toyota จะใช้ ไฮโดรเจน จุดระเบิดแทนน้ำมัน ในเครื่องสันดาปภายใน
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 26 เม.ย. 2021
- ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 Toyota Motor Corporation (Toyota) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า บริษัท กำลังมีการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยใช้เชื่อเพลิงไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงแทน Gassoline
สำหรับเครื่องยนต์ดังกล่าวนั้นจะถูกติดตั้งให้กับ Toyota Corolla Sport ซึ่งเป็นรถแข่งที่ทางโตโยต้า จะส่งเข้าแข่งขันรายการ Super Taikyu Series 2021 ซึ่งเป็นการแข่งขันแบบมาราธอน ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 - 23 พฤษภาคมนี้
โดยเครื่องยนต์ที่ใช้นั้นจะเป็นแบบ 3 สูบแถวเรียง ขนาดความจุ 1,618 ซีซี ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในการจุดระเบิด สำหรับไฮโดรเจนที่จะใช้เติมนั้นจะถูกผลิตที่ Fukushima Hydrogen Energy Research Field ในเมือง Namie จังหวัด Fukushima
► ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับเราได้ที่
เฟสบุ็ค : / carraver
เว็บไซต์ : www.carraver.com
► เราจะพยายามทำคอนเทนต์ใหม่ๆออกมาให้เพื่อนๆชมทุกวัน หากเพื่อนๆคนไหนอยากให้เราทำวิดีโอเกี่ยวกับอะไร สามารถคอมเม้นบอกเราได้ที่ใต้วิดีโอเลยครับ
► สุดท้ายต้องขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนจากทุกคน ข้อมูลบางอย่างอาจมีผิดพลาด เราต้องขออภัยด้วยครับ และหากอยากให้เราปรับปรุงในเรื่องไหนบอกเราได้เลยครับ เราคาดหวังว่าช่องจะเติบโต และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ชมทุกท่านครับ.
#toyotaHydrogen
#toyota
#ข่าวรถยนต์ล่าสุด
Source : global.toyota/en/newsroom/cor... - ยานยนต์และพาหนะ
ผมว่ามันน้าจะถูกกว่าแบตนะ ใจผมก็ชอบโตต้าอยู่แล้ว
พวกที่เห็นว่า ไฟฟ้าดีกว่า ก็คิดถึงแต่คำว่า ไฟฟ้า ไม่ได้คิดถึงตัวแบตฯ กันเลยว่ามันสร้างมลพิษขนาดไหน ทั้งขบวนการผลิต การรีไซเคิล และ การทำลาย มันมากมายกว่าเครื่องยนต์ใช้น้ำมันเสียอีก รับรู้กันบ้างหรือเปล่า ไฟฟ้ามันยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ทุกวันนี้ทั่วโลกมีรถที่ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 20 % ด้วยซ้ำ บริษัทรถหลาย ๆ บริษัทเขาก็ยังพัฒนาเครื่องสันดาปอยู่ทั้ง ๆ ที่เขาก็มีรถไฟฟ้า เช่น ฟอร์ด แล้วรถบางยี่ห้อที่เป็นไฟฟ้าตั้งแต่เกิดเพราะอาชีพหลักเขาผลิตแบตฯ ขาย หรือ รับริไซเคิล และรับทำลาย ซื่งผลประโยชน์มันมหาศาลมาก ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า และ มาสด้า ยังคงพัฒนาไฮโดนเจน ทั้ง ๆ ที่เขาก็สามารถทำรถไฟฟ้าขาย พวกคุณรับรู้กันบ้างหรือเปล่า แล้วเขาก็ยังพัฒนาเครื่องสันดาปอยู่ เขาไม่ได้โง่ เขาไม่ได้ยึดติด เขาฉลาดกว่าคนไทยเยอะ ทีมงานเขาใหญ่โตระดับโลก คุณไปดูหมิ่นเขาได้อย่างไร ? พอมาสด้าทำรถไฟฟ้าวิ่งได้แค่ 200 ก.ม พวกอวดรู้ก็โวยวายว่าวิ่งได้น้อยกว่ารถจีนอย่าเอามาขายเลยอายเขา นิสสันคิกส์มีเครื่องยนต์ติดมาด้วยก็บ่นว่ายังปล่อยมลพิษอยู่ดี สาเหตุก็มาจากพวกเขาไม่ต้องการที่จะมีแบต ฯ เยอะ ๆ เพราะมันคือมลพิษ และมันหนักถ่วงรถ ส่วนรถไฟฟ้ายี่ห้อดัง ๆ วิ่งเร็ว ๆ แต่บางครั้งก็ยังแพ้ GT-R ( บ่อยด้วย )ซะด้วยซ้ำ อย่าเพิ่งหลงระเริงกับคำว่า " ไฟฟ้า " จนเกินงามนะ อีก 30 ปีโน่น ค่อยมาคุยเรื่องรถไฟฟ้า กว่าจะเติมไฟได้เร็วเท่าเติมน้ำมัน กว่าจะมีสถานีไฟฟ้าได้มากเท่าสถานีน้ำมัน พวกที่อยู่อพาร์ทเม้นท์ หรือ คอนโด ฯ ก็จะมีปัญหาเรื่องชาร์ตไฟอีก ถึงตอนนั้นยี่ห้อไหนจะวิ่งได้แค่ 200 ก.ม หรือ 1000 ก.ม ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว นะพี่ - น้องงงงงงงงงงงงงงงงงง ........................... !!!!!!!!!!! อ้อ ... แล้วอีกเรื่อง ไฮโดนเจนก็เหมือนเชื้อเพลิงทุกชนิดถ้าใช้ถูกต้องตามมาตราฐานรู้สึกจะปลอดภัยกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นซะด้วยซ้ำ แล้วเรื่องปั้มเติมไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรืออย่างอื่น มาตราฐานเขามี เรื่องนี้เขาไม่ยอมปล่อยปละละเลยหรอกนะ พี่ - น้อง อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ .....
