คุ้มไหม ?? เทียบค่าใช้จ่าย รถ NETA V กับรถน้ำมัน (พากดเครื่องคิดเลข)
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 5 มิ.ย. 2024
- ถ้าเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าแทนรถน้ำมันจะคุ้มไหม
ใช้กี่ปีจะคืนทุน
แบตพัง จะทำยังไง เสียค่าใช้จ่ายเท่าไร
อายุการใช้งานรถกี่ปี
อยากรู้ @LifeWalking จะพากดเครื่องคิดเลยกันเลยนะครับ
คิดเป็น 3 แบบ เพื่อเทียบกับค่าน้ำมัน คือ
แบบที่ 1 กรณใช้ไฟ EV station
แบบที่ 2 กรณีใช้ไฟบ้าน
แบบที่ 3 กรณีใช้ไฟบ้านแบบ TOU
00:00 Highlight
00:16 ปัญหาคนคิดใช้รถไฟฟ้า
00:48 แนวคิด/ข้อมูลในการพิจารณาเรื่องความคุ้มทุน EV vs Fuel
02:05 คำนวนค่าน้ำมันต่อการวิ่ง 180,000 กิโลเมตร
02:44 แบบที่ 1 คำนวนการซื้อรถใหม่+ค่าไฟฟ้า 180,000 กิโลเมตร (กรณีใช้ EV station)
04:10 ราคาค่าพลังงานไฟฟ้า ประเภทบ้านอยู่อาศัย
05:40 แบบที่ 2 คำนวนการซื้อรถใหม่+ค่าไฟฟ้า 180,000 กิโลเมตร (กรณีใช้ไฟบ้าน)
06:36 แบบที่ 3 คำนวนการซื้อรถใหม่+ค่าไฟฟ้า 180,000 กิโลเมตร (กรณีใช้ไฟแบบ TOU)
07:26 เทียบค่าใช้จ่ายทั้ง 4 กรณี (รวมกรณีใช้น้ำมัน)
09:21 สรุปผลการศึกษา
10:05 ฝากแนวคิดท้ายคลิป
#รถยนต์ไฟฟ้า #NetaV #มือใหม่ - ยานยนต์และพาหนะ
ใครที่ดูคลิปนี้แล้ว อยากให้ดูคลิป 5 ข้อพิจารณา รถไฟฟ้ามือใหม่กันด้วยนะครับ
จะได้ประโยชน์มากขึ้นครับ
th-cam.com/video/KaDK68xY3dY/w-d-xo.html
เนต้า วี ยอดเยี่ยมมากๆ แนะนำเลย น่าใช้จริงๆ
ตอนนี้ มี byd dolphin มาแข่งด้วยแล้วครับ ราคา ok มากเลยครับ
ยังไงรถสันซามูไร ก็คุ้มกว่า ทนกว่า แน่นอนคับ
มีรถใช้น้ำมันอยู่แล้วจะไปซื้อรถไฟฟ้าทำไมให้เปลืองเงิน ถ้าวันไหนมีธุระต้องวิ่งมากไฟฟ้าหมดต้องหาทีชาร์ท์ไฟ แต่รถน้ำมันปั้มมีเยอะมากมายไม่เสียเวลา
ครับ บางคนที่ยังไม่อยากใช้รถไฟฟ้า ก็เพราะเรื่องเวลาในการชาร์จไฟนี่เองครับ
รถส่วนมากนิสัยคนไทยซื้อรถหนึ่งคัน มักใช้กันไม่ต้ำกว่า10ปี กว่าจะเก็บเงินซื้อคันใหม่อีกที ถ้าใช้รถไฟฟ้า ใช้8 ปี แล้วต้องซื้อคันใหม่อันนี้อาจจะเป็นเรื่องภาระคนไทยที่ต้องคิดดีๆ เพราะกว่าจะเก็บเงินซื้อรถได้ก็ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต อันนี้อยากให้วิเคราะห์ด้วยครับ
ส่วนใหญ่ ที่อยากได้รถไฟฟ้ากัน เพราะคิดแค่ค่าน้ำมัน ก็คุ้มค่ารถแล้วครับ เผลอๆ 2-3 ปี ก็คืนค่าน้ำมันแล้วครับ สำหรับคนที่ขับมากๆ
ต้องเอาค่าเสื่อมรถน้ำมันมาคิดด้วยครับ ส่วนรถไฟฟ้าไม่ต้องรวมเพราะคิดว่าทิ้งเลย
ถ้ารวมค่าเสื่อม หรือค่าเช็คระยะเข้าไปในรถน้ำมันด้วย รถไฟฟ้าก็ยิ่งคุ้มไปอีกครับ แต่แค่นี้หลายคน ก็บอกผมเอียงรถไฟฟ้าเยอะละครับ 555
คำนวณดีครับ แต่งงทำไมถึงไม่บวกราคารถยนต์สันดาป
คิดแบบนี้ไม่ได้ มันห่างกันแค่นิดเดียวเองดูยังไงก็สูสีกัน ถ้าขายรถ รถน้ำมันก็ได้ราคาดีกว่าอีก
พี่ต้องคิดรวมเป็นรถใหม่ไปเลยสองคันนะครับ คนเรามันไม่ได้มีรถคันแรกทุกคน คนเขาเข้ามาดูก็เพราะการเปรียบเทียบความคุ้มค่า และการเลือกซื้อรถยนต์แบบไหนถึงจะดี
ขอบคุณครับ ที่คำนวนแบบนี้ เพราะต้องการให้เห็นว่า ขนาดซื้อรถไฟฟ้าหลังจากมีรถน้ำมันแล้วคันนึง ยังคุ้มเลย
แต่ผมจะขอรับข้อคิดเห็นนี้ไปปรับใช้ต่อไปนะครับ
จากที่คำนวนกรณีรถไฟฟ้าได้รถใหม่อีกหนึ่ง ได้กำไรค่าเสื่อม แต่รถมันคันเดิม เสื่อมไปเรื่อยค่าเสื่อมค่าซ่อมหนักกว่าเดิม รถน้ำมันจะพังเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าสตาร์ทเท่าๆกัน จ่ายหกแสนกว่าได้รถไฟฟ้าคันใหม่ได้ค่าไฟฟ้า กรณีรถน้ำมันจ่ายหกแสนกว่าได้แต่ค่น้ำมันไม่ได้รถ ยังใช้คันเก่าที่จะพังไปอีก เงินที่จ่ายกับสิ่งที่ได้ซื้อรถไฟฟ้าดีกว่า ตามตัวเลขและเงื่อนไขที่ท่านคำนวนมา
ถ้าไม่รำคาญความจุกจิกในการชาร์จไฟฟ้า และใช้รถเยอะหน่อย รถไฟฟ้าจะคุ้มกว่าพอสมควรเลยครับ
ที่ผมงงคือคนบ่นว่าราคาน้ำมันยังไงก็ขึ้นไม่มีลง อันนี้ไม่เถียงนะ
แต่ค่าไฟก็ขึ้นตลอด ไม่เคยเห็นลงเลย
อีกอย่างหนึ่ง ไฟฟ้ามันผลิตจากอะไร หลักๆก็น้ำมันและแก็ส แล้วพลังงานทดแทนอย่างโซล่าเซลล์ หรือลมต้นทุนต่อหน่วยแพงกว่าน้ำมันอีก
ก็ไม่แน่ วันหน้าก็อาจจะมีทางเลือกพลังงานใหม่ๆ เข้ามาก็ได้นะครับ เช่น โรงไฟฟ้านิวเครียร์ เป็นต้นครับ
ที่คำนวนรถน้ำมัน ขนาดยังไม่รวมการเปลี่ยนถ่ายของเหลวในระบบตามระยะ ยังขนาดนี้ ซึ่งรถไฟฟ้านั้นไม่มี
แต่ตอนนี้ รถไฟฟ้าต้องระวังค่าเปลี่ยนแบตนะครับ แพงเอาเรื่องเลย
ถ้ารถน้ำท่วมแบตเสียหรือเกิดอุบัติเหตุล่ะคุ้มเมื่อไหร่
ก็ต่อเมื่อ ใช้รถไปจนคุ้มกับค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายให้รถน้ำมันซะก่อนที่รถจะพังครับ
เอาค่าประกันด้วยครับ และราคาขายต่อรถน้ำมัน
มันขึ้นอยู่กับรถแต่ละยี่ห้อครับ
แต่โดยทั่วๆไปแล้ว ค่าประกันของรถไฟฟ้าน่าจะแพงกว่ารถน้ำมันในรุ่นใกล้ๆกัน
และราคาขายต่อก้จะน้อยกว่ารถน้ำมันครับ
ขี่เวฟ ประหยัดที่สุด
อันนี้ ขวัญใจวัยรุ่นเลยครับ
อีกสามสิบปีค่อยเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า ตอนนี้ของใช้น้ำมัน+ LPG คุ้มสุดละ
ตอนนี้ ค่ายรถยนต์หลายค่ายทำข้อตกลงเลิกผลิตรถน้ำมันกันแล้ว ไม่รู้จะมีรถน้ำมันขายกันอีกกี่ปีครับ
ยังไง ไฟฟ้าก็คุ้มกว่าครับ ถ้ามองในแง่การเป็นรถคันที่สอง เพื่อนผม ออก CX40 มาราคาเกือบ 3ล้าน ถามว่าคุ้มไหมตอบเลย ไม่แน่ แต่เขามองที่เทคโนโลยีมากกว่าราคา และที่สำคัญที่ทำงานเขามีที่ชาร์จฟรี เขาไม่เสียตังค์ ตลอดอายุการทำงาน เขาแค่ขับไปกลับที่ทำงาน 50กม. ถ้าสิ่ง ทางไกล กรุงเทพ,ระนอง,อุบลฯ,หนองคาย,บึงกาฬ,ลำปาง เขาออกเอารถน้ำมัน ผมมองเป็นรถคันที่สองครับ ผมก็เล็งอยู่
ถ้ามีที่ชาร์จฟรีที่ทำงาน สบายไปเลยครับ ประหยัดไฟที่บ้านไปได้อีกเยอะเลยครับ
ผมใช้ น้ำมันเครื่อง Mobil 1 เรท 20 ราคาแกลลอนละ 2258 บาท บวกค่ากรองน้ำมันเครื่อง อีกประมาณ 220 บาท เตือนปีละ 2 ครั้งทุก 6 เดือน
ผมก็เช็คระยะปีละอย่างน้อย 2 ครั้ง ราคาก็เอาเรื่องเหมือนกันครับ แต่มันเป็นราคาที่รถน้ำม้นต้องจ่ายอยู่แล้วครับ
เนต้าวี น่าจะเทียบกับ อีโก้คาร์ เทียบน้ำมัน e20
ขอบคุณมากครับ
ค่าซ่อม และ ค่าบำรุง อันไหนมีมากน้่ยเท่าไหร่
ผมยังไม่มีข้อมูลราคาซ่อมบำรุง หรือเช็คระยะของรถยนต์ไฟฟ้านะครับ แต่เห็นเซลล์เคยบอกว่า มันน้อยกว่าค่าบำรุงรักษาของรถน้ำมันเยอะอยู่ เพราะมันไม่ต้องเปลี่่ยนของเหลว พวกน้ำมันเครื่องครับ
ดีครับ คิดเบื้องต้น ชัดเจนดี
ขอบคุณมากๆครับ
Neta รถซื้อแกง ส่งลูกรับลูก จ่ายตลาด น่าจะเพียงพอแล้ว ของแถมคือ ออกต่างจังหวัดได้ด้วย แค่นี้คุ้มกับกว่าน้ำมันแล้ว
ใช่เลยครับ ขับไปทำงาน ไปซื้อของ รถติดก็ไม่เผาน้ำมันทิ้ง แค่นี้ ก็ฟินละครับ
มันต้องเริ่มสตาร์ทรถใหม่ด้วยกันครับ ถึงจะเห็นผลต่างที่ชัดเจน เอารถที่ราคาใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบ ในระยะ 180000 กม. มันถึงจะุูถูกต้องครับ ทั้งรถน้ำมัน และ รถไฟฟ้า เอาค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ต้องจ่ายกับรถทั้งสองแบบที่จำเป็น มาเปรียบเทียบจะเห็นผลต่างที่ชัดเจนกว่าครับ
ใช่เลยครับ ถ้าอยากให้ถูกต้องจริงๆ ก้ต้องเทียบกันแบบนั้นเลยครับ
ใช่ครับ เปรียบเทียบไม่ถูก รถเก่า กับใหม่ ก็เปรียบเทียบไม่ตรงแล้วครับ
อยากรู้ว่า รถไฟฟ้า เจอน้ำท่วมขั้งหรือรอการระบาย จะมีปัญหาไหม
ก็อาจจะมีนะครับ แต่ถ้า seal battery ที่อยู่ใต้ท้องรถดีๆ ก็น่าจะลดปัญหาลงเยอะนะครับ
แต่ถ้าเป็นรถน้ำมัน แล้วเจอน้ำย้อนเข้าท่อไอเสีย ก็บรรลัยหนักอยู่ครับ
ชอบ ชอบ ๆ คำนวณแบบเห็นภาพเลยครับ
ขอบคุณมากๆครับ
สุดยอดครับ เห็นภาพเลย😸
ขอบคุณมากๆครับ คลิปที่แล้ว คนอยากรู้เรื่องความคุ้มของรถไฟฟ้าเยอะเลย คลิปนี้เลยพยายามสื่อสารให้ชัดมากขึ้นครับ
ดีมากครับ เลือกง่ายเลย
ขอบคุณมากครับ
ค่าประกันรถไฟฟ้าน่าจะเยอะ ราวปีละสามหมื่น
ได้ข่าวมาแบบนั้นเหมือนกันครับ อย่างโหด แต่ผมก็ยังไม่มีตัวเลขจริงๆเลยครับ
ขอบคุณมากนะคะ...ดีมากเลยคะ
ขอบคุณมากครับ
ไหนๆๆๆๆๆ ไหนล่ะ NETA V อยากเห็นจังเลย ฟังจนเคลิ้มแล้วเนี่ย
ตอนนี้ อย่าว่าแต่ neta v เลยครับ ค่าย mg หรือ gwm ต่างก้ไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าขายกันเลยครับ
จะคุ้มขึ้นไปมากๆอีก ถ้ารถเดิมที่มีเก่ามากแล้ว ค่า MA บ่อยกว่ารถใหม่
ใช่เลยครับ รถของผม พักหลังๆ ไอ้โน่นก็เสีย ไอ้นี่ก็เสีย
เนื้อหาแน่น ดีมากครับ ขอบคุณครับที่ทำคลืปนี้
ขอบคุณมากๆครับ
สุดยอด เยี่ยมครับขอบคุณที่แนะนำดีมาก
ขอบคุณมากๆครับ
ได้ความรู้จากคลิปนี้มากครับ
ขอบคุณมากๆครับ
ทำเปรียบเทียบกับรถแก้สหน่อยครับ เปรียบเทียบต นนี้น้ำมันไม่ใช่สภาวะปกติมัน พงเว่
เรื่องรถยนต์ใช้แก้ส ผมยังมีความรู้น้อยมากครับ ต้องศึกษาเพิ่มอีกเยอะเลยครับ
มีประโยชน์มากเลยครับ ..ขออนุญาตแชร์นะครับ
ขอบคุณมากครับ
ถ้าเอาค่าบำรุงรักษา Neta มาบวก
และค่าบำรุงรักษารถน้ำมันมารวมแล้ว
... โดยรวมแล้ว รถไฟฟ้าถูกกว่า
หรือยิ่งถ้าซื้อรถน้ำมันใหม่มา เหมือนกับที่คิดต้นทุนรถไฟฟ้า ... รถไฟฟ้าถูกกว่า
หรือซื้อรถใหม่มาติดแก๊ส vs รถไฟฟ้าๆ ก็ถูกกว่าครับ
ใช่เลยครับ ค่าบำรุงรักษารถน้ำมันแพงกว่ารถไฟฟ้า เพราะต้องเปลี่ยนของเหลว
แต่ผมยังมีข้อมูลค่าเช็คระยะรถไฟฟ้าไม่มากพอจะนำมาคำนวนครับ
มีรถน้ำมันอยู่แล้ว เอาเงินที่ต้องไปซื้อรถไฟฟ้าใช้ วิ่ง180000 โล มาเป็นค่าน้ำมันดีกว่า วิ่งต่างจังหวัดไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเสียเวลา รถน้ำมันวิ่ง 180000 โลขายมือสองยังได้เงินเพิ่มมาอีก
@@visetaut9561 ใช่เลยครับ ถ้าการทำงานของผมต้องใช้รถเยอะๆ หรือวิ่งข้ามจังหวัดบ่อยๆ ต้องการความมั่นใจในการใช้งาน ปัญหาน้อย ผมเลือกรถน้ำมันเลยครับ ชัวร์กว่า
@@visetaut9561 ผมก็ใช้รถน้ำมันคันเก่าอยู่ติดแก๊สด้วย ประหยัดขึ้นไปอีก ก็ยังไม่ได้ซื้อรถไฟฟ้าไรหรอก แค่พูดเปรียบเทียบนะ
เข้าใจง่ายขึ้น และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วย พรุ่งนี้ไปซื้อรถไฟฟ้าได้เลยครับ
ขอบคุณมากครับ แต่ติดที่ตอนนี้ ใครๆก็ไม่มีรถอะสิครับ ทั้งค่าย GWM หรือ MG ก็ตาม น่าเสียดายมาก
ถ้าระยะยาวแบตเสื่อมจะต้องเปลี่ยนแบตใหม่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ผมไม่มีข้อมูลนี้เลยครับ เท่าที่ตามข่าว ยังไม่มีใครเปลี่ยนแบต Neta V เลย ผมเลยยังไม่มีข้อมูลนี้เลยครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ดีๆ และทำให้ผมตัดสินใจจองรถคันนี้ และผมก็ไปเปลี่ยนมิเตอร์เป็น touเรียบร้อยแล้วครับ
ขอบคุณมากๆครับ
สรุปค่าเปลี่ยนแบตคือ
สมมุติฐานของคลิปนี้ คือ ขับรถภายในระยะประกันแบตเท่านั้นครับ ถ้าหมดประกันแล้วแบตเสีย ก็ทิ้งเลยครับ
ขับลุยน้ำได้ไหมคับรถไฟฟ้า
ความเห็นส่วนตัวของผม ผมว่า รถไฟฟ้าน่าจะลุยน้ำได้ดีกว่ารถยนต์น้ำมันซะอีก (ถ้าปกป้องแบตดีๆ ไม่ให้น้ำเข้านะครับ) เพราะรถน้ำมัน ถ้าน้ำเข้าท่อไอดี ก็น็อกเลยครับ
ขอบคุณมากๆ ส่วนตัวผมว่าไว้เป็นแนวทางไปต่อยอดและประกอบหารตัดสินใจ และให้กำลังใจการทำคลิปนะคับ
ขอบคุณมากๆครับ
อันนี้คือคนจะซื้อจริง ถึงคำนวณขนาดนี้
ที่ต้องคำนวนขนาดนี้ เพราะคลิปที่แล้ว มีหลายคนมองว่า ถึงราคาไฟฟ้าถูกกว่า แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ต้องเสีย สุดท้ายก็ไม่คุ้มอยู่ดี เลยลองเอามาคำนวนดู เผื่อหลายๆท่านจะให้ความเห็นร่วมกันครับ
ซื้อรถเงินผ่อน แต่เปลี่ยนแบตเงินสด ยังไม่ปรากฎว่าค่าเปลี่ยนแบตจัดไฟแนนซ์ได้
แถมแบตรถ ev ก็น่าจะราคาสูงซะด้วย
คิดถึงรถยนต์โปรตอนกับเชฟโรเล็ตเป็นตัวอย่างไว้ด้วยก็ดีนะครับ วันข้างหน้าจะมีตัวแทนจำหน่ายหรืศูนย์บริการอยู่หรือไม่ยัวไม่รู้เลย
ตอนนั้น ราคารถเชฟ ถูกลงเยอะมาก น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ
ยืนยันด้วยตัวเลข ชัดเจนครับ
ขอบคุณมากครับ
ข้อมูลเป็นประโยชน์มากครับ แต่สำหรับคนที่ใช้รถเยอะ ต้องการความเสถียรภาพและความสะดวกสบายปลอดภัย คงต้องหารถ EV ที่มีราคา 1.5 ล้านขึ้นไป ความรู้สึกของผมกับ NETA V มันไม่คลิกกับเลย เสียดายโอกาสใช้รถที่คุ้มค่าเหมือนกันครับ
ขอบคุณมากครับ งั้นจะรอเป็น toyota bzx4 เบื้องต้นราคาน่าจะประมาณ 1.5 -1.6 ล้าน ครับ
ใช่งั้นคุณก็รอไปก่อนเถอะ อีก2-3 ปี ผมไม่รอเเล้วแค่ เนต้า v ก็คุ้มค่าเเล้ว
@@user-le2tt4xe8z ตอนนี้ซื้อ Cross Hybrid ใช้ไปชั่วคราวครับ
มันไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว อย่าบืมเรื่องน้ำมันเครื่อง กับ การขาดดุล นำเข้าน้ำมันมหาศาลด้วยคับ ถ้าเราไม่ใช้น้ำมันไทยจะไม่ขาดดุลมากมายขนาดนี้
ใช่เลยครับ เรื่องมลพิษก็น่าจะดีขึ้นมากๆเลยครับ
เสียบปลั๊กทิ้งตอนหลับ กังวลเหมือนกันเรื่องลัดวงจร แต่ก็ต้องใช้เวลาเพิ่มความมั่นใจ
ข่าวคราวเรื่องรถไฟฟ้าก็ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ เรื่องความปลอดภัย พอตอนขายจริง จะต้องถามเซลล์เรื่องความปลอดภัยนี่ซะหน่อยครับ
ผมอยากทราบเวลาซ่อมรถไฟฟ้าเสียใช้เวลานานมั๊ย และเวลาขายต่ออยากทราบว่า จะขายได้ราคาเท่ารถน้ำมันมั๊ยครับ อันนี้ไม่ค่อยมีคนพูดถึงอ่ะ
เท่าที่ได้ข่าวมา ส่วนใหญ่ที่รอกันนาน คือ ไม่มีอะไหล่ครับ เพราะความต้องการสูง เลยเร่งผลิตรถกันใหญ่ หลังจากนี้ น่าจะดีขึ้นนะครับ
ส่วนเรื่องขายต่อ ผมไม่แน่ใจครับ แต่ผมมีรถ hybrid คันนึง พอไปขายราคาพอๆ กับ ราคาขาย eco car เลยครับ
กว่าจะถึง 8 ปีเทคโนโลยีแบตคงไปไกลและถูกลงแน่นอนครับ
น่าจะเป็นแบบนี้แหละครับ
ถ้าติดตั้งโซล่าเซลไว้ที่บ้าน ก็แทบจะไม่ต้องควักตังจ่ายค่าไฟ ส่วนค่าดูแลส่วนอื่นต้องดูกันยาวๆอีกที ห่วงสุดก็เรื่องแบต การเดินทางระยะไกลก็ยังไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไร
ใช่ครับ ผมว่าเรื่องเดินทางไกลก็ยังไม่ค่อยตอบโจทย์ในตอนนี้ ใช้ในเมืองน่าจะ ok สุดละ
แล้วราคารถน้ำมันคันใหม่ล่ะครับ ทำไมไม่เอามาบวกไปด้วยล่ะครับ ให้เหมือนรถไฟฟ้าที่ยังเอาราคารถมาบวกเลย ถ้าจะเปรียบก็ควรเปรียบระหว่าง รถคันใหม่ทั้งคู่ ไม่ใช่เอา ไฟฟ้าใหม่ Vs น้ำมันเก่า ดิครับ ถ้าคนจะตัดสินใจซื้อรถคันใหม่เค้าก็คงต้องมองทั้งคู่ป่ะครับ อย่างไหนคุ้ม อย่างไหนประหยัดกว่ากัน! (ในกรณีที่เค้าจะออกรถคันใหม่ทั้งคู่)
ตอนแรก ก็คิดกรณีนั้นไว้เหมือนกันครับ แต่ค่าใช้จ่ายรถน้ำมันมันห่างกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบขาดลอยเลย จนคิดว่า ต้องเปรียบเทียบในแบบอื่นๆดูครับ
ขอบคุณมากเลยครับ มีประโยชน์มากๆ คำนวนตามสูตรแล้ว เปลี่ยนเป็น รถEV เลยครับ ขายรถเก่า ได้รถใหม่ แถมมีเงินเหลือติดกระเป๋าอีก เอาจริงกลายเป็นเงินเหลือ เพราะจะซื้อคันใหม่ก็ต้องขายคันเก่า ไม่มีที่จอด
ขอบคุณมากครับ ถ้าจะมีรถไฟฟ้าคันเดียว อาจจะต้องเผื่อเริ่องปัญหาจากรถไฟฟ้าไว้หน่อยนะครับ
ไม่คิดว่ารถน้ำมันคันเดิมจะพังไหม
รถน้ำมันคันเดิมอาจจะพังได้ครับ แต่ก็ไม่ได้เป็นสาเหตุมาจากการซื้อหรือไม่ซื้อรถไฟฟ้า เลยไม่ได้เอามาเป็นปัจจัยในการพิจารณาครับ
อย่าลำเอียงนะครับ เอาให้มันตรงๆ
ครับ ก็ว่ากันตามไปตัวเลขครับ
ผมมองว่าถ้าจะซ์้อรถevเป็นคันแรก ยังไม่ควรครับตอนนี้ ควรมีรถอื่นอยู่แล้ว
-ถ้ามีรถน้ำมันอยู่แต่น้ำมันแพง มีภาระอยู่เช่นยังผ่อนไม่หมด บลาๆ ยังไม่ควรไปรถไฟฟ้า เพราะเศรษฐกิจแบบนี้อะไรก็ไม่แน่นอน (ถ้าไม่มีซัพ)
-แต่ถ้าจะออกรถใหม่อยู่แล้ว มีรถน้ำมันอยู่แล้ว เอาไว้ใช้สำรองหรือไว้ใช้อีกคันใกล้ๆ ไปไกลๆค่อยน้ำมัน ไม่มีภาระอะไร ควรไปไฟฟ้า
คนนึกถึงแต่มันประหยัดกว่ารถน้ำมันๆเลยอยากออก แต่หากต้องมาเสียค่าผ่อน ดาวน์ ประกันแล้ว แล้วตัวเองยังมีภาระเยอะ เกิดมีวิกฤตอีกจบเลยนะ (ทุกข้อผมพูดถึง คนที่ไม่มีซัพนะ เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ซัพให้ได้ ) สุดท้ายเลยก็แล้วแต่ตัวแปรแต่ละคนจริงๆ
ใช่เลยครับ จริงๆแล้ว รถไฟฟ้าอาจจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบางอย่างที่เรายังไม่รู้ตอนนี้ แล้วมางอกทีหลังก็ได้ ถ้าไม่พร้อมจะรับความเสี่ยง ควรรอดูให้แน่ใจก่อนครับ
ชอบๆ อะเอียด หยิบๆ
ขอบคุณมากครับ
รถน้ำมัน ยังมีค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/เกียร์อีกคับ แพงกว่ารถไฟฟ้า อีกเป็นโขขข
ถ้าคิดเรื่องค่าบำรุงรักษาเข้าไปด้วย ก็ยากที่รถน้ำมัน จะสู้รถยนต์ไฟฟ้าได้นะครับ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าค่าบำรุงรักษาน่าจะน้อยรถน้ำมันเยอะเลยครับ
ความคิดเห็นส่วนตัวนะคับ
อาจจะมีข้อมูลผิดพลาดคับ
ผมเป็นคนนึ่งที่กำลังสนใจรถไฟฟ้า และส่วนตัวมีรถ triton + cityhatchback
ผมคิดจากเจ้า city hatchback นะคับ
อ้างอิงจากข้อมูล การใช้ไฟฟ้าและน้ำมันของเจ้าของคลิปคับ
Cityhatchback ขับ 180,000km
ใช้ค่าน้ำมัน 618,231฿
ค่าถ่ายน้ำมันเครื่อง+ค่าแรง 2,137.50฿ (อ้างอิงจากศูนย์)
น้ำมันเครื่อง 1 ครั้งใช้ได้เพียง 7000-8000km(ขอคิดที่ 7500km/การถ่าย 1 ครั้ง) = 24 × 2,137.50
เป็นเงิน= 51,300฿
ค่าน้ำมันเกียร์ ครั้งละ 1000 บาท ทุกๆ 40000km
ประมาน 5 ครั้ง = 5,000บาท
กรองแอร์+น้ำมันเบรค ทุกๆ 60000km
=690×3 = 2,070฿
ครบ 100,000km ขอคิด 2 รอบ
ระบบสายพานเครื่องยนต์
=8,684×2 = 17,368฿
หัวเทียน = 2,000฿
ยังไม่รวมน้ำหม้อน้ำ นะคับทุกๆ 2 เดือน 1 ป๋อง
รวมแล้วขับมา 180,000km โดนไป
=695,969
ค่ารถ 600,000 เงินสด อันนี้ไม่คิดค่ารถนะคับ(ยังผ่อนไม่หมด)ฮ่าๆๆ
ราคารวมรถ 1,295,969฿ -8,684(ค่าสายพานรอบ 2)
รถที่ผมดูคือ MG EP+
ราคารถ 771,000฿
วิ่ง 180,000KM
ค่าไฟ 150,236฿ คิดแบบไฟแพงสุด
ค่าเซอวิส 8,000 ฿
รวมทั่งหมด 929,236฿
ระยะยาวยังไงไฟฟ้าก็คุ้มกว่า
ถ้าพูดถึงรถใหม่
ข้อมูลแน่นมาก ขอบคุณมากครับ
ยังมีค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่รถไฟฟ้าอีกครับ
@@ponpanwanchat1685 ใช่ครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่ข้อมูลเรื่องค่าเปลี่ยนแบตรถยนต์ไฟฟ้าครับ แต่คิดว่ารถยนต์ขายไปซักพักน่าจะมีข้อมูลครับ
ขายมือสองมีเงินทอนน่าเอามาคิดทั้งคู่
เอาระยะแบตหมดอายุก็ได้ที่8ปี
คิดถูกแล้วครับ แต่ลืมคิดค่าเสื่อมครับ รถน้ำมันชนะตรงนี้ค่าเสื่อมน้อยกว่า รถไฟฟ้าค่าเสื่อมของแบตสูงมาก
ผูกขาดน้ำมันแล้วยังจะตามมาผูกขาดไฟฟ้าอีกหรือบริษัท
อุ๊ย !!..... (เสียงพี่หนุ่ม กรรชัย)
ถ้าคิดค่าเสื่อมราคารถน้ำมันอีก180,000กม.รถไฟฟ้าคุ้มกว่าเยอะ ขอบคุณสำหรับข้อมลูครับ
ขอบคุณมากครับ
ผมว่า...ต้องคิดเพิ่มเติมอีกกรณีคือ ขายรถยนต์น้ำมันคันเก่าออกไปด้วยนะครับ จะได้ส่วนต่างชัดเจนเพิ่มขึ้นไปอีก
นี่ขนาดไม่ขายรถคันเก่า หลายคนยังมองว่า ผมโน้มเอียงไปทางรถไฟฟ้าเลยครับ 55555
จริงครับ@@LifeWalking
ถ้าซื้อรถไฟ้าใหม่ ขายรถเก่า ก็เป็นตัวลบต้นทุนรถไฟฟ้าได้อีก
และถ้า 8 ปี รถแบตพัง ไม่ต้องการซ่อม ขายต่อราคาถูกๆ ก็มีคนซื้อไปเปลี่ยนแบตแน่นอล
ใช่เลยครับ มีอีกหลายปัจจัย ที่ยังไม่ได้รวมครับ เพราะแต่ละคน ก้ไม่เหมือนกัน ถ้ามีปัจจัยอะไรเพิ่ม ก้รวมหรือหักออกได้เลยครับ
รถใหม่ 5-6 แสน เปลี่ยนแบต 3 แสน รวมราคาขายมือสองอีก ใครจะเอาครับ
รถเก่าคุณได้มาฟรีหรือถึงไม่เอามาคำนวนเปรียบเทียบ ส่วนรถไฟฟ้าคุณใช้ราตาซื่อมาคำนวนด้วย
คลิปนี้ ตั้งใจวัดกันที่ค่าเชื้อเพลิงล้วนๆครับ คำนวนไปมา แล้วตังค์เหลือ เลยลองบวกรถให้อีกคันไปเลยครับ
ข้อมูลครอบคลุมดีครับ แต่รู้สึกว่ายังไม่ครบถ้วน เช่น เมื่อซื้อรถคันใหม่เป็นรถไฟฟ้ามาใช้แล้ว ก็ต้องบอกขายรถน้ำมันคันเก่าซึ่งต้องนำเงินมารวมเพื่อซื้อรถไฟฟ้าคันใหม่ด้วย ค่าบำรุงรักษาระหว่างรถน้ำมันและรถไฟฟ้า ค่าประกันภัย และราคาขายต่อ
ขอบคุณมากครับ ได้ข่าวว่า ค่าบำรุงรักษารถไฟฟ้าจะถูกกว่ารถน้ำมัน แต่ค่าประกันอาจจะแพงกว่ารุ่นขนาดรถที่ใกล้เคียงกันครับ
เปรียบเทียบกันได้ด้วยหรือ เพราะรถถูกออกแบบมาต่างกัน ใช้พลังงานต่างกัน สรุปง่าย ๆ คนละสายพันธุ์
ในเรื่องของตัวรถ คงเอามาเทียบกันตรงๆไม่ได้ครับ แต่เทียบกันในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการใช้งานรถทั้ง 2 ประเภทครับ
@@LifeWalking ควรบอกจุดดีจุดเสียของรถทั้งสองสายพันธุ์ จะดีกว่า เพราะรถยุคนี้คำนึงถึงระบบสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
@@informationoperation8003 เป็น content ที่ดี น่าสนใจมากครับ ขอบคุณมากครับ
ต้องคำนวณจากรถน้ำมันคันใหม่ครับ ถ้าจะเทียบกับรถไฟฟ้าคันใหม่ ถึงจะถูกต้องครับ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แฟร์กับรถไฟฟ้านะ
นี่ขนาดคำนวนโดยใช้รถน้ำมันคันเดิม vs รถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ หลายๆคนยังมองว่าผมโน้มเอียงไปทางรถยนต์ไฟฟ้าเลยครับ 555
ผมมองว่ารถไฟฟ้าคุ้มกว่านะครับ เพราะรถน้ำมันต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันของเหลว อะไหล่อุปกรณ์ต่างๆ ยาง และอีกมากมายที่ต้องเปลี่ยนตามระยะ กว่าจะถึง 180,000 กิโลเมตร ผมว่าคงหมดไปอีกบาน ส่วนรถไฟฟ้าแทบจะไม่มีที่จะต้องเปลี่ยนอะไรมากมายเลย
ตอนนี้ ผมก้มีข้อมูลแบบนี้ครับ แต่ไม่แน่ว่าถ้าใช้รถไฟฟ้ากันไปซักพัก จะมีอะไรที่ไม่รู้งอกมาให้ตกใจอีกไหม
@@LifeWalking ครับผม
ถ้าเอาค่าใช้จ่ายเข้าเช็ครถที่ศูนย์จำหน่ายรถมาคำนวณด้วยรถไฟฟ้าคุ้มกว่ารถเติมน้ำมันครับ
ใช่เลยครับ กะวัดกันที่ค่าเชื้อเพลิงกับค่าไฟฟ้า แต่ขนาดไม่รวมค่าบำรุงรักษารถน้ำมันเข้าไป รถยนต์ไฟฟ้าก็ดูจะคุ้มทุนกว่ามากอยู่ครับ
