พระจำพรรษา1รูป รับกฐินได้
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 4 ก.ย. 2018
- ตอบปัญหาคาใจในโครงการพุทธธรรมนำสุข
โดย พระครูบูรพาธรรมบัณฑิต
พระมหาสุพล สุจิณโณ
ในวันที่ 3 กันยายน 2561
ณ วัดหนองโมงบูรพาราม ต.รอบเมือง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด
**"* หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
ความเป็นกฐิน
• ความเป็นกฐิน
กระดูกผู้ตายหาย! ทำบุญให้จะได้รับไหม
• กระดูกผู้ตายหาย! ทำบุญ...
เบิกบุญเก่าอุทิศให้ญาติได้ไหม
• เบิกบุญเก่าอุทิศให้ญาต... - แนวปฏิบัติและการใช้ชีวิต
ตามหลักพระธรรมวินัยแล้ว วัดหรือภิกษุรูปใดจะรับกฐิน วัดนั้นจะต้องมีพระจำพรรษาครบถ้วนไตรมาส3เดือนโดยไม่ชาด และ ต้องมี5รูปขึ้นไปถึงจะรับได้ และ ได้อนิสงส์บุญกฐินแบบเต็มๆเลย แต่ถ้าวัดไหนมีไม่ถึง5รูปถือว่าเป็นกฐินเดาะ อนิสงส์บุญขาดได้ไม่เต็มสมบูรณ์ตามที่พระวินัยพุทธานุญาติที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้
น้อมกราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยความเคารพนอบน้อม เจ้าค่ะ ประมาณ
2 -3 ผ่านมา โยมได้ดูยูทูบฯของวัดนาปาพง ได้ฟังหนึ่งรอบ ยังไม่ได้ทบทวนอีก ก็กล่าวแบบท่านพระอาจารย์เจ้าค่ะ
บังเอิญ 🙏🙏🙏 โยมและเพื่อนๆๆ กำลังถกปัญหาเรื่องนี้อยู่ และเข้ามาค้นเห็นในยูทูบ พุทธมรดก ซึ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย ให้มาพบกำลังถกกะปัญหาธรรมะเรื่องนี้พอดี 🙏🙏🙏 สาธุๆๆ กราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ทั้งาองรูปที่เป็นองค์ ถาม ตอบ ด้วยความเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ.
อ่านๆซะ
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าผ้านั้นไม่ได้จัดเป็นผ้ากฐินแล้ว พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : จากข้อความในอรรถกถา ท่านอธิบายว่า ถ้ากรานกฐินได้อานิสงส์ ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐินได้อานิสงส์ ๑ เดือน แล้วถ้าผ้านั้นไม่ใช่ผ้ากฐินแล้วจะกรานกฐินได้ยังไงเล่า?
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม (หลักฐานเรื่องจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้นี้ จริงๆ มีมาก แต่หากนำมากล่าวไว้ทั้งหมด ก็จะยาวเกินไป ทั้งเห็นว่า หลักฐานที่ยกมานี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว)
อนุโมทนาด้วยครับ
ถูกต้องครับพระรูปเดียวรับกระถินได้ครับแต่เวลาเข้าไปไนโบสนิมนพระมาได้ครับ หลวงพ่อเข้าไจจริงอนุโมทนาครับ
ตอบดีมากท่าน ญัตติเป็นพระในพรรษาได้ด้วย เอาสิ นิมนต์จากทางอื่นมาให้ครบก็ได้ แหม สุดยอดไปเลยท่าน เยี่ยมไปเลย เป็นบุญยิ่งนัก ที่ได้รับข้อมูลที่แปลกใหม่จากที่เคยได้ยินพ่อแม่ครูบาอาจารย์สอนมา ยอดไปเลย ขออย่างเดียว ตอบคำถามนี้ตรงนี้ที่เดียวนะท่าน อย่าไปตอบแบบนี้ที่ไหนอีก ให้ที่อื่นเขาเชื่อแบบเดิมดีแล้วนะ กราบล่ะ สาธุ
ผมไม่ทราบว่าพระในคลิปท่านเป็นใคร แต่ท่านพูดถูกนะ
เพราะกฐินแยกเป็น 2 ตอน
1,การรับ คือภิกษุที่อยู่จำพรรษาในอาวาสตลอดถ้วนไตรมาสเท่านั้น (กี่รูปไม่เป็นประมาณ)
2, คือการกราน ซึ่งต้องประกอบพร้อมด้วยองค์3 คืออยู่จำพรรษาถ้วนไตรมาส ในอาวาสเดียวกัน และมีภิกษุครบหมู่ห้า จึงจะทำสังฆกรรมได้
สรุปคือ รับได้ แต่ไม่ได้อานิสงส์กฐิน เพราะกรานกฐินไม่ได้ (นี่เป็นส่วนเฉพาะของภิกษุ เพราะเกี่ยวเนื่องกับอานิสงส์ที่จะยืดเวลาออกไป)
แต่ส่วนของผู้ถวายๆแล้วก็คือเสร็จ ได้อานิสงส์ตั้งแต่พระท่านรับ ก็ยังได้ชื่อว่าได้ทำบุญทอดกฐินครับ
การทอดกฐิน ก็ไม่ต่างอะไรกับการถวายสังฆทาน เพียงแต่พระผู้รับต้องเป็นผู้อยู่จำพรรษาครบสามเดือนในที่นั้นเท่านั้น..
