Duchess VS Flair espresso รสชาติกาแฟต่างกันยังไง?

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 15 พ.ย. 2024

ความคิดเห็น • 42

  • @nine11223
    @nine11223 ปีที่แล้ว +2

    ถ้าใช้ bottomless เสริม เครื่องดัชเชสมันจะช่วยเรื่องรสชาติไหมครับ

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  ปีที่แล้ว +1

      ส่วนตัวผมว่าช่วยได้นะครับ แต่ต้องปรับเบอร์บดให้ละเอียดลงอีกหน่อยครับ เพราะว่าความดันที่มันสร้างขึ้นในหัวชงเทียบกับตัวเดิมจะลดลงครับ 😁😁

    • @nine11223
      @nine11223 ปีที่แล้ว

      ผมอยากรู้ว่าปกติเเฟร์ สกัดน้ำกาแฟได้เหมาะสมสูงสุดเท่าไหร่ครับ ปกติเห็นเเต่ละคลิปสกัดเต็มที่40-60 เเล้วสามารถชงเเก้ว22ออนได้ไหมครับ5555 พาดีผมกำลังสนใจครับ😆

  • @nuttanunkai
    @nuttanunkai 4 ปีที่แล้ว +6

    เท่าที่ดูนะครับ
    ผงกาแฟที่ใช้ครับเครื่อง Auto ละเอียดน้อยไปครับ ต้องปรับหัวบดครับ
    บอดี้ถึงจะแน่นครับ
    หัวบดหยาบไปก็ไม่ไม่สามารถสกัดกาแฟได้อย่างถูกต้องครับ

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  4 ปีที่แล้ว +1

      ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ แต่การทดลองในคลิปนี้เราได้จับเวลาตาม Perfect Short เพื่อ Fixed เวลาให้เท่าหรือใกล้เคียงกันแล้วครับ ดังนั้นตัวเครื่องDuchess เราจึงใช้กาแฟที่ละเอียดมากกว่าFlair อยู่แล้วครับ(เรียกได้ว่าระเอียดสุดเท่าที่เครื่องบดจะทำได้แล้ว) แต่รสชาติที่ออกมาต้องบอกตามตรงว่ามิติของกาแฟแตกต่างกันมากจริงๆครับ ไม่เพียงในมุมขอบอดี้และ Flavor อยากให้ลองมาพิสูจดูครับผม

    • @dontworrybecoffee2657
      @dontworrybecoffee2657 3 ปีที่แล้ว +1

      ฮั่นแน่แค่ดูบอกเขาบดหยาบไป 555 โอ้ยฮาจริงๆ ถ้ารู้จัก flair pro 2 จริงจะรู้ว่าเขาบดละเอียดระดับไหน ต่อให้ grind size เดียวกันก็ใช้ได้
      ผมเองยังดูไม่ออกเลยบดเฝละเอียดระดับไหน

    • @nuttanunkai
      @nuttanunkai 3 ปีที่แล้ว

      @@dontworrybecoffee2657
      ขออภัยนะครับ
      ผมบอกว่าเครื่อง Auto บดหยาบไปนะครับ ไม่ได้บอกว่าเครื่อง Flair นะครับ

    • @dontworrybecoffee2657
      @dontworrybecoffee2657 3 ปีที่แล้ว +1

      แล้วดูยังไงครับว่าเขาบดหยาบไป ผมมองไม่เห็นเลย

    • @alternativeroaster2570
      @alternativeroaster2570 3 ปีที่แล้ว +4

      ผมเห็นด้วยครับ grind size ยังหยาบไปหน่อยครับ เพราะว่าเครื่องบดอาจจะทำได้เท่านี้ครับ ผมไม่มี Duchess ผมใช้ flair อยู่ ถ้าสงสัยว่ารู้ได้ไงสังเกตุจากครีม่าแล้วรู้ครับว่าเบอร์บดยังหยาบไป flair ถ้า Perfect Short เสือต้องมาครับ แต่ชอบคลิปนี้ครับ สนุกดี ทำต่อไปครับ

