ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ไม่เคยสายแต่ลาพักร้อนใช้สิทธิจนครบ เราคือเฟืองๆนึง จำไว้ให้ขึ้นใจ
ฟังแล้วเจ็บจี๊ดเลย ในเมื่อเราเป็นแค่เพียงเฟืองเล็กๆในสายตาผู้บริหาร แต่รู้สึกว่าสามารถทำได้ดีกว่านั้น เราควรบอกลาแล้วไปหาที่อื่นได้แล้ว ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติว่าองค์กรไม่เคยรักเราจริงครับ
วิธีคิดแบบเติบโตในหน้าที่การงานจากคลิปนี้ผมสรุปได้ 2 ข้อ คือ(1)การที่เรารักในงานที่ทำจะส่งผลได้เราใส่ใจในรายละเอียดย่อยๆ ผลงานจึงออกมาดีกว่าคนที่ทำงานแค่หวังเงินเดือนสูงๆ (2) ต่อจากข้อแรก ถ้าเราฝึกฝนทักษะเหล่านี้จนชำนาญ เราจะเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ และอาจจะออกมาประกอบกิจการของตัวเองได้เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมอะสม
ใช่เป็นหัวหน้างานอัพเกรดสอนรุ่นน้องต่อ
แรงงานคุณภาพส่วนมากก็จะเป็นแค่แรงงาน เพราะเขาพอใจกับสิ่งที่ได้รับมาอยู่ เมื่อเวลาเหมาะสม ธุรกิจอะไรที่ตอบโจทย์ความสามารถในการใช้แรงงาน และงานแบบหน้างานหรือระบบไลน์ผลิตยิ่งยากที่จะนำเอาทักษะที่ชำนาญไปประกอบธุรกิจได้ หากทำได้แต่เงินลงทุนก็ยังไม่เพียงพอ แรงงานส่วนมากจึงทำได้แค่ตั้งใจทำงานและทำให้ดีที่สุดเพื่อหน้าที่การงานที่ตัวเองเป็นอยู่จะได้ดีขึ้นถ้าเลือกสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะไม่มีเงินเก็บมากพอสำหรับลงทุนธุรกิจผู้ประกอบการถ้าเลือกเก็บเงินเพื่อธุรกิจก็จะพอมีเหมือนอยู่ ณ ตอนที่ตัวเองเป็น จะทนได้นานแค่ไหน รถ บ้าน ใครๆก็อยากมี
เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ก็จริง ต่างฝ่ายต่างอยู่ด้วยผลประโยชน์มากขึ้น แต่พอเป็นแบบนี้มากขึ้นในปัจจุบัน ก็เกิดปัญหาวนมา คือพนักงานอยู่ไม่นาน เข้าๆ ออกๆ อันนี้ก็ต้องรับกันไป ในเมื่อนายจ้างใช้ระบบเงินในองค์กรเป็นเกณฑ์หลัก ลูกจ้างก็มีสิทธิที่จะเปลี่ยนงานตามต้องการเช่นกัน แฟร์ๆ
นี้คือเรื่องจริง ที่พนักงาน บริษัทหลายคนไม่ยอมรับ และบางทีก็ถูกสอนมา แต่บางที องค์กร ชอบพูดและสะสมให้เหมือน เรารักองค์กร เป็นอย่างมาก ยิ่ง อยู่ บ. ญี่ปุ่น ยิ่งถูกปลูกฝั่งแบบนี้ .... แต่กลายเป้นว่า บทจะเตะคนออก นี้เตะแบบนิ่งๆหน้าตาเฉยมาก
Tul Phomprasert ผมเคยรู้แต่ว่าบริษัทญี่ปุ่นมากดูแลพนักงานไปจนเกษียณ ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีการไล่ออกหน้าตาเฉยด้วย
@@ttasac หน้าจะเป็นภาพจำแล้วคุณโต .... ตอนนี้หลายบริษัท เรียกได้ว่า เชิญ จ้ะ เชิญญญญญญญญญญญญญญ เลยยยยยย
น่าจะเป็นยุคพ่แม่เราอะครับที่ บ.ญี่ปุ่นเลี้ยงยาวววว
@@ttasac สายล่ามกำลังจะถูก ai เข้ามาแทน ถูกต่อรองลดเงินเดือน 50%กันง่ายๆ คิดจะทิ้งก็ทำเหมือนผ้าอนามัยใช้แล้ว
@@tsukikosora ก่อนโควิดไปที่ญี่ปุ่นก็ใช้เครื่องแปลภาษาอัตโนมัติแทนล่ามเหมือนกัน
องค์กรที่ดี สมควรจะรักก็มีอยู่เยอะครับ ขึ้นอยู่กับผู้บริหารครับ
เห็นด้วยครับ แต่ต้องไม่ลืมว่าอยู่กันด้วยผลประโยชน์เป็นหลัก ถ้าเฟืองตัวใดเริ่มสึกหรอทำงานไม่ไหวถ้านายจ้างใจดีก็ย้ายตำแหน่งทดแรงให้ แต่ถ้าจะให้ออกพร้อมเงินชดเชยเลยก็เป็นสิทธิ์เช่นกัน
แรกๆผมก็รักองค์กรเหมือนกับเพื่อนคุณนั่นแหละครับ แต่พออยู่มานานๆเข้าผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่เลย ใช้งานปานขี้ข้า แต่สิ้นปีมาก็เอาแต่พวกพ้องตัวเอง ทุกวันนี้ ผมคิดแค่ว่ามาทำงานตามหน้าที่ รอเลิกงานก็กลับ ใครจะว่าเป็นพวกเช้าชามเย็นชามก็ช่าง เพราะยังไงซะ ต่อให้ทำดีขนาดไหน สุดท้ายก็แค่เสมอตัว เก็บความขยัน เก็บมันสมอง เก็บทักษะไว้ใช้ ตอนประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองตอนแก่ดีกว่า "ขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย"
รายนี้กระดูกสันหลังเสื่อมเพราะยกของหนักๆ เป็นเวลานาน ดังนั้นต้องพิจารณาหน้าที่ที่ทำว่าเหมาะสม หรือไหวหรือไม่ มีขั้นตอน หรือตัวช่วย หรือเครื่องมือทุ่นแรงหรือไม่ รายนี้ป่วยจากหน้าที่เห็นด้วยที่เปลี่ยนหน้าที่ แต่ก็ควรได้รับการพิจารณาพิเศษเรื่องรายได้ ปกติบริษัทใหญ่หรือมาตรฐานจะไม่ลดเงินเดือน แต่เงินพิเศษในหน้าที่อาจไม่ได้เหมือนเดิม อย่างนี้พนักงานพอรับได้ครับ
ถ้าจำไม่ผิด เคสนี้ก็ฐานเงินเดือนเท่าเดิม แต่เงินพิเศษหายหมดครับ
เมื่อใดขึ้นระดับบริหาร การเมืองจะเยอะมากๆ แบบ ไทยสไตล์ นี่ก็คือทักษะอีกอย่างที่ต้องเรียนรู้ ในช่วงเวลาตรงนี้ หลายคนต้องออกมาทำธุรกิจเอง เป็นคู่แข่งบ้าง คู่ค้าบ้าง .... ยิ่งสูง ยิ่งหนาว แอร์ยิ่งเปิดนาน ยิ่งหนาวครับ........องค์กรคือ คน และ หรือ ผู้ถือหุ้น และ หรือ ครอบครัว ผู้ลงทุน หลักการง่าย ๆ คือ ทำกำไร ไม่มีใครลงทุนแล้วยอมขาดทุนหรอกครับ........เจอมาหลายองค์กรแล้ว เหมือนกันหมด ตั้งแต่ เล็ก กลาง ใหญ่ ยัน มหาชน
เม้นนี้ ตรงใจผมมาก ซึ่งผมเห็นด้วย เพราะมาเป็นระดับผู้จัดการ 10 ปี แล้วถึงจึดที่เบื่อ เพราะย้ายที่ทำงานก็เหมือนเดิม ตอนนี้กำลังจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัว
ผิดกับองค์กร ข้าราชการครับ เข้างาน 09:00- พูดจาอย่างกับผัวไม่นอนด้วย 11:20 พักเที่ยง 13:40 เข้าทำงาน 16:00 กลับบ้านละครับ ไม่เห็นมันโดนไล่ออกสักทีครับ
เรื่องนี้จะไม่ยุ่ง...
