต่ทำตามคำสอนถูกตรง และไม่เพิ่มกิเลส
อันไหน ไม่แน่ใจ อย่าพยายามสอนเลยท่าน มันทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดไปเรื่อยๆ และทำผิดเพิ่มกิเลสไปเรื่อยๆ แต่สิ่งไหนที่ท่านมี ท่านประพฤติดีทำดีเราขอเคารพ แต่สิ่งไหนที่ท่านสอนผิด เราขอชี้แจงเพื่อไม่ให้ก่อกิเลส และสอนคนอื่นก่อกิเลสเพิ่มอีก สาธุ
ถ้าสอนแต่พระสูตรจะเลิศพระสูตรผสมอรรถคถามั่วไปหมดพระเดีํยวนี้จึงไม่รู้อะไรจริงไ.ม่จริงมักผลนิพานจุึงไม่เกิดอรหันต์จุงมีน้อยข้อวินัยที่แต่งเพิ่มภายหลังจึงข้ดกับคำพระศ่าสดา
Salai4301 Kaimoon มักผลเขียบแบบนี้หรอ5555 ทำเป็นว่าพระ แต่ตัวเองแค่มรรคผลก็เขียนไม่เป็น แสดงถึงการไม่ศึกษาอ่านตำราแล้วอวดโง่
ไม่อธิบายข้อ ปรมฺปร ละท่าน.
Mm Mm ปรัมปรเขารู้ตัแต่บวชใหม่ๆแล้ว
Mm Mm ปรัมปรโภชนสิกขาบท หมายถึง การที่เมื่อภิกษุถูกบุคคลใดๆ นิมนต์ด้วยโภชนะ ๕ ไว้ก่อน,กลับไปฉันโภชนะของบุคคลหลังๆก่อน โดยผิดลำดับจากโภชนะของบุคคลนั้นๆ และมิได้วิกัป ต้อง อาบัติปาจิตตีย์
ฉันเช้าฉันเพลนับยังไงให้ได้มื้อเดียวมหา?
อรรถคถา ไม่ใช่คำพระพุทธเจ้า
เอกาสนะ ธุดงควัตร ของเคี้ยวปานะมัตได้อยู่นะ
คำว่ามื้อเดียวมันคือคำแปลบาลีเป็นไทย. แปลใหม่ได้ว่า "ภิกษุฉันภายในคาบเช้าคาบเดียว" ทีนี่บุคคลที่ไม่คุ้นสำนวนและการข้ามภาษาที่เกิดจากการแปล. ก็จะเกิดการเข้าใจผิดอย่างนี้ได้. โดยเฉพาะคนที่อ่านพระไตรปิฎกฉบับประชาชน หรือกลุ่มบุคคลที่ตัดสินอะไรโดยไม่รู้ความ
ท่านอธิบายเข้าใจดีมาก
พระมหาภาคภูมิอธิบายแบบหนึ่ง อ.คึกฤทธิ์อธิบายแบหนึ่งทำให้เกิดความสับสนในพระวินัยมากๆ
Cg Nj .ผมเอาตาม อ.คึก ครับ
คึกมั่วครับ
เอาความคิดตัวเป็นใหญ่
ผมนั่งสมาธิตาม คึก
ผมไม่เคย ดิ่ง เรย
กลับไป พุทธ-โธ ยังดิ่งกว่า
นานาวินิจฉัย ผมว่าชัวร์
เพราะมีพระหลายรูป ช่วยกัน
เเละก็เป็นถึง มหา คือต้อง
เรียนรู้บาลีมา แตกฉานกว่า
แต่ใครจะเชื่อใคร
ก็ แร้วแต่ครับ
อย่าทะเลาะกันก็พอ
คึกมันผีบ้าอ้างแต่พุทธวจนแล้วขอถามกลับว่าคึกมันบวชกะใครและใครเป็นคนจำคำสอนพระสูตรต่างแม้แต่พุทธวจนที่คึกมันอ้างก็สงฆ์มิใช่หรือที่เป็นผู้จดจำมาสืบต่อ
และไม่ต้องดราม่าว่าผมว่าพระนะเพราะผมก็เป็นพระ..