  • @athisakcrypto1085
    @athisakcrypto1085 3 ปีที่แล้ว +8

    ใช้Flair Neo ที่ราคาเบาๆ ก็เหลือเฟือแล้ว

  • @JennieKawaii
    @JennieKawaii 2 ปีที่แล้ว +1

    ฉันที่กดซื้อ duchess มาแล้วเจอคลิปนี้ 😭😭

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  2 ปีที่แล้ว

      ไม่ต้องกังวลไปครับพี่ เราสามารถค้นหารสชาติที่ถูกใจจากเครื่องของเราได้เสมอๆ แต่ละเครื่องมีความแตกต่างในตัวของมันเองคับ อย่างตอนแรกผมใช้เจ้า Duchess อยู่เป็นปีกว่าจะได้ขยับมา Flair เบื้องต้นแนะนำหาเครื่องบดกาแฟที่ค่อนข้างบดได้ระเอียดหน่อย เพิ่มปริมาณกาแฟจากปกติใช้ 18 ลองใช้ 20-25 ดูคับ รวมถึงลองเลือกเมล็ดกกาแฟที่ค่อนข้างมี Body สูงๆ เช่นคั่วกลางขึ้นไป กาแฟอาจจะเป็นโซนประเทศไทย อเมริกากลาง ทั้งหลาย บลาซิล โคลัมเบีย คอสตาริก้า จะช่วยให้ได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้นครับ

  • @Oi7zOi7s
    @Oi7zOi7s 3 ปีที่แล้ว +1

    รายละเอียดน่าจะมากกว่านี้หน่อย ทั้งอุณหภูมิน้ำ เบอร์บด กาแฟกี่กรัม สกัดกี่วิ ฟลัดน้ำทิ้งก่อนสกัดไหมต้องบอกให้มันครบๆ แต่ตัวเครื่องผมว่ามันอ่านว่า ดัสเชส น๊าา

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว

      เดี๋ยวผมเพิ่มรายละเอียดให้ใต้คลิปอีกทีนะครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากครับ แล้วก็อีกอย่างคือชื่อ ดัสเชส ขอบคุณมากครับ ในที่สุดผมก็จะได้พูดถูกแล้ว 5555

  • @เจริญชัย106สุรอมรรัตน์

    ต้องเอาเครึ่องราคาพอๆกันสิครับราคาหมื่นกว่ากับราคาไม่กี่พันเอามาเทียบไม่ได้ครับควรจะเอาเครึ่องราคาพอๆกันดีกว่าครับ

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว +1

      ขอบคุณค้าบ เราก็เข้าใจครับผม แต่คือพอดีว่ามีคนหลังไมค์มาถามกันเยอะมากเลยครับ ว่าแบบไหนดี เสีย แตกต่างกันยังไง เลยลองทำคลิปมาให้ดูครับผม 😁😁

    • @เจริญชัย106สุรอมรรัตน์
      @เจริญชัย106สุรอมรรัตน์ 3 ปีที่แล้ว +1

      @@AfterTasteChannel
      ขอบคุณ​ครับ​ในความเข้าใจผมคืออยากให้มีการรีวิวเครึ่องที่ราคาใกล้เคียงกันเพื่อที่จะได้เอามาเป็นแนวทางในการที่จะซื้อนะครับ ต้องขอบคุณ​อีกครั้งครับ

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว

      @@เจริญชัย106สุรอมรรัตน์ ผมอยากรีวิวแบบนั้นมากๆเลยครับ แต่งบไม่ถึงสักทีนี่สิครับ จะค่อยๆทำไปเรื่อยๆครับ เดี๋ยวถึงเวลาที่พร้อมแล้ว เจอกันกับคลิปรีวิวเครื่อง 10k+ แน่นอนคร้าบ
      ขอบคุณคอมเม้นต์มากๆอีกนะครับ 🙏🙏

    • @เจริญชัย106สุรอมรรัตน์
      @เจริญชัย106สุรอมรรัตน์ 3 ปีที่แล้ว

      ขอบคุณ​ครับ​

  • @AtomStreetChannel
    @AtomStreetChannel 2 ปีที่แล้ว +1

    ฉันผู้เรียกแบรนด์นี้ว่า ดัชเชส มาโดยตลอด พึ่งรู้ว่าเค้าชื่อดูเชสสสส

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  2 ปีที่แล้ว +1

      55555 จริงๆแล้วเค้าก็ชื่อดัสเชสถูกแล้วครับ แต่ตอนแรกพวกผมอ่านไม่ทันระวัง เลยติดเรียก ดูเชส มาตลอดครับ 5555