แบตทุกก้อนคือเงิน คนไม่ทิ้งเงินลงถังขยะ ศึกษาเยอะๆ แล้ว H2 ต้องใช้ไฟฟ้า แปลงจากน้ำเป็น H2 และแปลงจาก H2 เป็นไฟฟ้า สิ้นเปลืองขนาดไหน รถทุกคันต้องพก H2 และเครื่องผลิตไฟฟ้า บ้าไปแล้ว
@@clairelaffut5896 ทำไมเขาต้องแปลงเป็นไฟฟ้า ? ในเมื่อมันใช้แทนน้ำมันเลย ใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม ... ! ไม่มีการใช้แบต ฯ ไม่มีการใช้ไฟฟ้า .. ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปนี่แหล่ะ
@@user-dm7gx6yl1h
ขอยาวหน่อยจะได้รู้ว่าคุณ หลงเชื่อ pr กากๆ
h2 เติมเข้าเครื่องใช้งานไม่ได้จริงกากวิ่งได้ไม่ไกล h2 แพงกว่า ngv 2 เท่า แต่วิ่งได้น้อยกว่าเยอะ แถมต้องใช้กำลังอัดสูง เครื่องพังไวกินน้ำมันเครื่อง ย้ำนะครับมันแดกน้ำมันเครื่องรถไปด้วย toyota แก้ปัญหานี้ไม่ได้จึงผลิต Fuel Cell ออกมา
ผมแยกเลยนะ h2 มีสองแบบ
1.h2+ice คือเติม h2 แทนน้ำมัน
2.h2+ev คือเติม h2 ไปปั่นไฟ
h2+ice ให้พลังงาน 25% ของที่เติมเข้าไป
h2+ev (Fuel Cell ) ให้พลังงาน 50% ของที่เติมเข้าไป
toyota mirai Fuel Cell จึงเป็นคำตอบว่าทำไม toyota ถึงไม่ผลิต h2+ice
toyota mirai วิ่งได้ 850 km. ความจุ 3 ถัง รวมความจุทั้งหมด 141 ลิตร
ถ้า h2+ice อยากวิ่งได้ 850 km ต้องใช้ 6 ถัง รวมความจุทั้งหมด 282 ลิตร เอาถังไปใส่ตรงไหน
หลังงาน H2+ice ได้ 1.3 kwh/l
หลังงาน น้ำมัน e10 ได้ 9 kwh/l
รถ h2+ice ได้พลังงานน้อยกว่าน้ำมัน 5 เท่า แปลว่าต้องเติม h2 ถึง 5 เท่าเพื่อได้พลังงานเท่าน้ำมัน e10
คุณสังเกตดีๆ ถังh2 มันใส่ไว้ท้าย toyota corolla ใหญ่ขนาดเต็มข้างหลัง ดูกระจกดีๆมันคือถัง h2
intlbm.com/wp-content/uploads/2021/05/Toyota-Corolla-Sport-wth-Hydrogen-Engine-2-1024x683.jpg
จากการทดลองของ toyota มีวิจัยออกมาลองไปหาอ่านเอาละกัน
แม่งโครตแดกน้ำมันเครื่อง คุณไม่ใช่แค่ต้องเติม h2 คุณต้องเติมน้ำมันเครื่องด้วย อาจต้องเติมทุก 2,000 km
h2+ice กำลังอัดของเครื่อง 45 ต่อ 1
กำลังอัด gtr VR38DETT 9 ต่อ 1
แรงดันถัง
LPG แรงดัน 130 PSI
NGV แรงดัน 2800 PSI
H2 แรงดันถัง 10,000 PSI
คุณกำลังพกระเบิด tnt ไปทั่วเมือง
H2 95% ผลิตจากแก็สธรรมชาติ (ngv) คุณก็เติม ngv ไปเลยดิเติม h2 ทำซากอะไร แม่งประเทศชาวเกะไม่มีลิเทียม ผลิตแบตไม่ได้ e-power ไปเหอะมึง ngv lpg ก็ไม่มี
@@clairelaffut5896 ผมไม่รู้นะว่าคุณรู้อะไรมาเท่าไหร่ แต่ไฮโดรเจนกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา แล้วที่คุณว่ามาเนี่ยมันคือเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้แต่มันไม่ใช่จะจบแบบที่คุณร่ายยาวมา รถเกือบทุกยี่ห้อเขาก็กำลังทดลองไฮโดรเจน แม้แต่ เทสล่า เอง คงอีกไม่นานหรอกสิ่งที่คุณกล่าวมามันจะหมดไป ผมฟังเรื่องไฮโดรเจนมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ก็ยังเชื่อว่า pr กาก ๆ นั้นพูดเรื่องที่มันเป็นอนาคตต่อไป ไฟฟ้ายังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แค่คั่นรายการเท่านั้น ..!!!
@@user-dm7gx6yl1h h2 มีมานานแล้ว หนู แล้วรถทุกค่ายกำลังใช้ h2 คือเขาใช่เทคโลยี fuel cell จ้า เพื่อขับเคลื่อน Electrical Motor
h2 จะเหมาะกับรถใหญ่เหมือน หัวจักรดีเซลไฟฟ้า และท้ายสุด h2 จะเป็นแค่แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ดูดีตอนใช้ พอหมดอายุเป็นขยะที่ทำลายยากและอันตราย
นี่ก็ช่ายยเลยยย .... !
มันสามารพัฒนาต่อได้อีกครับกับแบตเตอรี่ เรื่องแบตเตอรี่เพชร ก็เป็นตัวอย่าง
เขาพัฒนาแบตแบบรีไซเคิลอยู่ ใจเย็นๆ
เดี๋ยวรีไซเคิลได้ครับพี่ชาย
เงินทั้งนั้น ว่างๆเข้ากลุ่ม solar บ้างพี่น้อง
มิไรก็คือมิไร ไฮโดรเจนนี่ก็ถือได้ว่าเป็นพลังงานลำดับที่ 3 ในความเป็นจริงแล้วไฮโดรเจนบนโลกจะเกิดได้จากการผลิตด้วยไฟฟ้าคือพลังงานลำดับที่ 2 ซึ่งเป็นเหมือนพลังงานกลาง (พลังงานลำดับที่ 2 คือถูกผลิตด้วยพลังงานลำดับที่ 1 พลังงานจากฟอสซิล เช่นพวก ถ่านหิน น้ำมัน ฯลฯ) ไม่อีกทีนั้นไฮโดรเจนบนโลกก็ผลิตได้ด้วยการทำฟาร์มสาร่ายบางชนิดที่คลายก๊าซไฮโดเจน อนาคตอันใกล้โลกยังไม่น่าจะสามารถผลิดตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนต่าง ๆ ให้เพียงพอใช้กับมนุษยชาติได้ หนทางที่จะผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอใช้ตอนนี้และในอนาคตอันใกล้คือโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ และ อนาคตต่อไปอาจจะคือการทำอุสาหกรรมการสูบไฮโดรเจนจากอวกาศนอกโลกซึ่งเป็นธาตุที่ถือได้ว่ามีมากที่สุดในจักรวาลมาใช้เป็นพลังงานหลักของมนุษยชาติก็เป็นไปได้ มิไรก็คือมิไร แต่ตอนนี้ เทรนด์ของ อีวี มาก่อนต่อไปก็คือมวลภาวะขยะแบตเตอรี่