@@ttasac 555
เข้างานอะ8โมงครับ แต่กว่าจะแต่งหน้า กว่าจะจัดโต๊ะ โม้คุยกันก็9โมง 11.30 พักกินข้าว มาอีกทีบ่ายโมง เลิกงาน4โมง แต่เริ่มเก็บของเก็บกระเป๋า ตั้งแต่บ่าย3
เรารู้ ทุกคนรู้ระบบมันครอบคลุมทั่วประเทศ ระบบมันมีอิทธิพล แบ่งกันกินกันจ่าย ผิดทั้งซึ่งหน้าลับหลังก็ย้งไม่โดนไล่ถ้าเรื่องไม่แดง ส่วนมากจะมีแค่เรื่องเงียบไปเองหรืออาจจะโดนย้าย
ก็ลองไปทำแบบนี้กับหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ให้บริการ ปชช สิครับ โดนคอมเพลนยับ (อ้อ ถ้าเป็นแถวบ้านนอกคงไม่ค่อยมีคอมเพลน แต่ในกทม.คอมเพลนกันเป็นว่าเล่น ศูนยดำรงค์ธรรมลุกเป็นไฟ) แต่คนก็ไม่ค่อยอยากมีเรื่องกะคนพวกนี้หรอกครับ เขาช่วยกัน จำดำเนินการอะไรก็อืดอาดยืดยาดไปหมด ถ้าเรื่องไหนนายสั่งลงมาจะเร็วมาก เพราะเลียเก่ง
แนวคิดชัดเจนดีครับ มีมุมมองหลากหลายทั้งองค์กรและลูกจ้าง ถ้าลูกจ้างคิดได้เช่นนี้ จะประสบความสำเร็จได้ง่าย และไม่ผิดหวังเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
จำไว้ว่าผมรักพวกคุณเสมอ💙
พูดได้ตรงมากๆ ถูกต้องตามความเป็นจริง
คุณอาจได้เจอบริษัทที่จริงใจต่อพนักงานถึงแม้จะมีน้อย แต่มีนะครับและสำคัญเราในฐานะเป็นพนักงาน การทำงานสุ่มเสี่ยง ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย ต้องคำนึงความปลอดภัยของตัวเองก่อนลงมือทำ อุปกรณ์อะไรที่เชฟตี้เราได้ ควรใช้ และก่อนทำควรถามตัวเองก่อน" แบบนี้ปลอดภัยหรือยัง" แล้วเราจะทำงานได้ปลอดภัยและมั่นคง
ถูกต้อง บริษัทที่จริงใจต่อพนักงานนั้นมีจริง แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ลูกจ้างควรรักองค์กรอย่างหัวปักหัวปำอยู่ดี ควรทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อฝึกความชำนาญเพื่อขยายโอกาสให้กับตัวเองในอนาคต
จริงๆเจ้านายที่ดีจริงๆ จริงใจ และลูกน้องที่ดีงาม น่าผลักดัน มันมีจริงนะครับส่วนตัว ผมให้ความเคารพ และใส่ใจกับ ตำแหน่งที่มากกว่า และต่ำกว่าเพียงแค่ ตัดออกให้ได้ง่านด้วยเหมือนกัน เมื่อเราพบข้อเสีย ที่ไม่ใช่ในการทำงาน ไม่ว่าจะ นินทา หรือ เสี้ยมผมก็ไม่เสียดายใจที่ให้ไป ถือว่า ผมก็ได้อะไรกลับมา เป็นการอยู่แบบ พึ่งพาอาศัย กัน
ถ้ามีก็ดีครับ
เค้าไม่ไล่ออกก็ดีแล้วครับงานผมทำไฟแรงสูงไม่ดับไฟ มีน้องทำงานพลาด ผลคือต้องตัดขา โชคดีที่พวกเราจบจาก ร.ร.ขององค์กรนี้ จึงมีความรู้หลายด้าน จึงถูกย้ายตัวไปทำงานตำแหน่งอื่นสุดท้ายถ้าพวกเราทำงานไม่ได้เค้าก็ต้องเอาเราออกกันทั้งนั้น
จริงครับเราไม่ได้สำคัญหรอก เราก็แค่ฟันเฟืองตัวหนึ่งขององค์กร มีคนที่พร้อมจะมาแทนที่เราตลอดเวลา
ถูกที่สุดผมเจอมากลับตัวเองแล้วคิดว่าตัวเองสำคัญขาดเราไม่ได้แน่มีวันหนึ่งมีเด็กใหม่มา เริ่มทำงานหลังจากนั้นได้ 1อาทิตย์ผมก็เห็นถึงความแตกต่างจากเจ้านายแล้วก็คนรอบข้างอย่าเห็นได้ชัด
โลกทุนนิยมมันโหดร้ายอย่างนี้ละ
ไม่ได้เป็นลูกจ้างแล้ว ฟังแล้วชอบครับ เล่าได้ดี
ผมก็ไม่เป็นและไม่คิดจะเป็นแล้ว
เห็นด้วยครับ และจะไปโทษโรงงานไม่ได้เพราะเมื่อคุณป่วยนานมากๆ เขาก็ต้องหาคนอื่นมาทำแทนไม่งั้นงานต้องหยุดซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ และเมื่อคุณกลับมา จะให้เอาคนที่มาทำแทนคุณไปไว้ไหน ไล่ออกเพื่อเอาคุณกลับมาทำเหรอ แล้วเขาคนนั้นจะเป็นอย่างไร จำไว้ว่าทำงานต้องรักษาสุขภาพควบคู่กันไปด้วย เพราะถ้าป่วยนานคุณต้องเสียตำแหน่งหน้าที่ตรงนั้นไป แล้วจะไปเรียกร้องเอากับใคร แต่ถ้าอยากให้กลับมาตำแหน่งเดิมได้แม้จะป่วยนานก็ตาม อันนี้คุณต้องรับราชการครับ
ผมเคยเป็นพนักงานขายนำ้เมายี่ฮ้อหนึ่ง ได้หยุดแค่เดือนละวัน ให้เซ็นหนังสือว่าสมัครใจทำงานวันหยุด กดดันยอดขาย บังคับจิตใจทุกวัน เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ เขาไม่สนเราหรอกครับ เขาสนแต่ยอดขาย ไม่มีเราเขาก้ออยู่ได้ ยิ่งพนักงานขายแก่ๆเงินเดินสูงแล้ว ยิ่งถูกกดดันหนัก เขาคงคิดว่าจ้างเด็กจบใหม่ จ่ายถูกกว่า
เพราะบริษัทเปิดเพื่อหวังผลกำไร เศร้าแต่จริง
เห็นบางคนเกษียณ ได้เป็นล้านนี่
ถ้ามีธุระของครอบครัวก็ลา ไม่ต้องคิดมาก เราตายไปเขาหาคนแทน แต่ครอบครัวหาใครแทนไม่ได้นะครับ
เคยเป็นเหมือนกันครับ เหล็กเข้าตาตอนตรวจงาน จนต้องลาไปเกือบอาทิตย์ กลับมาอีกทีโดนย้ายแผนกไปอยู่เสมียนได้เงินเดือนเท่าเดิมแต่ตำแหน่งไม่โตแล้ว
จริง!! ตั้งแต่ชื่อคลิป
ลูกพี่ผมเสียชีวิตไปแล้วคับ แต่บุญคุณที่เขาเคยให้โอกาศผมตอนลำบากยังคงอยู่ ใครไม่เจอ ไม่รู้คับ. แต่ก็ถูกที่ต้องมีแพทชั่นในการทำงาน ไม่ต้องกลัวจะทำงานจนเหนื่อยตายคับ มันจะน้อยลงหลังอายุ40 วางรากฐานให้แข็งแรงให้ได้ ก่อน 40 คับ.
ผมไม่เคยไฝ่ฝันที่อยากทำงานดีๆเงินเดือนสูงๆเลยนะผมไฝ่ฝันที่ทำอะไรเป็นของตัวเองไม่เป็นลูกน้องไครเป็นนายจ้างตัวเองง่ายๆ คือผมไม่อยากทำงานโรงงานครับเพราะรู้สึกว่าชีวิตมันไม่เป็นของตัวเองเวลาของตัวเองแทบจะไม่มีเลย
ผมเป็นฝ่ายผลิต ผมก็คิดเเบบนี้ ใส่ใจในอาชีพ ทำงานตามที่ได้มอบหมายให้เสร็จสิ้น ส่วนเรื่องวัฒนธรรมองกรค์จะเป็นยังไง ก็ช่างมัน เพราะมันเป็นของฝ่ายออฟฟิศ เพราะพนักงานฝ่ายผลิต ก็เฟืองชั้นล่างเล็กๆ ที่เปลี่ยนอันไหนก็ได้แต่ก็นะ พวกฝ่ายบริหาร ผจก มักจะพูดเสมอว่า เราต้องรักองค์กร เราควรบ้านของเรา ทุเรศมากว่ะ
ทุกคนมาทำงานเพื่อเงิน ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก
เนื้อหาโดนใจมากกครับ ขอแชร์แบบรัวๆเลยครับ ขอบคุณสำหรับการพูดถึงเรื่องนี้ ในมุมมองดีๆแบบนี้ ตรงใจผมมากครับ ขอบคุณครับ
หลังจากหมดประโยชน์ก็โดนบืบออกจากงานมาเข้าปีที่ 11 แล้วเสียดายน่าจะโดนเร็วกว่านั้น(พูดจริงๆ)เพราะผมเอาเวลาในแต่ละวันไปทุ่มให้องค์กรแทบหมดแม่เห็นว่ายุ่งก็ไปหาหมอเองไม่อยากรบกวนลูกสุดท้ายพาไปหาหมอตรวจอย่างละเอียดก็พบว่าแม่เป็นมะร็งที่ปอดระยะสุดท้ายหลายครั้งที่ลูกสาวรอจนหลับงานแสดงบนเวทีของลูกสาวผมก็ไม่ได้ไป(ตอนนั้น4ขวบ)หลังจากออกมาแล้วก็มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้นเสียดายที่ย้อนวันเวลาไม่ได้
เจ็บช้ำจากองค์กร จำฝังใจ
ผมไม่เคยขาดลา มาสาย เรื่องปกติของผม ไม่ใช่ว่ารักองร์กรหรือนายจ้างนะ โครตเกลียดเรย แต่มันเป็นความรับผิดชอบเป็นหน้าที่ครับ เอาเงินเขามาต้องทำงานให้คุ้มกับเงินที่เขาจ้างมาเท่ามาก็เท่านั้น
ประเทศในยุคนี้คนส่วนใหญ่คงสร้างตัวไม่ไหวหรอกครับ แค่เอาชีวิตให้รอดก็เต็มที่แล้ว
ช่วงนี้ลำบากจริง
มุมมองนายจ้างไม่ใช่แบบนั้นทุกคนนะครับ บุคคลที่รักองค์กรเต็มที่กับองค์กรเป็นสิ่งที่นายจ้างต้องการเป็นอันดับแรกๆ แน่นอน เรื่องที่เกิดขึ้นในกรณีของคุณผมมองว่าอยู่ที่การเจรจามากกว่าครับ รักไม่รักไม่ได้เกี่ยวเลย
นายจ้างทุกคนล้วนอยากให้ลูกจ้างรักองค์กรครับ เพราะเวลาลูกจ้างรักองค์กรส่วนใหญ่แปลได้ว่ารักนายจ้างด้วยถ้าผลประโยชน์ลงตัว ทั้งสองฝ่ายคิดว่าตนได้รับความยุติธรรม การผูกพันกันไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติ แต่ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้ไม่จีรัง เพราะทั้งสองฝ่ายร่วมงานกันด้วยผลประโยชน์ และความรู้สึกอยู่สบายหรือเป็นธรรมของทั้งสองฝ่ายหลายครั้งมันเปลี่ยนแปลงได้ง่ายแค่ลมปากลอย ๆ เท่านั้นลูกจ้างในฐานะที่มีอำนาจต่ำกว่านายจ้าง (ยกเว้นรวมกลุ่มกันจนเป็นสหภาพหรือเป็นกลุ่มใหญ่) ไม่ควรรักองค์กร แต่ควรทำงานของตัวเองให้เต็มที่เพื่อขยายโอกาสในอนาคตของตัวเองครับนี่คือความเห็นของผม
โทษทีครับ.. บริษัทไม่มีชีวิตจิตรใจและไร้ความรู้สึก พนักงานผ่านมาและออกไป แต่บริษัทต้องอยู่..!!เราก็เช่นกันครับ มีบริษัทผ่านเข้ามาและออกไป..แต่ชีวิตเราต้องอยู่..!!😁
