ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ทักษะที่นายจ้างต้องการมาขึ้น- ภาษาอังกฤษ- ดิจิทัล- critical thinking (คิดเชิงวิพากษ์)Soft skill- teamwork ทํางานเป็นทีม- creativity ความคิดสร้างสรรค์- adaptability การปรับตัวได้เร็ว
เอาเกือบทุกตำแหน่ง 55
พอเข้าไปทำจริงๆ กลับโดนกีดกันในเรื่องของงาน ทั้งๆที่เราได้ทักษะในที่นายจ้างต้องการ ทั้งโดนกลั่นแกล้งในที่ทำงาน โดนนินทาต่างๆนาๆ บางทีโดนจับผิดและเกือบโดนยัดความผิดให้ตลอด จิตตกฉิบหาย เด่นเกินไปก็เป็นภัยต่อตัวเอง ก็พึ่งจะรู้นี่แหละ (บริษัทดังสะด้วย)
@@T.SATAKOY ผมก็ได้ยินเรื่องพวกนี้อยู่ 🥲
@@T.SATAKOY โอ้ มีเพื่อนแล้ว โดนเหมือนกันเลย
ต้องการทักษะ 30000 จ้าง 15000 นี่สินายจ้างต้องการ
ประทับใจมากค่ะ เราที่เรียนครูมา4ปี ฝึกสอน1ปีแบบออนไลน์100% แต่ไม่สามารถนำความรู้4ปีที่เรียนมาใช้ได้เลย เพราะหลักสูตรสอนแบบออนไซต์ ทำให้รู้แล้วว่า เราไม่ได้อยากจบมาแล้วทำงานในระบบราชการแบบนี้ ถูกกดขี่เป็นแรงงานทาส สงสารนักเรียนมาค่ะอยากจะสอนให้ความรู้ที่ดี สร้างคนที่ดีมีคุณภาพ มีแรง มีไฟ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ในระบบแบบนี้ ท้อนะคะ พอดูคลิปนี้ก็ทำให้เข้าใจบริบทภาพรวมมากขึ้น โทษใครไม่ได้จริงๆ เพราะก็ผิดกันทุกคนรวมถึงตัวเราที่แม้เห็นปห.แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เป็นกำลังใจตัวเองและทุกคนค่ะ
ให้กำลังใจคุณครูค่ะ คิดว่าเด๋วคุณครูคงหาวิธีการสอนที่ดีให้เด็กได้นะคะ
สู้ๆนะครับคุณครู อย่างน้อย ครูคือแม่พิมพ์ของชาติ ความรู้ของคุณ คือสิ่งที่เด็กๆต้องการ ถ้าครู ยังมุ่งมั่นแน่วกับอาชีพ นะครับ แต่ถ้าครูยังไม่มั่นใจกับตัวเองก็ขอให้ครู พบอาชีพที่ตัวเองชอบนะครับ
สอนทักษะอื่นเพิ่มเติมค่ะ เพื่อเป็นทางเลือกการประกอบอาชีพมากกว่า 1 อาชีพ
*"เรียน ป.ตรี จป.วิชาชีพ เป็นอาชีพ ที่มาแรงแซงโค้ง ในช่วง 10 ปี"* ที่ผ่านมากฏหมายเซฟตี้ไทย *"บังคับให้บริษัททุกแห่งต้องมี จป.วิชาชีพ ประจำบริษัท"* และ จบมาไม่ตกงาน (ถ้าไม่เลือกงาน)
ผมยังไม่เข้าใจที่ว่าอยากจะสอนให้ความรู้ที่ดี สร้างคนดีมีคุณภาพแต่ทำไม่ได้เพราะระบบแบบนี้ เพราะการเรียน/สอนส่วนใหญ่มาจากตัวครูทั้งสิ้น บางคนสอนเก่ง เรียนสนุกเข้าใจง่าย บางคนเรียนแล้วเข้าใจยาก โรคจิตก็มี ทุกสิ่งที่นักเรียนได้รับ มาจากจิตใจ ข้างในของครูแทบทั้งสิ้นน่ะครับ
ค่านิยมมีส่วนมากๆค่ะ ตั้งแต่เกิดมา จำความได้คนถูกยัดความคิดว่าต้องเรียนต่อปริญญา ทั้งที่จริงๆแล้วประเทศเราไม่ได้ต้องการคนจบปริญญามากขนาดนั้น พอคนจบปริญญาตรีก็ต้องการงานที่สมกับที่ลงทุนไปเรียน อยากได้เงินเดือนสูง พอไม่ได้ก็ไม่ทำ มันไม่สมศักดิ์ศรี นอกจากนี้ เด็กไทยพอเรียนจบ ม.6 ก็เข้ามหาวิทยาลัยทันที มีเยอะที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วอยากมาเรียนสาขาที่เลือกหรือไม่ เราเสียดายแทนเด็กหลายคนที่มาเรียน ป.ตรีทั้งๆที่ยังไม่รู้จักตัวเอง เราอยากให้ค่านิยมเปลี่ยนไป อยากให้เด็กจบ ม.6 ลองไปทำงาน ไปมีประสบการณ์ชีวิต และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ส่วนจะเรียนต่อหรือไม่ก็ค่อยคิดดู
ใช่ครับ แล้วอีกอย่างนึงคืออย่าเลือกเรียนตามเพื่อน ให้เลือกเรียนที่เราถนัด ที่เราชอบ ผมยังเสียดายจนถึงทุกวันนี้ เพราะช่วงมัธยมผมเป็นคนติดเพื่อนมาก
การศึกษาที่เละเทะ เลือกเรียนแต่วิชาหมูๆ จบง่ายๆ คนจบยั้วเยี้ยไปหมด ตอนเรียนก็ไม่ฝึกหาเงิน ดีแต่เที่ยวแต่ฟุ้งเฟ้อกันทั้งนั้น แข่งกันแต่งตัวแข่งกันกิน แบมือขอเงินแต่พ่อแม่ ไม่เคยคิดที่จะฝึกหาเงิน พอเรียนจบก็สมควรอดตาย
นักเรียนหญิงม. 5 โรงเรียนดอนเมือง ขายสินค้าทางออนไลน์ ตั้งแต่ 6 โมงครึ่งถึงเที่ยงคืน เธอมีขายได้เดือนละ500,000 บาท อย่างน้อยเธอต้องมีกำไรเดือนละ 100,000 บาท คนที่ฝึกหากินตั้งแต่เล็ก จะรู้คุณค่าของเงินและของงาน คนพวกนี้จะไม่มีวันตกงานโดยเด็ดขาด คนที่ตกงาน เพราะคุณไม่รู้คุณค่าของเงินและของงาน และคุณค่าของการศึกษา เรียนเวียงแค่หวังเอาปริญญาตรี ที่เลือกเรียนวันเกร่อ เรียนง่ายๆสอบง่ายๆ ไม่ปวดหัวมาก ออกมาแย่งงานกันทำจนหัวชนกัน มันก็ต้องตกงานเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับพ่อแม่ที่ขายวัวส่งควายเรียน
เป็นคนนึงที่จบปริญญามาไม่ได้ใช้งานในสิ่งที่เรียน เพราะตอนเด็กไม่รู้ว่าควรเรียนอะไรที่เหมาะกับตัวเองหรือความต้องการตลาด เหมือนเรียนๆไปก่อนเพื่อให้มีปริญญา สุดท้ายตอนนี้ทำงานในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเรียนจบมาเลย มันสะท้อนว่าการศึกษาบ้านเรามันผิดพลาดเชิงโครงสร้าง ตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก ควรบ่มเพาะให้เด็กได้เรีบนรู้เน้นการปฏิบัติจริง และให้คุณค่ากับการฝึกฝนเชิงทักษะ มากกว่าเน้นอยู่แต่ตำราวิชาการ กับค่านิยมว่าจบสถาบันไหน สุดท้ายแล้วการทำงานจริงมันขึ้นอยู่กับทักษะความชำนาญในการทำสิ่งนั้น ซึ่งก็สัมพันธ์กับโครงสร้างตลาด เศรษฐกิจ พอทุกอย่างโครงสร้างพื้นฐานแย่มันก็โยงกันไปหมด ยิ่งระบบการศึกษาบ้านเราก็ไม่ได้มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน และที่สำคัญจบมาตลาดไม่รองรับก็ไม่รู้จะเรียนทำไมเหมือนกัน
เรียนทำไมตายแล้วก็ลืม
ถ้าคุณเคยฝึกทำงานหาเงินมาแต่เล็ก โตขึ้นคุณจบอะไรมาคุณก็มีงานทำ คุณจะมีช่องทางหลากหลาย เพราะคุณได้รู้คุณค่าของงานและคุณค่าของเงิน
เขาตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ครับ เขาไม่ได้บริหารผิดพลาด นี่คือสิ่งที่เขาต้องการหละ
ครูและ สถาบันไม่สอน หลอกเด็กมาเรียนจ่ายค่าเทอม จบไป ไม่ใช่เรื่องของ ครู
เขาต้องการให้เรามีทางเลือกน้อย การศึกษาไม่ไปไหน ความสามารถและทางเลือกน้อย เขาจะได้กดเราได้เพราะแค่จะหากินยังไม่พอ จะไม่มีเวลาไปต่อต้าน
เราเป้นอีกคนที่จบแค่ปวช. ทำงานตั้งแต่18ค่ะ แต่ทำที่บ้านเป็นงานเอกสาร มีทั้งลูกค้าของที่บ้านเอง ทั้งหาลูกค้าเอง ทำเพจเฟสบุ๊ค แล้วก็ปากต่อปากด้วยค่ะ ดีลกับลูกค้า ดีลกับหน่วยงานราชการ จนมาเจอโควิด ทีนี้ต้องเข้ากทม.ไปหางานค่ะ ทำที่แรกบ.ใหญ่สัญญาจ้าง3ด. ที่2บ.ขนาดปานกลาง11ด. ที่สุดท้าย บ.เจ้านายต่างชาติเงินเดือนเท่าเด็กจบใหม่ตอนนี้ได้20+แล้วค่ะ ได้ฝึกภาษาด้วย เคยทำบ.คนไทย กับ ต่างชาติ มันก็ต่างกันอีก เพราะของไทยเราส่วนใหญ่ดูวุฒิ ส่วนต่างชาติดูประสบการณ์และให้โอกาส การทำงานก็ต่างกันด้วย
ยังมีตำแหน่งงานว่างไหมครับ
หมดหวังกับอนาคตประเทศแล้วครับ มีแต่คนแก่ๆทำงาน คนเดิมๆ หน้าเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ พอจะมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำงาน ก็ไปปิดโอกาสเค้า ได้แต่ลุงแก่ๆ เดินก็ไม่ไหว นั่งฟังยังหลับ สัปหงก มาทำงาน ไม่รู้จะไปหวังอนาคต อะไรกับประเทศ
เหมือนกัน เบื่อกับการที่ลุงแก่บริหารไม่เป็นแต่ยังอยากจะมีอำนาจบริหารอ่ะ ส่วนตัวเราแต่เราไม่ได้ว่าคนแก่ทั้งหมด คิดว่าถ้าเป็นคนแก่ที่ทำงานด้านบริหารมาจริงๆ บางคนเค้ามีประสบการณ์นะ เค้าทำได้ดีเลย เช่น รู้หมดมาลูกค้ามาท่าทีไหน ดูเกมออก อยากให้คนบริหารเป็นขึ้นมาทำหน้าที่บริหารประเทศมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าวิสัยทัศน์ดี ผลงานดี สุดท้ายประชาชนต้องเป็นคนเลือกขึ้นมา ประเทศไทยเราอ่ะ อำนาจติดอยู่แค่กลุ่มเดิมๆ น่าเบื่อ ประเทศเราถึงไม่ไปไหนไง
ใช้ชีวิตและ"อยู่อย่างมีความหวัง" อย่าหมดหวังนะคะ เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันค่ะ เราต้องสนับสนุนตัวแทนที่จะเข้าไปแก้ไขโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม และอย่าหลงกับนโยบายที่ไม่ได้แก้ปัญหาที่โครงสร้างค่ะ
บ่นอะไรเหรอไปบอกพวกสส.นู่น เลิกยกมือให้คนแก่ก็จบแล้ว
ทุกวันนี้คนมีอนาคตคือคนค้ายา
ขนาดคนแก่ๆ จะขึ้นมายากเลย แบบทีกั๊กกันเอง พยายามบีบกันเองออก
ประเทศเรากำลังเป็นแบบนี้1. คนเรียนจบปริญญาตกงาน2. เมื่อตกงานไม่อยากมีลูก3. พวกค้ายาหาเงินได้วันละ 1,000 4. พวกมันออกลูกทีละ 3 คน5. ประชากรไร้คุณภาพมันบ่งบอกได้ถึงว่ารัฐบาลมันอยากอุ้มคนชั่วมากกว่าคนดี
จะกลายเป็นแบบหนังเรื่อง idiocracyเคยเจอคนขายยาลดความอ้วนรวยเป็นล้าน คนซื้อก็เยอะมาก เตรียมล้างไตกันได้เลย
ใช่เลย
จริง
@@vaivisarnbunjareon7058 จริงกัวมากละกำลังเกิดขึ้น
จากประสบการณ์จบ ป.ตรี สตาร์คงานจริงได้ 12,000-13,000 ไม่ถึง 15,000 ค่ะ พอมาเป็นแม่ค้าได้ต่อเดือน 14,000-18,000 แถมมีเวลาให้ครอบครัว ไม่ต้องไปแก่งแย้งชิงดีกันสบายใจกว่าเยอะค่ะ คนอายุ 40 อัพก็โดนบีบให้ออกแล้ว ค้าขายดีกว่าค่ะ
ช่ายยยย.....บางองค์กรอย่าเข้าไปร่วมงานเลย ป.ตรี-เอก เดินเตะฝุ่นเล่นดีกว่าและถ้า พนง.องค์กรนั้นๆมีพฤติกรรมแย่ๆ หยุดซื้อ หยุดกิน หยุดใช้มันไปเลย🤔🤔🤔
อย่ามั่วคับ
จบม.3ก็ได้12000แล้วพูดมาได้ไงตลก
@@toozonee2540 เรื่องจริงนะคูนนน แล้วแต่ลักษณะงาน องค์กรใหญ่ๆมั่นคง ระดับ ป.ตรีแข่งขันกันสูงมาก ทั้งที่ ง.ด น้อย แต่ต่างกันที่สวัสดิการนะระยะยาวๆอย่างงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ป.ตรี ระดับ3จ่ายเท่าไร?แต่ข้อสอบก้สุดๆไม่นับคนที่สอบซ้ำๆนะ เอาแบบคนสอบทั่วไปๆ ไม่ใช่สายนักสอบ😁😁😁
@@toozonee2540 จบม.3 ทํางานได้ 12,000 แล้วจะจ้างปริญญาตรีเสีย 15,000 เพื่อ? ทำได้เหมือนกันจ่ายแพงกว่าทำไม
ความเห็นส่วนตัว1. รัฐให้อิสระกับ มหาวิยาลัยในการเปิดคณะต่าง (เยาวชนวาดฝันอย่างสวยหรู)2. ค่านิยมของผู้ปกครอง ที่เห็นลูกใส่ชุดครุยดูสง่างาม ( น่าจะหางานง่าย)3. รัฐให้ค่านิยมที่ผิดๆจากข้อ 1. แต่ละเลยเด็กที่เรียน สายอาชีพ หรือ วิทยาลัยเทคนิค ฯลฯ4, อวดอ้างเด็กจบ ป.ตรี ได้ งด. 15,000บ. (ไม่ติดตามความเป็นจริง บางแห่งจ้างแค่ 5000)5.ตลาดแรงงานไปกระจุกที่เมืองใหญ่ มีอีกเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆแก้ปัญหาด่วน....1. โดยรัฐ ต้องจริงจังในการพัฒนาวิยาลัยอาชีวะให้มีคุณภาพ และเปิดวิทยาลัยอาชีพเพิ่มในทุกๆจังหวัด เน้น...... สาขาเกษตกรรม (ปิดรับคณะต่างๆใน ม. ที่เรียนแล้ว หางานทำไม่ได้)2. สร้างแรงจูงใจให้เยาวชนเห็นคุณค่าของการเรียนรู้ที่ได้ปฎิบัติจริง และรับรองมีงานทำ ให้เงินเดือนสูงกว่า ป.ตรีที่จบจาก ม. แนวคิดนี้ส่วนหนึ่งจะดึงเยาวชนกลับภูมิลำเนา ถ้าผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ และเห็นแก่เยาวชนของชาติจริงๆ น่าจะลองเอาไปเป็นแนวคิด
เห็นด้วยกับความเห็นนี้ เห็นโครงการคนพันธุ์ R อยู่แต่ไม่รู้ว่าโครงการสำเร็จแค่ไหน คนพอมีปัญญาก็ไปเรียนวิศวฯ เพราะค่านิยมว่าเป็นนายช่าง ส่วนช่างที่เราพบเห็นทั่วไป คุณภาพเป็นอย่างไรรู้ ๆ กันอยู่ คิดราคาแพงเกินคุณภาพไปเยอะ เดี๋ยวนี้ยุคโควิด ไม่อยากให้คนนอกเข้าบ้าน คนเริ่มซ่อมของในบ้านเองกันแล้ว เหลือแต่งานเสี่ยงภัยกับงานยากถึงจะจ้างช่าง ส่วนตัวอยากให้คนเก่งเรียนสายช่างที่เป็นฝั่งปฏิบัติมากกว่า
ทำรายงานแบบนี้ต่อไปครับ journalism ที่ผมหามานาน ดูน่าเชื่อถือ แล้วมีหลักฐาน การนำเสนอดูสากลนำเสนอให้สังคมไทยต่อไปครับ
สำหรับผมขอชื่นชมทีมงานและผู้บริหารของ The standard ทุกท่านมาก ที่ช่วยกันผลิตสื่อที่มีคุณภาพ สามารถสื่อให้ผู้ฟังเข้าใจอย่างชัดเจนและเหมือนเป็นอีกกระบอกเสียงที่คอยสื่อให้ทุกคนรับรู้ถึงปัญหาต่างๆ เนื้อหาแต่ละ Episode ดีมากๆ จริงครับ
เป็น บทสรุปตกงาน ที่ดีที่สุด... เรียนเสนอรัฐบาล ลดการผลิต สาขาที่จบมาแล้ว ตกงาน... เพิ่ม การผลิต สาขาขาดแคลน... เช่น หลักสูตรนวดแผนไทย(คนสูงอายุปวดเมื่อย นวดกันบ่อย) ผู้ช่วยพยาบาล อาชีวะ-ช่าง หมอฟัน พยาบาล หมอ... ทำเว็บไซต์ ติว-สอบ มาตรฐานภาษาอังกฤษ (ให้ ทุกคนที่จะเข้าระบบราชการ ต้องสอบเทียบ)
หมอก็จะล้นละ กระจุกในเมือง :)
ปัญหาที่สำคัญอีกประการคือ attitude ของเด็กรุ่นใหม่ เช่น รักสบาย รักอิสระ ขาดความอ่อนน้อม และ ความรับผิดชอบต่ำ บางครั้งเกิดคำถามว่าใน 100 คน มีกี่คนที่ขยัน และสามารถให้เต็มร้อย ส่วนตัวคิดว่า attitude ของเด็กรุ่นใหม่น่าเป็นห่วง
เห็นด้วยครับ มันไม่ใช่แค่ฝั่งนายจ้าง หรือ มหาลัยที่ต้องปรับตัว นักศึกษา ผู้ว่างงานก็ต้องปรับตัวด้วย
ที่เจอนะ1.เลือกงาน ตากแดด/ตวจ ไม่เอา2.เงินน้อยไม่สมัคร อยากได้เงินเยอะ แต่ไม่มี ปสก3.ทำวันเสาร์ไม่สมัคร4.สาขาที่จบมาเกร่อจัด คือเอาสาขาไหนมาทำก็ได้ ไม่จำเป็นสาขาเฉพาะ ตอนเอ็น ก็ขอให้เข้าได้พอ ไม่มองอนาคต5.ทำงานไม่ทน อดทนไม่เป็น เข้ามาแปปเดียวออก แล้วบอกไม่อยากโดนกดขี่
คำถามที่ควรถามคือ ทำไมถึงเกิดยังงั้น 1. เรียนสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ก็จะไม่เกิดการพัฒนา ไม่อยากเรียนรู้ 2. เรียนตามค่านิยม และเรียนเพราะทางบ้านอยากได้ ป.ตรี มาประดับการอวดอ้างช่วงเวลานึง ซึ่งมักจะเกิดข้อแรกตามกันด้วย 3. ให้ความสนใจกันแต่ เรื่องทำงาน / เวลาทำงาน / เงินเดือน ทั้งที่มันควรมีปัจจัยเรื่อง ความสามารถ / ประสบการณ์ / soft skill 4. ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเรื่องแนวคิดผู้ประกอบ ซึ่งต่างกับ การเรียนเพื่อเป็นผู้ประกอบการนะ เพราะการจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีได้จะต้อง เข้าใจเรื่องโครงสร้างด้วย ไม่ว่าจะทฤษฎีหรือปฎิบัติ แต่ในไทยเน้นแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเดียว ไม่ค่อยสัมพันธ์ ไม่เข้าใจภาพรวม ดังนั้นเด็กเลยไม่ได้คิดถึงปัจจัยอะไรแบบนี้เท่าไหร่ (กว่าจะเข้าใจต้องผ่านอีกหลายปี) สมัยนี้มันไม่ใช่แค่ การเรียนตามคำสั่ง อดทนแบบทหาร ไม่งั้นทำงานแทบตายสุดท้ายก็ไม่เติบโต เสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ
ถูกต้อง
จริงมากค่ะ รู้สึกเด็กวัยรุ่นยุคนี้ไม่ทนงานเลย มั่นใจในตัวเองสูงแต่ไม่มีทักษะประสบการณ์แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ค่อยได้(เท่าที่เราเคยเจอนะคะ)
*"เรียน ป.ตรี จป.วิชาชีพ เป็นอาชีพ ที่มาแรงแซงโค้ง ในช่วง 10 ปี"* ที่ผ่านมากฏหมายเซฟตี้ไทย *"บังคับให้บริษัททุกแห่งต้องมี จป.วิชาชีพ ประจำบริษัท"* และ จบมาไม่ตกงาน (ถ้าไม่เลือกงาน)สมัยนี้ บริษัทไหน? *"ไม่มี จป. ไม่มีระบบเซฟตี้ นายจ้างจะประมูลงานไม่ได้ ไม่ผ่าน CSR ไม่ผ่านมาตรฐานระดับโลก"*
จริง! เราตรงข้ามกับข้างบนหมดเลย จบตอนต้มยำกุ้ง เงินเดือน7พัน เป็นลูกจ้างชั่วคราวยังทำ "ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา หนักเอาเบาสู้" ยังไงก็เจริญ
เหนื่อยและ ลำบาก...จบมาหางานทำไม่ได้ หรือ ดีหน่อย ได้งานแต่เงินไม่พอใช้ เลี้ยงตัวเองยังไม่รอด เหตุนี้ถึงไม่อยากมีครอบครัวกัน...ครั้นจะเรียนที่จบมาแล้วมีใบประกอบวิชาขีพ ก็หัวไม่ถึงอีก...ส่งผลแน่ กับตลาดแรงงานการพัฒนาประเทศ....
