ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมครับ👍 สำหรับ เครื่องจักรขนาดใหญ่ เช่น เครื่องบิน เรือ รถไฟ.... ยิ่ง เครื่องบินพานิชย์ เหมาะสมที่สุด ☺ส่วนเครื่องจักรขนาดเล็ก เช่นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ใช้พลังงานไฟฟ้านั้นดีแล้ว เมื่อถึงยุคแบตเตอรี่โซลิดสเตท เรื่องชาร์จช้า เก็บประจุน้อย จะหมดไป
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาใช่ไฮโรเจนผ่านเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไปขับมอเตอร์นะไม่ใช่เครื่องสันดาปภายใน เป็นรถไฟฟ้าเหมือนกัน เติมไฮโดรเจนเติมเร็วกว่าชาร์ทแบตนะ
แพงคับ ฝรั่งเทียบต้นทุนราคาขายเรียบร้อยแล้ว แพงกว่าน้ำมันอีก
ไฮโดนเจ้นไม่ได้หาได้บนหลังคาบ้านครับ ไฟฟ้าหาได้ง่ายกว่าแค่คนถีบจักรยานหมุนไดนาโมก็ได้แล้ว แสงอาทิตย์ พลังงานลม แต่ไฮโดรเจนนี่คนที่มีอำนาจและมีเงินเท่านั้นที่จะกำหนดราคาหรือให้คุณขับรถได้ต่อไปไหม ต่อให้ไฟ้า หน่วยละ 1000 แต่ก็สามารถหาได้เอง แต่กับไฮโดรเจ้นไม่ใช่เลย
ทำความเข้าใจก่อนครับ ไฟฟ้าหาได้ก็เอามาผลิตไฮโดรเจนไงครับ.. การแปลรูปพลังงาน เป็นทางเลือกในการใช้งานกับ เครื่องยนต์ไงครับ.. เพราะมอเตอร์ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่างครับ. คุณจะเอาไฟฟ้าที่ผลิตได้ไปเก็บไว้ไหน...ละ..
ขอแย้งนิดนึงครับ- ไม่ใช่ว่าทุกวันจะมีแสงแดดเพียงพอ ในเมืองก็ไม่ใช่ว่าจะมีลม ขนาดโซล่าเซลล์ยังต้องใช่ on-grid ร่วมกับไฟฟ้าสายส่งอยู่ดี- สถานีชาร์จ ไม่สามารถพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์กับพลังงานลมได้ จะต้องการเดินสายส่งแรงสูง ยิ่งระยะทางไกลยิ่งจากแหล่งเมือง ยิ่งลงทุนสายส่งสูงแต่สถานีเติมไฮโดรเจน สามารถตั้งโรงกลั่น Stand alone ได้ งบประมาณก่อสร้างประมาณ 30 ล้าน (อ้างอิงจากปั๊มไฮโดรเจนในจีน) เทียบเท่ากับการสร้างปั๊มน้ำมันใหญ่ๆในไทยหรือใช้วิธีเดียวกับโรงกลั่นน้ำมันได้ คือ ตั้งโรงกลั่นไฮโดรเจนแล้วให้รถบรรทุกขนส่งไปยังสถานีได้- ตันทุนแบตราคาสูงเฉลี่ย 3-4 แสนต่อคันส่วนรถยนต์ไฮโดรเจนใช้แค่ถังขนาดถังน้ำมันเดิม- ระยะเวลาในการชาร์จ EV จาก 0-100% เร็วสุดคือ 30 นาทีแต่รถยนต์ไฮโดรเจนใช้เวลาเติมเท่ากับเติมน้ำมันปกติ- รถ EV รักษ์โลกจริงหรอ ?? ออสเตรเลียผลิต ลิเทียม 55% ของโลก ใช้น้ำ 2 ล้านลิตรในการผลิตลิเทียมแค่ 1 ตัน (ข้อมูลจาก the standard) น้ำที่ผ่านการผลิตกลายเป็นน้ำเสียปนเปื้อน ต้องผ่านการบำบัดก่อนปล่อยอีก- อุตสาหกรรมรถยนต์ไทย มีพื้นฐานเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาบ ถ้าย้ายไปรถยนต์ EV อุตสาหกรรมชิ้นส่วนของไทยที่ป้อนโรงงานอยู่ก็คงต้องกระทบถึงขั้นปิดตัวแต่รถยนต์ไฮโดรเจนใช้เทคโนโลยีใกล้เคียงรถยนต์น้ำมันสันดาบแบบเดิม ไม่กระทบกับผู้ประกอบการเดิม
@@อกนิษฐ์ดวงดี ลองค้นหารีวิวรถยนต์ nio es8 ดูครับ เอาช่องคนไทยก็ช่องคุณตาม teslabjornthai คนไทยในนอร์เวย์ nio es8 ใช้ระบบสถานีสลับแบตอัตโนมัติ สามารถสลับเปลี่ยนแบตรถยนต์ไฟฟ้าได้ใน 6-7นาทีเร็วใกล้เคียงกับจอดเติมน้ำมัน แค่เรานั่งในรถเฉยๆไม่ต้องทำอะไร สถานีสลับแบตอัตโนมัติลงทุนถูกกว่าสถานีไฮโดรเจนสิบเท่า ตอนนี้เปิดบริการในจีน กับ ยุโรปบางประเทศคิดว่าไม่นานคงเข้ามาทำตลาดในไทยเราะเห็นมีมอร์ไซด์แบบสลับแบตของnio เข้ามาขายในไทยแล้วนี่
ค่าใช้จ่ายระบบที่คุณว่ามา มีกี่คนพร้อมจ่าย คิดได้พูดได้ แต่คนส่วนใหญ่เขาทำจริงไม่ได้ ถามหน่อยว่าคนที่ผ่อนรถอยู่เขาจะเอาเงินจากไหนมาติดตั้ง โซล่าเซล กังหันลม เอาเวลาไหนมาปั่นไฟเองมิทราบ ในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่มีทุนก็ต้องพึ่งพากัน ไม่ใช่ไปมองว่าเขาจะมาควบคุมบ้าบอคอแตกอะไร น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า อีกอย่างรถพลังงานไฮโดรเจนเขาก็จะทำมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ไม่ใช่จะมาแทนที่รถยนต์ไฟฟ้า พอใจแบบไหนใช้แบบนั้น
@@satit7kdoungjai896 เคยดูแล้วก็สงสัยเหมือนกันว่า สถานีสลับแบต ราคาแบตNioแต่ละลูกเท่าที่ดูราคา 4-6แสน เฉลี่ย5แสน ถ้าต้องมี10ลูกก็5ล้าน ไม่รู้ว่าต้องสต็อคกี่ลูกถึงจะพอสำหรับช่วงพีคที่เข้ามาเปลี่ยนแบตต่อชั่วโมง ถ้าสลับแล้วสถานีต้องรีบเอามาชาร์จต่อให้เต็มลูกในครึ่งชม.เพราะแบตnioมีขนาดใหญ่ และจะมีรถกี่คันมาเปลี่ยนแบตถึงจะคุ้ม ถ้าแบตแต่ละก้อนตีว่าวิ่งได้maxสุดพันโลสำหรับnio ยังไม่นับค่าหัวขาร์จแบบเร็วราคา2-4แสนบาทต่อหัวที่ต้องลงทุนเอามาให้เพียงพอต่อช่วงพีคที่ต้องสมดุลย์กับจำนวนแบตที่การันตีว่าทำให้ได้6-7นาทีต่อคันโดยไม่ต้องรอ และถ้าเข้ามาพร้อมๆกัน2-3คัน หรือชั่วโมงละ20-30คัน จะรับไหวไหม แล้วราคาค่าพลังงานที่บอกว่าวิ่งได้กิโลละ0.5-1บาท ถ้าให้1บาทต่อกิโล หักลบกับพลังงานที่เหลือในแบตที่เอามาเปลี่ยน การเปลี่ยนแบตแต่ละครั้งก็จะไม่ถึง1พันบาท จุดคุ้มทุนจะอยู่ไหน คิดแพงคนก็ชาร์จที่บ้าน และยังมีสภาพแบตเสื่อมที่จะไวกว่าปกติอีก ดูรวมๆก็ตกสถานีละไม่น่าจะต่ำกว่า10ล้านอยู่นะครับ เหมือนคุ้นๆว่านีโอจะเปลี่ยนแพคเกจเป็นคิดราคาเหมาต่อเดือนด้วยมั้ง ยิ่งทำให้ความคุ้มค่าต้องขับออกมาเปลี่ยนมากกว่าชาร์จที่บ้านบ่อยๆ สถานีจะต้องสต็อคไว้กี่ลูกแล้วสถานีเปลี่ยนแบตถ้าต้องมีของแต่ละแบรนด์ที่ต้องสต็อคแบตแต่ละยี่ห้อไว้ทุกหัวเมืองอีก ดูๆแล้วสถานีเปลี่ยนแบตก็ลงทุนไม่ได้น้อยนะ เทียบกับสถานีชาร์จไฟแบบปกตินะครับ อันนี้พูดถึงถ้าจะเอาเร็ว6-7นาทีไม่เอาแบบชาร์จครึ่งชม.เทียบสถานีไฮโดรเจนกรีนแบบstand alone ราคาต่อสถานี20-30ล้าน ลงทุนครั้งเดียวไม่ต้องพึ่งพาบริษัทแม่ หรือจะลงทุนสร้างถังรอรถหัวจ่ายราวๆหลัก7-8ล้าน ก็ไม่รู้อันไหนคุ้มกว่า แต่เห็นจีนทำอยู่เมืองนึง ที่เมืองนาโกย่าในญี่ปุ่นก็ใช้กันเยอะมาก แต่ผมตระเวณดูยังไม่เจอซักสถานี ยังสงสัยว่าเค้าไปเติมกันที่ไหน
ปัญหาไฮโดรเจน จากประเทศที่ใช้มาแล้ว คือ แทบไม่มีใครสนใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเลย ทั้งปั้ม ทั้งขนส่ง ทั้งภาคการผลิต และการจัดจำหน่าย มันไม่ใช่แค่ผลพลอยได้จากการผลิตก๊าซเฉยๆ มันก็มีกระบวนการเพิ่มอีกไฮโดรเจนจะเกิดก็ต่อเมื่อ เติมน้ำเฉยๆ ไปที่ไหนก็แค่เติมน้ำเปล่า เครื่องยนต์สามารถแยกก๊าซและเอาไฮโดรเจนไปใช้เองได้ง่ายๆ ปล่อยอ๊อกซิเจนออกมาเป็นของเหลือ หรือหมุนกลับไปใช้เผาไหม้ มันถึงจะน่าสนใจจริงๆ
จีนกับอเมริกาตอนนี้ก็เริ่มพัฒนาแล้วครับ ยังไงผมว่ารถไฟฟ้ากับไฮโดรเจนจะไปคู่กัน
ไฮโดเจน มันระเบิดได้นะครับ ถ้าผลิตใช้กับรถยนต์ มันมีหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง มันจะเหมือนรถแก๊สระเบิด คิดเอาเอง ฮ่าๆ ฮ่าๆ
@@ถ.วัวลายตําบลหายยา ในอดีต20-30ปีก่อน คนก็คิดกับรถไฟฟ้าแบบคุณนี้แหละครับ กลัวไฟรั่วบ้าง กลัวไฟช็อตบ้าง กลัวไฟใหม้รถบ้าง โลกเรามันวิวัฒน์ตลอดเวลา ระบบเซฟตี้และเทคโนโลยีต่างๆมันดีขึ้นทุกๆเวลานาที ยังไงๆเราก็หนีไม่พ้นไฮดรอเจน
@@ถ.วัวลายตําบลหายยา อันนั้นมันสมัยโบราณแล้ว
ถ้างั้นก็คงต้องบรรทุกน้ำเป็นตัน
โตโยต้าพยามดันเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีแร่ที่ผลิตแบตเตอรี่เพียงพอหรือเปล่าคะ หากสู้กันด้านรถไฟฟ้าเสียเปรียบ เลยมุ่งพัฒนาไปทางพลังงานไฮโดรเจน
มันก็เป็นส่วนหนึ่ง และอนาคตแร่ผลิตแบตเตอรีหมดแน่นอน พอหายากก็แพงขึ้น
หลายๆบริษัทที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเขาก็ไม่ได้ผลิตแบตเตอรี่เองนะครับ แม้แต่เทสล่าก็ให้บริษัทจากประเทศจีนผลิตให้
@@saradee1967 ตอนนี้เริ่มพัฒนาแบตที่ทำจากสังกะสี และแบตที่ทำจากเกลือแล้วครับ อีกอย่าง แบตรีไซเคิลได้ 98-99%ครับ หมายความว่าอีกสิบกว่าปีที่เแบตเสื่อมมันจะถูกนำกลับมาผลิตเป็นแบตลูกใหม่
กลัวจะซ้ำรอยโนเกีย มากญี่ปุ่น
@@peatx12 ไม่เกี่ยว ญี่ปุ่นวิจัยมาแล้วว่าแบต มันไม่คุ้มค่ากับผู้บริโภค ถ้าเปลี่ยนที มีร้องอ่ะ รถขายมือสองก็ไม่มีราคาเพราะแต่เสื่อม
คนใช้งานรถยนต์ส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนทำงานและเดินทางไม่ไกลมากไปกลับไม่เกิน200kmและรถไฟฟ้าถึงจะมีข้อด้อยเรื่องการชาร์จที่นาน แต่ข้อดีที่อีกหน่อยเมื่อคนเริ่มคุ้นชินจะเริ่มติดงอมแงมในเรื่องการที่สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้เมื่อรถไฟฟ้าใช้กันแพร่หลายมากขึ้นและผลิตไฟฟ้าเองได้ที่บ้าน ก็จะไม่อยากกลับไปสู่วังวนของการที่ต้องตกเป็นทาสการผูกขาดเชื้อเพลิงพลังงาน เว้นแต่ว่าจะมีเครื่องผลิตไฮโดรเจนขายมาติดตั้งผลิตใช้ได้เองที่บ้านเหมือนการติดแผงโซลาร์เซลล์แต่เอาจริงๆคนทั่วไปก็สามารถนำไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์หรือกังหันลมที่ผลิตได้เกินที่ใช้งาน แทนที่จะเก็บลงแบตเตอรี่ก็นำมาผลิตไฮโดรเจนได้ แต่ปัญหาคือจะกักเก็บมันได้อย่างไร ต้นทุนยิ่งสูงเข้าไปอีก แถมยังอัีนตรายอีกถ้าสามารถผลิตใช้เองกันได้ทุกบ้านส่วนตัวมองว่า ใช้ในภาคขนส่ง เครื่องจักรใหญ่ๆ เช่นรถบรรทุก เรือ โรงงานอุตสาหกรรมน่าจะเหมาะที่สุดแล้วเพราะเขามีทุนสูงในระยะยาวถือว่าคุ้ม และจะได้ไม่ต้องไปแบ่งสัดส่วนเอาแบตเตอรี่มาใช้งานที่เยอะเกินไปด้วย เพราะยานพาหนะใหญ่ๆถ้าใช้แบตเตอรี่มันใช้เยอะมาก อาจยิ่งส่งผลให้แร่ลิเธียมหรือแบตเตอรี่ขาดแคลนได้ในอนาคต
ความจริงนักทดลองอิสระและกระบวนการผลิตไฮโดรเจนไม่ได้ซับซ้อนมาก แต่ ยังไม่ได้ทำเป็นอุตสาหกรรม เพราะมีความซับซ้อนนิดหน่อย สำหรับคนทั่วไป และความคุ้มค่ากับ ผลที่ได้รับ ...เพราะประเทศที่พัฒนาเข้าไม่มีแสงแดดอย่างบ้านเรา จะผลิต green hidrogen มาใช้งาน เทคโนโลยีการลงทุน ถ้าคนไทยทำได้ถือว่าได้เปรียบข้อนี้.
คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆออกมาเยอะๆครับ และพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นผลดีต่อโลก สุดท้ายก็จะรู้เองว่า พลังงานแบบไหนเหมาะกับการใช้งานแบบไหน มีประโยชน์ทั้งนั้นละครับ
คุณเวลฯ ขอเพิ่มอีกข้อนึงครับ เรื่องค่า maintenance ของรถไฮโดรเจ้น คือ ถังมีอายุการใช้งาน....fuel cell ก็มีอายุการใช้งานจำกัด และ รถ fuel cell ยังมีชิ้นส่วนเยอะซะยิ่งกว่ารถน้ำมันซะอีก เข้าศูนย์ทีนึงผมว่าหลายตังค์แน่นอนนนนน
แยกน้ำเป็น hydrogen 1 kg ต้องใช้ไฟฟ้า 56.8 kwh Mirai ใช้ hydrogen 1kg วิ่งได้ 90 km. อย่างอื่นต้องรบกวนผู้รู้ช่วยวิภาคดีกว่าครับ
อันนั้นพลัง H2 สายมะโน ของtoyota มันคือพ่อของรถไฟฟ้า ก้าวข้ามรถไฟฟ้าอีกขั้นหนึ่ง
ความปลอดภัย ไฮโดรเจนมันกันเรื่องความรั่วยากที่สุดเนื่องจากเป็นธาตุที่มีขนาดเล็กที่สุด พอรั่วติดไฟได้ง่าย เคยทำงานกับไฮโรเจนอันตรายมากครับ
เครื่องผลิตไฮโดรเจนญี่ปุ่นเขาทำมานานแล้วครับ ผู้สร้างเครื่องแยกไฮโดรเจนในญี่ปุ่น คือ Mitsubishi Kakoki Kaisha Ltd. แต่ว่าเชื้อเพลิงตั้งต้นของไฮโดรเจนที่มิตซูบิชิฯ ทำยังเป็นเชื้อเพลิงพวกมีเทนอยู่ ไม่ได้แยกไฮโดรเจนจากน้ำ
จริงๆแล้วคนไทยเปนคนคิดค้นคับเมื่อประมาน20ปีก่อน ยี่ปุ่นมาซื้อลิขสิทธิ์ไปจดเปนเจ้าของ เพราะรัฐบ้านเราไม่สนับสนุนงานวิจัยต่อยอดซึ่งต้องใช้สูงมาก
ต้องเริมจากไฟฟ้ามาจากใหน =มาจากถ่านหิน น้ำมัน แก๊ช แทนที่ปล่อยออกจากท่อรถก็ไปออกปล่องของโรงงานไฟฟ้าแทน และคงยากที่จะใช้เวลาเติมไฟฟ้าเร็วเท่าน้ำมัน ต้องรอเร็วสุดครึ่งชั่วโมงชึ่งก็ถือว่านานมากสำหรับคนไทยไฮโดรเจน(สะอาดคือแยกจากน้ำ) ถ้าทำสำเร็จจะดีกว่าไฟฟ้าทุกด้านเช่นการเติมไฮโดเจนจะใช้เวลาเท่ากับเติมน้ำมัน ไม่ปล่อยมลพิษทั้งโรงงานผลิตและรถยนต์ (คราบอนเป็น0 ทั้งขบวนการผลิต) ไฮโดรเจนใช้ได้ทั้งสองระบบคือ ผลิตไฟฟ้าในรถไฟฟ้าและใช้ในรถยนต์สันดาบภายได้ด้วย คือแทนน้ำมันนั้นเองแต่ไม่ปล่อยคราบอนออกมาแต่จะปล่อยเป็นไอน้ำออกมาแทน สรุปถ้าเทคโนโลยีไฮโดรเจนสำเร็จทั้งขบวนการย่อมดีกว่าไฟฟ้าทุกด้านแน่นอน
ไฮโดรเจนเป็นความกังวลหนึ่งในโลหะวิทยา เพราะไฮโดรเจนสามารถทำให้โลหะหลายชนิดเปราะได้ ซึ่งทำให้เป็นการยากขึ้นในการออกแบบสายท่อและถังเก็บ
เอาความจริงนะ 80% คนส่วนใหญ่สนใจเรื่องประหยัดมากกว่าครับ เรื่องพลังงานสะอาด มาเป็นรอง เจ๋งเหมือนโกดักแน่นอนครับ Toyota
ไม่หรอกดูจากยอกขายรถ....ยอดขายรถน้ำมัน90%
รถไฟฟ้าไม่มีวันยิ่งใหญ่แบบรถนำ้มันถ้าแบตยังไม่เลิกใช้แร่ลิเทียมหรือต้องใช้ทรัพยากรโลกในการสร้างแบตอีก
สรุปง่ายๆ ทุกประเทศมีพลังงานต่างกัน จึงต้องหันไปพัฒนาพลังงานที่ตนมีอยู่
ปั๊มไฮดรอเจน มีสถานีเติมที่ไหนบ้าง ที่รู้กว่าจะได้พลังงานไฮดรอเจน ต้องใส่พลังงานมากกว่าพลังงานที่ได้รับ ครามนี้จุดคุ้มอยู่ตรงไหน ทำได้แล้วมีคนซื้อไหม เพราะราคาต่อ กก มันสูงมากๆกว่ารถไฟฟ้ามาก
แต่1กิโลกรัมของไฮโดรเจนให้พลังงานสูงมากเลยนะครับ เพราะไฮโดรเจนเป็นธาตุที่เบาที่สุด ถ้าเทียบน้ำหนักต่อพลังงานเหนือกว่าไฟฟ้าหลายเท่าเลยครับ
ไฟฟ้าก็ไม่ได้สอาดนะ ปล่อย CO2 500-700 g/Kwhr แล้วแต่วัตถุดิบที่โรงไฟฟ้าใช้ แต่ก็นับว่าน้อย รถไฮโดรเจนไม่น่า work แบกถัง ngv ก็เสี่ยวพอแล้ว ระบบน่าจะแพงทั้งรถทั้งสถานี รถไฟฟ้า ปัญหาคือแบต ตัวแอลกอฮอล fuelcell เงียบๆไป สวนตัวคิดว่าถ้าจะให้ work ต้องจัดทำมาตราฐานแบต และรถที่จะผลิต ต้องใช้แบบเดียวกันซัก 3 size ไปออกแบบเอา ไม่เน้นควิกชาร์จ เน้นที่บ้านพอ นอกบ้านใช้แบบเปลี่ยนเอา ถ้าทำได้มันน่าจะ work ส่วนว่าถูกไหมรถไฟฟ้า ต่าไฟถูกจริง แต่อย่าลืมเอาค่าเสื่อม แบตมาบวก ยิ่งขับน้อยไม่คุ้ม รถมอไซต์มันมีหลายแบรนใช้เปลี่ยนแบต พวก Winnonie ,HSEM ถ้ารัฐเป็นโต้โผ่ให้บ ผลิตรถ +บ น้ำมันร่วมทุน ทำแบต ทำสถานีเปลี่ยน รถน้ำมันสูญพันธ์แน่นอน
รอโตโยต้า ไฮบริด ขอให้1ล้าน2แสนลงมาถึง.2แสน5.ไม่เล่นรถจีนอีกแน่นอน เจ็บแล้วต้องจำ.❤❤❤❤❤❤
น่าจะลืมเรื่องการซ่อม (ราคาอะไหล่) ก็สำคัญนะเพราะเป็นของใหม่ผลิตน้อย ถ้าชนหนักขึ้นมา ราคาแบตที่ว่าแพงอาจชิดซ้ายก็ได้
Hมีทุกที่ใช้ไม่มีวันหมดแต่ลิเทียมนั้นต้องขุดใหม่เรื่อยๆ หมายความว่าอนาคตลิเทียมจะแพงขึ้นเรื่อยๆตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นHมีข้อเสียคือแรงดันสูงถ้าระเบิดขึ้นมานี่ทั้งรถทั้งคนเละเป็นฝุ่นแน่(ป้องกันยาก)
NGV หรือ LPG ระเบิดรุนแรงกว่า H เป็นสิบเท่านะที่ปริมาตรเท่ากัน ติดไฟได้ง่ายพอกัน
คิดว่าโตโยต้าทำได้แน่นอนถ้าจะทำ เพียงแต่คิดหาทางเลือกอื่นๆหลายๆทาง รถไฟฟ้าล้วนผมไม่เลือกใช้เพราะไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย ไฟไหม้ขณะขับขี่แทบไม่มี%รอด ขับไปพะวงเรื่องปริมาณไฟไป เดินทางสัก2-300 กม พอไปถึงแล้วก็เที่ยวหรือไปทำธุระไม่สนุกละ ระยะทางที่ได้ก็ลดลงตามอายุเหมือนแบตโทรศัพท์ อยู่กลางป่าหรือที่ห่างไกล มืดค่ำเปิดไฟหน้า ท้าย จอดเปิดไฟเปิดแอร์ ท่องเที่ยวขึ้นดอยสูงมันกะใช้ไฟไม่ถูกครับเศษซากแบตเตอรีนี่ก่อมลพิษรุนแรงกว่า เก่าแล้วขายนี่ราคาใจหายหรือขายไม่ได้ วัสดุทำแบตฯ เริ่มหายาก ราคาพุ่ง แบตทางเลือกจากวัสดุอื่นๆก็อยู่ในขั้นทดลองวิจัยอีก3-5ปีค่อยว่ากันใหม่ …ใช้รถเด่า ดูแลสภาพดีๆ วางแผนการใช้น่าจะสบายใจกว่า เก็บเงินไว้รอให้รถไฟฟ้ามันเสถียรสัก2-3ปีก็ไม่สาย…ยูทูปเปอร์ท่านหนึ่งบอกโตโยโตช้า ทั้งๆที่โตโยต้าผลิตรถขายเป็นอันดับ 1 ของโลก เขาปล่อยคนอื่นขายไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ทำแต่ดูเพิ่มว่สคนอื่นทำมีปัญหาอะไร แล้วจึงทำขาย รถถึงทน ไม่ค่อยมีปัญหา
แก๊สไฮโดนเจน มันคือพลังงานสะดวกจริงหรอ และที่โตต้าเลือกใช้ไฮโดนเจนก็เพราะโตต้าถนัดด้านนี้มันซับช้อนไม่ต่างจากการใช้น้ำมันเลย มันไม่เรียบง่ายเหมือนรถใช้ไฟฟ้า
แร่ลิเทียมขุดขึ้นมาใช้มากๆมันก็มีวันหมดครับ
พลังงานอนาคต โน้มเอียงอย่างมาก กับความเป็นไปได้ครับ ถ้าตั้งอานานิคมใหม่นอกโลก ดาวที่มีน้ำ ก็สกัดพลังงานได้
รถไฮโดรเจนจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ1. การสร้างไฮโดรเจนมีต้นทุนทางพลังงาน ต้องพลังงานไฟฟ้ามหาศาลเพื่อใช้การแยกน้ำเป็นไฮโดรเจน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงาน nuclear2. ต้นทุนโดยรวมของ ecosystem ของไฮโดรเจนต้องทุกกว่า BEV คือรวมค่าขนส่งไฮโดรเจน ตั้งปั้มและอื่น แล้วถูกกว่าใช้รถ BEV (เช่นแบตแพงมาก)แต่ถ้าเกิดสามารถผลิตแบตจากแร่หาไม่ยาก โดยที่เก็บไฟฟ้าได้พอรับได้ ลดราคารถเหลือเท่าราคา eco car ในตอนนี้ ขับได้ซัก 300-400 โล รถไฮโดรเจนคือจบเลยนะ
ไฮโดรเจนมีมากสุด เผาไหม้ออกมาได้ น้ำ ถ้าแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย กับต้นทุนได้ มันคืออนาคตอย่างแท้จริง
เหมือนเคยเห็นแว็บๆ มีความพยายามพัฒนาวิธีกักเก็บ"ไฮโดรเจน"ด้วยการแปลงเป็นสารเคมีอื่นที่ปลอดภัยจัดเก็บง่ายแทน แล้วเวลาใช้งาน จะใช้ catalyst ค่อยๆแปลงสารเคมีนี้ไปเป็นไฮโดรเจน หากสำเร็จจะช่วยเร่งให้เกิดการใช้ไฮโดรเจนมากขึ้นตัวตัดสินว่าจะรถอีวี หรือรถไฮโดรเจน คือ 1. ถ้าอนาคตไฟฟ้ามีเหลือเฟือ (เพราะเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่นสุกงอม) แต่เทคโนโลยีแบตเตอรีตามไม่ทัน มนุษย์อาจต้องใช้ไฟฟ้าสร้างกรีนไฮโดรเจน ก็จะเห็นรถไฮโดรเจน 2. แต่ถ้าเกิด breakthrough ด้านเทคโนโลยีแบตเตอรีก่อน (เช่นเอาโซเดียมมาใช้แทนลิเธียมได้จริงและน้ำหนักเบา หรือมีการค้นพบสารใหม่ที่เก็บประจุไฟฟ้ายอดเยี่ยม) รถอีวีก็น่าจะครองตลาดได้
ไฮโดรเจน เหมาะสำหรับการขนส่ง รถที่ใช้แรงเยอะๆ จะให้รอจน ราคา การผลิตลดลงมา เพื่อรถใช้งานทั่วไป ตอนนั้น คงไม่มีใครอยากใช้แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่จะเคยชิน กับพลังงานไฟฟ้า ที่บางบ้านผลิตไฟใช้เองได้ แต่อีกซัก 10-20 ปี ถ้ากดเครื่องคิดเลขแล้วตัวเลขมันลดลงมาเยอะกว่าการใช้รถไฟฟ้า ก็คงขายได้ถล่มทลาย
เห็นรถยนต์ไฮโดรเจนของญี่ปุ่น ในซีรี่ย์ญี่ปุ่นตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะคาดไม่ถึงว่าญี่ปุ่นจะทำสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เอามาใช้ประกอบซีรีย์อยู่เรื่องนึง เสียดายจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แล้วก็เงียบหายไปเลยตอนนั้นยังคิดเลยว่า ผู้ผลิตน้ำมันซวยแล้ว แขกซวยแน่นอน โดยตอนนั้นด้วยความเป็นเด็ก เลยไมไ่ด้นึกถึงน้ำมันของอเมริกาคนที่ขอให้ญี่ปุ่น ซ่อนเก็บพับโครงการนี้ไปก่อนอย่างยาวนาน อาจจะเป็นอเมริกาก็ได้ข้อมูลที่ได้รับหลังจากนั้น ส่วนใหญ่เลยจะเป็นเรื่องของความอันตราย ความเสี่ยงสูงที่จะระเบิดมากกว่า ทำให้น้ำมันยังคงปรับราคาขึ้นได้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีคู่แข่งตอนนั้นด้วยความเป็นเด็ก และการหาข้อมูลก็ไม่ได้ง่ายแบบตอนนี้ ก็แอบคิดไปว่า ต่อไปทรัพยากรน้ำคงมีการกักตุน มีการโก่งราคาให้สูงขึ้นแน่ๆ เลย 555เห็นการทำรถยนต์โดยไม่ใช้น้ำมันครั้งแรกก็จากหนังเรื่อง BACK TO THE FUTURE ภาคแรกมันคงเป็นเรื่องที่นิยายวิทยาศาสตร์เขียนไว้แล้วเมื่อ 70-80 หรืออาจจะ 100กว่าปีที่แล้วแล้วก็เป็นได้ว่าวันนึงในอนาคต น้ำมันก็จะมีทางเลือกอื่นขึ้นมาเป็นคู่แข่ง
ผมว่ารถยนต์พลังงานไฮโดรเจนนี่ ถ้าทุกคนช่วยกันผลักดันจริง ๆ น่าสนใจกว่าการใช้แบตเตอรีอีกนะ มันยากตอนเริ่ม แต่ระยะยาวมันเหมือนจะยั่งยืนกว่าการใช้แบตเตอรี่ เพราะแบตเตอรี ยังต้องมีการนำกลับไปรีไซเคิลกันอยู่เรื่อย ๆ ในขณะที่ไฮโดรเจน ถ้าลงทุนทำทุกอย่างไว้หมดแล้วคือสะดวกเลย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มกันอีกแล้ว
พลังงานไฟฟ้าจะทำให้เราไม่เป็นทาสนายทุนเพราะแปลงพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นไฟฟ้าได้ ต้องพัฒนาต่อไป ถ้าไม่โดนกั๊กเสียก่อน แบตเตอรรี่น่าจะพัฒนาทันสมัยไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับแบตมือถือ
แร่ลิเทียมขุดขึ้นมาใช้มากๆมันก็ต้องมีวันหมดครับและถ้าแร่ยิ่งหายากราคาก็ยิ่งแพงและบางประเทศก็ไม่ค่อยมีแสงแดดด้วย
นายทุนคือผู้ผลิตโซลาร์เซลล์นะ แม้แต่ซาอุยังไปลงทุนไว้มากมาย
ญี่ปุ่น พัฒนาแต่ ไฮบริด แล้ว คิดว่ายุคต่อไปเป็นไฮโดเจน ไม่ได้นึกถึง เทคโนโลยีไฟฟ้า 100% เพราะคิดว่าวิ่งไม่ถึง 5-600 กีโล และ ไม่คิดว่าจีนทำได้ แต่ตอนนี้เทคโนโลยี blade battery ของจีนทำได้ ทำให้ญี่ปุ่นตั้งตัวไม่ทัน จากนำ เป็นตาม เลยต้องรับผลักดัน ไฮโดรเตนมาสู้ แต่คิดว่า ไม่น่าสู้ได้
วัยลายกันหน่อยไม่อยากให้ปล่อยผ่านไปประโยชน์ยังมีมากและที่สำคัญทิ้งไว้เป็นอนุศรย์เชิงสัญลักษณ์ตัวสุดท้ายการเปลี่ยนจากสิ่งหนึ่งอีกไปสิ่งหนึ่งจากพลังที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติ ไปสผู่ความเป็นธรรมอย่างแท้จริงเพื่อให้เราเข้าใจลึกซึ้งของที่มาที่ไปการเปลี่ยนผ่านสิ่งๆรอบตัวโดยไม่รากเง้าของตัวเอง ละเอียดสุดๆนี้แหละสายเลือดสามุไล
ฟังดูยังไงผมว่าไฟฟ้าก็น่าใช้กว่าอยู่ดีถึงมันจะมีปัญหาบ้าง มันก็แก้ง่ายๆได้ด้วยการปรับตัวเข้าหามัน ฝ่ายพัฒนาก็แค่มีหน้าที่ทำให้มันสะดวกขึ้นผมว่าไม่ใช่ปัญหา แต่ที่โตต้ามาบอกว่าไฮโดรเจนสะอาดกว่าผมก็ยังมองว่ามันไม่ได้สะอาดกว่าไฟฟ้าสักเท่าไหร่
H2 ผลิตจากน้ำได้ ไม่ต้องมีแบตก้อนใหญ่ๆ (ที่รอวันเป็นขยะ) สะอาดกว่าไหมครับ
@@dsboykung แล้วไฮโดรเจนผลิตมายังไงไปศึกษาให้เข้าใจก่อนครับ หลายคนเลยที่คิดแบบคุณแต่ความจริงมันไม่ใช่เลย
@@mercyocean1554 เยอะแหละหลาย reaction เลยครับ steam reforming, water-gas shift, Methane pyrolysisว่าแต่ แล้วคุณไม่รู้หรอว่ามันมีเครื่องผลิต H2 จากการแยกน้ำ ลองเสิร์ชคำว่า leman instruments จ้า ถ้ามันขยายสเกลได้จนใช้ผลิตเพื่อใช้ในยานพาหนะได้ คือจบ
ขอทำความเข้าใจ โตโยต้าไม่ได้บอกว่าไฮโดรเจนจะดีกว่า แต่โตต้าสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนเป็น0 ครับ จากที่ไปฟังข้อมูลจริง ส่วนใครจะชอบแบบไหนก็เลือกใช้ครับ แต่เพียงแค่เรื่องไฮโดรเจนกลับมาไทยเร็วกว่าที่คิดเท่านั้นเองครับ
รถไฟฟ้าไม่มีวันสมบูรณ์แบบตราบใดที่ใช้แร่สร้างแบต แล้วพอแบตเสื่อมก็กลายเป็นขยะทำลายโลกเหมือนเดิม
ค่ายรถทุกค่ายในโลก ล้วนทำรถยนต์ไฮโดรเจนกันมาแล้ว แต่ก็มาติดข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของการผลิตและจ่ายไฮโดรเจน ราคา และความปลอดภัย ถ้าแก้ไขให้ไปได้ทุกค่ายก็คงพร้อมลงสนามแข่งในตลาดกัน //จะว่าไปแล้วไฮโดรเจนกํบแบตเตอรี่ก็เป็นความเชื่อที่บอกว่าจะช่วยลดโลกร้อน ก็ศรัทธากันไปครับตามใจปราถนา แต่ให้รู้ไว้ว่าCO2แม้แต่ตัวเราเองก็ปล่อยออกมาจากตัวเราทุกลมหายใจ ขะเอาอะไรกันนักกันหนากับCO2 ต้นไม้ก็ใช้ CO2ในการเจริญเติบโต ไปโฟกัสCOหรือก็าซพิษอื่นกันดีกว่าไหม
ถ้ารถ Ev ใช้วิ่งบนนถนนใช้แบบวิ่งไปชาร์จไปด้วย เหมือนแบตมือถือที่วางบนแท่นวางและพลังงานก็เข้ามาเติมเข้าเครื่องเองคงจะดี
ตัดเรื่องรักษ์โลกออกไป แล้วมองในมุมผู้ใช้งาน รถใส่ถ่านนี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เรื่องของการได้มาซึ่งพลังงานเป็นจุดที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้มากกว่าวิธีการผลิต การได้มาของไฟฟ้าผู้ใช้มีทางเลือกที่จะผลิตเองหรือซื้อก็ได้ ในขณะที่ไฮโดรเจนก็จะไม่ต่างจากรถเติมก๊าซในปัจจุบันซึ่งยังคงถูกผูกขาดราคาโดยไร้ทางเลือก การใช้งานยังคงต้องแบกรับความเสี่ยง แน่นอนว่ายานพาหนะส่วนบุคคลแทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานเพื่อการวิ่งระยะไกล อย่างในคลิปบอกยานพาหนะขนาดใหญ่สำหรับเดินทางไกล ที่สามารถกักเก็บแก๊สได้จำนวนมากมีพื้นที่สำหรับปัจจัยที่จะทำให้แก๊สเป็นของเหลวเหมาะที่จะใช้ไฮโดรเจนมากกว่า
@@yutkijsamnong3202 ที่ผมกล่าวถึงหมายถึงไฮโดรเจนต้องซื้อเท่านั้นในขณะที่ไฟฟ้ามีทางเลือกที่เราสามารถผลิตเองได้นั่นคือประเด็น
อาจจะมีเครื่องยนต์ green power ที่สามารถแยกคาร์บอนได้ เป็นทางเลือกอีกทางก็ได้...เชื่อว่าเครื่องยนต์แบบจุดระเบิด ยังไงก็ยังต้องมี...