ส่วนพระรับแล้วจะกรานได้หรือไม่ได้ อันนี้ไม่เกี่ยวกับผู้ถวาย ไม่เกี่ยวกันกับการรับ
ภิกษุแม้เพียงรูปเดียวจึงรับกฐินได้
แต่ท่านจะได้อานิสงส์กฐินหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง..
มีมาในพระไตรปิฎกครับ
พระไตรปิฎกมีกันทุกวัด ฉบับภาษาไทยมี๔๕เล่มฉบับมหาจุฬาฯหรือจะชอบฉบับของมหามกุฏราชวิทยาลัยก็มีหาอ่านกันได้เป็นความรู้ เราชาวพุทธจะได้มีความรู้ ไม่โดนพระหลอกเอาเงินทุกวันนี้เรื่องกฐินเน้นที่จำนวนเงินกันได้มากได้น้อยคุยกันที่เงิน จริงๆเรื่องกฐินมันเป็นเรื่องของผ้าซึ่งเป็นคหบดีจีวรเป็นผ้านอกครองหรือผ้าไตรกรานกฐินแล้วใช้ได้แค่๔เดือน ต้นบัญญัติเรื่องกฐินก็นางวิสาขาเป็นผู้ทอดถวายคนแรกในพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณะโคดม
ทุกวันนี้.. กฐิน.คือเงิน.ใจลึกๆคือเงินทอง
นางวิสาขาถวายคนแรก จริงหรือ??
ขอที่มาด้วยครับ
นางวิสาขาถวายผ้าอาบน้ำฝนไม่ได้ถวายกฐินนะ😊
ท่านชื่อ พระมหาสุพล สุจิณโณ อาจารย์สอนพระวินัยและอภิธรรม
*คลิปวินิจฉัยพร้อมหลักฐาน* ปี 63
th-cam.com/video/sPUctoCAHFw/w-d-xo.html
สอนวินัยปี 64
th-cam.com/video/1giav2Dsoi8/w-d-xo.html
แรกๆโอเครอยู่ แต่หลังจากนาทีที่ 7 ไป อิหยังว่ะ ครั้งพุทธกาลมี จ.อ.,จ.จ.,พระครู เจ้าคุณ มีสมเด็จด้วยหรือ ยกตัวอย่างได้ชวนมึนแท้
ปัจจุบันกฐินไม่ได้จำเป็นอะไรเลยสำหรับภิกษุ เพราะผ้ามันเฝ้อ จุดประสงค์ของกฐินคือ ให้ภิกษุเปลี่ยนผ้า
เพราะแต่ก่อนผ้าหายาก มาดูปัจจุบันผ้าหายากหรือง่าย?
แต่ทุกวันนี้ไม่ได้หาผ้าละ น่าจะหาเงินอย่างเดียวเอาไปพัฒนาวัดแข่งกัน ฝากไว้ให้คิด.