รถไฟฟ้าคันใหม่คุ้มกว่าเพราะไม่ต้องเสียค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในทุกๆรอบยังไม่ได้คิดอีก 180,000 กิโลเมตร
ใช่เลยครับ เรื่องนี้ รถไฟฟ้าได้เปรียบกว่าจริงๆครับ
ผมดูคลิปนี้เสร็จ ผมจองเลย 555 แต่ถึงวันนี้เท่าที่ ยูทูปเบอร์เอารถไปลอง ยังไม่เคยมีใครขับได้เกิน 300 โลเลยครับ คงต้องคำนวณใหม่อีกรอบนึง
พอมีการขายรถยนต์ไฟฟ้า ตอนนี้ ก็จะได้เห็นค่าจริง ที่ไม่ใช่เพียงการคาดการณ์แน่นอนครับ
หากใช้รถไฟฟ้าแล้วเดินทางไกลได้ไหม หรือหากเราใช้วันละ 50 กม.180000 กม. ก็ประมาณ 10 ปี เมื่อเทียบกับชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไป จะคุ้มไหม
รถไฟฟ้าสามารถเดินทางไกลได้ครับ แต่ต้องวางแผนการเดินทางดีๆ เรื่องที่ชาร์จไฟ แต่ทั้งนี้ขึ้นกับสมรรถนะรถด้วยครับ ผมมองว่า neta v ช่วงล่างยังไม่เหมาะเดินทางไกลมากนัก (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
และผมมองว่าระยะทางไม่ใช่ปัญหา ถ้าขับในเมืองนะครับ เพราะรถ ativ ที่ผมใช้อยู่ 5 ปี ยัง 80000 โลอยู่เลย ทั้งนี้ ขึ้นกับการใช้งานของแต่ละคนด้วยครับ
ผมว่ายังไงเหตุที่คนยังคนที่เลือกใช้รถน้ำมันอยู่คือความสะดวกครับ เพราะ ความชาร์จแบตช้าของรถไฟฟ้ามันไม่ตอบโจทย์ และคนที่ชาร์จไฟได้คือ ต้องมีบ้าน เพื่อไว้ชาร์จข้ามคืน คนอยู่ตามคอนดด ตามหอ คือมีโอกาศน้อยๆมากที่สถานที่จะเอื้ออำนวยให้ใช้ เสริมให้อีกอย่างคือ ปัจจุบันมีแนวโน้มที่รถไฟฟ้าจะมีราคาสูงกว่าเดิมมากๆเพราะค่าแบตที่ทะลุโลก เพราะแร่หายากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าซื้อตอนนี้อาจจะคุ้ม อนาคตอาจไม่คุ้ม หรือจะเหมือนกับ NGV LPG สมัยก่อน ที่สนับสนุนเเล้วสนับสนุนอีก สุดท้ายแล้วก็อยู่แค่ taxi กับ รถบรรทุก คนทั่วไปไม่ค่อยใช้เพราะรอเติมนาน แต่ไฟฟ้าก็ดีกว่านิดหน่อยที่ชาร์จ ที่บ้านได้
ครับ ผมว่า คนที่จะใช้รถไฟฟ้า แล้วอยู่คอนโดหรือบ้านที่ไม่สามารถติดที่ชาร์จไฟได้ ต้องคอยไปชาร์จที่สถานี EV ตลอด ผมว่าอันนี้น่าจะปวดหัวนะครับ
LPG เติมไม่นานนะครับ พอๆกับเติมน้ำมัน..๕๕๕.. NGV นี่นานจริง..วิ่งได้น้อยด้วย NGV เป็นการสนับสนุนที่ผิดพลาดมากๆ..
@@captainkrist ขอบคุณมากครับ ส่วนผมไม่มีประสบการณ์รถแก๊สเลยครับ
ค่าไฟฟ้าเพิ่มตามความต้องการอยู่แล้ว ราคารถไฟฟ้าก็จะแพงขึ้นอีก พวกวัตถุดิบที่มาประกอบราคาเพิ่มตามความต้องการอยู่แล้ว เช่นทองแดงก็ต้องไปแบ่งจากอุปกรณืไฟฟ้าอื่นรวมทั้งระบบสายส่งไฟฟ้าที่ต้องเพิ่ม
ขอบคุณมากครับ เรื่องการขึ้นค่าไฟ พูดยังไม่ทันขาดคำ เห็นว่า เพิ่งขึ้นไปเมื่อวันที่ 12 กค 65 ที่ผ่านมา
คุณลืมคิดค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุก 6 เดือน น้ำมันเกียร์ อัตโนมัติทุก 40,000 กิโลเมตรต่อ 1 ครั้ง อันนี้คือค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียโดยเฉพาะน้ำมันเครื่องแพงครับ
ยังไม่ทันได้รวมค่าเหล่านั้นเลย รถไฟฟ้าก็ประหยัดแซงไปหมดเลยครับ
ก็ดูแล้วคุ้มค่าครับ แต่..เวลาใช่งานผมว่ารถน้ำมัน ไม่ต้องกังวลอะไรมากเช่นเดินทางไกล ถ้าขับอยู่ในเมืองตลอดผมเลือกรถไฟฟ้า แต่การใช้ชีวิตแบบชาวบ้านต่างจังหวัด บรรทุกของเดินทาง ใช้งานทุกรูปแบบก็ต้องการรถที่ขับแล้วสบายใจ เอาเป็นว่าแล้วแต่ สถานการณ์ในการใช้รถ ครับ
ใช่เลยครับ อันนี้ต้องขึ้นกลับสถานการณ์ของแต่ละคนจริงๆครับ
ให้รถไฟฟ้าทั้งใจ ติดตรงตังส์ที่จะออกรถแค่นั้นแระ
ค่ารถไฟฟ้า + ค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่าย มันคือน้ำมันนั่นเองครับ เพียงแต่ค่าคุ้มทุนก็หลายปีหน่อยนะครับ
ถ้าใช้รถเยอะหน่อย ค่าผ่อนรถไฟฟ้าต่อเดือนอาจจะสูงกว่าค่าน้ำมันต่อเดือนนิดหน่อยเท่านั้นครับ
@@LifeWalking ออกรถเงินสด ต้องใช้เงินก้อนนี่แระครับ ถ้าผ่อนค่าตัวรถก็เพิ่มเพราะมีดอกเบี้ย ผมก็หวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้ซื้อใช้กับเขาสักคัน
ผมใช้รถเดือนละประมาณ 1500 โล ยังมองว่าอาจจะไม่คุ้ม กับที่ต้องซื้อรถใหม่ แต่ ถ้ารถที่ใช้พังละก็ รถ EV จะเป็นทางเลือกแรกที่คิดถึงครับ
รอก่อนก็ได้ครับ ผมว่ารถไฟฟ้ายังพัฒนาไปอีกเรื่อยๆครับ โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอร์รี่