อันที่จริงควรรักงานและองค์กรแหละครับ แต่ต้องรักตัวเองด้วย และรักอยู่ในคาบเวลาไม่ใช่รักตลอดเวลา
ส่วนตัวผมคือรักงานได้ แต่อย่ารักองค์กร ควรทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มที่่เสมอเพื่อเพิ่มความชำนาญและไม่ตัดโอกาสตัวเองในอนาคตครับ
ขอแนวนี้อีกครับผมว่าดีมาก
ฟังครั้งแรก สุดยอดเลยกดซํบแล้ว เน่อ
เพื่อนคุณถือว่าโชคดีมากแล้วที่คิดว่างานที่ทำอยู่มันคืองานที่เขารัก ทำแล้วมีความสุข เพราะอย่างน้อยมันก็ยังเป็นงานที่เขารัก แต่อีกหลายๆคนเขาเลือกงานไม่ได้นะครับ หลายคนเขาไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้วเปลี่ยนงานไม่ได้ด้วยซ้ำ จะแนะนำอย่างไรดีครับ
ทำเท่าที่ทำได้และเก็บเงินให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาค่อยออกมาตามความฝัน
คุณ โต พูดชัดเจนมาก
ซึ้งเลยครับตอนนี้ ขอบคุณครับ
พูดได้ดีมากครับ โดนใจผม ณ ตอนนี้
เป็นคลิบที่ดีมากจริงๆครับ
หัวข้อนี้โดนใจมากครับ กำลังเสียวๆ อยู่เลย
ตรงที่สุดครับถึงเราไม่พร้อมทำเขาก็เอาคนอื่นมาแทนเราแค่นั้นจบ เขาไม่สนใจเราหรอก เผื่อใจไว้เจ็บด้วยนะมนุษย์เงินเดือน
ในเคสของเพื่อนคุณ..คุณพูดถูกผมว่าทางบ.ก็ยังมีมโนธรรมนะครับในเมื่อสุขภาพเพื่อนคุณเป็นแบบนี้งานที่รับผิดชอบก็ด้อยลงไปไม่ให้ออกเลยก็ถือว่าดีแล้วนะ
ใช่ นายจ้างใจดีกว่าผมอีก
องค์กรต้องการคนที่ใช่ หลายองค์กร เมื่อเห็นคนงานที่โรงงานอื่นหรือบริษัทใหนที่ทำงานเก่งๆ เก่งๆ(คนที่ใช่)ก็จะดึงตัวเข้ามา ใช้ประโยช์น เมื่อโรงงานหรือบริษัทตัวเองได้ประโยช์นที่ต้องการแล้วและหาเด็กใหม่มาเรียนรู้ เมื่อทำงานได้ ก็จะหาวิธี กำกัดคนที่ใช่ที่ขูดความรู้ออกมาจนหมดนั้นออกไป และไปหาคนที่ใช่คนใหม่ ต่อไป ส่วนคนงานอื่นๆก็เป็นฟันเฟืองที่สามารถ เอาคนรุ่นต่อๆไปเข้าไปทำแทนเมื่อหมดสภาพ หรือเงินเดือน ค่าแรงสูงขึ้น ก็จะหาวิธีกดดันหรือกลั่นแกล้งจนต้องออกไปเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเป็นโรงงานหรือบริษัทญี่ปุ่นในไทย เขาไม่ทำแบบนี้
ผมเห็นองค์กรที่ยังเก็บคนเก่าคนแก่ โดยเจ้าของเป็นคนจีนหรือคนไทยอยู่เยอะครับ ถ้าต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์กัน จะอยู่กันไปยาว ๆ ก็ไม่แปลกอะไร
ผมพึ่งเข้ามาดูคลิปช่องนี้ช่องแรกสำหรับคนทำงานทุกที่การทำงานทุกที่ทุกบริษัทหรือโรงงานนายจ้างเขามีสิทธิในการเลิกจ้างการทำงานของคุณ ถ้าคุณลาบ่อย นั้นนี้ การทำงาน แต่่ล่ะ แผนก ของเขาก็ขาด ปัญหาเขาก็อาจมีตามมาเพียงแต่คุณไม่รุ้เพราะคุณทำงานเพื่อเงินถามว่าทุกวันนี้คนเราทำงานเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพื่อเงิน นายจ้างก็ต้องทำงานบริหาร ลุกจ้าง บริษัท ให้อยุ่ต่อได้โดยการจ้างคนมาช่วยการทำงาน เขาไม่ได้แครหรอกว่าคุณจะเก่งทำงานเทพขนาดไหนปันยาอ่อนนายจ้างเขาแค่รุ้สึกดีที่มีคนขยันทำงานนั้นนี้เพื่อบริษัทจะอยุ่รอด คนๆนึงมีปัญหาเขาก็หาจ้างคนใหม่แค่นั้น เพื่อให้ธุรรกิจเขาอยุ่รอดนายจ้างอยากออยุ่รอดในการทำธุรกิจบริหารงาน ด้วยการจ้างคนมาช่วยบริหารช่วยแบ่งเบางานขาดคนขาดตำแหน่ง เขาก็ตองรีบหาใหม่หรือรับคนใหม่ ต่อให้คนใหม่จะเก่งหรืออ่อน ประสบการณ์ เขาแค่ขอคนมาช่วยงาน เขาคิดแค่นี้ล่ะเราทำงานก็หวังคนเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว คุณทำงานชอบสถานที่คุณมีความสุขนั้นคือความสุขของคุณๆก็ทำไป คุณจะอยุ่ได้นาน คุณไม่ต้องคิดเลอะเทอะว่าคนจะรักคุณเพราะคุณทำดีนั่นนี่คุณทำเพื่อเงิน และ ความสุข ก็ พอ อย่าไปคิดเยอะแยะเลอะเทอะไร้สาระปันยาอ่อนครับวันนึงเรามีเงินเก็บมากพอที่จะดำรงชีวิตเลือกทางเดินของเราๆก็ออกไปเดินตามฝัน ครับ ที่ทำงานเขาไม่วิงวอนร้องขอ เขาแค่หาคนใหม่แค่นั้นและอวยพรให้เราประสบความสำเร็จ เขาไม่ได้ผูกผันไรกับลุกจ้าง ไม่ใช่ เป็น เมีย เป็น กิ๊ก เป็น ชุ้ สามี ภรรยา เขา#ใครไม่เคยเป็นนายจ้างหรือนักธุรกิจบริหารบริษัทจะไม่มีวันเข้าใจหรอกเพื่อนคุณโง่มากอายุเท่าไหร่แล้วผมอายุ25ทำโรงงานยังไม่โง่เท่าเพื่อนคุณ
การจะตราหน้าว่าคนอื่นโง่คือการนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจริงแล้วเพื่อนผมมัน "โง่" หรือไม่ เพราะไม่รู้บริบทอะไรเลยผมได้แต่แสดงความเห็นของตัวเองเท่านั้น จะไปว่าเพื่อนโง่คงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม
ผมเคยรักงานมากเกินไปครับแม้กระทั่งข้าวยังกินไม่ตรงเวลาทำงานเกิน20ชม. ยังเคย แต่ส่วนมากจะ12-13 ชม. เป็นงานใช้แรงมากกว่าใช้สมองแต่ก็ต้องใช้สมองแก้ไขปัญหาหรือมองแผนงานตลอด มาคิดได้ภายหลังว่าแก่ตัวไปคงทำแบบเดิมไปไม่ได้แน่จึงลาออกครับ
เราทำงานได้ ไม่ใช่ให้งานทำเรา
แม้แต่เจ้าของบริษัทเองถ้าไร้ประสิทธิภาพแล้วก็ยังถูกปลดมาเป็นแค่ผู้ถือหุ้นใหญ่ธรรมดาเลยโลกของบริษัทไม่มีคำว่าตลอดไป ผมอยู่บริษัทที่ญี่ปุ่นมา20+ปีมีพนักงานไม่กี่คนที่ได้รับได้รับเกียรติให้อยู่ในบริษัทแม้จะเกษียณอายุไปนานแล้วแต่คนพวกนี้พอบริษัทมีปัญหาเขาเป็นห้องสมุดเดินได้ดีๆนี้เองสายปานในสายงานเขาก็ยาวมาก
มันไม่ใช่ของจริง มันไม่ใช่ของเราจริงๆ ตอนเดินเข้าไปก็มีแค่ตัวทำจนมั่งคั่งเดินออกมาก็มีแค่ตัว สิ่งที่เราขายให้เขาคือเวลาแรงงานความสามารถ ในระยะเวลางาน ผมไม่เคยทำอะไรที่เกี่ยวกับงาน นอกเวลางาน
มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ครับ คนที่เก่งแบบเขาและไม่เจ็บป่วยก็ยังมีให้เลือกใช้ ทุกคนก็ทำเพื่อเงินทั่งนั้น ทั้งเพื่อนคุณ และเจ้าของบริษัท
wichate artsawang และผมด้วย
เรื่องนี่คือความเป็นจริงที่เจ็บปวดครับ โดนกับตัวจึงเข้าใจครับ
มองในอีกมุม นายจ้างหรือองค์กรเองก็ไม่ควรรักลูกจ้าง โดยเฉพาะการรักลูกจ้างบางคนเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้เกิดระบบเส้นสายโซตัสในองค์กร เพราะสุดท้าย นายจ้างไม่มีทางที่จะรักลูกน้องทุกคนได้อย่างเท่าเทียมกัน เพราะสุดท้ายแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง ก็คือผลประโยชน์ต่างตอบแทน
ผมว่าไม่ตรงกับ SOTUS นะ เพราะมันประกอบด้วยความอาวุโส ระเบียบ ประเพณี สามัคคี และจิตวิญญาณ แค่นายจ้างลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังมันไม่ตรงองค์ประกอบอะไรเลยส่วนที่เหลือผมเห็นด้วยครับ
@@ttasac ก็โดนลูกจ้างด้วยกันโซตัสกันเองแหละครับ นายจ้างถือหางใคร ก็เอาความเป็นคนเก่าคนแก่มาโซตัสใส่พนักงานใหม่ เจอมาแล้ว คนขับรถให้นาย เอาความใกล้ชิดกับนายมาเบ่งใส่คนอื่นราวกับเจ้านายไม่ปาน ขนาดผู้จัดการยังกลัวเลย
ถ้ามองในมุมกลับกัน มันก็พอๆกันนั้นล่ะครับ ต่อให้บริษั่ทรักคุณมากแค่ไหน แต่ถ้าบริษัทไม่่มีปัญญาจ่ายเงินให้คุณ คุณก็ทิ้งบริษัทเหมือนกันนั้นล่ะ มันก็พอๆกันนั้นล่ะครับ
ผมมองว่ามันเป็นบริบทของแต่ละคนนะ นายจ้างที่มองลูกจ้างเป็น "ทรัพยากร" อย่างเดียวก็เยอะ ส่วนลูกจ้างที่มองนายจ้างเป็น "ทางผ่าน" อย่างเดียวก็มาก แต่ที่แน่ ๆ คนที่อยู่ยาวอยู่ทนวิทยายุทธ์ต้องสูงน่าดู
ดีครับ แชร์ความรู้กันครับ
ไม่มีความรู้อะไรเลยนะตอนนี้
ผมเคยรักองค์กร ทำงานจนป่วยและทำงานไม่ได้มา 2 ปี ครับสรุปผมเจ๊งครับ
จริงที่สุดเลยครับพี่โต
จริงที่สุดครับคุณโต
คนชนชั้นกลางอย่างผม เกิดมาเป็นเฟืองให้บริษัทจนกว่าจะหมดสภาพละตายห่าไป จบ
อย่าลืมว่ายังมีทางเลือกที่จะลาออกนะ พร้อมหรือไม่นี่แล้วแต่บุคคล
ผมชอบพี่มากๆ สาระทั้งนั้น
ไม่จริ๊งงงงงงงงองค์กรรักเราเหมือนลูกแท้ๆๆๆๆๆ
ต้องรอนะว่ามีอะไรโผล่มาในชีวิต ไม่งั้นต้องเต้าเอาซึ่งผมไม่ทำ
เตือนสติได้ดีจัง
ใช่พิธีกรรายการ english breakfast รึเปล่าครับ
ไม่ใช่ครับ
จริงครับ.....