บางรูปยังอยากได้ผ้าอยู่นะ
สรุปง่ายๆ คือวัดมีพระจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้ แต่ต้องนิมนต์พระที่สวดกรานกฐินได้ มาจากวัดอื่นอีก4รูป เพื่อทำพิธีให่ถูกต้อง และปัจจุบันพระระดับ4 รูป
คงต้องใส่ซององค์ล่ะพัน พระ1รูป เลยไม่อยากรับจองกฐิน
ด้วยไม่แน่ใจว่าจะได้บริวารกฐิน
มากน้อย ถวายผ้ากฐินคือผ้า
ผลพลอยได้คือบริวารหรือเงิน
คงไม่น่าจะใช่ ครับที่ประสงค์ปัจจัย คือ ท่านกลัวว่าวันทอดกฐิน จะนิมนต์พระมาสวด ไม่ได้ต่างหาก เพราะหลังออกพรรษาบางวัดอาจจะมีพระไม่กี่รูป หากทอดฯ ตรงกัน จะทำอย่างไร วัดที่ตนจำพรรษา กับวัดที่รับกิจนิมนต์ทำพร้อมกัน
ต้องทำความเข้าใจที่มาของการกำเนิดกฐินก่อน เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ก็จะเข้าใจ ผ้าป่า มีก่อนผ้ากฐิน ผ้าป่าคือผ้าที่เก็บตกเศษเล็กเศษน้อย พอนุ่งห่มได้ก็เอามาซักตัดเย็บย้อม ตามผ้าที่จะเปลี่ยนนั้น กาลภายหลังมีคนศรัทธาศาสนาพุทธมาก ไม่อยากให้พระเก็บเศษผ้ากว่าจะได้ครบตามต้องการดูลำบาก เลยถวายผ้าผืนใหญ่สามารถตัดเย็บย้อมครบผ้าไตรพระพุทธองค์ทรงอนุญาติ จุดประสงค์คือต้องการให้พระมีเครื่องนุ่งห่มไม่ต้องลำบากในการหาผ้า และให้พระเปลี่ยนนุ่งห่มรูปเดียว ถ้าอารามใดมีพระหลายรูปเลือกพระที่ผ้านุ่งห่มชำรุดมากกว่าเป็นผู้รับ ฉะนั้นรูปเดียวรับได้ ตัวอย่างหากมีพระรูปเดียว หาพระที่ไหนในโลกไม่มีจะทำยังไง และศรัทธาที่มีก็จะเสื่อมถ้าไม่รับ แต่เมื่อมีพระมากพระอยู่อาวาสอื่นรูปเดียวรับได้แต่ต้องผ่านสงฆ์คือต้องนิมนต์จากพระวัดอื่นมาร่วมพิธีกรรมให้ครบสงฆ์
ท่านที่อ้างวินัยมุขซึ่งอนุกีฎาอันจะขัดแย้งจากพระไตรปิฎกไม่ได้ ผมเห็นว่าคำกล่าวของพระอาจารย์อ้างมีที่มาชัดเจนดี แต่ผู้เห็นแย้งไม่มีใครยกข้อความในพระไตรปิฎกมาแย้งได้เลย มีความรู้สึกล้วนๆจึงได้แต่ถอนหายใจกับชาวพุทธในเมืองไทยที่เลือกที่จะเชื่อตามครูมากกว่าค้นหาความจริง
จะเชื่อครูบาอาจารย์หรือจะเชื่อธรรมวินัยพระพุทธเจ้า
พระท่านพูดถูกแล้ว แต่พระบางพวก โยมบางพวกศึกษามาไม่ดีก็เลยแย้งท่าน แต่ถ้าใครมาแย้งท่านเท่ากับแย้งคำของพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยตรง มีวาทะเป็นข้าศึกต่อพระพุทธเจ้าต้องไปตั้งอยู่ในนรกตลอด 1 กัปป์ ไม่อยากพูดมากเจ็บคอ
เอ้งไปอ่านพระไตรปิฏกเสียบ้าง อย่าเอาแต่เชื่ออย่างคนไร้ปัญญา
เอ้งศึกษามาดีแล้ว ชาติโง่
@ศิวารักษ์ ภาคภากรณ์ ดูใต้คลิปจะได้ไม่โง่ครับ
กราบ.ๆๆๆ.สาธุ.ๆๆ.เจ้าค่ะ