คิดเหมือนผมเลย ครับ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จะ ทวีคูณ ในไม่เกิน 3ปีจากนี้ และ สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ สารปนเปื้อนในน้ำและอาหาร เเล้วจะกลายเป็นเรื่องปกติ ในอนาคต ซึ่งมนุษย์ จะตายก่อน อายุขัย อีกเท่าตัว คือ เฉลี่ยไม่เกิน40-50ปี ในประเทศที่เจริญแล้วอาจจะ ปกติ เเต่ ประเทศที่กำลังพัฒนา และด้อยพัฒนา จะกลายเป็นกองขยะ อิเล็กทรอนิกส์และขยะ อันตราย
ยังมีอีกวิธีครับ คือการแยก NG โดยจะได้ H2 โรงงานอยุ่ระยองคับ
ก็พัฒนาขนานกันไปครับสักวันมันต้องเกิดแน่ แต่คงยังไม่เกิดง่ายๆเพราะเทรน EV กำลังดำเนินไปทั้งเทคโนโลยีและราคาที่ต่ำลงเรื่อยๆ และความมั่นใจความปลอดภัยในการใช้ไฮโดรเจนก็เป็นสิ่งที่ยังห่างไกลกับไฟฟ้า
รถบ้านเราใช้ ไฮโดรเจน มานานแล้วครับน่าจะ5-10 ปีได้ แต่ต้นทุนในการติดตั้งและน้ำยาที่ใช้แยก ไฮโดรเจน ออกจากน้ำนั้นยังแพงและ ไฮโดรเจนเพรียวยังไม่เวิร์ค ต้องใช้ผสมกับเชื้อเพลิงหลักเช่นน้ำมั้นหรือแก๊ส ครับ
ในความคิดส่วนตัว ทางโตโยต้าก็มีมุมมองของโตโยต้าเอง ซึ่งในมุมนี้ผมว่ามองต่างออกไปเพื่อให้เกิดการพัมนา ไฮโดนเจน
มีการทดลองและใช้มานานพอสมควร และเป็นพลังงานสะอาดจริง ใรนถนต์ไฟฟ้า สิ่งที่น่ากลัวคือราคาแบต และ การทำลาย
มันมีอันตายและราคาแพงการทำลายใช้เงินมูลค่ามากและใช้เวลาในการทำลายนานมาก อีกมุมหนึ่งคือรถยนต์ไฟฟ้ามือ2จะราคาเท่าไหร่
เหลือเท่าไหร่นี่น่ามอง เพราะราคาแบต 1 ลูก ราคาเท่าไหร่ หากขายคนรับซื้อหรือเต๊นท์รถอาจจะหนักใจและต้องเปลี่ยนแบตหรือคนที่จะซื้อมือ2
ต้องเช็คหาข้อมูลราคาแบตเพราะราคาสูง และสถานที่ทำลายแบตใช้ที่ใหนเราสนับสนุนรับบาลสนับสนุน แล้สสถานที่ทำลายที่ใหน
ผมรอไฮโดรเจน ในอนาคตผมว่าเครื่องผลิตต่างๆ ราคาอาจจะลดลงเพราะเทคโนโลยีมาใหม่ๆกันเยอะ ผมว่าการเปลี่ยนผ่านจากรถน้ำมันไปไฟฟ้า
และจากไฟฟ้าจะมาที่ไฮโดรเจน น๊ะครับอันนี้ส่วนตัวน๊ะครับ
ถามว่าเติมเร็วจริง แต่ขนส่ง กักเก็บยากและอันตราย ถ้าเทียบกับไฟฟ้า ไม่ต้องมีค่าขนส่งและกักเก็บ ลดความเสี่ยงได้เยอะ มีข้อจำกัดด้านแบตเตอรี่เท่านั้น แต่มันสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก
ถ้าผลิตเป็นอุปกรณ์ ผลิตไฮโดรเจนติดตั้งกับรถยนต์
โดยคอยเติมย้ำอย่างเดียว และมันสามารถผลิตไฮโดรเจนได้
ด้วยตัวเองและมากพอที่จะเก็บไว้ในถังเล็กๆ และจ่ายออกมาสู่ระบบเครื่องยนต์ ได้ตลอด โดยไม่ต้องหาสถานนีเติมก็ดีนะครับ แต่คงจะใช้กันได้ก็คงประมาณ 15 ถึง 20 ปี จากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า 100% เต็มระบบ....
ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ขอแต่ทำให้ปลอดภัย บำรุงรักษาง่าย และถูก ก็น่าจะพอสู้รถไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นในขณะนี้เพิ่มทางเลือกให้มนุษย์โลก
รถไฟ้ฟ้าทำที่ชาร์ทไฟฟ้าจบ สถานีรถไฮโรเจนใช้ไฟฟ้าแยกโฮดรเจนจากน้ำเข้าถังถังเก็บแรงดันสูง ตู้จ่าย+เด็กบริการ คิดว่าค่าต้นทุนเชื้อเพลิงอันไหนจะกูกกว่ากัน ตัวง่ายและถูกคืออนาคต
ไม่แน่ครับ
@@Living_everyday3499 ราคารถแพงมากพอๆกับรถไฟฟ้าเลย ความยุ่งยากและราคาก่อสร้างที่สูงในการทำสถานีโฮโดรเจนยุ่งยากและแพงกว่ากว่าสถานีชาร์ทรถไฟฟ้ามากๆ แถมไฮโดรเจนได้จากเอากระไฟฟ้าแยกออกมาจากน้ำซึ่งประสิทธิภาพต่ำสุดๆ(สินเปลื้องไฟฟ้ามาก) เอาไฟฟ้าชาร์ทเข้าแบตรถยนต์ง่ายและเร็วกว่ามากๆ ราคาไฮโรเจนแพงเพราะประสิทธิภาพต่ำ ราคาเชื้อเพลิงต้นทุนในการสร้างถังค่าไฟแยกแยกไฮโรเจน หัวเต็มแก็ซและค่าเด็กบริการ ส่วนรถไฟฟ้ามีแค่ตู้ชาร์ท ต้นทุนต่ำกว่าเยอะ
ถ้ามองอีกมุมนึง อนาคตถ้าโลกเคลื่อนสู่ยุค EV เกือบทั้งหมด โตโยต้าอาจจะอยู่รอด โดยที่ไม่ได้เจ้าใหญ่เหมือนเดิม (กรณีไม่อยากเล่น EV จริงจัง) ลูกค้าเขาอาจจะเป็นกลุ่มคนที่ยังชื่นชอบการจุดระเบิดของเครื่องและเสียงท่อและเครื่องยนต์ที่ยังเร้าใจอยู่แน่ๆครับ เห็นหลายๆคนที่ชื่อชอบแนวนี้จะกล่าวไว้นะครับว่า No sound, No soul. เพราะเสียงคือจิตวิญญาณของรถยนต์ หน่ะครับ
เครื่องยนต์สันดาปยังต้องใช้น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือไม่ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้น้ำมันเป็นเชื้่อเพลิงก็ตาม แต่ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ไม่ต่างกับเครื่องยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป สุดท้ายถ้าต้องใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงจริงๆ ก็อาจจะต้องใช้เทคโนโลยี่เครื่องยนต์ไฮบริดเข้าช่วย เพื่อสามารถใช้เป็นพลังงานทางเลือก เมื่อต้องเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายการใช้พลังงานแต่ละชนิด ( ระหว่างไฮโดรเจนกับไฟฟ้า )
ขอดีของไฮโดรเจนคือการกักเก็บได้ง่ายกว่า
และประสิทธิภาพสูงกว่าเช่น ไฮโดรเจน1 กก.