ถูกต้องที่สุด
ขอบคุณครับ โคช
ไม่ใช่โค้ชครับ เล่าเฉย ๆ
คุณโตพูดได้ตรงดีครับ
เค้าเห็นความทุ่มเทความตั้งใจของเพื่อนพี่โตแหละ ถึงยังไม่ไล่ออก
Fcพี่โตมาแล้วครับ
องค์กรแบ่งหุ้นขายให้พนักงานบ้างซิครับ มากน้อยก็ว่ากันไป
มีบางองค์กรให้หุ้นพนักงานฟรี ๆ ด้วยซ้ำ แต่ให้ทีละ 0.00001% เป็นขวัญกำลังใจและสร้างจิตสำนึกร่วมแต่... จะมีผลต่อลูกจ้างขนาดไหนต้องดูเป็นรายองค์กร
จริงที่สุด
พี่ๆเค้าจ้างงานคุณ ตามงานที่ทำ เมื่อเปลี่ยนหน้าที่รับผิดชอบน้อยลง เค้าก็จ่ายเงินตามงานที่เปลี่ยนไป อีกข้อนะ ไอ้คำว่ารักองค์กรณ์ ไม่เคยมาสายนะ มันถือว่ารักองค์กรณ์ หรอพี่ เค้าตกลงจ้างงานคุณ 07.00-17.00 คุณต้องมาให้ครงเวลา นั้นคือหน้าที่ไม่ใช้หรอ ถามเพื่อนพี่ดูสิคับ เคยกวาดพื้นโรงงานไหม เคยออกเงินช่วยเหลือองค์กรณ์ไหม ไม่สบายนอนโรงบาลเคยถามทางองค์กรณ์ไหม ว่างานในหน้าที่ใครจะทำแทน ไม่มีเลย นี้หรอรักองค์กรณ์ ผมเคยทำโรงงานประกอบยางรถยนต์ แม็กซีด เป็นงานยืนตั่งแต่ 7.00-20.00 อาทิตย์ละ 6 วัน ต้องยืนเท่านั้นไม่มีเก่าอี่้หรือที่พัก ขาอะไรทั้งนั้น เพราะมันอยู่กลางเครื่องจักร ขึ้นรูป ยาง ทำยาง วันละ 250 เส้นเป็นอย่างน้อย พอประกอบเสร็ดต้องยกยางรถยนต์ ไปใส รถลากอีกที สมัยนั้นพอเรียนจบ ก็ไปเที่ยวอยู่ 1เดือนแล้ว แฟ็คของไปหาความตื่นเต้น ให้ชีวิตเลย ผมเป็นพนักงานคนเดียวที่ จบ ป.ตรี ในสายการผลิตเลย ทำได้ 1ปี กลับบ้านแม่จำไม่ได้ กล้ามขึ้นทั่วตัวไปเลยสุดๆจริงๆ ทำตามที่เค้าจ้าง ไม่ได้เรียนรักองค์กรณ์หรอกนะ และเพื่อนพี่หน้าที่ QA ได้ 70000 ผมก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก
1. ความรักองค์กรมันเกิดขึ้นได้หลายแบบ บางคนคิดว่ายึดมั่นต่อหน้าที่อย่างจริงจังคือ "รักองค์กร" แล้ว ซึ่งไม่ได้แปลกอะไร ขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคลเลย2. ถ้าจำไม่ผิด (เรื่องนี้นานแล้ว) เพื่อนผมทำ QC สารเคมี ที่เข้าใจว่าต้องใส่ชุดป้องกัน และต้องเวียนเช็คหลายโรงงาน ผมว่าเจ็ดหมื่นที่ได้ก็สมเหตุสมผลดีนะ (น่าจะรวมค่าความเสี่ยงอื่น ๆ ไปด้วยมั้ง)ผมไม่เคยถามเรื่องตำแหน่งชัด ๆ กับมันสักที แต่จากที่รู้ว่าต้องตระเวนไป QC หลายโรงงาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าโรงงานจะไม่มี QC เป็นของตัวเอง ส่วนตัวคิดว่าตำแหน่งคงจะไม่แย่เลยล่ะ
อาจแจ้งขอได้ค่ะ บอกนายจ้างตรงๆ ว่าหายดีแล้ว
ก็คงแจ้งแล้วล่ะ แต่ผ่าหลังมามันคงไม่เหมือนเดิมแล้ว
#จำไว้ตัวฉันเราเป็นแค่ฝุ่นที่เกาะเฟือง
เฟืองนะเฟือง ฝุ่นเกาะเฟืองคือคนมุงดูจากรั้วหน้าออฟฟิศ
ระดับ 4 หมื่น คือ โคตรดี เลย ครับ
ก็น่าจะ Senior หรือหัวหน้าอะไรสักอย่างแล้วล่ะ
ใช่เลยค๊าบบ
เฮียพูดถูกฟังแล้วได้ความรู้เพื่มขึ้นเยอะ ขอบคุณครับ
ทั่วโลกครับ 😅😅
รักนายจ้างครับ อยากได้ทำเมีย 55555 หยอกๆนะครับ
มีแต่แก่ ๆ นะส่วนใหญ่
คำว่าครอบครัวจะเจอได้น้อยในการทำงานสักที่หนึ่ง.
การทำงานในองค์กรหรือในที่คนหมู่มาก เรื่องอื่นไม่ต้องสนเม่าไหร่ สนใจเเต่กฎระเบียบ ต้องเครงครัส เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้อยู่ร่วมกันได้ดีที่สุด
ใช่ครับ
ชอบครับได้เเง้คิดซึ่งเลย
ฟังคลิปนี้เป็นคลิปที่2 พอฟังจบ...ขัดแย้งกับคลิป ผิดเองที่แนะนำ แต่คำตอบสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับบริบทนะเวลานั้นๆ
ทัศนคติส่วนตัวของผมมันบิดได้เปลี่ยนได้ตามบริบทอะ
8:00 9:30
สิ้นเดือน ผมร่วมสนับสนุน ค่าใช้จ่าย นะ ครับ
ธรรมดาครับ งานบริษัท ผมก็ทำงานบริษัทเหมือนกันครับ ไม่มั่นคงแบบนั้นแระครับ ตำแหน่งสูงแค่ไหนจะเจ้งจะโดนไล่ออกก็ยุแค่คนคนเดียวคือนายจ้าง ตำแหน่งสูงเงินเดือน(เงินค่าจ้าง)เยอะแค่ไหน ก็ดับได้ในวูบเดียว เพราะคำว่าขาดทุน สิทธิของลูกจ้างหรอ?ไม่ต้องถามครับ ถึงเขาได้ผลกำไรมากเท่าไหน เขาก็ไม่ได้ให้เงินบำนาญเลี้ยงเราตลอดชีวิตหรอก อะไรก็ไม่แน่นอนงานธุรกิจรึบริษัทอะ
คนแบบนี้ต้องไปสายข้าราชการนู่น รักพี่รักน้อง แต่โรงงานที่ดีๆมันก็มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่โรงงานพวกจีนแดงแน่นอน โรงงานเจ้าของไทยก็มักไม่ใช่ ลองดูโรงงานไหนสหภาพแรงงานแข็งแกร่ง โรงงานนั้นแหละดี
องค์กรมีส่วนช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงขึ้น
และก็มีบางธุรกิจเช่นกันที่อาศัยการรับเข้า-ลาออกของลูกจ้างเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
บอกไห้มาก่อนเวลา ละไห้กลับหลังเวลา ขาดทุน วันละกี่ชั้วโมงนาทีละ ต้องทนไห้มันเอาเปรียบทีละนิดๆ เลิกงานช้าเป็นนาทีๆ เคยเอามาสะสมเป็นโอทีไห้ไหม
เรื่องนี้คุณต้องเอาไปคุยกับนายจ้างเอง และมันเป็นสิทธิพึงมีของคุณที่ต้องเรียกร้องในสิ่งที่คุณควรได้
บ้างาน ไม่รักตัวเอง
ผมว่าคนบ้างานคือคนรักตัวเองนะ เพราะเขามีความสุขกับงานที่ทำ แต่เขาอาจลืมรักสุขภาพตัวเอง
48000 ก็เยอะแล้วครับ บางคนแทบวัยชรายังได้ไม่ถึง 20000 อยากได้เยอะต้องไปลงทุนแล้ว ยิ่งผ่อนบ้านผ่อนรถยิ่งสร้างหนี้
รักอาชีพรักงานได้ แต่อย่า"ลัก"เมียนายจ้าง..น่ะจ๊ะ
Kitinan BOB ไม่ไหวอ่ะ ส่วนใหญ่แก่แล้ว
อย่างว่ามันเป็นเรื่องธุรกิจ
ถ้าเราไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ เราก็คือผ้าอนามัยใช้แล้วทิ้ง
เพิ่มถุงยางเข้าไปด้วยได้ไหม
👍👍👍👍👍
พูดได้ดีมากครับ แต่พาดหัวซะ ที่ยกตัวอย่างเฟือง ผมก็ทำธุรกิจครับบ้านผมทำเชิง ถ้อยทีถ่อยอาศัย ได้เห็นทั้งธุรกิจลูกค้ามากมาย แต่ธุรกิจยิ่งใหญ่ยิ่งไร้จิตใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ผู้นำนโยบาย แต่ที่สังเกต ยิ่งธุรกิจใหญ่แล้ว นโยบายแข็ง ยิ่งไม่มีเยื่อใย ถ้อยถี่ถ้อยอาศัยบางองค์ทำเชิงครอบครัว ลูกน้องแต่งยังเป็นผู้ไปขอให้ โบนัสให้ ไม่ชัดเจนตามผลประกอบการ แต่ไปมามีของฝาก ทำผิดแล้วผิดอีกก็แค่ตำหนิองค์กรธุรกิจที่ทำไม่มีเยื่อใย แบบเหตุเพื่อนคุณ คือปลดออก100% เคยเจอ จากเค้าเคยมีหลักแสน ปัจจุบันหลักร้อยหลักพันล้าน มานั่งขอเครดิตเยอะๆ นานๆ เพราะใหม่ แบงค์ยังไม่ให้ผ่าน ยิ่งทำยิ่งโต ภายหลังไปหาเจ้าใหม่ ได้ราคาถูกกว่าเรา10% ทั้งๆที่เราก็ขายถูกอยู่แล้ว ด้วยราคาวัตถุดิบลง จึงมีเจ้าใหม่มาแทรก ยกเลิกงานเราให้ไปฟ้องเอาเอง เราปล่อยวาง ภายหลัง ราคาเค้าตีขึ้น มาขอให้เราทำเสนอเหมือนเดิมแต่บางองค์ เราขายแพงกว่า 3-5% แต่เค้าก็เลือกเรา ทั้งๆที่เค้ารู้ว่า ถ้าเลือกอีกที เค้าก็ได้ผลกำไรเพิ่มขึ่้น 3-5%บางธุรกิจผู้นำ ยอมขายสินค้า A ขาดทุน เพื่อหวังขายสินค้า BCD แต่ธุรกิจไร้จิตใจ ไม่ขายสินค้า A ทันที
เพราะตัวเลขมันไม่โกหกไง
ใช้ไม่ได้กับทุกคน กล้าพูดครับ
ขยายความหน่อย
Injured from work related Why no protection Why worker do not awareLove what you do but company
This is how things come and go in this country and some employees choose to neglect the SOP for easy working environment.