มีใช้รถยนต์ดีเแปลงใช้h2 นี่ครับ โตโย แต่ทำไว้ทดลองการสันดาปh2 ซึ่งไม่ปล่อยคาร์บอนฯ แล้ว แต่ถ้าความร้อนสูงอาจเป็นไนโตรเจนออกไซด์
ทำให้รถมันแยกไฮโดรเจนจากนํ้าด้วยตัวเองไม่ได้เหรอ สมัยก่อนเห็นมีรถพลังนํ้าออกมาโชว์ออกบ่อย แต่สุดท้ายก็หายไปหมด
เทียบไฮดรอเจนที่สามารถขับเคลื่อนรถยนต์ได้กับก๊าซ LPG หน่อยครับ อะไรที่ผู้ใช้คุ้มกว่ากัน
เท่าที่กิโลกรัมเท่ากันวิ่งได้กี่กิโลเมตร
ที่fuel cell หลังจากได้ไฟฟ้า วิ่งได้ 50-60 กิโลไฟเหลืออีก เอาชาร์จแบต ถ้ามีด้วย เกินร้อยโลขึ้นกับแบตที่เข้ามาส่วนส่วนยัดเข้าเครื่องยนต์ไม่แน่ใจเผาไหม้ ลากรถไปได้กี่โล คิดว่าไม่คุ้มเท่าแบบไฟฟ้าครับ
ต่อไปถ้าแผงโซลาเซลพัฒนาขึ้นมากๆ อาจจะผลิตไฟให้แบตได้มากพอให้รถวิ่งได้นานขึ้นก็ได้
ผมชาวสวนยาง ราคาไฮโดรเจน แค่ 5เหรียญ ถือ ว่าคุ้ม กับ ปกป้องธรรมชาติ
ถ้ารถไฮโดรเจนชนแล้วระเบิด ต้องใช้คำว่า เก็บเศษชิ้นส่วนผู้ขับกันเลยทีเดียส
สนับสนุนรถไฟฟ้ามากกว่าครับ โดยรถยนต์ทุกคันดัดแปลงหลังคารถและรอบคัน เป็น โซล่าเซลทั้งหมด ก็จะวิ่งได้ระยะทางมากขึ้นเอง ประเทศไทยมีแดดทั้งปีอยู่แล้ว
แล้วมี ปั้มเติมหรือ? ผมว่าหันไปทางรถไฟฟ้าดีกว่า
โตโยต้า ควรลงทุนเรื่องไฮโดนเจนที่ไทยนี่แหละ ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก คนใช้รถเยอะ อุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำ พลังงานแสงเยอะ ถ้าผลักดันในไทยสำเร็จ มันจะเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นๆเอาด้วย เพราะพลังไฮโดนเจนมันยั่งยืนกว่าแบตเตอรี่
รอคอยเทคโนโยนี้ ไฮโดรเจนผลิดเองได้ การจัดเก็บประหยัดกว่า
สวัสดีครับแอดข้อมูลดีมากครับ
อ่านเม้น ตามกลุ่ม ตามเพจ สายอวยไฮโดรเจน คือพลังแห่งอนาคต ค่าไฟแพง คนต้องหนีมาใช้ไฮโดรเจน? เอิ่ม คือ กรีนไฮโดรเจน ใช้ไฟฟ้าผลิตจ่ะ ค่าไฟแพง ไฮโดรเจนมันก็แพงตามเว้ยถถถ.
จริงที่สุด ถูกที่สุด ไฟฟ้าเป็นต้นทุนของทุกอย่าง รวมถึงน้ำมันด้วย เห็นแต่คนบอกค่าไฟจะขึ้น ค่าไฟจะแพง ค่าน้ำมันขึ้นทุกอาทิตย์อยู่นะตอนนี้ไม่เห็นกันหรอ แล้วถ้าค่าไฟขึ้น น้ำมันก็ต้องขึ้นหนีเพราะ เราไช้ไฟสูบ และกลั่นน้ำมัน
@@thetao2022 ต้นทุนของหลายอย่างคือ น้ำมันดิบ รถไฟฟ้าทั้งคันมีผลผลิตจากน้ำมันดิบมากมาย เช่น ล้อยาง 51% มาจากน้ำมันดิบ สารเพิ่มความแข็งโครงยางเคมีผสมยาง ไม่มีน้ำมันดิบไม่มีรถ
@@yutkijsamnong3202 ชิ้นส่วนต่างๆ ที่ผลิต ไม่ว่ารถน้ำมัน รถไฮโดรเจน ที่ต้องใช้เหมือนกัน เราจะละไว้ เพราะคิดว่าทุกคนเข้าใจอยู่แล้ว ชิ้นส่วนพลาสติก ยางก็มาจากปิโตรเคมี ทุกคนก็น่าจะรู้เหมือนๆ กัน แล้วในเมื่อต้นทุนของหลายอย่างคือน้ำมันดิบตามที่คุณว่า ไฟฟ้าที่ใช้ผลิตน้ำมันเองก็เป็นต้นทุนของน้ำมันที่เอามาเป็นต้นทุนของการผลิตรถอีกที แล้วยังเอาน้ำมันที่ผลิตโดยมีต้นทุนส่วนหนึ่งคือไฟฟ้ามาเป็นพลังงานอีก ต้นทุนซับซ้อนมากขึ้นอีก แทนที่สร้างรถด้วยปิโตรเคมีแล้วจบ เอาไฟฟ้าไปเป็นพลังงานรถได้เลย กลับต้องเอาไฟฟ้ามาสูบน้ำมัน กลั่นน้ำมัน แยกปิโตรเคมี แล้วถึงจะเอาไปเติมรถถ้าจะบอกว่าไฟฟ้าก็ต้องใช้น้ำมันผลิต เอาของประเทศไทย ปี 64 เราใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้า 30.40 เมกวัตต์ แต่พลังงานน้ำผลิตถึง 3972.40 เมกวัตต์ ถ่านหินจะน้อยกว่าพลังน้ำหน่อยนึง 3,687.00 เมกวัตต์เวลาเปรียบเทียบรถระบบต่างๆ อะไรที่เหมือนกันเราจะละไว้ คอมเม้นต์นี้พูดถึงค่าไฟแพงไฮโดรเจนก็ต้องแพงตาม ผมก็มาเสริมว่าค่าน้ำมันเองเมื่อต้นทุนสูงขึ้นน้ำมันก็ต้องแพงตาม ส่วนคุณมาบอกว่ารถไฟฟ้าทำมาจากปิโตรเคมี ผมเลยเดาว่าคุณคงหมายถึงถ้าน้ำมันแพง (คอมเม้นต์นี้พูดเรื่องค่าไฟแพงทุกอย่างก็ต้องแพงตาม) ชิ้นส่วนรถไฟฟ้าก็จะแพงตาม ซึ่งผมว่าไม่ต้องห่วงหรอกครับชิ้นส่วนจะรถสันดาป รถไฟฟ้า รถไฮโดรเจน มันก็จะแพงตามเหมือนกันหมดล่ะครับถ้าค่าไฟแพง
ถ้าต้องเติม ไฮโดรเจนเหลว มันมีความอันตรายมาก แต่ ไฮโดรเจนที่ใช้ในรถยนต์ คือการแยกน้ำ จาก H20 ให้ได้ H2 และ O2
ไฮโดรเจนดีครับ เอาไปทำคาร์บอมได้เลย ไฮโดรเจนมันไม่พ้นการผูกขาดเทคโลยีเครื่องยนต์สู้ไฟฟ้าไม่ได้มันเป็นรถยนต์ประกอบใครก็ทำได้ ใช้ไฮโดรเจนมันก็แบบเดียวกับรถNGVแหละครับ เติมช้ายุ่งยากน้ำหนักเยอะ
LPG NGV ระเบิดรุนแรงกว่านะ ไปดูโครงสร้างดีๆ
@@yutkijsamnong3202 แต่มันก็ระเบิดได้เหมือนกันใช่ไม๊ครับ
หลายคอมเม้นยังเข้าใจว่า toyota เอาH2 ไปเติมรถเผาใหม้ในเครื่องยนต์แบบรถเติมLPG โปรดเข้าใจเสียใหม่ hydrogen fuel cells มันคือพ่อของรถไฟฟ้าอีกทีหนึ่ง คือมันการก้าวข้ามไปอีกขั้นของรถไฟฟ้า
ตามสบายพ่นสีให้ชัดๆหน่อยว่าเป็นรถไฮโดรเจนด้วย จะขอบคุณโตโยต้าอย่างยิ่ง
รอซื้อรถไฮโดรเจน แต่ตอนนี้ซื้อรถไฟฟ้าใช้ไปก่อน ส่วนรถสันดาปเก็บไว้เป็นวัตถุโบราณเรียบร้อย
คหสต. ผมคงเลือก รถ BEV คุ้มกวาา การใช้ไฮโดรเจนก็ต้องซื้อจากคนอื่นแต่ถ้าใช้รถไฟฟ้า ติดโซล่าเซลล์ที่บ้านเอง เสียเงินรอบเดียว ได้ใช้ฟรีได้ 3ปี++
เครื่องยนต์รถพลังงานน้ำ โครงการวิจัยสำเร็จและใช้งานได้ในยุคสมัย 70 แล้ว แต่ไม่ได้รับการต่อยอด (ไม่ใช่รถไอน้ำ)
ตราบได้ทีเรายังไม่สามารถ ผลิตไฮโดรเจนเองได้ที่บ้าน ยังไงก็สู้รถไฟฟ้าไม่ได้
ถ้าจะพูดถึงให้การใช้ รถยนต์ EV อย่างมีประสิทธิภาพและแพร่หลาย ก็ต้องหนึ่งชาร์จ 5 นาทีวิ่งได้ระยะทาง 200 กิโลเมตรขึ้นไปเพราะทุกคนไม่ได้มีบ้านเป็นหลังส่วนตัวมีทีจอดรถที่ชาร์จไฟฟ้าได้พอเพียง และการรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบมีประสิทธิภาพไม่ทำให้ผลาญวัสดุธาตุที่ใช้ทำแบตเตอรี่จนขาดแคลน หรือ หมดไปในเวลาอันรวดเร็วไม่ใช่แค่นับ 10 ปี แต่ให้เกิน 100 ปี ไม่งั้นเดี่ยวมนุษย์จะล่มสลายก่อนถึง อารยธรรมคาร์ดาเซฟไทป์ 2 ผมมองว่ารถไฟฟ้าเป็นเทรนด์ไม่กี่ 10 ปี เพราะอาจจะขาดแคลนวัสดุธาตุที่มาใช้ทำแบตเตอรี่ในอนาคต ถ้า EV เป็นเทรนที่ได้รับความนิยมาก แต่ไฮโดรเจนเป็นสิ่งที่ถาวรอนาคตต้องใช้แน่นอนไม่ว่าจะอนาคตอันใกล้ หรือเป็นอารยธรรมคาร์ดเซฟไทป์ 2 แล้ว อย่างน้อยก็มีดาวพฤหัสเป็นแห่งของไฮโดรเจนในอนาคตอันไกลอาจจะ 500 ปีนับจากนี้
ปัจจุบันชาร์จไฟ 30-80% ใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีบวกๆ ตีว่าชาร์จได้ 50% รถที่วิ่งระยะทาง 400 ต่อชาร์จ(แบนด์ส่วนใหญ่ในตลาดประมาณนี้) ก็ประมาณ 15 นาทีได้ 200 อย่างที่คุณว่า ซึ่งนี้คือส่วนใหญ่รถที่ขายในไทย และรับวัตต์ได้น้อย 50-70 เอง ซึ่งถ้าเป็นรถที่แพงหน่อยก็จะรับวัตต์ได้ร้อยขึ้น อย่างพวกเทสล่า บีเอ็ม เบนซ์ แต่หัวจ่ายที่ปล่อยวัตต์ร้อยขึ้นในบ้านเราก็ยังน้อยอยู่ดี ส่วนเรื่องแบตในปัจจุบัน รีไซเคิลได้ 98-99 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ การรีไซเคิลคือโยนโมดูลแบตทั้งก้อนลงเครื่องบดเลยมีคลิบบริษัทเยอรมันทำออกมาผมได้ดูเมื่อประมาณปีสองปีที่แล้ว สารที่แยกมาคือกลับไปเป็นสารตั้งต้นเลย ไม่ใช่การเอาแบตมารีชาร์จใหม่ แถมตอนนี้เริ่มศึกษาการใช้สังกะสีในการทำแบต และเกลือในการทำแบต ส่วนการที่ไม่มีบ้านสำหรับติดที่ชาร์จ ผมเห็นคลิปต่างชาติ รวมทั้งกลุ่มคนไทยที่อยู่คอนโด ใช้วิธีแวะชาร์จก่อนกลับคอนโดนะครับเพราะธรรมดาคนที่ใช้รถไฟฟ้าในไทยยืนยันว่าสองสามวันชาร์จครั้งครับ ระหว่างชาร์จก็หาข้าวเย็นช็อปปิ้งรอได้ ยังไงก็เกินครึ่งชั่วโมงแน่ๆ ยังไงก็ได้แบตเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์แน่ๆ ครับ
ที่รู้ๆรถที่ตันแล้วคือรถไฟฟ้าเหมาะสำหรับวิ่งทางใกล้เหมือนๆรถกอล์ฟ ส่วนวิ่งทางไกลต้องรถที่ใช้ H2 เป็นเชื้อเพลิง ไปไกลแน่นอนในอนาคต
TOYOTA นี่จุดยื่นชัดเจนมากเลยนะนี่
How much is the price of the hydrogen powered car? Why don't you say about it?