ไม่รู้อย่าสอนผิดๆครับ ไม่แน่นก็ไปศึกษาดีๆ ครับ รับได้ แต่ไม่ได้อานิสงส์กฐินครับ รับผ้าไตรกลายเป็นผ้าไตรจีวรธรรมดา แต่ไม่ใช่ผ้ากฐิน เขาเรียกว่ากฐินเดาะ เนื่องด้วยต้องมีพระภิกษุสงฆ์ ต้องจำพรรษาอย่างน้อย 5 รูป แล้วในสมัยนั้น 4รูปภายใน5รูปนี่ เรยีกว่าองค์สงฆ์ ได้ ตกลงพร้อมใจกัน จะทำผ้ามาถวายแก่รูปนึง จึงนำผ้า มาถัก มาร้อย แล้วนำมาถวายให้แก่พระรูปนี้ ซึ่งสมัยนี้ญาติโยมชาวบ้านจะเป็นเจ้าภาพนำมาถวาย ก็ให้คิดซะว่า ญาติโยม ก็คือส่วนหนึ่งของพระ4รูป นำผ้าไตรจีวรในวันที่รับกฐินมาถวายแก่พระสงฆ์ แล้วพระสงฆ์รับ แล้วพระสงฆ์5รูป พร้อมใจจะถวายให้แก่รูปใดรูปหนึ่ง (ที่ว่าต้องมีพระจำพรรษาอย่างน้อย5รูปคือต้องจำพรรษาวัดนั้นด้วย เพื่อจะได้สอดส่องดูแลว่าใครเป็นผู้สมควร จะให้พระวัดอื่นมาอปโลกน์ก็ไม่ได้ครับ เพราะไม่ได้อาศัยอยุ่ร่วมกันตลอด3เดือน หรือตลอดพรรษาด้วยกัน) แล้วในคำอปโลกน์รูปที่ก็ได้บอกว่า และ มีคำพระอรรถกถาจารย์ผู้รู้พระบรมพุทธาธิบายสังวรรณนาไว้ว่า ภิกษุรูปใดประกอบด้วยศีลสุตาธิคุณ มีสติปัญญาสามารถ รู้ธรรม 8 ประการ มีบุรพกิจเป็นต้น ภิกษุรูปนั้นจึงสมควรเพื่อจะทำซึ่งกฐินนัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาตได้ ใช่ว่าใครก็สามรถรับได้ บางวัดเอาพระใหม่มารับ แต่ไม่มีคุณสมบัติ เมื่อพระผู้ใหญ่ รับผ้ากฐิน ถ้าท่านมีเมตตา จะสละผ้าไตรที่ตนครองก่อนหน้านั้น ให้พระที่มีพรรษาลงมาตามลำดับ สรุปคือ ต้องพระภิกษุ๕ รูปขึ้นไป พร้อมใจกันตกลงว่าจะมอบให้แกพระภิกษุรูปนี้ จึงนำมามอบถวาย ส่วนโยมก็แค่ถวายให้แค่สงฆ์เฉยๆ สงฆ์ต่างหากที่พิจารณาว่าใครสมควรได้รับ / ถ้าครบองค์ถูกต้องหมด อานิสงฆ์ก็จะได้รับ ทุกขั้นตอนครับ แม่แต่โยม จนไปถึงพระสงฆ์ 4รูป แล้วตลอดถึงภิกษุผู้ครองผ้ากฐิน
เห็นมีคนถามเยอะมากทำนองว่า พระไปเอามาจากไหน มีที่มาจากหนังสือเล่มไหน หน้าไหน ?
ก่อนที่จะตั้งคำถามนี้ ท่านทั้งหลายอ่านจบหรือยัง ถ้ายังอ่านไม่จบ กลับไปอ่านให้ดีก่อน ค่อยมาถามก็ยังไม่สาย
เจ้าของคลิปท่านลองที่มาของหนังสือ บอกหน้าชัดเจนแล้ว
ถ้าท่านยังสงสัยอยู่ ก็ควรตามไปเปิดดูในพระวินัยปิฎก ตามเลขหน้าที่เจ้าของคลิปบอกเอาไว้
พอจ.ท่านอ้างหลักฐานอรรถกถาและพระไตรปิฏก มีคนบอกว่ามั่ว แต่กลับยกเอา หนังสือนักธรรมมาอ้าง ... คุณรู้จักลำดับการศึกษาคัมภีร์มั้ยครับ
ผู้ไม่รู้ศาสนา ใจผู้นั้นจะคิดมุ่งไปว่า "กฐิน=เงิน=การหาเงิน"
ผู้รู้ศาสนา มุ่งคิดไปว่า "กฐิน=ผ้า"
🤗พระจำพรรษารูปเดียว ก็รับกฐินได้
😡เป็นพระอยากได้อยากมี ขี้โลภขนาดนั้นเลยรึ ต้องจำพรรษา 5 รูปขึ้นไป จึงรับกฐินได้
🤗ถ้าคิดว่าพระจะขี้โลภอยากได้เงินทองมากมาย ก็เอากฐิน ที่มี #เฉพาะผ้า ไปถวายท่านสิครับ ท่านจะรับหรือไม่รับล่ะ ท่านจะมีหน้ายิ้มแย้มหรือบูดบึ้ง
🤔ถ้าเข้าใจตรงๆว่าพระ 1 รูปจำพรรษาทอดกฐินได้ ชาวพุทธก็ได้โอกาสทำบุญ+พระที่จำพรรษาท่านก็ได้อานิสงส์กฐิน 5 ประการด้วย.... แต่ถ้าเข้าใจผิดว่า ต้อง 5 รูปขึ้นไป จึงทอดกฐินได้ วัดที่มีพระจำพรรษา 1-4 รูป พระก็เสียโอกาสได้อานิสงส์กฐิน ชาวบ้านก็เสียโอกาสทำบุญกฐิน วัดที่มีพระจำพรรษา 5 รูปขึ้นไป ตามชนบทหาได้ยากมาก