  • @chool453
    @chool453 3 ปีที่แล้ว +5

    ทำคลิปต้องคิดเยอะหน่อย. ถ้าจะให้ดีควรให้ชิมโดยไม่รุ้ว่ามาตากเครื่องไหน

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว

      ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ 😄 ครั้งหน้าเราจะทำให้ดีขึ้นแน่นอนครับผม

  • @peepbmw
    @peepbmw 3 ปีที่แล้ว

    ผมเพิ่งซื้อ flair neo มา ลังเล หาข้อมูลอยู่นานเพราะมันแพง ซื้อเครื่อง espresso machine ได้เลย แต่พอตัดสินใจ เพราะไม่อยากยุ่งยากกับเครื่องมากนัก ผลคือ ไม่ผิดหวังเลยครับ ไม่น่าเชื่อ ตอนนี้เสียดายที่ไม่เอา pro2 เพราะบาสเกตของ neo ค่อนข้างเล็ก ใส่กาแฟได้ไม่เกิน 15 กรัม เท่านั้น

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว +1

      โอ้วเยี่ยมไปเลยคร้าบ 😉ขอบคุณที่มาแชร์มากๆเลยครับ

  • @อุลตร้าแมน007
    @อุลตร้าแมน007 2 ปีที่แล้ว +1

    คนละราคาเทียบทำไมครับ

  • @namoo2507
    @namoo2507 3 ปีที่แล้ว +2

    2 เครื่อง ระดับห่างกันเกินไป ดูแล้ว ก้อยังสรุปไม่ได้ชัดเจน

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว

      ใช่ครับผม ในคลิปไม่ได้สรุปฟันธงไปว่าเครื่องไหนดีไม่ดีครับ เพราะว่ามันสกัดได้ช็อตคนละแบบกัน แต่ที่แน่ๆเลยคือบอดี้และการสกัด Flavor ของกาแฟ แฟลร์ทำได้ดีกว่าครับ แต่ของฝั่ง CM ก็สามารถสกัดได้รสชาติเหมือนกัน แต่ไม่แน่นเท่าแฟลร์ครับ 😊

  • @stamp_pongsathon
    @stamp_pongsathon 3 ปีที่แล้ว +1

    ชอบครับ เพราะราคาเครื่องมันต่างกันเยอะนี่แหล่ะ ไม่มีคนเทียบ 555

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว

      555 คือตอนนั้นมีคนหลังไมค์ กับ คนที่รู้จักกันถามมาเยอะมากเลยครับ เพราะว่า กะจะเก็บเงินเพิ่มอีกนิดดีมั้ย เครื่องแฟลร์มันดีกว่ามากมั้ย หรือว่าทำกาแฟตอนเช้ามันต่างกับเครื่อง CM มั้ย แล้วรสชาติต่างกันมากมั้ยอะไรเงี้ยอะครับ เลยทำคลิปเทียบเลย ส่วนตัวทั้งสองคนก็เริ่มจากเครื่องรุ่นเดียวกันแหละครับ แต่ตอนนี้คนนึงไปแฟลร์ อีกคนไปเครื่อง commercial 1 gr แล้วครับ อิอิ

  • @adityancandra9711
    @adityancandra9711 4 ปีที่แล้ว +2

    Sorry i dont speak thai, so what is the conclusions? 😅

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  4 ปีที่แล้ว +1

      Flair is a much better completely flavor and aroma but you need to warm everything before using while Duchess is good in price but it cannot extract a complete total of the aroma and flavor but easier to use.

