ผมว่าไม่ยาวมันแค่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู้เทคอื่นที่ดีกว่า....เศรษฐกิจจีนตอนนี้แย่ลงมากบริษัทรถ EV ทุนหนาปิดตัวไปหลายยี่ห้อบางส่วนหนีตายมาประเทศเห่อ EV อย่างไทย...อนาคตรอดูเลยจีนทำตลาดไม่สนลูกค้าอยู่แล้วตอนนี้ลดราคาแข่งกันเพื่อให้ได้ยอดขายแต่ถามกลับลดราคาลงมากๆกำไรก็หายบางบริษัทไม่พอจ่ายพนักงานด้วยซ้ำยื่นล้มละลายไปหลายเจ้าแล้ว..ผมมองว่ามันน่ากลัวมากกว่า...รถยุโรปกับญี่ปุ่นกว่าจะออกมาซักรุ่นนี้วิ่งเทสท์วิ่งทดสอบกันนาน...รถ EV จีนนี่เห็นปั๊บๆๆๆออกใหม่ปั๊บๆๆๆทำขายคุณภาพมันมีจริงไหมก็ไม่รู้...
ผมเชื่อผู้บริหารโตโยต้า เขาคิดอย่างดีแล้วว่าอะไรควรเร่งและอะไรควรผ่อน เราอยู่วงนอกได้แต่ติดตามข่าวต่อไป
จึนนำก่อนเพื่อน
เห็นด้วยครับ
@@darkyuzuruotonashi6124
ยกเว้นคุณ
เชื่อว่าทุกคน สงสัยเหมือนกันหมด คิดว่าเพราะทั่วโลกยังไม่บีบให้เค้าเปลี่ยนแปลง เค้าเลยยังไม่เปลี่ยน ดีที่เรามีประเทศอื่นผลิตเป็นทางเลือกเลยไม่ต้องง้อญี่ปุ่น
ทุกวันนี้เราก็ยังเป็นทาสน้ำมันเชื่อเพลิง เวลาเค้าขึ้นราคาน้ำมัน ของก็ขึ้นตามไปแล้ว เราก็อยู่ในกัปดักโง่ๆวนไปเวียนมา ไม่ไปไหนซักที โชคดีที่จีนเริ่มเข้ามาอุดช่องว่างตรงนี้ และเริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อย เจ้าของประเทศน้ำมัน และคนขายน้ำมันรวยเอาๆ แต่คนซื้อคือยิ่งจนลงๆ พอใครเข้ามาบริหารก็เอาเงินมาอุดหนุนราคา
จบแค่นั้น เราถึงปลดแอกไม่ได้ซักที
แค่ คนสองคนก็สงสัยไม่เหมือนกันแล้ว ทุกคน จะสงสัยเหมือนกันหมด ได้อย่างไร
ในยุโรปกับอเมริกามันก็มีรถไฟฟ้าของญี่ปุ่นขายมาหลายรุ่นแล้วนะ ขาดแต่บ้านเราที่ไม่ลดภาษีให้แบบรถจีนเลยยังอดใช้อยู่
หลายชาติบีบแล้วอเมริกาวางแผน ไว้ในปี 2030 ยุโรป 2025 แต่ๆ อเมริกาอะพอทำได้ แต่หลายประเทสในยุโปรทำไมไ่ด้จนตอนนี้เค้าต้องเลื่อนแผนออกไป เพราะยุโรปหลายที่ ที่พักอาศัยไม่มีจุดชาร์จไฟ เอาง่ายๆ คอนโดเก่าๆ บ้านเราเนี่ย ก่อนปี 60 ที่ไหนรองรับรถยนต์ไฟฟ้าบ้าง ถ้าเค้าเปลี่ยนไปรถไฟฟ้าหมดคิดว่าคนอยู่คนโดนี่จะไปชาร์จไฟที่ไหน ทุกอย่างมันต้องค่อยเป็นค่ายไป ต้องให้มีช่วงในการปรับตัว จะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือไม่ได้
เดี๋ยวคุณดูค่าไฟฟ้าต่อหน่วยบ้านเรา รัฐบาลเก็บภาษีไฟฟ้าไม่แพ้น้ำมันแน่นอน
ประเทศเขาเคยเหยียบรถยุโรปตาย ตอนนี้บุญเก่าหมด โดนจีนเหยียบมั่ง ไม่มีโอกาสจะฟื้น
ช้าเพราะไม่มีแบตในมือที่จะสู้คู่แข่งได้ พยายามพัฒนาก็ยังไม่ทัน จะไปใช้ของคู่แข่งก็ไม่ได้อีก เพราะกลัวกำไรต่อคันหดหาย เพราะต้นทุนรถ ev เกินครึ่งอยู่ที่แบต ถ้ายุ่นขาย ev ได้เยอะ บ.ในจีนก็ยิ่งโคตรรวย ยุ่นคงยอมไม่ได้
คงไม่มีหรอก
ไม่มีแน่
ช้าค่ะ
เป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ทำไมเทสล่า วอลโว่ บีเอ็ม เบนซฺ์ ก็ไม่มีแบตของตัวเอง แต่มีรถไฟฟ้าขายแล้ว ขายดีในยุโรปด้วยครับ อยู่ที่แนวคิดมากกว่า
EV ต้องมีเจ้าของ