จริงค่ะ คนทำงานโรงงานตำแหน่งพนักงานฝ่ายผลิตมีคนจบป.ตรีเยอะมากเเต่หางานที่ใช้วุฒิป.ตรี ไม่ได้เลยต้องทำตำแหน่งสายการผลิต
หลายปัจจัยครับ พิษเศรษฐกิจ บริษัทเกิดใหม่น้อย มีเทคโนโลยีเครื่องจักรกลมากขึ้น นายจ้างหันไปจ้างคนที่วุฒิต่ำกว่าเพื่อลดเงินเดือน และอีกหลายๆอย่าง ที่สำคัญคือการเลือกคณะที่เรียน หลายคนเลือกคณะที่ชอบ เลือกที่เรียนจบง่าย คิดแค่อยากจบปริญญาให้พ่อแม่ภูมิใจแต่ไม่ทันได้คิดจบไปจะทำอะไร แทนที่จะเรียนในคณะที่จบไปทำอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการ
ขอบคุณที่นำเสนอรายงานดีๆ เพราะจะเป็นแรงกระตุ้นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับผิดชอบโดยตรง ให้เร่งปรับปรุงให้ดีขึ้น
ใช่ค่ะ ไม่เน้นการศึกษา ในช่วงโควิด ทำให้พ่อแม่หมุนเงินไม่ทันเพราะกิจการต้องหยุด ลูกๆไม่มีเงินค่าเทอม มหาลัยไม่มีความเห็นหรือยื่นมือเข้าช่วย จึงต้องลาออกมาหางานทำโดยใช้วุฒิ ม.6 และเริ่มต้นเรียนใหม่ โชคดีที่ลูกๆเข้าใจและไม่ท้อในเรื่องเรียนที่ต้องการจะเรียนให้จบอย่างน้อยปริญญาตรี และค่อยหาทางเรียนต่อไปจนกว่าจะได้ดั่งที่หวังไว้
เรียนจบที่แคนาดา งานรอก่อนจบเลยค่ะ การศึกษาที่นี่มีคุณภาพเอาไปใช้งานได้จริง หลักสูตรไม่ครอบจักรวาลเหมือนไทยค่ะ
ครอบจักวาลเเต่รู้อย่างละนิด
ต้องรีบย้ายไปแคนาดา
@@はなび-i2u ดูกระเป๋าหนังสือเด็กชั้นประถมสิครับ แทบจะต้องลากไปแล้ว
อันนี้เห็นด้วยนะ สมัยนี้ความจริงไม่ควรเรียน 4 ปี ในสาขาที่ไม่ใช่วิชาชีพเฉพาะเช่นแพทย์ วิศวะ ควรเรียน 2 ปี และให้ฝึกงาน 2 ปีจะได้ประสบการณ์ ได้ค้นพบตัวเองว่าอยากไปด้านไหนต่อ บ้างทีมีโอกาสปฏิบัติงานจะช่วยให้เรามองเห็น ทางที่ควรเลือกได้ไวขึ้น
จากที่ผมสัมภาษณ์งานเด็กจบใหม่จำนวนหนึ่ง พบว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ1. เด็บจบใหม่เลือกงาน ต้องการงานสบาย เงินเดือนเยอะ2. วันเสาร์ไม่ต้องทำงาน3. จะทำงานเฉพาะที่ได้รับมอบหมาย ไม่ขนขวายเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มเติม4. เวลาได้รับมอบหมายงานใหม่ จะเริ่มต้นด้วยคำว่า "ยาก, ทำไม่ได้, เป็นไปไม่ได้" ถ้าเป็นคนรุ่นก่อน จะบอกหัวหน้างานว่า "ได้ครับ, จอลองทำดูก่อนครับ, จะพยายามครับ"ผมไม่ได้มี Bias กับคนรุ่นใหม่นะครับ เพราะเด็กรุ่นใหม่มีอะไรให้ผมเรียนรู้เยอะมาก อยู่ที่ตัวบุคคลจริงๆ
ดัชนีการว่างงานในประเทศไทยผมไม่ค่อยได้เห็นมีใครมาพูดซักเท่าไหร่ (หรือผมไม่ติดตามข่าวไม่แน่ใจ) แต่ต่างประเทศดัชนีการว่างงานถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นตัวเลขที่มีผลต่อเศรษฐกิจสูง และยังบ่งบอกถึงประสิทธิภาพการบริหารงานของรัฐบาลอีกด้วย ผมขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆครับ
อะไรที่ดูแย่ ประเทศนี้ไม่พูดถึงครับ
ผมก็คิดเหมือนคุณตอนผมเด็กๆ ตอนผมวัยรุ่นที่ยังนั่งดูโทรช่อง 3,5,7 ก็ไม่เห็นพูดเลย
@@fundeekongsuk7815 มีกี่ช่องกันที่เล่นข่าวนี้ ส่วนตัวไม่เคยเห็น
สำนักข่าวใหญ่ๆ ส่วนมากจะไม่เล่นข่าวที่ 1. ขายไม่ออก 2. หนักสมอง 3. ทำให้ รบ. ดูแย่(จะโดนกดดันจาก รบ. ทันที) แต่มักจะชอบออกข่าวที่ 1. เบาปัญญา(ไร้สาระ) 2. งมงาย เพราะขายได้ 3. ข่าวที่กระแสดังๆ เพราะเกาะข่าวกินได้หรือถ้ามีแบบอื่น หรือคิดต่างยังไง ฝากคอมเม้นท์ต่อผมด้วยนะ
@@fundeekongsuk7815 มีคนเชื่อด้วยเหรอ
อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักโรค เครื่องนุ่มห่ม เท่านั้นที่สำคัญกลับชีวิต ถามว่าที่เรียนมาทั้งหมดก็นำมาใช้ใน ปัจจัย 4 ทั้งนั้น มนุษย์สร้างระบบมาเพื่อเป็นทาสชั้นดีในการปกครอง ระบบการศึกษาก็อยู่ในนั้น
ผมเริ่มเข้าใจถึงปัญาหาผู้นำ รัฐบาลไม่มีวิสัยทัศน์แหละ แบบผูกขาดนั่งกินภาษีปชช. ในระยะยาวมันจะเริ่มส่งผลกระทบอย่างไร พูดยากเรื่องจิตสำนึก เพราะบางคนครอบครัวอิ่มท้องตัวเองสบายก็ถือว่าทำถูกต้องแล้วโดยที่ไม่สนใจคนอื่น แต่ถ้าคนที่มีจิตสำนึกจริงๆถ้าทำไม่ได้ หรือ ไม่ดี ผมว่าเขาจะรับผิดชอบกับผลกระทบ เอาผลประโยชน์ส่วนร่วมมาก่อนส่วนตน ซึ่งมันมีผมเชื่อแต่คงสู้พวกมีการเมืองเล่นพวกไม่ไหว น่ากลัวถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปประเทศเราคงหนีไม่พ้นประเทศยากจนแน่ จริงๆผมว่าในไทยมีคนเก่งเยอะน่ะแต่แค่ไม่ได้รับโอกาส มันเหมือนโรงเรียนข้อเสียคือไม่ได้สอนให้เด็กเรียนรู้ที่จะล้ม ปรับตัว มีแต่จำๆไปสอบเพื่อแข่งขันซึ่งแม่งแทบไม่ได้ใช้เลย ช่วงนี้คงต้องทำอย่างไงก็ได้ให้รอด เลิกพูดเรื่อง passion ได้เลยถ้าไม่ได้เกิดบนกองเงิน
โทษระบบอย่างเดียวไม่ได้ มันขึ้นอยู่ที่คนด้วยอยากให้ทางรายการนำเสนอในด้านพฤติกรรมของเด็กรุ่นนี้ด้วย ส่วนตัวเท่าที่สัมผัสมา ส่วนใหญ่1. ความอดทนต่ำ อยากทำงานน้อยๆ ได้เงินเดือนเยอะๆ เหนื่อยหน่อยเอาแล้วออก แบบไม่แจ้งล่วงหน้าด้วย2. ไม่มีความเสียสละ ไม่มีความรับผิดชอบ งานไม่เสร็จแต่เลิกงานปุ๊บหาย line ไม่อ่าน โทรไม่รับ3. ไม่มีความเป็น team work ชอบฉายเดี่ยว คิดได้แต่มุมมองตัวเอง4. ไม่มีวินัย ไม่รักษาคำพูด เอาแน่เอานอนไม่ได้5. ไม่วางแผนชีวิต ไม่มีเป้าหมายชีวิต คิดแค่อยู่เดือนต่อเดือน6. น้ำเต็มแก้ว ไม่ขวนขวาย ไม่คิดจะพัฒนา7. ไม่ยอมรับผิด โทษได้ทุกอย่าง ยกเว้นตัวเอง
1.ทัศนคติ.ของนศ.จบใหม่ไม่ตรงกับทัศนของเจ้าของกิจการ.2.รัฐสั่งเข้าแรงต่างชาติ 3.ผลิตคนไม่ตรงกับสายงาน
สำหรับผมคิดว่า ตัวผมคงจะดันตัวเองไปเรียนต่อนอกให้ได้ เพราะผมคิดว่าผมคงไม่เหมาะกับที่นี่จริงๆ ใครที่จะไปก็สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้
เป็นกำลังใจให้นะคับผมว่าก็จะไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนกันคับมันก็เป็นความฝันของผมคุณเองก็สู้ๆน้าๆๆ You can do it🤗✌️✌️
ไว้เจอกันนอกประเทศนี้นะคะ ✌️
@@____yc ได้เลยครับ เป็นกำลังใจให้ พร้อมลุยยยย!
เห็นด้วยค่ะ ประเทศไทยระบบการศึกษาไม่สอดคล้องกับความต้องการของสายอาชีพงานที่เกิดขึ้นใหม่ และเด็กเสียเวลาเรียนบางหลักสูตรเยอะเกินไป 4 ปี อาจเรียนได้ถึง 4 หลักสูตรวิชาชีพ นักศึกษาส่วนมากอาจจะเรียนเพื่อมุ่งสู่การเป็นข้าราชการ แต่กลุ่มที่เรียนมุ่งเน้นด้านพัฒนานวัตรกรรม และการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอาจจะมีน้อยมากๆ
ข้าราชการเขาเลิกคิดไปนานแล้ว มีแต่อยากเป็นเจ้าของกิจการมากกว่า
ข้าราชการมีตำแหน่งเหลือน้อยต้องสอบแย่งแทนจะให้คนแก่เกษีณอายุแล่วเอาเงินเดือนของเขาที่ตัดไปครึ่งนึงสามารถจ้างเด็กจบใหม่ได้ถึง2-3คน
ผมคนนึงอ่ะครับที่ไม่เคยคิดจะเป็นข้าราชการ ผมจบสายวิศวะ และผมก็รู้สึกไม่ชอบอีก แต่ชอบรายได้จากสายอาชีพนี้มากกว่า
ข้าราชการมีแต่ยัดเงินถึงจะเข้าได้ มันเปนอาชีพของพวกคดโกงไปในสายตาคนรุ่นใหม่ไปแระ
ขรก เป็นอาชีพที่ดีครับ ไม่ว่าจะทำงานห่วยยังไงก็ไม่ถูกไล่ออก สวัสดิการก็โคตรดีเกินผลเกินไปเยอะ
ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่ (มีประสบการณ์ 5 ปี จะพิจรณาเป็นพิเศษ)
เอ่อ…………..
5555
โคตรจริง และ นักศึกษาจบใหม่ (รับวุฒิการศึกษา ม.6 ขึ้นไป / ป.ตรี ทุกสาขา )
น่าจะเป็นเรื่อง ประสบการณ์ จากสายนั้นๆมั้ง เช่น การเป็นเรื่องเขียนโปรแกรม ก็ต้องผ่านประสบการณ์สร้างโปรแกรมจากงานแข่ง ประกวด หรือ startup หรือ project ต่างๆ แบบนั้นก็เรียกประสบการณ์ได้
55555
แหะ แหะ แหะ เป็นคนรับสมัครงาน เด็กสมัยนี้นะ1 เงินเดือนต้องเยอะ2 งานต้องสบาย3 ต้องมีอุปกรณ์ให้ครบ4 อยากหยุดต้องหยุด5 อยากทำเวลาไหนก็ต้องเวลานั้นนี่แค่รวบรวมบางส่วนมาก มีจุกจิกปลีกย่อยเยอะบางคนจบมาเกรดดี มองภาพรวมแล้วน่าจะเยี่ยแต่ยื่นขอเสนอต้องเป็นหัวหน้า 555คิดดูซิ ว่าตัวเองพร้อมแค่ไหนคนอยากเอามาทำงานพร้อมแค่ไหนบางคนทุกอย่างผ่าน ทำงานไม่เท่าไหร่เข้ากับเพื่อนคนอื่นไม่ได้ประเภทกูเก่งคนเดียว ทีม..พินาศ คนเดียวทำงานไม่ได้จะเลือกทีมหรือเลือกคน 555บริษัททำงานต้องมีเอกสาร ต้องมีรายงานการประชุมทำเอกสารไม่เป็น ทำหนังสืออ่านไม่รู้ ผิดๆถูกๆประชุมอย่างหนึ่ง แต่เอกสารออกมาอีกอย่างเป็นคนละเรื่องแหะๆ ควรเอามาทำงานไหมแต่ตัวอย่าง
สิ่งที่ควรรุ่นใหม่จะต้องทำ คือ1. ค้นหาตัวเองให้เจอ ว่าตัวเองมีใจรักเกี่ยวกับอะไร ทำอะไรเก่งเป็นพิเศษ หรือว่ามีเราคนเดียวที่ทำได้ และใช้สิ่งนั้นทำเป็นอาชีพของตนเอง อย่างเช่นผมมีใจรักในประวัติศาสตร์ ผมเคยผ่านการแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้มาแล้ว และความรู้ความสามารถของผมเป็นที่ยอมรับในแวดวงสังคม การสอนวิชาประวัติศาสตร์แบบนี้ผมไปไหนพ้น2. เราสามารถหาเงินได้จากสิ่งที่เราทำ ถ้าหากว่า เราชอบเล่นเกม อยากเป็นนักแคสเกม คำถามคือคุณมีจุดขายอะไร เพราะในยุคสมัยนี้ นักแคสเกมระดับแถวหน้า สามารถหาเงินได้จาก youtube คำถามคือถ้าชอบเล่นเกม แล้วเกมที่เล่นนั้นหาเงินให้กับคุณได้หรือเปล่า3. มี จุดขาย ในสิ่งที่ทำ ยุคสมัยนี้ มีฟรีแลนซ์มากมาย แต่ความรู้ความสามารถนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะใช้ในการประกอบอาชีพได้ การจะทำงานอะไรก็ตามแต่นั้นต้องมีจุดขายในตัวเอง คือมีแบรนด์ประจำตัว และเราคือกระบี่มือหนึ่งในเรื่องนั้นหากจะอยู่รอดในยุคสมัยนี้ 3 ข้อนี้ต้องครบ
พูดง่ายไปนะ คนหลายคนรู้ตัวว่าชอบอะไร แต่มันมีปัจจัยต้องจ่ายบางคนมันเกิดมายากจนจะทำไรได้.
@@PLoY.1013 ใช่ครับ
@@PLoY.1013 แต่เราต้องเก็บทุนทำสิ่งที่ชอบได้
@@PLoY.1013 ผมก็เกิดมายากจน แต่ทุกวันนี้ผมก็มีมากขึ้นจนสบายแล้วมี BMW ขับ ไม่ได้ขอที่บ้านสักบาทให้ที่บ้านด้วย ผมยอมรับว่าประเทศเรามันโครงสร้างแย่ ถ้าอยากมีเท่านี้ไปอยุ่ประเทศอื่นไม่ต้องเหนื่อยเท่าประเทศเราหรอก ก็โงหัวได้ แต่ถ้าเราอยุ่ไทย ต้องยอมรับว่าต้องเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่า แต่ผมไม่เคยให้คำว่าจนมาปิดโอกาศ เราต้องมองหาโอกาศ และ ลงมือทำ ดีกว่ามานั่งท้อใจบอกว่าตัวเองจนแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรก็อยู่แบบนั้นแหละคับ
@@NoppongWora ดีใจด้วยที่คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น.
- 2532 งาน หายากมากๆ ยุคนายกชาติชายโรงงานต่างทยอยมาตั้งในไทย งานมีมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เปลี่ยนงานกันว่าเล่น มีหนังสือพิมพ์หางานเล่มหนาๆ งานมีมากมาย -ต่อมายุคแรงงานขาดแคลนจนปัจจุบันต้องใช้ต่างชาติ -ยุคนี้ปริญญาตรีมีมากมาย แต่งานไม่มีรองรับ ประเทศไม่ได้พัฒนาตามการศึกษาของคน ส่วนแรงงานก็ขาดแคลน ยังดีที่มีชาวพม่ามาช่วยไว้ได้***ลองหางานต่างประเทศดูครับ หลานสาวผมไปรับจ้าง ช.ม.หลายร้อย มีครอบครัวฝรั่งกำลังเปลี่ยนสัญชาติแล้ว
ตกงานเยอะไม่ใช่แต่เด็กจบใหม่ครับ บริษัทผมเอาคนออก 150 คน เพื่อลดต้นทุน กลายเป็นคนตกงานตอนอายุ 35 เพราะสภาพเศรษฐกิจที่แย่ กำลังซื้อคนต่ำ ยอดขายลดลง บริษัทต้องลดต้นทุนเพื่อรักษาอัตรากำไรของบริษัท..นี่แหละเหตุผลหลัก
อายุ 35 นี่หางานใหม่ยากมาก อายุที่ต้องเกาะเก้าอี้ให้แน่น งานหนัก งานอิหยังวะ ก็ต้องทน บ.ต่างๆ จะรับพนักงานใหม่ อายุไม่เกิน 30 ปี หรือ 35 ปี
จิงคับเด็กจบใหม่หางานทำไม่ได้มันยังไม่ได้กระทบอะไรมากเท่าคนที่ทำงานกำลังสร้างตัวแต่มาตกงานตอนอายุเยอะๆนี่และคับ
@@ศุภชัยสมจันทร์ทรา เราตกงานตอน 50 กว่า คนอื่นก้อโดนเกือบ 70 คน เพราะลดต้นทุน มาทำงานรายวัน หมดหวังกับประเทศนี้ จะย้ายไปอยู่ยุโรปปีหน้า
ช่วยเปรียบเทียบปริญาตรีสายสังคม กับสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี หน่อยครับ ดูเหมือน ป.ตรีสายสังคม คือสายที่หางานทำไม่ค่อยได้ เพราะเปิดกันเยอะ คนจบมาเยอะ ต้องการตัวเลขให้คนจบปริญญาตรีมาก โดยไม่คำนึงถึงตลาดงานที่รองรับครับ
ป.ตรีสายสังคม คิดว่าส่วนใหญ่เลยคือ จบมารับ "ราชการ" เท่านั้นเลย ถ้ามาสายเอกชน ก็ต้องทำต่างสาย ซึ่งเงินเดือนจะน้อยมาก ให้เลือก ไปสายวิทฯเทค ดีกว่าเยอะ
เราจบสายสังคมมา บอกเลยว่าถ้าคุณไม่ได้อยากมุ่งไปสายราชการ ไปเรียนคณะอื่่นที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานดีกว่าค่ะ เช่น ไอที ปัจจุบันเราเองไปทำงานเอกชน สาขาที่จบมาแทบไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับงานเลย ถ้าย้อนกลับไปได้จะเลือกเรียนสายอื่นจริงๆ😂
เพิ่งจบมาค่ะ โชคดีมากเรียนจบสายอาชีพมา ปวช.ปวส.ตรี เลือกเรียนในสิ่งที่รักค่ะเรียนไปมีความสุข(ขั้นบ้า)😅ระหว่างเรียนก็รับงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่เรียนไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปคือพร้อมทำงานมาก จริงๆก่อนจะจบมีหน่วยงานต่างๆติดต่อมาเยอะเลยค่ะแทบไม่ต้องทำอะไรเลยเขาจัดการให้ค่ะเเต่เลือกนำเงินเก็บที่หาได้มาเปิดธุระกิจส่วนตัวเล็กๆเหนื่อยสานฝันให้ตัวเองดีกว่า ตลอดเวลาโควิตไม่ค่อยมีผลกระทบต่องานค่ะ มีความสุขดีเวลาทำงาน ตอนนี้เห็นอนาคตที่สดใส❤ จริงๆถ้าเรามีประสบการณ์กับงานนั้นๆเเละเก่งจริงๆ ก็หางานไม่ยากหรอกค่ะ นี่เป็นคนเรียนโง่ที่สุดของห้องค่ะถ้าจะวัดกันแค่ที่เกรด 2.32 แต่ประสบการณ์ในวิชาชีพและหน้าตา A( 4.00 )ค่ะ😂5555
มันจริงถึงจริงที่สุด นี่จบมานานงานยังไม่มีทำ ถ้าไม่มีธุรกิจครอบครัวก็คงแย่ ใครที่ยังหางาน ก็เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆ
จบอะไร มาคะ
ฟังมาดีหมดแต่ลงท้ายก็จบแบบมองหานักลงทุน แท้ที่จริงแล้ว เด็กไทยต้องรู้ว่าเรียนเพื่ออะไร แล้วต่อยอดการศึกษาเป็นวิชาชีพ รัฐต้องสร้างภาคตลาดภาคการผลิตแล้วสนับสนุนให้คนไทยเป็นผู้ผลิต สร้างเทคโนโลยีของตัวเอง แล้วสนับสนุนภาคการส่งออก …. การอัดฉีดเงินเข้าระบบ มันเป็นไฟไหม้ฟาง ไม่นานก็หาย รู้แต่ก็ทำอยู่ได้…
บริษัทธุรกิจเกิดใหม่น้อยลง เพราะไม่เกิดการแข่งขัน ผูกขาดแค่บางเจ้า บริษัทเ่ลยต้องปรับตัวให้องค์การขนาดพอดี ไม่ใหญ่เกินไป การจ้างงานต้องการพนักงาน ทำอะไรได้หลายๆอย่าง แต่กดเงินเดือน น่าเศร้าจิงๆครับ บริษัทฝรั่งเวลาทำงานก็ทำอย่างเดียวไปเลย ไ่ม่ต้องทำหลายๆ อย่าง บริษัท คนไทย คนจีน
จาก15000ทำแสนห้า คนไทยทำงานหนักที่สุดในโลกแล้วมั่งเวลาทำงานก็เยอะ แถมทำหลายอย่าง หนักๆคือหลายJobด้วย
ร่ายมั่วๆ แล้ว โรงเรียน มหาลัยฯ สอนคนให้เป็นลูกจ้าง เพื่อรอรับเงินเดือนอย่างเดียว แต่ไม่มีปัญญาหาเงินเอง พอเศรษฐกิจแย่ก็ตกงานกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เด็กจบใหม่ใน USA ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เป็นกันทั่วโลก มหาลัยฯ สอนคนให้มีแค่ความรู้เฉยๆ แต่ไม่สอนคนให้มีปัญญา ความรู้มีวันล้าสมัย จนไม่มีใครอยากเรียนอีกต่อไป แต่ปัญญาไม่ใช่ของตายอย่างนั้น ถ้ามีปัญญาก็พลิกเกม แก้สถานการณ์ แก้ปัญหาบนโลกนี้ได้หมดทุกอย่าง การเรียน คือ การเล่นคำให้ฟังแล้วดูดี คล้ายๆ น้ำขังรอการระบาย (น้ำท่วม) แต่ที่จริง คือ การเรียน = การท่องจำ ไม่ว่าจะเป็นการท่องหนังสือ หรือ การจำที่เกิดจากประสบการณ์ก็ตาม (ฝึกงาน ยิ่งฝึกงานเยอะ ก็ยิ่งจำได้แม่นขึ้น ทำงานนั้นๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น) แต่ถ้าคุณมีปัญญา คุณก็ไม่จำเป็นต้องท่องจำอะไรโง่ๆ แบบนั้นอีกต่อไป มันก็เลยมีคำคมว่า ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด ที่พอปัญหามา คุณก็เป็นง่อย รอวันจบอวสาน
@@JohnKickboxing ถ้าสอนคนให้มีปัญญาได้ ไอ้คนสอนจะมาเป็นอาจารย์กินเงินเดือนไม่กี่หมื่นทำไมล่ะครับ เขาก็ไปเป็น อีลอน มัส แล้วสิ
@@blackumbrella6199 👌ก็นั่นน่ะสิ จะว่าไปแล้วคนเราก็เกิดมาเพื่อเห็นแก่ตัว ตักตวงเอาผลประโยชน์ก้อนโตๆ ใส่ตัวกันอยู่แล้ว แต่มันก็ยังมีพวกพ่อพระที่ไม่โลภมากก็พอมีอยู่บ้างนะ สอนไปแล้วได้ผลประโยชน์แค่นิดเดียว แต่มันก็เป็นผลประโยชน์ทางใจ ไรงี้
@@JohnKickboxing ปัญญา เกิดจากอะไรหรอ แล้วต้องสอนกันอย่างไร ถึงจะมีปัญญา // มีปัญญา แล้วเป็นอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง // คนมีปัญญา ตอนนี้มีมาก หรือมีน้อย แล้วเค้าอยู่กันอย่างไร // พูดเหมือนจะดีนะ แต่.. ยังแคบไป ยังไม่รู้หลักความจริง
30-40 ปีผ่านไป ก็ยังเหมือนเดิม เรียนอะไร ไม่ตกงาน หรือโอกาสตกงานน้อยที่สุด ยกตัวอย่าง1) สายวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยเฉพาะพวกที่เรียนจบแล้วต้องทำงานใช้ทุน2) วิชาชีพเฉพาะ ที่ผลิตได้ไม่มาก และมีสภาวิชาชีพควบคุมดูแล3) ตำรวจ ทหาร ทั้งประทวนและสัญญาบัตร นับอายุราชการกันตั้งเข้าเรียนเลยทีเดียวซึ่งมีการแข่งขันสูง ใช่ว่าทุกคนจะเข้าได้ แถมเมื่อเข้าได้ ก็ใช่ว่าจะเรียนจบหลายคนไม่ได้ชอบ ไม่ได้อยากเรียนแนวนี้ แต่ไม่อยากตกงาน จึงต้องอดทน ฝืนทน เรียนกันไปยังมีอีกหลายสาขาที่ตลาดต้องการ ซึ่งเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ต้องคอย updateและไม่แน่ว่า สิ่งที่ตลาดต้องการวันนี้ อีก 20 ปี จะยังเป็นที่ต้องการอยู่หรือไม่แต่ 3 กลุ่มอาชีพด้านบน ค่อนข้างอมตะเอาใจช่วยทุกคนครับ