รถมันปล่อย คาวบอนโมโนออกไซด์ ป่าวครับ ไม่ใช่ คาบอนไดออกไซด์ ซึ่งอย่างหลังมันเกิดจากเราหายใจออกกับพืชคายออกตอนกลางคืน ใช่หรือไม่ครับ
อยากให้พูดถึงการคำนวนเป็นค่าใช้จ่ายต่อระยะทางด้วยครับ เพราะหากคิดว่าการผลิตก๊าซแล้วไม่อนุรักษ์ การผลิตไฟฟ้าก็เช่นกันนะครับ เพราะพลังงานส่วนใหญ่มาจากการเผาเชื้อเพลิงทั้งนั้น
การผลิตไฮโดรเจนก็ต้องผลิตไฟฟ้ามาก่อนเพื่อแยกไฮโดรเจนและยังมีการผลิตโดยการกลั่นคล้ายน้ำมัน คือกระบวนการได้มาซึ่งไฮโดรเจนไม่ได้สะอาดแบบที่หลายคนคิด คนไปจินตนาการว่าไฮโดรเจนคือน้ำ ไฮโดรเจน ดังนั้นไอ้เรื่องสะอาดไม่ต้องเอามาบลัฟกันหรอกดูที่ปลายทางดีกว่า อนาคตพลังงานชนิดไหนมีโอกาสจะราคาถูกกว่ากัน ใช้งานง่ายกว่ากัน ไม่ถูกผูกขาดเทคโนโลยีโดยนายทุน เหมือนปัจจุบันที่นายทุนผูกขาดการขุดเจาะน้ำมัน
ถ้าโตโยต้าผลิตไฮโดรเจนแบบเกรหรือบราว มันก็ได้ได้รักโลกเหมือนที่พี่โตแกแซะevนี้แถมแพงด้วย
อะไรทำให้่เข้าใจว่า โตโยต้าผลิตไฮโดรเจน จากชื่อคลิปที่ว่า เห็นโตโยต้าดันจัง เหรอ
ฟังจบล่ะ การแยก H2O ให้มีประสิทธิภาพ และทำอย่าไรให้ O2 ที่แยกออกมาการแปลงค่า H2O ให้ได้ H2 และ O เพื่อเพิ่มมูลค่าพลังงาน และทำให้ H2 ไฮโดรเจน นำไปใช้เป็นพลังงาน และนำ O มาผสานกันให้ได้ O2 หากทำได้ อนาคตอาจมีทำให้เราสามารถใช้ H2O แบบหมุนเวียน ได้ทั้ง อากาศที่บริสุทธิ และพลังงานที่สะอาดก็เป็นไปได้.แต่โดยส่วนตัว ทำระเบิดดีกว่า ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง
สวัสดีครับ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พี่มาเชียงใหม่หรือเปล่าครับ ผมเจอพี่ใน 7-11
เป็นการฝืนดิ้นรนที่เห็นชัดๆว่าหนทางนั้นมืดมนเหลือเกินอันตรายกว่า รถแพงกว่า พลังงานแพงกว่า กระบวนการผลิตจำกัดกว่าขนาดในประเทศญี่ปุ่นยังขายไม่ได้โดดเด่น ความพยายามนี้คืออะไรเนี่ย
ระบบชาร์จไฟให้รถเมล์ของ EA บริษัทในไทย ชาร์จไวไม่เกิน 15 นาทีละ คิดว่า ระบบแบบนี้มันจะไปกระจายไปทั่วเหรอไง รถเมล์จุไฟมากกว่ารถ ส่วนบุคคลตั้งกี่เท่า
คิดว่าเทคโนโลยีมันหยุดอยู่กับที่เหรอครับ รอเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิตเสตทมาก่อนภาพอาจจะชัดกว่านี้ตอนนี้มันเพิ่งแค่จุดเริ่มต้น เหมือนสมัยกล้องดิจิตอลมาใหม่ 2 ล้านพิกเซล บรรดาโปรกล้องฟิล์มต่างพากันยี้บอกชาตินี้ยากที่จะมาสู้กล้องฟิล์มได้ แล้วปัจจุบันเป็นไง กล้องฟิล์มแทบสูญพันธ์ กลายเป็นของสะสมถ่ายเอาสนุกๆ แต่ทำงานจริงใช้กล้องดิจิตอลกันทั้งนั้นสมัยนี้
ถ้าใช้กับเรือกับขนส่งที่มันใหญ่หน้าจะคุ้มนะ
ไฮโดรเจนคือพลังงานที่ต้องปรุงแต่ง แต่ไฟฟ้ามันคือพลังงานสำเร็จรูปมาแล้ว แต่ปัญหาคือถ้าใช้มากขึ้นเรื่อยๆ บ้านเราเองจะไม่พอ เหมือนประเทศยุโรปเมกา ประเทศเราต้องสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้แล้ว?
สิ่งดีกว่า หลายๆสิ่งบนโลกใบนี้ ไม่ได้เกิดหรือรอเวลาได้เกิด เหตุผลมีอยู่ศึกษาได้ไม่ยาก ไฮโดรเจนเพื่อเป็นพลังงานขับเคลื่อนกำลังรอการส่งเสริมให้ได้เกิด เพราะดีกว่าค่ะ
การผลิตไฮโดรเจน มาจากน้ำเปล่าที่กินกันก็ได้ครับ ถ้าผลิตรถไฮโดรเจนที่เติมได้แค่น้ำได้ผมว่าน่าจะดีเลย คืออยากได้รถเติมน้ำอย่างเดียวแล้วมีเครื่องผลิตไฮโดรเจนในรถ
แนวโน้ม น่าจะเป็นแบบนั้น
ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ โดยใช้น้ำเป็นตัวกลางเปลี่ยนพลังงานจากแบตให้เป็นไอ
พี่ To เค้าก็คงอยากจะถ่วงดุลรถ EV นั่นหล่ะ ถ้ารถ EV เกิดเร็วมาก คนที่ลำบากก็คือค่ายรถญี่ปุ่นทั้งหมดนั่นหล่ะ และที่เหนื่อยสุดก็คือพี่ To แน่นนอน
ไฮโดรเจนท่าจะเป็นไปได้แต่ในห้องปฏิบัติการ หรืออย่างไม่มีก็เป็นร้อยปีขึ้น ทุกวันนี้ขนาดพลังงานไฟฟ้า ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเอง
โรงไฟฟ้าลำตะคองก็เก็บไฟฟ้าส่วนที่ยังไม่สามารถจ่ายเข้าgrid เป็นไฮโดรเจนนะ แล้วมาแปลงเป็นไฟฟ้าเมื่อ grid ต้องการไฟเพิ่ม ใช้งานอยู่นอกนอกห้องปฏิบัติการ มานานแล้ว
เห็นด้วยกับอีลอนมัสก์ครับ ยังไงไฮโดรเจนก็จะเป็นการผูกขาดพลังงานเหมือนเดิม
จริง
หวังว่าจะนำมาใช้ได้จิงนะ เพราะรถไฟฟ้านี่บอกเลยอีก10-20น่ากลัวว่าขยะพวกแบตเตอร์ที่ใช้แล้วจะกำจัดยังไง
เข้าใจว่าไม่ได้ตามข่าวรถไฟฟ้า แต่แบตสามารถรีไซเคิลได้ 98-99% ครับยิ่งแบตราคาเป็นแสน ไม่มีใครทิ้งขว้างง่ายๆ แน่ครับ
เราเคยบอกไปในโพสใหนจำไม่ได้แล้ว ว่า H2 เอามาจากน้ำจะไปได้ไกล สุด แบบอืนแยกมาจากสารประกอบไฮโครคาร์บอน ไม่นาน มันก้หมด ต้นทุนจะแพงขึ้นตามน้ำมันดิบ หลักการ เคมี ม.ปลาย ใช้ไฟฟ้าแยก h กับ O ออกจากน้ำ(H2O) ใครลงแล็บเคมี ม ปลาย ก้เคยทำกันทั้งนั้น ตอนนั้นมีคน เม้นใครด่า ว่าเก่งกว่า วิศกรโตโยต้า เม้นขยะเลยขี้เกียจเถียง
อยากได้ส่งมาเลย
ติดตามครับ
คำพูดติดตลงขอคนเมื่อก่อนที่ว่า "รถต้องเติมน้ำมันไม่ใช่น้ำบ่อ"แต่อนาคตรถอาจใช้น้ำบ่อได้ถึงจะไม่ได้เติมในรถโดยตรงแต่ก็ใช้พลังงานจากน้ำ(สำหรับคนที่จะบอกว่ามีรถที่เติมน้ำวิ่งได้จริงผมทราบแต่เอามาใช้งานจริงในชีวิตประจำวันไม่ได้)
จะไม่ต้องยุ่งยากเลย ถ้าบ้านเราทำราคาน้ำมันไม่แพงแบบนี้ 55😂😂😂
Hydrogen.ใช้ร่วมกับเครื่องICE ญี่ปุ่นเองไม่สามารถปล่อยให้ธุรกิจ เครื่องiceในประเทศ ล่มได้เพราะมันคือธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญและทำกันมานานจะไปไฟฟ้าแรงงานในประเทศก็ไม่มีความเชียวชาญ
@@yutkijsamnong3202 ถ้าไม่ได้มีการศึกษาหรือความรู้เฉพาะด้าน การค้นหาในเนตก็ทำได้อยู่ แต่ต้องใช้คำที่เฉพาะเจาะจงหน่อยth-cam.com/video/NoPLxldm_ME/w-d-xo.html
ไฟฟ้าในเมืองไทยสะอาดจริงหรือ มีพลังงานสะอาดแค่ 13% ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังปล่อย CO2 ถึง 87% ที่โรงไฟฟ้า เรื่องลดโลกร้อนจึงเป็นเรื่องมโนเอาเอง
ไทยน่าจะสนับสนุนคู่กับevนะครับ
ระหว่างไฮโดรเจน กับ EV ผมเลือก PHEV ครับ ผมเชื่อว่าในไทยจะยังมี Gasoline หรือ เบนซิน ให้เติมไปอีก 30 ปี
H2 ที่บริษัทมีผลิตและใช้งานอยู่ถ้ารั่วออกมาสามารถติดไฟได้เองเลยนะครับและแรงดันสูงมากน่ากลัวอยู่นะครับ ถ้าบำรุงรักษาไม่ดีและถ้าเกิดอุบัติเหตุมีรั่วขึ้นมา...
ใช่ดีกับขนส่งใหญ่เช่นรถบรรทุกรถบัสซึ่งมีเวลาเติมเชื้อเพลิงมากไม่ต้องกังวลไปผลิตที่ แต่ไม่ดีสําหรับรถโดยสาร
ไฟฟ้า มาก่อน เพราะเข้าถึงง่าย H2 มันเหมาะกับเครื่องจักรหนัก อนาคตถ้าคุมทุน ก็น่าจับตามอง...
ระหว่างสองแบบนี้ ใครผลักดันให้มนุษย์พึ่งตัวเองได้มากกว่า คนนั้นชนะ ใครผลักดันให้มนุษย์พึ่งคนอื่นมากกว่า คนนั้นแพ้ในราคารถที่ต้องจ่ายใกล้เคียงกันถ้าฝ่ายไฮโดรเจนตั้งปั้มแยกก๊าซราคาถูกพอๆ กับการตั้งร้าน 7-11ได้ ไฮโดเจนจะชนะถ้าฝ่ายอีวีทำให้รถเติมไฟฟ้าได้จากแดดเพียงพอจะวิ่งไปได้เรื่อยๆ ในวันแดดจัดจนกว่าจะไปถึงตู้ชาร์จข้างหน้า อีวีจะชนะในเมืองร้อนอีวีใกล้เส้นชัยเต็มทีแล้ว
ไฮโดรเจนเป็นพลังงานแห่งอนาคตได้ครับ แต่เป็นอนาคตที่ไกลกว่ารถไฟฟ้า
มิไร มันคือรถไฟฟ้า ที่เติมเชื้อเพลิงแต่ไม่ใช่รถน้ำมัน (ไม่มีการเผาไหม้) หาข้อมูลดีๆก่อนนะ Im EV Engineer พูดเกริ่นเรื่องรักโลกเทียบกับ ICE เฉยเลย
autoignition temperature of hydrogen is 585°C
BEV ก็เก่งทางความประหยัดและมันหาได้ง่าย แค่บนหลังคาบ้านเราเราก็หาได้แล้ว แต่ก็อดกังวลเรื่องความกังวลของความยั่งยืนเพราะ แบตเตอรี่ ณ ยุคปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการนำไปใช้ซ้ำที่ถึงจะทำได้แต่ก็ไม่ 100% รวมไปถึงระยะการอัดพลังงานอีกที่อย่างต่ำก็มี 30 นาทีได้ แต่ถ้ามองลงไปถึงการบรรจุพลังงานยิ่งการมาของ Blade Battery ก็แทบจะทิ้งห่างรถ NEV ประเภทอื่นเรื่องความปลอดภัยของ หน่วยจัดเก็บประจุพลังงานไปอีกกลับกัน FCEV, HCE มันก็สะอาดเฉพาะกรรมวิธี เช่น Green, Blue H2 ซึ่งพวกนี้มันยังมี Ratio ที่ต่ำมากๆ ในกรรมวิธีการผลิต แต่การเติมก็ทำใน 5-10 นาทีแบบน้ำมันก็ได้ แต่ท้าทายสุดคงการขนส่งที่ถ้าเกิดอุบัติเหตุมา เราเคยเห็นกะเรือเหาะ ฮินเดนเบิร์กมาแล้ว มันมีความสูญเสียมากๆ และเทคโนโลยีในการจัดเก็บปัจจุบันก็ทำได้มากที่สุดก็ถัง COPV 700 Bar (นั่นมันระดับเดียวกันกับกะอวกาศยานละนะ)
ปตท. ต้องพัฒนาโมดูลแยกไฮโดรเจนจากน้ำสำหรับปั๊มเติมไฮโดรเจน ลดการขนส่งที่เป็นปัญหาของ NGV
แยกแล้วยังต้องอัดด้วย 10,000 psi ต้องใช้เครื่องขนาดไหน ถังเก็บอีก ต้องลงทุนเท่าไหร่
@@dum5855 เทคโนโลยีของแต่ละอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเครื่องแยก ถังเก็บ เครื่องอัด ปัจจุบันมันมีบริษัทที่ทำขายอยู่แล้ว ถ้าประเทศจะก้าวหน้า บริษัทที่มีทุนต้องคิดสร้างอะไรใหม่ๆ
@@atthawitbuna5146 ก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีหรือทำไม่ได้ แต่มันต้องดูมูลค่าการลงทุนกับผลตอบแทน เค้าทำธุรกิจไม่ใช่ทำโชว์ แค่สถานีแบบถังเก็บและระบบหัวจ่ายก็ต้องลงทุนแห่งละ 20-30 ล้านบาทแล้ว ถ้าจะต้องมีโรงแยกอิเลคโตรไลซิสกับเพรสเชอร์ไรซ์เพิ่มอีกจะต้องลงทุนแห่งละเท่าไหร่ ??? ต้องขายได้วันละกี่กิโลกรัมจึงจะคุ้มค่าการลงทุน ???
@@dum5855 จริงๆแล้วปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี หรือเงินลงทุน แต่เป็นผลกระทบเชิงนโยบายกับการเปลี่ยนผ่านยุคน้ำมัน จะมีกลุ่มคนและประเทศที่เสียผลประโยชน์ และคนที่เสียผลประโยชน์ก็เป็นคนถือเงินทุน มันจึงมีโอกาสเกิดขึ้นจริงน้อยมาก
@@atthawitbuna5146 ก็ปตท.ไง คิดอะไรเยอะ เลอะเทอะไปกันใหญ่
เอารถไฮโดรเจนไปดัดแปลงเป็นคาร์บอมบ์ได้ ต้องระวัง
ใช้ LPG ในครัวหรือที่เติมรถระเบิดแรงกว่าเยอะเป็นสิบเท่า
ถ้าจะดีขอแนะนำจอดไว้ใต้คอนโดจะดีมาก(รั่วขึ้นมาก็ระเหยลอยขึ้นชั้นบน)ฮ่าๆ ไม่อยากคิด ถ้าเกิดมันติดไฟ แล้วมันจะไหม้จากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบน ฮ่าๆ ฮ่าๆ ถ้าเป็นกรณีรถก๊าสไฮโดเจนจอดหลายคัน..ไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะ....แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องเอาป้ายไปติดที่คอนโด....เลยว่า..ห้ามจอดรถไฮโดรเจนใต้คอนโดแน่นอน.. จบ คอนโดไหนมีป้ายก็ถือว่า..ได้บุญครับ.....
กรุณาถามหน่อยครับอยากถามแบบผู้มีความรู้ และปัญญา อยากถามเรื่องการผลิตไฟฟ้ามีข้อดี และข้อเสียอย่างไร ต้นทุนเท่าไหร่ ปล่อยมลพิษเท่าไหร่ และขยะจากการผลิตแบตเตอร์รี่ใช้ระยะเวลาการย่อยสลายเท่าไหร่ อันนี้ถามเฉย ๆ นะครับ
ต้องมีน้ำมากพอ ทั้งกินใช้ การเกษตร ไหนต้องเอามาผลิตไฟฟ้า เอามาผลิตไฮโดรเจนอีก
สนับสนุน green H2
ตลกตรงมันเอาไฟฟ้ามาผลิตนี่สิ มันจะทำให้ยุ่งยากทำไม ไม่เข้าใจ มี loss ในขั้นตอนการผลิตอีก สู้เอาไฟฟ้ามาใช้ตรงๆ ไม่ดีกว่าเหรอ
@@kaweemaw3102 บางกระบวนการมันไม่ได้ใช้ไฟฟ้านะ ถึงใช้ก็ไม่ต้องเอาไปไฟฟ้าไปใส่แบต มันเอาไปจุดระเบิดเครื่องยนต์สันดาปที่ประยุกต์ไม่ไกลเครื่องยนต์ปัจจุบัน เราว่ามันคือพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจ...
ไฮโดรเจนถ้าเกิดก็เกิดนานแล้วและเป็นกระแสมานานมากแต่สุดท้ายก็ยังไม่ไปใหนและวันนี้ EV มันตอบโจทย์กว่าก็คือสามารถชาร์จที่บ้านได้และมีการใช้มากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน
เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมครับ👍 สำหรับ
เครื่องจักรขนาดใหญ่ เช่น เครื่องบิน เรือ รถไฟ.... ยิ่ง เครื่องบินพานิชย์ เหมาะสมที่สุด ☺
ส่วนเครื่องจักรขนาดเล็ก เช่นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ใช้พลังงานไฟฟ้านั้นดีแล้ว เมื่อถึงยุคแบตเตอรี่โซลิดสเตท เรื่องชาร์จช้า เก็บประจุน้อย จะหมดไป
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาใช่ไฮโรเจนผ่านเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไปขับมอเตอร์นะไม่ใช่เครื่องสันดาปภายใน เป็นรถไฟฟ้าเหมือนกัน เติมไฮโดรเจนเติมเร็วกว่าชาร์ทแบตนะ
แพงคับ ฝรั่งเทียบต้นทุนราคาขายเรียบร้อยแล้ว แพงกว่าน้ำมันอีก
ไฮโดนเจ้นไม่ได้หาได้บนหลังคาบ้านครับ ไฟฟ้าหาได้ง่ายกว่าแค่คนถีบจักรยานหมุนไดนาโมก็ได้แล้ว แสงอาทิตย์ พลังงานลม แต่ไฮโดรเจนนี่คนที่มีอำนาจและมีเงินเท่านั้นที่จะกำหนดราคาหรือให้คุณขับรถได้ต่อไปไหม ต่อให้ไฟ้า หน่วยละ 1000 แต่ก็สามารถหาได้เอง แต่กับไฮโดรเจ้นไม่ใช่เลย
ทำความเข้าใจก่อนครับ ไฟฟ้าหาได้ก็เอามาผลิตไฮโดรเจนไงครับ.. การแปลรูปพลังงาน เป็นทางเลือกในการใช้งานกับ เครื่องยนต์ไงครับ.. เพราะมอเตอร์ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่างครับ. คุณจะเอาไฟฟ้าที่ผลิตได้ไปเก็บไว้ไหน...ละ..