กับแบต 1กก. ไฮโดรเจนวิ่งไกลกว่า
แต่ขอเสียคือ1.ผลิตยากกว่า
2. ขั้นตอนเยอะกว่า แต่ส่วนตัวชอบทั้งสอง
และแต่ใครจะประยุกต์ใช้ เช่น ถ้ารถยนต์
ในบางรูปแบบไฟฟ้าจะดีกว่า
แต่ถ้า ยกตัวอย่างโรงไฟฟ้าผมว่า ไฮโดรเจน
จะเหมาะกว่า เพราะจริงๆขั้นตอนการผลิต
ไฮโดรเจน มันไม่ได้ยากมากขนาดนั้น
ถ้าจะทําจริงๆก็ทําไม่ยาก
Fuel Cell ไฟฟ้าจากไฮรโดรเจน วิ่งไกลกว่า ดำลังวัตต์หารแรงม้าก็มากกว่า ไฮรโดรเจนใส่เครื่องสันดาบเพื่อ? .... กลัวว่าเครื่องยนต์ถูกทิ้งหรือแค่ผู้ผลิตไม่เกี่ยวผู้ใช้
ดีทุกอย่าง แต่ทำไมไม่ช่วยกันดัน และทำออกมา ส่วนราคาก๊าซล่ะเท่าไรทำไมเห็นแจกแจงกันเลย จะได้เปรียบเทียบใครถูกใครแพง และะใครมีประสิทธิภาพดีกว่า
ขอดีของ FUEL cellคือปริมาณH2เท่ากันผลิตกำลังได้มากกว่า(วัตต์/แรงม้า) ใช้งานได้ยาวนานกว่าเอาไปเผาไหม้ไง ครับ ทุกค่ายเคยทำเลยเงียบไป แน่นอนเทียบเบนซินH2จุดระเบิดให้กำลังมากกว่า หมดจด ไร้คาร์บอน สิ่งต้องเทียบกับเบนซินปริมาณเท่ากัน แต่ต่างสถานะ ใครจุดระเบิดวิ่งได้ไกลกว่า คิดว่าอาจH2 แต่ระยะเพิ่มไร้ความสำคัญเมื่อเทียบ FUEL cell
ปลอดภัย ค่าใช้จ่ายถูกกว่า อย่างอื่น ยอมรับได้ครับ💪👍👍👍👍👍👍
ต้นทุนแพงมาก ถังเก็บไฮโดรเจน แพงกว่า cng เยอะ
รอเทคฯนี้ครับ ไฟฟ้ายังก่อน เปลี่ยน
แบตน่าจะหนักเอาเรื่องเกินกว่าที่จะแบกรับไหว
มันวิจัยเสร็จแล้วพร้อมรุก แต่จะทนกระแสไฟฟ้าได้เหรอครับ
Toyota ต้องทุ่มเท bev เต็มที่เพราะไม่ยอมทิ้ง เทคโนโลยีเดิมและไม่กล้าผลิต fcvมาขายจริงจังถ้าขาย fcvถูก รถนำ้มันก็ขายไม่ได้อยู่ดีสนานีเติมแพงมาก
แปลงเป็น GAS HHO จะไม่ดีกว่าเหรอครับ
ถ้าทำได้จริง และราคาสมเหตุสมผลซื้อ
ที่จริงก็ไม่ได้เป็นของใหม่อะไร รถเมล์ในกรุงเทพฯเคยใช้มาเป็นสิบปีแล้ว เพียงแต่อาจจะไม่ได้โฆษณาแบบโตโยต้า และผลงานนี้(ของรถเมล์) ก็เป็นคนไทยคิดขึ้นมาเอง
แบบคนไทยคิด เช่นรถไฟไอน้ำ ต้องใช้ฟืนมาเผา เพื่อต้มน้ำเอาแรงดันจากน้ำร้อนมาเป็นพลังงานผลักดันเครื่องให้หมุนและขับเคลื่อนไปได้ ต่อมาก็มาเป็นถ่านหิน ก็นำมาต้มน้ำอยู่ดี
ต่อมาถึงยุคน้ำมันเตา และดีเซล และอนาคตก็คงพัฒนาเป็นไฮโดรเจน หรือไฟฟ้าใน
อนาคต แต่ไม่ใช่ไทยคิด...
ข่าวปลอมครับ รถใช้น้ำเป็นเรื่องแหกตาครับ
จะรอนะคงสัก4.5ปีคงใด้ใช้.ควบคู่ไฟฟ้าก็ดี.
