มหาวิทยาลัยกำลังจะตาย 'ปริญญา' การันตีความสำเร็จไม่ได้ | กรุงเทพธุรกิจNEWS
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 9 ธ.ค. 2023
- ปริญญาถูกลดความสำคัญ! หรือมหาวิทยาลัยจะไปไม่รอด? วัยรุ่นสหรัฐมองปริญญาให้หลักประกันทางการเงินไม่ได้ ด้านประเทศไทยผลกระทบเป็น
“งูกินหาง” ตายมากกว่าเกิด เด็กเข้าเรียนลดลง สะเทือนมหาวิทยาลัย “อาจารย์” ส่อกลายเป็นอาชีพไม่มั่นคงอีกต่อไป
VDO editor : มสารัศม์ วัฒนะพงษ์วาณิช
#ปริญญา #ความสำเร็จ #มหาวิทยาลัย #วิกฤติซับไพรม์ #วุฒิการศึกษา #ความมั่งคั่ง #วิกฤติเศรษฐกิจ #กรุงเทพธุรกิจNEWS
-------------------------------
ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ"ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Website: www.bangkokbiznews.com
Twitter: / ktnewsonline
OpenChat: bit.ly/3ZgoMib
TH-cam: / krungthepturakij
Blockdit: www.blockdit.com/bangkokbiznews
Instagram: / bangkokbiznews
Tiktok: / bangkokbiznews
Line: bit.ly/3ZgoMib
มีลูกจบมาในสาขาที่ไม่รู้จะหางานทำที่ไหน
โชคดีที่ลูกมีพรแสวง หาความรู้นอกตำรา
มียูทูปเป็นอาจารย์ เริ่มหาความรู้และเรียนนอกตำราอย่างหนักมากตั้งแต่ตอนปลายปี 2
จบในมหาลัยเอาใบปริญญาประดับฝาบ้าน
แต่สิ่งที่ทำมาหากินเลี้ยงชีพไม่มีในมหาลัยไม่มีใบcer ของงานที่กินเงินเดือนอยู่ โชคดีที่ทำงานกับ บ.ต่างประเทศที่มาเปิดสาขาในไทย ลูกใช้ความสามารถจากนอกตำราสมัครไปและได้งานที่เงินเดือนดีกว่าเพื่อนในรุ่นแบบเบิ้ล
ตอนนี้ทำงานมาได้ 2 ปีกว่า ได้เปลี่ยนที่ทำงานเพราะเป็นงานที่ลูกบอกว่าสนุกกว่า รายได้ก็ 6 หลัก ในอายุแค่ 20 กลาง ๆ (ภาษาอังกฤษลูกดีมาก ดีขนาดประพันธ์เพลงได้ และลูกก็ใส่ใจเรียนเองเพิ่มเติมด้วยการท่องศัพท์ทุกวัน เรียนประถมก็เรียนภาษาไทยไม่ได้เรียน 2 ภาษา)
เด็กรุ่นใหม่ต้องกล้าที่จะแตกต่าง ที่สำคัญต้องรู้จริงในสิ่งที่ทำ ต้องไม่หยุดใฝ่รู้ ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
"โลกกว้างแต่แคบ"
ที่สำคัญต้องรู้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2
อย่างเชี่ยวชาญฟังพูดอ่านเขียน เพราะความรู้ที่จะเพิ่มสกิลให้เก่งบางเรื่องไม่ได้มีในภาษาไทย ไม่มีหนังสือแปลมาให้
ย้ำภาษาอังกฤษเด็กรุ่นใหม่ควรต้องได้
รุ่นลูกต้องเก่งกว่ารุ่นพ่อแม่ และพ่อแม่เองก็ต้องส่งเสริมลูกให้มาก
แต่อย่าบังคับลูกนะขอเลย แนะนำแนะแนวลูกแต่อย่าสั่ง ไม่อย่างนั้นลูกคุณก็คือคุณไม่มีอะไรที่งอกเงยมากกว่า
เป็นกำลังใจให้เด็ก ๆ และพ่อแม่ทุก ๆ คนนะ🎉
สายวิทยาศาสตร์ การแพทย์ สำคัญมากๆ ... แต่สาขาอื่นๆ ก็ตามในคลิป ...
Mindset สำคัญสุด
ปริญญาเป็แค่ใบรับรองว่าคุณมีความรู้ ผ่านเกณฑ์ เท่านั้นไม่มีอะไรเหนือกว่านั้นเลย... แต่ มี ก็ดีกว่าไม่มี แหละ เพราะอย่างน้อย ก็การันตีความรู้วิชาชีพขั้นพื้นฐาน สามารถนำความรู้ไปพัฒนาต่อได้...หลังจากนี้ก็แล้วแต่บุคคลแล้วล่ะ... อยากประสบความสำเร็จก็อย่า ไปโทษปัญหา แต่ จงเรียนรู้จากปัญหา อยู่กับมัน ยอมรับมัน แล้ว ใช้มันให้เกิดประโยชน์... Live and Learn ครับ
เด็กมหาลัยเรียนสูงกลายเป็นสามกีบกันเยอะ ใครจะอยากส่งลูกให้เข้าเรียนมหาลัย กลัวจบออกมาแล้วกลายเป็นสามกีบ
จริงที่สุด 🎉🎉🎉
ผมมีความคิดเสริมอีกอย่างนะครับ ถ้าเราได้เรียน มีความรู้พื้นฐานที่ดี ต้นทุนความคิด ความเข้าใจ จะต่างจากคนที่ไม่ได้เรียน คนที่ไม่มีความรู้พื้นฐานมากๆครับ คนที่ได้เข้าถึงการศึกษา ยังงัยก็ดีกว่าคนที่ไม่เรียนเยอะครับ จริงอยู่ว่าคนที่ได้เรียน อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จก็มี แต่ความคิดส่วนตัวผม ยังสนับสนุนให้คนไทยเรียน ตั้งใจเรียนให้ได้สูงที่สุดเท่าครอบครัวและตัวเราจะทำได้ อย่าได้สนใจเทรนใหม่ๆที่ว่า เรียนไปเสียเวลา หาประสบการณ์ดีกว่า ผมว่ามันเสี่ยงไป สู้เราเรียนดีกว่า เหมือนตึกสูงๆถ้าไม่เจอแผ่นดินไหว จะไม่มีทางรู้เลยว่าฐานรากตึกไหนทำดีที่สุด
เขาต้องการคนใช้แรงงานครับ ต้องเอาวุฒิ ม.ุ6 มาสมัครงาน การจบสุงคือมีโอกาสที่ดีกว่า แต่ถ้าตำแหน่งงานไม่มี จบสูงไปก็เท่านั้น เขมร ลาว พม่าไม่ตกงานเพราะเหตุนี้..