  • @cirrusclouds8295
    @cirrusclouds8295 3 ปีที่แล้ว +2

    ขอบคุณสำหรับคลิปนะครับ ขอความรู้นิดนึงว่า Duchess CM4200 มีคุณสมบัติทางเทคนิคข้อไหนที่ทำให้กาแฟกสัดออกมาสู้ Flair ไม่ได้ครับ เพราะเครื่องไม่สามารถสร้างความร้อนที่ร้อนพออย่างคงที่หรือไม่ (ผมสังเกตอีกคลิปความร้อนลดเร็วระหว่างทำ shot) หรือความดันไม่คงที่ หรือเป็นที่อะไรหรือครับ
    ดูแล้วสนใจ Flair ขึ้นมา ผมไปดูราคารุ่น Pro 2 ที่เพิ่งออกใหม่ ราคาอยู่ที่ 11000 บาท ก็พออยู่ในงบครับ แต่คิดไปคิดมารู้สึกว่าขั้นตอนการใช้ (ต้อง warm ชิ้นส่วนก่อนใช้ ประกอบ ล้างชิ้นส่วนหลังใช้) จะยุ่งยากและนานกว่าเครื่อง espresso ทั่วไปพอสมควร กลัวว่าจะได้ใช้แค่ช่วงแรกๆเท่านั้น และตอนเช้าต้องรีบทำอาหารเช้ากินแล้วรีบเริ่มทำงาน จึงขอถามว่า มีเครื่องทำ espresso รุ่นไหนที่ภายในงบ 11000 นี้สามารถทำ espresso ได้ใกล้เคียงของ Flair มั้ยครับ เช่นถ้าดูของ Duchess ก็ยังมีรุ่น CM1210 (8990 บาท), CM1570S (11790 บาท) สองรุ่นนี้ดีกว่า CM4200 ตรงไหนครับ Espesso ถ้าเทียบกับ Flair แล้วเป็นยังไงบ้างครับ

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว +1

      ยาวหน่อยนะครับผม
      _______________________________________________
      จากเท่าที่อ่านมาแสดงว่าอยากได้เครื่องชงสำหรับทานกาแฟตอนเช้าใช่มั้ยครับ
      ผมขอเพิ่มปัจจัยในการพิจารณาหน่อยนะครับ
      1. ชิมกาแฟแบบจริงจังมั้ย
      2. ราคาในงบ 11,000 ได้รวมเครื่องบดแล้วหรือยัง
      3. ทานกาแฟดีๆมั้ย เอ่อ ยกตัวอย่างเช่น ซีรี่ย์นักดนตรี หรือกาแฟแบบโปรเสสต่างๆ
      จากปัจจัยคร่าวๆสามข้อข้างบน
      ผมสรุปคร่าวๆตามเครื่องที่แนะนำมานะครับ
      +CM4200
      ตัวนี้ไม่ค่อยตอบโจทย์ข้อ 1 และ 3 ครับ แต่ว่ายังพอสกัดรสชาติกาแฟที่ดีออกมาได้ แต่ราคารวมเครื่องบดและของแถมอื่นๆอยู่ใน งบแน่นอน เหลือเอาไปซื้อเม็ดดีๆมาลองได้อีก
      ส่วนตัวผมใช้เครื่องนี้มาก่อนครับ
      - ก็พอใช้กินกาแฟได้
      -Aroma ก็พอมีบ้าง
      -Body ไม่เข้มจะบาง แม้ว่าเราจะเพิ่ม dose ratio
      สามารถสกัดช็อตทำเมนูอื่นๆได้ในระดับคนธรรมดาทานกาแฟครับ
      +CM1210 และ CM1570S
      ตัวนี้ผมไม่เคยใช้นะ เช่นเดียวกับ CM1570S แต่ต่างตรงที่ความดันซึ่งน่าจะมีผลกับการสกัดช็อตกาแฟ
      ในส่วน CM1570S เครื่องใหญ่กว่า แรงดัน ควบคุมอุณหูมิได้ดีกว่า และก็รองรับปริมาณการชงติดต่อกันได้มากกว่า CM1210 ครับ
      ข้อ 1 และ 3 น่าจะได้ แต่ งบประมาณข้อสอง อาจจะเพียงพอกับเครื่องบดด้วยที่ CM1210 แต่ CM1570S ต้องเพิ่มเงินซื้อเครื่องบดครับ (แนะนำเริ่มต้นคือ 9200/9500 นะครับ บดเร็วละเอียดอยู่)
      +Flair
      ตัวนี้ตอบโจทย์ข้อ 1 และ 3 แต่ ไม่ตอบโจทย์ 2. ครับ แต่โดยรวม ผมว่าให้ Flavor รวม ดีกว่า CM4200 แน่นอน ส่วน CM1210 อันนี้ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าอาจจะดีกว่าหน่อย ส่วนตัว CM1570 คิดว่าอาจจะใกล้เคียงกันครับ
      ข้อเสียของ Flair คือขั้นตอนเยอะอย่างที่ว่ามาจริงๆครับ แต่แลกมาด้วยความสะดวกในการพกพา สามารถทานกาแฟรสชาติเยี่ยมได้ในทุกทริปการเที่ยว แต่ราคานี้ก็ยังไม่รวมเครื่องบดอีกอยู่ดีครับ
      ถ้ารวมเครื่องบดอีกก็ประมาณ 1500++ แล้วแต่ยี่ห้อที่ชอบครับ
      ส่วนตัวเครื่องบดมีคลิปรีวิวอยู่ครับ Timemore Chesnut C2 ลองเข้าไปดูประกอบการตัดสินใจได้ครับ
      th-cam.com/video/dg66PC0nWcU/w-d-xo.html