😡 1 รูป ไม่ถึง 5 รูป จำนวนไม่ครบสงฆ์ ไม่สามารถเป็นกฐินได้หรอก
🤗 ประเด็นจำพรรษา1-2-3-4 รูป กับประเด็นการครบสงฆ์ มันคนละวาระ จะจำพรรษากี่รูปก็รับได้ นี้ประเด็นหนึ่ง
แต่หากจะทำสังฆกรรม เพื่อสวดญัตติ มอบผ้ากฐินที่คฤหัสถ์ #ถวายแก่สงฆ์ ให้แก่พระรูปใดรูปหนึ่ง ต้องมีองค์ประชุม 5 รูปขึ้นไป ถ้าจำพรรษา 1 รูป ก็ถือผ้าไปหาพระวัดอื่นหรือนิมนต์พระวัดอื่นมาให้ครบ 5 รูป เพื่อสวดญัตติ สงฆ์มอบผ้าให้แก่พระที่จำพรรษาในวัดนั้นๆ ตามขั้นตอนเงื่อนไขการทำสังฆกรรม นี้อีกประเด็นหนึ่ง
ลิ้งค์วีดีโอการบรรยายเรื่อง #กฐิน
th-cam.com/video/gjqzAQ1TFRU/w-d-xo.html
th-cam.com/video/ULN7St2IqDE/w-d-xo.html
fb.watch/8VQzCDzPPt/
fb.watch/8VQyCf0NFt/
facebook.com/PhraSupol.Sujinno/videos/190667199222050/
facebook.com/PhraSupol.Sujinno/videos/191094899179280/
facebook.com/PhraSupol.Sujinno/videos/191156332506470/
fb.watch/8VQyCf0NFt/
fb.watch/8VQzCDzPPt/
วัดใดจัดทอดกฐินขึ้นเอง เขาเรียก "กฐินเดาะ" ได้บุญครึ่งเดียว เดี๋ยวนี้ทางวัดกำหนดจัดทอดกฐินขึ้นเองทั้งนั้นทั้งวัดบ้านวัดป่า เพราะต้องการเงินมาก ๆ สมัยโบราณ ทางวัดต้องอยู่เฉย ๆ ผู้ใดมีศรัทธาอยากได้บุญก็จะส่งแมวมองไปถามไถ่เจ้าอาวาสว่ามีคนจองกฐินหรือยัง พอได้คำตอบว่า "ยัง" เขาก็แอบไปจองกฐิน โดยนำหนังสือประกาศว่า ข้าพเจ้านาย.....อยู่บ้านเลขที่...บ้าน...หมู่ที่...ตำบล...อำเภอ...จังหวัด...ขอจองกฐินวัด...จะทำการทอดวันที่...ขึ้น/แรม... เดือน...ปี...เขาเขียนอย่างละเอียดแล้วนำไปปิดประกาศไว้หน้าประตูวัด ในที่มองเห็นง่าย เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นมาจองกฐินทับซ้อนกัน โดยที่เจ้าอาวาสก็ไม่รู้ตัวว่ามีคนมาจองกฐินแล้ว พอพระเณรออกบิณฑบาตรกลับมาเห็นประกาศจองกฐินก็จะไปกราบนมัสการให้เจ้าอาวาสทราบ เมื่อทางวัดรู้ฐานะผู้จองกฐินแล้วบางทีก็ดีใจเพราะผู้จองกฐินมีฐานะดีทางวัดจะได้ข้าวของเครื่องใช้ปัจจัยเงินทองมากด้วยขาดแคลนมานาน แต่ถ้าผู้จองกฐินมีฐานะยากจน ทางวัดก็ต้องจำยอมให้ผ่านไปปีหนึ่ง ปีหน้าผู้จองกฐินมีฐานะรวยหรือจนก็อยู่ที่บุญกรรมของวัดนั้น ๆ จะปฏิเสธขับไล่เขาก็ไม่ได้ ปัจจุบันนี้ทอดกฐินกันเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันล้าน เพราะทางวัดเป็นผู้กำหนดจัดการควบคุมเองทั้งสิ้น อานิสงค์จึงไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
ไม่มีหลอกครับแบบนั้น อาจเป็นทายกจองก็ได้หรือภิกษุวัดอื่นจองเป็นปฐมบทก็ได้ แล้วเปิดเป็นสามัคคี
รับกระฐินใด้..เเต่อานิสงฆ์กระฐินไม่ใด้..ถ้าอยากใด้อานิสงฆ์..พระต้องจำพรรษาครบ5รูปตามพระธรรมวินัย.