มองจากฝั่งมหาลัยเองก็ใช่ย่อยนะ พวกอาจารย์ถูกบีบให้เปิดหลักสูตรอะไรที่มันไม่จำเป็นก็เยอะ เพียงเพื่อให้ตัวเองมีงานทำ มหาลัยมีเงินมาลง แต่เด็กมาเรียนจบออกไปชะตากรรมเป็นไงรับผิดชอบตัวเองไปดิจ้า หึๆ บางคนมีกิจการที่บ้านรออยู่แล้ว มาเรียนเอาวุฒิพอให้รู้ทันงานเอกสารเท่านั้นแหละ ส่วนคนที่บ้านไม่มีอะไรให้เลย...สู้ๆนะ
อาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนยังไม่เคยทำงานในชีวิตจริง เรียนอย่างเดียว แล้วก็มาเป็นอาจารย์เลย อาจจะไม่มีประสบการณ์ในการแนะนำนักศึกษาได้มากนักที่จะเข้าสู้ตลาดการทำงานที่แข่งขันสูง
อาจารย์มหาวิทยาลัยมันก็อาชีพๆ หนึ่งนะครับ 555
@@vandenhuud8570 5555
ถูกต้องเลยครับ
อาจารย์เล่นการเมือง อ่อนประสบการณ์
เขาเรียนมาเพื่อสอน ประสบการจริงไม่มี แล้วจะมีอะไรมาสอนให้เด็กเอาไปใช้จริงได้ในที่ทำงาน
น่าแปลกที่อัตราการว่างงาน ของผู้ที่มีวุฒิปริญญาตรี กลับสูงกว่า ผู้ที่มีวุฒิรองลงมา ในในทางทฤษฎี หรือสมมติฐานเบื้องต้น ตัวเลขมันไม่น่าออกมาจากนี้ มันบ่งบอกถึงอะไร เห็นใจน้องๆที่ตั้งใจเรียนจนจบ เบื้องต้นทำอะไรได้ก็ทำไปก่อนเลย อาจจะไม่ได้ตามวุฒิ ก็ทำไปก่อนนะคับ สู้ๆ พี่น้องชาวไทย
เรียนสายอาชีวะหางานทำง่ายสุด เพราะประเทศมีความต้องการช่างสารพัดอย่าง ส่วนเหตุผลที่ว่าเด็กจบ ป.ตรีทำใมหางานยากขึ้นเพราะว่า มีคนที่เรียนจบ ป.โท เยอะขึ้นมากพอๆกับเด็กจบ ป.ตรี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับ สมองของแต่ละคนด้วยนะ อย่างพิมรี่พาย เรียนจบแค่ ม.6 แต่ปัจจุบันรวยเป็นพันล้าน ดังนั้นการศึกษาก็แค่ส่วนประกอบเล้กๆของชีวิตที่ช่วยให้เราไม่โดนใครมาหลอกง่ายๆ ส่วนชีวิตจริงนั้นขึ้นอยู่กับสมองและความสามารถของตัวเราเองล้วนๆไม่มีใครสอนได้นอกจากประสบการณ์ของตัวเราเอง
น้องสามีของเรา เรียนเก่งมาก จบสถาบันดัง เรียนจบก็ไม่ได้ไปหางานประจำทำนะ ทำช่องยูทูป แต่ยังมีคนตามไม่มาก ตอนนี้กำลังต่อโท ที่ต่อคงเพราะยังไม่รู้จะไปทำอะไร อย่างน้อยก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาของพ่อแม่ว่าลูกฉันเรียนเก่ง จบสูงจากสถาบันชื่อดัง อีกอย่างที่ทำให้เค้าไม่ต้องดิ้นรนก็เพราะบ้านรวย พ่อเค้าซื้อคอนโดไว้ให้ลูกเค้าเก็บค่าเช่า แค่ค่าเช่าก็มากกว่าเงินเดือนสตาร์ท ป ตรี แล้ว
ปัญหาจบป.ตรีตกงาน 1.ผู้จบขาดความมั่นใจจากสถาบันไม่ดังโอกาสน้อยลงผู้จบลังเลเพราะไม่มีประสบการณ์การฝึกงานขาดคุณภาพทำไม่จริงหาคนที่มีประสบการณ์มากๆมาให้ความรู้และวิธีงาน การเข้าไปทำงานจะต้องประเชิญกับอะไรบ้าง จะต้องปรับตัวอย่างไร ต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง2.อย่าเลือกงานงานอะไรก็ทำมันได้เงินและได้ประสบการณ์ว่าจะปรับเปลี่ยนแบบของตัวเองอย่างไงเคยอ่านหนังสือแปลเล่มหนึ่งผู้เขียนจบ ดร.แต่สมัครเป็น พลตำรวจ ตัวผมเองเป็นระดับบริหาร เริ่มต้นจากเป็น รปภ.(บริษัทฯขอไปที่องค์การทหารผ่านศึกแล้วส่งผมมา)ไม่มีความรู้อะไรก็มาปรับเปลี่ยนและพัฒนาตัวเอง ผมอยู่ฝ่ายขายมีผู้จัดการฝ่ายขายจบมาจากเภสัชกร และอีกคนจบมาจากรัฐศาสตร์
ผมคือหนึ่งใน20%ที่มาเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร เนื่องจากงานประจำที่ผมทำอยู่มีเงินเดือนอยู่แค่ 13,000 ซึ่งมันทำงานเกี่ยวกับสาขาที่เรียนมา ซึ่งสำหรับตัวผมมันไม่สามารถนำมาเลี้ยงครอบครัวได้ ทำได้แค่ประครองการใช่ชีวิตประจำวันของตัวเอง ผมจึงยอมมาเป็นไรเดอร์รายได้อาจไม่คงที่แต่ผมสามารถที่จะทำงานระยะเวลามากขึ้น มันเหนื่อยกว่างานประจำแต่มันก็เลี้ยงครอบครัวได้
เอาใจช่วยค่ะ คนมีความรับผิดชอบ ไม่เกี่ยงงานแบบคุณ ต้องประสบความสำเร็จสักวัน..✌️✌️
@@isiri5978 ขอบคุณนะครับ
หัวแรงเหนื่อยหน่อย เพราะที่เหลือจะอดจะเจ็บ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ค่อยเป็นค่อยไปวันนี้รู้สึกไม่ดีวันหน้ายังมีสิ่งดีๆรออยู่เสมอ มีความรู้ติดตัวไม่อดตายแน่นอนค่ะ❤️✌️
ขอบคุณ ผู้นำประเทศครับ ที่บริหารได้ดีขนาดนี้
ประชดรัฐฯหรือเปล่าครับ555
ถ้าผ่านเวลาไปเรื่อยๆคนไทยจะปรับตัวเองครับ เช่นพ่อแม่เรียนมาแล้ว ปริญญาไม่มีความสำคัญจะบอกลูกหลานเอง ว่าไม่ต้องเรียนให้สูงแต่เอาตัวให้รอด ค่านิยมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับไม่ต้อวทำอะไรมัน
มหาวิทยาลัยกล้าติดตามศิษย์ทึ่จบไปแล้วไหม เคยทำวิจัยไหมว่า ที่จบไปทำงานได้ไหม ทำงานแบบไหน ทำงานอะไร แล้วมีหลักสูตรแก้ไขไหม ถ้าตกระกำลำบาก บัณฑิตตกยาด
ที่คณะผมมีนะจบแล้ว ธุรการตามให้กรอกบันทึกการทำงานหลังเรียนจบ
ยืนยันว่ามี แต่ไม่ได้การันตีว่าจะกรอกความจริง
ของผมมีครับ จะติดตาม 1 ปีหลังจากจบการศึกษา
มีให้กรอก แต่ไม่ได้ติดตามตลอดไปคนจบใหม่อาจทำงานตามสายงาน แต่ไม่ได้สำรวจต่อในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือ 3-4 ปีข้างหน้า บางทีหลายๆ ปีข้างหน้าหลังจบไป อาจจะมีคนทำอาชีพตามคณะที่เรียนน้อยลงก็ได้
อันนี้จริง ให้กรอกข้อมูลแบบส่งๆไปสาขาใหนคนตกงานเยอะ ก็ยังเปิดสอนอยู่แบบนั้นแหละ ทั้งที่รู้ว่าสาขานั้นมันไปต่อไท่ได้
ปริญญาเกร่อ ควรแบ่งการเรียนเป็น Academy และ Professionalให้ชัดเจน
เห็นด้วยที่สุด จบปริญญาตรีส่วนใหญ่ภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ้าไม่จบสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
@@007chefdong จบสาขาที่เกี่ยวข้องบางคนก็ใช้ไม่ได้ค่ะ ไม่รู้เรียนยังไง
@Dacb Labr เจอคนใกล้ตัวค่ะ
ผมเคยทำงานธนาคารด้านเงินฝาก มีแค่2อาชีพ ที่มีรายได้หลังเกษียณคือข้าราชการ กับ เจ้าของธุรกิจ ผมก็เลยลาออกธนาคารมาสอบข้าราชการใช้เวลา2ปี ตอนนี้ผมสอบติดแล้วแต่ต้องมาดูว่าจะเรียกถึงป่าว ส่วนเอกชนนี้สมัครไปไม่เคยได้เพราะ1ต่อ20 คน ต้องไปสมัครแบบสอบแข่งไป ถึงมีโอกาส
ควรปรับหลักสูตรใหม่ บางสาขาไม่จำเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็ควรปิดไป สิ่งที่มองในปัจจุบันควรเน้นเรื่อง IT การลงทุนทางเศรษฐกิจ มีหลายสาขาหน่อย หรือหลักสูตรมัธยมควรเน้นที่ใช้ได้จริง อย่างวิชากระบี่กระบองก็ตัดออกไป เปลี่ยนเป็นทักษะการป้องกันตัวยังโอเคกว่า หลักๆที่ควรเพิ่มคือกฎหมาย วิชาเกี่ยวกับเศรษฐกิจประเทศ หรือวิชาแนะแนวเกี่ยวกับอาชีพ แนวโน้มความสำคัญของอาชีพ พาออกไปดูภาคปฏิบัติในสถานที่จริงบ้างว่างานแบบนี้ทำอย่างไร มีขั้นตอนอะไร ไม่ใช่ให้ศึกษาแต่ในตำรา หลักสูตรเดิมๆ ฝึกให้ท่องจำ แต่ไม่ฝึกให้เด็กคิดเอง
พูดยากครับ ระดับความเก่งความรู้ความชำนาญ ก็ต่างกันแล้วครับเช่นบริษัทต่างชาติ บริษัทระดับประเทศ รายได้ก็ต้องสูง แต่มหาลัย top ของประเทศก็ได้ไป ก็ไปแข่งกันในกลุ่มนี้กันเองกิจการหรือบริษัทรองๆ ก็คนที่จบจาก top ของประเทศบางส่วน ลงมาแข่งกันมหาลัยรองๆที่เหลือก็ตามสภาพ จบไปงั้นๆ ใครจะจ้างล่ะแล้วก็ไปลงเอยที่ "อาชีพอิสระ" เขาก็ยกตัวอย่างเป็น "ไรเดอร์" ยอดฮิต ซึ่งมันก็เลี้ยงชีพได้จริงในระดับหนึ่ง แต่มันจะถึงไหนกันความเหลื่อมล้ำก็เกิดพวก top กลุ่มบนก็ไต่เต้า คุณภาพชีวิตดี มีเวลา มีเงิน ฯกลุ่มล่าง รายได้ที่ต้อง "ออกไปทำ" ถึงจะได้กิน เครียด ไม่มีเวลา คุณภาพชีวิตก็ตามสภาพความต่างที่โหดร้าย: สมมุติทุกกลุ่มเป็นหนี้เหมือนกัน กลุ่มบนฟุ่มเฟือย เที่ยวต่างประเทศ รูดบัตรเครดิตซื้อเบรนด์เนม ก็ว่ากันไป / แต่กลุ่มล่างก็รูดบัตรเงินสดผ่อนตู้เย็นทีวี ผ่อนรถ ไปเที่ยวทะเลน้ำขุ่น หรือป่าเขาใกล้บ้านหนี้เหมือนกัน แต่ทำงานใช้หนี้กันคนละขั้ว แล้วชีวิตในระหว่างหนี้นั้นต่างกันสุดลิ่มน่าเศร้าครับ
สรุปง่ายๆเลยคือเด็กเราไม่เก่งพอใช่ไหม?
@@เหมือนฝันโต๊ะหลี ใช่ครับ ทุกประเทศครับ พีรามิดทั้งนั้น แต่ประเทศที่มีอะไรที่โอเค ฐานข้างล่างก็จะพออยู่ได้ครับ เช่นที่เราเห็นในบ้านเราฝรั่งเกษียณแก่ๆนั่งจิบเบียร์ วัยรุ่นแบกเป้เที่ยวเป็นเดือนๆ
ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหานี้1. หน่วยงานต้องการคนทำงาน ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน2. บัณฑิตจบใหม่โดยส่วนใหญ่ ไม่มีความสามารถหรือทักษะ การใช้เครื่องมือสารสนเทศ
ปัญหาจริงๆ ... คือ ค่าจ้างและเงินเดือนความรู้/ทักษะ ในการทำงานที่คนจ้าง ต้องการมันน้อย ... ความรู้/ทักษะ ที่คนจบ ป.ตรี มีจริงๆมันเยอะกว่า ที่คนจ้างต้องการปัญหาจริงๆ ... คือค่าจ้าง ถ้าไม่อยากจ่ายค่าจ้างเยอะ ต้องลดสาขาที่นายจ้างไม่ต้องการ ให้ลดลงฯ
ปริญญาสังคมศาสตร์เปิดเยอะเต็มเมืองทั้งราชภัฏอีกทั่วประเทศ หลากหลายอาชีพไม่ต้องจ้างผู้จบปฺตรี ใครๆก็เรียนจบ ขอให้มีเงินค่าเทอม ปิดตาข้างนึงยังจบเลย
ทุกวันนี้เห็นพ่อแม่ต่างดีใจส่งลูกเรียนจบ คนเรียนจบก็ดีใจ แต่หารู้ไม่สิ่งที่ควรดีใจมากที่สุดคือการหางานทำได้และไม่เป็นภาระกับคนในครอบครัว
ชอบบทความแบบนี้เปนกำลังใจให้
หมดยุคปริญญาแล้ว ยุคใหม่คือคุณคิดอะไรเป็นบ้าง และทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรสำเร็จบ้าง นั่น คือคำตอบ.......
งานมีอีกเยอะครับบริษัทผมทั้งบริษัทแม่บริษัทลูก และยัง บริษัทรวมทั้งห้างร้านเพื่อนๆในกลุ่มผมยังเปิดรับสมัครพนักงานอยู่ แต่..... 1 เด็กสมัยนี้ไม่สู้งาน อยากสบายแต่ได้เงิน2 ยุคนี้ เป็นโจรง่ายกว่าทำงาน3 Man มีปัญหามากกว่าAI 4 ความสามารถและทัศนะคติของผู้สมัครเองที่มำให้องค์กรณ์ยอมเลือกให้ตำแหน่งยังคงว่างอยู่เพื่อไม่สร้างปัญหาเพิ่มให้กับองค์กรจงจำไว้ว่า"ผลตอบแทนของคุณจะขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหา"
เบื่อพวกคนแก่ที่ไม่มีความสามารถในสายงานที่ตัวเองทำ แล้วดันทุรังจะบริหาร อนาคตของประชาชนต้องขึ้นอยู่กับกลุ่มคนที่ไม่มีความสามารถเหรอ เงินเฟ้อขึ้นเยอะมาก อยากรู้ต้องทนกับคนชุดนี้ไปอีกนานแค่ไหน เลิกขโมยอนาคตของเด็กได้แล้ว
หลักสูตร ค่านิยม มันโบราณ เช่น สายอาชีพ ตันที่ ปวส จริงๆต้องปรับให้เพิ่มเป็นตรี ในสายอาชีพ ต้อมมี โท เอก หลักสูตรควรแบ่งเปผ้น สายอาชีพกับสายวิชาการ มี ตรี โทเอก เหมือนๆกัน
เป็น HR ของบริษัทเอกชนใน จ.ภูเก็ต มี นศ.ป.ตรี ที่จบใหม่และคุณสมบัติก็ตรงกับที่ประกาศรับ แต่ฝ่ายบริหารเขาก็เป็นฝ่ายที่คัดเลือกอีกที เช่น รับได้เพียงแค่ 5 คน แต่มาสมัคร 10 คน HR ก็ต้องคัดกรองไปให้กับฝ่ายบริหารเพื่อพิจารณา จะจ้างไม่จ้างขึ้นอยู่ที่ฝ่ายบริหาร (ส่วนตัวเห็นใจมาก เข้าใจคนมาสมัครและทางบริษัท)
เด็กจบใหม่ถ้าพ่อแม่เกษียรมีเงินบำนาญราชการ เขาจะให้ลูก ไม่ไปทำงาน เพราะมีเงินช่วยเหลือ ออก ค่ากิน ค่าสมัครสอบ ค่าเดินทางไปสอบ ลูกไม่ต้องทำอะไร นอกจากไปสอบราชการ คนที่ยังไม่หางานทำบางส่วนทำแบบนี้ค่ะ. เพราะเขาเห็นว่าทำเอกชนทำได้ชั่วคราว. แก่ตัวมาไม่ได้เงินบำนาญ
เห็นด้วยอย่างมากเรื่องการปรับให้ข้อมูลความก้าวหน้าของมหาลัยเป็นสาธารณะครับ หน่วยงานรัฐควรจะเปิดเผยแนวทางกับความเป็นไปของการบริหารให้มากกว่านี้ เพราะในมุมมองนักศึกษาเชื่อว่าหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Vision มหาลัยเป็นแบบไหน อยากให้อธิการบดีมหาลัยในไทยแสดงศักยภาพผู้นำทางการศึกษาให้ชัดและเทพกว่านี้ สู้ๆครับ
ผมเรียนจบในปี61 ได้งานทำทันทีเป็นครูอัตราจ้าง เงินเดือน8,000บาท ทำได้หนึ่งปีเเล้วตัดสินใจลาออกในต้นปี62เพราะครูอัตราจ้างนั้นไร้อนาคต ไม่เติบโต ผลที่ตามมาคือหลุดครับ หางานใหม่ไม่ได้เลย ทั้งสมัคร ทั้งสอบ หน่วยงานรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ ไปมานับสิบแห่งแต่ก็ไม่ได้เพราะแต่ละแห่งรับแค่1-2คน คนสมัครหลายสิบ หลายร้อย ไปจนถึงหลายพันคน ก่อนโควิดงานว่าหายากแล้ว โควิดมาในปี 63เหมือนปิดประตูโลงศพ การท่องเที่ยวล่ม โรงเเรมล่ม การบินล่ม ผมตกงานนอนอยู่บ้าน2ปีเต็ม โมโหจนฉีกใบเกียรตินิยมทิ้งไปแล้ว สุดท้ายจนตรอกเอาวุฒิม.6ไปสมัครราชการ ได้งานในปี64
สุ้สุ้ทุกคนค่าาาา
เช่นเสริมด้วยการมีการเข้าฝึกอบรม แตกต่างสาขาที่เราเรียน แต่เสริมวิชาช่างทั้งปวงเข้าไปแค่นี้เราก็ไม่ตายแล้วครับ 🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭
ในฐานะเจ้าของธุรกิจขนาดกลางขอบอกเลยค่ะว่า "งานมีเสมอ ถ้าไม่เลือกมาก" เด็กจบใหม่ ประสบการณ์ไม่มี แทบทุกคนเรียกร้องอยากได้เงินเดือนสูง และส่วนใหญ่เป็นแบบสำนวนไทยที่ว่า "เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ" งานลำบากไม่ทำ อดทนหน่อยก็ไม่เอา ต้องขยันทำงาน ก็ไม่ได้อีก เรียกว่าไม่มีอะไรซักอย่าง บ่อยครั้งที่เรียกมาทำงาน ทำได้ไม่กี่วันออก เด็กสมัยนี้ความอดทนต่ำ แต่รสนิยมสูง ไม่แปลกที่จะบอกว่าตกงานเป็นจำนวนมาก
อัตรางาน กับอัตราคนจบมันสัมพันธ์กันไหมล่ะครับ จะได้เข้าใจถูกประเด็น ว่า ว่างเพราะเอาแต่ผลิตออกมามากๆ หาเงินกับการศึกษาจนไม่ได้มองที่ความเป็นจริง หรือ งานไม่ตรง เลือกงาน คุณภาพไม่ได้ มันก็อีกเรื่องนึง
งานมีเยอะครับ แต่งานมีรายได้น้อย ค่าจ้างพอๆกัน กับผู้ใช้แรงงานไม่มีการศึกษา
เป็นช่องที่นำเสนอข้อมูลค่อนข้างรอบด้าน และน่าสนใจดีมาก พัฒนาต่อไป ครับ
หลักสูตรไทยล้าหลัง และไม่จำเพาะเจาะจงไม่เน้นใช้งานจริง เรียนรู้แบบจับฉ่าย เอาหน่วยกิตเรียนเยอะเข้าว่า ไม่แปลก บางอย่างควรคงไว้ ไม่ควรเปลี่ยนเช่นภาษาไทย ก็อย่าเปลี่ยน เปลี่ยนวิธีการสะกดเป็นแบบภาษาอังกฤษ ไม่รู้หรือไง แต่ล่ะภาษามีความจำเพาะเจาะจงมีลักษณะพิเศษต่างกัน ใช้วิธีสอนเหมือนกันไม่ได้ สะกดไม่เป็น อ่านภาษาไทยไม่ออกไปรุ่นนึง
ผมเคยทำงานทั้งบริษัทข้ามชาติและของไทยฝากน้องๆที่จบใหม่ขอให้เลือกบริษัทข้ามชาติก่อนเลย เพราะฟังก์ชั่นงานชัดเจนสมชื่อกับตำแหน่งออแกไนเซขั่นขัดเจน ไม่มีการก้าวก่ายงานและไม่วุ่นวายตอนเวลาเลิกงานเคารพเวลาส่วนตัว ถ้าคุณเลือกบริษัทไทยๆฟังก์ชั่นงานกับตำแหน่งที่คุณใส่หมวกจะงงๆสับสนเพราะฟังก์ชั่นงานคุณถูกใส่หมวกหลายใบมากจนมั่วเละไปหมด เวลาเลิกงานวันหยุดคุณก็จะถูกโทรตามโทรจิกตามแม้เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆแม้คุณจะเคลียร์งานของคุณเสร็จก็จะมีงานที่คนอื่นมันทำไม่ได้โยนมาให้คุณจากเจ้าของเหียๆแถมการเมืองรุนแรงเพราะเจ้าของมาบริหารเองถ้าเจ้าของบ้าจี้หูเบาก็เสร็จทำให้เกิดการประจบสอพลอยิ่งกว่าบ้านทรายทองและออแกไนเซชั่นก็ไม่มีผลอะไรเพราะบริหารแบบแฟลตไม่ใช่เจดีย์
ไม่เลือกงานไม่ยากจน ครับ....
มันอยุ่ที่คนครับ ว่าทำได้ป่าว...ไม่เกี่ยวกับของต่างชาติหรอของไทย
@I’m introverted ก็มีส่วนครับ
+100
ความคิดล้าหลัง เรียนเพื่อพ่อแม่แต่ไม่ได้เรียนเพื่อหาอนาคตตัวเอง
1. เพราะเด็กสมัยนี้เลือกงานมากเกินไป ต้องการเงินเดือนสูง แต่ต้องสบาย เพราะบางคนใช้จ่ายเกินตัวตั้งแต่สมัยเป็น นศ จนติดเป็นนิสัย พอเงินเดือนน้อย ก็ไม่พอใช้ก็ไม่ทำดีกว่า อยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงดีกว่าสบายกว่า ติดสบาย2. สาขาที่เปิดสอน ไม่มีตลาดรองรับเพียงพอ ไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน3. เทคโนโลยีต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดการใช้งานมนุษย์
ข้อ1 “เด็กสมัยนี้เลือกงาน” คือทุกคนก็เลือกงานทุกคนอยู่แล้ว คือจบปริญญาต้องมาผสมปูนแบบนี้มันก็ไม่ใช่ กู้ กยศ ก็เป็นแสนอยู่แล้ว ทุกคนก็ล้วนตั้งเป้าหมายเงินเดือนสูงๆกันทั้งนั้นแหละเพื่อให้คุมกับค่าใช้จ่ายที่เรียน
กูจบ ป.ตรี แต่ทำงานเป็นพนักงานฝ่ายผลิตแบบนี้เรียกว่าเลือกงานป่ะกูเอาวุติ ป.ตรีไปสมัครแล้วน่ะแต่ไม่มีใครเรียกสัมภาษณ์เลย
จริงครับ
ผมใช้วุฒิปตรี ตอนนี้เป็นพนักงานครัว ครับไม่พอกินแต่ไม่ตาย
@@puwanaid622 ก็โอเคนะ ที่คุณไม่เลือกงาน มันก็เป็นผลดีกับตัวคุณเอง ถูกไหม ?? ฉันเองก็เป็นเหมือนคุณ ที่ตอนจบ ป.ตรีมาใหม่ๆ ก็หางานทำไม่ได้ สุดท้ายก็ใช้วุฒิ ปวส. สมัครงาน และได้ทำงาน จนตำแหน่ง ป.ตรีที่ทำงานของฉันมันว่างลง ฉันก็ได้ปรับตำแหน่ง โดยใช้วุฒิ ป.ตรีแต่ฉันขอติติงอะไรหน่อยได้ไหม การแสดงความคิดเห็นเนี่ย มันไม่จำเป็นต้องขึ้นกู ขึ้นมึง ก็ได้มั้ง คำเหล่านี้ มันเหมาะที่จะใช้สำหรับคนที่สนิทสนมเป็นเพื่อนกัน เวลาที่ฉันอยู่กับเพื่อนฉันก็ใช้แต่กับคนที่ไม่สนิทสนม ฉันจะไม่ใช้ เพราะฉันคิดว่ามันไม่ค่อยถูกกาละเทศะและไม่จำเป็น ที่ต้องแสดงออกถึงขั้นนั้น
จบป.ตรีสาขาอะไรที่ตกงานต้องดูด้วยทุกคนอยากทำงานสบายงานง่ายๆดูเท่ดูดีชื่อสาขาการเรียนดูหล่อเลยแต่ตลาดไไม่ต้องการ ลองดูซิว้าใช่แบบนี้หรือเปล่า และมหา'ลัยที่มีอยู่แทบทุกจังหวัดผลิตส่าขาอะไรออกมาบ้าง
ส่วนผมไม่ตกงานอยู่แล้วครับพึ่งจบปริญญาตรีปีแล้วแต่ก็กลับไปทำสวนอยู่บ้านกับพ่อแต่ก็มีรายได้ วันละ 1,000-2,000 บาทต่อวัน
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 ผ่านมา ยี่สิบปี ก็ เท่าเดิม !!