      อันนี้เป็นข้อมูลจากความเห็นส่วนตัว อาจจะตรงไม่ตรงยังไงเรามาพูดคุยกันได้ครับ
      หวังว่าจะพอมีประโยชน์นะครับ :)

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว +1

      อ่อ ลืมตอบคำถามแรกเลยครับ ผมคิดว่าทางเทคนิคที่ทำให้ CM4200 สู้ช็อตจาก Flair ไม่ได้มีหลายปัจจัยครับ
      1.อุณหภูมิ - อันนี้ถ้าเราวอร์ม แฟลร์ดีๆอุณหภูมิจะไม่ค่อยดรอปมากครับ ส่วน CM ถ้าชงแค่ 1-2 ช็อตต่อเนื่องอุณหภูมิยังคงที่ได้ครับ
      2.ความดัน - อันนี้แฟลร์น่าจะดีกว่าพอสมควรครับ เพราะว่า Pressure เราออกแบบได้เองเลย และค่อนข้างคงที่ ส่วน CM ความดันจะไม่ค่อยคงที่นะครับ และความดันที่เกิดขึ้นตรงหัวกรุ๊ปส่วนหนึ่งมาจากการเเพิ่มขึ้นที่หัวกรุ๊ปครับ ไม่ใช้มาจากแรงดันน้ำโดยตรง ทำให้การสกัดไม่ดีเท่าแฟลร์ครับ ในจุดนี้
      เท่าที่คิดได้น่าจะมีประมาณนี้ครับ CM ไปตกที่ความดันที่สกัดครับ