ฮึ พลังไฮโดรเจนขายไก้กี่คันแล้ว ? ผมมองวว่าโจทย์ญี่ปุ่นคือเขาต้องคำนึงถึงการขายรถภายในประเทศเขาด้วย แต่ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องพลังงานงานไฟฟ้า เขามีไม่พอจึงต้องใช้จากนิวเคลียร์ โดยเฉพาะจากเหตุแผ่นดินไหวเกิดเหตุการณ์โรงงานฟูกุชิม่า ทำให้หยุดยั่งพลังงานนิวเคลียร์ หากเขาผลิตมาแต่รถไฟฟ้าเขาก็ขายได้แต่ต่างประเทศอย่างเดียว และหากมองลึกคือรถยนต์เครื่องสันดาปที่ต้องใช้ชิ้นส่วนมากกว่า 10,000++ ชิ้นเพื่อผลิตรถ 1 คันในขณะที่รถไฟฟ้ามีเพียง 70+ ชิ้นเพื่อผลิตรถ 1 คัน ญี่ปึ่นมาช้าแน่นอน เพราะติดเรื่อง supply chain ที่หากจะย้ายไปไฟฟ้าต้องเลิกใช้และปิดโรงงาน เอาง่ายๆ ให้เห็นภาพ รถทั่วโลกเขาไปใช้ดิสเบรคทั้งหน้าหล้งกันหมดแล้ว แต่ทำไมรถกระบะไทยยังใช้ดิสเบรคและดรัมเบรกอยู่ละ หากจะสันนิษฐานว่าเลิกใช้ดรัมก็ต้องปิดโรงงานที่ลงทุนไปมาก นี้ยังจะรวมถึง supply chain ในเครื่องสันดาปที่ต้องเลิกใช้ไม่รู้อีกกี่โรงงาน ประธานบริษัทเจ้าใหญ่ยังยอมรับร้องไห้และเอาคนนอกมาบริหารแทนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มาเมื่อไม่นานมานี้เลย
ใช่
รอดูครับ อยากเห็น รถญี่ปุ่นกำลังจะกลายเป็นตลาดตกยุค เหมือนตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ตลาดมือถือ และอีกหลาย อย่างที่ตัวเองเคยครองตลาดในอดีต จะได้เป็นบทเรียนอีก chapter หนึ่ง ให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษา ว่า มีรุ่ง ก็มี ร่วงได้เสมอ ถ้าไม่รู้จักปรับตัว
นวตกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้ามันไม่มีอะไรใหม่ไงครับ มันเกินความจำเป็นการใช้แล้ว เน้นการออกแบบแทนไปละ ง่ายๆไม่ว้าว มือถือตอนนี้ผมก็ว่า นิ่งมากนะ เพราะ คนเริ่มรุ้สึก มันเกินจำเป็นแค่นั้น
จากเกินความจำเป็นคนจะมองเรื่องความคุ้มค่า บริการ และศูนย์ซ่อม อะไหล่ ราคาขาย
ต่อไปคงเห็น การสร้างกำแพงภาษีครับ
@@rookies2810 นวตกรรมยานยนต์ก็เหมือนกัน มันสิ้นสุดยุครถยนต์สันดาปแล้ว
รถญี่ปุ่นกำลังจะกลายเป็นตลาดตกยุค ยังไงอะ รถยนต์คือสินค้า ตลาดคือบริเวณหรือแหล่งขายกระจายสินค้า จะเอารถญี่ปุ่นเป็นที่ขายของเหรอ
ต่อไปค่ายรถญี่ปุ่นก็คงไม่ต่างกับโทรศัพท์มือถือโนเกียต่อให้โนเกียกลับลำมาใช้แอนดรอยแต่มันก็สายไปแล้วต่อให้ดีขนาดไหนคนก็ไม่นิยมแล้ว
มาเร็วก็ ตกงานสิครับ นิคมลำพูน บ.Kehin ม้วนเสื่อได้เลย ยังมีอย่างอื่นอีกเพียบ บ.หัวเทียน บ.โซ่สเตอร์ บ.ชุบโลหะ บ.ซีล ปะเก็น บ.น้ำมันเครื่อง ไปกันหมด
คนไทยใช้รถนาน ต้องรอดูระยะยาว มันไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ หรือ ระบบไฟฟ้า มันหมายถีง คอนโซนไม่ผุ สนิมไม่กิน ที่จับไม่หลุด เครื่องเสียงไม่ค้าง ผมเห็นตอนเปิดตัวรถจีนแรกๆ ก็มากแรงทุกเจ้า ตอนนี้ ในกลุ่มก็เห็นแต่เงียบกันหมด
ตรงไหน
ผมเห็นคึกอยู่นะเข้าไปส่อง เพราะมีความคิดว่าจะซื้อรถไฟฟ้า
คิดว่าปัญหาจุกจิกมีมาก และ แพงเวลาหมดอายุทิ้ง สถานเดียวต้องเติมเงินก้อนใหญ่ เพื่อใช้ต่อ สรุปต้องมีเงินรวยจริง !