@@waffenss7730 ประเด็นคือคนไทยต้องเรียนเพื่อเพิ่มสกิลในการทำงานครับ อย่าไปทำงานเหมือนคนต่างด้าวเขา เราต้องมีความสามารถมากกว่านั้น พัฒนาจากรุ่นสู่รุ่น รุ่นพ่อเท่านี้ รุ่นลูกต้องไต่สูงขึ้นไป จุดสำคัญของการเพิ่มสกิล เพิ่มความสามารถ คือการเรียนรู้ครับ ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน ถ้าเราจะไปคิดทำงานเท่ากันกับคนต่างด้าว ผมว่าไม่ใช่นะ เราต้องคิดไปอีกขั้น มันค่อยจะใช่นะ อีกอย่าง ตำแหน่งงานมันจะมาเพื่อคนเรามีความรู้จริงๆ มีความชำนาญในงานนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่เรียนจบ ได้วุฒิการศึกษา แล้วโหยหาตำแหน่งงานดีๆ ผมว่าช่วยกันรบความเข้าใจตรงนี้ แล้วแนะนำลูกหลานเราให้เรียนแบบมีความรู้จริงๆ เก่งจริง แล้วงานมันมาเองครับ ถ้าจะให้เขาเรียนต่ำๆเพื่อไปแย่งงานกับคนต่างด้าว อันนี้ผมว่าเราหลงทางนะ แนะนำให้เขาพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น เหมือนเกาหลี ยี่ปุ่น จีน หรือหลายๆประเทศที่เขานำหน้าก่อนเรานะ ส่วน ลาว กัมพูชา พม่า ด้วยความเคารพเขาจริงๆ ไม่ได้ดูถูกเขา แต่อย่าแนะนำลูหหลานเราให้ไปแข่งกับเขาเลย แนะนำให้เขาขึ้นไปอีกขั้น มันถึงจะถูกนะครับ ด้วยความเคารพจริงๆครับ ขอบคุณที่แชร์ความคิดเห็นต่อกันครับ ขอบคุณครับ
จริงที่สุด เด็กที่ออฟฟิศอายุ23 ภาษาอังกฤษง่ายๆยังไม่เข้าใจ โปรแกรมคอมง่ายๆสั่งงานไม่เป็น มหาลัยมัวแต่สอนทฤษฎี ไม่สามารถใช้ได้จริงชีวิตการทำงาน หมาลัยไม่ได้สอนให้คิดใช้ชีวิตในสังคมไม่ได้เลย
สู้หาเรียนวิชาที่ชอบและเรื่องเรียนวิชาชีพเป็นใบประกาศเป็นเรื่องๆไป
อันนี้ไม่เห็นด้วย ปริญญายังสำคัญอยู่ในสายวิชาชีพ แพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ ทนาย วิศวกรก่อสร้าง สถาปัตย์ พยาบาล นักบัญชี สัตวแพทย์ คุณไม่มีทางเรียนรู้เองแล้วไปประกอบอาชีพได้ โดยได้รับความเชื่อถือแน่นอน
แต่สาขาที่ไม่มีความชัดเจนในการประกอบอาชีพ อาจจะมีคนเรียนลดลง
🤣 5 อาชีพ ที่ถูกอุปถัมภ์ & อนุเคราะห์ โดยกลุ่มชนชั้นนำ (Elite) ทางอุตสาหกรรม คือ 1) แพทย์ และอาชีพที่เกี่ยวกับการแพทย์ เพราะ ค่ายารักษาโรค ค่าโรงพยาบาล โคตรแพง ไหนจะยารักษาโรคที่นำเข้าจากต่างประเทศอีก แต่คุณภาพยาโคตรห่วยๆ สู้ยาสมุนไพรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พวกกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้รับ 💰 เงินใต้โต๊ะจากบริษัทยารักษาโรคพวกนี้ 2) วิศวกร ค่าวัสดุก่อสร้างโคตรแพงๆ พวกนักการเมืองที่ออกกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือกลุ่มนายทุนบริษัทวัสดุก่อสร้าง ก็ได้รับเงินใต้โต๊ะจากตรงนี้ กฎหมายสมัยนี้ ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านสร้างบ้านด้วยไม้ราคาถูกๆ มากกว่า 2 ชั้นขึ้นไปได้แล้ว ถ้าฝ่าฝืนก็จะโดนตำรวจจับ ต้องสร้างบ้านด้วยปูน ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น 3) ทนายความ ทุกประเทศจำเป็นต้องมีทนายความ ... ถ้ากลุ่มชนชั้นนำ (Elite) 3 อาชีพนี้ = 🐕 หมาตัวหนึ่ง ดีๆนี่เอง
@@JohnKickboxing ป่วยอย่าหาหมอให้ใช้สมุนไพร เครื่องเอ็กซเรย์ห้ามใช้ ห้ามตรวจเลือด ค่าตับไตอะไรไม่ต้องตรวจ วัคซีนอะไรก็อย่าใช้ ไปใช้สมุนไพรนะท่าน
@@JohnKickboxing ให้เดาความรู้ระดับนี้น่าจะแค่ป.6
ใบปริญาตรีหมอ ก็ใช่ว่าสำคัญครับ ที่มันสำคัญคือ ใบวิชาชีพเฉพาะทางมากกว่า ไม่ใช่หมายถึง ไม่มีปริญญานะ แต่ถ้าหมอสองคน คนนึงมีใบวิขาชีพเฉพาะทางจะได้งานดีกว่า
@@SarutLFCth ประเด็นคือวิชาชีพเฉพาะทางพวกนี้ เราเรียนรู้ด้วยตัวเองไม่ได้ อยู่ๆไม่มีใบปริญญาแพทย์ จะไปขอสอบใบประกอบวิชาชีพแพทย์คงเป็นไปไม่ได้
ส่วนจะเรียนเฉพาะทางมั้ย ผมว่าแล้วแต่เป้าหมายของแต่ละคน ไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางทุกสายจะได้งานดีกว่าเสมอไป แพทย์ด้วยกันทราบดี
ปริญญาคือผลผลิตธุรกิจของมหาลัยคับ ซึ่งส่วนมากเป็นผลผลิตที่ด้อยคุณภาพไม่มีตลาดรับรอง
อืม จริง เพราะเวลาเข้าทำงาน ก็มีคนมาเทรนด์ในงานให้ใหม่ ที่เรียกว่าเทรนนี่
ได้เรียนไหมครับ พิมพ์ครับยังไม่ถูกเลย
@@NAWAPONGAoo ผมเรียนมาน้อยคับ เพราะผมต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช้ต้องเรียนเพื่อมาเป็นลูกจ้างคับ ตอนนี้ลูกน้องผมก็ ป.ตรี ป.โท ทั้งนั้นคับ คุณเอกภาษาไทยหรอจะไปเขียนกลอนขายหรอคับ
ในอเมริกา จบไฮสคูลก็ทำงานได้หลายอย่าง หรือเรียนต่อทางสายอาชีพได้หลายอย่าง ซึ่งรายได้แต่ละอาชีพไม่ได้เหลื่อมล้ำกันมาก ขึ้นอยู่กับความขยัน ทำชม.มากก็ยิ่งได้มาก ถ้าคนที่เค้าไม่ได้มุ่งมั่นอยากทำอาชีพที่ต้องใช้ปริญญาเค้าก็ไม่สนที่จะเรียนต่อ เพราะค่าเรียนก็แพงมากๆและหลายคนก็ต้องทำงานหาเรียนเอง จะเห็นได้ว่าหลายๆอาชีพที่ไม่ต้องใช้วุฒิปริญญาในอเมริกาก็สามารถทำให้คนกินดีอยู่ดีได้
กรูจบ ม.6 อยากจะลองศึกษาผ่าตัดสมองพ่อแม่พี่ได้มั้ยครับ (ศึกษาจากยูทูปมาบ้างแล้วครับ)
จิง เมืองไ้ทยต้องทำแบบนั้น จะเจริญอย่างเขา
@@emod5522มะมะหมอเถื่อนนน! 😱 เราไม่กล้าฝากชีวิตเราเอาไว้กับคุณ พูดไปก็เสียวสมองไป 🥶
@@emod5522อันนี้ก็เกินไปหัวหน้า😅😅😅
เอาแบบทั่วไปสิ พนักงานขายของร้านสะดวกซื้อแบบเซเว่นงี้ พนักงานเอกสารธุรการงี้ งานแบบนี้ที่เมกาไม่ต้องป.ตรีก็ทำได้ ทดสอบงานถ้าผ่านคุณก็ได้ทำทันที ไม่มีข้อสอบสัมภาษณ์ที่ถามว่า คุณมีเพื่อนมีญาติหรือรู้จักใครในองค์กรนี้ไหม
ในประเทศไทยใช้เป็นค่านิยมเพื่อความมีหน้าตาทางสังคมด้วยครับ
บางปริญญา ยังสำคัญอยู่ค่ะ เช่น แพทยศาสตร์บัณฑิต เพราะไม่สามารถให้ใครที่ไม่ได้จบแพทย์มาทำหน้าที่แทนได้ แต่บางสาขา เช่น ป.ตรี นวัตกรรมสังคม ฯลฯ สาขาแปลกใหม่ ที่ตั้งชื่อมาสารพัด อาจถูกลดความสำคัญลง
นั้นจิงครับ😊
เคยเห็นปริญาแพทยศาสตร์บัณฑิตสามารถประสาทให้แก้คนที่ไม่เคยเรียนแพทย์เลยเบยทุกปีมี่ประเทศไทย
ส่วนตัวคิดว่าทุกปริญญาสำคัญหมดแหละครับแค่การันตีว่าคุณจะประสบความสำเร็จไม่ได้แต่การันตีว่าคุณทำงานในหน้าที่การงารนั้นๆได้
ได้กลิ่นส้มเน่าว่ะ
เวลาไปสมัครงานเขาก็ถามหาปริญาอยู่ดี โดยเฉพาะประเทศไทย แต่ยอมรับว่ามหาลัยเริ่มจะไม่ใช่ทางเลือกแล้ว ถ้าอยากได้งานง่ายเรียนสายอาชีพ ปวช.ปวส.ดีกว่า ถ้าจบ ม.ปลายก็ต้องต่อมหาลัยไม่งั้นหางานยากกว่า ปวช.ปวส.อีก
@@dodo-tc5eu ถ้าทำธุรกิจส่วนตัวหรือวิชาชีพเฉพาะนี่ขอให้อ่านออกเขียนได้แล้วศึกษาจากช่องทางต่างๆ หรือแม้กระทั่งเรียนรู้ด้วยประสบการณ์เองก็สำเร็จในอาชีพได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกจ้างใคร
ประเทศอื่นเขาขอ"ใบขับขี่"หรา
ปวช ปวส ไปสมัครงานก็ได้เป็นแค่ลูกน้อง แทบจะไม่มีโอกาศโตไปเป็นผู้บริหาร คุณอยากทำงานเป็นหัวหน้าหรือเป็นลูกน้องจงตอบ
บางทีเรียนไปตีกันไปตายก่อนก็มี
@@user-qf8xe3gy5q ที่ตีกันส่วนใหญ่ก็ทีแต่ รร.ช่างในกรุงเทพนับชื่อได้ ตจว.น้อยมาที่มีแบบนั้น
ปริญญา การันตี เพียงวุฒิการศึกษาเท่านั้น !!