พี่โต สนใจเป็นไลฟ์โค้ชไหมครับ5555555
ม่าย
ไม่เคยสายแต่ลาพักร้อนใช้สิทธิจนครบ เราคือเฟืองๆนึง จำไว้ให้ขึ้นใจ
ฟังแล้วเจ็บจี๊ดเลย ในเมื่อเราเป็นแค่เพียงเฟืองเล็กๆในสายตาผู้บริหาร แต่รู้สึกว่าสามารถทำได้ดีกว่านั้น เราควรบอกลาแล้วไปหาที่อื่นได้แล้ว ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติว่าองค์กรไม่เคยรักเราจริงครับ
วิธีคิดแบบเติบโตในหน้าที่การงานจากคลิปนี้ผมสรุปได้ 2 ข้อ คือ(1)การที่เรารักในงานที่ทำจะส่งผลได้เราใส่ใจในรายละเอียดย่อยๆ ผลงานจึงออกมาดีกว่าคนที่ทำงานแค่หวังเงินเดือนสูงๆ (2) ต่อจากข้อแรก ถ้าเราฝึกฝนทักษะเหล่านี้จนชำนาญ เราจะเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ และอาจจะออกมาประกอบกิจการของตัวเองได้เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมอะสม
ใช่เป็นหัวหน้างานอัพเกรดสอนรุ่นน้องต่อ
แรงงานคุณภาพส่วนมากก็จะเป็นแค่แรงงาน เพราะเขาพอใจกับสิ่งที่ได้รับมาอยู่ เมื่อเวลาเหมาะสม ธุรกิจอะไรที่ตอบโจทย์ความสามารถในการใช้แรงงาน
และงานแบบหน้างานหรือระบบไลน์ผลิตยิ่งยากที่จะนำเอาทักษะที่ชำนาญไปประกอบธุรกิจได้ หากทำได้แต่เงินลงทุนก็ยังไม่เพียงพอ แรงงานส่วนมากจึงทำได้แค่ตั้งใจทำงานและทำให้ดีที่สุดเพื่อหน้าที่การงานที่ตัวเองเป็นอยู่จะได้ดีขึ้น
ถ้าเลือกสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะไม่มีเงินเก็บมากพอสำหรับลงทุนธุรกิจผู้ประกอบการ
ถ้าเลือกเก็บเงินเพื่อธุรกิจก็จะพอมีเหมือนอยู่ ณ ตอนที่ตัวเองเป็น จะทนได้นานแค่ไหน รถ บ้าน ใครๆก็อยากมี
เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ก็จริง ต่างฝ่ายต่างอยู่ด้วยผลประโยชน์มากขึ้น แต่พอเป็นแบบนี้มากขึ้นในปัจจุบัน ก็เกิดปัญหาวนมา คือพนักงานอยู่ไม่นาน เข้าๆ ออกๆ อันนี้ก็ต้องรับกันไป ในเมื่อนายจ้างใช้ระบบเงินในองค์กรเป็นเกณฑ์หลัก ลูกจ้างก็มีสิทธิที่จะเปลี่ยนงานตามต้องการเช่นกัน แฟร์ๆ
นี้คือเรื่องจริง ที่พนักงาน บริษัทหลายคนไม่ยอมรับ และบางทีก็ถูกสอนมา
แต่บางที องค์กร ชอบพูดและสะสมให้เหมือน เรารักองค์กร เป็นอย่างมาก ยิ่ง อยู่ บ. ญี่ปุ่น ยิ่งถูกปลูกฝั่งแบบนี้ .... แต่กลายเป้นว่า บทจะเตะคนออก นี้เตะแบบนิ่งๆหน้าตาเฉยมาก
Tul Phomprasert ผมเคยรู้แต่ว่าบริษัทญี่ปุ่นมากดูแลพนักงานไปจนเกษียณ ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีการไล่ออกหน้าตาเฉยด้วย
@@ttasac หน้าจะเป็นภาพจำแล้วคุณโต .... ตอนนี้หลายบริษัท เรียกได้ว่า เชิญ จ้ะ เชิญญญญญญญญญญญญญญ เลยยยยยย
น่าจะเป็นยุคพ่แม่เราอะครับที่ บ.ญี่ปุ่นเลี้ยงยาวววว
@@ttasac สายล่ามกำลังจะถูก ai เข้ามาแทน ถูกต่อรองลดเงินเดือน 50%กันง่ายๆ คิดจะทิ้งก็ทำเหมือนผ้าอนามัยใช้แล้ว
@@tsukikosora ก่อนโควิดไปที่ญี่ปุ่นก็ใช้เครื่องแปลภาษาอัตโนมัติแทนล่ามเหมือนกัน
องค์กรที่ดี สมควรจะรักก็มีอยู่เยอะครับ ขึ้นอยู่กับผู้บริหารครับ
เห็นด้วยครับ แต่ต้องไม่ลืมว่าอยู่กันด้วยผลประโยชน์เป็นหลัก ถ้าเฟืองตัวใดเริ่มสึกหรอทำงานไม่ไหวถ้านายจ้างใจดีก็ย้ายตำแหน่งทดแรงให้ แต่ถ้าจะให้ออกพร้อมเงินชดเชยเลยก็เป็นสิทธิ์เช่นกัน
แรกๆผมก็รักองค์กรเหมือนกับเพื่อนคุณนั่นแหละครับ แต่พออยู่มานานๆเข้าผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่เลย ใช้งานปานขี้ข้า แต่สิ้นปีมาก็เอาแต่พวกพ้องตัวเอง ทุกวันนี้ ผมคิดแค่ว่ามาทำงานตามหน้าที่ รอเลิกงานก็กลับ ใครจะว่าเป็นพวกเช้าชามเย็นชามก็ช่าง เพราะยังไงซะ ต่อให้ทำดีขนาดไหน สุดท้ายก็แค่เสมอตัว เก็บความขยัน เก็บมันสมอง เก็บทักษะไว้ใช้ ตอนประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองตอนแก่ดีกว่า "ขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย"
รายนี้กระดูกสันหลังเสื่อมเพราะยกของหนักๆ เป็นเวลานาน ดังนั้นต้องพิจารณาหน้าที่ที่ทำว่า
เหมาะสม หรือไหวหรือไม่ มีขั้นตอน หรือตัวช่วย หรือเครื่องมือทุ่นแรงหรือไม่ รายนี้ป่วยจากหน้าที่เห็นด้วยที่เปลี่ยนหน้าที่ แต่ก็ควรได้รับการพิจารณาพิเศษเรื่องรายได้ ปกติบริษัทใหญ่หรือมาตรฐานจะไม่ลดเงินเดือน แต่เงินพิเศษในหน้าที่อาจไม่ได้เหมือนเดิม อย่างนี้พนักงานพอรับได้ครับ
ถ้าจำไม่ผิด เคสนี้ก็ฐานเงินเดือนเท่าเดิม แต่เงินพิเศษหายหมดครับ
เมื่อใดขึ้นระดับบริหาร การเมืองจะเยอะมากๆ แบบ ไทยสไตล์ นี่ก็คือทักษะอีกอย่างที่ต้องเรียนรู้ ในช่วงเวลาตรงนี้ หลายคนต้องออกมาทำธุรกิจเอง เป็นคู่แข่งบ้าง คู่ค้าบ้าง .... ยิ่งสูง ยิ่งหนาว แอร์ยิ่งเปิดนาน ยิ่งหนาวครับ........องค์กรคือ คน และ หรือ ผู้ถือหุ้น และ หรือ ครอบครัว ผู้ลงทุน หลักการง่าย ๆ คือ ทำกำไร ไม่มีใครลงทุนแล้วยอมขาดทุนหรอกครับ........เจอมาหลายองค์กรแล้ว เหมือนกันหมด ตั้งแต่ เล็ก กลาง ใหญ่ ยัน มหาชน
เม้นนี้ ตรงใจผมมาก ซึ่งผมเห็นด้วย เพราะมาเป็นระดับผู้จัดการ 10 ปี แล้วถึงจึดที่เบื่อ เพราะย้ายที่ทำงานก็เหมือนเดิม ตอนนี้กำลังจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัว
ผิดกับองค์กร ข้าราชการครับ เข้างาน 09:00- พูดจาอย่างกับผัวไม่นอนด้วย 11:20 พักเที่ยง 13:40 เข้าทำงาน 16:00 กลับบ้านละครับ ไม่เห็นมันโดนไล่ออกสักทีครับ
เรื่องนี้จะไม่ยุ่ง...