ช่ายนทำไมน้อยยจังง
ผมฝึกงานเด็กก่อนจบป.ตรีทุกปี รู้สึกว่าแม้แต่ความรู้พื้นฐานในสาขาที่เรียนก็ไม่ดีเท่าที่ควร การศึกษาเราเหมือนเลี้ยงไก่ในฟาร์ม มีปีกมีขนมีหางตัวสมบูรณ์แข็งแรง แต่บินไม่ได้
รู้ไหมตลาดแรงงานที่ขาดแคลนมากๆในประเทศไทย คือ ปวช. ปวส. เพราะเงินเดือนไม่สูง แต่มีทักษะการทำงานสามารถทำงานได้เลย ต่างจากปริญญาตรีที่เรียกเงินเดือนสูง แต่ไม่มีประสบการณ์การทำงาน ขาดทักษะการทำงาน รับเข้ามาก็ต้องมาฝึกอีกอย่างน้อย 3 ปี กว่าจะเป็นงาน
บางคนก็ดื้อถือว่าภูมิรู้สูงกว่า...
บางทีมันแทนกันไม่ได้จริงๆนะครับ มันขึ้นอยู่กับว่าเอาไปทำงานอะไร
สมัยนี้ปริญาตรีกับปริญญาโทคือเกลื่อนเลยค่ะ แล้วหลายๆองค์กรก็มีปัญหารับเข้ามาแล้วมีแต่คนสั่งงาน ไม่มีคนทำงาน สมัยก่อนปริญญาตรีรับเข้ามา ถ้ามีลูกน้องก็สั่งลูกน้องทำ ถ้าไม่มีก็ทำเองได้ แต่สมัยนี้ถ้าไม่มีลูกน้องให้สั่ง ก็ไม่ทำนะจ๊ะ เพราะอีโก้สูงมาก
ผมเคยคุมลูกน้อง ปวช ปวส. 30 คน ให้เงินเดือน 17000-25000 บาท แต่น้องๆไม่ค่อยอดทนทำงานน่ะดิ
โรงงานผมใช้ ปวส เป็นส่วนใหญ่ ปวช วุฒิยังน้อยไปนิดแต่ก็ยังรับ แต่มีอัตรส่วนที่น้อยกว่า ปวส ผู้บังคับบัญชา บอกว่าคนกลุ่มนี้ใช้งานได้เลยตั้งแต่เริ่มงาน อาจจะมีเทรนนิดหน่อย
อย่าคิดว่าคนว่างงานเพราะเค้าเลือกเยอะ เพราะส่วนใหญ่HRมันก็เลือก เลือกเยอะด้วย ขนาดตำแหน่งที่รับสมัครมันตรงกะประสบการณ์ที่เคยทำงาน หรือคุณสมบัติตรง แต่ไม่รับ เพราะอะไร ทัศนคติ/อคติ/ เพราะเคยสมัครงานร้านกาแฟ ที่สมัครเห็นว่าใกล้บ้าน แต่พอchatคุยโดนถามว่าทำอะไรมาก่อนเราก็ตอบตามตรงว่าเคยทำofficeมาก่อน บอกไปตามนั้นเขื่อไหมคนเป๋นHR บอกว่าอะไร งานบริการทำไม่ได้หรอก อะไรที่คุณบอกว่าทำไม่ได้ จบ.ตรี ยอมลดวุฒิการศึกษา แต่สิ่งที่คุณตอบมามันไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่ประกาศรับสมัครบอกว่ายินดีต้อนรับคนเรียนรู้งานได้ขนาดสมัครpart time ใช้ทักษะเฉพาะด้านที่จบ พอส่งใบสมัครไปรีบลดวุฒิการศึกษา บอกรับวุฒิม.3 ถ้าเรียนมาจบขนาดนี้ ไม่ต้องตรีก็ได้อีกเคส สมัครไปจากรายเดือนรีบเปลี่ยนรับพนักงานรายวันคำตอบคืออะไร อยากรู้ อคติแค่ใบสมัคร กับการศึกษา ไม่ถูกชะตา บอกตรงๆ อย่าอ้าง งั้นจบม.3 หรือ ม.6 ไม่ต้องต่อป.ตรี คุณก็รับแบบนี้หมดซิรู้งี้จบแค่ม.6 ก็ได้ เสียเวลาชีวิต กะทัศนคติคนไทยเอาเหตุผลดีๆนะอย่าแถ อย่าปฏิเสธไม่ได้เลือกคนจริงๆเราอยู่กลุ่มoverqualified เหรอ ?ไม่เคยเรียกร้องเงินเดือนเยอะกว่าวุฒิเพราะไม่เก่งหรือจบมหาวิทยาลัยดังๆ ไม่เคย ได้เงินเดือน เกิน 20000ในชีวิต แบบนี้เรียกว่าเรียกเงินเดือนสูงเหรอ ทั้งชีวิตไม่เคยได้เงินเดือน 20000 แต่สิ่งที่คุณปฏิบัติมันเลือกปฏิบัติกับมนุษย์คนนึง
งานเดี่ยว ทำเป็นกลุ่ม , งานกลุ่ม แต่ภาระหนักอยู่คนเดียว ไม่แปลกใจทำไมประสานงานกันไม่เป็น ถามว่าปัญหามันอยู่ที่เด็กหรอ เปล่าเลย ระบบต่างหาก การลงโทษเรื่องการทุจริตในสถานศึกษามันกากจริง บางคนฟ้องไปก็เป็นหมา ฟ้องไปก็โดนด่าคนเดียว เผลอๆโดนเมินเพราะมันก็ทำมาก่อน อาจจะคิดว่าไม่เกี่ยวแต่ผมว่าระยะยาวะ ผลกระทบมันเยอะ จริงๆ
มีคำถาม งั้นมหาวิทยาลัยมีไว้ทำไม?? ในเมื่อผลิตคนออกมาก็คุณภาพไม่ตรงตลาดก็คือคุณภาพไม่ได้ จบมาต้องเรียนรู้งานจากผุ้มีประสบการณ์อีกตั้งหลายปีจนกว่าจะคล่อง มันเปลืองเวลาชะมัด เรียนรู้แต่ต้นน่าจะดีกว่า แล้วจะมีการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยไปเพื่อ?? มหาลัยควรจะยกระดับตัวเองมากกว่านี้รวมถึงสังคมไทยด้วยควรลดอัตราลงมาบ้าง ไม่ใช่ดันทุรังให้จบป.ตรีอย่างน้อยเพื่อโก้หรูดูเก่ง ดูอย่างญี่ปุ่นเป็นอย่าง คนเข้ามหาลัยหลักได้คือหัวกะทิจริงๆเขาไปทำงานด้านความเชี่ยวชาญหมด ที่เหลือไปทำงานค้ำชูชาติบ้านเมืองไป ส่วนมหาลัยเอกชนก้เงินถึงก็เชิญ มหาลัยไทยตั้งตนเป็นโยคีรอบรู้ทึกทักไปเองว่าเชี่ยวชาญ ถ้าเก่งจริงทำไมไม่มีมหาลัยไทยอยู่ใน 1-100 อันดับโลก?? สอนกันจริงๆคือเอาความรู้ความสามารถคนอื่นมาพูด ไม่ใช่เชี่ยวชาญหลอก เรียก " ผู้รู้ " " ผุ้เข้าใจ " แต่หาใช่ไอเดียข่อยจะดีกว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อดูดเงินเพื่อเงินและรายได้แท้ๆ ไม่ต่างกับบริษัทๆนึง ทั้งๆที่มีรัฐบาลสนับสนุน ถ้าสังคมไทยเชิดชูอยากให้คนจบป.ตรีขนาดนั้นทำไมไม่ให้เรียนฟรีทุกมหาลัยหล่ะ?? ด้อยค่าคนจากสถาบันและจากการความมั่งคั่งกันเพื่อ???
เราว่าการเรียนระดับปริญญาตรีในมหาลัยไทยมันใช้จริงไม่ได้เท่าไหร่ ต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ถึงจะดี
1ต่อ10ได้เลยนะ อัตราจ้างกับอัตราจบ
@@pukong222 จบเยอะไป แต่ก็สร้างงานไม่มากพอ ก็มีปัญหาอยู่ดี ยังไม่นับว่า มีงานสายนี้มากเกินไป จน supply เกิน demand
ต้องดูที่สายงานด้วยครับ ส่วนใหญ่ถ้าสายวิชาชีพ ไม่ค่อยตกงานหรอกครับ
เรียน กับ จบมา คนละอย่างเลยยย
ผมจะพูดจริงๆนะจบมหาลัย พร้อมกับมีประสบการณ์ทำงาน ค่อนข้างยาก เพราะงานที่ฝึกกับสายนะค่อนข้างน้อย เเละถ้าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเเต่ทำงานไม่ตรงสายไปก็ไม่ได้ ช้วยเสริมประสบการณ์ทำงานด้านนั้นอยู่ดีเรื่องเส้นเล็กเส้นใหญ่นี้ตำเป็นมาก ถ้าญาติเยอะก็ง่ายอุปถัมกันไปซึ้งผมคนนึงที่โชคดี เพราะลุงช้วย ก่อนหน้านี้หาเเถบตาย
จบราชภัฎเคยไปสมัครงานผ่านเว้บชื่อดังลงไว้ว่าให้ 18,000 ไปทำงานจริงให้ 13,000 ค่าห้องก็ 4,500 ค่าน้ำมันก็ 4,000 เหลือ 5,500 ใช้ทั้งเดือนไม่พอหรอก ไหนจะกินอยู่ น้ำไฟ อินเตอร์เน็ต ตอนนี้มาทำงานอยู่ออสเตรเลีย เมลเบิรน ได้เดือนละ 150,000 อัพ ไม่ง้อ 15,000 กระจอกๆหรอก มหาวิทยาลัยราชภัฎที่คนดูถูก สมัครงานในไทยคนไทยไม่ค่อยอยากรับ มาสมัครงานกับฝรั่ง ฝรั่งมันไม่รู้จักหรอก ราชภัฎ จุฬา หรือ ธรรมศาตร์ ทำงานในครัวเหมือนกัน รับเงิน 100,000 - 150,000 เท่ากัน
ค่าครองชีพก็น่าจะต่างกันอยู่แล้วนะคะ
@@Prettyover40 ต่างกันแน่นอน ค่าครองชีพในไทยแพงกว่าเยอะ ที่นี่ค่าครองชีพถุกแสนถูก !!! ปล.ถ้าเทียบกับรายได้ สมมุตินะคิดง่ายๆทำงานในไทนได้เงินวันละ 300 บาทในไทย ค่าข้าวตามสั่ง 40 - 60 บาทค่ารถเมล์ในไทยเริ่ม 8 ไปจน20กว่าบาทค่ารถไฟฟ้าเริ่มต้น 15 ไปจนถึง 100กว่าบาทค่าเช่าห้องในไทย 4,500 บาททำงานในออสได้เงินวันละ 300 ดอลที่นี่บัส แทม รถไฟ 4.5 ดอล ราคาเดียวในออส ค่าข้าว 10 - 20 ดอลค่าห้องที่นี่ วีคละ 300 เดือนละ 1,200-1,300 คุณคิดว่าทำงานที่ไหนมีเงินเหลือมากกว่กัน ?เมื่อก่อนก็คิดแบบนี้ละที่นี่มันแพงเมืองฝรั่ง พอได้มาแล้วคือมันไม่ใช่เลย เมืองไทยสถานการณ์มันเอื้อทุกอย่างที่ทำให้พวกเราจน !!!
ยินดีด้วยนะคะ 😊
คุณไปพูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกหรอกครับ พ่อผมจบ ป.4 ก็หาได้เดือนละ 1 แสน ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใครถึงต่างแดนด้วย อยากหยุดวันใหนก็ได้หยุด สมมุติมีคนบอกว่าทำงานในครัว ได้เงินแค่ 1 แสน กระจอกว่ะ ไปตั้งไกลได้แค่นี้เหรอ คุณจะรู้สึกยังไง
@@sp.9993 คุณหัวร้อนเองหรือเปล่า อันนี้ยกตัวอย่างตัวจากชีวิตจริง ไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบใคร หรือเรื่องของเรามันกระทบกับคุณ ? เงินเดือน 13,000 นี่ก็เงินที่ได้จริงๆ อันนี้ก็ว่าตัวเอง ถ้ามันหนักหัวคุณก็ขออภัยด้วย ทางนี้ที่บ้านก็เป็นเกษตรกรและขายของตลาดนัด เดือนนึงก็หาได้หลายแสนเหมือนกัน แต่ที่เลือกทางนี้ เพราะคิดว่านี่คือความต้องการของชีวิตเรา ทางใครทางมัน แล้วแต่จะเลือกเดินเนาะ
ปริญญาตรีควรเป็นทางเลือกนะ ไม่ใช่บังคับว่าขั้นต่ำต้องจบป.ตรีกัน ซึ่งมันไม่ใช่ทุกคนที่จะจบป.ตรีได้ ส่วนใหญ่ จบป.6 ม.3 ม.6 สายอาชีพกัน แล้วการเรียนน่ะ ควรเรียนไม่เกิน 4 ปี เผลอๆ 4 ปีที่เสียเวลาเรียนไปนั้น ได้อาชีพมาแล้ว 4 อาชีพ ทุก 1 ปี เพราะอะไร? เพราะบางทีเนื้อหามันไม่ได้กินเวลาขนาดนั้น มันมากินเวลาชีวิตตรงงานที่อาจารย์สั่งให้ทำ แต่ละงานก็ใช้เวลา ทั้งทั้งที่มันอาจจะเสร็จได้ภายใน 2 อาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่ต้องมาส่งพร้อมๆกันภายใน 1 เดือน ควรจะให้ 2 ปี เรียน อีก 2 ปี เริ่มฝึกงาน พอครบเวลา ก็เข้าทำงานได้เลย เพราะว่ามีประสบการณ์แล้วประมาณ 2 ปี แล้วก็เลิกได้แล้วนะ ไอ้พวกที่บอกว่า ถ้าพูดได้มากกว่า 3 ภาษาขึ้นไปจะพิจารณาเป็นพิเศษ ถ้า มีประสบการณ์ด้านนี้มาอย่างน้อย 5 ปี จะพิจารณาเป็นพิเศษ พวกคุณใช้สมองคิดคำถามพวกนี้มาแล้วใช่มั้ย? เด็กมันเพิ่งเรียน เพิ่งก้าวสู่การจะเป็นผู้ใหญ่ เพิ่งหลุดออกมาจากวัยเด็ก จะมามีประสบการณ์อะไรกัน มันไม่ใช่ทุกคน ทีตัวเองยังต้องอัปสกิล ความสามารถรัวๆ เพื่อให้เขารับเข้าทำงาน เพราะมีความสามารถหลากหลาย แล้วทำไมไม่ย้อนดูตัวเองในตอนนั้นกันนะ? ขนาดตัวเองผ่านจุดนั้นกันมา ผ่านจุดต้องวิ่งวุ่นหางานจนหัวฟู ต้องทำให้ตัวเองได้งาน แต่พอผ่านมาหลายปี ดันลืมไปเสียแล้วว่าเด็กรุ่นใหม่ในวันนี้ที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ก็คือตัวเองในวันก่อนเหมือนกัน อยากฝากเอาไว้ให้คิด ปริญญาตรีควรเป็นทางเลือก และ 2 ปี เรียน 2 ปี เริ่มฝึกงาน จบมาจะได้มีประสบการณ์และทำงานเป็นในระดับนึง ทุกวันนี้ประเทศไทยตั้งมาตรฐานสิ่งต่างๆไว้สูงมากกกกก เหมือนพวกที่ต้องการคนมีประสลการณ์ทำงานเป็น ทำเป็นแทบทุกอย่าง ต้องจบป.ตรี แต่ให้เงินเดือนเด็กจบใหม่ 13,000 มันไม่ใช่อะ ถ้าจะตั้งมาตรฐานไว้สูงขนาดนี้ มึงทำเองเลยเถอะ กูสงสารเด็กรุ่นใหม่ว่ะ เขาก็ท้อเป็นเหมือนพวกเราในตอนนั้นนั่นแหละ
อาชีพไรเดอร์ในประเทศพัฒนาแล้วมันเป็นอาชีพที่คนที่เรียนหนังสือระดับประมาณ ปวช. (สำหรับสิงคโปร์) หรือเป็นแค่งานพาร์ทไทม์สำหรับคนหนุ่มสาวและคนต่างชาติ (สำหรับญี่ปุ่น) การศึกษาที่มีคุณภาพยังสำคัญอยู่นะคะ
ที่นี่ งานมีจำกัด โรงงานหรือธุรกิจก็เกิดขึ้นไม่มาก คนที่ทำงานกว่าจะออกจากงานก็อายุปาเข้าไป40อัฟ ส่วนแรงงานอื่นๆก็ เข้าๆออกๆ แต่ นักศึกษา ปีๆหนึงเด็กจบออกมามากมาย ยอดสะสมในแต่ละปีก็เพิ่มมากขึ้นๆ แถมด้วยแรงงานต่างด้าวเข้ามา ก็เพิ่มขึ้นทุกปี นี่ยังไม่รวม ลูกท่านหลานเธอ เด็กเส้นเด็กฝาก อีกสารพัด
สิ่งที่นายจ้างต้องการมากขึ้นคือทักษะแล้วค่าแรงเพิ่มขึ้นตามไหมคะ? เข้าใจว่าปัญหาส่วนหนึ่งเกิดนจากมหาวิทยาลัยไทยไม่ได้สอนทักษะในการทำงานให้เลยแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหาค่ะ เด็กไทยเก่งและรู้ว่าประเทศมันสิ้นหวังจนต้องขวนขวายเองได้ หลายคนคุณสมบัติดีพร้อมแต่เลือกที่จะว่างงานเพราะทำงานไปก็ไม่ได้คุ้มค่ะ ไม่ได้เลือกมากนะแต่นายจ้างรีเควสภาษาอังกฤษดีมาก, ดิจิทัลคล่องแคล่ว, มีภาษาที่สามงี้เงินเดือน 9,000 บาทถามหน่อยว่าใครจะอยากไปทำ ทำงานกี่ปีจะถึงค่าเรียนไหมเอ่ย? การผลักภาระมาให้เด็กมันง่ายค่ะทั้ง ๆ ที่ทุกคนรู้กันว่าต้นตอของปัญหาจริง ๆ คืออะไร
ทำไมไม่มองเป็นอุปสงค์กับอุปทานละหนูพื้นฐานของตลาด หรือว่ารู้ตัวสู้คนอื่นได้ยากเพลีย~*
แสดงว่าคุณสมบัติที่ว่า นายจ้างสามารถหาได้ที่แค่ 9,000 บาท ถ้าอยากได้มากกว่าก็ต้องหางานอื่นซึ่งตัองการคุณสมบัติอื่นเพิ่มไปอีก
ถ้าคุณสมบัติที่คุณบอกจ้าง 9000 งั้นคุณก็ควรตั้งคำถามกับตัวเองใหม่นะ (เชี่ยจ้าง9000ทำงานไป25000คนอื่นเขาทำได้ไงวะ)แต่การจะเลือกว่างงานเพราะทำไปก็ไม่คุ้มก็ตามแต่การตัดสินใจ ผมมองว่าเป็นการด้อยค่าตัวเองมากกว่า จบใหม่มามีสกิลที่ดี แต่อย่าลืมว่าคนจบมาทีหลังสกิลก็ยิ่งดีกว่านะ ถ้าคุณเก่งจริง 1ทำงานเก็บประสบการณ์2ไปเป็นนายจ้างพยายามเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น มองหลายๆมุม คุณอาจฉลาดแต่ยังไม่เฉลียวไง แค่มองย้อนกลับก็เห็นคำตอบง่ายแล้ว มีทุกสกิลแต่ เวว1ไง
อยากให้รัฐบาลสนับสนุนการเรียนด้านสาขาวิชาชีพที่เรียนแล้วมีงานทำแน่นอน เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน อย่างเงินกู้ กยศ. เพราะน้องมีโอกาศทำงานมากถึง100% (หากน้องไม่เกิดปัญหาส่วนตัว) ได้เงินเดือนและใช้คืนรัฐได้เร็วกว่า
เยี่ยม ครับ. เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากๆ .. เห็นภาพและสะท้อนปัญหาได้ชัดเจน ประเทศเราถึงไม่สามรถสู้ประเทศอื่นได้ เลย. ล้าหลังไปเรื่อยๆ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ .
ปัญหาใหญ่อีกย่างคือเรื่องเด็กฝาก ลูกท่านหลานเธอด้วยครับ บริษัทส่วนใหญ่ยังเป็นธุรกิจกงสี ธุรกิจครอบครัว ไม่เปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาทำงานง่ายๆหรือมีอำนาจเหนือคนในครอบครัวที่ทำงานอยู่ ต้องเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ฝาก คนมีตำแหน่ง ลูกค้ารายใหญ่ฝากเข้ามาถึงจะกล้ารับครับ HR ก็ต้องกักที่ให้คนเหล่านี้ด้วย ไม่สามารถรับคนนอกได้ตามที่อยากจะได้ มีคนมาสมัครเยอะแต่ก็ไม่เรียก ไม่เปิดดูใบสมัครด้วยฃ้ำ ระบบอุปถัมภ์เหล่านี้ยังคงอยู่ในองค์กรหลายๆแห่งครับ มีมาช้านานแล้ว
แรงมากค่ะ ขนาดม.ดัง เกียรตินิยมส่ง e-mail ไป ยังไม่อ่านเลยค่ะ ทั้งๆที่รับปากแล้ว ส่งทางเมลก็โทรอีกค่ะ เงียบเหมือนเดิม
ผมรู้จักคนที่มีลูกได้เกียรตินิยม เป็นปียังหางานไม่ได้เลยครับ เคยเจอเด็กเกียรนิยมสถาบันดังเรียกเงินเดือนถึง 25,000 มากกว่าพนักงาน level ล่างๆที่อยู่มา 20-30 ปีอีก บริษัทไม่รับ เรียกเงินเดือนสูงไป@@boombaamsiriwatphaphan2700
จบอะไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเลี้ยงตัวเองได้
จบ ป.ตรี มีงานประจำ (จริง ๆ ไม่นับงานยิบย่อย) ตอนอายุ 26 เงินเดือนแรก 12,000 เงินเดือนสุดท้ายก่อนลาออก 52,000 บาท เกษียณตัวเองตอนอายุ 45 ตอนนี้ทำธุรกิจส่วนตัว รายรับมากกว่าเดือนละ 1 ล้าน หักรายจ่ายเหลือประมาณเดือนละ ประมาณ 3 แสน อยู่ได้แบบอืสระแต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ
ขนาดเรจบ อาชีวะทำงานมาครึ่งชีวิตย้งถูกเลิกจ้าง ว่างงานตอนนี้แต่ยอมไปทำงานที่ต่ำกว่างานที่เคยทำ อายุ50แล้ว บางทีเขาก็ไม่รับ
จริงทุกอย่างเลยครับ แต่เอามาพูดทั้งทีน่าจะมีวิธีแก้ไขแทรกเข้ามาด้วย
ไม่อยากมีชีวิตอยู่ในสังคมแบบนี้แล้วค่ะ จะ 26 แล้ว จบปริญญาตรีมาสามปี ยังไม่เคยหางานประจำทำได้เลย
ปัจจุบันตกใจ กับความสามารถและทักษะด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยเฉลี่ย ของ เด็ก จบ ปริญญาตรี สาขาทั่วไป ที่ไม่เมเจอร์/ไมเนอร์อิ้งค์ ทั้งๆที่ ทุกคนเรียนวิชานี้กันมามากกว่าสิบปี อยากทำคอร์สออนไลน์ให้เด็กเทคกัน แล้วมานั่งสอบ ใครสอบผ่าน แจกคริปโต เพื่อเป็นทุนตั้งตัวหลังเรียนจบ มันคือฝันของอาจารย์ตัวเล็กๆแบบผม ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ กับสภาพเศรษฐกิจสังคมแบบบ้านเรา
วุฒิปวช.ปวส.ที่มีงานทำ เป็นลูกจ้างรายวันก็เยอะครับ วิจัยว่ามีงานแต่ไม่บอกว่างานอะไร
อ้าว เห็นมาพรีเซ้นที่โรงเรียนว่าจบมาแล้วมีงานทำแน่นอนตามสาขาที่เลือกไว้ ไม่ได้เป็นงี้เหรอคะ
ทักษะที่นายจ้างต้องการมาขึ้น
- ภาษาอังกฤษ
- ดิจิทัล
- critical thinking (คิดเชิงวิพากษ์)
Soft skill
- teamwork ทํางานเป็นทีม
- creativity ความคิดสร้างสรรค์
- adaptability การปรับตัวได้เร็ว
เอาเกือบทุกตำแหน่ง 55
พอเข้าไปทำจริงๆ กลับโดนกีดกันในเรื่องของงาน ทั้งๆที่เราได้ทักษะในที่นายจ้างต้องการ ทั้งโดนกลั่นแกล้งในที่ทำงาน โดนนินทาต่างๆนาๆ บางทีโดนจับผิดและเกือบโดนยัดความผิดให้ตลอด จิตตกฉิบหาย เด่นเกินไปก็เป็นภัยต่อตัวเอง ก็พึ่งจะรู้นี่แหละ (บริษัทดังสะด้วย)
@@T.SATAKOY ผมก็ได้ยินเรื่องพวกนี้อยู่ 🥲
@@T.SATAKOY โอ้ มีเพื่อนแล้ว โดนเหมือนกันเลย
ต้องการทักษะ 30000 จ้าง 15000 นี่สินายจ้างต้องการ
ประทับใจมากค่ะ เราที่เรียนครูมา4ปี ฝึกสอน1ปีแบบออนไลน์100% แต่ไม่สามารถนำความรู้4ปีที่เรียนมาใช้ได้เลย เพราะหลักสูตรสอนแบบออนไซต์ ทำให้รู้แล้วว่า เราไม่ได้อยากจบมาแล้วทำงานในระบบราชการแบบนี้ ถูกกดขี่เป็นแรงงานทาส สงสารนักเรียนมาค่ะอยากจะสอนให้ความรู้ที่ดี สร้างคนที่ดีมีคุณภาพ มีแรง มีไฟ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ในระบบแบบนี้ ท้อนะคะ พอดูคลิปนี้ก็ทำให้เข้าใจบริบทภาพรวมมากขึ้น โทษใครไม่ได้จริงๆ เพราะก็ผิดกันทุกคนรวมถึงตัวเราที่แม้เห็นปห.แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เป็นกำลังใจตัวเองและทุกคนค่ะ
ให้กำลังใจคุณครูค่ะ คิดว่าเด๋วคุณครูคงหาวิธีการสอนที่ดีให้เด็กได้นะคะ
สู้ๆนะครับคุณครู อย่างน้อย ครูคือแม่พิมพ์ของชาติ ความรู้ของคุณ คือสิ่งที่เด็กๆต้องการ ถ้าครู ยังมุ่งมั่นแน่วกับอาชีพ นะครับ แต่ถ้าครูยังไม่มั่นใจกับตัวเองก็ขอให้ครู พบอาชีพที่ตัวเองชอบนะครับ
สอนทักษะอื่นเพิ่มเติมค่ะ เพื่อเป็นทางเลือกการประกอบอาชีพมากกว่า 1 อาชีพ
*"เรียน ป.ตรี จป.วิชาชีพ เป็นอาชีพ ที่มาแรงแซงโค้ง ในช่วง 10 ปี"* ที่ผ่านมา
กฏหมายเซฟตี้ไทย *"บังคับให้บริษัททุกแห่งต้องมี จป.วิชาชีพ ประจำบริษัท"* และ จบมาไม่ตกงาน (ถ้าไม่เลือกงาน)
ผมยังไม่เข้าใจที่ว่าอยากจะสอนให้ความรู้ที่ดี สร้างคนดีมีคุณภาพแต่ทำไม่ได้เพราะระบบแบบนี้
เพราะการเรียน/สอนส่วนใหญ่มาจากตัวครูทั้งสิ้น บางคนสอนเก่ง เรียนสนุกเข้าใจง่าย บางคนเรียนแล้วเข้าใจยาก โรคจิตก็มี ทุกสิ่งที่นักเรียนได้รับ มาจากจิตใจ ข้างในของครูแทบทั้งสิ้นน่ะครับ
ค่านิยมมีส่วนมากๆค่ะ ตั้งแต่เกิดมา จำความได้คนถูกยัดความคิดว่าต้องเรียนต่อปริญญา ทั้งที่จริงๆแล้วประเทศเราไม่ได้ต้องการคนจบปริญญามากขนาดนั้น พอคนจบปริญญาตรีก็ต้องการงานที่สมกับที่ลงทุนไปเรียน อยากได้เงินเดือนสูง พอไม่ได้ก็ไม่ทำ มันไม่สมศักดิ์ศรี นอกจากนี้ เด็กไทยพอเรียนจบ ม.6 ก็เข้ามหาวิทยาลัยทันที มีเยอะที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วอยากมาเรียนสาขาที่เลือกหรือไม่ เราเสียดายแทนเด็กหลายคนที่มาเรียน ป.ตรีทั้งๆที่ยังไม่รู้จักตัวเอง เราอยากให้ค่านิยมเปลี่ยนไป อยากให้เด็กจบ ม.6 ลองไปทำงาน ไปมีประสบการณ์ชีวิต และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ส่วนจะเรียนต่อหรือไม่ก็ค่อยคิดดู
ใช่ครับ แล้วอีกอย่างนึงคืออย่าเลือกเรียนตามเพื่อน ให้เลือกเรียนที่เราถนัด ที่เราชอบ ผมยังเสียดายจนถึงทุกวันนี้ เพราะช่วงมัธยมผมเป็นคนติดเพื่อนมาก
การศึกษาที่เละเทะ เลือกเรียนแต่วิชาหมูๆ จบง่ายๆ คนจบยั้วเยี้ยไปหมด ตอนเรียนก็ไม่ฝึกหาเงิน ดีแต่เที่ยวแต่ฟุ้งเฟ้อกันทั้งนั้น แข่งกันแต่งตัวแข่งกันกิน แบมือขอเงินแต่พ่อแม่ ไม่เคยคิดที่จะฝึกหาเงิน พอเรียนจบก็สมควรอดตาย
นักเรียนหญิงม. 5 โรงเรียนดอนเมือง ขายสินค้าทางออนไลน์ ตั้งแต่ 6 โมงครึ่งถึงเที่ยงคืน เธอมีขายได้เดือนละ500,000 บาท อย่างน้อยเธอต้องมีกำไรเดือนละ 100,000 บาท คนที่ฝึกหากินตั้งแต่เล็ก จะรู้คุณค่าของเงินและของงาน คนพวกนี้จะไม่มีวันตกงานโดยเด็ดขาด คนที่ตกงาน เพราะคุณไม่รู้คุณค่าของเงินและของงาน และคุณค่าของการศึกษา เรียนเวียงแค่หวังเอาปริญญาตรี ที่เลือกเรียนวันเกร่อ เรียนง่ายๆสอบง่ายๆ ไม่ปวดหัวมาก ออกมาแย่งงานกันทำจนหัวชนกัน มันก็ต้องตกงานเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับพ่อแม่ที่ขายวัวส่งควายเรียน
เป็นคนนึงที่จบปริญญามาไม่ได้ใช้งานในสิ่งที่เรียน เพราะตอนเด็กไม่รู้ว่าควรเรียนอะไรที่เหมาะกับตัวเองหรือความต้องการตลาด เหมือนเรียนๆไปก่อนเพื่อให้มีปริญญา สุดท้ายตอนนี้ทำงานในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเรียนจบมาเลย มันสะท้อนว่าการศึกษาบ้านเรามันผิดพลาดเชิงโครงสร้าง ตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก ควรบ่มเพาะให้เด็กได้เรีบนรู้เน้นการปฏิบัติจริง และให้คุณค่ากับการฝึกฝนเชิงทักษะ มากกว่าเน้นอยู่แต่ตำราวิชาการ กับค่านิยมว่าจบสถาบันไหน สุดท้ายแล้วการทำงานจริงมันขึ้นอยู่กับทักษะความชำนาญในการทำสิ่งนั้น ซึ่งก็สัมพันธ์กับโครงสร้างตลาด เศรษฐกิจ พอทุกอย่างโครงสร้างพื้นฐานแย่มันก็โยงกันไปหมด ยิ่งระบบการศึกษาบ้านเราก็ไม่ได้มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน และที่สำคัญจบมาตลาดไม่รองรับก็ไม่รู้จะเรียนทำไมเหมือนกัน
เรียนทำไมตายแล้วก็ลืม
ถ้าคุณเคยฝึกทำงานหาเงินมาแต่เล็ก โตขึ้นคุณจบอะไรมาคุณก็มีงานทำ คุณจะมีช่องทางหลากหลาย เพราะคุณได้รู้คุณค่าของงานและคุณค่าของเงิน
เขาตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ครับ เขาไม่ได้บริหารผิดพลาด นี่คือสิ่งที่เขาต้องการหละ
ครูและ สถาบันไม่สอน หลอกเด็กมาเรียนจ่ายค่าเทอม จบไป ไม่ใช่เรื่องของ ครู
เขาต้องการให้เรามีทางเลือกน้อย การศึกษาไม่ไปไหน ความสามารถและทางเลือกน้อย เขาจะได้กดเราได้เพราะแค่จะหากินยังไม่พอ จะไม่มีเวลาไปต่อต้าน
เราเป้นอีกคนที่จบแค่ปวช. ทำงานตั้งแต่18ค่ะ แต่ทำที่บ้านเป็นงานเอกสาร มีทั้งลูกค้าของที่บ้านเอง ทั้งหาลูกค้าเอง ทำเพจเฟสบุ๊ค แล้วก็ปากต่อปากด้วยค่ะ ดีลกับลูกค้า ดีลกับหน่วยงานราชการ จนมาเจอโควิด ทีนี้ต้องเข้ากทม.ไปหางานค่ะ ทำที่แรกบ.ใหญ่สัญญาจ้าง3ด. ที่2บ.ขนาดปานกลาง11ด. ที่สุดท้าย บ.เจ้านายต่างชาติเงินเดือนเท่าเด็กจบใหม่ตอนนี้ได้20+แล้วค่ะ ได้ฝึกภาษาด้วย
เคยทำบ.คนไทย กับ ต่างชาติ มันก็ต่างกันอีก เพราะของไทยเราส่วนใหญ่ดูวุฒิ ส่วนต่างชาติดูประสบการณ์และให้โอกาส การทำงานก็ต่างกันด้วย
ยังมีตำแหน่งงานว่างไหมครับ
หมดหวังกับอนาคตประเทศแล้วครับ มีแต่คนแก่ๆทำงาน คนเดิมๆ หน้าเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ พอจะมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำงาน ก็ไปปิดโอกาสเค้า ได้แต่ลุงแก่ๆ เดินก็ไม่ไหว นั่งฟังยังหลับ สัปหงก มาทำงาน ไม่รู้จะไปหวังอนาคต อะไรกับประเทศ
เหมือนกัน เบื่อกับการที่ลุงแก่บริหารไม่เป็นแต่ยังอยากจะมีอำนาจบริหารอ่ะ ส่วนตัวเราแต่เราไม่ได้ว่าคนแก่ทั้งหมด คิดว่าถ้าเป็นคนแก่ที่ทำงานด้านบริหารมาจริงๆ บางคนเค้ามีประสบการณ์นะ เค้าทำได้ดีเลย เช่น รู้หมดมาลูกค้ามาท่าทีไหน ดูเกมออก อยากให้คนบริหารเป็นขึ้นมาทำหน้าที่บริหารประเทศมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าวิสัยทัศน์ดี ผลงานดี สุดท้ายประชาชนต้องเป็นคนเลือกขึ้นมา ประเทศไทยเราอ่ะ อำนาจติดอยู่แค่กลุ่มเดิมๆ น่าเบื่อ ประเทศเราถึงไม่ไปไหนไง
ใช้ชีวิตและ"อยู่อย่างมีความหวัง" อย่าหมดหวังนะคะ เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันค่ะ เราต้องสนับสนุนตัวแทนที่จะเข้าไปแก้ไขโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม และอย่าหลงกับนโยบายที่ไม่ได้แก้ปัญหาที่โครงสร้างค่ะ
บ่นอะไรเหรอไปบอกพวกสส.นู่น เลิกยกมือให้คนแก่ก็จบแล้ว
ทุกวันนี้คนมีอนาคตคือคนค้ายา
ขนาดคนแก่ๆ จะขึ้นมายากเลย แบบทีกั๊กกันเอง พยายามบีบกันเองออก
ประเทศเรากำลังเป็นแบบนี้
1. คนเรียนจบปริญญาตกงาน
2. เมื่อตกงานไม่อยากมีลูก
3. พวกค้ายาหาเงินได้วันละ 1,000
4. พวกมันออกลูกทีละ 3 คน
5. ประชากรไร้คุณภาพ
มันบ่งบอกได้ถึงว่ารัฐบาลมันอยากอุ้มคนชั่วมากกว่าคนดี
จะกลายเป็นแบบหนังเรื่อง idiocracy
เคยเจอคนขายยาลดความอ้วนรวยเป็นล้าน คนซื้อก็เยอะมาก เตรียมล้างไตกันได้เลย
ใช่เลย
จริง
ใช่เลย
@@vaivisarnbunjareon7058 จริงกัวมากละกำลังเกิดขึ้น
จากประสบการณ์จบ ป.ตรี สตาร์คงานจริงได้ 12,000-13,000 ไม่ถึง 15,000 ค่ะ พอมาเป็นแม่ค้าได้ต่อเดือน 14,000-18,000 แถมมีเวลาให้ครอบครัว ไม่ต้องไปแก่งแย้งชิงดีกันสบายใจกว่าเยอะค่ะ คนอายุ 40 อัพก็โดนบีบให้ออกแล้ว ค้าขายดีกว่าค่ะ
ช่ายยยย.....บางองค์กรอย่าเข้าไปร่วมงานเลย ป.ตรี-เอก เดินเตะฝุ่นเล่นดีกว่า
และถ้า พนง.องค์กรนั้นๆมีพฤติกรรมแย่ๆ หยุดซื้อ หยุดกิน หยุดใช้มันไปเลย🤔🤔🤔
อย่ามั่วคับ
จบม.3ก็ได้12000แล้วพูดมาได้ไงตลก
@@toozonee2540 เรื่องจริงนะคูนนน แล้วแต่ลักษณะงาน องค์กรใหญ่ๆมั่นคง ระดับ ป.ตรีแข่งขันกันสูงมาก ทั้งที่ ง.ด น้อย แต่ต่างกันที่สวัสดิการนะระยะยาวๆ
อย่างงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ป.ตรี ระดับ3จ่ายเท่าไร?แต่ข้อสอบก้สุดๆไม่นับคนที่สอบซ้ำๆนะ เอาแบบคนสอบทั่วไปๆ ไม่ใช่สายนักสอบ😁😁😁
@@toozonee2540 จบม.3 ทํางานได้ 12,000 แล้วจะจ้างปริญญาตรีเสีย 15,000 เพื่อ? ทำได้เหมือนกันจ่ายแพงกว่าทำไม
ความเห็นส่วนตัว
1. รัฐให้อิสระกับ มหาวิยาลัยในการเปิดคณะต่าง (เยาวชนวาดฝันอย่างสวยหรู)
2. ค่านิยมของผู้ปกครอง ที่เห็นลูกใส่ชุดครุยดูสง่างาม ( น่าจะหางานง่าย)
3. รัฐให้ค่านิยมที่ผิดๆจากข้อ 1. แต่ละเลยเด็กที่เรียน สายอาชีพ หรือ วิทยาลัยเทคนิค ฯลฯ
4, อวดอ้างเด็กจบ ป.ตรี ได้ งด. 15,000บ. (ไม่ติดตามความเป็นจริง บางแห่งจ้างแค่ 5000)
5.ตลาดแรงงานไปกระจุกที่เมืองใหญ่
มีอีกเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆ
แก้ปัญหาด่วน....
1. โดยรัฐ ต้องจริงจังในการพัฒนาวิยาลัยอาชีวะให้มีคุณภาพ และ
เปิดวิทยาลัยอาชีพเพิ่มในทุกๆจังหวัด เน้น...... สาขาเกษตกรรม (ปิดรับคณะต่างๆใน ม. ที่เรียนแล้ว หางานทำไม่ได้)
2. สร้างแรงจูงใจให้เยาวชนเห็นคุณค่าของการเรียนรู้ที่ได้ปฎิบัติจริง และรับรองมีงานทำ ให้เงินเดือนสูงกว่า ป.ตรีที่จบจาก ม.
แนวคิดนี้ส่วนหนึ่งจะดึงเยาวชนกลับภูมิลำเนา
ถ้าผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ และเห็นแก่เยาวชนของชาติจริงๆ น่าจะลองเอาไปเป็นแนวคิด
เห็นด้วยกับความเห็นนี้ เห็นโครงการคนพันธุ์ R อยู่แต่ไม่รู้ว่าโครงการสำเร็จแค่ไหน คนพอมีปัญญาก็ไปเรียนวิศวฯ เพราะค่านิยมว่าเป็นนายช่าง ส่วนช่างที่เราพบเห็นทั่วไป คุณภาพเป็นอย่างไรรู้ ๆ กันอยู่ คิดราคาแพงเกินคุณภาพไปเยอะ เดี๋ยวนี้ยุคโควิด ไม่อยากให้คนนอกเข้าบ้าน คนเริ่มซ่อมของในบ้านเองกันแล้ว เหลือแต่งานเสี่ยงภัยกับงานยากถึงจะจ้างช่าง ส่วนตัวอยากให้คนเก่งเรียนสายช่างที่เป็นฝั่งปฏิบัติมากกว่า
ทำรายงานแบบนี้ต่อไปครับ journalism ที่ผมหามานาน ดูน่าเชื่อถือ แล้วมีหลักฐาน การนำเสนอดูสากลนำเสนอให้สังคมไทยต่อไปครับ
สำหรับผมขอชื่นชมทีมงานและผู้บริหารของ The standard ทุกท่านมาก ที่ช่วยกันผลิตสื่อที่มีคุณภาพ สามารถสื่อให้ผู้ฟังเข้าใจอย่างชัดเจนและเหมือนเป็นอีกกระบอกเสียงที่คอยสื่อให้ทุกคนรับรู้ถึงปัญหาต่างๆ เนื้อหาแต่ละ Episode ดีมากๆ จริงครับ
เป็น บทสรุปตกงาน ที่ดีที่สุด... เรียนเสนอรัฐบาล ลดการผลิต สาขาที่จบมาแล้ว ตกงาน... เพิ่ม การผลิต สาขาขาดแคลน... เช่น หลักสูตรนวดแผนไทย(คนสูงอายุปวดเมื่อย นวดกันบ่อย) ผู้ช่วยพยาบาล อาชีวะ-ช่าง หมอฟัน พยาบาล หมอ... ทำเว็บไซต์ ติว-สอบ มาตรฐานภาษาอังกฤษ (ให้ ทุกคนที่จะเข้าระบบราชการ ต้องสอบเทียบ)
หมอก็จะล้นละ กระจุกในเมือง :)
ปัญหาที่สำคัญอีกประการคือ attitude ของเด็กรุ่นใหม่ เช่น รักสบาย รักอิสระ ขาดความอ่อนน้อม และ ความรับผิดชอบต่ำ บางครั้งเกิดคำถามว่าใน 100 คน มีกี่คนที่ขยัน และสามารถให้เต็มร้อย ส่วนตัวคิดว่า attitude ของเด็กรุ่นใหม่น่าเป็นห่วง
เห็นด้วยครับ มันไม่ใช่แค่ฝั่งนายจ้าง หรือ มหาลัยที่ต้องปรับตัว นักศึกษา ผู้ว่างงานก็ต้องปรับตัวด้วย
ที่เจอนะ
1.เลือกงาน ตากแดด/ตวจ ไม่เอา
2.เงินน้อยไม่สมัคร อยากได้เงินเยอะ แต่ไม่มี ปสก
3.ทำวันเสาร์ไม่สมัคร
4.สาขาที่จบมาเกร่อจัด
คือเอาสาขาไหนมาทำก็ได้ ไม่จำเป็นสาขาเฉพาะ ตอนเอ็น ก็ขอให้เข้าได้พอ ไม่มองอนาคต
5.ทำงานไม่ทน อดทนไม่เป็น เข้ามาแปปเดียวออก แล้วบอกไม่อยากโดนกดขี่
คำถามที่ควรถามคือ ทำไมถึงเกิดยังงั้น
1. เรียนสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ก็จะไม่เกิดการพัฒนา ไม่อยากเรียนรู้
2. เรียนตามค่านิยม และเรียนเพราะทางบ้านอยากได้ ป.ตรี มาประดับการอวดอ้างช่วงเวลานึง ซึ่งมักจะเกิดข้อแรกตามกันด้วย
3. ให้ความสนใจกันแต่ เรื่องทำงาน / เวลาทำงาน / เงินเดือน ทั้งที่มันควรมีปัจจัยเรื่อง ความสามารถ / ประสบการณ์ / soft skill
4. ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเรื่องแนวคิดผู้ประกอบ ซึ่งต่างกับ การเรียนเพื่อเป็นผู้ประกอบการนะ เพราะการจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีได้จะต้อง เข้าใจเรื่องโครงสร้างด้วย ไม่ว่าจะทฤษฎีหรือปฎิบัติ แต่ในไทยเน้นแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเดียว ไม่ค่อยสัมพันธ์ ไม่เข้าใจภาพรวม ดังนั้นเด็กเลยไม่ได้คิดถึงปัจจัยอะไรแบบนี้เท่าไหร่ (กว่าจะเข้าใจต้องผ่านอีกหลายปี)
สมัยนี้มันไม่ใช่แค่ การเรียนตามคำสั่ง อดทนแบบทหาร ไม่งั้นทำงานแทบตายสุดท้ายก็ไม่เติบโต เสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ
ถูกต้อง
จริงมากค่ะ รู้สึกเด็กวัยรุ่นยุคนี้ไม่ทนงานเลย มั่นใจในตัวเองสูงแต่ไม่มีทักษะประสบการณ์แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ค่อยได้(เท่าที่เราเคยเจอนะคะ)
*"เรียน ป.ตรี จป.วิชาชีพ เป็นอาชีพ ที่มาแรงแซงโค้ง ในช่วง 10 ปี"* ที่ผ่านมา
กฏหมายเซฟตี้ไทย *"บังคับให้บริษัททุกแห่งต้องมี จป.วิชาชีพ ประจำบริษัท"* และ จบมาไม่ตกงาน (ถ้าไม่เลือกงาน)
สมัยนี้ บริษัทไหน? *"ไม่มี จป. ไม่มีระบบเซฟตี้ นายจ้างจะประมูลงานไม่ได้ ไม่ผ่าน CSR ไม่ผ่านมาตรฐานระดับโลก"*
จริง! เราตรงข้ามกับข้างบนหมดเลย จบตอนต้มยำกุ้ง เงินเดือน7พัน เป็นลูกจ้างชั่วคราวยังทำ "ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา หนักเอาเบาสู้" ยังไงก็เจริญ
เหนื่อยและ ลำบาก...จบมาหางานทำไม่ได้ หรือ ดีหน่อย ได้งานแต่เงินไม่พอใช้ เลี้ยงตัวเองยังไม่รอด เหตุนี้ถึงไม่อยากมีครอบครัวกัน...ครั้นจะเรียนที่จบมาแล้วมีใบประกอบวิชาขีพ ก็หัวไม่ถึงอีก...ส่งผลแน่ กับตลาดแรงงานการพัฒนาประเทศ....