ขอแย้งนิดนึงครับ
- ไม่ใช่ว่าทุกวันจะมีแสงแดดเพียงพอ ในเมืองก็ไม่ใช่ว่าจะมีลม ขนาดโซล่าเซลล์ยังต้องใช่ on-grid ร่วมกับไฟฟ้าสายส่งอยู่ดี
- สถานีชาร์จ ไม่สามารถพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์กับพลังงานลมได้ จะต้องการเดินสายส่งแรงสูง ยิ่งระยะทางไกลยิ่งจากแหล่งเมือง ยิ่งลงทุนสายส่งสูง
แต่สถานีเติมไฮโดรเจน สามารถตั้งโรงกลั่น Stand alone ได้ งบประมาณก่อสร้างประมาณ 30 ล้าน (อ้างอิงจากปั๊มไฮโดรเจนในจีน) เทียบเท่ากับการสร้างปั๊มน้ำมันใหญ่ๆในไทย
หรือใช้วิธีเดียวกับโรงกลั่นน้ำมันได้ คือ ตั้งโรงกลั่นไฮโดรเจนแล้วให้รถบรรทุกขนส่งไปยังสถานีได้
- ตันทุนแบตราคาสูงเฉลี่ย 3-4 แสนต่อคัน
ส่วนรถยนต์ไฮโดรเจนใช้แค่ถังขนาดถังน้ำมันเดิม
- ระยะเวลาในการชาร์จ EV จาก 0-100% เร็วสุดคือ 30 นาที
แต่รถยนต์ไฮโดรเจนใช้เวลาเติมเท่ากับเติมน้ำมันปกติ
- รถ EV รักษ์โลกจริงหรอ ?? ออสเตรเลียผลิต ลิเทียม 55% ของโลก ใช้น้ำ 2 ล้านลิตรในการผลิตลิเทียมแค่ 1 ตัน (ข้อมูลจาก the standard) น้ำที่ผ่านการผลิตกลายเป็นน้ำเสียปนเปื้อน ต้องผ่านการบำบัดก่อนปล่อยอีก
- อุตสาหกรรมรถยนต์ไทย มีพื้นฐานเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาบ ถ้าย้ายไปรถยนต์ EV อุตสาหกรรมชิ้นส่วนของไทยที่ป้อนโรงงานอยู่ก็คงต้องกระทบถึงขั้นปิดตัว
แต่รถยนต์ไฮโดรเจนใช้เทคโนโลยีใกล้เคียงรถยนต์น้ำมันสันดาบแบบเดิม ไม่กระทบกับผู้ประกอบการเดิม
@@อกนิษฐ์ดวงดี ลองค้นหารีวิวรถยนต์ nio es8 ดูครับ เอาช่องคนไทยก็ช่องคุณตาม teslabjornthai คนไทยในนอร์เวย์ nio es8 ใช้ระบบสถานีสลับแบตอัตโนมัติ สามารถสลับเปลี่ยนแบตรถยนต์ไฟฟ้าได้ใน 6-7นาทีเร็วใกล้เคียงกับจอดเติมน้ำมัน แค่เรานั่งในรถเฉยๆไม่ต้องทำอะไร สถานีสลับแบตอัตโนมัติลงทุนถูกกว่าสถานีไฮโดรเจนสิบเท่า ตอนนี้เปิดบริการในจีน กับ ยุโรปบางประเทศคิดว่าไม่นานคงเข้ามาทำตลาดในไทยเราะเห็นมีมอร์ไซด์แบบสลับแบตของnio เข้ามาขายในไทยแล้วนี่
ค่าใช้จ่ายระบบที่คุณว่ามา มีกี่คนพร้อมจ่าย คิดได้พูดได้ แต่คนส่วนใหญ่เขาทำจริงไม่ได้ ถามหน่อยว่าคนที่ผ่อนรถอยู่เขาจะเอาเงินจากไหนมาติดตั้ง โซล่าเซล กังหันลม เอาเวลาไหนมาปั่นไฟเองมิทราบ ในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่มีทุนก็ต้องพึ่งพากัน ไม่ใช่ไปมองว่าเขาจะมาควบคุมบ้าบอคอแตกอะไร น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า
อีกอย่างรถพลังงานไฮโดรเจนเขาก็จะทำมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ไม่ใช่จะมาแทนที่รถยนต์ไฟฟ้า พอใจแบบไหนใช้แบบนั้น
@@satit7kdoungjai896 เคยดูแล้วก็สงสัยเหมือนกันว่า สถานีสลับแบต ราคาแบตNioแต่ละลูกเท่าที่ดูราคา 4-6แสน เฉลี่ย5แสน ถ้าต้องมี10ลูกก็5ล้าน ไม่รู้ว่าต้องสต็อคกี่ลูกถึงจะพอสำหรับช่วงพีคที่เข้ามาเปลี่ยนแบตต่อชั่วโมง ถ้าสลับแล้วสถานีต้องรีบเอามาชาร์จต่อให้เต็มลูกในครึ่งชม.เพราะแบตnioมีขนาดใหญ่ และจะมีรถกี่คันมาเปลี่ยนแบตถึงจะคุ้ม ถ้าแบตแต่ละก้อนตีว่าวิ่งได้maxสุดพันโลสำหรับnio ยังไม่นับค่าหัวขาร์จแบบเร็วราคา2-4แสนบาทต่อหัวที่ต้องลงทุนเอามาให้เพียงพอต่อช่วงพีคที่ต้องสมดุลย์กับจำนวนแบตที่การันตีว่าทำให้ได้6-7นาทีต่อคันโดยไม่ต้องรอ และถ้าเข้ามาพร้อมๆกัน2-3คัน หรือชั่วโมงละ20-30คัน จะรับไหวไหม แล้วราคาค่าพลังงานที่บอกว่าวิ่งได้กิโลละ0.5-1บาท ถ้าให้1บาทต่อกิโล หักลบกับพลังงานที่เหลือในแบตที่เอามาเปลี่ยน การเปลี่ยนแบตแต่ละครั้งก็จะไม่ถึง1พันบาท จุดคุ้มทุนจะอยู่ไหน คิดแพงคนก็ชาร์จที่บ้าน และยังมีสภาพแบตเสื่อมที่จะไวกว่าปกติอีก ดูรวมๆก็ตกสถานีละไม่น่าจะต่ำกว่า10ล้านอยู่นะครับ เหมือนคุ้นๆว่านีโอจะเปลี่ยนแพคเกจเป็นคิดราคาเหมาต่อเดือนด้วยมั้ง ยิ่งทำให้ความคุ้มค่าต้องขับออกมาเปลี่ยนมากกว่าชาร์จที่บ้านบ่อยๆ สถานีจะต้องสต็อคไว้กี่ลูก
แล้วสถานีเปลี่ยนแบตถ้าต้องมีของแต่ละแบรนด์ที่ต้องสต็อคแบตแต่ละยี่ห้อไว้ทุกหัวเมืองอีก ดูๆแล้วสถานีเปลี่ยนแบตก็ลงทุนไม่ได้น้อยนะ เทียบกับสถานีชาร์จไฟแบบปกตินะครับ อันนี้พูดถึงถ้าจะเอาเร็ว6-7นาทีไม่เอาแบบชาร์จครึ่งชม.
เทียบสถานีไฮโดรเจนกรีนแบบstand alone ราคาต่อสถานี20-30ล้าน ลงทุนครั้งเดียวไม่ต้องพึ่งพาบริษัทแม่ หรือจะลงทุนสร้างถังรอรถหัวจ่ายราวๆหลัก7-8ล้าน ก็ไม่รู้อันไหนคุ้มกว่า แต่เห็นจีนทำอยู่เมืองนึง ที่เมืองนาโกย่าในญี่ปุ่นก็ใช้กันเยอะมาก แต่ผมตระเวณดูยังไม่เจอซักสถานี ยังสงสัยว่าเค้าไปเติมกันที่ไหน
ปัญหาไฮโดรเจน จากประเทศที่ใช้มาแล้ว คือ แทบไม่มีใครสนใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเลย ทั้งปั้ม ทั้งขนส่ง ทั้งภาคการผลิต และการจัดจำหน่าย มันไม่ใช่แค่ผลพลอยได้จากการผลิตก๊าซเฉยๆ มันก็มีกระบวนการเพิ่มอีก
ไฮโดรเจนจะเกิดก็ต่อเมื่อ เติมน้ำเฉยๆ ไปที่ไหนก็แค่เติมน้ำเปล่า เครื่องยนต์สามารถแยกก๊าซและเอาไฮโดรเจนไปใช้เองได้ง่ายๆ ปล่อยอ๊อกซิเจนออกมาเป็นของเหลือ หรือหมุนกลับไปใช้เผาไหม้ มันถึงจะน่าสนใจจริงๆ
จีนกับอเมริกาตอนนี้ก็เริ่มพัฒนาแล้วครับ ยังไงผมว่ารถไฟฟ้ากับไฮโดรเจนจะไปคู่กัน
ไฮโดเจน มันระเบิดได้นะครับ ถ้าผลิตใช้กับรถยนต์ มันมีหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง มันจะเหมือนรถแก๊สระเบิด คิดเอาเอง ฮ่าๆ ฮ่าๆ
@@ถ.วัวลายตําบลหายยา ในอดีต20-30ปีก่อน คนก็คิดกับรถไฟฟ้าแบบคุณนี้แหละครับ กลัวไฟรั่วบ้าง กลัวไฟช็อตบ้าง กลัวไฟใหม้รถบ้าง โลกเรามันวิวัฒน์ตลอดเวลา ระบบเซฟตี้และเทคโนโลยีต่างๆมันดีขึ้นทุกๆเวลานาที ยังไงๆเราก็หนีไม่พ้นไฮดรอเจน
@@ถ.วัวลายตําบลหายยา อันนั้นมันสมัยโบราณแล้ว
ถ้างั้นก็คงต้องบรรทุกน้ำเป็นตัน
โตโยต้าพยามดันเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีแร่ที่ผลิตแบตเตอรี่เพียงพอหรือเปล่าคะ หากสู้กันด้านรถไฟฟ้าเสียเปรียบ เลยมุ่งพัฒนาไปทางพลังงานไฮโดรเจน
มันก็เป็นส่วนหนึ่ง และอนาคตแร่ผลิตแบตเตอรีหมดแน่นอน พอหายากก็แพงขึ้น
หลายๆบริษัทที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเขาก็ไม่ได้ผลิตแบตเตอรี่เองนะครับ แม้แต่เทสล่าก็ให้บริษัทจากประเทศจีนผลิตให้
@@saradee1967 ตอนนี้เริ่มพัฒนาแบตที่ทำจากสังกะสี และแบตที่ทำจากเกลือแล้วครับ อีกอย่าง แบตรีไซเคิลได้ 98-99%ครับ หมายความว่าอีกสิบกว่าปีที่เแบตเสื่อมมันจะถูกนำกลับมาผลิตเป็นแบตลูกใหม่
กลัวจะซ้ำรอยโนเกีย มากญี่ปุ่น
@@peatx12 ไม่เกี่ยว ญี่ปุ่นวิจัยมาแล้วว่าแบต มันไม่คุ้มค่ากับผู้บริโภค ถ้าเปลี่ยนที มีร้องอ่ะ รถขายมือสองก็ไม่มีราคาเพราะแต่เสื่อม
คนใช้งานรถยนต์ส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนทำงานและเดินทางไม่ไกลมากไปกลับไม่เกิน200km
และรถไฟฟ้าถึงจะมีข้อด้อยเรื่องการชาร์จที่นาน แต่ข้อดีที่อีกหน่อยเมื่อคนเริ่มคุ้นชินจะเริ่มติดงอมแงมในเรื่องการที่สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้
เมื่อรถไฟฟ้าใช้กันแพร่หลายมากขึ้นและผลิตไฟฟ้าเองได้ที่บ้าน ก็จะไม่อยากกลับไปสู่วังวนของการที่ต้องตกเป็นทาสการผูกขาดเชื้อเพลิงพลังงาน เว้นแต่ว่าจะมีเครื่องผลิตไฮโดรเจนขายมาติดตั้งผลิตใช้ได้เองที่บ้านเหมือนการติดแผงโซลาร์เซลล์
แต่เอาจริงๆคนทั่วไปก็สามารถนำไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์หรือกังหันลมที่ผลิตได้เกินที่ใช้งาน แทนที่จะเก็บลงแบตเตอรี่ก็นำมาผลิตไฮโดรเจนได้ แต่ปัญหาคือจะกักเก็บมันได้อย่างไร ต้นทุนยิ่งสูงเข้าไปอีก แถมยังอัีนตรายอีกถ้าสามารถผลิตใช้เองกันได้ทุกบ้าน
ส่วนตัวมองว่า ใช้ในภาคขนส่ง เครื่องจักรใหญ่ๆ เช่นรถบรรทุก เรือ โรงงานอุตสาหกรรมน่าจะเหมาะที่สุดแล้วเพราะเขามีทุนสูงในระยะยาวถือว่าคุ้ม และจะได้ไม่ต้องไปแบ่งสัดส่วนเอาแบตเตอรี่มาใช้งานที่เยอะเกินไปด้วย เพราะยานพาหนะใหญ่ๆถ้าใช้แบตเตอรี่มันใช้เยอะมาก อาจยิ่งส่งผลให้แร่ลิเธียมหรือแบตเตอรี่ขาดแคลนได้ในอนาคต
ความจริงนักทดลองอิสระและกระบวนการผลิตไฮโดรเจนไม่ได้ซับซ้อนมาก แต่ ยังไม่ได้ทำเป็นอุตสาหกรรม เพราะมีความซับซ้อนนิดหน่อย สำหรับคนทั่วไป และความคุ้มค่ากับ ผลที่ได้รับ ...เพราะประเทศที่พัฒนาเข้าไม่มีแสงแดดอย่างบ้านเรา จะผลิต green hidrogen มาใช้งาน เทคโนโลยีการลงทุน ถ้าคนไทยทำได้ถือว่าได้เปรียบข้อนี้.
คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆออกมาเยอะๆครับ และพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นผลดีต่อโลก สุดท้ายก็จะรู้เองว่า พลังงานแบบไหนเหมาะกับการใช้งานแบบไหน มีประโยชน์ทั้งนั้นละครับ
คุณเวลฯ ขอเพิ่มอีกข้อนึงครับ เรื่องค่า maintenance ของรถไฮโดรเจ้น คือ ถังมีอายุการใช้งาน....fuel cell ก็มีอายุการใช้งานจำกัด และ รถ fuel cell ยังมีชิ้นส่วนเยอะซะยิ่งกว่ารถน้ำมันซะอีก เข้าศูนย์ทีนึงผมว่าหลายตังค์แน่นอนนนนน
แยกน้ำเป็น hydrogen 1 kg ต้องใช้ไฟฟ้า 56.8 kwh Mirai ใช้ hydrogen 1kg วิ่งได้ 90 km. อย่างอื่นต้องรบกวนผู้รู้ช่วยวิภาคดีกว่าครับ
อันนั้นพลัง H2 สายมะโน ของtoyota มันคือพ่อของรถไฟฟ้า ก้าวข้ามรถไฟฟ้าอีกขั้นหนึ่ง
ความปลอดภัย ไฮโดรเจนมันกันเรื่องความรั่วยากที่สุดเนื่องจากเป็นธาตุที่มีขนาดเล็กที่สุด พอรั่วติดไฟได้ง่าย เคยทำงานกับไฮโรเจนอันตรายมากครับ
เครื่องผลิตไฮโดรเจนญี่ปุ่นเขาทำมานานแล้วครับ ผู้สร้างเครื่องแยกไฮโดรเจนในญี่ปุ่น คือ Mitsubishi Kakoki Kaisha Ltd. แต่ว่าเชื้อเพลิงตั้งต้นของไฮโดรเจนที่มิตซูบิชิฯ ทำยังเป็นเชื้อเพลิงพวกมีเทนอยู่ ไม่ได้แยกไฮโดรเจนจากน้ำ
จริงๆแล้วคนไทยเปนคนคิดค้นคับเมื่อประมาน20ปีก่อน ยี่ปุ่นมาซื้อลิขสิทธิ์ไปจดเปนเจ้าของ เพราะรัฐบ้านเราไม่สนับสนุนงานวิจัยต่อยอดซึ่งต้องใช้สูงมาก
ต้องเริมจากไฟฟ้ามาจากใหน =มาจากถ่านหิน น้ำมัน แก๊ช แทนที่ปล่อยออกจากท่อรถก็ไปออกปล่องของโรงงานไฟฟ้าแทน และคงยากที่จะใช้เวลาเติมไฟฟ้าเร็วเท่าน้ำมัน ต้องรอเร็วสุดครึ่งชั่วโมงชึ่งก็ถือว่านานมากสำหรับคนไทย
ไฮโดรเจน(สะอาดคือแยกจากน้ำ) ถ้าทำสำเร็จจะดีกว่าไฟฟ้าทุกด้าน
เช่นการเติมไฮโดเจนจะใช้เวลาเท่ากับเติมน้ำมัน ไม่ปล่อยมลพิษทั้งโรงงานผลิตและรถยนต์ (คราบอนเป็น0 ทั้งขบวนการผลิต) ไฮโดรเจนใช้ได้ทั้งสองระบบคือ ผลิตไฟฟ้าในรถไฟฟ้าและใช้ในรถยนต์สันดาบภายได้ด้วย คือแทนน้ำมันนั้นเองแต่ไม่ปล่อยคราบอนออกมาแต่จะปล่อยเป็นไอน้ำออกมาแทน
สรุปถ้าเทคโนโลยีไฮโดรเจนสำเร็จทั้งขบวนการย่อมดีกว่าไฟฟ้าทุกด้านแน่นอน
ไฮโดรเจนเป็นความกังวลหนึ่งในโลหะวิทยา เพราะไฮโดรเจนสามารถทำให้โลหะหลายชนิดเปราะได้ ซึ่งทำให้เป็นการยากขึ้นในการออกแบบสายท่อและถังเก็บ
เอาความจริงนะ 80% คนส่วนใหญ่สนใจเรื่องประหยัดมากกว่าครับ เรื่องพลังงานสะอาด มาเป็นรอง เจ๋งเหมือนโกดักแน่นอนครับ Toyota
ไม่หรอกดูจากยอกขายรถ....ยอดขายรถน้ำมัน90%
รถไฟฟ้าไม่มีวันยิ่งใหญ่แบบรถนำ้มันถ้าแบตยังไม่เลิกใช้แร่ลิเทียมหรือต้องใช้ทรัพยากรโลกในการสร้างแบตอีก
สรุปง่ายๆ ทุกประเทศมีพลังงานต่างกัน จึงต้องหันไปพัฒนาพลังงานที่ตนมีอยู่
ปั๊มไฮดรอเจน มีสถานีเติมที่ไหนบ้าง ที่รู้กว่าจะได้พลังงานไฮดรอเจน ต้องใส่พลังงานมากกว่าพลังงานที่ได้รับ ครามนี้จุดคุ้มอยู่ตรงไหน ทำได้แล้วมีคนซื้อไหม เพราะราคาต่อ กก มันสูงมากๆกว่ารถไฟฟ้ามาก
แต่1กิโลกรัมของไฮโดรเจนให้พลังงานสูงมากเลยนะครับ เพราะไฮโดรเจนเป็นธาตุที่เบาที่สุด ถ้าเทียบน้ำหนักต่อพลังงานเหนือกว่าไฟฟ้าหลายเท่าเลยครับ
ไฟฟ้าก็ไม่ได้สอาดนะ ปล่อย CO2 500-700 g/Kwhr แล้วแต่วัตถุดิบที่โรงไฟฟ้าใช้ แต่ก็นับว่าน้อย รถไฮโดรเจนไม่น่า work แบกถัง ngv ก็เสี่ยวพอแล้ว ระบบน่าจะแพงทั้งรถทั้งสถานี รถไฟฟ้า ปัญหาคือแบต ตัวแอลกอฮอล fuelcell เงียบๆไป สวนตัวคิดว่าถ้าจะให้ work ต้องจัดทำมาตราฐานแบต และรถที่จะผลิต ต้องใช้แบบเดียวกันซัก 3 size ไปออกแบบเอา ไม่เน้นควิกชาร์จ เน้นที่บ้านพอ นอกบ้านใช้แบบเปลี่ยนเอา ถ้าทำได้มันน่าจะ work ส่วนว่าถูกไหมรถไฟฟ้า ต่าไฟถูกจริง แต่อย่าลืมเอาค่าเสื่อม แบตมาบวก ยิ่งขับน้อยไม่คุ้ม รถมอไซต์มันมีหลายแบรนใช้เปลี่ยนแบต พวก Winnonie ,HSEM ถ้ารัฐเป็นโต้โผ่ให้บ ผลิตรถ +บ น้ำมันร่วมทุน ทำแบต ทำสถานีเปลี่ยน รถน้ำมันสูญพันธ์แน่นอน
รอโตโยต้า ไฮบริด ขอให้1ล้าน2แสนลงมา
ถึง.2แสน5.ไม่เล่นรถจีนอีกแน่นอน เจ็บแล้วต้องจำ.
❤❤❤❤❤❤
น่าจะลืมเรื่องการซ่อม (ราคาอะไหล่) ก็สำคัญนะเพราะเป็นของใหม่ผลิตน้อย ถ้าชนหนักขึ้นมา ราคาแบตที่ว่าแพงอาจชิดซ้ายก็ได้
Hมีทุกที่ใช้ไม่มีวันหมด
แต่ลิเทียมนั้นต้องขุดใหม่เรื่อยๆ หมายความว่าอนาคตลิเทียมจะแพงขึ้นเรื่อยๆตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น
Hมีข้อเสียคือแรงดันสูงถ้าระเบิดขึ้นมานี่ทั้งรถทั้งคนเละเป็นฝุ่นแน่(ป้องกันยาก)
NGV หรือ LPG ระเบิดรุนแรงกว่า H เป็นสิบเท่านะที่ปริมาตรเท่ากัน ติดไฟได้ง่ายพอกัน
คิดว่าโตโยต้าทำได้แน่นอนถ้าจะทำ เพียงแต่คิดหาทางเลือกอื่นๆหลายๆทาง รถไฟฟ้าล้วนผมไม่เลือกใช้เพราะไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย ไฟไหม้ขณะขับขี่แทบไม่มี%รอด ขับไปพะวงเรื่องปริมาณไฟไป เดินทางสัก2-300 กม พอไปถึงแล้วก็เที่ยวหรือไปทำธุระไม่สนุกละ ระยะทางที่ได้ก็ลดลงตามอายุเหมือนแบตโทรศัพท์ อยู่กลางป่าหรือที่ห่างไกล มืดค่ำเปิดไฟหน้า ท้าย จอดเปิดไฟเปิดแอร์ ท่องเที่ยวขึ้นดอยสูงมันกะใช้ไฟไม่ถูกครับ
เศษซากแบตเตอรีนี่ก่อมลพิษรุนแรงกว่า เก่าแล้วขายนี่ราคาใจหายหรือขายไม่ได้ วัสดุทำแบตฯ เริ่มหายาก ราคาพุ่ง แบตทางเลือกจากวัสดุอื่นๆก็อยู่ในขั้นทดลองวิจัยอีก3-5ปีค่อยว่ากันใหม่ …ใช้รถเด่า ดูแลสภาพดีๆ วางแผนการใช้น่าจะสบายใจกว่า เก็บเงินไว้รอให้รถไฟฟ้ามันเสถียรสัก2-3ปีก็ไม่สาย…ยูทูปเปอร์ท่านหนึ่งบอกโตโยโตช้า ทั้งๆที่โตโยต้าผลิตรถขายเป็นอันดับ 1 ของโลก เขาปล่อยคนอื่นขายไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ทำแต่ดูเพิ่มว่สคนอื่นทำมีปัญหาอะไร แล้วจึงทำขาย รถถึงทน ไม่ค่อยมีปัญหา
แก๊สไฮโดนเจน มันคือพลังงานสะดวกจริงหรอ และที่โตต้าเลือกใช้ไฮโดนเจนก็เพราะโตต้าถนัดด้านนี้มันซับช้อนไม่ต่างจากการใช้น้ำมันเลย มันไม่เรียบง่ายเหมือนรถใช้ไฟฟ้า
แร่ลิเทียมขุดขึ้นมาใช้มากๆมันก็มีวันหมดครับ
พลังงานอนาคต โน้มเอียงอย่างมาก กับความเป็นไปได้ครับ ถ้าตั้งอานานิคมใหม่นอกโลก ดาวที่มีน้ำ ก็สกัดพลังงานได้
รถไฮโดรเจนจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ
1. การสร้างไฮโดรเจนมีต้นทุนทางพลังงาน ต้องพลังงานไฟฟ้ามหาศาลเพื่อใช้การแยกน้ำเป็นไฮโดรเจน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงาน nuclear
2. ต้นทุนโดยรวมของ ecosystem ของไฮโดรเจนต้องทุกกว่า BEV คือรวมค่าขนส่งไฮโดรเจน ตั้งปั้มและอื่น แล้วถูกกว่าใช้รถ BEV (เช่นแบตแพงมาก)
แต่ถ้าเกิดสามารถผลิตแบตจากแร่หาไม่ยาก โดยที่เก็บไฟฟ้าได้พอรับได้ ลดราคารถเหลือเท่าราคา eco car ในตอนนี้ ขับได้ซัก 300-400 โล รถไฮโดรเจนคือจบเลยนะ
ไฮโดรเจนมีมากสุด เผาไหม้ออกมาได้ น้ำ
ถ้าแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย กับต้นทุนได้ มันคืออนาคตอย่างแท้จริง
เหมือนเคยเห็นแว็บๆ มีความพยายามพัฒนาวิธีกักเก็บ"ไฮโดรเจน"ด้วยการแปลงเป็นสารเคมีอื่นที่ปลอดภัยจัดเก็บง่ายแทน แล้วเวลาใช้งาน จะใช้ catalyst ค่อยๆแปลงสารเคมีนี้ไปเป็นไฮโดรเจน หากสำเร็จจะช่วยเร่งให้เกิดการใช้ไฮโดรเจนมากขึ้น
ตัวตัดสินว่าจะรถอีวี หรือรถไฮโดรเจน คือ 1. ถ้าอนาคตไฟฟ้ามีเหลือเฟือ (เพราะเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่นสุกงอม) แต่เทคโนโลยีแบตเตอรีตามไม่ทัน มนุษย์อาจต้องใช้ไฟฟ้าสร้างกรีนไฮโดรเจน ก็จะเห็นรถไฮโดรเจน 2. แต่ถ้าเกิด breakthrough ด้านเทคโนโลยีแบตเตอรีก่อน (เช่นเอาโซเดียมมาใช้แทนลิเธียมได้จริงและน้ำหนักเบา หรือมีการค้นพบสารใหม่ที่เก็บประจุไฟฟ้ายอดเยี่ยม) รถอีวีก็น่าจะครองตลาดได้
ไฮโดรเจน เหมาะสำหรับการขนส่ง รถที่ใช้แรงเยอะๆ จะให้รอจน ราคา การผลิตลดลงมา เพื่อรถใช้งานทั่วไป ตอนนั้น คงไม่มีใครอยากใช้แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่จะเคยชิน กับพลังงานไฟฟ้า ที่บางบ้านผลิตไฟใช้เองได้ แต่อีกซัก 10-20 ปี ถ้ากดเครื่องคิดเลขแล้วตัวเลขมันลดลงมาเยอะกว่าการใช้รถไฟฟ้า ก็คงขายได้ถล่มทลาย
เห็นรถยนต์ไฮโดรเจนของญี่ปุ่น ในซีรี่ย์ญี่ปุ่นตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะคาดไม่ถึงว่าญี่ปุ่นจะทำสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เอามาใช้ประกอบซีรีย์อยู่เรื่องนึง เสียดายจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แล้วก็เงียบหายไปเลย
ตอนนั้นยังคิดเลยว่า ผู้ผลิตน้ำมันซวยแล้ว แขกซวยแน่นอน โดยตอนนั้นด้วยความเป็นเด็ก เลยไมไ่ด้นึกถึงน้ำมันของอเมริกา
คนที่ขอให้ญี่ปุ่น ซ่อนเก็บพับโครงการนี้ไปก่อนอย่างยาวนาน อาจจะเป็นอเมริกาก็ได้
ข้อมูลที่ได้รับหลังจากนั้น ส่วนใหญ่เลยจะเป็นเรื่องของความอันตราย ความเสี่ยงสูงที่จะระเบิดมากกว่า ทำให้น้ำมันยังคงปรับราคาขึ้นได้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีคู่แข่ง
ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็ก และการหาข้อมูลก็ไม่ได้ง่ายแบบตอนนี้ ก็แอบคิดไปว่า ต่อไปทรัพยากรน้ำคงมีการกักตุน มีการโก่งราคาให้สูงขึ้นแน่ๆ เลย 555
เห็นการทำรถยนต์โดยไม่ใช้น้ำมันครั้งแรกก็จากหนังเรื่อง BACK TO THE FUTURE ภาคแรก
มันคงเป็นเรื่องที่นิยายวิทยาศาสตร์เขียนไว้แล้วเมื่อ 70-80 หรืออาจจะ 100กว่าปีที่แล้วแล้วก็เป็นได้ว่าวันนึงในอนาคต น้ำมันก็จะมีทางเลือกอื่นขึ้นมาเป็นคู่แข่ง
ผมว่ารถยนต์พลังงานไฮโดรเจนนี่ ถ้าทุกคนช่วยกันผลักดันจริง ๆ น่าสนใจกว่าการใช้แบตเตอรีอีกนะ มันยากตอนเริ่ม แต่ระยะยาวมันเหมือนจะยั่งยืนกว่าการใช้แบตเตอรี่ เพราะแบตเตอรี ยังต้องมีการนำกลับไปรีไซเคิลกันอยู่เรื่อย ๆ ในขณะที่ไฮโดรเจน ถ้าลงทุนทำทุกอย่างไว้หมดแล้วคือสะดวกเลย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มกันอีกแล้ว
พลังงานไฟฟ้าจะทำให้เราไม่เป็นทาสนายทุนเพราะแปลงพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นไฟฟ้าได้ ต้องพัฒนาต่อไป ถ้าไม่โดนกั๊กเสียก่อน แบตเตอรรี่น่าจะพัฒนาทันสมัยไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับแบตมือถือ
แร่ลิเทียมขุดขึ้นมาใช้มากๆมันก็ต้องมีวันหมดครับและถ้าแร่ยิ่งหายากราคาก็ยิ่งแพงและบางประเทศก็ไม่ค่อยมีแสงแดดด้วย
นายทุนคือผู้ผลิตโซลาร์เซลล์นะ แม้แต่ซาอุยังไปลงทุนไว้มากมาย
ญี่ปุ่น พัฒนาแต่ ไฮบริด แล้ว คิดว่ายุคต่อไปเป็นไฮโดเจน ไม่ได้นึกถึง เทคโนโลยีไฟฟ้า 100% เพราะคิดว่าวิ่งไม่ถึง 5-600 กีโล และ ไม่คิดว่าจีนทำได้ แต่ตอนนี้เทคโนโลยี blade battery ของจีนทำได้ ทำให้ญี่ปุ่นตั้งตัวไม่ทัน จากนำ เป็นตาม เลยต้องรับผลักดัน ไฮโดรเตนมาสู้ แต่คิดว่า ไม่น่าสู้ได้
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาใช่ไฮโรเจนผ่านเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไปขับมอเตอร์นะไม่ใช่เครื่องสันดาปภายใน เป็นรถไฟฟ้าเหมือนกัน เติมไฮโดรเจนเติมเร็วกว่าชาร์ทแบตนะ
วัยลายกันหน่อยไม่อยากให้ปล่อยผ่านไปประโยชน์ยังมีมากและที่สำคัญทิ้งไว้เป็นอนุศรย์เชิงสัญลักษณ์ตัวสุดท้ายการเปลี่ยนจากสิ่งหนึ่งอีกไปสิ่งหนึ่งจากพลังที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติ ไปสผู่ความเป็นธรรมอย่างแท้จริงเพื่อให้เราเข้าใจลึกซึ้งของที่มาที่ไปการเปลี่ยนผ่านสิ่งๆรอบตัวโดยไม่รากเง้าของตัวเอง ละเอียดสุดๆนี้แหละสายเลือดสามุไล
ฟังดูยังไงผมว่าไฟฟ้าก็น่าใช้กว่าอยู่ดีถึงมันจะมีปัญหาบ้าง มันก็แก้ง่ายๆได้ด้วยการปรับตัวเข้าหามัน ฝ่ายพัฒนาก็แค่มีหน้าที่ทำให้มันสะดวกขึ้นผมว่าไม่ใช่ปัญหา แต่ที่โตต้ามาบอกว่าไฮโดรเจนสะอาดกว่าผมก็ยังมองว่ามันไม่ได้สะอาดกว่าไฟฟ้าสักเท่าไหร่
H2 ผลิตจากน้ำได้ ไม่ต้องมีแบตก้อนใหญ่ๆ (ที่รอวันเป็นขยะ) สะอาดกว่าไหมครับ
@@dsboykung แล้วไฮโดรเจนผลิตมายังไงไปศึกษาให้เข้าใจก่อนครับ หลายคนเลยที่คิดแบบคุณแต่ความจริงมันไม่ใช่เลย
@@mercyocean1554 เยอะแหละหลาย reaction เลยครับ steam reforming, water-gas shift, Methane pyrolysis
ว่าแต่ แล้วคุณไม่รู้หรอว่ามันมีเครื่องผลิต H2 จากการแยกน้ำ ลองเสิร์ชคำว่า leman instruments จ้า ถ้ามันขยายสเกลได้จนใช้ผลิตเพื่อใช้ในยานพาหนะได้ คือจบ
ขอทำความเข้าใจ โตโยต้าไม่ได้บอกว่าไฮโดรเจนจะดีกว่า แต่โตต้าสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนเป็น0 ครับ จากที่ไปฟังข้อมูลจริง ส่วนใครจะชอบแบบไหนก็เลือกใช้ครับ แต่เพียงแค่เรื่องไฮโดรเจนกลับมาไทยเร็วกว่าที่คิดเท่านั้นเองครับ
รถไฟฟ้าไม่มีวันสมบูรณ์แบบตราบใดที่ใช้แร่สร้างแบต แล้วพอแบตเสื่อมก็กลายเป็นขยะทำลายโลกเหมือนเดิม
ค่ายรถทุกค่ายในโลก ล้วนทำรถยนต์ไฮโดรเจนกันมาแล้ว แต่ก็มาติดข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของการผลิตและจ่ายไฮโดรเจน ราคา และความปลอดภัย ถ้าแก้ไขให้ไปได้ทุกค่ายก็คงพร้อมลงสนามแข่งในตลาดกัน //จะว่าไปแล้วไฮโดรเจนกํบแบตเตอรี่ก็เป็นความเชื่อที่บอกว่าจะช่วยลดโลกร้อน ก็ศรัทธากันไปครับตามใจปราถนา แต่ให้รู้ไว้ว่าCO2แม้แต่ตัวเราเองก็ปล่อยออกมาจากตัวเราทุกลมหายใจ ขะเอาอะไรกันนักกันหนากับCO2 ต้นไม้ก็ใช้ CO2ในการเจริญเติบโต ไปโฟกัสCOหรือก็าซพิษอื่นกันดีกว่าไหม
ถ้ารถ Ev ใช้วิ่งบนนถนนใช้แบบวิ่งไปชาร์จไปด้วย เหมือนแบตมือถือที่วางบนแท่นวางและพลังงานก็เข้ามาเติมเข้าเครื่องเองคงจะดี
ตัดเรื่องรักษ์โลกออกไป แล้วมองในมุมผู้ใช้งาน รถใส่ถ่านนี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เรื่องของการได้มาซึ่งพลังงานเป็นจุดที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้มากกว่าวิธีการผลิต การได้มาของไฟฟ้าผู้ใช้มีทางเลือกที่จะผลิตเองหรือซื้อก็ได้ ในขณะที่ไฮโดรเจนก็จะไม่ต่างจากรถเติมก๊าซในปัจจุบันซึ่งยังคงถูกผูกขาดราคาโดยไร้ทางเลือก การใช้งานยังคงต้องแบกรับความเสี่ยง แน่นอนว่ายานพาหนะส่วนบุคคลแทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานเพื่อการวิ่งระยะไกล อย่างในคลิปบอกยานพาหนะขนาดใหญ่สำหรับเดินทางไกล ที่สามารถกักเก็บแก๊สได้จำนวนมากมีพื้นที่สำหรับปัจจัยที่จะทำให้แก๊สเป็นของเหลวเหมาะที่จะใช้ไฮโดรเจนมากกว่า
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาใช่ไฮโรเจนผ่านเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไปขับมอเตอร์นะไม่ใช่เครื่องสันดาปภายใน เป็นรถไฟฟ้าเหมือนกัน เติมไฮโดรเจนเติมเร็วกว่าชาร์ทแบตนะ
@@yutkijsamnong3202 ที่ผมกล่าวถึงหมายถึงไฮโดรเจนต้องซื้อเท่านั้นในขณะที่ไฟฟ้ามีทางเลือกที่เราสามารถผลิตเองได้นั่นคือประเด็น
อาจจะมีเครื่องยนต์ green power ที่สามารถแยกคาร์บอนได้ เป็นทางเลือกอีกทางก็ได้...เชื่อว่าเครื่องยนต์แบบจุดระเบิด ยังไงก็ยังต้องมี...
