THECLIP รีวิว Honda City 1.0 TURBO RS - ลิตรเดียวเกินพอ ขอแค่เพิ่มอุปกรณ์ Safety

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 3 พ.ย. 2024
  • *เรียนผู้ชมทุกท่าน คลิปนี้ผมทำคนเดียว ตัดต่อเอง (ขอบคุณแอด Ken แห่ง Autostation เป็นตากล้องให้) ฝีมือตัวผมอาจจะยังไม่เข้าขั้น เพราะไม่เคยตัดต่อคลิปอะไรจริงจังมา 8-9 ปี คอมซื้อใหม่ด้วยเงินตัวเองเพื่อทำงานนี้ เรียนวิธีตัดต่อด้วยตัวเอง อาจจะยังมีจุดไม่เรียบร้อย ไม่ถูกใจ ก็ขอเวลาเรียนรู้นะครับจะพยายามทำให้ถูกใจเท่าที่เงินและอุปกรณ์อำนวยครับ*
    *ในคลิปมีคำหยาบบ้าง (มึง กู พยายามไม่หยาบแบบด่าโดยไม่จำเป็น) แต่จุดประสงค์หลักเพื่อให้ดูแล้วเป็นกันเอง เอาฮา ไม่ได้ต้องการด่าหรืออยากจะมาแนวเน้นหยาบคายเป็นหลัก คนที่เพิ่งติดตามอาจยังไม่ทราบ ขออนุญาต และขออภัยล่วงหน้า*
    อ่านรีวิวบนเว็บได้ที่นี่ครับสำหรับคนที่อยากได้ข้อมูลเป็นตัวอักษร
    www.headlightma...
    [บางส่วนจากสรุปในรีวิว]
    เครื่องยนต์แค่ 1.0 ลิตร พอมีเทอร์โบช่วยเรียกพลัง ผลลัพธ์ที่ได้คือพละกำลังที่เกินพอสำหรับคนส่วนมากที่ซื้อรถระดับนี้ใช้ ไม่ต้องไปโฟกัสที่ตัวเลข 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งไม่ได้ใช้อะไรบ่อยขนาดนั้น แต่ดูที่ความง่ายในการใช้งาน คุณขับ City 1.5 อย่างไร ก็จงขับ City 1.0 เทอร์โบแบบนั้น ช่วงรอบต่ำอาจจะมีอาการหน่วงพละกำลังบ้างแต่ไม่ถึงกับน่าอึดอัดใจ แค่กดคันเร่งลงไป ก็ได้ความแรงตามใจสั่ง ที่ชอบมากคือเวลาเดินทางต่างจังหวัด หรือวิ่งขึ้นเขา City 1.0 Turbo ทำอัตราเร่งในระดับที่เทียบเท่ารถขนาด C-Segment เครื่อง 1.8 ลิตรได้อย่างสบาย
    อย่างไรก็ตาม ช่วงล่าง และเบรกของ City ยังสู้ผู้นำของคลาสอย่าง Mazda 2 ไม่ได้ มันเป็นรถที่มีหัวใจพลังเหนือชั้น แต่องค์ประกอบอื่นๆ ทำมาเหมือนเอาใจลูกค้าธรรมดาสายสันติธรรม คุณได้ความนุ่มสบาย แม่ยายชื่นชม หรือวิ่งทางไกลตรงๆ 120-130 ก็ยังรู้สึกดี แต่..ถ้าคิดจะขับเร็ว สมาธิต้องดี และห้ามประมาท การขับแบบตวัดพวงมาลัยเร็ว หรือมุดแบบไม่ระวัง ช่วงล่างจะออกอาการยวบ ให้เห็น และระบบช่วยเหลือต่างๆ ก็ไม่ได้ทำงานเร็วหรือฉลาดแบบของ Mazda 2 ซึ่งขานั้น ผมสามารถอัดรถเดิมเล่นบนสนามแข่งบุรีรัมย์แล้วรู้สึกมั่นใจ กล้าใส่เต็ม จัดยาวต่อเนื่องได้นานกว่าเบรกจะออกอาการ ช่วงล่างเอาอยู่ทุกโค้ง
    แต่มองในโลกแห่งความจริง City เป็นรถที่ให้สิ่งต่างๆเริ่มต้นมาดี การปรับช่วงล่างหรือเบรก ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะในอนาคต ของแต่งดีๆมีให้คุณเลือกแน่ ..เพราะความ Hondaness ของมันที่ออกมากี่รุ่น วัยรุ่นก็ชอบ อะไรที่วัยรุ่นชอบ ผู้ค้าของแต่งยินดีทำมาขายอยู่แล้ว
    สำหรับคนที่เป็นวัยดึก หรือคนทั่วไปที่คิดจะซื้อ City ใหม่มาใช้ คุณได้รถที่มีพละกำลังสำรองสำหรับการใช้งาน ดีกว่ารุ่น 1.5 ลิตรเดิม ได้ภายในที่จัดพื้นที่ลงตัว กว้างขวางนั่งสบาย ภายในอาจจะไม่หวือหวา ไม่ดูไฮคลาสแบบ Mazda แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง จัดวางมาในลักษณะที่คุณจะใช้เวลาไม่นานในการสอนคุณพ่อวัย 75 ปีของคุณในการเรียนรู้การทำงานของปุ่มต่างๆ มันมีความ User Friendly ในแบบที่เราหลงรักจากยุค 90s อยู่เต็มขั้น บาลานซ์องค์ประกอบทุกอย่างมาอยู่ในระดับกลางถึงดี ไม่อินดี้ ไม่แหวกแนว เปรียบเสมือนข้าวไข่เจียว ที่ธรรมดาเหลือเกิน ไปนั่งร้านไหนใครสั่งก็โดนเพื่อนด่า แต่ท้ายสุดก็มาตักไข่แย่งเรากินทุกครั้งไป
    และในเคสของ City คุณมีเครื่องยนต์นี่ล่ะ ที่ทำตัวเหมือนซอสพริกศรีราชาวางอยู่ข้างๆ อยากเติมความเผ็ดเมื่อไหร่ ก็แค่บีบ…
    จุดที่ Honda ยังสามารถพัฒนา City รุ่นนี้ต่อ เพื่อให้ครองหัวใจผู้ใช้รถได้มากขึ้น น่าจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์ความปลอดภัยในเชิงป้องกัน ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว อย่างดีก็เทียบได้แค่ Toyota Yaris ATIV แล้วถ้าคุณไปดู Nissan Almera คุณจะพบว่า รถของ Nissan ราคาถูกกว่ากันอยู่แสนบาท แต่ให้กล้องรอบคัน ให้ระบบเตือนชนรถคันหน้าพร้อมระบบเบรกอัตโนมัติ ให้ระบบเตือนรถในจุดบอดกระจกมองข้าง ซึ่งของพวกนี้ สำหรับบางคนที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องความแรง อาจมีค่าสำหรับพวกเขามากกว่าม้าในเครื่อง
    ยางติดรถ ถ้าปรับสเป็คได้ก็อยากให้ปรับครับ เพราะ Yokohama BlueEarh A ที่ติดรถรุ่นนี้มา เข้าโค้งนิดเดียวก็ร้องแล้ว แต่ถ้าปรับเปลี่ยนสเป็คยางแล้วจะทำให้ค่า CO2 พุ่งเกิน 100 กรัม/กิโลเมตร หมดสิทธิ์รับภาษีอีโคคาร์ แบบนั้นก็ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพวกเราไปหาเปลี่ยนกันเองได้
    ในราคา 739,000 บาท นี้ สิ่งที่ผมหวังได้ และไม่น่ากระทบกับเรื่องอื่นมาก ก็คงจะเป็นระบบอย่าง Honda LaneWatch ซึ่งฉายภาพมุมอับกระจกมองข้างด้านซ้ายมาขึ้นที่เครื่องเสียงได้ (Honda ใช้ระบบนี้ และไม่มีระบบ Blind Spot Warning..มันก็ต้องมาอีท่านี้แหละ) และพยายามหาทางทำระบบ Honda SENSING เวอร์ชั่น Minimalist ไม่ต้องมีระบบ Radar Cruise Control หรือระบบ Lane Keeping ก็ได้ แต่ขอให้มีระบบเตือนก่อนชนคันหน้าที่ความเร็วต่ำ และเบรกอัตโนมัติ แค่นี้ ผมว่ามันจะป้องกันอุบัติเหตุไปได้เยอะ สมัยนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกค้าจะวัยดึกวัยรุ่น ก็ชอบเล่นมือถือระหว่างขับรถ มีอุปกรณ์แบบนี้ไว้ จะช่วยป้องกันความซวยไปเกิดกับคนอื่นได้
    เรายังไม่ทราบว่า Honda City ใหม่จะมีความทนทาน หรือจุกจิก มี Defect มากน้อยแค่ไหน เพราะรถส่งมอบไปแค่ไม่กี่พันคัน เพิ่งจำหน่ายมาได้ไม่นาน แต่ผมหวังว่าสิ่งต่างๆที่เป็นเหมือนเชื้อร้ายทำลายชื่อเสียงของ Honda ในด้านคุณภาพการประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนิม ซึ่งเจอมาแล้วหลายรุ่น จะไม่มีในรถรุ่นใหม่ เพราะปัญหามันเห็นมาตั้งแต่รถปี 2012 และยังมีอยู่ในรถใหม่หลายรุ่นในปัจจุบัน มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดกับรถใหม่

ความคิดเห็น •