จะถูกใจหรือไม่แต่รถไฟฟ้าคืออนาคตที่เราต้องได้ใช้มันแน่ๆ
มันค่อยๆมาแล้วครับ อีกไม่นาน คงวิ่งกันเต็มแน่ๆ
คิดตามข้อมูลที่มีตามปัจจุบันอาจไม่ตรงในทุกอย่างแต่ก็พอมองเห็นภาพ
ขอบคุณมากครับ
ในจังหวะที่โลกกำลังจะเปลี่ยนถ่ายกปสู่พลังงานใหม่ ราคาน้ำมันมีแต่จะถูกลงครับ เพราะประเทศที่ขายน้ำมันเป็นหลัก ก็ต้องแข่งกันลดราคาน้ำมันครับ
จริงๆ ถ้าหันไปใช้พลังงานแบบอื่น ก็ดีนะครับ น้ำมันมลพิษเยอะ โลกแปรปรวนไปหมดแล้ว
ลืมคิดค่าน้ำมันเครื่อง 180,000 กับไส้กรองนเ้ำมันเครื่องถ่ายกี่ครั้ง
ขอบคุณมากครับ จะนำไปปรับปรุงต่อไปนะครับ
เอา1.9. 2.0พอ ปะหยัดระ
ขอบคุณครับ
คลิปนี้ยังไม่ได้แจ้งค่าบำรุงรักษาและเปลรายนของเหลวนะคะ เรานั่งคำนวนจริงๆ อ้างอิงจากการดูแลรักษารถพี่สาวเป็น ora good cat จุดคุ้มทุนของรถไฟฟ้าถ้าขับไม่เลย 8 ปี ไม่เกินกม. ไม่เกินประกัน คุ้มกว่ามากค่ะ
ใช่เลยครับ กะวัดกันที่ค่าเชื้อเพลิงกับค่าไฟฟ้า แต่ขนาดไม่รวมค่าบำรุงรักษารถน้ำมันเข้าไป รถยนต์ไฟฟ้าก็ดูจะคุ้มทุนกว่ามากอยู่ครับ
ใช้แก๊สครับโลละ0.8.-1.2บาท/โล
..ถูกกว่าเยอะ5555
ราคาดีมากเลยครับ
แหม่ คิดแบบนี้ ev ก็เสียเปรียบสิครับ เล่นเอาเทียบว่าถ้ารถพังเมื่อครบแสนแปดหมื่นกิโลแบบนี้ ทำไมไม่เอาราคารถสันดาป+น้ำมันที่ใช้+ค่าบำรุงรักษาและถ้าเครื่องแต่ละส่วนพังต้องซ่อมราคาเท่าไหร่ เทียบกับราคารถ ev วิ่งระยะเท่าๆกัน+ค่าไฟที่ใช้ ค่าบำรุงรักษาและถ้าเครื่องแต่ละส่วนพังแล้วซ่อมราคาเท่าไหร่
ค่าบำรุงรถน้ำมัน เยอะมากครับ น่าจะเยอะกว่ารถยนต์ไฟฟ้าด้วย และการเข้าเช็คระยะทีก็มีค่าใช้จ่ายเยอะ
จริงๆ หลายคนมองว่า การที่ผมไม่รวมค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถน้ำมัน เพราะจะลำเอียงเข้ารถยนต์ไฟฟ้าด้วยซ้ำไป
ณ วันที่ 12 กค 65 มีประกาศจะเพิ่มค่าไฟฟ้าเป็น 5 บาทต่อหน่วยขั้นต่ำ ทำเอาต้องดูและคิดก่อนซื้ออีกพักเลยครับ เดี๋ยวปลายปีรอ BYD อีกเจ้า
นั่นไง ว่าแล้วว ยังพูดไม่ทันขาดคำเลย เฮ้อออ
คนใช้เบนซินแบกภาษีเกือบครึ่งของราคาน้ำมัน เดี๋ยวพอไฟฟ้าคนใช้เยอะๆก็หาเรื่องขึ้นค่าไฟแน่นอน
@@chanayyp6279 ผมว่า ยังไงก็คงต้องขึ้นค่าไฟฟ้าอยู่ดีครับ ไม่ว่าคนจะใช้รถไฟฟ้ามากไหมก้ตาม
ค่าต่อภาษีเล่า อาจารย์ ไม่คิดกันเลยรึ มันแพงอยู่นะ
ยังไม่มีข้อมูลที่เป็นทางการเลยครับ ไม่รู้เหมือนรถน้ำมันไหม พอรถขายไปซักพักเด่วรู้แน่นอนครับ
Neta v น่าสนเพราะ แบตเล็ก อะไหล่ถูกลง ชาร์จเร็ว เหมาะเป็นรถในเมือง
ชาร์จเร็ว ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบมากนะครับ
สังเคราะห์น้ำมันเองได้มั้ยครับ ถ้าอนาคตน้ำมันหมดโลก
แต่ไฟฟ้าสังเคราะห์เองได้นะครับ เช่น solar cell
พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้ภิภพ หรือแม้กระทั่งพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์
ไม่อยากให้รอน้ำมันหมดโลกแล้ว รีบไปพลังงานสะอาดไวๆ มลพิษขนาดนี้ โลกจะไม่ไหวแล้วครับ
รถน้ำมันๆต้องมีการบำรุงรักษาและถ่ายของเหลว ต่อระยะของการกำหนดจากศูนย์รถยนต์ ในระยะ หนึ่งแสนดกิโล มันต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกี่ครั้ง กรองน้ำมันเครื่องกี่ครั้ง ค่าแรงเปลี่ยนกี่ครั้ง น้ำมันเกียร์ด้วย กรองอากาศของเครื่องยนต์ด้วย นี่เอาแค่หลักๆที่ต้องเปลี่ยนครับ เอามาสรุปเพิ่อมเติมครับจะได้เห็นข้อแตกต่างจริงๆ
ขอบคุณมากครับ จริงๆ ควรคิดให้ครอบคลุมทุกปัจจัยนะครับ แต่มันเยอะมาก และรถแต่ละยี่ห้อก็มีค่าบำรุงรักษาต่างกัน คลิปนี้เลยเทียบกันที่ค่าเชื้อเพลิงเป็นหลักครับ
น้ำมันเครื่อง หมื่นโล กรองน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ ตามการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครับ ส่วนน้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ผมเข้า4แสนโลพึ่งเปลียน และพึ่งรู้ว่าต้องเปลี่ยนด้วย ราคาน้ำมันเครื่อง 800-1200 กรองอากาศ 270-450 กรองน้ำมันเครื่อง180-320 ค่าแรงฟรีเพราะผมเปลี่ยนเอง
สุดยอดการคำนวณทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ถ้าค่าน้ำมันเบิกได้ก้ใช้รถน้ำมันไป
เราก็ใช้รถยนต์ไฟฟ้า แล้วไปเบิกเป็นค่าน้ำมันไงครับ ....... หยอกๆ