มีใช้รถยนต์ดีเแปลงใช้h2 นี่ครับ โตโย แต่ทำไว้ทดลองการสันดาปh2 ซึ่งไม่ปล่อยคาร์บอนฯ แล้ว แต่ถ้าความร้อนสูงอาจเป็นไนโตรเจนออกไซด์
ทำให้รถมันแยกไฮโดรเจนจากนํ้าด้วยตัวเองไม่ได้เหรอ สมัยก่อนเห็นมีรถพลังนํ้าออกมาโชว์ออกบ่อย แต่สุดท้ายก็หายไปหมด
เทียบไฮดรอเจนที่สามารถขับเคลื่อนรถยนต์ได้กับก๊าซ LPG หน่อยครับ อะไรที่ผู้ใช้คุ้มกว่ากัน
เท่าที่กิโลกรัมเท่ากันวิ่งได้กี่กิโลเมตร
ที่fuel cell หลังจากได้ไฟฟ้า วิ่งได้ 50-60 กิโลไฟเหลืออีก เอาชาร์จแบต ถ้ามีด้วย เกินร้อยโลขึ้นกับแบตที่เข้ามา
ส่วนส่วนยัดเข้าเครื่องยนต์ไม่แน่ใจเผาไหม้ ลากรถไปได้กี่โล คิดว่าไม่คุ้มเท่าแบบไฟฟ้าครับ
ต่อไปถ้าแผงโซลาเซลพัฒนาขึ้นมากๆ อาจจะผลิตไฟให้แบตได้มากพอให้รถวิ่งได้นานขึ้นก็ได้
ผมชาวสวนยาง ราคาไฮโดรเจน แค่ 5เหรียญ ถือ ว่าคุ้ม กับ ปกป้องธรรมชาติ
ถ้ารถไฮโดรเจนชนแล้วระเบิด ต้องใช้คำว่า เก็บเศษชิ้นส่วนผู้ขับกันเลยทีเดียส
สนับสนุนรถไฟฟ้ามากกว่าครับ โดยรถยนต์ทุกคันดัดแปลงหลังคารถและรอบคัน เป็น โซล่าเซลทั้งหมด ก็จะวิ่งได้ระยะทางมากขึ้นเอง ประเทศไทยมีแดดทั้งปีอยู่แล้ว
แร่ลิเทียมขุดขึ้นมาใช้มากๆมันก็ต้องมีวันหมดครับและถ้าแร่ยิ่งหายากราคาก็ยิ่งแพงและบางประเทศก็ไม่ค่อยมีแสงแดดด้วย
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาใช่ไฮโรเจนผ่านเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไปขับมอเตอร์นะไม่ใช่เครื่องสันดาปภายใน เป็นรถไฟฟ้าเหมือนกัน เติมไฮโดรเจนเติมเร็วกว่าชาร์ทแบตนะ
แล้วมี ปั้มเติมหรือ? ผมว่าหันไปทางรถไฟฟ้าดีกว่า
โตโยต้า ควรลงทุนเรื่องไฮโดนเจนที่ไทยนี่แหละ ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก คนใช้รถเยอะ อุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำ พลังงานแสงเยอะ ถ้าผลักดันในไทยสำเร็จ มันจะเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นๆเอาด้วย เพราะพลังไฮโดนเจนมันยั่งยืนกว่าแบตเตอรี่
รอคอยเทคโนโยนี้ ไฮโดรเจนผลิดเองได้ การจัดเก็บประหยัดกว่า
สวัสดีครับแอดข้อมูลดีมากครับ
อ่านเม้น ตามกลุ่ม ตามเพจ สายอวยไฮโดรเจน คือพลังแห่งอนาคต ค่าไฟแพง คนต้องหนีมาใช้ไฮโดรเจน? เอิ่ม คือ กรีนไฮโดรเจน ใช้ไฟฟ้าผลิตจ่ะ ค่าไฟแพง ไฮโดรเจนมันก็แพงตามเว้ยถถถ.
จริงที่สุด ถูกที่สุด ไฟฟ้าเป็นต้นทุนของทุกอย่าง รวมถึงน้ำมันด้วย เห็นแต่คนบอกค่าไฟจะขึ้น ค่าไฟจะแพง ค่าน้ำมันขึ้นทุกอาทิตย์อยู่นะตอนนี้ไม่เห็นกันหรอ แล้วถ้าค่าไฟขึ้น น้ำมันก็ต้องขึ้นหนีเพราะ เราไช้ไฟสูบ และกลั่นน้ำมัน
@@thetao2022 ต้นทุนของหลายอย่างคือ น้ำมันดิบ รถไฟฟ้าทั้งคันมีผลผลิตจากน้ำมันดิบมากมาย เช่น ล้อยาง 51% มาจากน้ำมันดิบ สารเพิ่มความแข็งโครงยางเคมีผสมยาง ไม่มีน้ำมันดิบไม่มีรถ
@@yutkijsamnong3202 ชิ้นส่วนต่างๆ ที่ผลิต ไม่ว่ารถน้ำมัน รถไฮโดรเจน ที่ต้องใช้เหมือนกัน เราจะละไว้ เพราะคิดว่าทุกคนเข้าใจอยู่แล้ว ชิ้นส่วนพลาสติก ยางก็มาจากปิโตรเคมี ทุกคนก็น่าจะรู้เหมือนๆ กัน
แล้วในเมื่อต้นทุนของหลายอย่างคือน้ำมันดิบตามที่คุณว่า ไฟฟ้าที่ใช้ผลิตน้ำมันเองก็เป็นต้นทุนของน้ำมันที่เอามาเป็นต้นทุนของการผลิตรถอีกที แล้วยังเอาน้ำมันที่ผลิตโดยมีต้นทุนส่วนหนึ่งคือไฟฟ้ามาเป็นพลังงานอีก ต้นทุนซับซ้อนมากขึ้นอีก แทนที่สร้างรถด้วยปิโตรเคมีแล้วจบ เอาไฟฟ้าไปเป็นพลังงานรถได้เลย กลับต้องเอาไฟฟ้ามาสูบน้ำมัน กลั่นน้ำมัน แยกปิโตรเคมี แล้วถึงจะเอาไปเติมรถ
ถ้าจะบอกว่าไฟฟ้าก็ต้องใช้น้ำมันผลิต เอาของประเทศไทย ปี 64 เราใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้า 30.40 เมกวัตต์ แต่พลังงานน้ำผลิตถึง 3972.40 เมกวัตต์ ถ่านหินจะน้อยกว่าพลังน้ำหน่อยนึง 3,687.00 เมกวัตต์
เวลาเปรียบเทียบรถระบบต่างๆ อะไรที่เหมือนกันเราจะละไว้ คอมเม้นต์นี้พูดถึงค่าไฟแพงไฮโดรเจนก็ต้องแพงตาม ผมก็มาเสริมว่าค่าน้ำมันเองเมื่อต้นทุนสูงขึ้นน้ำมันก็ต้องแพงตาม ส่วนคุณมาบอกว่ารถไฟฟ้าทำมาจากปิโตรเคมี ผมเลยเดาว่าคุณคงหมายถึงถ้าน้ำมันแพง (คอมเม้นต์นี้พูดเรื่องค่าไฟแพงทุกอย่างก็ต้องแพงตาม) ชิ้นส่วนรถไฟฟ้าก็จะแพงตาม ซึ่งผมว่าไม่ต้องห่วงหรอกครับชิ้นส่วนจะรถสันดาป รถไฟฟ้า รถไฮโดรเจน มันก็จะแพงตามเหมือนกันหมดล่ะครับถ้าค่าไฟแพง
สรุปง่ายๆ ทุกประเทศมีพลังงานต่างกัน จึงต้องหันไปพัฒนาพลังงานที่ตนมีอยู่
ถ้าต้องเติม ไฮโดรเจนเหลว มันมีความอันตรายมาก แต่ ไฮโดรเจนที่ใช้ในรถยนต์ คือการแยกน้ำ จาก H20 ให้ได้ H2 และ O2
ไฮโดรเจนดีครับ เอาไปทำคาร์บอมได้เลย ไฮโดรเจนมันไม่พ้นการผูกขาดเทคโลยีเครื่องยนต์สู้ไฟฟ้าไม่ได้มันเป็นรถยนต์ประกอบใครก็ทำได้ ใช้ไฮโดรเจนมันก็แบบเดียวกับรถNGVแหละครับ เติมช้ายุ่งยากน้ำหนักเยอะ
LPG NGV ระเบิดรุนแรงกว่านะ ไปดูโครงสร้างดีๆ
@@yutkijsamnong3202 แต่มันก็ระเบิดได้เหมือนกันใช่ไม๊ครับ
หลายคอมเม้นยังเข้าใจว่า toyota เอาH2 ไปเติมรถเผาใหม้ในเครื่องยนต์แบบรถเติมLPG โปรดเข้าใจเสียใหม่ hydrogen fuel cells มันคือพ่อของรถไฟฟ้าอีกทีหนึ่ง คือมันการก้าวข้ามไปอีกขั้นของรถไฟฟ้า
ตามสบาย
พ่นสีให้ชัดๆหน่อยว่า
เป็นรถไฮโดรเจนด้วย จะขอบคุณโตโยต้าอย่างยิ่ง
รอซื้อรถไฮโดรเจน แต่ตอนนี้ซื้อรถไฟฟ้าใช้ไปก่อน ส่วนรถสันดาปเก็บไว้เป็นวัตถุโบราณเรียบร้อย
คหสต. ผมคงเลือก รถ BEV คุ้มกวาา
การใช้ไฮโดรเจนก็ต้องซื้อจากคนอื่น
แต่ถ้าใช้รถไฟฟ้า ติดโซล่าเซลล์ที่บ้านเอง เสียเงินรอบเดียว ได้ใช้ฟรีได้ 3ปี++
เครื่องยนต์รถพลังงานน้ำ โครงการวิจัยสำเร็จและใช้งานได้ในยุคสมัย 70 แล้ว แต่ไม่ได้รับการต่อยอด (ไม่ใช่รถไอน้ำ)
ตราบได้ทีเรายังไม่สามารถ ผลิตไฮโดรเจนเองได้ที่บ้าน ยังไงก็สู้รถไฟฟ้าไม่ได้
ถ้าจะพูดถึงให้การใช้ รถยนต์ EV อย่างมีประสิทธิภาพและแพร่หลาย ก็ต้องหนึ่งชาร์จ 5 นาทีวิ่งได้ระยะทาง 200 กิโลเมตรขึ้นไปเพราะทุกคนไม่ได้มีบ้านเป็นหลังส่วนตัวมีทีจอดรถที่ชาร์จไฟฟ้าได้พอเพียง และการรีไซเคิลแบตเตอรี่แบบมีประสิทธิภาพไม่ทำให้ผลาญวัสดุธาตุที่ใช้ทำแบตเตอรี่จนขาดแคลน หรือ หมดไปในเวลาอันรวดเร็วไม่ใช่แค่นับ 10 ปี แต่ให้เกิน 100 ปี ไม่งั้นเดี่ยวมนุษย์จะล่มสลายก่อนถึง อารยธรรมคาร์ดาเซฟไทป์ 2 ผมมองว่ารถไฟฟ้าเป็นเทรนด์ไม่กี่ 10 ปี เพราะอาจจะขาดแคลนวัสดุธาตุที่มาใช้ทำแบตเตอรี่ในอนาคต ถ้า EV เป็นเทรนที่ได้รับความนิยมาก แต่ไฮโดรเจนเป็นสิ่งที่ถาวรอนาคตต้องใช้แน่นอนไม่ว่าจะอนาคตอันใกล้ หรือเป็นอารยธรรมคาร์ดเซฟไทป์ 2 แล้ว อย่างน้อยก็มีดาวพฤหัสเป็นแห่งของไฮโดรเจนในอนาคตอันไกลอาจจะ 500 ปีนับจากนี้
ปัจจุบันชาร์จไฟ 30-80% ใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีบวกๆ ตีว่าชาร์จได้ 50% รถที่วิ่งระยะทาง 400 ต่อชาร์จ(แบนด์ส่วนใหญ่ในตลาดประมาณนี้) ก็ประมาณ 15 นาทีได้ 200 อย่างที่คุณว่า ซึ่งนี้คือส่วนใหญ่รถที่ขายในไทย และรับวัตต์ได้น้อย 50-70 เอง ซึ่งถ้าเป็นรถที่แพงหน่อยก็จะรับวัตต์ได้ร้อยขึ้น อย่างพวกเทสล่า บีเอ็ม เบนซ์ แต่หัวจ่ายที่ปล่อยวัตต์ร้อยขึ้นในบ้านเราก็ยังน้อยอยู่ดี ส่วนเรื่องแบตในปัจจุบัน รีไซเคิลได้ 98-99 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ การรีไซเคิลคือโยนโมดูลแบตทั้งก้อนลงเครื่องบดเลยมีคลิบบริษัทเยอรมันทำออกมาผมได้ดูเมื่อประมาณปีสองปีที่แล้ว สารที่แยกมาคือกลับไปเป็นสารตั้งต้นเลย ไม่ใช่การเอาแบตมารีชาร์จใหม่ แถมตอนนี้เริ่มศึกษาการใช้สังกะสีในการทำแบต และเกลือในการทำแบต ส่วนการที่ไม่มีบ้านสำหรับติดที่ชาร์จ ผมเห็นคลิปต่างชาติ รวมทั้งกลุ่มคนไทยที่อยู่คอนโด ใช้วิธีแวะชาร์จก่อนกลับคอนโดนะครับเพราะธรรมดาคนที่ใช้รถไฟฟ้าในไทยยืนยันว่าสองสามวันชาร์จครั้งครับ ระหว่างชาร์จก็หาข้าวเย็นช็อปปิ้งรอได้ ยังไงก็เกินครึ่งชั่วโมงแน่ๆ ยังไงก็ได้แบตเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์แน่ๆ ครับ
ที่รู้ๆรถที่ตันแล้วคือรถไฟฟ้าเหมาะสำหรับวิ่งทางใกล้เหมือนๆรถกอล์ฟ ส่วนวิ่งทางไกลต้องรถที่ใช้ H2 เป็นเชื้อเพลิง ไปไกลแน่นอนในอนาคต
TOYOTA นี่จุดยื่นชัดเจนมากเลยนะนี่
How much is the price of the hydrogen powered car? Why don't you say about it?