@@inthalangboom8770 จริงครับแล้วบอกไม่รับเงินไม่ใช้เงินแล้วมูลนิธิที่ตั้งขึ้นมาละหมายความว่าไง
@@mingkhwansalabsri2004 เป็นพระต้องศึกษาพุทธวจนครับพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ศึกษาพุทธวจนตามภาสาเดิม อย่าไปศึกษาอรรถกถาครับ
มั่วจริงๆ มื้อเดียวก็คือครั้งเดียวเธอจงฉันหนเดียวมีอานิสงห้าประการ พูดเพื่ออยากกินหลายมื้อรู้มายากนาน
@อื่ม!!สาธุๆๆ
พระพุทธบอกให้ฉันมื้อเดียว(คือหนเดียวครับ)ถ้าศรัทธาพระพุทธเจ้าจริงๆทำตามพระคำสอนของพระองค์ท่านจะดีที่สุดครับ
เอะอะก็อ้างแต่ อรรถกถา
ภัททาลิสูตร มีเนื้อหาระบุไว้ชัดว่า "ฉันหนเดียว" ไม่ใช่ "หลายหนในช่วงเช้า" อรรถกถาไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเกิจอาจารย์ต่างๆ มาแต่งขึ้นภายหลัง ไม่ใช่เป็นพุทธพจน์จากพระพุทธเจ้าที่มีมาในพระไตรปิฏกที่สังคายนามาหลายครั้ง แต่เป็นความคิดเห็นของเกจิอาจารย์ที่แต่งอรรถกถาขึ้นมา
ท่านพูดผิดครับ
สนุกดี..ธรรมชาติ เราฉันเพียงเพื่อยังชีพให้เป็นไปตามอัตภาพนี้ เพื่อเอื้อเฟื้อแก่การประพฤติปฏิบัติ,ธ./วินัยข้อปฏิบัติ
ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน-จึงไม่จำเป็นต้อง,วิวาทะกับผู้ได,นอกจากใจตัวสร้างกิเลส,ตัวกู ดี มี เป็น _น้ำมีคลอง_ทะเลมีแอ่ง ใจสูเจ้ามีอันได..ขมามิภันเต,อโหสิกรรมไตรสรณคมน์กรรมมํวะทามิ/ธรรมชาติแห่งการลาขาด🌾🌍🌍🌍🌍🌍🌍
อยากถามว่า การขอเข้า จำพรรษา ในสถานที่นั้นๆ ถ้ามีพระอยู่ 2-3 ลูก อยากถามว่า การขอเข้าอยู่จำพรรษาต้องไล่ไปตามผู้มีพรรษา มากกว่า หรือไม่ หรือผู้มีพรรษา น้อยกว่า ต้องขอก่อน หมายถึง ขอจำพรรษา ในที่นั้น กลอนผู้ ที่มีพรรษามากกว่า อยากถามว่ามันผิดหรือไม่ครับที่ผู้มีพรรษา น้อยกว่า ขอก่อน ผู้หญิงสามารถ
ถ้าบวชกับวัด1 ซึ่งวัด 1ฉันเพลนได้ แต่ถ้าย้ายไปวัด2ซึ่งวัด2 ไม่ฉันเพลนฉันแค่ เช้าครั้งเดียว หลวงพี่บอกว่าบวชกับวัดไหนก็ตามวัดนั้น กระผม ขอไม่ทำตามวัด2ซึ่งฉันรอบเช้ารอบเดียวได้ไหมครับ เพราะผม รูปร่างผอม ถ้าต้องอด ต้องผอมเหลือแต่กระดูกแน่นอน ควรทำอย่างไรดี หรือต้อง ย้ายกลับไปอยู่วัด1ดี ครับ ตอนกลางคืนจะแสบท้องมาก บวชได้3เดือนแล้วครับ ยัง ไม่ชินเลย
..เพิ่มเติมนะครับ ตั้งแต่บวชมาผมก็อดฉันเพลนมาตลอดจน วันนึงผม เอาขนมกับนมไปฉันเพลน ผมกลับโดนหลวงพ่อ ติ เตียน จะถามว่าขนมขบเขี้ยวก็ไม่ได้เลยหรือ แต่ก็มีหลวงพ่ออีกรูป มาบอกว่าฉันเลย ไม่เป็นไร ผมสับสนไปหมดแล้ว
อ่านสองพระสูตรนี้จะเข้าใจมากขึ้นครับ คือ ภัททาลิสูตร คุณแห่งการฉันหนเดียว ของฉบับมหามกุฏ เล่มที่๒๐ข้อที่๑๖๐ และพระสูตรชื่อ ลฑุกิโลปมสูตร เล่มที่๒๐เหมือนกัน ข้อที่๑๗๕ครับ ถ้าเรา(รักศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธะ) พระองค์ตรัสบอกสอนไว้อย่างไรเราก็ควรเดินตามที่องค์พระศาสดาได้ทรงบอกสอนไว้ครับ จะเป็นผู้เจริญในพระศาสนาของพระศาสดา
ขอโอกาสพระอาจารย์
บาลี นี้แปลว่าอย่างไร ?
