"ศรัทธา-ปัญญา-นิพพาน" 5/10/62 เช้า
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 11 ต.ค. 2019
- บรรยาย ณ มูลนิธิมิตรภาพไทยริชโช กรุงเทพฯ 5/10/62 เช้า
เนื้อหาโดยย่อ :-
ศรัทธา: ศาสนบุคคล, ศาสนวัตถุ, ศาสนธรรม, ศาสนพิธี
ปัญญา: ปริยัติ, ปฏิบัติ, ปฏิเวธ
พุทธคุณ: ปัญญาธิคุณ, บริสุทธิคุณ, มหากรุณาธิคุณ
สันทิฏฐิโก = รู้ได้ด้วยตนเอง
สันทิฏฐิกนิพพาน = นิพพานอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง
เอหิภิกขุอุปสัมปทา = วิธีอุปสมบทที่พระพุทธเจ้าประทานด้วยพระองค์เอง ด้วยการเปล่งพระวาจาว่า “ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด”
ติสรณคมนูปสัมปทา = การอุปสมบทด้วยถึงไตรสรณะ เป็นวิธีที่ทรงอนุญาตให้พระสาวกทำในยุคต้นพุทธกาล
สังฆคุณ: คู่แห่งบุรุษ 4 คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ 8 บุรุษ ได้แก่ โสดาปัตติมรรค-โสดาปัตติผล; สกทาคามิมรรค-สกทาคามิผล; อนาคามิมรรค-อนาคามิผล; อรหัตตมรรค-อรหัตตผล
มรรค = ทาง ขณะปฏิบัติ เช่น โสดาปัตติมรรค เป็นการอยู่ระหว่างการเดินทาง(ฝึกฝนปฏิบัติ)ละสังโยชน์ 3 ได้แก่ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส เมื่อละสังโยชน์ 3 ได้สำเร็จจึงเป็นโสดาปัตติผล
จิต-เจตสิก-รูป ไม่ใช่นิพพาน แต่นิพพานรู้ได้ด้วยจิต
นิพพานไม่ใช่มรรค-ผล แต่มรรค-ผล เป็นหนทางนำไปสู่นิพพาน
นิโรธ(ดับทุกข์) = นิพพาน
ประเภทของนิโรธ: วิกขัมภนนิโรธ; ตทังคนิโรธ; สมุจเฉทนิโรธ; ปฏิปัสสัทธินิโรธ; นิสสรณนิโรธ
โพธิปักขิยธรรม 37 + วิปัสสนาภูมิหก 73 ได้แก่ ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจจ์ 4 และปฏิจจสมุปบาท 12 = หมวดธรรม (มรรค) ทั้งหมดในพุทธศาสนา (ย่ออยู่ใน"นะโมตัสสะ...") หากเชื่อมโยงเป็นจะเข้าใจและนิพพานได้ แต่เมื่อถึงนิพพานแล้วจะสลัดทิ้งทั้งหมด
มรรค เป็นการเดินทาง, ผล เป็นความสิ้นสุดแห่งการเดินทาง(แต่ไม่ใช่เป้าหมาย), นิพพาน เป็นเป้าหมาย มีอยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ (here and now) เสมอ
เมื่อมีผัสสะ ย่อมทำให้เกิดเวทนา (สุข-ทุกข์-อทุกขมสุข) การเสพเวทนาครั้งแรกหลังได้รับผัสสะจะยังไม่มีการปรุงแต่ง หากหยุดเวทนาได้ (ไม่ยินดียินร้าย) ก็ไม่มีทุกข์ หากหยุดเวทนาในขั้นตอนนี้ไม่ได้จะเกิดนันทิ (ความเพลิน) ราคะ (ความอยาก) ซึ่งมีการปรุงแต่งย่อมเป็นทุกข์ การที่มีการปรุงแต่ง(สังขาร)ก็เพราะอวิชชาครอบงำ
สัพเพ ธัมมา อนัตตา = ธรรมทั้งหลาย (ทั้งสังขารธรรม-อสังขตธรรม, โลกียธรรม-โลกุตตรธรรม) ไม่ใช่ตัวตน
สูตรต่าง ๆ เกี่ยวกับการตั้งคำถามแบบมิจฉาทิฏฐิ
ทิฏฐิ 62 อยู่ใน ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค พรหมชาลสูตร (ที.สี.๙/๒๖-๕๐/๑๑-๓๗) www.84000.org/tipitaka/read/?9...