จริงค่ะ คนทำงานโรงงานตำแหน่งพนักงานฝ่ายผลิตมีคนจบป.ตรีเยอะมากเเต่หางานที่ใช้วุฒิป.ตรี ไม่ได้เลยต้องทำตำแหน่งสายการผลิต
หลายปัจจัยครับ พิษเศรษฐกิจ บริษัทเกิดใหม่น้อย มีเทคโนโลยีเครื่องจักรกลมากขึ้น นายจ้างหันไปจ้างคนที่วุฒิต่ำกว่าเพื่อลดเงินเดือน และอีกหลายๆอย่าง ที่สำคัญคือการเลือกคณะที่เรียน หลายคนเลือกคณะที่ชอบ เลือกที่เรียนจบง่าย คิดแค่อยากจบปริญญาให้พ่อแม่ภูมิใจแต่ไม่ทันได้คิดจบไปจะทำอะไร แทนที่จะเรียนในคณะที่จบไปทำอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการ
ขอบคุณที่นำเสนอรายงานดีๆ เพราะจะเป็นแรงกระตุ้นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับผิดชอบโดยตรง ให้เร่งปรับปรุงให้ดีขึ้น
ใช่ค่ะ ไม่เน้นการศึกษา ในช่วงโควิด ทำให้พ่อแม่หมุนเงินไม่ทันเพราะกิจการต้องหยุด ลูกๆไม่มีเงินค่าเทอม มหาลัยไม่มีความเห็นหรือยื่นมือเข้าช่วย จึงต้องลาออกมาหางานทำโดยใช้วุฒิ ม.6 และเริ่มต้นเรียนใหม่ โชคดีที่ลูกๆเข้าใจและไม่ท้อในเรื่องเรียนที่ต้องการจะเรียนให้จบอย่างน้อยปริญญาตรี และค่อยหาทางเรียนต่อไปจนกว่าจะได้ดั่งที่หวังไว้
เรียนจบที่แคนาดา งานรอก่อนจบเลยค่ะ การศึกษาที่นี่มีคุณภาพเอาไปใช้งานได้จริง หลักสูตรไม่ครอบจักรวาลเหมือนไทยค่ะ
ครอบจักวาลเเต่รู้อย่างละนิด
ต้องรีบย้ายไปแคนาดา
@@はなび-i2u ดูกระเป๋าหนังสือเด็กชั้นประถมสิครับ แทบจะต้องลากไปแล้ว
อันนี้เห็นด้วยนะ สมัยนี้ความจริงไม่ควรเรียน 4 ปี ในสาขาที่ไม่ใช่วิชาชีพเฉพาะเช่นแพทย์ วิศวะ ควรเรียน 2 ปี และให้ฝึกงาน 2 ปีจะได้ประสบการณ์ ได้ค้นพบตัวเองว่าอยากไปด้านไหนต่อ บ้างทีมีโอกาสปฏิบัติงานจะช่วยให้เรามองเห็น ทางที่ควรเลือกได้ไวขึ้น
จากที่ผมสัมภาษณ์งานเด็กจบใหม่จำนวนหนึ่ง พบว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ
1. เด็บจบใหม่เลือกงาน ต้องการงานสบาย เงินเดือนเยอะ
2. วันเสาร์ไม่ต้องทำงาน
3. จะทำงานเฉพาะที่ได้รับมอบหมาย ไม่ขนขวายเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มเติม
4. เวลาได้รับมอบหมายงานใหม่ จะเริ่มต้นด้วยคำว่า "ยาก, ทำไม่ได้, เป็นไปไม่ได้" ถ้าเป็นคนรุ่นก่อน จะบอกหัวหน้างานว่า "ได้ครับ, จอลองทำดูก่อนครับ, จะพยายามครับ"
ผมไม่ได้มี Bias กับคนรุ่นใหม่นะครับ เพราะเด็กรุ่นใหม่มีอะไรให้ผมเรียนรู้เยอะมาก อยู่ที่ตัวบุคคลจริงๆ
ดัชนีการว่างงานในประเทศไทยผมไม่ค่อยได้เห็นมีใครมาพูดซักเท่าไหร่ (หรือผมไม่ติดตามข่าวไม่แน่ใจ) แต่ต่างประเทศดัชนีการว่างงานถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นตัวเลขที่มีผลต่อเศรษฐกิจสูง และยังบ่งบอกถึงประสิทธิภาพการบริหารงานของรัฐบาลอีกด้วย ผมขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆครับ
อะไรที่ดูแย่ ประเทศนี้ไม่พูดถึงครับ
ผมก็คิดเหมือนคุณตอนผมเด็กๆ ตอนผมวัยรุ่นที่ยังนั่งดูโทรช่อง 3,5,7 ก็ไม่เห็นพูดเลย
@@fundeekongsuk7815 มีกี่ช่องกันที่เล่นข่าวนี้ ส่วนตัวไม่เคยเห็น
สำนักข่าวใหญ่ๆ ส่วนมากจะไม่เล่นข่าวที่ 1. ขายไม่ออก 2. หนักสมอง 3. ทำให้ รบ. ดูแย่(จะโดนกดดันจาก รบ. ทันที)
แต่มักจะชอบออกข่าวที่ 1. เบาปัญญา(ไร้สาระ) 2. งมงาย เพราะขายได้ 3. ข่าวที่กระแสดังๆ เพราะเกาะข่าวกินได้
หรือถ้ามีแบบอื่น หรือคิดต่างยังไง ฝากคอมเม้นท์ต่อผมด้วยนะ
@@fundeekongsuk7815 มีคนเชื่อด้วยเหรอ
อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักโรค เครื่องนุ่มห่ม เท่านั้นที่สำคัญกลับชีวิต ถามว่าที่เรียนมาทั้งหมดก็นำมาใช้ใน ปัจจัย 4 ทั้งนั้น มนุษย์สร้างระบบมาเพื่อเป็นทาสชั้นดีในการปกครอง ระบบการศึกษาก็อยู่ในนั้น
ผมเริ่มเข้าใจถึงปัญาหาผู้นำ รัฐบาลไม่มีวิสัยทัศน์แหละ แบบผูกขาดนั่งกินภาษีปชช. ในระยะยาวมันจะเริ่มส่งผลกระทบอย่างไร พูดยากเรื่องจิตสำนึก เพราะบางคนครอบครัวอิ่มท้องตัวเองสบายก็ถือว่าทำถูกต้องแล้วโดยที่ไม่สนใจคนอื่น แต่ถ้าคนที่มีจิตสำนึกจริงๆถ้าทำไม่ได้ หรือ ไม่ดี ผมว่าเขาจะรับผิดชอบกับผลกระทบ เอาผลประโยชน์ส่วนร่วมมาก่อนส่วนตน ซึ่งมันมีผมเชื่อแต่คงสู้พวกมีการเมืองเล่นพวกไม่ไหว น่ากลัวถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปประเทศเราคงหนีไม่พ้นประเทศยากจนแน่ จริงๆผมว่าในไทยมีคนเก่งเยอะน่ะแต่แค่ไม่ได้รับโอกาส มันเหมือนโรงเรียนข้อเสียคือไม่ได้สอนให้เด็กเรียนรู้ที่จะล้ม ปรับตัว มีแต่จำๆไปสอบเพื่อแข่งขันซึ่งแม่งแทบไม่ได้ใช้เลย ช่วงนี้คงต้องทำอย่างไงก็ได้ให้รอด เลิกพูดเรื่อง passion ได้เลยถ้าไม่ได้เกิดบนกองเงิน
โทษระบบอย่างเดียวไม่ได้ มันขึ้นอยู่ที่คนด้วย
อยากให้ทางรายการนำเสนอในด้านพฤติกรรมของเด็กรุ่นนี้ด้วย ส่วนตัวเท่าที่สัมผัสมา ส่วนใหญ่
1. ความอดทนต่ำ อยากทำงานน้อยๆ ได้เงินเดือนเยอะๆ เหนื่อยหน่อยเอาแล้วออก แบบไม่แจ้งล่วงหน้าด้วย
2. ไม่มีความเสียสละ ไม่มีความรับผิดชอบ งานไม่เสร็จแต่เลิกงานปุ๊บหาย line ไม่อ่าน โทรไม่รับ
3. ไม่มีความเป็น team work ชอบฉายเดี่ยว คิดได้แต่มุมมองตัวเอง
4. ไม่มีวินัย ไม่รักษาคำพูด เอาแน่เอานอนไม่ได้
5. ไม่วางแผนชีวิต ไม่มีเป้าหมายชีวิต คิดแค่อยู่เดือนต่อเดือน
6. น้ำเต็มแก้ว ไม่ขวนขวาย ไม่คิดจะพัฒนา
7. ไม่ยอมรับผิด โทษได้ทุกอย่าง ยกเว้นตัวเอง
1.ทัศนคติ.ของนศ.จบใหม่ไม่ตรงกับทัศนของเจ้าของกิจการ.2.รัฐสั่งเข้าแรงต่างชาติ 3.ผลิตคนไม่ตรงกับสายงาน
สำหรับผมคิดว่า ตัวผมคงจะดันตัวเองไปเรียนต่อนอกให้ได้ เพราะผมคิดว่าผมคงไม่เหมาะกับที่นี่จริงๆ ใครที่จะไปก็สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้
เป็นกำลังใจให้นะคับผมว่าก็จะไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนกันคับมันก็เป็นความฝันของผมคุณเองก็สู้ๆน้าๆๆ You can do it🤗✌️✌️
ไว้เจอกันนอกประเทศนี้นะคะ ✌️
@@____yc ได้เลยครับ เป็นกำลังใจให้ พร้อมลุยยยย!
เห็นด้วยค่ะ ประเทศไทยระบบการศึกษาไม่สอดคล้องกับความต้องการของสายอาชีพงานที่เกิดขึ้นใหม่ และเด็กเสียเวลาเรียนบางหลักสูตรเยอะเกินไป 4 ปี อาจเรียนได้ถึง 4 หลักสูตรวิชาชีพ นักศึกษาส่วนมากอาจจะเรียนเพื่อมุ่งสู่การเป็นข้าราชการ แต่กลุ่มที่เรียนมุ่งเน้นด้านพัฒนานวัตรกรรม และการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอาจจะมีน้อยมากๆ
ข้าราชการเขาเลิกคิดไปนานแล้ว มีแต่อยากเป็นเจ้าของกิจการมากกว่า
ข้าราชการมีตำแหน่งเหลือน้อยต้องสอบแย่งแทนจะให้คนแก่เกษีณอายุแล่วเอาเงินเดือนของเขาที่ตัดไปครึ่งนึงสามารถจ้างเด็กจบใหม่ได้ถึง2-3คน
ผมคนนึงอ่ะครับที่ไม่เคยคิดจะเป็นข้าราชการ
ผมจบสายวิศวะ และผมก็รู้สึกไม่ชอบอีก แต่ชอบรายได้จากสายอาชีพนี้มากกว่า
ข้าราชการมีแต่ยัดเงินถึงจะเข้าได้ มันเปนอาชีพของพวกคดโกงไปในสายตาคนรุ่นใหม่ไปแระ
ขรก เป็นอาชีพที่ดีครับ ไม่ว่าจะทำงานห่วยยังไงก็ไม่ถูกไล่ออก สวัสดิการก็โคตรดีเกินผลเกินไปเยอะ
ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่ (มีประสบการณ์ 5 ปี จะพิจรณาเป็นพิเศษ)
เอ่อ…………..
5555
โคตรจริง และ นักศึกษาจบใหม่ (รับวุฒิการศึกษา ม.6 ขึ้นไป / ป.ตรี ทุกสาขา )
น่าจะเป็นเรื่อง ประสบการณ์ จากสายนั้นๆมั้ง เช่น การเป็นเรื่องเขียนโปรแกรม ก็ต้องผ่านประสบการณ์สร้างโปรแกรมจากงานแข่ง ประกวด หรือ startup หรือ project ต่างๆ แบบนั้นก็เรียกประสบการณ์ได้
55555
แหะ แหะ แหะ
เป็นคนรับสมัครงาน เด็กสมัยนี้นะ
1 เงินเดือนต้องเยอะ
2 งานต้องสบาย
3 ต้องมีอุปกรณ์ให้ครบ
4 อยากหยุดต้องหยุด
5 อยากทำเวลาไหนก็ต้องเวลานั้น
นี่แค่รวบรวมบางส่วนมาก มีจุกจิกปลีกย่อยเยอะ
บางคนจบมาเกรดดี มองภาพรวมแล้วน่าจะเยี่ย
แต่ยื่นขอเสนอต้องเป็นหัวหน้า 555
คิดดูซิ ว่าตัวเองพร้อมแค่ไหน
คนอยากเอามาทำงานพร้อมแค่ไหน
บางคนทุกอย่างผ่าน ทำงานไม่เท่าไหร่เข้ากับเพื่อนคนอื่นไม่ได้
ประเภทกูเก่งคนเดียว ทีม..พินาศ
คนเดียวทำงานไม่ได้
จะเลือกทีมหรือเลือกคน 555
บริษัททำงานต้องมีเอกสาร ต้องมีรายงานการประชุม
ทำเอกสารไม่เป็น ทำหนังสืออ่านไม่รู้ ผิดๆถูกๆ
ประชุมอย่างหนึ่ง แต่เอกสารออกมาอีกอย่างเป็นคนละเรื่อง
แหะๆ ควรเอามาทำงานไหม
แต่ตัวอย่าง
สิ่งที่ควรรุ่นใหม่จะต้องทำ คือ
1. ค้นหาตัวเองให้เจอ ว่าตัวเองมีใจรักเกี่ยวกับอะไร ทำอะไรเก่งเป็นพิเศษ หรือว่ามีเราคนเดียวที่ทำได้ และใช้สิ่งนั้นทำเป็นอาชีพของตนเอง อย่างเช่นผมมีใจรักในประวัติศาสตร์ ผมเคยผ่านการแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้มาแล้ว และความรู้ความสามารถของผมเป็นที่ยอมรับในแวดวงสังคม การสอนวิชาประวัติศาสตร์แบบนี้ผมไปไหนพ้น
2. เราสามารถหาเงินได้จากสิ่งที่เราทำ ถ้าหากว่า เราชอบเล่นเกม อยากเป็นนักแคสเกม คำถามคือคุณมีจุดขายอะไร เพราะในยุคสมัยนี้ นักแคสเกมระดับแถวหน้า สามารถหาเงินได้จาก youtube คำถามคือถ้าชอบเล่นเกม แล้วเกมที่เล่นนั้นหาเงินให้กับคุณได้หรือเปล่า
3. มี จุดขาย ในสิ่งที่ทำ ยุคสมัยนี้ มีฟรีแลนซ์มากมาย แต่ความรู้ความสามารถนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะใช้ในการประกอบอาชีพได้ การจะทำงานอะไรก็ตามแต่นั้นต้องมีจุดขายในตัวเอง คือมีแบรนด์ประจำตัว และเราคือกระบี่มือหนึ่งในเรื่องนั้น
หากจะอยู่รอดในยุคสมัยนี้ 3 ข้อนี้ต้องครบ
พูดง่ายไปนะ คนหลายคนรู้ตัวว่าชอบอะไร แต่มันมีปัจจัยต้องจ่ายบางคนมันเกิดมายากจนจะทำไรได้.
@@PLoY.1013 ใช่ครับ
@@PLoY.1013 แต่เราต้องเก็บทุนทำสิ่งที่ชอบได้
@@PLoY.1013 ผมก็เกิดมายากจน แต่ทุกวันนี้ผมก็มีมากขึ้นจนสบายแล้วมี BMW ขับ ไม่ได้ขอที่บ้านสักบาทให้ที่บ้านด้วย ผมยอมรับว่าประเทศเรามันโครงสร้างแย่ ถ้าอยากมีเท่านี้ไปอยุ่ประเทศอื่นไม่ต้องเหนื่อยเท่าประเทศเราหรอก ก็โงหัวได้ แต่ถ้าเราอยุ่ไทย ต้องยอมรับว่าต้องเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่า แต่ผมไม่เคยให้คำว่าจนมาปิดโอกาศ เราต้องมองหาโอกาศ และ ลงมือทำ ดีกว่ามานั่งท้อใจบอกว่าตัวเองจนแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรก็อยู่แบบนั้นแหละคับ
@@NoppongWora ดีใจด้วยที่คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น.
- 2532 งาน หายากมากๆ ยุคนายกชาติชายโรงงานต่างทยอยมาตั้งในไทย งานมีมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เปลี่ยนงานกันว่าเล่น มีหนังสือพิมพ์หางานเล่มหนาๆ งานมีมากมาย
-ต่อมายุคแรงงานขาดแคลนจนปัจจุบันต้องใช้ต่างชาติ
-ยุคนี้ปริญญาตรีมีมากมาย แต่งานไม่มีรองรับ ประเทศไม่ได้พัฒนาตามการศึกษาของคน ส่วนแรงงานก็ขาดแคลน ยังดีที่มีชาวพม่ามาช่วยไว้ได้
***ลองหางานต่างประเทศดูครับ หลานสาวผมไปรับจ้าง ช.ม.หลายร้อย มีครอบครัวฝรั่งกำลังเปลี่ยนสัญชาติแล้ว
ตกงานเยอะไม่ใช่แต่เด็กจบใหม่ครับ บริษัทผมเอาคนออก 150 คน เพื่อลดต้นทุน กลายเป็นคนตกงานตอนอายุ 35
เพราะสภาพเศรษฐกิจที่แย่ กำลังซื้อคนต่ำ ยอดขายลดลง บริษัทต้องลดต้นทุนเพื่อรักษาอัตรากำไรของบริษัท..
นี่แหละเหตุผลหลัก
อายุ 35 นี่หางานใหม่ยากมาก อายุที่ต้องเกาะเก้าอี้ให้แน่น งานหนัก งานอิหยังวะ ก็ต้องทน บ.ต่างๆ จะรับพนักงานใหม่ อายุไม่เกิน 30 ปี หรือ 35 ปี
จิงคับเด็กจบใหม่หางานทำไม่ได้มันยังไม่ได้กระทบอะไรมากเท่าคนที่ทำงานกำลังสร้างตัวแต่มาตกงานตอนอายุเยอะๆนี่และคับ
@@ศุภชัยสมจันทร์ทรา เราตกงานตอน 50 กว่า คนอื่นก้อโดนเกือบ 70 คน เพราะลดต้นทุน มาทำงานรายวัน หมดหวังกับประเทศนี้ จะย้ายไปอยู่ยุโรปปีหน้า
ช่วยเปรียบเทียบปริญาตรีสายสังคม กับสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี หน่อยครับ ดูเหมือน ป.ตรีสายสังคม คือสายที่หางานทำไม่ค่อยได้ เพราะเปิดกันเยอะ คนจบมาเยอะ ต้องการตัวเลขให้คนจบปริญญาตรีมาก โดยไม่คำนึงถึงตลาดงานที่รองรับครับ
ป.ตรีสายสังคม คิดว่าส่วนใหญ่เลยคือ จบมารับ "ราชการ" เท่านั้นเลย ถ้ามาสายเอกชน ก็ต้องทำต่างสาย ซึ่งเงินเดือนจะน้อยมาก ให้เลือก ไปสายวิทฯเทค ดีกว่าเยอะ
เราจบสายสังคมมา บอกเลยว่าถ้าคุณไม่ได้อยากมุ่งไปสายราชการ ไปเรียนคณะอื่่นที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานดีกว่าค่ะ เช่น ไอที ปัจจุบันเราเองไปทำงานเอกชน สาขาที่จบมาแทบไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับงานเลย ถ้าย้อนกลับไปได้จะเลือกเรียนสายอื่นจริงๆ😂
เพิ่งจบมาค่ะ โชคดีมากเรียนจบสายอาชีพมา ปวช.ปวส.ตรี เลือกเรียนในสิ่งที่รักค่ะเรียนไปมีความสุข(ขั้นบ้า)😅ระหว่างเรียนก็รับงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่เรียนไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปคือพร้อมทำงานมาก จริงๆก่อนจะจบมีหน่วยงานต่างๆติดต่อมาเยอะเลยค่ะแทบไม่ต้องทำอะไรเลยเขาจัดการให้ค่ะเเต่เลือกนำเงินเก็บที่หาได้มาเปิดธุระกิจส่วนตัวเล็กๆเหนื่อยสานฝันให้ตัวเองดีกว่า ตลอดเวลาโควิตไม่ค่อยมีผลกระทบต่องานค่ะ มีความสุขดีเวลาทำงาน ตอนนี้เห็นอนาคตที่สดใส❤ จริงๆถ้าเรามีประสบการณ์กับงานนั้นๆเเละเก่งจริงๆ ก็หางานไม่ยากหรอกค่ะ นี่เป็นคนเรียนโง่ที่สุดของห้องค่ะถ้าจะวัดกันแค่ที่เกรด 2.32 แต่ประสบการณ์ในวิชาชีพและหน้าตา A( 4.00 )ค่ะ😂5555
มันจริงถึงจริงที่สุด นี่จบมานานงานยังไม่มีทำ ถ้าไม่มีธุรกิจครอบครัวก็คงแย่ ใครที่ยังหางาน ก็เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆ
จบอะไร มาคะ
ฟังมาดีหมดแต่ลงท้ายก็จบแบบมองหานักลงทุน แท้ที่จริงแล้ว เด็กไทยต้องรู้ว่าเรียนเพื่ออะไร แล้วต่อยอดการศึกษาเป็นวิชาชีพ รัฐต้องสร้างภาคตลาดภาคการผลิตแล้วสนับสนุนให้คนไทยเป็นผู้ผลิต สร้างเทคโนโลยีของตัวเอง แล้วสนับสนุนภาคการส่งออก …. การอัดฉีดเงินเข้าระบบ มันเป็นไฟไหม้ฟาง ไม่นานก็หาย รู้แต่ก็ทำอยู่ได้…
บริษัทธุรกิจเกิดใหม่น้อยลง เพราะไม่เกิดการแข่งขัน ผูกขาดแค่บางเจ้า บริษัทเ่ลยต้องปรับตัวให้องค์การขนาดพอดี ไม่ใหญ่เกินไป การจ้างงานต้องการพนักงาน ทำอะไรได้หลายๆอย่าง แต่กดเงินเดือน น่าเศร้าจิงๆครับ บริษัทฝรั่งเวลาทำงานก็ทำอย่างเดียวไปเลย ไ่ม่ต้องทำหลายๆ อย่าง บริษัท คนไทย คนจีน
จาก15000ทำแสนห้า คนไทยทำงานหนักที่สุดในโลกแล้วมั่งเวลาทำงานก็เยอะ แถมทำหลายอย่าง หนักๆคือหลายJobด้วย
ร่ายมั่วๆ แล้ว โรงเรียน มหาลัยฯ สอนคนให้เป็นลูกจ้าง เพื่อรอรับเงินเดือนอย่างเดียว แต่ไม่มีปัญญาหาเงินเอง พอเศรษฐกิจแย่ก็ตกงานกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เด็กจบใหม่ใน USA ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เป็นกันทั่วโลก มหาลัยฯ สอนคนให้มีแค่ความรู้เฉยๆ แต่ไม่สอนคนให้มีปัญญา ความรู้มีวันล้าสมัย จนไม่มีใครอยากเรียนอีกต่อไป แต่ปัญญาไม่ใช่ของตายอย่างนั้น ถ้ามีปัญญาก็พลิกเกม แก้สถานการณ์ แก้ปัญหาบนโลกนี้ได้หมดทุกอย่าง การเรียน คือ การเล่นคำให้ฟังแล้วดูดี คล้ายๆ น้ำขังรอการระบาย (น้ำท่วม) แต่ที่จริง คือ การเรียน = การท่องจำ ไม่ว่าจะเป็นการท่องหนังสือ หรือ การจำที่เกิดจากประสบการณ์ก็ตาม (ฝึกงาน ยิ่งฝึกงานเยอะ ก็ยิ่งจำได้แม่นขึ้น ทำงานนั้นๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น) แต่ถ้าคุณมีปัญญา คุณก็ไม่จำเป็นต้องท่องจำอะไรโง่ๆ แบบนั้นอีกต่อไป มันก็เลยมีคำคมว่า ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด ที่พอปัญหามา คุณก็เป็นง่อย รอวันจบอวสาน
@@JohnKickboxing ถ้าสอนคนให้มีปัญญาได้ ไอ้คนสอนจะมาเป็นอาจารย์กินเงินเดือนไม่กี่หมื่นทำไมล่ะครับ เขาก็ไปเป็น อีลอน มัส แล้วสิ
@@blackumbrella6199 👌ก็นั่นน่ะสิ จะว่าไปแล้วคนเราก็เกิดมาเพื่อเห็นแก่ตัว ตักตวงเอาผลประโยชน์ก้อนโตๆ ใส่ตัวกันอยู่แล้ว แต่มันก็ยังมีพวกพ่อพระที่ไม่โลภมากก็พอมีอยู่บ้างนะ สอนไปแล้วได้ผลประโยชน์แค่นิดเดียว แต่มันก็เป็นผลประโยชน์ทางใจ ไรงี้
@@JohnKickboxing ปัญญา เกิดจากอะไรหรอ แล้วต้องสอนกันอย่างไร ถึงจะมีปัญญา // มีปัญญา แล้วเป็นอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง // คนมีปัญญา ตอนนี้มีมาก หรือมีน้อย แล้วเค้าอยู่กันอย่างไร // พูดเหมือนจะดีนะ แต่.. ยังแคบไป ยังไม่รู้หลักความจริง
30-40 ปีผ่านไป ก็ยังเหมือนเดิม เรียนอะไร ไม่ตกงาน หรือโอกาสตกงานน้อยที่สุด ยกตัวอย่าง
1) สายวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยเฉพาะพวกที่เรียนจบแล้วต้องทำงานใช้ทุน
2) วิชาชีพเฉพาะ ที่ผลิตได้ไม่มาก และมีสภาวิชาชีพควบคุมดูแล
3) ตำรวจ ทหาร ทั้งประทวนและสัญญาบัตร นับอายุราชการกันตั้งเข้าเรียนเลยทีเดียว
ซึ่งมีการแข่งขันสูง ใช่ว่าทุกคนจะเข้าได้ แถมเมื่อเข้าได้ ก็ใช่ว่าจะเรียนจบ
หลายคนไม่ได้ชอบ ไม่ได้อยากเรียนแนวนี้ แต่ไม่อยากตกงาน จึงต้องอดทน ฝืนทน เรียนกันไป
ยังมีอีกหลายสาขาที่ตลาดต้องการ ซึ่งเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ต้องคอย update
และไม่แน่ว่า สิ่งที่ตลาดต้องการวันนี้ อีก 20 ปี จะยังเป็นที่ต้องการอยู่หรือไม่
แต่ 3 กลุ่มอาชีพด้านบน ค่อนข้างอมตะ
เอาใจช่วยทุกคนครับ
มองจากฝั่งมหาลัยเองก็ใช่ย่อยนะ พวกอาจารย์ถูกบีบให้เปิดหลักสูตรอะไรที่มันไม่จำเป็นก็เยอะ เพียงเพื่อให้ตัวเองมีงานทำ มหาลัยมีเงินมาลง แต่เด็กมาเรียนจบออกไปชะตากรรมเป็นไงรับผิดชอบตัวเองไปดิจ้า หึๆ บางคนมีกิจการที่บ้านรออยู่แล้ว มาเรียนเอาวุฒิพอให้รู้ทันงานเอกสารเท่านั้นแหละ ส่วนคนที่บ้านไม่มีอะไรให้เลย...สู้ๆนะ
อาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนยังไม่เคยทำงานในชีวิตจริง เรียนอย่างเดียว แล้วก็มาเป็นอาจารย์เลย อาจจะไม่มีประสบการณ์ในการแนะนำนักศึกษาได้มากนักที่จะเข้าสู้ตลาดการทำงานที่แข่งขันสูง
อาจารย์มหาวิทยาลัยมันก็อาชีพๆ หนึ่งนะครับ 555
@@vandenhuud8570 5555
ถูกต้องเลยครับ
อาจารย์เล่นการเมือง อ่อนประสบการณ์
เขาเรียนมาเพื่อสอน ประสบการจริงไม่มี แล้วจะมีอะไรมาสอนให้เด็กเอาไปใช้จริงได้ในที่ทำงาน
น่าแปลกที่อัตราการว่างงาน ของผู้ที่มีวุฒิปริญญาตรี กลับสูงกว่า ผู้ที่มีวุฒิรองลงมา ในในทางทฤษฎี หรือสมมติฐานเบื้องต้น ตัวเลขมันไม่น่าออกมาจากนี้ มันบ่งบอกถึงอะไร เห็นใจน้องๆที่ตั้งใจเรียนจนจบ เบื้องต้นทำอะไรได้ก็ทำไปก่อนเลย อาจจะไม่ได้ตามวุฒิ ก็ทำไปก่อนนะคับ สู้ๆ พี่น้องชาวไทย
เรียนสายอาชีวะหางานทำง่ายสุด เพราะประเทศมีความต้องการช่างสารพัดอย่าง ส่วนเหตุผลที่ว่าเด็กจบ ป.ตรีทำใมหางานยากขึ้นเพราะว่า มีคนที่เรียนจบ ป.โท เยอะขึ้นมากพอๆกับเด็กจบ ป.ตรี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับ สมองของแต่ละคนด้วยนะ อย่างพิมรี่พาย เรียนจบแค่ ม.6 แต่ปัจจุบันรวยเป็นพันล้าน ดังนั้นการศึกษาก็แค่ส่วนประกอบเล้กๆของชีวิตที่ช่วยให้เราไม่โดนใครมาหลอกง่ายๆ ส่วนชีวิตจริงนั้นขึ้นอยู่กับสมองและความสามารถของตัวเราเองล้วนๆไม่มีใครสอนได้นอกจากประสบการณ์ของตัวเราเอง
น้องสามีของเรา เรียนเก่งมาก จบสถาบันดัง เรียนจบก็ไม่ได้ไปหางานประจำทำนะ ทำช่องยูทูป แต่ยังมีคนตามไม่มาก ตอนนี้กำลังต่อโท ที่ต่อคงเพราะยังไม่รู้จะไปทำอะไร อย่างน้อยก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาของพ่อแม่ว่าลูกฉันเรียนเก่ง จบสูงจากสถาบันชื่อดัง อีกอย่างที่ทำให้เค้าไม่ต้องดิ้นรนก็เพราะบ้านรวย พ่อเค้าซื้อคอนโดไว้ให้ลูกเค้าเก็บค่าเช่า แค่ค่าเช่าก็มากกว่าเงินเดือนสตาร์ท ป ตรี แล้ว
ปัญหาจบป.ตรีตกงาน 1.ผู้จบขาดความมั่นใจจากสถาบันไม่ดังโอกาสน้อยลงผู้จบลังเลเพราะไม่มีประสบการณ์การฝึกงานขาดคุณภาพทำไม่จริงหาคนที่มีประสบการณ์มากๆมาให้ความรู้และวิธีงาน การเข้าไปทำงานจะต้องประเชิญกับอะไรบ้าง จะต้องปรับตัวอย่างไร ต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง2.อย่าเลือกงานงานอะไรก็ทำมันได้เงินและได้ประสบการณ์ว่าจะปรับเปลี่ยนแบบของตัวเองอย่างไงเคยอ่านหนังสือแปลเล่มหนึ่งผู้เขียนจบ ดร.แต่สมัครเป็น พลตำรวจ ตัวผมเองเป็นระดับบริหาร เริ่มต้นจากเป็น รปภ.(บริษัทฯขอไปที่องค์การทหารผ่านศึกแล้วส่งผมมา)ไม่มีความรู้อะไรก็มาปรับเปลี่ยนและพัฒนาตัวเอง ผมอยู่ฝ่ายขายมีผู้จัดการฝ่ายขายจบมาจากเภสัชกร และอีกคนจบมาจากรัฐศาสตร์
ผมคือหนึ่งใน20%ที่มาเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร เนื่องจากงานประจำที่ผมทำอยู่มีเงินเดือนอยู่แค่ 13,000 ซึ่งมันทำงานเกี่ยวกับสาขาที่เรียนมา ซึ่งสำหรับตัวผมมันไม่สามารถนำมาเลี้ยงครอบครัวได้ ทำได้แค่ประครองการใช่ชีวิตประจำวันของตัวเอง ผมจึงยอมมาเป็นไรเดอร์รายได้อาจไม่คงที่แต่ผมสามารถที่จะทำงานระยะเวลามากขึ้น มันเหนื่อยกว่างานประจำแต่มันก็เลี้ยงครอบครัวได้
เอาใจช่วยค่ะ คนมีความรับผิดชอบ ไม่เกี่ยงงานแบบคุณ ต้องประสบความสำเร็จสักวัน..✌️✌️
@@isiri5978 ขอบคุณนะครับ
หัวแรงเหนื่อยหน่อย เพราะที่เหลือจะอดจะเจ็บ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ค่อยเป็นค่อยไปวันนี้รู้สึกไม่ดีวันหน้ายังมีสิ่งดีๆรออยู่เสมอ มีความรู้ติดตัวไม่อดตายแน่นอนค่ะ❤️✌️
ขอบคุณ ผู้นำประเทศครับ ที่บริหารได้ดีขนาดนี้
ประชดรัฐฯหรือเปล่าครับ555
ถ้าผ่านเวลาไปเรื่อยๆคนไทยจะปรับตัวเองครับ เช่นพ่อแม่เรียนมาแล้ว ปริญญาไม่มีความสำคัญจะบอกลูกหลานเอง ว่าไม่ต้องเรียนให้สูงแต่เอาตัวให้รอด ค่านิยมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับไม่ต้อวทำอะไรมัน
มหาวิทยาลัยกล้าติดตามศิษย์ทึ่จบไปแล้วไหม เคยทำวิจัยไหมว่า ที่จบไปทำงานได้ไหม ทำงานแบบไหน ทำงานอะไร แล้วมีหลักสูตรแก้ไขไหม ถ้าตกระกำลำบาก บัณฑิตตกยาด
ที่คณะผมมีนะจบแล้ว ธุรการตามให้กรอกบันทึกการทำงานหลังเรียนจบ
ยืนยันว่ามี แต่ไม่ได้การันตีว่าจะกรอกความจริง
ของผมมีครับ จะติดตาม 1 ปีหลังจากจบการศึกษา
มีให้กรอก แต่ไม่ได้ติดตามตลอดไป
คนจบใหม่อาจทำงานตามสายงาน แต่ไม่ได้สำรวจต่อในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือ 3-4 ปีข้างหน้า บางทีหลายๆ ปีข้างหน้าหลังจบไป อาจจะมีคนทำอาชีพตามคณะที่เรียนน้อยลงก็ได้
อันนี้จริง ให้กรอกข้อมูลแบบส่งๆไป
สาขาใหนคนตกงานเยอะ ก็ยังเปิดสอนอยู่แบบนั้นแหละ ทั้งที่รู้ว่าสาขานั้นมันไปต่อไท่ได้
ปริญญาเกร่อ ควรแบ่งการเรียนเป็น Academy และ Professionalให้ชัดเจน
เห็นด้วยที่สุด จบปริญญาตรีส่วนใหญ่ภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ้าไม่จบสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
@@007chefdong จบสาขาที่เกี่ยวข้องบางคนก็ใช้ไม่ได้ค่ะ ไม่รู้เรียนยังไง
@Dacb Labr เจอคนใกล้ตัวค่ะ
ผมเคยทำงานธนาคารด้านเงินฝาก มีแค่2อาชีพ ที่มีรายได้หลังเกษียณคือข้าราชการ กับ เจ้าของธุรกิจ ผมก็เลยลาออกธนาคารมาสอบข้าราชการใช้เวลา2ปี ตอนนี้ผมสอบติดแล้วแต่ต้องมาดูว่าจะเรียกถึงป่าว ส่วนเอกชนนี้สมัครไปไม่เคยได้เพราะ1ต่อ20 คน ต้องไปสมัครแบบสอบแข่งไป ถึงมีโอกาส
ควรปรับหลักสูตรใหม่ บางสาขาไม่จำเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็ควรปิดไป สิ่งที่มองในปัจจุบันควรเน้นเรื่อง IT การลงทุนทางเศรษฐกิจ มีหลายสาขาหน่อย หรือหลักสูตรมัธยมควรเน้นที่ใช้ได้จริง อย่างวิชากระบี่กระบองก็ตัดออกไป เปลี่ยนเป็นทักษะการป้องกันตัวยังโอเคกว่า หลักๆที่ควรเพิ่มคือกฎหมาย วิชาเกี่ยวกับเศรษฐกิจประเทศ หรือวิชาแนะแนวเกี่ยวกับอาชีพ แนวโน้มความสำคัญของอาชีพ พาออกไปดูภาคปฏิบัติในสถานที่จริงบ้างว่างานแบบนี้ทำอย่างไร มีขั้นตอนอะไร ไม่ใช่ให้ศึกษาแต่ในตำรา หลักสูตรเดิมๆ ฝึกให้ท่องจำ แต่ไม่ฝึกให้เด็กคิดเอง
พูดยากครับ ระดับความเก่งความรู้ความชำนาญ ก็ต่างกันแล้วครับ
เช่นบริษัทต่างชาติ บริษัทระดับประเทศ รายได้ก็ต้องสูง แต่มหาลัย top ของประเทศก็ได้ไป ก็ไปแข่งกันในกลุ่มนี้กันเอง
กิจการหรือบริษัทรองๆ ก็คนที่จบจาก top ของประเทศบางส่วน ลงมาแข่งกันมหาลัยรองๆ
ที่เหลือก็ตามสภาพ จบไปงั้นๆ ใครจะจ้างล่ะ
แล้วก็ไปลงเอยที่ "อาชีพอิสระ" เขาก็ยกตัวอย่างเป็น "ไรเดอร์" ยอดฮิต ซึ่งมันก็เลี้ยงชีพได้จริงในระดับหนึ่ง แต่มันจะถึงไหนกัน
ความเหลื่อมล้ำก็เกิด
พวก top กลุ่มบนก็ไต่เต้า คุณภาพชีวิตดี มีเวลา มีเงิน ฯ
กลุ่มล่าง รายได้ที่ต้อง "ออกไปทำ" ถึงจะได้กิน เครียด ไม่มีเวลา คุณภาพชีวิตก็ตามสภาพ
ความต่างที่โหดร้าย: สมมุติทุกกลุ่มเป็นหนี้เหมือนกัน กลุ่มบนฟุ่มเฟือย เที่ยวต่างประเทศ รูดบัตรเครดิตซื้อเบรนด์เนม ก็ว่ากันไป / แต่กลุ่มล่างก็รูดบัตรเงินสดผ่อนตู้เย็นทีวี ผ่อนรถ ไปเที่ยวทะเลน้ำขุ่น หรือป่าเขาใกล้บ้าน
หนี้เหมือนกัน แต่ทำงานใช้หนี้กันคนละขั้ว แล้วชีวิตในระหว่างหนี้นั้นต่างกันสุดลิ่ม
น่าเศร้าครับ
สรุปง่ายๆเลยคือเด็กเราไม่เก่งพอใช่ไหม?
@@เหมือนฝันโต๊ะหลี ใช่ครับ ทุกประเทศครับ พีรามิดทั้งนั้น แต่ประเทศที่มีอะไรที่โอเค ฐานข้างล่างก็จะพออยู่ได้ครับ เช่นที่เราเห็นในบ้านเราฝรั่งเกษียณแก่ๆนั่งจิบเบียร์ วัยรุ่นแบกเป้เที่ยวเป็นเดือนๆ
ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหานี้
1. หน่วยงานต้องการคนทำงาน
ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
2. บัณฑิตจบใหม่โดยส่วนใหญ่
ไม่มีความสามารถหรือทักษะ
การใช้เครื่องมือสารสนเทศ
ปัญหาจริงๆ ... คือ ค่าจ้างและเงินเดือน
ความรู้/ทักษะ ในการทำงานที่คนจ้าง ต้องการมันน้อย ... ความรู้/ทักษะ ที่คนจบ ป.ตรี มีจริงๆมันเยอะกว่า ที่คนจ้างต้องการ
ปัญหาจริงๆ ... คือค่าจ้าง ถ้าไม่อยากจ่ายค่าจ้างเยอะ ต้องลดสาขาที่นายจ้างไม่ต้องการ ให้ลดลงฯ
ปริญญาสังคมศาสตร์เปิดเยอะเต็มเมืองทั้งราชภัฏอีกทั่วประเทศ หลากหลายอาชีพไม่ต้องจ้างผู้จบปฺตรี ใครๆก็เรียนจบ ขอให้มีเงินค่าเทอม ปิดตาข้างนึงยังจบเลย
ทุกวันนี้เห็นพ่อแม่ต่างดีใจส่งลูกเรียนจบ คนเรียนจบก็ดีใจ แต่หารู้ไม่สิ่งที่ควรดีใจมากที่สุดคือการหางานทำได้และไม่เป็นภาระกับคนในครอบครัว
ถูกต้องเลยครับ
ชอบบทความแบบนี้
เปนกำลังใจให้
หมดยุคปริญญาแล้ว ยุคใหม่คือคุณคิดอะไรเป็นบ้าง และทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรสำเร็จบ้าง นั่น คือคำตอบ.......
งานมีอีกเยอะครับ
บริษัทผมทั้งบริษัทแม่บริษัทลูก และยัง บริษัทรวมทั้งห้างร้านเพื่อนๆในกลุ่มผมยังเปิดรับสมัครพนักงานอยู่
แต่.....
1 เด็กสมัยนี้ไม่สู้งาน อยากสบายแต่ได้เงิน
2 ยุคนี้ เป็นโจรง่ายกว่าทำงาน
3 Man มีปัญหามากกว่าAI
4 ความสามารถและทัศนะคติของผู้สมัครเองที่มำให้องค์กรณ์ยอมเลือกให้ตำแหน่งยังคงว่างอยู่เพื่อไม่สร้างปัญหาเพิ่มให้กับองค์กร
จงจำไว้ว่า"ผลตอบแทนของคุณจะขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหา"
เบื่อพวกคนแก่ที่ไม่มีความสามารถในสายงานที่ตัวเองทำ แล้วดันทุรังจะบริหาร อนาคตของประชาชนต้องขึ้นอยู่กับกลุ่มคนที่ไม่มีความสามารถเหรอ เงินเฟ้อขึ้นเยอะมาก อยากรู้ต้องทนกับคนชุดนี้ไปอีกนานแค่ไหน เลิกขโมยอนาคตของเด็กได้แล้ว
หลักสูตร ค่านิยม มันโบราณ เช่น สายอาชีพ ตันที่ ปวส จริงๆต้องปรับให้เพิ่มเป็นตรี ในสายอาชีพ ต้อมมี โท เอก
หลักสูตรควรแบ่งเปผ้น สายอาชีพกับสายวิชาการ มี ตรี โทเอก เหมือนๆกัน
เป็น HR ของบริษัทเอกชนใน จ.ภูเก็ต มี นศ.ป.ตรี ที่จบใหม่และคุณสมบัติก็ตรงกับที่ประกาศรับ แต่ฝ่ายบริหารเขาก็เป็นฝ่ายที่คัดเลือกอีกที เช่น รับได้เพียงแค่ 5 คน แต่มาสมัคร 10 คน HR ก็ต้องคัดกรองไปให้กับฝ่ายบริหารเพื่อพิจารณา จะจ้างไม่จ้างขึ้นอยู่ที่ฝ่ายบริหาร (ส่วนตัวเห็นใจมาก เข้าใจคนมาสมัครและทางบริษัท)
เด็กจบใหม่ถ้าพ่อแม่เกษียร
มีเงินบำนาญราชการ เขาจะให้ลูก ไม่ไปทำงาน เพราะมีเงินช่วยเหลือ ออก ค่ากิน ค่าสมัครสอบ ค่าเดินทางไปสอบ ลูกไม่ต้องทำอะไร นอกจากไปสอบราชการ คนที่ยังไม่หางานทำ
บางส่วนทำแบบนี้ค่ะ. เพราะเขาเห็นว่าทำเอกชนทำได้ชั่วคราว.
แก่ตัวมาไม่ได้เงินบำนาญ
เห็นด้วยอย่างมากเรื่องการปรับให้ข้อมูลความก้าวหน้าของมหาลัยเป็นสาธารณะครับ หน่วยงานรัฐควรจะเปิดเผยแนวทางกับความเป็นไปของการบริหารให้มากกว่านี้ เพราะในมุมมองนักศึกษาเชื่อว่าหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Vision มหาลัยเป็นแบบไหน อยากให้อธิการบดีมหาลัยในไทยแสดงศักยภาพผู้นำทางการศึกษาให้ชัดและเทพกว่านี้ สู้ๆครับ
ผมเรียนจบในปี61 ได้งานทำทันทีเป็นครูอัตราจ้าง เงินเดือน8,000บาท ทำได้หนึ่งปีเเล้วตัดสินใจลาออกในต้นปี62เพราะครูอัตราจ้างนั้นไร้อนาคต ไม่เติบโต ผลที่ตามมาคือหลุดครับ หางานใหม่ไม่ได้เลย ทั้งสมัคร ทั้งสอบ หน่วยงานรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ ไปมานับสิบแห่งแต่ก็ไม่ได้เพราะแต่ละแห่งรับแค่1-2คน คนสมัครหลายสิบ หลายร้อย ไปจนถึงหลายพันคน ก่อนโควิดงานว่าหายากแล้ว โควิดมาในปี 63เหมือนปิดประตูโลงศพ การท่องเที่ยวล่ม โรงเเรมล่ม การบินล่ม ผมตกงานนอนอยู่บ้าน2ปีเต็ม โมโหจนฉีกใบเกียรตินิยมทิ้งไปแล้ว สุดท้ายจนตรอกเอาวุฒิม.6ไปสมัครราชการ ได้งานในปี64
สุ้สุ้ทุกคนค่าาาา
เช่นเสริมด้วยการมีการเข้าฝึกอบรม แตกต่างสาขาที่เราเรียน แต่เสริมวิชาช่างทั้งปวงเข้าไปแค่นี้เราก็ไม่ตายแล้วครับ 🇹🇭🇹🇭🇹🇭🇹🇭
ในฐานะเจ้าของธุรกิจขนาดกลางขอบอกเลยค่ะว่า "งานมีเสมอ ถ้าไม่เลือกมาก" เด็กจบใหม่ ประสบการณ์ไม่มี แทบทุกคนเรียกร้องอยากได้เงินเดือนสูง และส่วนใหญ่เป็นแบบสำนวนไทยที่ว่า "เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ" งานลำบากไม่ทำ อดทนหน่อยก็ไม่เอา ต้องขยันทำงาน ก็ไม่ได้อีก เรียกว่าไม่มีอะไรซักอย่าง บ่อยครั้งที่เรียกมาทำงาน ทำได้ไม่กี่วันออก เด็กสมัยนี้ความอดทนต่ำ แต่รสนิยมสูง ไม่แปลกที่จะบอกว่าตกงานเป็นจำนวนมาก
อัตรางาน กับอัตราคนจบมันสัมพันธ์กันไหมล่ะครับ จะได้เข้าใจถูกประเด็น ว่า ว่างเพราะเอาแต่ผลิตออกมามากๆ หาเงินกับการศึกษาจนไม่ได้มองที่ความเป็นจริง หรือ งานไม่ตรง เลือกงาน คุณภาพไม่ได้ มันก็อีกเรื่องนึง
งานมีเยอะครับ แต่งานมีรายได้น้อย ค่าจ้างพอๆกัน กับผู้ใช้แรงงานไม่มีการศึกษา
เป็นช่องที่นำเสนอข้อมูลค่อนข้างรอบด้าน และน่าสนใจดีมาก พัฒนาต่อไป ครับ
หลักสูตรไทยล้าหลัง และไม่จำเพาะเจาะจงไม่เน้นใช้งานจริง เรียนรู้แบบจับฉ่าย เอาหน่วยกิตเรียนเยอะเข้าว่า ไม่แปลก บางอย่างควรคงไว้ ไม่ควรเปลี่ยนเช่นภาษาไทย ก็อย่าเปลี่ยน เปลี่ยนวิธีการสะกดเป็นแบบภาษาอังกฤษ ไม่รู้หรือไง แต่ล่ะภาษามีความจำเพาะเจาะจงมีลักษณะพิเศษต่างกัน ใช้วิธีสอนเหมือนกันไม่ได้ สะกดไม่เป็น อ่านภาษาไทยไม่ออกไปรุ่นนึง
ผมเคยทำงานทั้งบริษัทข้ามชาติและของไทยฝากน้องๆที่จบใหม่ขอให้เลือกบริษัทข้ามชาติก่อนเลย เพราะฟังก์ชั่นงานชัดเจนสมชื่อกับตำแหน่งออแกไนเซขั่นขัดเจน ไม่มีการก้าวก่ายงานและไม่วุ่นวายตอนเวลาเลิกงานเคารพเวลาส่วนตัว
ถ้าคุณเลือกบริษัทไทยๆฟังก์ชั่นงานกับตำแหน่งที่คุณใส่หมวกจะงงๆสับสนเพราะฟังก์ชั่นงานคุณถูกใส่หมวกหลายใบมากจนมั่วเละไปหมด เวลาเลิกงานวันหยุดคุณก็จะถูกโทรตามโทรจิกตามแม้เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆแม้คุณจะเคลียร์งานของคุณเสร็จก็จะมีงานที่คนอื่นมันทำไม่ได้โยนมาให้คุณจากเจ้าของเหียๆแถมการเมืองรุนแรงเพราะเจ้าของมาบริหารเองถ้าเจ้าของบ้าจี้หูเบาก็เสร็จทำให้เกิดการประจบสอพลอยิ่งกว่าบ้านทรายทองและออแกไนเซชั่นก็ไม่มีผลอะไรเพราะบริหารแบบแฟลตไม่ใช่เจดีย์
ไม่เลือกงานไม่ยากจน ครับ....
มันอยุ่ที่คนครับ ว่าทำได้ป่าว...ไม่เกี่ยวกับของต่างชาติหรอของไทย
@I’m introverted ก็มีส่วนครับ
*"เรียน ป.ตรี จป.วิชาชีพ เป็นอาชีพ ที่มาแรงแซงโค้ง ในช่วง 10 ปี"* ที่ผ่านมา
กฏหมายเซฟตี้ไทย *"บังคับให้บริษัททุกแห่งต้องมี จป.วิชาชีพ ประจำบริษัท"* และ จบมาไม่ตกงาน (ถ้าไม่เลือกงาน)
สมัยนี้ บริษัทไหน? *"ไม่มี จป. ไม่มีระบบเซฟตี้ นายจ้างจะประมูลงานไม่ได้ ไม่ผ่าน CSR ไม่ผ่านมาตรฐานระดับโลก"*
+100
ความคิดล้าหลัง เรียนเพื่อพ่อแม่
แต่ไม่ได้เรียนเพื่อหาอนาคตตัวเอง
1. เพราะเด็กสมัยนี้เลือกงานมากเกินไป ต้องการเงินเดือนสูง แต่ต้องสบาย เพราะบางคนใช้จ่ายเกินตัวตั้งแต่สมัยเป็น นศ จนติดเป็นนิสัย พอเงินเดือนน้อย ก็ไม่พอใช้ก็ไม่ทำดีกว่า อยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงดีกว่าสบายกว่า ติดสบาย
2. สาขาที่เปิดสอน ไม่มีตลาดรองรับเพียงพอ ไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน
3. เทคโนโลยีต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดการใช้งานมนุษย์
ข้อ1 “เด็กสมัยนี้เลือกงาน” คือทุกคนก็เลือกงานทุกคนอยู่แล้ว คือจบปริญญาต้องมาผสมปูนแบบนี้มันก็ไม่ใช่ กู้ กยศ ก็เป็นแสนอยู่แล้ว ทุกคนก็ล้วนตั้งเป้าหมายเงินเดือนสูงๆกันทั้งนั้นแหละเพื่อให้คุมกับค่าใช้จ่ายที่เรียน
กูจบ ป.ตรี แต่ทำงานเป็นพนักงานฝ่ายผลิตแบบนี้เรียกว่าเลือกงานป่ะกูเอาวุติ ป.ตรีไปสมัครแล้วน่ะแต่ไม่มีใครเรียกสัมภาษณ์เลย
จริงครับ
ผมใช้วุฒิปตรี ตอนนี้เป็นพนักงานครัว ครับไม่พอกินแต่ไม่ตาย
@@puwanaid622 ก็โอเคนะ ที่คุณไม่เลือกงาน มันก็เป็นผลดีกับตัวคุณเอง ถูกไหม ??
ฉันเองก็เป็นเหมือนคุณ ที่ตอนจบ ป.ตรีมาใหม่ๆ ก็หางานทำไม่ได้ สุดท้ายก็ใช้วุฒิ ปวส. สมัครงาน และได้ทำงาน จนตำแหน่ง ป.ตรีที่ทำงานของฉันมันว่างลง ฉันก็ได้ปรับตำแหน่ง โดยใช้วุฒิ ป.ตรี
แต่ฉันขอติติงอะไรหน่อยได้ไหม การแสดงความคิดเห็นเนี่ย มันไม่จำเป็นต้องขึ้นกู ขึ้นมึง ก็ได้มั้ง คำเหล่านี้ มันเหมาะที่จะใช้สำหรับคนที่สนิทสนมเป็นเพื่อนกัน เวลาที่ฉันอยู่กับเพื่อนฉันก็ใช้
แต่กับคนที่ไม่สนิทสนม ฉันจะไม่ใช้ เพราะฉันคิดว่ามันไม่ค่อยถูกกาละเทศะและไม่จำเป็น ที่ต้องแสดงออกถึงขั้นนั้น
จบป.ตรีสาขาอะไรที่ตกงานต้องดูด้วย
ทุกคนอยากทำงานสบายงานง่ายๆดูเท่ดูดีชื่อสาขาการเรียนดูหล่อเลยแต่ตลาดไไม่ต้องการ
ลองดูซิว้าใช่แบบนี้หรือเปล่า
และมหา'ลัยที่มีอยู่แทบทุกจังหวัดผลิตส่าขาอะไรออกมาบ้าง
ส่วนผมไม่ตกงานอยู่แล้วครับพึ่งจบปริญญาตรีปีแล้วแต่ก็กลับไปทำสวนอยู่บ้านกับพ่อแต่ก็มีรายได้ วันละ 1,000-2,000 บาทต่อวัน
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 ผ่านมา ยี่สิบปี ก็ เท่าเดิม !!