    • @cirrusclouds8295
      @cirrusclouds8295 3 ปีที่แล้ว +1

      ​@@AfterTasteChannel ขอบคุณแอดมินสำหรับคำตอบที่ละเอียดครับ ต้องรอวันเสาร์จึงมีเวลาเข้ามาสอบถามต่อ ขอตอบ 3 ข้อที่ถามมาครับ:
      1. ผมชิมจริงจังพอสมควร แต่ไม่ใช่ coffee snob ที่สนใจความแตกต่างเล็กๆน้อยๆที่ถ้าเราไม่ตั้งใจสังกตก็ไม่นึกถึงความแตกต่างนั้น โดยรวมเวลากินกาแฟ ถ้ารู้สึกรสชาติครบและไม่มีรสไม่ดีมารบกวนก็พอแล้วครับ
      2. งบสุดที่ 20,000 แต่ต้องคุ้มค่า เช่นถ้าได้รสชาติ 80% ของสิ่งที่ดีที่สุด โดยราคาแค่ครึ่งเดียวของสิ่งนั้น ผมถือว่ายอมรับได้ครับ (หรือมองอีกแบบ ถ้าต้องจ่ายแพงขึ้นเท่าตัว แต่ทำกาแฟหอมเข้มขึ้นเพียง 20% ผมรู้สึกไม่ค่อยคุ้มค่า) เครื่องที่ดูไว้เน้นทานเองที่บ้าน จึงต้องการแค่ให้ระบบความร้อนทำถ้วยแรกไห้ความร้อน/ความดันที่สม่ำเสมอตั้งแต่ต้นช๊อตไปถึงปลายช๊อตก็พอ เพราะไม่ได้ทำติดต่อกันหลายถ้วย เครื่องจึงไม่ต้องใหญ่ แต่ต้องสกัดได้ดี ทำ perfect shot ได้ แต่ส่วนใหญ่เครื่องใหญ่ก็มักจะเพิ่ม feature ข้างในไว้ควบคุมอุณหภูมิ/ความดันที่เครื่องเล็กไม่มี ผมเลยปวดหัวเลยครับ เหมือนถูกบังคับให้ซื้อเครื่องใหญ่ทั้งๆที่กินคนเดียว 55555 อย่างนั้นไม่ดี เพราะเราจ่ายค่าหลายๆอย่างที่เราไม่ได้ใช้
      3. ทานกาแฟตามท้องตลาดทั่วไปครับ ทำแต่กาแฟดำ (espresso / long black) ไม่แต่งกลิ่น แทบไม่เคยใช้ส่วนตีนมเลย และไม่ได้เน้นยี่ห้อหรือซีรี่กาแฟใดเป็นพิเศษ แค่ต้องการ espresso มาตรฐานที่ได้กลิ่นครบเต็มที่เมื่อทำ perfect shot ครับ
      เครื่อง Duchess 3 รุ่นที่สอบถามไป รุ่น CM4200 คงตัดทิ้งเพราะ AfterTaste ได้ช่วยพิสูจน์แล้วว่ารสชาติเจือจาง และสาเหตุที่แอดมินบอกว่าน่าจะเกี่ยวกับความดันไม่คงที่เท่า Flair ที่เราออกแบบเองได้ ผมจึงมองไปที่เครื่องที่มี pressure guage ในตัวเพื่อคอย monitor ระดับความดันระหว่างการสกัด ส่วน CM1210 คงตัดทิ้งเพราะมีแต่เกจอุณหภูมิ ไม่มีเกจความดัน จึงเหลือ CM1570S ที่เครื่องใหญ่ขึ้น (เหมาะใช้ในร้านเล็ก) แต่ก็ยอมรับได้เพราะรุ่นนี้เหมือนมี PID ควบคุมความคงที่ของอุณหภูมิ ราคา 11xxx ใกล้เคียง Flair Pro 2 การสกัดไม่แน่ใจว่าใกล้เคียง Flair ขนาดไหน แต่ CM1570S เป็นระบบ semi-auto เร็วและสะดวกกว่า Flair ซึ่งสำคัญสำหรับผม รุ่นนี้มีติดแบรนอื่นด้วย (ETZEL SN6570) ใกล้ที่ทำงานผมมีร้านขาย ETZEL SN6570 อยู่ เดินไปก็ถึง ถ้าจะซื้อคงซื้อที่นี่จะได้ service สะดวก
      แล้วผมก็มาเจออีกรุ่นที่ค่อนข้างตรงกับความต้องการที่ได้พูดไว้ทั้งหมด คือ Gemilai CRM3605 ราคา 5xxx แต่ได้หัวขนาด 58มม, มีเกจวัดแรงดันไว้ทำ perfect shot, มี PID และดูจากรีวิวก็ดูดีอยู่ครับ คือเป็นเครื่อง Home use แค่สามารถทำ shot ที่ความร้อนคงที่ ความดันคงที่ ทำทีละช๊อตไว้ทานคนเดียวก็พอ ไม่ต้องจ่ายค่าขนาด boiler ใหญ่เกินที่เราใช้ ไม่แน่ใจว่าแอดมินเคยรู้จักรุ่นนี้มั้ยครับ
      ส่วนเครื่องบด Duchess CG9200 (ราคา 2190) ที่แอดมินแนะนำ หน้าตาและสเปคเหมือนกับ 600N (ราคาประมาณ 1000) ที่คนใช้กันเยอะๆเลยครับ ผมจึงไม่แน่ใจว่า Duchess CG9200 เป็น 600N นำมาขายภายใต้ยี่ห้อตัวเองหรือไม่ ถ้าใช่ก็คงเลือก 600N เพราะน่าจะได้สิ่งเดียวกันในราคาแค่ครึ่งเดียวใช่มั้ยครับ