คุณยุ่นอยากขายของต่อ แต่ตะวันตกไม่ยอมเรื่องอะไรจะต้องมาเสียตังค์ซื้อเทคโนโลยีไฮโดรเจนและเสียคังค์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนต่อ
ไปเมื่อจะเลิกใช้น้ำมันแล้ว ทั้งๆที่รถไฟฟ้ามันมาแทนเห็นๆและเทคโนโลยีแบตก้าวกระโดดพัฒนาเรื่อยๆและดีที่สุด มีถังไฮโดรเจนเหมือนมีถังระเบิดอยู่กับรถ
Hydrogenเป็น by product จากโรงงานอุตสาหกรรมครับ ถ้านำมาใช้ได้จริงจะเป็นอีกหนึ่งพลังงานฟรีเลยครับ
ถ้าอย่างงั้นเอาไฮโดรเจนไปผลิตกระแสไฟน่าดีกว่า แล้วเอาไฟฟ้ามาชาร์ทรถยนต์จะได้ลดมลพิษคาร์บอนได้ประโยชน์สองทาง
1.รถยนต์ไม่ต้องพกถังไฮโดรเจนซึ่งอันตรายกว่า
2.เอาไฮโดรเจนที่เหลือผลิตมาใช้ประโยชน์โดยผลิตอยู่กับที่แล้วแปลงพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้าส่งไปตามสาย
แรงดันถัง
LPG แรงดัน 130 PSI
NGV แรงดัน 2800 PSI
H2 แรงดันถัง 10,000 PSI
บันเทิงละพี่น้อง
ไฮโดรเจนในญี่ปุ่นราคากิโลกรัมละ 1000 เยน หรือประมาณ 257 บาท โตโยต้ามิไรบรรจุได้ 5 กิโลกรัม ราคารถ 2 ล้านกว่าบาท อันนี้ราคาที่ญี่ปุ่นนะครับ
เอาเพลิงราคาสูงต่อกิโลกรัม H2 มาเผาเล่น ยิ่งเผาไหม้จุดระเบิดดี ยิ่งสวบเชื้อเพลิงเข้าไปมาก วิ่งได้เท่าไหร่ กี่โล
เคยได้ยินระเบิดไฮโดรเจน แล้วนี้อันตรายแค่ไหน อย่างไร
สวนกระแสดี....แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
ดีน่าสนใจ
เอามาขายในไทยเลยครับ ปั๊มเพียบ
ดีมากเห็นด้วยครับ
ถ้าโตโยต้าจะพัฒนาจริง ไม่ควรใช้ถังใส่ไฮโดรเจนซิครับเพราะมันอันตรายมากจากแรงดันมหาศาล แต่ควรติดตั้ง Electrolysis เพื่อแยกไฮโดรเจนจากน้ำ แล้วรถเติมแค่น้ำ->Electrolysis->แยกไฮโดรเจน->เชื้อเพลิงเครื่องยนต์ แต่บริษัทผลิตน้ำมันจะเจ๊ง บ.ไฟฟ้าก็ขายไฟได้น้อย เพราะคนคงผลิตเครื่องยนต์แบบนี้มาผลิตไฟฟ้าฟรีกันหมด
@NoName นานะ เขาคงจะจัดลำดับไม่ถูกหรือมีความเข้าใจเรื่องนี้น้อยเกินไปครับ แต่แนวคิดใช้ได้เลย เติมแต่น้ำปล้วค่อยแยก การแยกต้องใช้พลังงานมาก
จะเดิมตามโนเกียเหรอครับ
คืออยากเห็นพัฒนาหลายๆรูปแบบครับ ให้คนใช้ได้มีทางเลือก
สุดยอดครับ
ดีคับทำมาต้องมีคนซื้อคับ
น่าจะทำเครื่องไฮโดรเจนไฮบริดนะครับ
น่าจะประหยัดการเติมไฮโดรเจนลงอีก
ผมแช่ในถังไอสะคีมคับ
พอได้แล้วกับระบบเผาให้ม. มันไม่ช่วยปรพหยัดเลยกับเครื่องยนตที่มีชิ้นส่วนมากมายต่องหล่อลื่นด้วยน้ำม้นเครื่อง. เกิดความร้อนเพิ่มในอากาศ
.อาจารย์.อุดรทำได้นานแลัวเคยดูครับ
เครื่องยนต์ไฮโดรเจนมีมา100ปีแล้วครับไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นพลังงานสะอาดแต่จัดการยากครับ เลยไม่ค่อยมีการพัฒนา
ของดีราคาถูกง่ายจบ
ดีต่อสิ่งแวดล้อมน่าคงใช่ แต่ เบื่อ ซ่อมเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนเยอะ ....ช่างไทยก็รู้ๆกันอยู่ ช่างมีจรรยาบรรณ มีน้อย.....ใช้มอเตอร์ขับเคบื่อนดีแล้ว.....ใช้กับรถบรรทุกเหอะ
แบบนี้ง่ายสุด แล้ว
ไฮโดเจนก็อยู่ในมือนายทุนพลังงานและการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ต่างจากใช้น้ำมันหรืออาจจะมากกว่า
ตอนนี้สู้รถไฟฟ้าไม่ได้ครับ
แต่อนาคตแร่ที่ทำแบตมีจำกัดอาจจะสู้สบายครับ
ถูกต้องครับ อาจจะมีการผูกขาดยิ่งกว่ารถน้ำมันก็ได้ ดังนั้น ควรมีทางเลือกไว้หลายๆทาง
เทคโนโลยี แบตเตอรี่ จะก้าวไปอีก
ประเทศบ้านนอกดูเขาทำแล้วมาเถียงกันอวดพลังสมองตามแบบฉบับพวกที่มาจากประเทศด้อยพัฒนาเล่นแต่กระเจี้ยวของเล่นที่พ่อแม่ให้มา
ยังดีกว่าใช้น้ำมันปิโตรเลียมที่ต้องนำเข้าจากต้องประเทศ H2 สามารถผลิตได้เองภายในประเทศจากเดิมที่ป้อนในอุตสาหกรรมการผลิต คงต้องเพิ่มกำลังการผลิตหากจะใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์
กว่าจะได้ก๊าซไฮโดรเจน ต้องใช้พลังไฟฟ้าเยอะมากเลยไม่ใช่เหรอ คุ้มจริงๆมั้ย
แค่ก๊าซ NGV ทุกวันนี้ยังหาที่เติมยากเลย
ผมว่ามันน่าจะอันตราย เวลาเกิดการชนแรง อาจระเบิดได้ แล้วก็คงไม่ทัน รถ hev
ความคิดเดียวกันกับรถติดแก๊ส ทุกวันนี้ใช้กันเต็มบ้านเต็มเมือง รู้ไหมว่าถังไฮโดรเจนเขารับแรงกระแทกได้เท่าไหร่ หาความรู้ก่อนคับจะดี
ระเบิดมันแรงมากครับ
รถみらいผลิตจำหน่ายมาตั้งแต่ปี58นะปัจจุบันยังไม่มีรายงานการระเบิดของถังไฮโดรเจน มันติตั้งไว้ใต้เบาะคนนั่งตอนหลัง คิดว่าชนในลักษณะไหนถุึงจะระเบิด วิศวกรรมยานยนต์เขาคำณวนมาแล้ว เขาลงทุนเป็นหมื่นๆล้าน ไม่ตายน้ำตื้นแค่นี้หรอกคับ ที่ยังำม่เป็นที่นิยมคือ มีราคาแพง ปั้มเติมไม่เพียงพอ รัฐบาลยังไม่สนับสนุน ระยะทางวิ่งยังไม่ได้ไกลเท่าที่ควร
พลังงานไฮโดรเจน ลงทุนมาก ระบบซับซ้อน มีไฟฟ้ามาสร้างไฮโดรเจน พลังไฟฟ้าตอบโจทย์กว่า ชาร์ตแบตจากไฟบ้านได้ ผ่านอุปกรณ์แปลงไฟ
ส่วนตัวคือยังชอบรถเครื่องยนต์อยู่ เพราะชอบความสวยงามของเครื่องยนต์ และเสียงที่เร้าใจ แต่ก็อยากให้ปล่อยมลพิษเป็น0 ถ้าทำได้จริงก็น่าสนับสนุนมาก
อันนี้ก็เครื่องยนครับแค่เปลี่ยนเชื้อเพลิง
อันนีัเครื่องยนต์h2 ใส่เพื่อคาบเกี่ยวเวลาใช้กฏคาร์บอน แต่กระแสหลักและต้แงมาแทนคือพลังงานไฟฟ้า ส่วนขับเคลื่อนมอเตอร์
ทำไมต้อง fuel cell ในอนาคต ก็คือ Fuel cell ผลิตพลังงานไฟฟ้่ามากกว่า แรงม้า/วัตต์ กระบวนการผ่าน H2 ผลิตไฟฟ้าใช้H2ใน1kg ได้ยาวนานกว่าเอาไปสันดาบเผาไหม้ แล้วจะยังเอาไปสันดาบหนอ
เพื่ออะไร เมื่อเทียบแพ้ทุกประตู อาจบอกไม่ได้คาร์บอรักษ์โลก แต่เผาไหม้ไปหมดเร็วไม่ดีกว่าน้ำมัน เปลืองอีก แต่กระบานการสร้างไฟฟ้าดีกว่า ยังไงเสีย ICE เครื่องสันดาบคือเดินกลับหลัง ณ ตอนนี้
ถ้าเป็นรถไฟฟ้า ไม่ต้องใช้น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และไม่ปล่อยอะไรออกมาเลย แถมเดี๋ยวนี้ครัวเรื่อนยังสามารถผลิตไฟฟ้าใว้ชาร์จรถเองได้ด้วย....