แพงมาก
สมัยนี้ EVจีนออกใหม่ว้าวทุกปีล่าสุดก็ 500ม้า แต่เมื่อก่อน โตโยต้าแช่เครื่อง 1.5 ขายมา10ปีไม่มี ha อะไรพัฒนาเลย พวกญี่ปุ่นอ่ะถ่วงความเจริญมาสักพักละ กราฟเทคโนโลยีรถเพิ่งจะพุ่งขึ้นตอนจีนมาตีนี่แหละ
เอา กราฟเทคโนโลยีรถ มาแบ่งดูบ้าง ซิ
อันนี้ต้องโทษพฤติกรรมผู้บริโภคส่วนนึง ที่ทำให้ตลาดเกิดการแช่แข็ง ประสบการณ์ตรงจากวงการมอเตอร์ไซค์
Toyota C+ ไงครับ เขาลองเริ่มแล้วครับ อาจารย์ Toyota คงต้องพัฒนากันต่อไปอีกครับ
รถ EV การแข่งขันยังสูงมาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดยังไม่ค่อยนิ่งโดยเฉพาะเทคโนโลยีแบตเตอร์รี่ในจีนเองก็ล้มหายไปหลายเจ้า
ถ้าเปลี่ยนก็เจ้งทั้งระบบ เพราะไม่มีกำไรจากการซ่อมบำรุง
จริงๆๆๆ 555 หากำไร จนเคยตัว ให้ ผู้บริโภค เป็นเหยื่อ ไปเรื่อยๆเอาเปรียบไปเรื่อย แมร่งโคตร จังไร
การเปลี่ยนแปลง สถานะการผลิตชิ้นส่วน ของกลุ่มยานยนตร์ จะกระทบกับsuppliers จำนวนมาก จะเกิดวิกฤต ด้านแรงงานและการล่มสลายของกลุ่มsuppliers หลายกลุ่ม โลกจะเกิดคนตกงานอย่างมากมาย ในทุกประเทศ... ญี่ปุ่นและอเมริกา คิดอย่างหนักถึงความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ.... ไม่ใช่ไม่มีknowhow .....อาจารย์พูดถูกต้องครับ่
ตลาด ev ปัจจุบัน เป็นแบรนด์จีน แต่ถ้าญี่ปุ่นลุยเอาจริงขึ้นมาตอนที่ตลาด ev รุ่งจริงๆ เวลานั้นญี่ปุ่นกลับมาได้ไม่ยาก เพราะความเป็นแบรนด์ของญี่ปุ่นมันทำให้คนตัดสินใจได้ง่ายกว่า และด้วยงานดีไซด์ตัวรถบอกเลยตลาดจีนหงายเงิบ ถามง่ายๆ เลย ถ้ามีรถ ev จีนกับญี่ปุ่น อ่ะคุณจะเลือกแบรนด์ไหน ต่อให้ญี่ปุ่นขายแพงกว่า
เพราะความใหญ่ของตัวเองทำให้ทำได้ช้า สังเกตุนะรถจีนที่มีอยู่ตอนนี้ เป็นสตาจอัพทั้งนั้น
น้อยค่ะ
สังเกตค่ะ
ระวังด้วย
ของจีนคุณภาพต้องชั่งใจก่อนซื้อ
ทันโดนdisruptแล้ว
เริ่มจาก โกดัก
โทรศัพท์บ้าน
fax กล้องถ่ายรูป
TV เครื่องvedio สุดท้ายรถจักรยานยนตร์ และรถยนตร์
ลองคิดดูว่า เหมือนเราจะเริ่มทำธุรกิจ เราเป็นลูกจ้าง วันดีคืนดี อยากมาทำธุรกิจส่วนตัว อยากทำอะไร ธุรกิจนั้นก็มีคนทำ ธรกิจนี้ก็มีคนทำ ถ้าทำเหมือนคนอื่น สิ่งที่คนอื่นทำมาแล้ว ก็ต้องไปแย่งตลาดกัน กำไรก็น้อย เหมือน EV จีนคิดและรีบทำ supply chain ได้ก่อนก็ครบวงจรก่อน โตโยต้าประสบความสำเร็จมาแล้วกับการทำรถ ICE ทำไมจีนไม่มาแข่งทำ ICE แลัวโตโยต้าไม่มาแข่ง EV Lithium เพราะทุกแบรนด์ต้องมีผลวิจัยของตัวเองในมือที่ต้องคิดไม่เหมือนคนอื่น ถ้ามองเรื่องผลกำไร การผลิตเครื่องยนต์ไฮโดรเจนให้กับรถบรรทุก เรื่อเดินทะเล เครื่องบิน ใช้ในโรงไฟฟ้า ที่รถไฟฟ้าอาจมีข้อจำกัด อาจได้กำไรมากกว่า ถ้าสามารถคิดค้นวิจัยการผลิต ไฮโดรเจนจากน้ำ การเก็บรักษา การขนส่ง ที่ปลอดภัย เพราะปริมาณการใช้ในการขนส่งต้องส่งทุกชั่วโมง ทุกวัน ทุกปี ทำแบบครบวงจรได้ก่อน ก็จะได้เปรียบ สิ่งที่หลายคนคิดว่าไฮโดรเจนทำยาก นั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ไม่คิดทำ ไม่คิดวิจัย ก็ไม่มีคู่แข่ง เหมื่อนทำธุรกิจ สิ่งที่คนทำได้ ขายหมูปิ้ง คนไม่ต้องมี Know how อะไร ไม่ต้องจบสูง ไม่ต้องวิจัย ก็ขายได้ แต่คนมี Know how มีการวิจัย รอแค่ โอกาสและจังหวะเวลาที่ดี และไม่ย่อท้อกับ trend ต่างๆ ที่ระดมเข้ามา ก็ประสบความสำเร็จได้ แค่รอบนี้ไม่ใช่โอกาสของเราก็เท่านั้นเอง
แร่ส่วนใหญ่ที่ใช้ผลิตแบตของโลกนี้อยู่ในจีน ส่วนฐานผลิตหลักญี่ปุ่นอยู่ในไทยและที่แหล่งอื่นที่ไม่มีแร่เหล่านี้เป็นหลัก
เทคโนโลยีไม่ใช่ว่าไม่มี แต่แข่งทำไปก็ต้องพึ่งแหล่งฐานผลิตจีน และจีนไม่เอาญีปุ่นอยู่แล้ว
แต่ผมชอบพิธีกรหญิง สวยมาก ชอบมานานละ😂😂
ผมเพิ่งจะเห็น ผมก็ชอบ แต่ผมหลีกทางให้ 😂😂😂
คล้ายๆโนเกีย กับโกดักไหม ทำได้แต่ไม่ทำ คลาดผิดไหม?