    • @cirrusclouds8295
      @cirrusclouds8295 3 ปีที่แล้ว +6

      ผ่านไปแล้ว 3 สัปดาห์ ผมมาอัพเด็ทสถานะและตอบคำถามของตัวเองครับ
      ความพยายามหาเครื่องที่ทำ espresso perfect shot ที่สมบูรณ์ที่สุดในงบที่คุ้มค่าที่สุดของผมไปจบที่
      1. Gemilai CRM3605 ราคา 5xxx
      2. เครื่องบด 600N (มีหลายยี่ห้อ ไม่ต่างกัน) ราคา 7xx
      Gemilai CRM3605 คุ้มค่ามากครับ เป็นรุ่นที่ถ้าขยับไปที่เครื่องที่ดีกว่านี้ราคาต้องขยับไปไม่ต่ำกว่า 10000 แล้ว เพราะมีคุณสมบัติที่เครื่องชงราคาต่ำหมื่นไม่มี ตามนี้:
      - ก้านชงแบบใหญ่ 58มม ที่ร้านใหญ่ใช้กัน ซื้ออุปกรณ์เสริมก็หาง่าย
      - มีเกจวัดแรงดันที่วัดแรงดันตรง head group จึงมีความแม่นยำสูง เวลาประเมิณการทำ perfect shot รุ่นถูกถ้ามีเกจจะวัดที่ไอน้ำจากหม้อต้ม มีผลให้ยังไม่เสียบด้ามเข้าไปความดันก็ขึ้นแล้ว ไม่แม่นครับ
      - มี pre-soaking 2 วิ ก่อนสกัดกาแฟ (ให้น้ำร้อนเข้าไปอยู่ในเนื้อกาแฟให้ทั่วถึงเพื่อเตรียมสภาพก่อนการสกัด)
      - ระบบ semi-auto มีปุ่มตั้งเวลาสกัดอัตโนมัติได้ระหว่าง 10-60วิ
      - วงจร PID เพื่อควบคุมอุณหภูมิน้ำให้ร้อนอย่างสม่ำเสมอ
      - มีตัวเลขจับเวลาการสกัด ซึ่งสะดวกมาก ไม่ต้องมองหามือถือ หรือซื้อ kitchen timer แยก
      - ด้าม steam wand สำหรับเป่านม โดยทั่วไปชอบมีหยด รุ่นนี้สามารถหดปลายด้ามให้เข้าไปที่ถาดรองน้ำได้ ไม่ต้องเอาถ้วยมารองน้ำ
      CRM3605 ทำ espresso shot ออกมาได้ดีครับ ถ้าความดัน อุณหภูมิน้ำแม่นตลอดการกสัด (คงไว้ได้ 60 วิก็น่าจะเกินพอ เพราะการสกัดแต่ละช๊อตจะอยู่ระหว่าง 25-35 วิ) เครื่องทำ espresso ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ที่เหลือก็เกี่ยวกับ ฝีมือคนทำมากกว่า (ปัจจัยที่สำคัญกว่าอุปกรณ์เสียอีก)
      ส่วนเครื่องบด ผมใช้ 600N มา 3 สัปดาห์ รุ่นหลังๆปรับความละเอียดมาจากโรงงานจนเฟืองเริ่มประกบกันที่เบอร์ 1-2 คือละเอียดมากเกินพอเลยครับ ถ้าเราปรับให้เฟืองไม่มีเสียงสัมผัสกันพอดี (ของผมจะอยู่ 2.5) ก็ละเอียดมากพอสำหรับ espresso ส่วนใหญ่แล้ว ความสม่ำเสมอจากเครื่องบดก็น่าจะโอเคนะครับ รีวิวต่าประเทศก็ให้อยู่ในระดับผ่าน ที่สำคัญคือราคาแค่ 7xx บาท และเป็นระบบไฟฟ้า ไม่ต้องบดมือเอง คุ้มค่ามากครับ