.ใช้นำ้มันเครื่องครับในระบบเกียร์และระบายความร้อนมอเตอร์ น้ำหล่อเย็นใช้ระบายความร้อนแบตเตอรี่ จำเป็นต้องมีเกียร์ช่วยอัตตราทด
มอเตอร์ยังคงใช้สารหล่อลื่นอยู่ครับ และยังคงต้องเปลี่ยนและเติมเมื่อครบกำหนด แต่รอบการเปลี่ยนจะนานกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปแค่นั้นเอง
@@papejinda7904
น่าจะถ่ายง่ายๆไม่ได้ มันเป็นระบบปิด ทิ้งพร้อมรถ แกะมาดัดแปลงใส่รถ ICEV เก่า
เหมือนดูดี แต่จะเติมที่ไหนล่ะ แถมถังจุก็หนักและมีโอกาสระเบิดได้เหมือนเอ็นจีวีด้วย
วางถังไว้ใต้ตัวถังน่าจะปลอดภัยกว่าแก๊สครับ(แต่คงหาที่เติมยาก)
อัตตราส่วนระเบิดมากว่าNGv100เท่า ถังต้องหนามากกว่าถังทั่วไปหลาย มม.ครับ. ปลอดภัยตรงไหนระเบิดที ร่างกายฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
พอเถอะครับใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในค่าบำรุงรักษามันเยอะครับ เป็นไปได้ว่าที่ TOYOTA ทำแบบนี้เพราะห่วงซัพพลายเออร์ของตัวเอง สุดท้ายแล้วคงจะเหลือแค่ตำนาน
toyota ทำแบบนี้ ผมว่าคงจะเหมือน nokia
@@user-ft3jr9mh5y ขอคิดต่างนะครับสมัยเรียนผมก็เคยทำระบบนี้แต่ไม่สำเร็จเพราะต้องใช้เทคโนโลนี่สูงมากเกินกำลังผมกับเพื่อนๆครับ แต่โตโยต้ามีพร้อม ที่จะทำให้ต้นทุนถูกลงกว่าน้ำมัน นั่นทำให้ความฝันผมและเพื่อนๆเป็นจริงเลยนะครับ
@@user-lm5dv9zq5v
คับ...แล้วประสบปัญหาอะไรหรือคับถึงไม่สำเร็จสักที
Ev ใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่า
ตามบาย
สนับสนุนรถไฮโดรเจน เพราะของเสียเป็นน้ำรถวิ่งได้ไกล จบๆ
ยิ่งดันยิ่งเจ็บ
ใช่เค้าไปEVหมดแล้ว โตโยต้ายังมาติดล่มอยู่กับรถไฮโดรเจนอีก
ยิ่งเจ็บยิ่งมันส์..😯
😁😂😋
ดันให้เจ๊ง
ทำไมไม่ก้าวไปใช้รถไฟฟ้า...ไฮโดรเจนกว่าจะผลิตได้ก็ใช้พลังงานมากเหมือนกันต่างกับไฟฟ้า.ไม่ต้องมีตัวแปรมากสูญเสียน้อย
ปลดแอกพลังงานด้วยการใช้รถไฟฟ้า
ยังมองว่า fuel cell น่าจะเวิร์คกว่า เพราะไม่เกี่ยวข้องกับระบบเดิมๆ ถึงแม้จะใช้ไฮโดรเจนแทนน้ำมันก็ตาม แต่ความปลอดภัย คิดว่าระบบ fuel cell น่าจะมีมากกว่า ดีกว่า และซับซ้อนน้อยกว่า
ความเห็นส่วนตัวนะอย่าเชื่อ ไฮโดรเจนมีจุดเดือดต่ำมาก อุณหภูมิไม่ถึง 30 องศาก็ระเบิดแล้ว ถังเก็บและท่อส่ง ต้องออกแบบพิเศษ ให้ทนกับอากาศภายนอกได้(อากาศบ้านเราไหวมั้ย) เมื่อจุดเดือดต่ำโอกาสเครื่องน็อคสูงมาก ยังไม่ถึงจุดตายบนก็เผาไหม้ซะละ มัเหมาะกับพวกเครื่องเจ็ตมากกว่า
จะไปเหมือน วิทยุ โซนี่ jvc ทีวี โตชิบา aiwa hitachi pana เพราะแบรนด์ที่เหลืออยู่ก็ยอดขายลงเอาลงเอา เจอ tcl Haier hisen xiaomi และรถจีนมีมากกว่าสิบนี่ห้อ การแข่งขันสูงมากและทำไห้การพัฒนารถแบบอัจฉริยะได้ล้ำ อีกหน่อยประตูสแกนหน้าม่านตา และระบบไฟมันก็เข้ากับอุปกรณ์สมาร์ทในรถไม่ต้องมาแปลงเป็นไฟอีกรอบไห้ซ้ำซ้อน สั่งงานระบบมอเตอร์ได้เลยไม่เหมือนเครื่องน้ำมัน คือไม่เข้าพวก เคยที่1 ยอมลงที่สองสามเพื่อได้ไปต่อตอนมีทุนมีฐานมีโรงงานมีศูนย์บริการ แน่นอนเขาพยายามไม่ไห้คนอยากใช้ระบบอื่นคือไม่มีใครแข่งสู้เขาได้แต่มันย่ำอยู่ที่เดิมมานานละ ฝืนไปมีแต่จะพัง ตามน้ำไปเถอะจะ อย่าทวนเลยเหนื่อยพลังงานไฟฟ้ามันถูกและดีสุดละ สามารถผลิตเองได้อีก ไม่เกินสองปีต่อนี้ แบตจะวิ่งได้อย่างต่ำ 700 กิโล- 1000 โลขั้นต่ำ แต่น้ำมันมีแต่จะแพง รถก็วิ่งได้ไม่ไกลกว่าเดิม ทั้งแพงทั้งเป็นมลพิษ จะหันไปไฮโดรเจน ใครจะซื้อ ทำมาไห้คนเขียนข่าวว้าวๆ ไม่เน้นยอดขายไปงั้น
ใด้แค่คุย ทำราคาสู้น้ำมัน กับไฟฟ้าไม่ใด้ก็จบครับ ราคาคุย