@@ttasac 555
เข้างานอะ8โมงครับ แต่กว่าจะแต่งหน้า กว่าจะจัดโต๊ะ โม้คุยกันก็9โมง 11.30 พักกินข้าว มาอีกทีบ่ายโมง เลิกงาน4โมง แต่เริ่มเก็บของเก็บกระเป๋า ตั้งแต่บ่าย3
เรารู้ ทุกคนรู้
ระบบมันครอบคลุมทั่วประเทศ
ระบบมันมีอิทธิพล แบ่งกันกินกันจ่าย
ผิดทั้งซึ่งหน้าลับหลังก็ย้งไม่โดนไล่ถ้าเรื่องไม่แดง ส่วนมากจะมีแค่เรื่องเงียบไปเองหรืออาจจะโดนย้าย
ก็ลองไปทำแบบนี้กับหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ให้บริการ ปชช สิครับ โดนคอมเพลนยับ (อ้อ ถ้าเป็นแถวบ้านนอกคงไม่ค่อยมีคอมเพลน แต่ในกทม.คอมเพลนกันเป็นว่าเล่น ศูนยดำรงค์ธรรมลุกเป็นไฟ) แต่คนก็ไม่ค่อยอยากมีเรื่องกะคนพวกนี้หรอกครับ เขาช่วยกัน จำดำเนินการอะไรก็อืดอาดยืดยาดไปหมด ถ้าเรื่องไหนนายสั่งลงมาจะเร็วมาก เพราะเลียเก่ง
แนวคิดชัดเจนดีครับ มีมุมมองหลากหลายทั้งองค์กรและลูกจ้าง ถ้าลูกจ้างคิดได้เช่นนี้ จะประสบความสำเร็จได้ง่าย และไม่ผิดหวังเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
จำไว้ว่าผมรักพวกคุณเสมอ💙
พูดได้ตรงมากๆ ถูกต้องตามความเป็นจริง
คุณอาจได้เจอบริษัทที่จริงใจต่อพนักงานถึงแม้จะมีน้อย แต่มีนะครับ
และสำคัญเราในฐานะเป็นพนักงาน การทำงานสุ่มเสี่ยง ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ
ร่างกาย ต้องคำนึงความปลอดภัยของตัวเองก่อนลงมือทำ อุปกรณ์อะไรที่เชฟตี้เราได้ ควรใช้ และก่อนทำควรถามตัวเองก่อน" แบบนี้ปลอดภัยหรือยัง" แล้วเราจะทำงานได้ปลอดภัยและมั่นคง
ถูกต้อง บริษัทที่จริงใจต่อพนักงานนั้นมีจริง แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ลูกจ้างควรรักองค์กรอย่างหัวปักหัวปำอยู่ดี
ควรทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อฝึกความชำนาญเพื่อขยายโอกาสให้กับตัวเองในอนาคต
จริงๆเจ้านายที่ดีจริงๆ จริงใจ
และลูกน้องที่ดีงาม น่าผลักดัน
มันมีจริงนะครับ
ส่วนตัว ผมให้ความเคารพ และใส่ใจกับ ตำแหน่งที่มากกว่า และต่ำกว่า
เพียงแค่ ตัดออกให้ได้ง่านด้วยเหมือนกัน
เมื่อเราพบข้อเสีย ที่ไม่ใช่ในการทำงาน ไม่ว่าจะ นินทา หรือ เสี้ยม
ผมก็ไม่เสียดายใจที่ให้ไป ถือว่า ผมก็ได้อะไรกลับมา เป็นการอยู่แบบ พึ่งพาอาศัย กัน
ถ้ามีก็ดีครับ
เค้าไม่ไล่ออกก็ดีแล้วครับ
งานผมทำไฟแรงสูงไม่ดับไฟ มีน้องทำงานพลาด ผลคือต้องตัดขา โชคดีที่พวกเราจบจาก ร.ร.ขององค์กรนี้ จึงมีความรู้หลายด้าน จึงถูกย้ายตัวไปทำงานตำแหน่งอื่น
สุดท้ายถ้าพวกเราทำงานไม่ได้เค้าก็ต้องเอาเราออกกันทั้งนั้น
จริงครับ
เราไม่ได้สำคัญหรอก เราก็แค่ฟันเฟืองตัวหนึ่งขององค์กร มีคนที่พร้อมจะมาแทนที่เราตลอดเวลา
ถูกที่สุดผมเจอมากลับตัวเองแล้วคิดว่าตัวเองสำคัญขาดเราไม่ได้แน่มีวันหนึ่งมีเด็กใหม่มา เริ่มทำงานหลังจากนั้นได้ 1อาทิตย์ผมก็เห็นถึงความแตกต่างจากเจ้านายแล้วก็คนรอบข้างอย่าเห็นได้ชัด
โลกทุนนิยมมันโหดร้ายอย่างนี้ละ
ไม่ได้เป็นลูกจ้างแล้ว ฟังแล้วชอบครับ เล่าได้ดี
ผมก็ไม่เป็นและไม่คิดจะเป็นแล้ว
เห็นด้วยครับ และจะไปโทษโรงงานไม่ได้เพราะเมื่อคุณป่วยนานมากๆ เขาก็ต้องหาคนอื่นมาทำแทนไม่งั้นงานต้องหยุดซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ และเมื่อคุณกลับมา จะให้เอาคนที่มาทำแทนคุณไปไว้ไหน ไล่ออกเพื่อเอาคุณกลับมาทำเหรอ แล้วเขาคนนั้นจะเป็นอย่างไร จำไว้ว่าทำงานต้องรักษาสุขภาพควบคู่กันไปด้วย เพราะถ้าป่วยนานคุณต้องเสียตำแหน่งหน้าที่ตรงนั้นไป แล้วจะไปเรียกร้องเอากับใคร แต่ถ้าอยากให้กลับมาตำแหน่งเดิมได้แม้จะป่วยนานก็ตาม อันนี้คุณต้องรับราชการครับ
ผมเคยเป็นพนักงานขายนำ้เมายี่ฮ้อหนึ่ง ได้หยุดแค่เดือนละวัน ให้เซ็นหนังสือว่าสมัครใจทำงานวันหยุด
กดดันยอดขาย บังคับจิตใจทุกวัน
เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ เขาไม่สนเราหรอกครับ เขาสนแต่ยอดขาย
ไม่มีเราเขาก้ออยู่ได้ ยิ่งพนักงานขายแก่ๆเงินเดินสูงแล้ว ยิ่งถูกกดดันหนัก เขาคงคิดว่าจ้างเด็กจบใหม่ จ่ายถูกกว่า
เพราะบริษัทเปิดเพื่อหวังผลกำไร เศร้าแต่จริง
เห็นบางคนเกษียณ ได้เป็นล้านนี่
ถ้ามีธุระของครอบครัวก็ลา ไม่ต้องคิดมาก เราตายไปเขาหาคนแทน แต่ครอบครัวหาใครแทนไม่ได้นะครับ
เคยเป็นเหมือนกันครับ เหล็กเข้าตาตอนตรวจงาน จนต้องลาไปเกือบอาทิตย์ กลับมาอีกทีโดนย้ายแผนกไปอยู่เสมียนได้เงินเดือนเท่าเดิมแต่ตำแหน่งไม่โตแล้ว
จริง!! ตั้งแต่ชื่อคลิป
ลูกพี่ผมเสียชีวิตไปแล้วคับ แต่บุญคุณที่เขาเคยให้โอกาศผมตอนลำบากยังคงอยู่ ใครไม่เจอ ไม่รู้คับ. แต่ก็ถูกที่ต้องมีแพทชั่นในการทำงาน ไม่ต้องกลัวจะทำงานจนเหนื่อยตายคับ มันจะน้อยลงหลังอายุ40 วางรากฐานให้แข็งแรงให้ได้ ก่อน 40 คับ.
ผมไม่เคยไฝ่ฝันที่อยากทำงานดีๆเงินเดือนสูงๆเลยนะ
ผมไฝ่ฝันที่ทำอะไรเป็นของตัวเองไม่เป็นลูกน้องไครเป็นนายจ้างตัวเอง
ง่ายๆ คือผมไม่อยากทำงานโรงงานครับเพราะรู้สึกว่าชีวิตมันไม่เป็นของตัวเองเวลาของตัวเองแทบจะไม่มีเลย
ผมเป็นฝ่ายผลิต ผมก็คิดเเบบนี้ ใส่ใจในอาชีพ ทำงานตามที่ได้มอบหมายให้เสร็จสิ้น ส่วนเรื่องวัฒนธรรมองกรค์จะเป็นยังไง ก็ช่างมัน เพราะมันเป็นของฝ่ายออฟฟิศ เพราะพนักงานฝ่ายผลิต ก็เฟืองชั้นล่างเล็กๆ ที่เปลี่ยนอันไหนก็ได้
แต่ก็นะ พวกฝ่ายบริหาร ผจก มักจะพูดเสมอว่า เราต้องรักองค์กร เราควรบ้านของเรา ทุเรศมากว่ะ
ทุกคนมาทำงานเพื่อเงิน ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก
เนื้อหาโดนใจมากกครับ ขอแชร์แบบรัวๆเลยครับ ขอบคุณสำหรับการพูดถึงเรื่องนี้ ในมุมมองดีๆแบบนี้ ตรงใจผมมากครับ ขอบคุณครับ
หลังจากหมดประโยชน์
ก็โดนบืบออกจากงานมาเข้าปีที่ 11 แล้ว
เสียดายน่าจะโดนเร็วกว่านั้น(พูดจริงๆ)
เพราะผมเอาเวลาในแต่ละวันไปทุ่มให้องค์กรแทบหมด
แม่เห็นว่ายุ่งก็ไปหาหมอเองไม่อยากรบกวนลูก
สุดท้ายพาไปหาหมอตรวจอย่างละเอียดก็พบว่า
แม่เป็นมะร็งที่ปอดระยะสุดท้าย
หลายครั้งที่ลูกสาวรอจนหลับ
งานแสดงบนเวทีของลูกสาวผมก็ไม่ได้ไป(ตอนนั้น4ขวบ)
หลังจากออกมาแล้วก็มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
เสียดายที่ย้อนวันเวลาไม่ได้
เจ็บช้ำจากองค์กร จำฝังใจ
ผมไม่เคยขาดลา มาสาย เรื่องปกติของผม ไม่ใช่ว่ารักองร์กรหรือนายจ้างนะ โครตเกลียดเรย แต่มันเป็นความรับผิดชอบเป็นหน้าที่ครับ เอาเงินเขามาต้องทำงานให้คุ้มกับเงินที่เขาจ้างมาเท่ามาก็เท่านั้น
ประเทศในยุคนี้คนส่วนใหญ่คงสร้างตัวไม่ไหวหรอกครับ แค่เอาชีวิตให้รอดก็เต็มที่แล้ว
ช่วงนี้ลำบากจริง
มุมมองนายจ้างไม่ใช่แบบนั้นทุกคนนะครับ บุคคลที่รักองค์กรเต็มที่กับองค์กรเป็นสิ่งที่นายจ้างต้องการเป็นอันดับแรกๆ แน่นอน เรื่องที่เกิดขึ้นในกรณีของคุณผมมองว่าอยู่ที่การเจรจามากกว่าครับ รักไม่รักไม่ได้เกี่ยวเลย
นายจ้างทุกคนล้วนอยากให้ลูกจ้างรักองค์กรครับ เพราะเวลาลูกจ้างรักองค์กรส่วนใหญ่แปลได้ว่ารักนายจ้างด้วย
ถ้าผลประโยชน์ลงตัว ทั้งสองฝ่ายคิดว่าตนได้รับความยุติธรรม การผูกพันกันไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติ แต่ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้ไม่จีรัง เพราะทั้งสองฝ่ายร่วมงานกันด้วยผลประโยชน์ และความรู้สึกอยู่สบายหรือเป็นธรรมของทั้งสองฝ่ายหลายครั้งมันเปลี่ยนแปลงได้ง่ายแค่ลมปากลอย ๆ เท่านั้น
ลูกจ้างในฐานะที่มีอำนาจต่ำกว่านายจ้าง (ยกเว้นรวมกลุ่มกันจนเป็นสหภาพหรือเป็นกลุ่มใหญ่) ไม่ควรรักองค์กร แต่ควรทำงานของตัวเองให้เต็มที่เพื่อขยายโอกาสในอนาคตของตัวเองครับ
นี่คือความเห็นของผม
โทษทีครับ.. บริษัทไม่มีชีวิตจิตรใจ
และไร้ความรู้สึก พนักงานผ่านมาและออกไป แต่บริษัทต้องอยู่..!!
เราก็เช่นกันครับ มีบริษัทผ่านเข้ามาและออกไป..แต่ชีวิตเราต้องอยู่..!!