.. แต่การประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับทักษะหลายๆด้านของบุคคลนั้นๆประกอบกัน ได้แก่
1. ความรู้
- ทางวิชาการ(ในตำราเรียน)
- ทางรอบตัวทั่วไป(นอกตำราเรียน)
2.ความสามารถ คือ ศักยภาพทางด้านความคิดพิจารณา การตัดสินใจต่างๆ มีความถูกต้องแม่นยำ
- มีวิสัยทัศน์
- มีศีลธรรม
- มีคุณธรรม ในพรหมวิหารสี่ ต่อตนเองและผู้ร่วมงานในองค์กรของตน
3.ใบการันตีวุฒิทางการศึกษา ( จะมีก็ได้ และไม่มีก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ชาวจีนเสื่อผืน หมอนใบ ก็เป็นเจ้าสัว สำเร็จในอาชีพการงานของชีวิตได้ และแม้แต่คนไทยเอง ไม่มีปริญญา ก็เป็นเจ้าของกิจการมั่งคั่ง มั่งมีศรีสุข ประสบผลสำเร็จในชีวิตได้เช่นกัน !
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ความสำร็จในชีวิต
..มิได้ขึ้นอยู่กับใบปริญญา
และ ใบปริญญามิใช่ความสำเร็จของชีวิต
..หากแต่เป็นเพียงใบรับรอง ใบการันตีความสำเร็จด้านวุฒิ.. วิชาการศึกษาเท่านั้น..
*** แต่ด้านความสำเร็จของชีวิตนั้นต้องรวมด้วยศักยภาพส่วนตัวของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ซึ่งต้องรวมด้วยส่วนประกอบด้านบนดังที่กล่าวมาแล้วนั้นด้วย จึงจะเป็นบ่อเกิดของความประสบผลสำเร็จในชีวิต มิใช่ว่ามีปริญญาแล้วเรียกว่าความสำเร็จของชีวิต..ใบปริญญาเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความสำเร็จของชีวิตเท่านั้น เมื่อมีครบดังกล่าวในตัวตนคนท่านนั้นๆจึงจะกลายเป็น ชีวิตที่ประสบผลสำเร็จอย่างบริบูรณ์ อย่างแท้จริง.
ค่าเทอมมหาวิทยาลัยของไทยแพงมาก อย่าง ป.ตรี ใน มธ. บางคณะแพงค่าเทอม ป.โท ซะอีก
จริง ค่าเทอม ม เอกชน 1 แสนขึ้นไป ต่อเทอม คนที่ส่งลูกเรียนแสดงว่า รวยจริงกับตั้งใจจริงๆ
ม.พายัพเชียงใหม่เก่าแก่แต่ค่าเทอมก็แพงนะ
มอ.เกษตร วิศวะไฟฟ้า ค่าเทอม 15000 เองครับ
ค่าเทอม ร.ร.เอกชนต่างอำเภอยัง15,000บาท
ปัญหาคือการผลิตบัณฑิตสาขาที่ไม่จำเป็นออกมามากจนล้น โดยไม่ดูว่าจบแล้วจะไปทำงานอะไรให้ใคร อย่างนี้ก็ตกงานแน่ๆต้องไปหางานไม่ตรงที่เรียนมา สำหรับคนกลุ่มนี้ข้อความที่จั่วหัวไว้ก็จะเป็นความจริง
ปริญญา ไม่เคยการันตี อะไรได้มานานแล้ว เราควรสร้างและสะสมความรู้ความสามารถของเราให้มีกับตัว สร้างให้เรามีนิสัย มีความรับผิดชอบ และ ขยัน อดทน ควบคู่ความรู้ด้วย แล้วเราจะไม่ตกงานเลย
ไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จของคนคนหนึ่งได้แบบชัวร์ ๆ หรอกครับ ปริญญามีไว้ดีกว่าไม่มีแน่นอน อย่างน้อยแสดงว่าได้ผ่านการเรียนรู้ ฝึกตน รู้หลักของศาสตร์นั้น ๆ ไม่เดาสุ่ม มั่วซั่วแบบมวยวัด ยิ่งรู้น้อยยิ่งเผลอคิดว่าตนฉลาดมาก โดยเฉพาะไม่ได้เรียนหลักวิทยาศาสตร์ จะงมงายง่าย ขนาดซื้อของยังถูกหลอกเลยครับ เพราะไม่รู้หลักการทำงานของมัน ปริญญา การศึกษาอาจจะไม่สามารถการันตีความสำเร็จได้ แต่การันตีคุณภาพของคนได้ครับ
คน
โกงบ้านโกงเมืองแต่พวกการศึกษา
เรียนก็ว่าไปอย่าง แต่เรียนเสียตังนี้ซิครับ มันเลยเหมือนกับลงทุนไปแล้วจบมาต้องมานั่งเสี่ยงว่าจะหางานได้อีกป่าว
ผมเองก็ จบ ป.ตรี ทำงานในวิถีของตนเอง แต่ยึดมั่นในอุดมการณ์การทำงาน ถึงแม้ว่าเทรนใหม่อาจจะมองว่าการศึกษาไม่สำคัญ แต่ผมยังยึดมั่นในเรื่องการศึกษา เพราะมันคือส่วนกลไกสำคัญกับความมั่นคงและการพัฒนาของประเทศชาติ แต่เชื้อว่าในด้านมิติแห่งการศึกษาก็ต้องมีการพัฒนาปรับตัวเองให้เทียบทันยุคทันสมัยเช่นกันครับ
ค่าเทอมแพงเกิน ใครจะยอมเสียเพื่อไปเรียนสิ่งที่บางครั้ง หากูเกิ้ลเองได้
วงคาราบาวเคยร้องเพลง"มหาลัย"เอาไว้ว่า"มหาลัย มหาหลอกเด็กชายบ้านนอก เด็กหญิงบ้านนา ร่ำเรียนรู้ในวิชาแต่จบออกมายังไม่มีงานทำ...คนที่จะมีงานดีๆทำคือคนที่มีเส้นสาย ส่วนลูกของตาสียายสา อย่าหวัง
ไม่
ชีวิตรันทดมาแล้วหนึ่ง🤣
ถูก!!🤣
ดูคลิปนี้แล้ว เพลงแอ๊ดคาราบาว ดังขึ้นมาในหัวทันที สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ตามนั้นเลย
หมอ ทันตะ วิศวะ สถาปัต นักบัญชี ไม่จบปริญญา ทำไม่ได้นะ
สรุป มันขึ้นอยู่กับอยากเป็นอะไร
จริงๆแล้ว ถ้า ไม่จบปริญญา ในไทย คิดว่าจะทำอะไรได้บ้างอ่ะ นอกจาก ลูกจ้าง หรือ ทำกิจการส่วนตัว หรือไม่ก็ไปเป็น TH-camr ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดี ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็น สตีฟ จ๊อบส์
ในคลิปนี้ บอกวนไปวนมา ว่า ใบปริญญาไม่สำคัญแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่า แล้วถ้าไม่จบเค้าไปทำอะไรกัน
มันแน่นอนอยู่แล้วว่า ปริญญา การันตีไม่ได้ถึงรายได้ แต่อาชีพบางอาชีพ ไม่จบปริญญาก็ทำไม่ได้อ่ะนะ แต่ถ้าอยากเป็น TH-camr ก็ไม่ต้องจบปริญญาก็ได้
เรียนจบแล้วไม่ได้เข้าใจบริบทสังคม ปริญญาจึงเป็นตัวเลือกท้ายๆ รัฐบาลตอบโจทย์ประชาชนไม่ได้การทำตามความเชื่อเดิมๆ จึงน้อยลง วิถีแห่งธรรมจึงบังเกิด
ถามคนเข้าใจหน่อยครับ ว่าเข้าใจบริบทสังคมคืออะไรครับ
สังคมไทยเป็นสังคมปริญญา ไม่ใช่สังคมแห่งการเรียนรู้ เอาปริญญามาให้ได้เป็นพอ ความรู้ไม่มีไม่เป็นรัย ใช้เส้นสายพวกพร้องหรือจะซื้อตั๋วเอาก็ได้