เป็นไปได้ใหมถ้าจะผลิตรถยนต์ FCEV+BEV ใช้ร่วมกัน(HybridEV)ในรถคันเดียว โดยไม่ใช่รถสันดาปใน(ICV) ในราคาที่เหมาะสมและราคาจับต้องได้....ซึ่งจะวิ่งได้ไกลขึ้นกว่า BEV อันนี้เสนอความเป็นรถยนต์ในอนาคตนะครับ
FCEV น่าจะยังต้องมีแบตเตอรี่อยู่ แต่อาจจะเล็กกว่า BEV อยางเดียว
เกนด้วยอย่างนิ่งครับ เพราะในระยะยาวจะดีต่อทุกฝ่าย ประเทศไทยก็ใช้มานานแล้วครับ แต่ไม่มีการสนับสนุน จนตอนนี้เริ่มเงียบไปครับ
ควรหยุดกับเครื่องสันดาป ดูดอัดระเบิดคายได้แล้ว Efficiency (ประสิทธิภาพ) มันต่ำ เครื่องสันดาปดีให้ตาย Efficiency อย่างเก่งก็แค่ 40% กว่าจะสร้างกำลังหมุนเพลาข้อเหวี่ยงได้ต้องหมุน 4 วัฏจักร สูญเสียทั้งวาล์วลูกก้านข้อแคมเกียร์มากกว่าหลายพันชิ้น ถ้ามองกฏเทอร์โมไดนามิก สูญเสียขนาดที่ต้มน้ำในหม้อน้ำเดือดได้ ไม่ต่างกับเอาเตาแก๊สต้มน้ำ สูญเสียมากๆ เทียบกับมอเตอร์ไฟฟ้า Efficiency 75-90% นู้น ควรพอได้แล้วพี่
มันจะมีโอกาสระเบิดไหมครับ เอาจริงๆ
ไม่รู้ว่าพลังงานไฮโดรเจนเนี่ยเขาจะเก็บในรูปแบบไหน ถ้าเก็บในรูปแบบก๊าซหรือแบบของเหลว อุบัติเหตุทีนึงรั่วออกมาก็....ระเบิดนั่นแหละครับ
แล้วแต่พี่โตเลย
ดีครับ พัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะรถไฟฟ้าก็ไม่ใช่ รถที่รักษ์สิ่งแวดล้อมจริงๆ
รถเติมน้ำขอให้มีน้ำรถก็วิ่งได้ ถ้าได้แบบนี้ ต่อให้รถไฟฟ้าก็ขายไม่ออก
มีความเป็น reactor มาก
ก็เอาเครื่องยนต์ไฮโดรเจนมาปั่นไฟแทนน้ำมันเหมือน e power ของนิสสัน อาจใช้เป็นเครื่องโรตารี่แทน
มาถูกทางแล้วครับแต่ราคามันไม่ไหว เพราะถ้าจะสู้กับ ev
ได้น้ำเพิ่มขึ้น55555ดีๆๆๆ ลดมลพิษได้ดีมากๆ
ไฮโดรเจนนี้เค้าแยกออกมาจาก H2O องค์ประกอบในนำ้ใช่มั้ยครับ ถ้าใช่..มันเป็นเทคโนฯนานแล้วทำไมเค้าไม่ทำกันทุกรายหละครับอันนี้ไม่เข้าใจจริง .
ที่ไม่ได้เกิดเพราะบริษัทน้ำมันคือขาใหญ่ใครล่ะจะยอม
ใช้เชื่อเพลิงไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงแทนเบ็นชินถูกแล้วแต่ก็ไปหลงทางกับฟิวเชลที่เอาไปผลิตเป็นไปฟ้า
การขายอะไหร่ของเครื่องสันดาปมีตลาดมายาวนานคงทิ่งไปโดยง่ายคงไม่ลืมตลาดครับตรงกันข้ามกับมอเต้อต้นไฟฟ้ากำลังสูงกว่ามหาศาลประหยัดแทบไม่มีการบำรุงรักษาเลย ผมรักมอเต้อไฟฟ้ามากๆสมบูณร์ด้วยกำลังพลังงานกลดีเยี่ยมที่สุดแล้วอายุการใช้งานยั่งยืนยาวนานกว่าเครื่องสันดาปแน่นอนขอให้มาช่วยกันมาทางอีวี100%ดีกว่าคับโลกเปลี่ยนไปแล้วผู้ใช้เขาต้องรับภาระกับการบำรุงรักษาขอเครื่องสันดาปมาเป็นเวลายาวนานแล้ว
ก็ไม่น่าใช้ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ยังเยอะ นั้นหมายถึงค่าบำรุงรักษาก็เยอะ
เค้าสำเร็วแล้ว ถึง ออกมาพูด อีกไม่นานหรอกวางขายแข่งเทสล่า
ก็ดีแต่อย่างไรต้องศึกษาทดลองมาก่อนว่าผลจะเป็นไง แต่ที่แน่ๆเชื้อเพลิงไทยแพงแน่นอน
ใช้เครื่องยนต์ไอน้ำแทนดิ่
ผมเชื่อว่าใน10ปีข้างหน้ามีแน่นอน
คือต้องมีโรงงานผลิต ไฮโดรเจน แต่ก็ยังต้องใช้ไฟฟ้าแยกอ๊อกซิเจน ออกจากน้ำH2O อยู่ดี ป่าว หรือว่ามีไฮโดรเจนจากแหล่งอื่น แต่อ๊อกซิเจนที่ได้ก็เอาไปทำประโยชน์อื่นได้
เด๋วจะซื้อเอง
ใช้น้ำมันให้หมดก่อนค่อยว่ากัน
ไทยน่าร่วมลงทุนและวิจัยร่วมนะ
เอาไว้ใช้กับรถบรรทุก รถบัส รถเมย์ เรือ เถอะพอเอามาใช้กับรถเก๋งมันไม่น่าจะรุ่ง
น่าจะใช่ได้กับเบนซิน ดีเซลอาจมีระเบิด ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ระบบไฮโดรเจนมีมานาน แต่ไม่รุ่ง
ลองใช้กันมาแล้วที่สหรัช ไฟฟ้าล้วน กี่โล50สตางค์ นำ้มันนี่โล2 บาทไฮโดรเจนพี่เลย15บาทอนาคตเขาจะทำเลนให้รถวิ่งไปชาตไปยิ่งสะดวกไปใหญ่
ถึงเวลานั้นน้ำมันเจ๊ง