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ไปไกลพอๆกับราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้นเรื่อยๆ ที่ทั้งหายากและมีจำกัด
มีแต่พวกไปชาร์จไฟราชการฟรีที่อยากซื้อ
คนเดินทางไม่มีเวลามาชาร์จไฟค่ะ
เติมน้ำมันแล้วไปต่อ ราคาน้ำมันไม่ได้แพงขนาดนั้น
คำตอบง่ายมากคนทั่วไปก็รู้ว่าญี่ปุ่นไม่สามารถสู้กับราคาที่ผลิตที่จีนได้เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าขนาดมีหลายยี่ห้อทึ่ผลิตที่จีนผลิตที่อินโดก็ยังสู้รถของจีนไม่ได้
-ญี่ปุ่นไม่ได้ช้า
-นำ้มันยังมีใช้ไม่หมดอีกหลายปี ถึงเวลาเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ทันที
คนญี่ปุ่นซื่อบื้อครับ ผมเคยทำงานด้วย
รถไฟฟ้าคุ้มครับ ถ้าผ่อน4-5ปี วิ่งให้ได้2แสน แล้วรีบขายหรือเปลี่ยนคัน ระยะเวลาที่ยืดออกไปเมื่อรถราคาตก มันเยอะกว่ารถน้ำมันสุดท้ายแล้วจ่ายพอๆกับรถน้ำมันนั่นล่ะ
ตอนแรกก็รอรถยนต์ไฟฟ้า ฮอนด้า โตโยต้า สุดท้าย ไม่รอละครับ ไปใช้ฝั่งจีนก่อนละครับ
ญี่ปุ่นเคยสบประมาท ว่ารถยนต์ไฟฟ้าไฟจะไปไม่รอดเพราะแบตเตอรี่แพง เลยไม่สนใจเทคโนโลยีนี้
รภน้ำมันเสียหาร้านซ่อมได้ง่าย รถไฟฟ้าหายากแบตฯเสื่อมอีก แต่รถน้ำมันใช้ได้เป็น 50 ปีเป็นอยา่งต่ำถ้าดูแลดีไม่ให้เกิดสนิม อ้อยอีกพันปีก็ยังปลูกอยู่พลังงานทางเลือกยังมีตราบนานเท่านานครับ
ถ้ายังเป็นแบบนี้ ยุ่นโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่นแน่นอน
ยุบค่ะ
ยุ่นช้า ถ้าไม่มี EV จีน คงไม่เร่งปรับตัว
เพราะรถไฟฟ้ามันไม่ได้ช่วยลดโลกร้อนเลยแม้แต่น้อย แถมยังสร้างขยะแบตเตอรี่อีกมากมาย
สิ่งที่เขาน่าจะมุ่งไปคือ พลังงานไฮโดรเจน ที่ BMW เคยพัฒนามาเมื่อร่วม 30 ปีแล้ว
ญี่ปุ่นพลาดใหญ่แล้วครับ
ถ้ารู้จริง ญี่ปุ่นเร่งผลิตรถไฮบริด เป็นเทคโนโลยี่ควบคู่รถไฟฟ้ากับรถสันดาปภายในควบคู่กัน เพื่อประโยชน์สูงสุดปิดจุดด้อยของแต่ละระบบ
ศึกษาดู ระบบใช้ไฟฟ้าไฮบริดไม่ด้อยกว่าของรถไฟฟ้าเลย ใช้เทคโนโลยี่เดียวกัน จะเหนือกว่าที่ใช้เทคโนโลยี่สลับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน ระหว่างสันดาปภายในกับใช้ไฟฟ้าได้ตลอดเวลา ลองดูสเปครถไฮบริดจ์ ญี่ปุ่นหลายๆยี่ห้อ
เรื่องแบบนี้ต้องศึกษามีความรู้พอสมควร
ญี่ปุ่นฉลาดกว่าเยอะ
รถไฮบริดค่าบำรุงรักษาแพงกว่ารถยนต์ปกติสองเท่าเพราะต้องบำรุงรักษาทั้งสองระบบ รถญี่ปุนหากินกับค่าอะไหล่ ญี่ปุ่นฉลาดที่หากินกับอะไหล่รถยนต์สันดาป
@@sutheeinkaew9212ดูแลปกติเลยครับ ไม่เห็นแพงอะไรเลย
ที่เค้าต้องทำ hybrid คือ ลองตลาด และซับการหายไปจากคนที่เปลี่ยนไปซื้อ ev ทันที
แต่จุดสำคัญคือ supply chain ระบบเครื่องและอื่นๆ บริษัทในเครือญี่ปุ่นจะหายไปทันที จะขายไส้กรองน้ำมันกับใคร ตอนนี้เค้าถึงขอร้องไทยให้เป็นแหล่งสุดท้ายผลิตเครื่องสันดาปไงครับ เพราะ ไทยเงื่อนไขมันน้อย ปัญหาน้อยกว่าชาติยุโรปเยอะ คอรัปชั่นคุยกันได้ง่ายกว่า
เกมต่อไป รถ ไฮบริดถ้าไม่ลดค่านั่นนี่ให้ลุกค้า ลุกค้าหนีครับ ยิ่งตอนนี้รถจีนชุแบตวิ่งไกลได้ ภาษีลดอีก แบบนี้ได้เปรียบ ไฮบริดน่าจะเพราะพวกลัวไม่มีที่ขาร์จ แต่อยากลอง และประหยัดสั้นๆ เช่นวิ่งแค่ในเมือง แต่ราคาขายต่อฮวบไม่แพ้ ev