สถานศึกษาฯช่วงหลังๆนี้ เน้นปริมาณ,คุณภาพไม่ต้อง ไม่เหมือนคนปริญญารุ่นก่อนๆอันนั้นเก่งจริง
ประเทศไทยเป็นประเทศใช้แรงงานเป็นหลัก รัฐบาลจึงไม่เน้นที่จะพัฒนาด้านการศึกษา เอาแค่ออกมาเป็นลูกจ้างต่างชาติได้ก็พอแล้ว
แถวบ้านเห็นคนขายลูกชิ้นทอดหน้าเซเว่น ส่งลูกเรียนจบปริญญาสองคน(สาขาที่เรียนทั้วบ้านทั้วเมือง ล้นตลาดสุดแล้ว) แต่คนปริญญาสองคนหาเงินไม่พอเลี้ยงคนขายลูกชิ้นฯคนเดียว แบบนี้เอางัยหรือคนขายลูกชิ้นทอดเลือกลงทุนผิดทางเองที่ไปเลือกลงทุนกับใบปริญญา แทนที่จะขยายสาขาร้านลูกชิ้นทอด
อีกอย่างหนี้ กยศ ใครยังไม่จ่ายๆด้วยนะ อย่าโกงล่ะ
แต่คิดว่ายังไงก็สำคัญมาก ประเทศจะเจริญก็เพราะการศึกษา อย่าให้เปรียบเทียบกับประเทศอื่นเลย คิดได้ไงวะ
ปริญญาไม่สำคัญ เท่าฐานะทางการเงิน การต่อยอดธุรกิจทางครอบครัว และพรสวรรค์ทางกีฬา
พรสวรรค์ทางกีฬา ก็แค่เรียกให้ดูเท่ หลักความเป็นจริงคือ ทุกคนควรออกกำลังและเล่นกีฬาเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงไปถึงยามชราต่างหาก แต่รัฐบาลไม่ตระหนักที่จะส่งเสริมประชาชนเรื่องนี้ จึงไม่จัดสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ต่างๆในด้านนี้ให้ประชาชนอย่างทั่วถึงทั้งในกทม.และต่างจังหวัดเริ่มแต่ระดับเขต ระดับตำบลขึ้นมา
เฮ้ย ดูหน่อยเขาคุยประเด็นไหน
@@user-pn1wi3hg7m เฮ้ยฟังดีๆเขาพูดถึงปริญญาตกงาน
@@user-kz4ni6qi9m เฮ้ย อย่าโง่สิวะ ต้องตามคนตั้งเม้นท์สิ ไอ้เฝอ🤣
ความคิดผม
ฝรั่ง เขามองว่า
คุณ มีความสามารถและ
ทำเงินให้เข้าได้ไหม พอ
ถ้าพวก ที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ
ต้องมี ใบรับรอง
แต่ไทย มองที่วุฒิการศึกษาก่อน
ความสามารถมาทีหลัง
มันจำเป็นกับวิชาชีพที่เฉพาะทางเท่านั้น แต่ความจริงใช่ว่าทุกคนจะได้เรียน จะได้ศึกษาในสาขาที่ตัวเองชอบและสุดท้ายเรียนจบมาจะได้ใช้ไหม แต่ที่ไม่มีเรียนคือความรู้ทางการเงิน การออม การลงทุนและวางแผนการเกษียณ
ความสามารถของอาจารย์ในระบบการศึกษาพัฒนาไม่ทันกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น ประกอบกับการที่ค่าใช้จ่ายในการเรียนค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าครองชีพ จึงทำให้คนเก็บเงินไว้ดำรงชีพมากกว่าการศึกษา
ติดตามครับ
"ปริญญา" เป็น การเพิ่ม ทางเลือกในการประกอบอาชีพ เช่นจะเป็นผู้พิพากษา ก็ต้อง มีปริญญานิติศาตร์ + เนติบัณฑิต ไม่มีปริญญา ก็เป็นไม่ได้ เป็นคน หรือจบ ปริญญานิติ ทำธุรกิจส่วนตัว ดังนั้น "ปริญญา" เป็นการเพิ่ม อาชีพ ให้กับตนเอง
ในบางสาขาเท่านั้น
@@OppoA-kj7us ไม่เลือกงาน ก็หาได้ ปริญญา เป็นการเพิ่ม ช่องทาง ในการ ประกอบ สัมมาอาชีพ ให้หลากหลายขึ้น แต่หาไม่เครื่องแสดงความสำเร็จ
ถูกต้องที่สุด นานๆได้เจอคนฉลาดมาเม้นท์สักคน
โอกาส ....นิสัย..... พื้นฐาน.....ประสบการณ์ ......การได้ลอง แล้วแก้ไข พัฒนา คือใบปริญญาชีวิต คืออาชีพ .....ใบปริญญา จากมหาวิทยาลัย ไม่ใช่อาชีพ ไม่ว่าจะจบอะไร ยังไงก็ต้องมาลองถูก ลองผิด ไม่ได้ดูถูกมหาวิทยาลัย ใครได้งานเจอกุนซือดีๆ ก็เป็นโอกาส หรือหัวหน้าให้ลองทำมากๆ ก็ได้เห็นได้รู้
แค่รับน้องก็หลอนแล้วครับ
คนไม่เรียนก้คิดแบบนี้ แต่เมื่อเรียนคุณจะรู้มันพัฒนาคุณให้เป็นคุณที่ดีขึ้น
it is about what
major
quality
now, it is low quality for all most majors
besides that cost of tuition fees are no check and balance (not even sure where the tuition fee go) by pushing to student loan instead.
this report miss the point on Quality of education and tuition fees when talking about Thailand
ยุคนี้ภาพรวมค่อนข้างคล้ายกับยุค 1970 หรือยุคฮิปปี้
มหาลัยยังไม่ตายง่ายๆหรอก หลายๆสายงานยังต้องใช้คนมีความรู้ มีความสามารถมาทำอยู่ แล้วพวกสร้างชิปมือถือ และงานด้านเทคโนโลยี ก็พวกจบสูงๆทั้งนั้นแหละ มีคนจบ ม.6ไปทำงานวิจัยมั้ยล่ะ
ก็เรียนแบบท่องจำ สอบได้คะแนนดี คือ เก่ง แต่ไปทำงานไม่ได้เรื่อง ดูญี่ปุ่นและอเมริกาดิ ทำไมเขารอดถึงฝั่ง อเมริกาเขาเรียนแบบไม่ยัดเยียดวิชาการให้เด็กจนมากๆ เกินไป ใครเก่งก็ยกระดับไปเรียน advance ตามความสามารถ แต่ไทย คนคิดหลักสูตรยากมาก เด็กเรียนไม่ทัน ก็หลุดออกจากระบบ
ขยัน สู้ ชีวิต มี ไหวพริบ ไม่จำเป็น ต้อง มี ปริญญา ครับ
ลาดกระบังมีคุณภาพ ใบปริญาดีมากอาจารย์ โตไก ราชภัฎ ชั้นนำ
สังคมไทย ปลูกฝังกันมา เหมือนแฟชั่น ทั้งเห็นผลและความเชื่อ ต่อๆกันมา ไม่เคยคิดว่า ตนเองมี สมอง จบ ป.เต็มบ้านเต็มเมือง เหมือน นายพล รอเป็น องคมนตรี คือความฝันสูงสุดของ สังคมไทย แก่นแท้คือ ที่สุดทางของอุโมงค์คือ ทางมัน ตัน
ความรู้ก็มั่นคง
ใช่ แต่การไม่มีเกือบจะการันตรีความล้มเหลวได้เลย
ถ้าคุณไม่ใช่คนที่เก่งโคตรๆ
อย่าหาทำในไทย
เกิดจากการเอาเปรียบทางการจ้างงานมากเกินจริงโดยคนของรัฐ
ไม่สนใจเหตุเริ่มต้นตอ
รัฐบาลควรลงทุนผลักดันการศึกษาสายอาชีพมากกว่า เรียนไปฝึกงานไป จบมาก็สามารถพร้อมทำงานได้เลย โดยเฉพาะสาขาที่ขาดแคลน ส่งเสริมปรับภาพลักษณ์ให้น่าเรียน ทั้งช่วย คชจ.การศึกษาตลอดหลักสูตร ไม่ใช่ไล่ยิงไล่ฆ่ากันอย่างทุกวันนี้