ทำใช้นำ้อย่างเดียวดีครับ
ผู้น้ำทำไปเถอะครับอย่าเป็นผู้ตามเลยซ้ำซากไม่มีอะไรใหม่
จุด อ่อน ไฟฟ้า คือ เวลาน้ำท่วม สูงๆ นานๆ
นานไป
ไฮโดรเจน จะมาแน่
ถ้าราคา จับต้อง ได้น่ะ
ชุดจักมาให้คบนะแบบคาวที่แล้วไม่เอานะเกือบตายมาทีละผม
ญี่ปุ่นต้องพยายามยื้อเครื่องยนต์เอาไว้ให้นานที่สุด เพราะมีไม่กี่ประเทศ ที่สามารถสร้างเครื่องยนต์ได้เอง แต่ถ้าไป EV การทำมอเตอร์ มันง่ายกว่ามาก จีน ฝรั่ง ทำกันได้ง่ายๆเลย คู่แข่งมันเยอะ
ถ้าประชาชนเขาเล่น EV กันจริง ญี่ปุ่น จะแย่เอามากๆ
บริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์จะต้องปิดตัวและคนจะตกงานอีกเพียบ
ถ้าวันหนึ่งเราใช้รถไฟฟ้ากันแพร่หลาย แล้วปรากฎว่า ค่าไฟฟ้าหน่วยละ20 แต่เบนซินราคาตกมาเหลือลิตรละ4-5บาท หรือถึงจุดต้นทุน/ระยะทาง รถน้ำมันถูกกว่า10เท่า จะกระทบกระแสรักษ์โลกใหม
อ้อเรื่องนั่น ตอนนั้นคนติดโซล่าเซลใช้กันหมดแล้วครับ พลังงานจากแสงแดดไม่มีวันหมดแน่นอน อีกอย่างเขาจะติดโซล่าเซลกับรถเลยก็มี
โตโยต้ายังยึดมั่นว่าตัวเองเป็นผู้นำเครื่องยนต์สันดาป
แต่โลกเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าโตโยต้ายังดื้อดึง ไม่เกิน 5 ปี โตโยต้าจะไปยืนอยู่หลังแถวทันที
มันเป็นเท็คโนโลยี่ใหม่ ของโตโยต้า เขาก็อยากผลักดันให้ออกมาใช้ให้ได้ แต่ระยะยาวก็ต้องรับความจริงครับ ว่าโลกเขาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าไปหมดแล้ว แต่ขณะนี้ก็รู้ตัว และได้พัฒนารถไฟฟ้า คู่ขนานกันไปด้วย กลัวตกเทรน ตามหลังเขาไม่ทันครับ.....
แนวคิดใหม่ kcal เป็น kWh หากขาดทรัพยากรณ์พลังงาน เราจะนำทุกอย่างมาเป็นพลังงานได้ ไม่ว่าจะเป็น LDL insulin blood glucose ความดันโลหิต และเซลล์ไขมันส่วนเกิน มาผลิตเป็นไฟฟ้าแล้ว ขายให้หมด ไม่เน้นอนุรักษ์ แต่เน้นการใช้อย่างคุ้มค่า
จะปั่นทำไมลงทุนมาเยอะไงไปรถไฟฟ้าก็ตามเขาไม่ทัน
ดีๆให้มีทางเลือกเยอะๆน้ำมันจะได้ถูกลง
อันนี้เวิกร์สุด
โลกกำลังจะไป ev หมดแล้ว พี่โตคงอยากทำพิพิธภัณฑ์ ไว้ให้ศึกษาเท่านั้น
ก็ต้องทำเผื่อไว้ครับ จะไปตามกระเเสโลกอย่างเดียวไม่ได้เเละไฟฟ้าก็ใช่ว่าจะตอบโจรท์ดีสุดตอนนี้ ยิ่งเป็นคนเอเชียด้วยกันต้องสนับสนุนบ้างจะไปเลียนเเบบฝรั่งมากไปวันดีขึ้นดีกดขี่คนเอเชียขึ้นมาจะทำไง
@@worawatkarat5345 รถ EV ไม่เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ ไม่เกี่ยวกับเรื่องกดขี่ เป็นเรื่องนวัฒกรรม EV ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ก็มีกัน และกำลังผลักดันแทนรถสันดาป ที่ใช้ทรัพยากรเยอะ อย่าเอาเรื่องการเมืองเข้ามาปนครับ เรากำลังพูดถึงค่ายรถ ไม่ใช่เชื้อชาติ หรือ โซนประเทศ พี่โตยังดื้อเพราะทุ่มงบวิจัย รถลูกระเบิดไปเยอะ ถ้าขายไม่ได้คือสูญเปล่าขาดทุน ซึ่งมันก็ต้องถูก disrupt แน่นอน ถ้ายังดื้อ
มันไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนผ่าน ความฉิบหายมันเยอะกว่า คนที่เจ้งไม่ใช่แค่โตโยต้า บริษัทอะไหร่ บริษ้ทน้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง ศูนย์บริการ โรงงาน พนักงาน อีกมากมายที่เขาต้องดูแล โตโยต้าคงไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไอ้เรื่องทำรถไฟฟ้า โตโยต้าทำสามเดือนก็เสร็จแล้วแต่มันยังไม่ถึงเวลาที่ต้องทำ
EV เท่านั้นที่ฉันต้องการ
ราคาต้องพอประมาณ
ชาวบ้านๆพอจะเอื้อมถึง
@@tongsukchaiyapon8166 ก็แล้วแต่พี่โต ง่ายไม่ง่ายอยู่ที่ความสามารถในการปรับตัว ทุกอย่างถูกคัดสรรค์โดยกฎธรรมชาติอยู่ ดูโนเกียเป็นตัวอย่างได้ ทำพิพิธภัณฑ์ ต่อไปจร้า