@@sutheeinkaew9212โอ๊ย บำรุงรักษามันตะแพงอะไรนักหนา ค่าเหล้าค่าเบียร์ทำไมไม่บ่น น้ำมันเครื่อง ทุกหมื่นโลไม่ถึงพัน นี่ใช้HRV มา8ปีละ เปลี่ยนแค่ยาง และยองแหลวเอง ขับทางไกลก็สะดวกมีเงินเติมน้ำมันเอาที่สะดวกดีกว่าไม่ต้องเสียเวลามาวางแผนการเดินทางให้ยุ่งยาก เดี๋ยวนี้รถไฮบริดประยัดมากนะ รถไฟฟ้าประกันแบตเตอรี่หมดอายุแล้วจะหนาวนะขอ บอกเลย เหมือนโทรศัพท์นั่นแหละถ้าจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ไหมซื้อเครื่องใหม่ไม่ดีกว่าหลอถูกกว่าได้ไหมกว่าด้วย รถน้ำมันใช้ยาวๆๆไปไม่มีปัญหาจ๊ะ
ถ้าญี่ปุ่นมันรู้จริง มันผลิตไปนานแล้ว
อันนี้มัน ตามเทคโนโลยีแบตจีนไม่ทัน
ถึงไม่พร้อม
เกี่ยวกับรถไฟฟ้า โตโยต้าพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตท ใชักับรถไฟฟ้า.รถไฮบริด ชาร์จเร็ว ปลอดภัย แต่ไม่ทำรถไฟฟ้า
ถ้าญี่ปุ่นทิ้งรถน้ำมัน ก็เท่ากับทุบอุตสาหกรรมยานยนต์ทิ้งเกือบทั้งหฺม่ดเลยสิครับ อีกทั้งเป็นลิ่วล้อเมกาดัวย ไม่ซื้อน้ำมันลูกพี่มีเคืองนะครับ
Ev ญี่ปุ่นช้าจริงครับสเปคต่ำแต่ราคาสูงกว่าชาวบ้าน แต่เหมือนเขาไม่อยากพัฒนามากกว่าเหมือนเขาเล็งเห็นว่ามันยังไม่ยั่งยืน ตอนนี้เทคโนโลยี่แบตเรายังไปไม่ไกล 5-6 เปลี่ยนแบต เปลี่ยนแต่ละที ซื้อรถคันใหม่ได้ เอาส่วนต่างมาเติมน้ำมันได้เป็น 10-20 ปีเลย ลิเธียมก็หายากแพงขึ้นเรื่อยๆอีก แต่เขาเล็งเห็นเทคโนโลยีสะอาดที่ยั่งยืนกว่าอย่าง ไฮโดรเจน ยังไงก็เชื่อใจญี่ปุ่นกว่ารถจีนครับ รอได้
ก็มีน้ำมันใช้อยู่จะทำรถไฟฟ้าทำไม ในเมื่อการผลิตรถไฟฟ้ามันก็ต้องใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าเพื่อชาร์ตแบตอยู่ดี จะทำให้มันซับซ้อนทำไม
อันนี้จริงนะ
ไฟฟ้าผลิตจากน้ำมัน
แล้วเอาไฟฟ้ามาใส่รถ มันน่าจะต้องมีต้นทุนที่แพงกว่า
ปัญหาคงต้องตามไปดูที่ภาษีแล้วละ เก็บจากน้ำมันแพงไปป่าว
แล้วถ้ารถยนต์ ev มีเต็มถนนไปหมด เกิดไฟฟ้าขาดแคลน จะเอาไงกันดี
ไฟฟ้าสามารถผลิต ได้หลายทางไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมัน มีทั้งถ่านหิน น้ำ ลม แสงอาทิตย์ นิวเคลียร์ ทำให้ลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ดีกว่าเห็นๆ
เค้ากำลังดูรถไฟฟ้าจีน มีข้อเสีย อะไรบ้าง แล้วเอามาปรับ
รถน้ำมันจีนด้อยกว่ามากๆแต่รถไฟฟ้าต้องจีนเท่านั้น
จรีง ญี่ปุ่น ช้า มาก
..จีนเลยค้วาไป แต่ถ้า ญี่ปุ่น ยังไม่ถึงกับ สายเกินแก้
เพราะ สายพันธุ์ ญี่ปุ่น โลก ยอมรับกัน
เสียดายโอกาสและเวลา ดูคล้ายๆกับโทรศัพท์โนเกียที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...😅😅😅😅😅
งานนี้ต้องโทษ Microsoft ซื้อแบรนด์เค้าไปแล้วทำเสียเรื่อง
นายกเศรษฐามองไกล ชวนญี่ปุ่นมาลงทุนใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถไฮบริด
ยังขายรถแบบกั๊กได้เรื่อยๆงัย ต่อเมื่อจีนนำที่หนึ่งถึงตื่นจากภวังค์กันมายัดออฟชั่นให้
ญี่ปุ่น ไม่ช้า หรอกครับ .. เทคโนโลยีมีพร้อมจะทำ เพียงแต่ .. คงอยากให้สัมผัสให้เต็มที่ และเข็ดขยาดจาก บริการหลังการขาย และการรับผิดชอบ ของรถจีน นั่นล่ะ ..