      หลังใช้ Gelilai CRM3605 มาสักพัก ผมเกิดความสงสัยว่ามีเครื่องทำ espresso ที่มีเกจความดันไว้ทำ perfect shot ที่คุ้มกว่านี้อีกมั้ย ก็ไปเจอรุ่น CM6861 ภายใต้หลายยี่ห้อ เช่น Yukino CM6861 หรือ SKG SK-1201 หน้าตาเหมือนกัน และสวยซะด้วย ทำการตลาดในไทยอยู่ที่ 1750-1990 เท่านั้นเอง ผมจึงจัด Yukino CM6861 มาลองดู ก็ใช้ได้ดีนะครับ
      Yukino CM6861 อาจมีข้อจำกัดเทียบกับ CRM3605 ดังนี้:
      - เกจแรงดันวัดแรงดันที่ไอน้ำในหม้อต้ม จึงวัดไม่ค่อยแม่นยำ และต้องไล่แรงดันก่อนการสกัดเพื่อให้การวัดแม่นยำขึ้น
      - ก้านชงขนาด 51มม (ราคานี้ก็ได้เท่านี้ละครับ แต่ถ้าเปลี่ยน basket เป็นแบบ non-pressurized ก็สกัดกาแฟได้ดีขึ้นได้ครับ)
      - ก้านเป่านมจะหดปลายเข้าไปอยู่ในถาดรองน้ำไม่ได้ จึงต้องมีถ้วยมารองน้ำไว้กันหยด
      - พื้นที่ใต้ก้านชงน้อยไปหน่อย เอาถาดออกแล้วที่รองถาดก็ยังเป็นแอ่งมีหลุม เวลาจะเอาเครื่องชั่งน้ำหนักเล็กๆไปวางเพื่อวัดน้ำหนัก output น้ำที่สกัดจาก perfect shot ไม่สามารถวางได้สะดวก
      แต่โดยรวมความร้อนของน้ำก็ยังร้อนมากพออยู่ และเกจวัดถึงไม่แม่นก็ยังใช้วัดได้อยู่บ้าง (เกจให้ค่าที่สูงเกินจริง เพราะวัดที่หม้อน้ำ จึงต้องไล่แรงดันก่อนใช้ และถ้าได้ค่าต่ำกว่า 9 คือแรงดันน้อยไปมาก) espresso ที่สกัดออกมาก็เข้มข้นดี อร่อยอยู่ครับ รายละเอียดสู้ Gemilai CRM3605 ไม่ได้แต่ทำ Espresso perfect shot ได้ ถ้ามีงบเพียง 2000 รุ่นนี้ยังใช้ได้อยู่ครับ
      นอกจากนี้ ขอแนะนำอุปกรณ์เสริมอื่นๆอีก รวมๆไม่เกิน 700: ซื้อ basket แบบ non-pressurized แบบ 1 shot เวลาทานคนเดียว, dosing ring, tamper, ยางรอง tamper
      ข้อสรุป: กาแฟอร่อย อยู่ที่การศึกษาปัจจัยต่างๆ และเลือกสิ่งที่เสริมปัจจัยนั้นๆ ที่เหลือคือคนทำต้องศึกษาวิธีทำให้อร่อย (ปริมาณกาแฟ ความละเอียดกาแฟ ปริมาณน้ำ แรงดัน เวลาสกัด) ไม่ต้องใช้งบเยอะมากครับ

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว +1

      @@cirrusclouds8295 สุดยอดเลยครับ ขอบคุณที่แชร์ให้อ่านมากๆเลยครับ เป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนแน่นอนครับ 👍👍👍

  • @peair1960
    @peair1960 3 ปีที่แล้ว +2

    ขอโทษครับ ชื่อร้านอะไร
    ขอลิ้งได้ไหมครับ

    • @AfterTasteChannel
      @AfterTasteChannel  3 ปีที่แล้ว

      facebook.com/613626702127907/ กาแฟนะค้าบ

  • @siricharoen609
    @siricharoen609 3 ปีที่แล้ว +2

    ถ้าทำแบบ blind test ก็น่าจะดูสนุกดีนะคะ