คุ้มกว่ากันมันมีหลายปัจจัย ไม่เฉพาะราคาเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว สำหรับผมเน้นสมรรถนะ โดยเฉพาะช่วงล่างของรถ ซึ่งสู้รถน้ำมันไม่ได้ อีกทั้งจะส่งผลถึงความปลอดภัยของผู้ใช้อีกด้วย และการวิตกกังวลขณะขับขี่เมื่อฝนตกน้ำท่วม ดังเช่นในขณะนี้ จะไปไหนก็ไม่ได้เพราะรถติด จะกล้าลุยเหมือนรถดีเซลไหม และถ้ารถพังค่าซ่อมใครแพงกว่ากัน ส่วนเรื่องค่านำ้มันกับค่าไฟฟ้านั้น วิ่งไปแสนแปด ถามว่า ถ้ามือสองใครขายได้มากกว่ากัน ควรเอาเงินที่ขายไปลบกับค่าน้ำมันหรือค่าไฟฟ้าด้วย
ใช่เลยครับ ถ้าเป็นผมคงขับในเมืองที่ใช้ความเร็วไม่มากเป็นหลักครับ ถ้าทางไกลยังไงก็ต้องรถน้ำมัน หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่สมรรถนะสูงกว่านี้ครับ
ส่วนเรื่องมือสองนั้น อย่าว่าแต่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนเลยครับ ผมใช้รถ hybrid จะขายต่อยังโดนกดราคาซะหนักเลยครับ
ขอบคุณมากครับพี่ เห็นภาพเลย พอดีผมกำลังจะซื้อ Ecocar คันใหม่ เมื่อวานพึ่งไปจอง EV NetaV มาครับ ถ้าคำนวณจากที่พี่บอก ถ้าผมเอาราคารถใหม่บวกเข้าไป ประมาณ 5-600,000 จะประมาณ 1.1-1.2 ล้านในรถน้ำมัน แต่ถ้า NETA V ประมาณ 700,000 ไม่รู้ผมคิดถูกไหมครับ รถใหม่เทียบรถใหม่ครับ
ปัญหา คือ ตอนนี้ Neta V ยังหารถส่งให้มอบให้ผู้จองไม่ได้เท่าไรเลยครับ ถ้าเพิ่งจองรถไป ไม่รู้จะได้รถตอนไหนครับ
แต่กรณีถ้าได้รถ และ NETA ได้เซนต์ MOU ราคาจะได้รับการสนับสนุน เหลือราคาประมาณ 549,000 ครับ
น่าจะสรุปค่าบำรุงรักษา 180000 กิโลทั้งน้ำมันและไฟฟ้า
ขอบคุณมากครับ ค่าบำรุงรักษารถน้ำมัน ผมพอจะมีตัวเลขที่ผมใช้อยู่บ้าง แต่ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า ผมยังไม่มีข้อมูลทางการเลยครับ คงต้องให้แต่ละศูนย์มีการขายรถกันไปซักหน่อยก่อนครับ
ผมว่า พอๆๆ กัน ครับ
ถ้า แบตหมดอายุการใช้งาน
ก็มี ค่าใช้จ่าย ประมาณหนึ่ง
...รถไฟฟ้า จะไม่เสียเวลา ในการบำรุงรักษา เหมือน รถน้ำมัน
ดีตรงนี้... หรือ ว่า พอแบตหมดอายุ
จะทิ้งเลย คล้าย โทรศัพท์....
ก็คงต้องวัดดวงครับ ว่าแบตจะเสื่อมในระยะประกันไหม ถ้าใช่ก็เคลมไป แต่ถ้านอกประกันไป ผมยังไม่มีข้อมูลว่า ถ้าซ่อมจะยังคุ้มอยู่ไหมนะครับ
ผมหมายถึง ถ้าแบตหมดอายุการใช้งาน ต้องซื้อใส่ใหม่. ถือว่าเป็นค่าใช้จ่าย ครับ ถึงซ่อมบำรุงจะถูก แต่ก็ น่าจะพอๆ กับรถน้ำมัน.. ถ้ารวมซื้อแบต ใหม่...
อย่างไร ก็ตาม คันต่อไป คงต้องใช้รถไฟฟ้า ครับ
คงต้องทำอีกคลิป รวมทุกค่าใช้จ่ายแล้วครับ เพื่อเปรียบเทียบว่าคันไหนคุ้มกว่ากันออกตอนนี้
1.ค่าน้ำมัน vs ไฟฟ้า ( แบตเสือมลงทุกปี)
2.ศูนย์บริการ
3.บำรุ่งรักษา
4.ค่าประกันรถ
ครับ แต่ตอนนี้ เรื่องศูนย์บริการ ค่าบำรุงรักษา และค่าประกันรถ ยังไม่ประกาศทางการเลย ผมว่าหลังประกาศราคารถ คงชัดเจนกว่านี้ครับ
ค่าแบตเสื่อมเขาคิดเปรียบเทียบที่แสนแปดหมื่นโลแล้วครับ (ถ้ารถไฟฟ้าวิ่งเกินสองแสนโลก็คุ้มกว่าแล้วครับ เหมือนได้รถฟรีๆมาใช้ มันต่างจากที่เราต้องจ่ายค่าน้ำมันใช้รถเก่า)
รถไฟฟ้าเท่าที่ดูๆมาแบต เขาจะรับประกัน 8 ปีครับ
การเปรียบเทียบมันต้องรถใหม่กับรถใหม่ครับ ไม่ใช่เอารถเก่ามาเปรียบเทียบกับรถใหม่แบบนี้ ซึ่งดูแล้วมันไม่น่าจะ๔ุกต้องครับ
สมควรคิดค่าซ่อมบำรุงรักษารถน้ำมันด้วยครับจะได้สมเหตุสมผล ข้อมูลยังไม่ดีพอครับทำเพิ่มด้วยครับ และ ค่าซ่อบบำรุงรักษารถไฟฟ้าด้วย ถึงเทียบกันได้ครับ
ครับ แต่ตอนนี้ เรื่องศูนย์บริการและค่าบำรุงรักษา ยังไม่ประกาศทางการเลย ผมว่าหลังประกาศราคารถ คงชัดเจนกว่านี้ครับ
จริงครับ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ กรองอากาศ
ยาวเลยครับ
เปิดแต่ตัวเลขค่าน้ำมันอย่างเดียว คงไม่สมเหตุสมผล
@@motoderic1248 รายการบำรุงรถน้ำมันยาวเหยียดเลยครับ ค่าใช้จ่ายด้านนี้ก็เยอะมากด้วย และน่าจะมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าด้วยครับ แต่นี้ขนาดยังไม่รวม หลายๆท่านก็แอบคิดว่า ผมโน้มเอียงไปทางรถยนต์ไฟฟ้าแล้วครับ
ควรรวมค่าความเสือมของรถน้ำมันด้วยครับ
ค่าบำรุงรักษาถูกกว่ารถนำ้มันมาก ไปหาดูเอาเองครับ
ตอนนี้รถติดแก็ส lpg คุ้มสุด
ก้น่าสนครับ เป็นอีก 1 ทางเลือก แต่ผมคิดว่าการดัดแปลงรถเองทีหลัง ส่วนตัวผมยังกลัวๆ หน่อยครับ