ช่ายนทำไมน้อยยจังง
ผมฝึกงานเด็กก่อนจบป.ตรีทุกปี รู้สึกว่าแม้แต่ความรู้พื้นฐานในสาขาที่เรียนก็ไม่ดีเท่าที่ควร การศึกษาเราเหมือนเลี้ยงไก่ในฟาร์ม มีปีกมีขนมีหางตัวสมบูรณ์แข็งแรง แต่บินไม่ได้
รู้ไหมตลาดแรงงานที่ขาดแคลนมากๆในประเทศไทย คือ ปวช. ปวส. เพราะเงินเดือนไม่สูง แต่มีทักษะการทำงานสามารถทำงานได้เลย ต่างจากปริญญาตรีที่เรียกเงินเดือนสูง แต่ไม่มีประสบการณ์การทำงาน ขาดทักษะการทำงาน รับเข้ามาก็ต้องมาฝึกอีกอย่างน้อย 3 ปี กว่าจะเป็นงาน
บางคนก็ดื้อถือว่าภูมิรู้สูงกว่า...
บางทีมันแทนกันไม่ได้จริงๆนะครับ มันขึ้นอยู่กับว่าเอาไปทำงานอะไร
สมัยนี้ปริญาตรีกับปริญญาโทคือเกลื่อนเลยค่ะ แล้วหลายๆองค์กรก็มีปัญหารับเข้ามาแล้วมีแต่คนสั่งงาน ไม่มีคนทำงาน สมัยก่อนปริญญาตรีรับเข้ามา ถ้ามีลูกน้องก็สั่งลูกน้องทำ ถ้าไม่มีก็ทำเองได้ แต่สมัยนี้ถ้าไม่มีลูกน้องให้สั่ง ก็ไม่ทำนะจ๊ะ เพราะอีโก้สูงมาก
ผมเคยคุมลูกน้อง ปวช ปวส. 30 คน ให้เงินเดือน 17000-25000 บาท แต่น้องๆไม่ค่อยอดทนทำงานน่ะดิ
โรงงานผมใช้ ปวส เป็นส่วนใหญ่ ปวช วุฒิยังน้อยไปนิดแต่ก็ยังรับ แต่มีอัตรส่วนที่น้อยกว่า ปวส ผู้บังคับบัญชา บอกว่าคนกลุ่มนี้ใช้งานได้เลยตั้งแต่เริ่มงาน อาจจะมีเทรนนิดหน่อย
อย่าคิดว่าคนว่างงานเพราะเค้าเลือกเยอะ เพราะส่วนใหญ่HRมันก็เลือก เลือกเยอะด้วย
ขนาดตำแหน่งที่รับสมัครมันตรงกะประสบการณ์ที่เคยทำงาน หรือคุณสมบัติตรง แต่ไม่รับ เพราะอะไร ทัศนคติ/อคติ/
เพราะเคยสมัครงานร้านกาแฟ ที่สมัครเห็นว่าใกล้บ้าน แต่พอchatคุยโดนถามว่าทำอะไรมาก่อนเราก็ตอบตามตรงว่าเคยทำofficeมาก่อน บอกไปตามนั้น
เขื่อไหมคนเป๋นHR บอกว่าอะไร
งานบริการทำไม่ได้หรอก อะไรที่คุณบอกว่าทำไม่ได้
จบ.ตรี ยอมลดวุฒิการศึกษา แต่สิ่งที่คุณตอบมามันไม่มีเหตุผล
ทั้งๆที่ประกาศรับสมัครบอกว่ายินดีต้อนรับคนเรียนรู้งานได้
ขนาดสมัครpart time ใช้ทักษะเฉพาะด้านที่จบ พอส่งใบสมัครไป
รีบลดวุฒิการศึกษา บอกรับวุฒิม.3 ถ้าเรียนมาจบขนาดนี้ ไม่ต้องตรีก็ได้
อีกเคส สมัครไปจากรายเดือนรีบเปลี่ยนรับพนักงานรายวัน
คำตอบคืออะไร อยากรู้
อคติแค่ใบสมัคร กับการศึกษา ไม่ถูกชะตา บอกตรงๆ อย่าอ้าง งั้นจบม.3 หรือ ม.6 ไม่ต้องต่อป.ตรี คุณก็รับแบบนี้หมดซิ
รู้งี้จบแค่ม.6 ก็ได้ เสียเวลาชีวิต
กะทัศนคติคนไทย
เอาเหตุผลดีๆนะอย่าแถ อย่าปฏิเสธไม่ได้เลือกคนจริงๆ
เราอยู่กลุ่มoverqualified เหรอ ?
ไม่เคยเรียกร้องเงินเดือนเยอะกว่าวุฒิเพราะไม่เก่งหรือจบมหาวิทยาลัยดังๆ
ไม่เคย ได้เงินเดือน เกิน 20000ในชีวิต แบบนี้เรียกว่าเรียกเงินเดือนสูงเหรอ ทั้งชีวิตไม่เคยได้เงินเดือน 20000
แต่สิ่งที่คุณปฏิบัติมันเลือกปฏิบัติกับมนุษย์คนนึง
งานเดี่ยว ทำเป็นกลุ่ม , งานกลุ่ม แต่ภาระหนักอยู่คนเดียว ไม่แปลกใจทำไมประสานงานกันไม่เป็น ถามว่าปัญหามันอยู่ที่เด็กหรอ เปล่าเลย ระบบต่างหาก การลงโทษเรื่องการทุจริตในสถานศึกษามันกากจริง บางคนฟ้องไปก็เป็นหมา ฟ้องไปก็โดนด่าคนเดียว เผลอๆโดนเมินเพราะมันก็ทำมาก่อน อาจจะคิดว่าไม่เกี่ยวแต่ผมว่าระยะยาวะ ผลกระทบมันเยอะ จริงๆ
มีคำถาม งั้นมหาวิทยาลัยมีไว้ทำไม?? ในเมื่อผลิตคนออกมาก็คุณภาพไม่ตรงตลาดก็คือคุณภาพไม่ได้ จบมาต้องเรียนรู้งานจากผุ้มีประสบการณ์อีกตั้งหลายปีจนกว่าจะคล่อง มันเปลืองเวลาชะมัด เรียนรู้แต่ต้นน่าจะดีกว่า แล้วจะมีการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยไปเพื่อ?? มหาลัยควรจะยกระดับตัวเองมากกว่านี้รวมถึงสังคมไทยด้วยควรลดอัตราลงมาบ้าง ไม่ใช่ดันทุรังให้จบป.ตรีอย่างน้อยเพื่อโก้หรูดูเก่ง ดูอย่างญี่ปุ่นเป็นอย่าง คนเข้ามหาลัยหลักได้คือหัวกะทิจริงๆเขาไปทำงานด้านความเชี่ยวชาญหมด ที่เหลือไปทำงานค้ำชูชาติบ้านเมืองไป ส่วนมหาลัยเอกชนก้เงินถึงก็เชิญ มหาลัยไทยตั้งตนเป็นโยคีรอบรู้ทึกทักไปเองว่าเชี่ยวชาญ ถ้าเก่งจริงทำไมไม่มีมหาลัยไทยอยู่ใน 1-100 อันดับโลก?? สอนกันจริงๆคือเอาความรู้ความสามารถคนอื่นมาพูด ไม่ใช่เชี่ยวชาญหลอก เรียก " ผู้รู้ " " ผุ้เข้าใจ " แต่หาใช่ไอเดียข่อยจะดีกว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อดูดเงินเพื่อเงินและรายได้แท้ๆ ไม่ต่างกับบริษัทๆนึง ทั้งๆที่มีรัฐบาลสนับสนุน ถ้าสังคมไทยเชิดชูอยากให้คนจบป.ตรีขนาดนั้นทำไมไม่ให้เรียนฟรีทุกมหาลัยหล่ะ?? ด้อยค่าคนจากสถาบันและจากการความมั่งคั่งกันเพื่อ???
*"เรียน ป.ตรี จป.วิชาชีพ เป็นอาชีพ ที่มาแรงแซงโค้ง ในช่วง 10 ปี"* ที่ผ่านมา
กฏหมายเซฟตี้ไทย *"บังคับให้บริษัททุกแห่งต้องมี จป.วิชาชีพ ประจำบริษัท"* และ จบมาไม่ตกงาน (ถ้าไม่เลือกงาน)
เราว่าการเรียนระดับปริญญาตรีในมหาลัยไทยมันใช้จริงไม่ได้เท่าไหร่ ต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ถึงจะดี
1ต่อ10ได้เลยนะ อัตราจ้างกับอัตราจบ
@@pukong222 จบเยอะไป แต่ก็สร้างงานไม่มากพอ ก็มีปัญหาอยู่ดี
ยังไม่นับว่า มีงานสายนี้มากเกินไป จน supply เกิน demand
ต้องดูที่สายงานด้วยครับ ส่วนใหญ่ถ้าสายวิชาชีพ ไม่ค่อยตกงานหรอกครับ
เรียน กับ จบมา คนละอย่างเลยยย
ผมจะพูดจริงๆนะจบมหาลัย พร้อมกับมีประสบการณ์ทำงาน ค่อนข้างยาก เพราะงานที่ฝึกกับสายนะค่อนข้างน้อย เเละถ้าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเเต่ทำงานไม่ตรงสายไปก็ไม่ได้ ช้วยเสริมประสบการณ์ทำงานด้านนั้นอยู่ดีเรื่องเส้นเล็กเส้นใหญ่นี้ตำเป็นมาก ถ้าญาติเยอะก็ง่ายอุปถัมกันไปซึ้งผมคนนึงที่โชคดี เพราะลุงช้วย ก่อนหน้านี้หาเเถบตาย
จบราชภัฎเคยไปสมัครงานผ่านเว้บชื่อดังลงไว้ว่าให้ 18,000 ไปทำงานจริงให้ 13,000 ค่าห้องก็ 4,500 ค่าน้ำมันก็ 4,000 เหลือ 5,500 ใช้ทั้งเดือนไม่พอหรอก ไหนจะกินอยู่ น้ำไฟ อินเตอร์เน็ต ตอนนี้มาทำงานอยู่ออสเตรเลีย เมลเบิรน ได้เดือนละ 150,000 อัพ ไม่ง้อ 15,000 กระจอกๆหรอก มหาวิทยาลัยราชภัฎที่คนดูถูก สมัครงานในไทยคนไทยไม่ค่อยอยากรับ มาสมัครงานกับฝรั่ง ฝรั่งมันไม่รู้จักหรอก ราชภัฎ จุฬา หรือ ธรรมศาตร์ ทำงานในครัวเหมือนกัน รับเงิน 100,000 - 150,000 เท่ากัน
ค่าครองชีพก็น่าจะต่างกันอยู่แล้วนะคะ
@@Prettyover40 ต่างกันแน่นอน ค่าครองชีพในไทยแพงกว่าเยอะ ที่นี่ค่าครองชีพถุกแสนถูก !!! ปล.ถ้าเทียบกับรายได้ สมมุตินะคิดง่ายๆ
ทำงานในไทนได้เงินวันละ 300 บาท
ในไทย ค่าข้าวตามสั่ง 40 - 60 บาท
ค่ารถเมล์ในไทยเริ่ม 8 ไปจน20กว่าบาท
ค่ารถไฟฟ้าเริ่มต้น 15 ไปจนถึง 100กว่าบาท
ค่าเช่าห้องในไทย 4,500 บาท
ทำงานในออสได้เงินวันละ 300 ดอล
ที่นี่บัส แทม รถไฟ 4.5 ดอล ราคาเดียว
ในออส ค่าข้าว 10 - 20 ดอล
ค่าห้องที่นี่ วีคละ 300 เดือนละ 1,200-1,300
คุณคิดว่าทำงานที่ไหนมีเงินเหลือมากกว่กัน ?
เมื่อก่อนก็คิดแบบนี้ละที่นี่มันแพงเมืองฝรั่ง พอได้มาแล้วคือมันไม่ใช่เลย เมืองไทยสถานการณ์มันเอื้อทุกอย่างที่ทำให้พวกเราจน !!!
ยินดีด้วยนะคะ 😊
คุณไปพูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกหรอกครับ พ่อผมจบ ป.4 ก็หาได้เดือนละ 1 แสน ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใครถึงต่างแดนด้วย อยากหยุดวันใหนก็ได้หยุด สมมุติมีคนบอกว่าทำงานในครัว ได้เงินแค่ 1 แสน กระจอกว่ะ ไปตั้งไกลได้แค่นี้เหรอ คุณจะรู้สึกยังไง
@@sp.9993 คุณหัวร้อนเองหรือเปล่า อันนี้ยกตัวอย่างตัวจากชีวิตจริง ไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบใคร หรือเรื่องของเรามันกระทบกับคุณ ? เงินเดือน 13,000 นี่ก็เงินที่ได้จริงๆ อันนี้ก็ว่าตัวเอง ถ้ามันหนักหัวคุณก็ขออภัยด้วย ทางนี้ที่บ้านก็เป็นเกษตรกรและขายของตลาดนัด เดือนนึงก็หาได้หลายแสนเหมือนกัน แต่ที่เลือกทางนี้ เพราะคิดว่านี่คือความต้องการของชีวิตเรา ทางใครทางมัน แล้วแต่จะเลือกเดินเนาะ
ปริญญาตรีควรเป็นทางเลือกนะ ไม่ใช่บังคับว่าขั้นต่ำต้องจบป.ตรีกัน ซึ่งมันไม่ใช่ทุกคนที่จะจบป.ตรีได้ ส่วนใหญ่ จบป.6 ม.3 ม.6 สายอาชีพกัน แล้วการเรียนน่ะ ควรเรียนไม่เกิน 4 ปี เผลอๆ 4 ปีที่เสียเวลาเรียนไปนั้น ได้อาชีพมาแล้ว 4 อาชีพ ทุก 1 ปี เพราะอะไร? เพราะบางทีเนื้อหามันไม่ได้กินเวลาขนาดนั้น มันมากินเวลาชีวิตตรงงานที่อาจารย์สั่งให้ทำ แต่ละงานก็ใช้เวลา ทั้งทั้งที่มันอาจจะเสร็จได้ภายใน 2 อาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่ต้องมาส่งพร้อมๆกันภายใน 1 เดือน ควรจะให้ 2 ปี เรียน อีก 2 ปี เริ่มฝึกงาน พอครบเวลา ก็เข้าทำงานได้เลย เพราะว่ามีประสบการณ์แล้วประมาณ 2 ปี แล้วก็เลิกได้แล้วนะ ไอ้พวกที่บอกว่า ถ้าพูดได้มากกว่า 3 ภาษาขึ้นไปจะพิจารณาเป็นพิเศษ ถ้า มีประสบการณ์ด้านนี้มาอย่างน้อย 5 ปี จะพิจารณาเป็นพิเศษ พวกคุณใช้สมองคิดคำถามพวกนี้มาแล้วใช่มั้ย? เด็กมันเพิ่งเรียน เพิ่งก้าวสู่การจะเป็นผู้ใหญ่ เพิ่งหลุดออกมาจากวัยเด็ก จะมามีประสบการณ์อะไรกัน มันไม่ใช่ทุกคน ทีตัวเองยังต้องอัปสกิล ความสามารถรัวๆ เพื่อให้เขารับเข้าทำงาน เพราะมีความสามารถหลากหลาย แล้วทำไมไม่ย้อนดูตัวเองในตอนนั้นกันนะ? ขนาดตัวเองผ่านจุดนั้นกันมา ผ่านจุดต้องวิ่งวุ่นหางานจนหัวฟู ต้องทำให้ตัวเองได้งาน แต่พอผ่านมาหลายปี ดันลืมไปเสียแล้วว่าเด็กรุ่นใหม่ในวันนี้ที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ก็คือตัวเองในวันก่อนเหมือนกัน อยากฝากเอาไว้ให้คิด ปริญญาตรีควรเป็นทางเลือก และ 2 ปี เรียน 2 ปี เริ่มฝึกงาน จบมาจะได้มีประสบการณ์และทำงานเป็นในระดับนึง ทุกวันนี้ประเทศไทยตั้งมาตรฐานสิ่งต่างๆไว้สูงมากกกกก เหมือนพวกที่ต้องการคนมีประสลการณ์ทำงานเป็น ทำเป็นแทบทุกอย่าง ต้องจบป.ตรี แต่ให้เงินเดือนเด็กจบใหม่ 13,000 มันไม่ใช่อะ ถ้าจะตั้งมาตรฐานไว้สูงขนาดนี้ มึงทำเองเลยเถอะ กูสงสารเด็กรุ่นใหม่ว่ะ เขาก็ท้อเป็นเหมือนพวกเราในตอนนั้นนั่นแหละ
อาชีพไรเดอร์ในประเทศพัฒนาแล้วมันเป็นอาชีพที่คนที่เรียนหนังสือระดับประมาณ ปวช. (สำหรับสิงคโปร์) หรือเป็นแค่งานพาร์ทไทม์สำหรับคนหนุ่มสาวและคนต่างชาติ (สำหรับญี่ปุ่น) การศึกษาที่มีคุณภาพยังสำคัญอยู่นะคะ
ที่นี่ งานมีจำกัด โรงงานหรือธุรกิจก็เกิดขึ้นไม่มาก คนที่ทำงานกว่าจะออกจากงานก็อายุปาเข้าไป40อัฟ ส่วนแรงงานอื่นๆก็ เข้าๆออกๆ แต่ นักศึกษา ปีๆหนึงเด็กจบออกมามากมาย ยอดสะสมในแต่ละปีก็เพิ่มมากขึ้นๆ แถมด้วยแรงงานต่างด้าวเข้ามา ก็เพิ่มขึ้นทุกปี นี่ยังไม่รวม ลูกท่านหลานเธอ เด็กเส้นเด็กฝาก อีกสารพัด
สิ่งที่นายจ้างต้องการมากขึ้นคือทักษะแล้วค่าแรงเพิ่มขึ้นตามไหมคะ? เข้าใจว่าปัญหาส่วนหนึ่งเกิดนจากมหาวิทยาลัยไทยไม่ได้สอนทักษะในการทำงานให้เลยแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหาค่ะ เด็กไทยเก่งและรู้ว่าประเทศมันสิ้นหวังจนต้องขวนขวายเองได้ หลายคนคุณสมบัติดีพร้อมแต่เลือกที่จะว่างงานเพราะทำงานไปก็ไม่ได้คุ้มค่ะ ไม่ได้เลือกมากนะแต่นายจ้างรีเควสภาษาอังกฤษดีมาก, ดิจิทัลคล่องแคล่ว, มีภาษาที่สามงี้เงินเดือน 9,000 บาทถามหน่อยว่าใครจะอยากไปทำ ทำงานกี่ปีจะถึงค่าเรียนไหมเอ่ย? การผลักภาระมาให้เด็กมันง่ายค่ะทั้ง ๆ ที่ทุกคนรู้กันว่าต้นตอของปัญหาจริง ๆ คืออะไร
ทำไมไม่มองเป็นอุปสงค์กับอุปทานละหนู
พื้นฐานของตลาด
หรือว่ารู้ตัวสู้คนอื่นได้ยาก
เพลีย~*
แสดงว่าคุณสมบัติที่ว่า นายจ้างสามารถหาได้ที่แค่ 9,000 บาท ถ้าอยากได้มากกว่าก็ต้องหางานอื่นซึ่งตัองการคุณสมบัติอื่นเพิ่มไปอีก
ถ้าคุณสมบัติที่คุณบอกจ้าง 9000 งั้นคุณก็ควรตั้งคำถามกับตัวเองใหม่นะ (เชี่ยจ้าง9000ทำงานไป25000คนอื่นเขาทำได้ไงวะ)แต่การจะเลือกว่างงานเพราะทำไปก็ไม่คุ้มก็ตามแต่การตัดสินใจ ผมมองว่าเป็นการด้อยค่าตัวเองมากกว่า จบใหม่มามีสกิลที่ดี แต่อย่าลืมว่าคนจบมาทีหลังสกิลก็ยิ่งดีกว่านะ ถ้าคุณเก่งจริง 1ทำงานเก็บประสบการณ์
2ไปเป็นนายจ้าง
พยายามเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น มองหลายๆมุม คุณอาจฉลาดแต่ยังไม่เฉลียวไง แค่มองย้อนกลับก็เห็นคำตอบง่ายแล้ว มีทุกสกิลแต่ เวว1ไง
อยากให้รัฐบาลสนับสนุนการเรียนด้านสาขาวิชาชีพที่เรียนแล้วมีงานทำแน่นอน เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน อย่างเงินกู้ กยศ. เพราะน้องมีโอกาศทำงานมากถึง100% (หากน้องไม่เกิดปัญหาส่วนตัว) ได้เงินเดือนและใช้คืนรัฐได้เร็วกว่า
เยี่ยม ครับ. เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากๆ .. เห็นภาพและสะท้อนปัญหาได้ชัดเจน ประเทศเราถึงไม่สามรถสู้ประเทศอื่นได้ เลย. ล้าหลังไปเรื่อยๆ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ .
ปัญหาใหญ่อีกย่างคือเรื่องเด็กฝาก ลูกท่านหลานเธอด้วยครับ บริษัทส่วนใหญ่ยังเป็นธุรกิจกงสี ธุรกิจครอบครัว ไม่เปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาทำงานง่ายๆหรือมีอำนาจเหนือคนในครอบครัวที่ทำงานอยู่ ต้องเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ฝาก คนมีตำแหน่ง ลูกค้ารายใหญ่ฝากเข้ามาถึงจะกล้ารับครับ HR ก็ต้องกักที่ให้คนเหล่านี้ด้วย ไม่สามารถรับคนนอกได้ตามที่อยากจะได้ มีคนมาสมัครเยอะแต่ก็ไม่เรียก ไม่เปิดดูใบสมัครด้วยฃ้ำ ระบบอุปถัมภ์เหล่านี้ยังคงอยู่ในองค์กรหลายๆแห่งครับ มีมาช้านานแล้ว
แรงมากค่ะ ขนาดม.ดัง เกียรตินิยมส่ง e-mail ไป ยังไม่อ่านเลยค่ะ ทั้งๆที่รับปากแล้ว ส่งทางเมลก็โทรอีกค่ะ เงียบเหมือนเดิม
ผมรู้จักคนที่มีลูกได้เกียรตินิยม เป็นปียังหางานไม่ได้เลยครับ เคยเจอเด็กเกียรนิยมสถาบันดังเรียกเงินเดือนถึง 25,000 มากกว่าพนักงาน level ล่างๆที่อยู่มา 20-30 ปีอีก บริษัทไม่รับ เรียกเงินเดือนสูงไป@@boombaamsiriwatphaphan2700
จบอะไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเลี้ยงตัวเองได้
จบ ป.ตรี มีงานประจำ (จริง ๆ ไม่นับงานยิบย่อย) ตอนอายุ 26 เงินเดือนแรก 12,000 เงินเดือนสุดท้ายก่อนลาออก 52,000 บาท เกษียณตัวเองตอนอายุ 45 ตอนนี้ทำธุรกิจส่วนตัว รายรับมากกว่าเดือนละ 1 ล้าน หักรายจ่ายเหลือประมาณเดือนละ ประมาณ 3 แสน อยู่ได้แบบอืสระแต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ
ขนาดเรจบ อาชีวะทำงานมาครึ่งชีวิตย้งถูกเลิกจ้าง ว่างงานตอนนี้แต่ยอมไปทำงานที่ต่ำกว่างานที่เคยทำ อายุ50แล้ว บางทีเขาก็ไม่รับ
จริงทุกอย่างเลยครับ แต่เอามาพูดทั้งทีน่าจะมีวิธีแก้ไขแทรกเข้ามาด้วย
ไม่อยากมีชีวิตอยู่ในสังคมแบบนี้แล้วค่ะ จะ 26 แล้ว จบปริญญาตรีมาสามปี ยังไม่เคยหางานประจำทำได้เลย
ปัจจุบันตกใจ กับความสามารถและทักษะด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยเฉลี่ย ของ เด็ก จบ ปริญญาตรี สาขาทั่วไป ที่ไม่เมเจอร์/ไมเนอร์อิ้งค์ ทั้งๆที่ ทุกคนเรียนวิชานี้กันมามากกว่าสิบปี อยากทำคอร์สออนไลน์ให้เด็กเทคกัน แล้วมานั่งสอบ ใครสอบผ่าน แจกคริปโต เพื่อเป็นทุนตั้งตัวหลังเรียนจบ มันคือฝันของอาจารย์ตัวเล็กๆแบบผม ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ กับสภาพเศรษฐกิจสังคมแบบบ้านเรา
วุฒิปวช.ปวส.ที่มีงานทำ เป็นลูกจ้างรายวันก็เยอะครับ วิจัยว่ามีงานแต่ไม่บอกว่างานอะไร
อ้าว เห็นมาพรีเซ้นที่โรงเรียนว่าจบมาแล้วมีงานทำแน่นอนตามสาขาที่เลือกไว้ ไม่ได้เป็นงี้เหรอคะ