อีกอย่าง ค่าครองชีพ กับค่าน้ำมันเชื่อเพลิงของญี่ปุ่น เค้าไม่ได้พิศดารกินนอกกินในแบบไทย
ห่วงโซ่กาผลิตโรงงานชิ้นส่วนประกอบรายเล็กรายย่อยที่ถือหุ้นไขว้กันไปมาทั้งระบบจะพัง สุดท้ายต้องเปิดยี่ห้อใหม่เหมือน lexus เพื่อลดผลกระทบ
ตอนนั้นก้าวไกลจะไม่ได้ ผมก็เชื่ออาจารย์ครับ ผมเริ่มเชื่อถือน้อยลง
ญี่ปุ่นไม่ช่ากำลังทยอยปิดโรงงานที่ผลิดในไทยให้หมดในกลุ่มเครื่องICE
รถไฟฟ้า ไม่มีเกียร์ครับ
จะเหมือนฟิลม์โกดักในไม่ช้า
เค้าไม่ทำ ก็แปลว่าเค้าไม่เดือดร้อน 😅
จริง ไม่ทำ ก็ไม่เห็นเป็นไร ก็ยังขายได้อยู่
@@SecretManStrong 2030 อียูห้ามขายรถยนต์สันดาป ต่อไปรถญี่ปุ่นจะไม่สามารถเอาไปขายยุโรปได้แล้ว
@@sutheeinkaew9212 Electrek รายงานว่า Toyota is targeting 1.5 million in EV sales by 2026 with 10 new models
รถไฟฟ้าเดียวก้คนก้เบื่อ
ทางที่ดีสุดคือญี่ปุ่นไปซื้อยี่ห้อของจีนมาเลย
คือจนตอนนี้มันช้าไปและก็ไม่กล้าขยับ
ขาดตลาดแน่นอน
เพราะตลาดหลักของค่ายรถญี่ปุ่น คือ ในทวีปอาเซียนและ ตะวันออกกลาง ซึ่งประเทศพวกนี้ใช้รถน้ำมันเป็นหลัก เพราะฉะนั้น ยังไม่ต้องรีบไปทำรถ EV ก็ยังได้ ค่ายรถคนญี่ปุ่นเขาไม่ได้ช้า เขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา
ญี่ปุ่นรอแค่พัฒนาแบตอย่างเดียว 1000Km+ เจอกันต้นปีหน้า
ยุ่นเขาไม่มีเทคโนโลยีน่ะสิ จีนเขาไปไกลแล้วเพราะให้เทสล่าเข้ามาช่วยเรื่องเทคโนโลยี
เท่าที่ตามข่าวจีนซื้อตัวคนที่ทำอยู่ในเทสล่าไปนะ ไม่ได้ให้เทสล่าช่วย 555
ปลดแอกจากญี่ปุ่นได้แล้วประเทศไทย
ประธานโตโยต้าเองออกมาบอกว่า เขาไม่สนใจทำรถ ev เขาจะไปทางรถไฮโดรเจนแทน เขาเดินผิดทาง เหมือน Sony ในอดีต
ประเทศเดียวกันค่ะ
ต่างกันค่ะ
คนละเรื่องเลย
มันมีเหตุให้ต้องทำแบบนั้น เพื่อเลี้ยง supply chain ทั้งญี่ปุ่น usa eu ก็เจอเหมือนกัน ของจีน กระทบน้อยเพราะ แข่งทำรถสันดาปคือสุ้ไม่ได้เลย หนีแต่แรก เข้าตลาดใหม่ไปเลยดีกว่า และ ได้ เทสล่าทำฝันให้เป็นจริง ไฮโดรเจนถ้าทำได้ก็ดูดีแต่ใช้เครื่องเหมือนเดิม จะเห็นได้ว่า ซื้อเวลาให้ supply chain อุตสาหกรรมรถญี่ปุ่นต่อไปได้ บังเอิญมันยังไม่ใช่ตอนนี้
คิดว่ารอจังหวะช้อนซื้อบริษัท
กับบุคลากร ในอีกสักพัก
เค้าลงทุนเพิ่มสูงนะ เพราะเค้าทำสามระบบ น้มัน ไฮบริท แล้วมาไฟฟ้าอยู่ และ ยังไม่ถึงเวลา
เขาไม่มีทรัพยาการแร่ธาตุที่ทำแบตเตอรี่ ทำให้ต้นทุนจะสูงกว่า แล้วลงทุนไปกับรถน้ำมันเยอะ จะเปลี่ยนเลยคงลำบาก พอช้าก็ไม่ทันการซะแล้ว
เราเองได้รับเกียรติสูงสุด ให้เป็นหนึ่งในโลก เป็นผู้ใช้ รถยนต์น้ำมัน และ ปิดบ่อ กังวลทำไมครับ
ดิฉันก็คิดว่าญี่ปุ่นช้ากว่าจะผลิดยี่ฮ้ออื่นเขาก็ขายจนอิ่มตัวแล้ว
รถมีพัง มีทิ้ง ทุกวันครับ ไม่งั้นเค้าจะขายได้เป็นหมื่นคันต่อเดือนหรอ
ไม่รู้ละในฐานะผู้บริโภค และไม่ใช่หุ้นส่วน คำว่า กั๊กออฟชั่น มันหมดยุคแล้ว อะไรดีคุ้มก็ซื้อ ดูอย่าง byd seal ของจีน ทำไมเขาทำได้ดี ทั้งตัวรถและราคา
ความจริงคือ รถอีวี ผลิตได้ "ง่ า ย" กว่ารถแบบเก่า(ลูกสูบ-น้ำมัน).. แบตเตอรี่ซื้อจาก BYD, CATL รึว่า Panasonic แม้แต่ เทสล่า ยังต้องซื้อ ที่เคยผลิตเองมันตกยุคไปแล้ว ไม่ทันเขา..
จะซ้ำรอยโนเกียมั้ย
ดูแล้วสถานการณ์เหมือนกรณีของโกดักมาก มีเทคโนโลยีอยู่แต่ลังเลไม่ใช้ กลัวจะทำลายยอดขายผลิตภัณฑ์เดิมที่เป็นรถน้ำมันและรถไฮบริด ไปไปมามาก็เลยตามหลังชาวบ้านเขาไป
ไม่เหมือน โกดักขายฟิล์มกับกระดาษเป็นหลัก กล้องดิจิตอลระดับบนเป็นของโกดักในยุคนั้น บรีษัทรถมันขายรถไม่ใช่ขายน้ำมัน
อุตสาหกรรมหยั่งรากลึก จะถอดต้องใช้เวลา
รถอีวี จะไม่จมตอนน้ำท่วม แต่จะลอยตามน้ำไป.!! ไม่มีเครื่องถ่วงหน้าแต่กระจายน้ำหนักสมดุล ถ้าขับได้ในน้ำตื้น จะเหนือกว่ารถน้ำมัน(เครื่องตาย/จมน้ำ)
อจ. รถไฟฟ้าไม่ตอบโจยช์ หรอครับ..อีก 5 ปีคนก็กลับมาใช้รถสันดาร
แบตเตอรรี่แค่เทคโนโลยีคั่นเวลาแล้วจีนก็มีทรัพยากรณ์ตัวนี้เยอะ....ของจริงต้องไฮโดรเจน...