ที่อเมริกามีคนเรียนจบ ดร. แต่ต้องทำงานใช้หนี้ที่กู้มาเรียนจนแก่ ส่วนคนจบม.ปลาย ตอนแก่เกบียณได้ไม่เป็นหนี้
ประเด็นคือคำจำกัดความของคำว่า "ความสำเร็จ"มันเหมือนหรือต่างกัน ความสำเร็จของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอาจไม่เหมือนอีกกลุ่ม
จะตีความเอาจากกรอบความคิดของคนกลุ่มเดียวหรือช่วงระยะเวลาเดียวไม่ได้
ไม่มีสิ่งไหนการันตีความสำเร็จได้ ยกเว้นตัวคุณ การเรียนรู้จะทำให้คุณไม่โง่ แต่ความสำเร็จอยู่ที่คุณลงมือทำอย่างมีวินัย
ผมไม่แน่ใจว่าด้านอื่นมันจะกระทบหรือไม่ แต่สายวิทยาศาสตร์ ด้านการแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ ศาสตร์เหล่านี้มันจำเป็นที่ต้องมีการเรียนการสอนอยู่ และมหาวิทยาลัยยังเป็นสถานที่ที่จำเป็นเพราะศาสตร์เหล่านี้จำเป็นมีประสบการณ์ภาคปฏิบัติ การนั่งอ่านหนังสือหรือหาความรู้จากอินเตอร์เนตไม่สามารถให้ประสบการณ์นี้ได้
เราไม่สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองแล้วไปสอบใบประกอบวิชาชีพจากสภาวิชาชีพต่างๆ ทั้ง 11 สภาได้ ต้องจบปริญญาตรีจากสถาบันที่สภาวิชาชีพรับรองก่อน
ความรู้สำคัญเสมอ
ผลกรรมเกิดจากการที่กรรมที่ก่อครับ ทำอย่างใดได้ผลอย่างนั้น
คนจบปริญญาตรีเกลื่อนเมือง แต่ที่มีคุณภาพจริงๆมีน้อยมาก ส่วนใหญ่จบปริญญาตรีแต่ภาษาอังกฤษกลับกระดิกไม่กี่ตัว
ประเทศไทย ยังใช้วุฒิปริญญาได้อยู่ เพราะ 1. ยังใช้ในการสมัครงาน(และใช้เส้นสายวิ่งเต้น ให้เข้าทำงานได้) 2.การศึกษาไทย ยังใช้การสอนที่ให้นักศึกษาคิดไม่เป็น ยังท่องในหนังสือ ถ้าสอบได้ก็อ่านหนังสือและใช้จำมากกว่าสร้างวิธีคิดให้เป็น ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำอยู่ทุกวันนี้ไง 3. ถ้าแก้ข้อที่ 1และ 2ได้ คนไทยใช่ย่อยที่ไหนในโลกใบนี้ งะ
จะคิดุเป็นหรือคิดไม่เป็นสุดท้ายก็อยู่ในระบบลูกจ้างนายจ้างเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแต่นายจ้างหรือเจ้าของกิจการประเทศไทยสอนให้แต่ท่องจำแล้วพวกเจ้าสัวทั้งหลายแหล่ไปเรียนวิธีคิดวิเคราะห์มาจากไหนถึงได้หาเงินหาทองเก่งจังได้ยินมาว่าเจ้าสัวบางคนไม่ได้เรียนหนังสือด้วยซ้ำ
"การท่อง" สำคัญ มากๆ ครับ การคิดเป็น มันต้องเกิดจากความแม่นยำในหลักวิชา เสียก่อน เหมือนคนไม่ได้ท่องสูตรคูณ แต่จะไปเรียนคณิตศาสตร์ชั้นสูง ถึงแม้จะทำทำข้อสอบได้ ก็จะไม่แม่นยำในผล ครับ (คือ โจทย์เดียวกัน เปลี่ยนตัวเลข อาจจะสอบตกก็ได้)
การท่อง เป็นภูมิปัญญาโบราณ สอนให้ผู้ศึกษาเล่าเรียน มีจิตใจที่จดจ่อ มีสมาธิ (การท่องเป็นพื้นฐานสมาธิ ในทุกแขนง เรียกว่า "จดจ่อ" / "เพ่ง")
ผลธรรมดา คือ การจดจำหลักวิชา ได้แม่นยำ
ผลทางพฤติกรรม จะทำให้ผู้นั้น มีสมาธิ จดจ่อ ในการทำงานไปในตัว (ในพระพุทธศาสนา ยังสอนให้ภิกษุทรงจำพระสูตร พระวินัย เป็นบาลี และมีประเพณีการท่องจำ ทรงจำ พระปาฏิโมกข์ ในการสวดทุกๆวันพระ 15 ค่ำ - หากมองว่า พระพุทธเจ้าทรงฉลาด ก็น่าจะอนุมานถึงความสำคัญ ของการบังคับให้ท่องจำ ตามพุทธดำรัส ครับ)
- การสร้างวิธีคิด ให้เป็น อันนี้ มีคนพูดต่อกันเยอะมาก ซึ่งผมเคยถามแย้ง เหมือนกันว่า คำว่า "คิดเป็น" คือ แก้ปัญหาเด็ดขาด ใช่ไหม?
แต่ทำไม ในหมู่คนคิดเป็น ทั้งปวง แก้ปัญหาไม่ตก ในหลายๆเรื่อง แม้แต่คนสอนให้คิดเป็น ยังล้มเหลวในการทำงาน และธุรกิจ ก็จำนวนมาก ครับ โรงเรียน ที่เปิดคอร์สสอนเรื่องคิดวิเคราะห์ ก็มีปิดตัวไปเยอะ (เจ๊ง) ...
- ผมมองว่า ความคิดเป็น ต้องเริ่มจากการ เข้าถึงหลักวิชาให้ได้เสียก่อน และการเข้าถึงหลักวิชา จะข้ามขั้นการท่องจำ ไม่ได้หรอกครับ
ส่วนการ "ท่องจำ" เป็นเรื่องของ สมาธิ ความจดจ่อ ส่วนบุคคล บางคน รอบเดียวก็จะได้ แต่จะเรียกคนพวกนี้ว่า "พวกไม่ท่อง" ก็ไม่ได้ครับ
เขาเพียงมีสมาธิดี จึงท่องจำได้เร็ว เท่านั้นเองครับ
- โดยรวม คือ การสร้างวิธีคิด จะต้องทำกับผู้ที่จดจำหลักวิชาการได้แม่นยำแล้ว เท่านั้น ครับ ... หากหลักการไม่แม่นยำ สมาธิก็ไม่จดจ่อ แบบนี้ ล้มเหลวแน่นอนครับ คิดเก่ง แต่คิดไม่ตก หรือ คิดผิด (เพราะไม่คิดรอบด้าน เพราะไม่แม่นหลักวิชา) ก็มีมากครับ
ท่องจำ คือท่องเอาพื้นฐาน แต่ท่องจำแบบไทยๆ คือไร้สาระมากไป
@@SarutLFCth ท่องจำแบบไทยกับท่องจำแบบเทศมีความแตกต่างกันยังไงช่วยยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้ดูชัดๆหน่อยสิ
@@bkkwalk3549 ลองไปดูฝรั่งท่องจำแบบเค้า แล้วมาดูเด็กไทยท่องจำแบบเราดูครับ หมายถึงสอนแบบไทยแท้ๆนะครับ ไม่ใช่ครูที่ประยุกการท่องจำแบบตปท
ยกตัวอย่าง ภาษาอังกิดแบบเรียนไทยๆ กับ ลองไปเทียบการท่องจำภาษาอังกิดแบบติวเตอร์ครับ
คุณดูแค่เด็กแบกกระเป๋าวัยประถมของไทย ก็พอครับ นั่นคือการท่องจำแบบไทย ต้องพกตำราหลังแอ่นไปอ่าน
ใบปริญญา การันตีได้ครับ
คนที่มีความพยายามตั้งใจเรียน ดีกว่าพวกที่ไม่คิดที่จะตั้งใจหรือขวนขวายอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ
คนที่แค่เรียนยังทำไม่ได้ แล้วไอ่ที่มันหนักกว่าเรียน มันจะทำได้เหรอครับ
บริษัทมีผู้มาสมัครงานสองคน เค้าก็ต้องเลือกคนที่มีปริญญา มีความตั้งใจขวนขวาย มากกว่าคนที่ไม่มีอยู่แล้วครับ
โลกมันกว้างมากๆ อย่าตัดสินคนที่ใบปริญญา .....รอบๆ คนที่รู้จัก ญาติๆ ลองมาคิดว่ามันต่างตรงไหน
1. มีจบจุฬา มาขับ grab full time ก็คิดดูเอาละกัน ว่างๆ ไปขับแท็กซี่ หนี้เพี้ยบ
2. เรียนจบนอก เงินเดือน 6หมื่น แต่หนี้เป็นล้าน มายืมเงินชาวบ้าน
3. เรียนจบไม่จบ ม.6 เป็นอาสา รับจ้างส่งผู้ป่วย เงินเดือน 2-3 หมื่น ไม่มีหนี้ เลี้ยงตัวเอง
4. จบ ป.ตรี เป็นสตรีมเกมเกมอร์เงินเดือน 3 หมื่น ไม่รวม donate ไม่มีหนี้ เลี้ยงตัวและครอบครัวได้
5. จบจุฬา 2-3ปี สายภาษาเยอรมัน ว่างงาน
ผิดประเด็นมั้งครับ ที่คุณยกมาแต่ละข้อ ไม่เกี่ยวกับปริญญาเลย มันเกี่ยวกับการปรับตัวมากกว่ามั้ง แยกประเด็นให้ถูกหน่อยนะครับ พาพวกงง
มันก็จริงของบริษัทที่จะรับเข้ามาทำงานครับที่จะเลือกเด็กที่เกรดดีกว่าเเล้วตั้งใจกว่า เเต่ปริญญาไม่การันตีความสำเร็จของคนได้ครับ เเล้วที่บอกว่าหนักกว่าเรียนทำได้หรอครับ คนเราไม่เก่งด้านทฤษฎีที่นั่งจำๆสอบๆไป สิ่งที่ได้ใช้จริงไม่เกิน 20% ที่นำออกมาใช้ คนเราเก่งไม่เหมือนกัน สุดท้ายสอนให้เรารู้ว่ามันคืออะไรเเค่นั้นเรียนรู้จริงหน้างานครับ มหาลัยสอนคนให้เป็นลูกจ้างไม่เคยสอนให้คนเป็นนายจ้างสักที่ครับ ไม่เเปลกครับที่มหาวิทยาลัยจะผลิกลูกจ้างที่ดีเพื่อเป็นลูกจ้างที่ดี ทุกวันนี้ผมเห็นคนจบใหม่เป็นลูกจ้างของคนไม่มีปริญญาเยอะแยะครับ
ใช่
ยังคงเป็นตัวสำคัญชี้วัดในฐานสังคม น้อยมากที่ประสบความสำเร็จโดยไม่มีพื้นฐานการศึกษา แม้อนาคตทุกคนอาจจะให้ความสำคัญน้อยลงแต่การศึกษาหรือจบอะไรมาบงบอกว่ามีความรู้ส่วนนั้นเหมาะกับงานประเภทไหนหรือประยุกต์กับงานที่ทำได้มากน้อยแค่ไหน
มันเป็นผลดีนะ ผมว่า คนที่อยากจะเรียนจริงๆ จบมาได้คุณภาพ ไม่ใช่ชุ่ยๆก็จบออกมา
สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นวิถีปกติทางธรรมชาติ.
ยังไงปริญญาก็สำคัญ แต่มันต้อง+การเรียนรู้นอกปริญญาด้วยเท่านั้น
เรามั่นใจว่าการศึกษาระหว่างทางที่กว่าจะได้ปริญญานี้ ทุกวิชา ทุกการปฏิบัติ ลงมืออดหลับอดนอนอ่านหนังสือ และความรู้นอกห้องเรียนจะให้ อะไรกับชีวิตเรามากพอจะไปต่อยอด การใช้ชีวิตเราได้ เราไม่รู้จะยกตัวอย่างสาขาไหนนะคะ ตอนเราออกมาทำงาน เราก็ไม่จำเป็นต้องทำงานตรงสาขา คนที่ตั้งใจเรียนจะได้ความรู้ติดตัวมาแน่นอน แต่เราตั้งใจมาก และฝึกคิดตั้งแต่เรียนว่าอยากทำอะไรที่เราชอบ วันหนึ่งเราได้เงินเดือนไม่มากพอ งานที่รักจะเยียวยาเรา หรือวันที่เราได้ทำงานที่รัก ได้เงินมาก งานก็จะเยียวยาเราเช่นกันค่ะ
เมื่อถึงระดับนึง...การฝึกธรรมมะ..บวชคือสิ่ง..สำคัญที่สุด..ดูท่าน.ตร.ต่างๆ..ควรละทิ้งกลับบ้าน..ครอบครัวสำคัญที่สุด..สุดทเายคือ..บวช..อย่าเสียเวลาเลย..
ใช่แล้วคนหางานก็เพื่อเงินเพื่อการเลี้ยงชีพแต่ความจริงไม่มีแก่นสารอะไรเลยเดียวก็ป่วยเดียวก็แก่เดียวก็ตายถ้าบวชแล้วเข้าถึงมรรคผลนิพพานใด้ก็จะไม่ต้องมาเวียนไว้ตายเกิดให้เป็นทุกข์อยู่อย่างนี้
ก็ในการทำงานบางสาขามันไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมามากนักอย่างพวกเทคโนโลยี เราไม่ได้เป็นคนออกแบบแค่เป็นเพียง User ต่างชาติจ้างให้มาดูแค่Maintenance ดูแลเครื่องจักรที่ผลิตผลิตภัณฑ์ ให้บริการ Service และ Sale ส่วนมากรับๆกันมาก็ไม่ตรงสาขากัน ไอ้ job descriptions ออกแบบคุณสมบัติคนสมัครอย่างเทพ🤡
การเรียนรู้มาถึงแม้ความรู้จะไม่ตรงกับหน้าที่การงานโดยตรงก็จริง แต่อย่างน้อยๆก็ยังเป็นประสบการณ์ในห้องเรียนได้เรียนทฤษฎีผ่านหูผ่านตาเอามาประยุกต์ใช้งานบ้างก็ยังดีกว่าไม่เคยเรียนรู้เห็นอะไรเลย...😮
@@SoiUtadao11ไม่จริงครับลูกชายจบวิศวะได้สองปีก็ไม่ได้ทำงานตากแดดนะ
แล้วแต่สาขา วิศวะคอม จะไปตากแดด ยังไง?
งานทางด้านเทคโนโลยีต้องดูระดับงานว่าคุณทำส่วนไหน ถ้าชอบทำงานปลายๆแถวก็ไม่ได้ใช้ความรู้ ถ้าทำงานแผนก support , system , develop จะเอาความรู้ที่ไหนไปทำครับ
@@smarttechshop1270 ก็ที่เห็นงานเซมิคอนดีคเตอร์ ก็ไม่เห็นว่าฝรั่งมันให้วิศวกรไทยเขียนโปรแกรมเทส มีแต่ให้ยังฟิลิปปินส์เขียนมาให้ไทยทดสอบเก็บผลส่งให้มัน
แต่ถ้าอยากรู้ว้าทำถึงระดับไหนคงไม่ต้องมาอวดกันในนี้กระมัง
จริง!!!!!
ในบางครั้งที่งานที่เราทำมันก็ไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาอะไรมากมาย ทำให้คน/ม่เห็นคุณค่าของการเรียน เช่นความรู้ ม.6 ไปรับเหมาสร้างบ้านที่ต่างจังหวัดก็มีเยอะแยะ แต่ถามว่ามันออกมาดีไหม มันก็กะๆเอาว่าคงใช้ได้เพราะไม่ได้เรียนทางนี้มา ได้แต่อาศัยประสบการณ์ว่าอันนี้ต้องทำแบบนี้ แล้วคุณจะเลือกทำงานกับคนที่คำนวณได้ หรือกะๆเอาได้
การเรียนจบสูงๆก็ไม่หวังความรู้ทางวิชาการอะไรมากมาย ได้รู้จักผู้คน ได้รู้แนวคิด ที่ทำมาหากินได้ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมหาวิทยาลัย รับเหมา ได้ค่าแรง 100,000+ ก็ใช้ความรู้พื้นฐานและเรียนรู้เพิมเติมเอา อะไรที่ไม่รู้ก็จ้างคนที่รู้กว่าทำให้ แต่ก็ชอบกาศึกษา ถ้ามีโอกาส และสภาพทางการเงินได้ก็เรียนไปเถอะ แต่ถ้าคิดว่าเป็นการลงทุน ก็คิดดีๆ เอาเงินเป็นล้านที่จะใช้เรียนจบปริญญา ไว้ทำทุนดีกว่าไหม..