รถมันปล่อย คาวบอนโมโนออกไซด์ ป่าวครับ ไม่ใช่ คาบอนไดออกไซด์ ซึ่งอย่างหลังมันเกิดจากเราหายใจออกกับพืชคายออกตอนกลางคืน ใช่หรือไม่ครับ
อยากให้พูดถึงการคำนวนเป็นค่าใช้จ่ายต่อระยะทางด้วยครับ เพราะหากคิดว่าการผลิตก๊าซแล้วไม่อนุรักษ์ การผลิตไฟฟ้าก็เช่นกันนะครับ เพราะพลังงานส่วนใหญ่มาจากการเผาเชื้อเพลิงทั้งนั้น
การผลิตไฮโดรเจนก็ต้องผลิตไฟฟ้ามาก่อนเพื่อแยกไฮโดรเจนและยังมีการผลิตโดยการกลั่นคล้ายน้ำมัน คือกระบวนการได้มาซึ่งไฮโดรเจนไม่ได้สะอาดแบบที่หลายคนคิด คนไปจินตนาการว่าไฮโดรเจนคือน้ำ ไฮโดรเจน ดังนั้นไอ้เรื่องสะอาดไม่ต้องเอามาบลัฟกันหรอกดูที่ปลายทางดีกว่า อนาคตพลังงานชนิดไหนมีโอกาสจะราคาถูกกว่ากัน ใช้งานง่ายกว่ากัน ไม่ถูกผูกขาดเทคโนโลยีโดยนายทุน เหมือนปัจจุบันที่นายทุนผูกขาดการขุดเจาะน้ำมัน
ถ้าโตโยต้าผลิตไฮโดรเจนแบบเกรหรือบราว มันก็ได้ได้รักโลกเหมือนที่พี่โตแกแซะevนี้แถมแพงด้วย
อะไรทำให้่เข้าใจว่า โตโยต้าผลิตไฮโดรเจน จากชื่อคลิปที่ว่า เห็นโตโยต้าดันจัง เหรอ
ฟังจบล่ะ การแยก H2O ให้มีประสิทธิภาพ และทำอย่าไรให้ O2 ที่แยกออกมาการแปลงค่า H2O ให้ได้ H2 และ O เพื่อเพิ่มมูลค่าพลังงาน และทำให้ H2 ไฮโดรเจน นำไปใช้เป็นพลังงาน และนำ O มาผสานกันให้ได้ O2 หากทำได้ อนาคตอาจมีทำให้เราสามารถใช้ H2O แบบหมุนเวียน ได้ทั้ง อากาศที่บริสุทธิ และพลังงานที่สะอาดก็เป็นไปได้
.
แต่โดยส่วนตัว ทำระเบิดดีกว่า ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง
สวัสดีครับ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พี่มาเชียงใหม่หรือเปล่าครับ ผมเจอพี่ใน 7-11
เป็นการฝืนดิ้นรนที่เห็นชัดๆว่าหนทางนั้นมืดมนเหลือเกิน
อันตรายกว่า รถแพงกว่า พลังงานแพงกว่า กระบวนการผลิตจำกัดกว่า
ขนาดในประเทศญี่ปุ่นยังขายไม่ได้โดดเด่น ความพยายามนี้คืออะไรเนี่ย
ระบบชาร์จไฟให้รถเมล์ของ EA บริษัทในไทย ชาร์จไวไม่เกิน 15 นาทีละ คิดว่า ระบบแบบนี้มันจะไปกระจายไปทั่วเหรอไง รถเมล์จุไฟมากกว่ารถ ส่วนบุคคลตั้งกี่เท่า
คิดว่าเทคโนโลยีมันหยุดอยู่กับที่เหรอครับ รอเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิตเสตทมาก่อนภาพอาจจะชัดกว่านี้ตอนนี้มันเพิ่งแค่จุดเริ่มต้น เหมือนสมัยกล้องดิจิตอลมาใหม่ 2 ล้านพิกเซล บรรดาโปรกล้องฟิล์มต่างพากันยี้บอกชาตินี้ยากที่จะมาสู้กล้องฟิล์มได้ แล้วปัจจุบันเป็นไง กล้องฟิล์มแทบสูญพันธ์ กลายเป็นของสะสมถ่ายเอาสนุกๆ แต่ทำงานจริงใช้กล้องดิจิตอลกันทั้งนั้นสมัยนี้
ถ้าใช้กับเรือกับขนส่งที่มันใหญ่หน้าจะคุ้มนะ
ไฮโดรเจนคือพลังงานที่ต้องปรุงแต่ง แต่ไฟฟ้ามันคือพลังงานสำเร็จรูปมาแล้ว แต่ปัญหาคือถ้าใช้มากขึ้นเรื่อยๆ บ้านเราเองจะไม่พอ เหมือนประเทศยุโรปเมกา ประเทศเราต้องสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้แล้ว?
สิ่งดีกว่า หลายๆสิ่งบนโลกใบนี้ ไม่ได้เกิดหรือรอเวลาได้เกิด เหตุผลมีอยู่ศึกษาได้ไม่ยาก ไฮโดรเจนเพื่อเป็นพลังงานขับเคลื่อนกำลังรอการส่งเสริมให้ได้เกิด เพราะดีกว่าค่ะ
การผลิตไฮโดรเจน มาจากน้ำเปล่าที่กินกันก็ได้ครับ ถ้าผลิตรถไฮโดรเจนที่เติมได้แค่น้ำได้ผมว่าน่าจะดีเลย คืออยากได้รถเติมน้ำอย่างเดียวแล้วมีเครื่องผลิตไฮโดรเจนในรถ
แนวโน้ม น่าจะเป็นแบบนั้น
ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ โดยใช้น้ำเป็นตัวกลางเปลี่ยนพลังงานจากแบตให้เป็นไอ
พี่ To เค้าก็คงอยากจะถ่วงดุลรถ EV นั่นหล่ะ ถ้ารถ EV เกิดเร็วมาก คนที่ลำบากก็คือค่ายรถญี่ปุ่นทั้งหมดนั่นหล่ะ และที่เหนื่อยสุดก็คือพี่ To แน่นนอน
ไฮโดรเจนท่าจะเป็นไปได้แต่ในห้องปฏิบัติการ หรืออย่างไม่มีก็เป็นร้อยปีขึ้น ทุกวันนี้ขนาดพลังงานไฟฟ้า ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเอง
โรงไฟฟ้าลำตะคองก็เก็บไฟฟ้าส่วนที่ยังไม่สามารถจ่ายเข้าgrid เป็นไฮโดรเจนนะ แล้วมาแปลงเป็นไฟฟ้าเมื่อ grid ต้องการไฟเพิ่ม ใช้งานอยู่นอกนอกห้องปฏิบัติการ มานานแล้ว
เห็นด้วยกับอีลอนมัสก์ครับ ยังไงไฮโดรเจนก็จะเป็นการผูกขาดพลังงานเหมือนเดิม
จริง
หวังว่าจะนำมาใช้ได้จิงนะ เพราะรถไฟฟ้านี่บอกเลยอีก10-20น่ากลัวว่าขยะพวกแบตเตอร์ที่ใช้แล้วจะกำจัดยังไง
เข้าใจว่าไม่ได้ตามข่าวรถไฟฟ้า แต่แบตสามารถรีไซเคิลได้ 98-99% ครับยิ่งแบตราคาเป็นแสน ไม่มีใครทิ้งขว้างง่ายๆ แน่ครับ
เราเคยบอกไปในโพสใหนจำไม่ได้แล้ว ว่า H2 เอามาจากน้ำจะไปได้ไกล สุด แบบอืนแยกมาจากสารประกอบไฮโครคาร์บอน ไม่นาน มันก้หมด ต้นทุนจะแพงขึ้นตามน้ำมันดิบ หลักการ เคมี ม.ปลาย ใช้ไฟฟ้าแยก h กับ O ออกจากน้ำ(H2O) ใครลงแล็บเคมี ม ปลาย ก้เคยทำกันทั้งนั้น ตอนนั้นมีคน เม้นใครด่า ว่าเก่งกว่า วิศกรโตโยต้า เม้นขยะเลยขี้เกียจเถียง
อยากได้ส่งมาเลย
ติดตามครับ
คำพูดติดตลงขอคนเมื่อก่อนที่ว่า "รถต้องเติมน้ำมันไม่ใช่น้ำบ่อ"แต่อนาคตรถอาจใช้น้ำบ่อได้ถึงจะไม่ได้เติมในรถโดยตรงแต่ก็ใช้พลังงานจากน้ำ(สำหรับคนที่จะบอกว่ามีรถที่เติมน้ำวิ่งได้จริงผมทราบแต่เอามาใช้งานจริงในชีวิตประจำวันไม่ได้)
จะไม่ต้องยุ่งยากเลย ถ้าบ้านเราทำราคาน้ำมันไม่แพงแบบนี้ 55😂😂😂
Hydrogen.ใช้ร่วมกับเครื่องICE ญี่ปุ่นเองไม่สามารถปล่อยให้ธุรกิจ เครื่องiceในประเทศ ล่มได้เพราะมันคือธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญและทำกันมานานจะไปไฟฟ้าแรงงานในประเทศก็ไม่มีความเชียวชาญ
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาใช่ไฮโรเจนผ่านเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไปขับมอเตอร์นะไม่ใช่เครื่องสันดาปภายใน เป็นรถไฟฟ้าเหมือนกัน เติมไฮโดรเจนเติมเร็วกว่าชาร์ทแบตนะ
@@yutkijsamnong3202 ถ้าไม่ได้มีการศึกษาหรือความรู้เฉพาะด้าน การค้นหาในเนตก็ทำได้อยู่ แต่ต้องใช้คำที่เฉพาะเจาะจงหน่อย
th-cam.com/video/NoPLxldm_ME/w-d-xo.html
ไฟฟ้าในเมืองไทยสะอาดจริงหรือ มีพลังงานสะอาดแค่ 13% ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังปล่อย CO2 ถึง 87% ที่โรงไฟฟ้า เรื่องลดโลกร้อนจึงเป็นเรื่องมโนเอาเอง
ไทยน่าจะสนับสนุนคู่กับevนะครับ
ระหว่างไฮโดรเจน กับ EV ผมเลือก PHEV ครับ ผมเชื่อว่าในไทยจะยังมี Gasoline หรือ เบนซิน ให้เติมไปอีก 30 ปี
H2 ที่บริษัทมีผลิตและใช้งานอยู่ถ้ารั่วออกมาสามารถติดไฟได้เองเลยนะครับและแรงดันสูงมากน่ากลัวอยู่นะครับ ถ้าบำรุงรักษาไม่ดีและถ้าเกิดอุบัติเหตุมีรั่วขึ้นมา...
ใช่ดีกับขนส่งใหญ่เช่นรถบรรทุกรถบัสซึ่งมีเวลาเติมเชื้อเพลิงมากไม่ต้องกังวลไปผลิตที่ แต่ไม่ดีสําหรับรถโดยสาร
ไฟฟ้า มาก่อน เพราะเข้าถึงง่าย H2 มันเหมาะกับเครื่องจักรหนัก อนาคตถ้าคุมทุน ก็น่าจับตามอง...
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาใช่ไฮโรเจนผ่านเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไปขับมอเตอร์นะไม่ใช่เครื่องสันดาปภายใน เป็นรถไฟฟ้าเหมือนกัน เติมไฮโดรเจนเติมเร็วกว่าชาร์ทแบตนะ
ระหว่างสองแบบนี้ ใครผลักดันให้มนุษย์พึ่งตัวเองได้มากกว่า คนนั้นชนะ ใครผลักดันให้มนุษย์พึ่งคนอื่นมากกว่า คนนั้นแพ้
ในราคารถที่ต้องจ่ายใกล้เคียงกัน
ถ้าฝ่ายไฮโดรเจนตั้งปั้มแยกก๊าซราคาถูกพอๆ กับการตั้งร้าน 7-11ได้ ไฮโดเจนจะชนะ
ถ้าฝ่ายอีวีทำให้รถเติมไฟฟ้าได้จากแดดเพียงพอจะวิ่งไปได้เรื่อยๆ ในวันแดดจัดจนกว่าจะไปถึงตู้ชาร์จข้างหน้า อีวีจะชนะในเมืองร้อน
อีวีใกล้เส้นชัยเต็มทีแล้ว
ไฮโดรเจนเป็นพลังงานแห่งอนาคตได้ครับ แต่เป็นอนาคตที่ไกลกว่ารถไฟฟ้า
มิไร มันคือรถไฟฟ้า ที่เติมเชื้อเพลิงแต่ไม่ใช่รถน้ำมัน (ไม่มีการเผาไหม้) หาข้อมูลดีๆก่อนนะ Im EV Engineer พูดเกริ่นเรื่องรักโลกเทียบกับ ICE เฉยเลย
autoignition temperature of hydrogen is 585°C
BEV ก็เก่งทางความประหยัดและมันหาได้ง่าย แค่บนหลังคาบ้านเราเราก็หาได้แล้ว แต่ก็อดกังวลเรื่องความกังวลของความยั่งยืนเพราะ แบตเตอรี่ ณ ยุคปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการนำไปใช้ซ้ำที่ถึงจะทำได้แต่ก็ไม่ 100% รวมไปถึงระยะการอัดพลังงานอีกที่อย่างต่ำก็มี 30 นาทีได้ แต่ถ้ามองลงไปถึงการบรรจุพลังงานยิ่งการมาของ Blade Battery ก็แทบจะทิ้งห่างรถ NEV ประเภทอื่นเรื่องความปลอดภัยของ หน่วยจัดเก็บประจุพลังงานไปอีก
กลับกัน FCEV, HCE มันก็สะอาดเฉพาะกรรมวิธี เช่น Green, Blue H2 ซึ่งพวกนี้มันยังมี Ratio ที่ต่ำมากๆ ในกรรมวิธีการผลิต แต่การเติมก็ทำใน 5-10 นาทีแบบน้ำมันก็ได้ แต่ท้าทายสุดคงการขนส่งที่ถ้าเกิดอุบัติเหตุมา เราเคยเห็นกะเรือเหาะ ฮินเดนเบิร์กมาแล้ว มันมีความสูญเสียมากๆ และเทคโนโลยีในการจัดเก็บปัจจุบันก็ทำได้มากที่สุดก็ถัง COPV 700 Bar (นั่นมันระดับเดียวกันกับกะอวกาศยานละนะ)
ปตท. ต้องพัฒนาโมดูลแยกไฮโดรเจนจากน้ำสำหรับปั๊มเติมไฮโดรเจน ลดการขนส่งที่เป็นปัญหาของ NGV
แยกแล้วยังต้องอัดด้วย 10,000 psi ต้องใช้เครื่องขนาดไหน ถังเก็บอีก ต้องลงทุนเท่าไหร่
@@dum5855 เทคโนโลยีของแต่ละอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเครื่องแยก ถังเก็บ เครื่องอัด ปัจจุบันมันมีบริษัทที่ทำขายอยู่แล้ว ถ้าประเทศจะก้าวหน้า บริษัทที่มีทุนต้องคิดสร้างอะไรใหม่ๆ
@@atthawitbuna5146 ก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีหรือทำไม่ได้ แต่มันต้องดูมูลค่าการลงทุนกับผลตอบแทน เค้าทำธุรกิจไม่ใช่ทำโชว์ แค่สถานีแบบถังเก็บและระบบหัวจ่ายก็ต้องลงทุนแห่งละ 20-30 ล้านบาทแล้ว ถ้าจะต้องมีโรงแยกอิเลคโตรไลซิสกับเพรสเชอร์ไรซ์เพิ่มอีกจะต้องลงทุนแห่งละเท่าไหร่ ???
ต้องขายได้วันละกี่กิโลกรัมจึงจะคุ้มค่าการลงทุน ???
@@dum5855 จริงๆแล้วปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี หรือเงินลงทุน แต่เป็นผลกระทบเชิงนโยบายกับการเปลี่ยนผ่านยุคน้ำมัน จะมีกลุ่มคนและประเทศที่เสียผลประโยชน์ และคนที่เสียผลประโยชน์ก็เป็นคนถือเงินทุน มันจึงมีโอกาสเกิดขึ้นจริงน้อยมาก
@@atthawitbuna5146 ก็ปตท.ไง คิดอะไรเยอะ เลอะเทอะไปกันใหญ่
เอารถไฮโดรเจนไปดัดแปลงเป็นคาร์บอมบ์ได้ ต้องระวัง
ใช้ LPG ในครัวหรือที่เติมรถระเบิดแรงกว่าเยอะเป็นสิบเท่า
ถ้าจะดีขอแนะนำจอดไว้ใต้คอนโดจะดีมาก(รั่วขึ้นมาก็ระเหยลอยขึ้นชั้นบน)ฮ่าๆ ไม่อยากคิด ถ้าเกิดมันติดไฟ แล้วมันจะไหม้จากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบน ฮ่าๆ ฮ่าๆ ถ้าเป็นกรณีรถก๊าสไฮโดเจนจอดหลายคัน..ไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะ....แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องเอาป้ายไปติดที่คอนโด....เลยว่า..ห้ามจอดรถไฮโดรเจนใต้คอนโดแน่นอน.. จบ คอนโดไหนมีป้ายก็ถือว่า..ได้บุญครับ.....
กรุณาถามหน่อยครับ
อยากถามแบบผู้มีความรู้ และปัญญา อยากถามเรื่องการผลิตไฟฟ้ามีข้อดี และข้อเสียอย่างไร ต้นทุนเท่าไหร่ ปล่อยมลพิษเท่าไหร่ และขยะจากการผลิตแบตเตอร์รี่ใช้ระยะเวลาการย่อยสลายเท่าไหร่ อันนี้ถามเฉย ๆ นะครับ
ต้องมีน้ำมากพอ ทั้งกินใช้ การเกษตร ไหนต้องเอามาผลิตไฟฟ้า เอามาผลิตไฮโดรเจนอีก
สนับสนุน green H2
ตลกตรงมันเอาไฟฟ้ามาผลิตนี่สิ มันจะทำให้ยุ่งยากทำไม ไม่เข้าใจ มี loss ในขั้นตอนการผลิตอีก สู้เอาไฟฟ้ามาใช้ตรงๆ ไม่ดีกว่าเหรอ
@@kaweemaw3102 บางกระบวนการมันไม่ได้ใช้ไฟฟ้านะ ถึงใช้ก็ไม่ต้องเอาไปไฟฟ้าไปใส่แบต มันเอาไปจุดระเบิดเครื่องยนต์สันดาปที่ประยุกต์ไม่ไกลเครื่องยนต์ปัจจุบัน เราว่ามันคือพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจ...
ไฮโดรเจนถ้าเกิดก็เกิดนานแล้วและเป็นกระแสมานานมากแต่สุดท้ายก็ยังไม่ไปใหนและวันนี้ EV มันตอบโจทย์กว่าก็คือสามารถชาร์จที่บ้านได้และมีการใช้มากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน