ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะว่าธรรมะส่วนนี้ ประกอบ อยู่ด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นแห่งพรหมจรรย์ เป็นไป เพื่อความหน่าย เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อ ความดับ เป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เป็นไป เพื่อความรู้พร้อม เป็นไปเพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้นแล เราจึงนำมากล่าวสอน.
ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมะที่เรากล่าวสอน คือข้อที่ ว่า ความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ เหตุเป็นที่เกิดของความทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ ความดับสนิทของความทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ ข้อปฎิบัติเพื่อถึงความดับสนิทของความทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ.
จิตที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบ ย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่าเธอย่อม บรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า ที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ.
เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่ง ธรรม ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด เมื่อใจปีติ กายย่อมรำงับ ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น.
ก็สมัยนั้นการทรงจำ การสอน การบอกมนต์ ถูก สมมติว่าเลว มาในบัดนี้ สมมติกันว่าประเสริฐ ด้วยเหตุ ดังที่กล่าวมานี้ การเกิดขึ้นแห่งพวกพราหมณ์นั้นจึงมีขึ้นได้... .
อานนท์ ! เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย จงเรียกร้องหาตถาคตเพื่อความเป็นมิตรเถิด อย่าเรียก ร้องเพื่อความเป็นศัตรูเลย ข้อนั้นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่พวกเธอทั้งหลายเองตลอดกาลนาน.
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ ให้มีคนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็นมรรคที่กล่าว กันแล้ว ตถาคตเป็นผู้รู้มรรค (มคฺคญฺญู) เป็นผู้รู้แจ้งมรรค (มคฺควิทู) เป็นผู้ฉลาดในมรรค (มคฺคโกวิโท).
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้ เป็น ผู้เดินตามมรรค (มคฺคานุคา) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง. ภิกษุทั้งหลาย! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้ แตกต่างกัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ กับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตติ.
อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธออย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่. อานนท์ ! เราจักขนาบแล้วขนาบอีก ไม่มีหยุด. อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้วชี้โทษอีก ไม่มีหยุด ผู้ใด มีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะว่าธรรมะส่วนนี้ ประกอบ อยู่ด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นแห่งพรหมจรรย์ เป็นไป เพื่อความหน่าย เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อ ความดับ เป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เป็นไป เพื่อความรู้พร้อม เป็นไปเพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้นแล เราจึงนำมากล่าวสอน.
ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมะที่เรากล่าวสอน คือข้อที่ ว่า ความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ เหตุเป็นที่เกิดของความทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ ความดับสนิทของความทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ ข้อปฎิบัติเพื่อถึงความดับสนิทของความทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ.
จิตที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบ ย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่าเธอย่อม บรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า ที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ.
เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่ง ธรรม ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด เมื่อใจปีติ กายย่อมรำงับ ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น.
ก็สมัยนั้นการทรงจำ การสอน การบอกมนต์ ถูก สมมติว่าเลว มาในบัดนี้ สมมติกันว่าประเสริฐ ด้วยเหตุ ดังที่กล่าวมานี้ การเกิดขึ้นแห่งพวกพราหมณ์นั้นจึงมีขึ้นได้... .
อานนท์ ! เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย จงเรียกร้องหาตถาคตเพื่อความเป็นมิตรเถิด อย่าเรียก ร้องเพื่อความเป็นศัตรูเลย ข้อนั้นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่พวกเธอทั้งหลายเองตลอดกาลนาน.
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ ให้มีคนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็นมรรคที่กล่าว กันแล้ว ตถาคตเป็นผู้รู้มรรค (มคฺคญฺญู) เป็นผู้รู้แจ้งมรรค (มคฺควิทู) เป็นผู้ฉลาดในมรรค (มคฺคโกวิโท).
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้ เป็น ผู้เดินตามมรรค (มคฺคานุคา) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง. ภิกษุทั้งหลาย! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้ แตกต่างกัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ กับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตติ.
อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธออย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่. อานนท์ ! เราจักขนาบแล้วขนาบอีก ไม่มีหยุด. อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้วชี้โทษอีก ไม่มีหยุด ผู้ใด มีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้.