ใช้ครับ แต่คุณไม่รู้ตัวเอง เช่น การซื้อของเข้าร้านมาขาย มันไม่ใช่แค่การเอาตัวเลขมาบวกกัน แต่คุณต้องรู้ว่า จะเอาตัวเลขอะไรมาบวกกัน การเรียนคือการสร้างพื้นฐาน เรียนหมอก็จะมีพื้นฐานต้นตอของโรค โรคหนึ่งโรคอาจมีต้นตอไม่เหมือนกันตามร่างกายคนไข้การเรียนทำให้รู้ว่าต้องทำไง พื้นฐานจากการเรียนได้ใช้ในการทำงานแน่นอน
ใบปริญญา คือใบรับรองการสมัครงานครับ อย่าตีความผิดว่าไม่สำคัญ
ตั้งโต๊ะทอดไก่ขายหน้าบ้านชีวิตดีกว่าไปสมัครงานอีก
@@Human_hardware แต่ละคนมีทางเลือกไม่เหมือนกัน ถ้าคนทั้งประเทศขายไก่หน้าทุกคน ตามที่คุณบอก แล้วใครจะซื้อร้านคุณถ้ามีตัวเลือก ส่วนใบปริญญา เราสามารถเลือกได้ว่าจะไปสมัครงานที่ไหน มันเป็นใบรับรองขั้นพื้นฐานที่ควรมี
@@Onehanded.tree.climbing งานระดับปริญญามีน้อยมาก และส่วนใหญ่เงินเดือนไม่พอต้องทอดไก่ขายเป็นอาชีพเสริมอยู่ดี
@@Onehanded.tree.climbingตอบคำถามด้านบนได้ดีครับ ถ้าขายไก่ทอดได้เงินกันทุกคนป่านนี้คนก็ไปทำกันหมดแล้วล่ะ วิชาความรู้จะเป็นสิ่งพื้นฐานที่ติดเราไปก่อนอย่าหันหลังให้มัน
@@Human_hardwareใช้ครับเอาเงินที่จะไปเรียนต่อในสาขาที่ไม่ใช่น่ะเวลานี้ คิดหาทำหากินเลี้ยงตัวเองดีกว่า เอาเงินนั้นไปจ่ายเสียเปล่า สู้ๆนะครับขอให้ขายดี
เรียนเพื่อรู้ แต่จบแล้วมีใบปริญญาด้วย ก้อเอาไว้โชว์ในห้องรับแขก มันโก้ดีนาคุณ(ไม่เสียเวลาเสียเรียนเปล่า) และยังเอาไว้อวดต่างชาติด้วยว่าไทยเราก็มีดีกรีน้า
พยายามเรียนให้จบเถอะ มีปริญญาดีกว่าไม่มี อีกอย่างวัฒนธรรมไทยทุกยุคสมัยเป็นสังคมอุปถัมภ์ ปริญญาช่วยให้แข่งขันไม่ได้อยู่แล้ว แต่เป็นใบเบิกทางให้คุณมีโอกาสเพิ่มขึ้น
ถ้าเราย้อนอดีตได้ เราจะเรียนแค่มัธยมต้น แล้วจะออกมาทำงานเก็บเงินเพื่อทำธุรกิจ ต่อยอดไปเรื่อยๆ ตอนนี้จบ ปโท เกษียณ รับบำนาญแค่สี่หมื่นกว่า ถ้าออกมาทำงานตั้งแต่เด็ก ป่านนี้อาจจะเป็นเศรษฐี ร้อยล้านแล้ว เสียเวลา เรียนสูงและรับราชการ
ระบบการศึกษา ต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง
ไม่ต้องสอบแล้วเข้าได้เลย
ยุคสมัย มันเปลี่ยนหมด หน้างานเท่านั้น สำคุญ
คือ...ปัญหามันอยู่ที่แนวคิดครับ ขณะที่คนจบปริญญามองว่าตัวเองมีความรู้ ในขณะที่คนทำงานมองว่าตัวเองมีทักษะ ซึ่งความรู้และทักษะต้องมาพร้อมกันถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่งั้นคนมีความรู้ก็จะได้แค่สั่งแนะนำแต่ทำอะไรก็ไม่เป็น แล้วคนมีทักษะย่อมไม่ยอมรับคนเป็นหัวหน้าที่มีแต่สั่ง แต่ทำอะไรไม่เป็น
มันเป็นที่เด็กเกิดน้อย โรงเรียนประถมที่เราเคยเรียน ก็ปิดแล้ว เพราะไม่มีเด็กมาเรียน มหาลัยยังสำคัญ คนไทยยังอยากเรียน อยู่ดี แต่มีมากเกินจำนวนคนเรียน อะแหละ ในหมู่บ้านที่เราอยู่ มี ร้อยกว่าครัวเรือน แต่มีเด็กเกิดใหม่ ปีละไม่ถึง 10 คน ไปสอบถามผู้ใหญ่บ้าน ทั่วไทย แล้วจะรู้ดีที่สุด อย่าว่าแต่คนไกลตัว ดูรอบๆตัวเรา ตระกูลเราเอง ทางพ่อ+ทางแม่รวม มี 30 กว่าคน แต่ตอนนี้ มีเจน z อยู่ในตระกูล 4 คน นอกนั้นก็ สอวอ
ทำธุรกิจ ก็ไม่มีใครสามารถการันตีว่า จะประสบความสำเร็จ หรือ รวยทุกคน บางครั้งอาจจะจน หรือตกต่ำกว่าอยู่เฉย ๆ ก็เป็นได้
อ่านดีครับ
งั้นไปเรียนหมอไม่ก็พยาบาลดีกว่า เพราะเป็นอาชีพที่สำคัญและจะสำคัญและไม่มีวันไม่สำคัญอย่างแน่นอน. (แต่จริงๆแล้วหลายอาชีพต้องเรียนก่อนถึงจะสามารถออกไปทำงานได้ ไม่ใช่ทุกอาชีพที่จะแค่ดูและทำได้เลย ต้องเข้าใจมันด้วย ซึ่งถ้าไม่เรียนจะรู้ได้ไง? จะดูแค่ประสบการณ์งั้นหรอ? แล้วทุกคนมีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน แล้วรู้ได้ไงว่าประสบการณ์ไหนถูกอ่ะ?)
เรียนมหาวิทยาลัย จุดประสงค์คือ เข้าสังคม และ สร้าง คอนเน็กชั่น เหมือน เรา เข้าเรียนทุกคาบไม่ทราบอะไรเลย
ไม่รู้ว่าจะสู้ไหวไหมเรื่องค่าใช้จ่าย ม.บูรพาแพงมากคะ
😊อาจารย์..ในมือถือ..มีให้ศึกษาทุกรุปแบบ..นักเรียนนอนเรียนได้สบายๆ😅
ในมือถือไม่บอกทุกอย่างหรอก ก็รู้แค่ภายนอก เปลือกนอก แก่นแท้เค้าไม่บอกหรอก ถ้ายินดีเรียนรู้แค่ในยูทูป ก็จะเป็นแค่ผู้ตาม แต่ถ้าไปเรียนจริง ก็จะรู้แก่นแท้ และคิดค้นอะไรใหม่ๆได้
ปัจจุบันคนไทยเขาไม่เรียนหนังสือกันแล้วไปเป็นพ่อค้าแม่ค้ารวยกว่ากันเยอะไม่ต้องเสียภาษีด้วยไม่ต้องเสียเงินค่าเรียนทำอาหารเรือนจาก youtube
@@user-si2dd9zc4c ชีวิตไม่ได้มีแค่อาหาร ยังมีเรื่องอื่นอีก เช่น ยานอวกาศ
@@nisdasuk3945 มีปัญญาขึ้นไปอวกาศแต่ก็ไม่มีปัญญาหาอาหารกินอยู่ในเมืองไทยอยู่ดี
@@user-si2dd9zc4c ทำไมชอบดูถูกคน ว่าเค้าจะไม่มีปัญญาทำสิ่งอื่นด้วย คุณควรรู้ว่า โลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน สิ่งแวดล้อมกำลังจะพัง หลายๆนวัตกรรมต้องช่วยโลก มันมีทั้งเรื่องพลังงานสะอาด คลื่นรักษาคน การเปิดดีเอ็นเอที่สร้างภูมิต้านทานในตัวเอง ที่ยังค้นหาไม่ได้ว่ามันทำหน้าที่อะไร อีก50ตัว ยันเรื่องต่างๆอีก คุณรู้จักเทสล่าไหม? บุคคล1คน ที่เสียสละเวลาทั้งชีวิตมาก ที่นั่งเรียนรู้ทดสอบเรื่องฟรีพลังงานแบบโนลิมิต ไฟพวกนั้น จะผลิตน้ำแข็งกันโลกร้อน จะแยกอ๊อกซิเจนออกจากน้ำ แยกไฮโดรเจนไปเป็นพลังงานได้อยู่ดี และไม่เป็นควันพิษด้วย การเก็บคาร์บอน จากคาร์บอนไดออกไซด์ในรูปของแข็งหินอีก ของพวกนี้ช่วยโลกทั้งนั้น การเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย คุณยังไม่รู้ว่า