ช้าคับ ดู bmw ขายคู่ขนานมาสักพักล่ ะต้องเริ่มได้แล้ว
จะขอให้ดีเซลจนกว่าจะหมดโลก จะใช้EVเมื่อตัวถังเป็นโซล่าเซล
นายกเศรษฐา ติดต่อเสนอเทสล่า สร้างโรงงานรถไฟฟ้าในไทย
คนละทางกับญี่ปุ่นทำรถไฮบริด ไม่แย่งลูกค้ากัน
กระแสตีกลับละครับ ยอดขายรถ ev ค้างสต็อก ล้นตลาด คนเริ่มกลับมารถสันดาป ทั้งยุโรป อเมริกา ลองคิดดูรถ ev 10 ปี ต้องเปลี่ยนแบต แบตราคาแพงกว่ารถ รถน้ำมัน 20 ปี สบายๆ
รัฐบาลส่งเสริม BOI ด้วย. พิธีกรหญิงคงแว่วๆเครื่องยนต์ไฮโดรเจนมาบ้าง. แต่พิธีกรชายตัดบทก่อน
เมื่อไหร่ที่ส่วนแบบทางการตลาดลดลงสักประมาณ40%เค้าอาจจะหันมาทำรถไฟฟ้าก็ได้ผมคิดว่าอย่างงั้น เมื่อถึงตอนนั้นก็อาจไม่สาย ก็ต้องดูต่อไปแต่อีกไม่นานหลอก
น่าจะ ประมาณ เมื่อไหร่ที่รถใหม่ที่ขายในไทยจะเป็นรถไฟฟ้าสักประมาณ40% ที่ว่าไม่นานหลอกอ่ะ
รถhybridToyotaPriusมา
เกือบ30-40ปีดีมากไม่มีปันหาอะไรเลยToyotaสร้างรถได้ดีมาก
Prius เริ่มผลิต ธันวาคม 2540-ปัจจุบัน
ญี่ปุ่นพัฒนาไปไกลมากกว่าทุกประเทศ เพราะผลิตรถใช้เครื่องยนต์ไฮโดรเจนแล้ว โดยโตโยต้า เหมือนไฮบริดเครื่องสันดาป ไฟฟ้า ก็เริ่มโดยโตโยต้า
อนาคตจะเป็นไฮบริด เครื่องยนต์ไฮโดรเยนมากกว่า โดยไทยเป็นฐานผลิต เพราะต่อเนื่องมาตลอดไม่สะดุด
ผลิตได้แต่ขายไม่ได้ เพราะไม่มีประเทศไหนขายไฮโดรเจน 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
อนาคตอันไกลเลยครับ ไม่ใช่ 5 ปีนี้แน่ๆ
@@sutheeinkaew9212 อเมริกา UK ญี่ปุ่น ขายไฮโดรเจน
ไฮโดรเจนในไทยผลิตจากปิโตรเคมี ก็ก๊าซนั้นแหละ แถมการผลิตก็ยังไม่ใช่ไฮโดเจนสีเขียว คือก็ยังสร้างมลภาวะนั่นแหละ อ่ะเรื่องมลภาวะช่างมันก่อน มองในแง่ผู้ใช้ก่อน ไอ้ไฮโดรเจนที่ได้จากการขุดก๊าซราคาน่าจะไม่ต่างจากก๊าซ อาจจะแพงกว่าก๊าซเพราะมีต้นทุนคือต้องแยกไฮโดรเจนออกมา อันนี้ก็ช่างมันก่อนเพราะยังไงถูกกว่าน้ำมันแน่ๆ ที่นี้มาพูดเรื่องการจัดการไฮโดรเจน ปั๊มไฮโดรเจนกัน อย่างที่มีข่าวปั๊มไฮโดรเจนระเบิดในอเมริกา รัศมีกระแทก 12 กิโลเมตร ย้ำ 12 กิโลเมตรนั่นในอเมริกาที่ระบบความปลอดภัยเข็มงวดมาก แล้วถ้าปั๊มไฮโดรเจนเกิดมาเปิดข้างบ้านคุณ คุณดูเด็กปั๊มไทยสิ เกิดมีปั๊มใหนชุ่ยขึ้นมา คลิปปั๊มแก๊สในไทยระเบิดยังน่ากลัวขนาดนั้น แล้วถ้าเกิดเป็นไฮโดรเจนระเบิดล่ะ หรือข้างบ้านคุณมีคนซื้อรถไฮโดรเจนล่ะ แล้วเค้าดันเป็นคนชุ่ยไม่ดูแลรถ ลองนึกเอา
ญี่ปุ่น คิดแค่เรื่องเชื้อเพลิงทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ยังไง เครื่องยนต์ ก้อยังอยู่
End game จะเป็นระบบไนโตรเจน ขอเสียของแบตเตอรี่มีเยอะเกินไปและมีราคาที่สูง
เหมือนโนเกียไง ไม่ปรับเปลี่ยน เลยหายและขายไม่ออก
ผมว่าค่ายญี่ปุ่นเสียเงินวิจัยและพัฒนาHybridไปเยอะซึ่งยังไม่คืนทุน เลยยังไม่ทำรถไฟฟ้าทั้งหมด
ผิด แค่นึกว่า (ไม่ต้องคิด โตโยต้าคือใครจะมาตื้นๆงี้ได้ไงคิดง่ายเกินเขาจ้างคนคิด24ชั่วโมงนะ
เกิด คงอยู่และตายเป็นธรรมชาติไม่มีใครอยู่แบบตายไม่เป็น