กัจจานโคตตสูตร อยู่ใน สังยุตตนิกาย นิทานวรรค (สํ.นิ.๑๖/๔๒-๔๔/๑๖-๑๗) www.84000.org/tipitaka/read/?1...
อเจลกัสสปสูตร อยู่ใน สังยุตตนิกาย นิทานวรรค (สํ.นิ.๑๖/๔๗-๕๒/๑๘-๒๑) www.84000.org/tipitaka/read/?1...
ทางสายกลาง คือ แล้วแต่เหตุปัจจัย เหตุปัจจัยมีก็เกิด เหตุปัจจัยไม่มีก็ไม่เกิด
พระพุทธเจ้าจะไม่ตอบคำถาม หากคำถามคำตอบนั้น :-
1.ไม่เป็นประโยชน์
2.ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งการประพฤติพรหมจรรย์
3.ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย
4.ไม่เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
5.ไม่เป็นไปเพื่อความสงบระงับแห่งจิต
6.ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง
7.ไม่เป็นไปเพื่อความรู้แจ้ง
8.ไม่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน
อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์
กราบอนุโมทนาค่ะ
น้อมกราบอาจารย์ค่ะ
อยากให้ อ.ทวีศักดิ์ ไปเป็น ผอ.สํานักพุทธครับ ศาสนาพุทธในประเทศไทยจะมีแต่ความเจริญครับ
กราบอนุโมทนาบุญค่ะ, ที่เอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาให้ปฏิบัติ
..กราบท่านอจ.ทวีศักดิ์ ค่ะ
🙏🏽❤️
ชอบเข้ามาฟังอาจารย์บรรยายคะ
ขอบคุณมากค่ะ
สาธุค่ะอาจารย์🙏
สาธุอนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ
❤
กราบสาธุธรรมครับ
ดีมากครับบรรยายได้ถูกต้อง
สาธุๆๆ
Thanks Ajanh, you are really brave to teach the real Buddhism religion.
เรื่องพระพุทธรูปอุลตร้าแมน ชาวพุทธมองคนละด้าน พวกนึงบอกว่าพระพุทธรูปเราเคารพศรัทธาสักการะบูชาเป็นที่พึ่งทางใจ ดังนั้นห้ามใครตัดเศียรออกแล้วเอาหัวอะไรก็ได้มาใส่ ส่วนอีกพวกนึงมีความรู้ศึกษามาเยอะเข้าใจแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาก็บอกว่ามันแค่ก้อนดินพุทธองค์สอนว่าอย่ายึดติด สรุปคือมองรวมๆมันก็เชือกเส้นเดียวกันแค่มันอยู่คนละด้าน ศรัทธาอยู่เบื้องต้น จบท้ายด้วยปัญญา ถ้าไม่มีศรัทธาแล้วใครจะใส่บาตรใครจะทำบุญค่าน้ำค่าไฟซ่อมแซมวัด ถ้าขาดปัญญาแล้วใครจะเผยแพร่พุทธวน ต่างคนต่างทำหน้าที่อย่าตำหนิกันเลย (ที่คาใจคือชาวพุทธที่ตัดเศียรพระพุทธรูปได้นี่เค้ามีศรัทธาหรือมีปัญญา และเราไม่ควรขี้แนะอะไรเค้าเลยใช่ไม๊)
ยอมรับค่ะอาจารย์ไม่มีปัญญา
สาธุคะ
จงสดับจับฟังอย่างตั้งจิต
ตามจริตภูมิธรรมตามคำสอน
ธรรมะคือสัจจะธรรมมิอาวรณ์
ต่อกรกับสิ่งเร้าเบาปัญญา
#ธรรมคือทำมิใช่กรรมพิธี
พระพุทธเจ้าใช้เวลา กี่ร้อยชาติ กว่าจะรู้ และปรินิพพาน ดังนั้น มนุษย์ทั้งหลายก็เช่นกัน กว่าจะสำเร็จได้ ก็ต้องใช้เวลา บัวมีสามเหล่า มันไม่ใช่เป็นความผิดอะไร
ส่วนพระพุทธรูปอุลตร้าแมน ทำไมเราจึงต่อต้าน ก็เพราะนั่น พระพุทธเจ้าเป็นครูของเรา ถ้าไม่สมมุติว่านั่นเป็นพระพุทธเจ้า มันคงไม่มีใครว่า..(มันก็คงจะเหมือนคนเป็นอาจารย์แล้วไม่มีใครนับถือนั่นแหละ ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้า จะมีใครสามารถเอาคำพระพุทธเจ้ามาสอนได้)
การปลูกฝั่งปัญญา คนก็ต้องเข้าวัดก่อน ถ้าไม่เข้าวัด จะรู้ว่าอะไรควรศึกษา อะไรใช่ไม่ใช่ เข้าร้อยคน ได้ปัญญามาสักคน ก็ถือว่าสำเร็จ
แต่ที่ว่าหลงไปนั่นเพราะเขามีปัญญาแค่นั้น แต่สักวันเขาต้องรู้บ้าง จะสุดโต่งไปทางใด นั่นไม่ใช่ทางสายกลาง
ชอบคำตอบนี้มากค่ะ สาธุค่ะ
@@pitimonruangsukvichit2938 ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องสาธุก็ได้ ฉันก็พูดไปคามความเป็นจริง นั้นแหล่ะคะ (คือตามความรู้สึกหรือความเชื่อของฉัน)
@@uvfyvc3649 แต่ท่าคนที่เอามาสอน ทำเหตุให้มีแต่เพิ่มซึ่งล่ะเลย สิ่งเป็นที่ผล คนที่รับฟังแล้วไม่รู้อีกไม่ยิ่งเพิ่มไปใหญ่หรือครับ
ขอบคุณอาจ.มากกค่ะ ได้ความรู้มากกค่ะ สาธุค่าา
อนุโมทนาสาธุ
อาจารย์แตกฉาน จับต้องได้จริงๆครับ
เอางี้ครับ
4 - แรกคือเปลือกของพระพุทธศาสนา
3 - หลังคือแก่นของพระพุทธศาสนา
อาจารย์เฉียบจริงๆครับ ผมนับถือเลย
4 แรก คือ ฐานที่ทำให้ศาสนาสืบต่อไปสำหรับคนส่วนมาก
3 หลัง คือ ยอดศาสนาที่ไว้ให้คนไปถึง ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย
แต่ส่วนตัว ผมว่ามันคือ synergy สำหรับการสืบทอดศาสนาเลยครับ
ระวังจิตหลอนจิตได้.ในที่คุณไม่ได้ใชีชวิตที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเปนจริงที่ผ่านมา.. เพราะเราไม่รู้ความจริงได้ในสิ่งนั้นๆได้ เราได้สะสมความไม่รู้ความจริงได้มาเนินนานไหมละครับ.. มันต้องสติอย่างมากยิ่งในยุคสมัยที่เอื้อให้ทำความดได้ที่ไหนกันละครับ.. มันต้องเดินบนเส้นทางความเปนจริงเท่านั้นได้
สวัสดีค่ะอาจารย์.
สาธุๆๆ
การที่จะมีที่พึ่งทางใจ
ทำไมต้องไปคาที่รูปปั้น
ก็ระลึกผ่านทะลุรูปไปเลย
แต่ที่ไทยมีรูปปั้นเต็มไปหมดเพราะต้นคนไทยสอนเอาไว้ให้อีกแบบ
และพระศรีอริยเมตไตย
มาเกิดที่นี่ในชื่อมนขอมพิษณุ
ได้วางรากฐานศาสนาพุทธเอามาไว้ที่นี่ด้วยรูปปั้นและพิธีกรรมอย่างพวกพราหม์
ในเมืองไทย ดูอย่างเพศแม่ชี
ก็มีแค่ที่ไทยเท่านั้นเพราะหลวงปู่ปุณณะพระอรหันต์รูปแรกของไทยได้ทดลองให้ผู้หญิงสมัยนั้นถือศีลแค่ 8 ข้อ
และสามารถบรรลุธรรมได้
จึงถือกันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้เรื่องเมืองไทยมีมา
ยาวนานมากเกิดกัลป์ไทยก็เกิดพร้อมอินเดียมาตลอด
ส่วนคำสอนศาสนาพุทธอาจารย์สอนถูกต้องตามหลักและอธิบายให้เข้ากับวิทยาศาสตร์ปัจจุบันคนศึกษามานานๆจะฟังท่านเข้าใจง่ายๆ..
ศึกษา ศรัทธา จาคะ ศีล สมาธิ..
เป็นบันไดเป็นเรือให้เราข้าม
พอได้ปัญญา..หลุดพ้นก็ถีบส่งไปเลยไม่ยึดเอาไว้อีกจบ..
จิต เจตสิก รูป นิพพาน สาธุ
นิพพานเป็นอารมณ์ที่จิตรับรู้ เป็นประสบการณ์ และอาจถึงขั้นทรงอารมณ์ชนิดนี้ได้
จิตต้องมีสติ สมาธิ รับรู้กาย ใจ อย่างที่เขาเป็น จดจ่อต่อเนื่องจนเกิดปัญญา
วิปัสสนาญาณเกิดจนเต็มรอบ 3 อาการ 12
ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่านิพพานเป็นเรื่องไกลตัวอยากให้ทุกคนคิดว่าเราสามารถสัมผัสสภาวะนิพพานได้ถ้าเรายังชิวๆ ทำตามมรรค 8 all time ค่ะ😅😊
อธิบายเก่งเข้าใจง่ายสมกับเป็นสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าสาธุๆๆค่ะชอบๆๆๆ
1:27:07 มีผู้หญิงบอกว่า อย่าไปเชื่อๆ ถูกแล้วครับคุณต้องปฎิบัติเองรู้เอง ตามหลักของพระพุทธองค์
อะไรในตัววิญญาณ.ไปมองเอา.ความรู้สึกได้.ในที่มันไปเกาะติด..ยึดใงในตัววิญญาณมัน.. อามรณ์มันมาในที่มองไงคิดอะไรกับมันละครับ
ใช่ค่ะอาจารย์ต้องมีสติปัญญาเป็นศูนย์กลางของการวิเคราะห์จากความเป็นจริงของคนเองตามหลักสัจธรรมที่พระองค์ตรัสไว้
ผมพูดในส่วนตัวนะครับ.ถ้าจะให้กันจริงจากใจ.. จะเอาอะไรกัละครับ.ถ้าเราเต็มใจช่วย.. จะเอามันใช่ความจริงได้หรือครับ.. ในที่ดีจริง.. เราจะต้องไม่เอื้อ ไม่หวังในสิ่งที่เราทำใช่ไหมครับ.. ในที่จริงใจที่จะให้.. ผมคงไม่พูดงามเกินความเปนจริงได้นะครับ..
ปฏิบัติ คือการนั่งสมาธิ และดูจิตของเราว่าคิดอะไร คิดดีคิดไม่ดี เราก็ปล่อยมันใช่ไหม แต่บางทีเรานั่งสมาธิเราก็รู้ว่าจิตของเรากำลังไปคิดอย่างอื่นไม่อยู่กับตัว พอเรารู้มันจะหยุดคิด ทราบอยู่แค่นี้ค่ะ ขอผู้รู้แนะนำด้วย ส่วนตัวฟังหลายช่องสับสนค่ะว่สตกลงปฏิบัติแบบไหนจะหลุดพ้น
ขออนุญาตแนะนำ ให้ปฏิบัติโดยมีพระวิปัสสนาจาย คอยชี้ทาง โดยผ่านการสอบอารมณ์ทุกวัน(ยุคนี้ มีการสอนและสอบทางอินเตอร์เน็ต)
อาจารย์ได้เปิดอบรมไหมครับ
การพิสูจน์หรือพิจรณาในพระธรรม ถือว่าเป็นการปฎิบัติใช่มั๊ยครับ.
ขออธิบายอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องพิสูจน์หรือพิจารณานะครับ คือ มีการแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่
1.เหตุและผล คือ ใช้ระดับตรรกะ ระดับสมอง คิดพิจารณาแต่ยังไม่ลงมือปฏิบัติ
2.ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ทุกผัสสะควรต้องจบที่เวทนา ไ่ม่ปรุงแต่งไปถึงขั้นตัณหา(ซึ่งท้ายสุดคือทุกข์ในวงจรปฏิจจสมุปบาท) นี่เป็นการใช้การพิสูจน์หรือพิจารณาในการปฏิบัติจริง ระดับจิต
--แอดมินได้เรียนถามและโพสต์แทนอาจารย์ครับ