😁
อันที่จริงควรรักงานและองค์กรแหละครับ แต่ต้องรักตัวเองด้วย และรักอยู่ในคาบเวลาไม่ใช่รักตลอดเวลา
ส่วนตัวผมคือรักงานได้ แต่อย่ารักองค์กร ควรทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มที่่เสมอเพื่อเพิ่มความชำนาญและไม่ตัดโอกาสตัวเองในอนาคตครับ
ขอแนวนี้อีกครับผมว่าดีมาก
ฟังครั้งแรก สุดยอดเลยกดซํบแล้ว เน่อ
เพื่อนคุณถือว่าโชคดีมากแล้วที่คิดว่างานที่ทำอยู่มันคืองานที่เขารัก ทำแล้วมีความสุข เพราะอย่างน้อยมันก็ยังเป็นงานที่เขารัก แต่อีกหลายๆคนเขาเลือกงานไม่ได้นะครับ หลายคนเขาไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้วเปลี่ยนงานไม่ได้ด้วยซ้ำ จะแนะนำอย่างไรดีครับ
ทำเท่าที่ทำได้และเก็บเงินให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาค่อยออกมาตามความฝัน
คุณ โต พูดชัดเจนมาก
ซึ้งเลยครับตอนนี้ ขอบคุณครับ
พูดได้ดีมากครับ โดนใจผม ณ ตอนนี้
เป็นคลิบที่ดีมากจริงๆครับ
หัวข้อนี้โดนใจมากครับ กำลังเสียวๆ อยู่เลย
ตรงที่สุดครับถึงเราไม่พร้อมทำเขาก็เอาคนอื่นมาแทนเราแค่นั้นจบ เขาไม่สนใจเราหรอก เผื่อใจไว้เจ็บด้วยนะมนุษย์เงินเดือน
ในเคสของเพื่อนคุณ..คุณพูดถูก
ผมว่าทางบ.ก็ยังมีมโนธรรมนะครับ
ในเมื่อสุขภาพเพื่อนคุณเป็นแบบนี้
งานที่รับผิดชอบก็ด้อยลงไป
ไม่ให้ออกเลยก็ถือว่าดีแล้วนะ
ใช่ นายจ้างใจดีกว่าผมอีก
องค์กรต้องการคนที่ใช่ หลายองค์กร เมื่อเห็นคนงานที่โรงงานอื่นหรือบริษัทใหนที่ทำงานเก่งๆ เก่งๆ(คนที่ใช่)ก็จะดึงตัวเข้ามา ใช้ประโยช์น เมื่อโรงงานหรือบริษัทตัวเองได้ประโยช์นที่ต้องการแล้วและหาเด็กใหม่มาเรียนรู้ เมื่อทำงานได้ ก็จะหาวิธี กำกัดคนที่ใช่ที่ขูดความรู้ออกมาจนหมดนั้นออกไป และไปหาคนที่ใช่คนใหม่ ต่อไป ส่วนคนงานอื่นๆก็เป็นฟันเฟืองที่สามารถ เอาคนรุ่นต่อๆไปเข้าไปทำแทนเมื่อหมดสภาพ หรือเงินเดือน ค่าแรงสูงขึ้น ก็จะหาวิธีกดดันหรือกลั่นแกล้งจนต้องออกไปเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเป็นโรงงานหรือบริษัทญี่ปุ่นในไทย เขาไม่ทำแบบนี้
ผมเห็นองค์กรที่ยังเก็บคนเก่าคนแก่ โดยเจ้าของเป็นคนจีนหรือคนไทยอยู่เยอะครับ ถ้าต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์กัน จะอยู่กันไปยาว ๆ ก็ไม่แปลกอะไร
ผมพึ่งเข้ามาดูคลิปช่องนี้ช่องแรกสำหรับคนทำงานทุกที่
การทำงานทุกที่ทุกบริษัทหรือโรงงาน
นายจ้างเขามีสิทธิในการเลิกจ้างการทำงานของคุณ ถ้าคุณลาบ่อย นั้นนี้ การทำงาน แต่่ล่ะ แผนก ของเขาก็ขาด ปัญหาเขาก็อาจมีตามมาเพียงแต่คุณไม่รุ้เพราะคุณทำงานเพื่อเงิน
ถามว่าทุกวันนี้คนเราทำงานเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพื่อเงิน นายจ้างก็ต้องทำงานบริหาร ลุกจ้าง บริษัท ให้อยุ่ต่อได้โดยการจ้างคนมาช่วยการทำงาน เขาไม่ได้แครหรอกว่าคุณจะเก่งทำงานเทพขนาดไหนปันยาอ่อน
นายจ้างเขาแค่รุ้สึกดีที่มีคนขยันทำงานนั้นนี้เพื่อบริษัทจะอยุ่รอด คนๆนึงมีปัญหาเขาก็หาจ้างคนใหม่แค่นั้น เพื่อให้ธุรรกิจเขาอยุ่รอด
นายจ้างอยากออยุ่รอดในการทำธุรกิจบริหารงาน ด้วยการจ้างคนมาช่วยบริหารช่วยแบ่งเบางาน
ขาดคนขาดตำแหน่ง เขาก็ตองรีบหาใหม่หรือรับคนใหม่ ต่อให้คนใหม่จะเก่งหรืออ่อน ประสบการณ์ เขาแค่ขอคนมาช่วยงาน เขาคิดแค่นี้ล่ะ
เราทำงานก็หวังคนเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว คุณทำงานชอบสถานที่คุณมีความสุขนั้นคือความสุขของคุณๆก็ทำไป คุณจะอยุ่ได้นาน คุณไม่ต้องคิดเลอะเทอะว่าคนจะรักคุณเพราะคุณทำดีนั่นนี่
คุณทำเพื่อเงิน และ ความสุข ก็ พอ อย่าไปคิดเยอะแยะเลอะเทอะไร้สาระปันยาอ่อนครับ
วันนึงเรามีเงินเก็บมากพอที่จะดำรงชีวิตเลือกทางเดินของเราๆก็ออกไปเดินตามฝัน ครับ ที่ทำงานเขาไม่วิงวอนร้องขอ เขาแค่หาคนใหม่แค่นั้นและอวยพรให้เราประสบความสำเร็จ เขาไม่ได้ผูกผันไรกับลุกจ้าง ไม่ใช่ เป็น เมีย เป็น กิ๊ก เป็น ชุ้ สามี ภรรยา เขา
#ใครไม่เคยเป็นนายจ้างหรือนักธุรกิจบริหารบริษัทจะไม่มีวันเข้าใจหรอกเพื่อนคุณโง่มากอายุเท่าไหร่แล้วผมอายุ25ทำโรงงานยังไม่โง่เท่าเพื่อนคุณ
การจะตราหน้าว่าคนอื่นโง่คือการนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจริงแล้วเพื่อนผมมัน "โง่" หรือไม่ เพราะไม่รู้บริบทอะไรเลย
ผมได้แต่แสดงความเห็นของตัวเองเท่านั้น จะไปว่าเพื่อนโง่คงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม
ผมเคยรักงานมากเกินไปครับแม้กระทั่งข้าวยังกินไม่ตรงเวลาทำงานเกิน20ชม. ยังเคย แต่ส่วนมากจะ12-13 ชม. เป็นงานใช้แรงมากกว่าใช้สมองแต่ก็ต้องใช้สมองแก้ไขปัญหาหรือมองแผนงานตลอด มาคิดได้ภายหลังว่าแก่ตัวไปคงทำแบบเดิมไปไม่ได้แน่จึงลาออกครับ
เราทำงานได้ ไม่ใช่ให้งานทำเรา
แม้แต่เจ้าของบริษัทเองถ้าไร้ประสิทธิภาพแล้วก็ยังถูกปลดมาเป็นแค่ผู้ถือหุ้นใหญ่ธรรมดาเลยโลกของบริษัทไม่มีคำว่าตลอดไป ผมอยู่บริษัทที่ญี่ปุ่นมา20+ปีมีพนักงานไม่กี่คนที่ได้รับได้รับเกียรติให้อยู่ในบริษัทแม้จะเกษียณอายุไปนานแล้วแต่คนพวกนี้พอบริษัทมีปัญหาเขาเป็นห้องสมุดเดินได้ดีๆนี้เองสายปานในสายงานเขาก็ยาวมาก
มันไม่ใช่ของจริง มันไม่ใช่ของเราจริงๆ ตอนเดินเข้าไปก็มีแค่ตัวทำจนมั่งคั่งเดินออกมาก็มีแค่ตัว สิ่งที่เราขายให้เขาคือเวลาแรงงานความสามารถ ในระยะเวลางาน
ผมไม่เคยทำอะไรที่เกี่ยวกับงาน นอกเวลางาน
มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ครับ คนที่เก่งแบบเขาและไม่เจ็บป่วยก็ยังมีให้เลือกใช้ ทุกคนก็ทำเพื่อเงินทั่งนั้น ทั้งเพื่อนคุณ และเจ้าของบริษัท
wichate artsawang และผมด้วย
เรื่องนี่คือความเป็นจริงที่เจ็บปวดครับ โดนกับตัวจึงเข้าใจครับ
มองในอีกมุม นายจ้างหรือองค์กรเองก็ไม่ควรรักลูกจ้าง โดยเฉพาะการรักลูกจ้างบางคนเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้เกิดระบบเส้นสายโซตัสในองค์กร เพราะสุดท้าย นายจ้างไม่มีทางที่จะรักลูกน้องทุกคนได้อย่างเท่าเทียมกัน เพราะสุดท้ายแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง ก็คือผลประโยชน์ต่างตอบแทน
ผมว่าไม่ตรงกับ SOTUS นะ เพราะมันประกอบด้วยความอาวุโส ระเบียบ ประเพณี สามัคคี และจิตวิญญาณ แค่นายจ้างลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังมันไม่ตรงองค์ประกอบอะไรเลย
ส่วนที่เหลือผมเห็นด้วยครับ
@@ttasac ก็โดนลูกจ้างด้วยกันโซตัสกันเองแหละครับ นายจ้างถือหางใคร ก็เอาความเป็นคนเก่าคนแก่มาโซตัสใส่พนักงานใหม่ เจอมาแล้ว คนขับรถให้นาย เอาความใกล้ชิดกับนายมาเบ่งใส่คนอื่นราวกับเจ้านายไม่ปาน ขนาดผู้จัดการยังกลัวเลย
ถ้ามองในมุมกลับกัน มันก็พอๆกันนั้นล่ะครับ ต่อให้บริษั่ทรักคุณมากแค่ไหน แต่ถ้าบริษัทไม่่มีปัญญาจ่ายเงินให้คุณ คุณก็ทิ้งบริษัทเหมือนกันนั้นล่ะ มันก็พอๆกันนั้นล่ะครับ
ผมมองว่ามันเป็นบริบทของแต่ละคนนะ นายจ้างที่มองลูกจ้างเป็น "ทรัพยากร" อย่างเดียวก็เยอะ ส่วนลูกจ้างที่มองนายจ้างเป็น "ทางผ่าน" อย่างเดียวก็มาก แต่ที่แน่ ๆ คนที่อยู่ยาวอยู่ทนวิทยายุทธ์ต้องสูงน่าดู
ดีครับ แชร์ความรู้กันครับ
ไม่มีความรู้อะไรเลยนะตอนนี้
ผมเคยรักองค์กร ทำงานจนป่วย
และทำงานไม่ได้มา 2 ปี ครับ
สรุปผมเจ๊งครับ
จริงที่สุดเลยครับพี่โต
จริงที่สุดครับคุณโต
คนชนชั้นกลางอย่างผม เกิดมาเป็นเฟืองให้บริษัทจนกว่าจะหมดสภาพละตายห่าไป จบ
อย่าลืมว่ายังมีทางเลือกที่จะลาออกนะ พร้อมหรือไม่นี่แล้วแต่บุคคล
ผมชอบพี่มากๆ สาระทั้งนั้น
ไม่จริ๊งงงงงงงง
องค์กรรักเราเหมือนลูกแท้ๆๆๆๆๆ
ต้องรอนะว่ามีอะไรโผล่มาในชีวิต ไม่งั้นต้องเต้าเอาซึ่งผมไม่ทำ
เตือนสติได้ดีจัง
ใช่พิธีกรรายการ english breakfast รึเปล่าครับ
ไม่ใช่ครับ
จริงครับ.....
ถูกต้องที่สุด
ขอบคุณครับ โคช
ไม่ใช่โค้ชครับ เล่าเฉย ๆ
คุณโตพูดได้ตรงดีครับ
เค้าเห็นความทุ่มเทความตั้งใจของเพื่อนพี่โตแหละ ถึงยังไม่ไล่ออก
Fcพี่โตมาแล้วครับ
องค์กรแบ่งหุ้นขายให้พนักงานบ้างซิครับ มากน้อยก็ว่ากันไป
มีบางองค์กรให้หุ้นพนักงานฟรี ๆ ด้วยซ้ำ แต่ให้ทีละ 0.00001% เป็นขวัญกำลังใจและสร้างจิตสำนึกร่วม
แต่... จะมีผลต่อลูกจ้างขนาดไหนต้องดูเป็นรายองค์กร
จริงที่สุด
พี่ๆเค้าจ้างงานคุณ ตามงานที่ทำ เมื่อเปลี่ยนหน้าที่รับผิดชอบน้อยลง เค้าก็จ่ายเงินตามงานที่เปลี่ยนไป อีกข้อนะ ไอ้คำว่ารักองค์กรณ์ ไม่เคยมาสายนะ มันถือว่ารักองค์กรณ์ หรอพี่ เค้าตกลงจ้างงานคุณ 07.00-17.00 คุณต้องมาให้ครงเวลา นั้นคือหน้าที่ไม่ใช้หรอ ถามเพื่อนพี่ดูสิคับ เคยกวาดพื้นโรงงานไหม เคยออกเงินช่วยเหลือองค์กรณ์ไหม ไม่สบายนอนโรงบาลเคยถามทางองค์กรณ์ไหม ว่างานในหน้าที่ใครจะทำแทน ไม่มีเลย นี้หรอรักองค์กรณ์ ผมเคยทำโรงงานประกอบยางรถยนต์ แม็กซีด เป็นงานยืนตั่งแต่ 7.00-20.00 อาทิตย์ละ 6 วัน ต้องยืนเท่านั้นไม่มีเก่าอี่้หรือที่พัก ขาอะไรทั้งนั้น เพราะมันอยู่กลางเครื่องจักร ขึ้นรูป ยาง ทำยาง วันละ 250 เส้นเป็นอย่างน้อย พอประกอบเสร็ดต้องยกยางรถยนต์ ไปใส รถลากอีกที สมัยนั้นพอเรียนจบ ก็ไปเที่ยวอยู่ 1เดือนแล้ว แฟ็คของไปหาความตื่นเต้น ให้ชีวิตเลย ผมเป็นพนักงานคนเดียวที่ จบ ป.ตรี ในสายการผลิตเลย ทำได้ 1ปี กลับบ้านแม่จำไม่ได้ กล้ามขึ้นทั่วตัวไปเลยสุดๆจริงๆ ทำตามที่เค้าจ้าง ไม่ได้เรียนรักองค์กรณ์หรอกนะ และเพื่อนพี่หน้าที่ QA ได้ 70000 ผมก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก
1. ความรักองค์กรมันเกิดขึ้นได้หลายแบบ บางคนคิดว่ายึดมั่นต่อหน้าที่อย่างจริงจังคือ "รักองค์กร" แล้ว ซึ่งไม่ได้แปลกอะไร ขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคลเลย
2. ถ้าจำไม่ผิด (เรื่องนี้นานแล้ว) เพื่อนผมทำ QC สารเคมี ที่เข้าใจว่าต้องใส่ชุดป้องกัน และต้องเวียนเช็คหลายโรงงาน ผมว่าเจ็ดหมื่นที่ได้ก็สมเหตุสมผลดีนะ (น่าจะรวมค่าความเสี่ยงอื่น ๆ ไปด้วยมั้ง)
ผมไม่เคยถามเรื่องตำแหน่งชัด ๆ กับมันสักที แต่จากที่รู้ว่าต้องตระเวนไป QC หลายโรงงาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าโรงงานจะไม่มี QC เป็นของตัวเอง ส่วนตัวคิดว่าตำแหน่งคงจะไม่แย่เลยล่ะ
อาจแจ้งขอได้ค่ะ บอกนายจ้างตรงๆ ว่าหายดีแล้ว
ก็คงแจ้งแล้วล่ะ แต่ผ่าหลังมามันคงไม่เหมือนเดิมแล้ว
#จำไว้ตัวฉัน
เราเป็นแค่ฝุ่นที่เกาะเฟือง
เฟืองนะเฟือง ฝุ่นเกาะเฟืองคือคนมุงดูจากรั้วหน้าออฟฟิศ
ระดับ 4 หมื่น คือ โคตรดี เลย ครับ
ก็น่าจะ Senior หรือหัวหน้าอะไรสักอย่างแล้วล่ะ
ใช่เลยค๊าบบ
เฮียพูดถูกฟังแล้วได้ความรู้เพื่มขึ้นเยอะ ขอบคุณครับ
ทั่วโลกครับ 😅😅
รักนายจ้างครับ อยากได้ทำเมีย 55555 หยอกๆนะครับ
มีแต่แก่ ๆ นะส่วนใหญ่
คำว่าครอบครัวจะเจอได้น้อยในการทำงานสักที่หนึ่ง.
การทำงานในองค์กรหรือในที่คนหมู่มาก เรื่องอื่นไม่ต้องสนเม่าไหร่ สนใจเเต่กฎระเบียบ ต้องเครงครัส เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้อยู่ร่วมกันได้ดีที่สุด
ใช่ครับ
ชอบครับได้เเง้คิดซึ่งเลย
ฟังคลิปนี้เป็นคลิปที่2 พอฟังจบ...ขัดแย้งกับคลิป ผิดเองที่แนะนำ แต่คำตอบสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับบริบทนะเวลานั้นๆ
ทัศนคติส่วนตัวของผมมันบิดได้เปลี่ยนได้ตามบริบทอะ
8:00 9:30
สิ้นเดือน ผมร่วมสนับสนุน ค่าใช้จ่าย นะ ครับ
ธรรมดาครับ งานบริษัท ผมก็ทำงานบริษัทเหมือนกันครับ ไม่มั่นคงแบบนั้นแระครับ ตำแหน่งสูงแค่ไหนจะเจ้งจะโดนไล่ออกก็ยุแค่คนคนเดียวคือนายจ้าง ตำแหน่งสูงเงินเดือน(เงินค่าจ้าง)เยอะแค่ไหน ก็ดับได้ในวูบเดียว เพราะคำว่าขาดทุน สิทธิของลูกจ้างหรอ?ไม่ต้องถามครับ ถึงเขาได้ผลกำไรมากเท่าไหน เขาก็ไม่ได้ให้เงินบำนาญเลี้ยงเราตลอดชีวิตหรอก อะไรก็ไม่แน่นอนงานธุรกิจรึบริษัทอะ
คนแบบนี้ต้องไปสายข้าราชการนู่น รักพี่รักน้อง แต่โรงงานที่ดีๆมันก็มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่โรงงานพวกจีนแดงแน่นอน โรงงานเจ้าของไทยก็มักไม่ใช่ ลองดูโรงงานไหนสหภาพแรงงานแข็งแกร่ง โรงงานนั้นแหละดี
องค์กรมีส่วนช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงขึ้น
และก็มีบางธุรกิจเช่นกันที่อาศัยการรับเข้า-ลาออกของลูกจ้างเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
บอกไห้มาก่อนเวลา ละไห้กลับหลังเวลา ขาดทุน วันละกี่ชั้วโมงนาทีละ ต้องทนไห้มันเอาเปรียบทีละนิดๆ เลิกงานช้าเป็นนาทีๆ เคยเอามาสะสมเป็นโอทีไห้ไหม
เรื่องนี้คุณต้องเอาไปคุยกับนายจ้างเอง และมันเป็นสิทธิพึงมีของคุณที่ต้องเรียกร้องในสิ่งที่คุณควรได้
บ้างาน ไม่รักตัวเอง
ผมว่าคนบ้างานคือคนรักตัวเองนะ เพราะเขามีความสุขกับงานที่ทำ แต่เขาอาจลืมรักสุขภาพตัวเอง
48000 ก็เยอะแล้วครับ บางคนแทบวัยชรายังได้ไม่ถึง 20000 อยากได้เยอะต้องไปลงทุนแล้ว ยิ่งผ่อนบ้านผ่อนรถยิ่งสร้างหนี้
รักอาชีพรักงานได้ แต่อย่า"ลัก"เมียนายจ้าง..น่ะจ๊ะ
Kitinan BOB ไม่ไหวอ่ะ ส่วนใหญ่แก่แล้ว
อย่างว่ามันเป็นเรื่องธุรกิจ
ถ้าเราไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ เราก็คือผ้าอนามัยใช้แล้วทิ้ง
เพิ่มถุงยางเข้าไปด้วยได้ไหม
👍👍👍👍👍
พูดได้ดีมากครับ แต่พาดหัวซะ ที่ยกตัวอย่างเฟือง ผมก็ทำธุรกิจครับบ้านผมทำเชิง ถ้อยทีถ่อยอาศัย ได้เห็นทั้งธุรกิจลูกค้ามากมาย แต่ธุรกิจยิ่งใหญ่ยิ่งไร้จิตใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ผู้นำนโยบาย แต่ที่สังเกต ยิ่งธุรกิจใหญ่แล้ว นโยบายแข็ง ยิ่งไม่มีเยื่อใย ถ้อยถี่ถ้อยอาศัย
บางองค์ทำเชิงครอบครัว ลูกน้องแต่งยังเป็นผู้ไปขอให้ โบนัสให้ ไม่ชัดเจนตามผลประกอบการ แต่ไปมามีของฝาก ทำผิดแล้วผิดอีกก็แค่ตำหนิ
องค์กรธุรกิจที่ทำไม่มีเยื่อใย แบบเหตุเพื่อนคุณ คือปลดออก100% เคยเจอ จากเค้าเคยมีหลักแสน ปัจจุบันหลักร้อยหลักพันล้าน มานั่งขอเครดิตเยอะๆ นานๆ เพราะใหม่ แบงค์ยังไม่ให้ผ่าน ยิ่งทำยิ่งโต ภายหลังไปหาเจ้าใหม่ ได้ราคาถูกกว่าเรา10% ทั้งๆที่เราก็ขายถูกอยู่แล้ว ด้วยราคาวัตถุดิบลง จึงมีเจ้าใหม่มาแทรก ยกเลิกงานเราให้ไปฟ้องเอาเอง เราปล่อยวาง ภายหลัง ราคาเค้าตีขึ้น มาขอให้เราทำเสนอเหมือนเดิม
แต่บางองค์ เราขายแพงกว่า 3-5% แต่เค้าก็เลือกเรา ทั้งๆที่เค้ารู้ว่า ถ้าเลือกอีกที เค้าก็ได้ผลกำไรเพิ่มขึ่้น 3-5%
บางธุรกิจผู้นำ ยอมขายสินค้า A ขาดทุน เพื่อหวังขายสินค้า BCD
แต่ธุรกิจไร้จิตใจ ไม่ขายสินค้า A ทันที
เพราะตัวเลขมันไม่โกหกไง
ใช้ไม่ได้กับทุกคน กล้าพูดครับ
ขยายความหน่อย
Injured from work related
Why no protection
Why worker do not aware
Love what you do but company
This is how things come and go in this country and some employees choose to neglect the SOP for easy working environment.
พี่โต สนใจเป็นไลฟ์โค้ชไหมครับ5555555
ม่าย