อิธาหํ ภิกฺขเว ภิกฺขู อามนฺเตสึ อหํ โข ภิกฺขเว เอกาสนโภชนํ ภุญฺชามิ
อ่านสองพระสูตรนี้จะเข้าใจมากขึ้นครับ คือ ภัททาลิสูตร คุณแห่งการฉันหนเดียว ของฉบับมหามกุฏ เล่มที่๒๐ข้อที่๑๖๐ และพระสูตรชื่อ ลฑุกิโลปมสูตร เล่มที่๒๐เหมือนกัน ข้อที่๑๗๕ครับ ถ้าเรา(รักศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธะ) พระองค์ตรัสบอกสอนไว้อย่างไรเราก็ควรเดินตามที่องค์พระศาสดาได้ทรงบอกสอนไว้ครับ จะเป็นผู้เจริญในพระศาสนาของพระศาสดา
บอกตรงๆ หิวมากตอนเย็นเเสบท้องมากเป็นประสบการณ์ที่ดีครับเกิดมาบวชครั้งเดียว ที่วัดมหานิกายฉัน 2 มื้อได้เเต่เราลองฉันมื้อเดียว อาทิตเดียวน้ำหนักตก 2 โล
พระฉัน หมูกะทะได้ไหมค่ะ เพราะหมูกระทะกินมื้อเดียวแต่นั่งยาวได้ถึง3ชั่วโมง
ฉัน น่ะดีแล้ว
แต่เอง น่ะไม่ดี
ในโลกนี้ไม่ใช่แค่เราสองคน
เพราะฉะนั้น
เอง ต้องทำตัวดีเหมือน ฉัน
พระไปตลาดนัดถือว่าไปที่อโคจรหรือไม่?
พระที่บ้านสายวัดป่าฉันมื้อเดียวค่ะ
ได้ปัญญาดีครับ
เอาอรรถกถามาอ้างอิงไม่ได้หรอก ส่วนมากตีความเข้าข้างกิเลส
พระฉัน พญาครุฑ ได้หารือเปล่า
สาธุ สาธุ สาธุ
ฉันมื้อเดียวนั่นแหละ ถูกแล้ว ก็ไปบิณฑบาตรรับมาฉันเสร็จก็ล้างทิ้ง ไม่ต้องยุ่งยากมาดูตะวันอีก คือบิณฑบาตมาให้ทันเที่ยงฉันของบิณฑบาตให้จบ จะเก็บไว้ฉันงี้เหรอ มันก็ไม่ใช่ ไปๆมาๆ จะบ้ากินข้าวหลายๆรอบสะสม ให้ทันก่อนเที่ยงไป
ฉันได้สองมื้อก้อต่อเมื่อเป็นอาหารเดนที่เหลือจากพระรูปอื่นสามารถเก็บไว้ฉันต่อเป็นมื้อที่สองได้ ตามพระวินัย
ทำไมไม่พูดว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไรไม่เห็นยกคำพระซสสดาเลย
เห็นยกแต่อรรถกถาทั้งนั้นครับไม่เห็นพูดเลยว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่ายังไง
สมัยพุทธกาลของเคึี้ยว..น่าจะมี ถั่วต่างๆด้วย ค่ะ
พระอาจารย์ครับผมขอเอกสารการสอนหรือไฟล์หน่อยครับ
นมัสการหลวงพี่ครับ🙏 🙏🙏ผมอยากถามหลวงพี่ครับผม ว่าหลวงพี่บวชที่วัดไหนครับ เนื่องจากผมชอบใจวัดที่สงบและชอบใจพระที่ปฎิบัติตรงวินัยแบบหลวงพี่ครับ หากมีโอกาสได้บวชผมอยากจะบวชที่เดียวกับท่านครับผม🙏🙏🙏
ตี 5 ฉันได้ไหมคับ
สาธุๆพระคุณเจ้าครับ
ภัททาลิสูตร
สาธุๆๆค่ะ
น้ำเต้าฮู้ละเปนไงฉันได้ตลอดหรือไม่
ไม่ได้เพราะเปรัยบเสมือนข้าว
(จีวรกาล1)
ท่านยังเปิดอ่านตำราเทศน์อยู่เลย!
Jongkolni Iambua โง่ ท่านไม่ได้เทศอีควาย ท่านวินิจฉัย เอาตำราเอาหลักฐานมาอ่านให้ฟัง
คำพูดบ่งบอก สติปัญญาที่บ้าน
ผมมองว่าพระพุทธเจ้าสอนให้เดินทางสายกลาง สำหรับผมแล้วคนทั่วไปกินสามมื้อ คนเราจะรอดขีวิตต้องกินอย่างน้อย1มื้อ ฉะนั่น 3+1=4/2=2 ทางสายกลางคือ2มื้อ
ตอนนี้กำลังมัวไปหมดทำไมมันขัดกันไปหมดเลยทำให้คนทั่วไป งงงงงงงง คนนี้ก็รู้มากคนนี้ก็รู้มากเลยมั่วกันไปเอาง้ายๆกินทั้งวันไปเลย5555
ฉันมื้อเดียว คือวันเดียว แล้วไม่ฉันตอนตะวันตกดิน
ไม่ใช่แบบนั้นนะ