ถ้าคุณจะเลี้ยงตัวอะไรสักตัวให้รอด มันไม่ใช่แค่เลี้ยงสิ่งๆนั้น แต่มันมีส่วนประกอบเช่น มันกินอะไร อาหารของมันต้องปลูกแบบไหน ทำอย่างไรอาหารของมันจะอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะในขณะที่โลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน การกำจัดขยะ เปลี่ยนขยะเป็นน้ำมัน การเปลี่ยนแพ็คเกจจากขยะไม่ย่อย มาทำเป็นจานทำธรรมชาติ การเลี้ยงหนอนนกย่อยพลาสติก การกำจัดฝุ่น ทุกอย่างเป็นความรู้ทั้งนั้น คุณไม่ควรดูถูกใครว่า ไม่มีปัญญาทำอาหารกินเอง เพราะเวลาเป็นของมีค่า เมื่อคนตัดสินใจเรียนรู้และลงมือทำไปแล้ว ทุกอย่างมีค่าเสมอ ไม่ใช่แค่อาหารอย่างเดียว หากทุกคนทำอาหารอย่างเดียวทุกคน ถ้าขายไม่หมด ก็เหลือทิ้ง ก็คนอื่นที่ทำอย่างอื่น เค้าก็ไม่ได้ทำอาชีพทำอาหารขาย เค้าก็ซื้อกินหรือทำกิน ของก็ไม่บูดเน่า อาชีพก็ไม่แย่งกัน ความรู้ก็แตกไปหลายแขนง หลายด้าน
เขียวข่าว ตามๆกันมา
มหาลัย ยังไงก็สำคัญ
วันนี้ ถ้าจะสร้างบ้าน หรือจะไปหาหมอ
จะเลือกใคร ระหว่าง
คนมีใบปริญญา
หรือคนที่เรียน วิธีผ่าตัดจากยูทูป
หมอมันเป็นอาชีพเฉพาะทางและเกี่ยวกับร่างกายคน มันสุ่มทำเหมือนซ่อมรถไม่ได้ร่างกายมันไม่มีอะไหร่ คนละเรื่องกับใบปริญญาเรย ไอ้งั่งเอ้ย
จากที่เคยศึกษามาประสบการณ์ และการเรียนรู้ตลอดชีวิต จะให้ความรู้ที่ดีกว่าตำราเรียน โดยเฉพาะสายอาชีพงานอิสระเรื่องการเงิน จิตวิทยาความสำเร็จ ส่วนมากจะได้มาจากงานสัมนาและการอ่าน และศักภาพจะมาจากการเรียนรู้และฝึกฝนทำซ้ำ ครับ
+100
อันนั้นมันฮาวทูหลอกขายรวย
จบมาก็เป็นแรงงานทาสนายทุน 🤣
จริง ยุคนี้ไม่ต้องเรียนเยอะ เอาอ่านออกเขียนได้ ให้ทันโลก ไปขายของอาชีพตัวเองมั่นคงสุดแระ กินเงินเดือนไม่มั่นคงแระ
พูดตรงๆคือบางสาขามันไม่ต้องเรียนในมหาลัยก็ได้อ่ะ เพราะข้างนอกก็มีสอน เรียนรู้เองก็ได้ บางทีเก่งกว่าคนที่จบมาซะอีก อย่างผมจบคอมไซน์มายังไม่เก่งเท่าหลายๆคนที่เรียนเองเลย อีกอย่างคือวิชาที่มันไม่จำเป็น กิจกรรมที่เสียเวลามันเยอะเกินไป ถ้าใครเคยเรียนมหาลัยจะรู้ดี เอาเวลาไปทำงานหาเงิน พักผ่อน หรือเรียนวิชาอื่นๆเพิ่มดีกว่าอีก อีกเรื่องนึงคือการศึกษาของไทยมันทำให้คนเข้าถึงยาก จะเรียนสถาบันดีๆก็ต้องจ่ายแพง กู้กยศ. ทำงานส่งตัวเอง พอคนไม่มีเงินก็ต้องเรียนราชภัฎ แต่พอจบมาก็โดนดูถูกอีกว่าจบราชภัฎ แล้วยิ่งในอนาคตคนมีลูกน้อยลง คนเรียนน้อยลง แรงงานก็น้อยลงอีก ยิ่งเจน Z สมัยนี่เริ่มสมาธิสั้น ไม่อดทนกับบางอย่างเพราะมองว่าเสียเวลา
มันตรงแค่บางส่วนคือส่วนน้อย ส่วนมากแล้วการศึกษาไม่ตอบโจทย์กับการทำงานถ้าไม่ปรับปรุงระบบการศึกษาใหม่ ปัญหาก็จะยังคงซ้ำซากเช่นเดิม
ที่เอเซีย ปริญญาสำคัญมาก แต่พอสมัครงาน ปสกการทำงานสำคัญมากกว่า
ในบทความไม่ได้บอกถึง มหาลัยรัฐบาล , ม.รามคำแหง .ม.สุโขทัย ว่ามีคนสอบเจ้า ,สมัครเข้าเรียนน้อยลงมั้ย
อยากเห็น การเปรียบเทียบ ประเทศ อื่นๆ(จำนวนประชากร) ที่ใกล้เคียงกับไทย มากกว่า อะไรๆ ก็ USA
ผมจบปริญญาตั้ง 3 ใบ 3 สาขาแต่กลับใช้หาเงินไม่ได้ เนื่องจากนายจ้างมีอคติต่อโรคประจำตัวของผม ทั้งที่การศึกษาของผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของเขาที่ ต่อผมเลย
นี่แหละ!อคติ ที่ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่?😢😢😢😢😢
นี่แหละค่ะความทุกข์ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนยึดสิ่งใดมากก็จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั่น
ทำงานมาแล้ว20ปี เอาจริงคือความรู้ที่เรียนตรีมาไม่ได้ใช้เลย ,โทมีให้ใช้ในเรื่องการทำงานกลุ่ม,connection มากกว่า
ไม่ใช่ภาครัฐหรือที่บอกว่า ลูกมากจะยากจน สมัยก่อนไม่มียาคุมกำเนิด ครอบครัว1จะมีลูก3คนขึ้นไปมาถึงยุคนี้ครอบครัว1มีลูก1คนอย่างมาก2คน
มหาลัยมีความสำคัญนะ เพราะความรู้ชั้นสูงที่ต้องมีคนสอนเท่านั้นจึงจะเข้าใจยังต้องการระบบมหาลัยอยู่ เพียงแต่มันช้า และต้องใช้ต้นทุนในการสนับสนุนมากกว่า การกลั่นกรองความรู้ก็มีความสำคัญ ส่วนงานที่เป็นอาชีพพื้นฐานก็ดูไม่จำเป็นจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มนี้ไม่ได้เรียนรู้ แต่เป็นการเรียนแบบ working to learning
จบมาก็ไม่มีใครจ้างหางานยาก
ทีสงสัยคนจบมหาวิทยาลัยทำไม่ทำงานร่วม10ปีจึงไม่พัฒนา และต้องรับคำสั่งสอนระดับแรงงานได้ เค้าสอนมาแบบไหนกัน หรือตรงกันแล้วหรือกับสุภาษิต
ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
จบมาจับฉ่ายหมด ถ้าไม่เฉพาะทาง
อย่าใช้บริบทนี้ตัดสินประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การมีปริญญาไม่การันตีความสำเร็จก็จริง แต่ไม่มีปริญญาลำบากกว่าแน่นอน สิ่งที่ควรจะทำคือทำหน้าที่ของตนเองให้ดีในแต่ละช่วงชีวิต ในขณะเดียวกันก็ฝึกฝนทักษะใหม่ๆ เช่น ภาษาที่3นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ ,Coding ,Promt Ai ,เป็นต้น เพื่อเปิดรับโอกาสที่จะเกิดขึ้น
อุ๊ย ! เกินไปหน่อย
ออกแบบโลกกันมาแบบนี้...ใครเดินตามก็ต้องเข้าวงจรทาสต่อไป
😂😅😂
😂😂😂😂😅😢
บาง ม.การันตีความสามารถเด็กไม่ได้
ต้องทำเป็นมหาลัยคุณธรรมสร้างชาติ
บางคนคิดว่าคนเรียนสูง ชอบดูถูกคนการศึกษาน้อย แต่กลับกัน บางคนชอบดูถูกใบปริญญาของคนอื่น
😂😅😮😢🎉😂😢😮😂
แต่การเรียนก็ช่วยปรับบุคลิก รสนิยม วัฒนธรรม แนวคิด พื้นฐานเพื่อต่อยอดได้
ใบแปะข้างฝา