เดี๋ยวชื่อแบรนด์เขาก็จะหายไปเหมือนมือถือ Nokia แหละครับ ถึงตอนนี้จะมีชื่ออยู่แต่ว่าลำดับในตลาดเนี่ยเปลี่ยนไปอยู่ข้างล่าง
เห็นว่าevจีนเจ๊งหลายราย
เขาทำเครื่องยนต์ออกมาถึงปี2550.. จะออกไฟฟ้ามาฉิบหายสิ
ญี่ปุ่นต้องเสียใจภายหลังแน่ ที่ไม่เริ่มตอนนี้ จีน ยุโรป อเมริกาเหนือ เขาเริ่มก่อนมีประสบการณ์ก่อน ทําให้เก่งมากกว่า ถ้ารอทําทีหลังตอนที่รถไฟฟ้าเข้าที่แล้ว คงไม่ทันเขา ญี่ปุ่นคงคิดว่าเริ่มทีหลังก็เป็นชั้นนําได้เหมือนคราวก่อน แต่ยุคนี้กับยุคก่อนไม่เหมือนกัน ยุคนี้ใครเริ่มก่อนได้ถือว่าชนะแล้วได้เลยนะ
ญี่ปุ่นหลายค่ายก็ทำขายนานแล้วนะครับ
@@SKK2PRC3 แต่ไม่เห็นมีตีตลาดอะไรเลยอะ
@@nagitokomaeda5119 สำหรับตลาดไทย นั่นเป็นเรื่องที่ค่ายญี่ปุ่นเสียดายอยู่ในตอนนี้ครับ (ไม่ใช่ภายหลัง) เพราะติดขัดข้อกฏหมาย ทำให้เสียเปรียบรถไฟฟ้าจากจีนเป็นอย่างมาก ฝืนแข่งตอนนี้ยังไงก็ไม่คุ้ม ส่วนเมืองนอกนั้นเริ่มชิมลางผลิตขายมาสักระยะแล้ว เหมือนหลาย ๆ แบรนด์จากยุโรป
@@SKK2PRC3 ไม่ใช่แค่ทําตอนนี้ไม่คุ้ม ทําตอนหน้าก็ไม่คุ้มครับ เพราะญี่ปุ่นทําทีหลัง ทําไม่ทันเจ้าอื่นๆเขา ยุคนี้ใครเร็วกว่าคนอื่นคนนั้นได้ครองตลาด มาทีหลังไม่ใช่ว่าตีงกว่าได้เหมือนแต่ก่อน ถึงทํามาก็สู้เจ้าอื่นไม่ได้
@@nagitokomaeda5119 มันเป็นหนังเรื่องยาวครับ เราค่อยดูกันไป อาจจะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์ก็ได้
น้ำมันอีกนาน ต้องทำให้ประหยัดขึ้น อีวีต้องดูระยะยาว..
ไม่ทัน จีน แล้ว เต๋ากับ กระต่าย
เทียบแบบนี้คือยังไงครับ ในนิทานเนี่ยเต่าช้ากว่า แต่ชนะนะครับ
อีกอย่าง เขาจะทำตอนถูกๆแล้ว ทุกอย่างตกตะกอนก่อน
ญี่ปุ่นมีงานวิจัยรถพลังงานไฮโดรเจนตลอด
ไม่มีประเทศใหนฉลาดเท่าญี่ปุ่นแล้วคอยดูมาเหนือคนอื่น
นักข่าวหญิงคนนี้ หน้าคล้ายๆ แพท ณปภา !!
P
เราว่า.เขาฉลาด.มากกกว่า..
ส่งนตัวผมมองว่าไม่ช้า นะ แต่เขามอง ก่อนว่า คนจะฮิตแบบ แปปเดียวรึระยะยาว
ระยะยาวมาก
ผมคิดว่ายาวแน่ๆครับ ตอนนี้ มีแต่ข่าวพัฒนาในเรื่องแบตเตอรี่ให้ดีขึ้นๆตลอด ไม่ค่อยมีข่าวว่า บริษัทไหนพัฒนาเครื่องยนต์ให้แรงขึ้นเลย ยุคมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆครับ
ผมว่าไม่ยาวมันแค่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู้เทคอื่นที่ดีกว่า....เศรษฐกิจจีนตอนนี้แย่ลงมากบริษัทรถ EV ทุนหนาปิดตัวไปหลายยี่ห้อบางส่วนหนีตายมาประเทศเห่อ EV อย่างไทย...อนาคตรอดูเลยจีนทำตลาดไม่สนลูกค้าอยู่แล้วตอนนี้ลดราคาแข่งกันเพื่อให้ได้ยอดขายแต่ถามกลับลดราคาลงมากๆกำไรก็หายบางบริษัทไม่พอจ่ายพนักงานด้วยซ้ำยื่นล้มละลายไปหลายเจ้าแล้ว..ผมมองว่ามันน่ากลัวมากกว่า...รถยุโรปกับญี่ปุ่นกว่าจะออกมาซักรุ่นนี้วิ่งเทสท์วิ่งทดสอบกันนาน...รถ EV จีนนี่เห็นปั๊บๆๆๆออกใหม่ปั๊บๆๆๆทำขายคุณภาพมันมีจริงไหมก็ไม่รู้...
สั่นๆชัดเจนพีโตคือโกดักโนเกียในอนาคต