อานิสงส์ของกระฐินคืออะไรครับ ที่คุณบอกว่าถ้าอยากได้อานิสงส์ต้องพระจำพรรษา5รูปหมายเอาผู้ถวายหรือผู้รับ
เดียวดาย naja อย่าพูดสั้นๆแค่นี้สิ...ต้องพูดให้จบสิ....(ว่าถ้าพระจำพรรษารูปเดียว พระรูปนั้นได้อานิสงส์รูปเดียว อีก4รูปที่นิมนต์มาจากที่อื่นไม่ได้อานิสงส์ ได้แต่บุญที่มาอนุเคราะห์สวดสังฆกรรมให้ผ้ากฐิน...,และถ้าจำพรรษา2,3,4 จะได้อานิสงส์แค่2,3,4รูปเท่านั้น ส่วนพระที่นิมนต์มาจากที่อื่น ไม่ได้อานิสงส์กฐิน5ข้อ แต่ได้บุญเต็มๆครับ....ส่วนญาติโยมจะถวายกี่ครั้ง ก็ไม่เรียกว่าได้อานิสงส์แห่งกฐิน5ข้อเหมือนพระ แต่ได้อานิสงส์แห่งกฐินทานเต็มๆ100%ครับผม)
@@supanutmanit8515 ทั้งสองคือผู้รับและผู้ให้
@@sujinnodee9536 สาธุถูกต้อง
พูดบิดเบือน
สาธุครับ
พระทั้งสองท่านนั้นต้องไปเรียนใหม่ค้นคว้าใหม่พระวินัยขันท์ อีกพวกท่านตอบที่ปลายเหตุ พระต้องจำพรรษาให้ครบห้ารูปขึ้นไป จึงจองกระฐิน หรือทอดกระฐินได้ ถ้าพระจำพรรษาไม่ถึงห้ารูปขึ้นจะบาปทั้งผู้จแงแบะพระผู้รัยด้วย
แม้จำพรรษารูปเดียวก็รับได้ แต่เวลารับให้ไปนิมนต์พระวัดอื่นมาร่วมรับให้ครบ 5 รูป
สาธุๆๆๆค่ะ
ถูกต้องครับ
ถูกของท่านแล้ว กฐินเกี่ยวกับผ้า ไม่ได้เกี่ยวกับเงิน อยู่รูปเดียวก็รับได้ ถ้าที่วัดมีโบสถ์ก็นิมนต์พระวัดอื่นมา 4 รูป มอบผ้า ส่วนกรานกฐินพระที่อยู่รูปเดียวในวัดนั่นแหละกราน
มีโยมเจตณานำผ้ามาถวายในกฐินฤดูโดยไม่ได้แจ้ให้ทราบร่วงหน้าท่านเรียกกฐินโจร พระอยู่จำพรรษาแม้รูปเดียวก็สามารถรับได้ แต่ไม่มีอานิสงส์ เพียงแต่รับเพื่อฉลองศรัทธา แต่ถ้าจะทำให้ถูกต้องควรถวายเป็นอัฏฐกฐิน หรือจุลกฐินจะดีกว่านะ
งานกฐินเป็นเรื่องผลประโยชน์
เป็นเรื่องความบันเทิงสนุกสนาน
....เจ้าภาพกฐินบางราย อยากได้หน้า
จ้างหมอลำ 3 แสน ล้มวัว 3 ตัว ใส่ซองถวายพระ 3 ร้อย
..จ้างหมอลำ 3 แสน แถมมวยหน้าฮ้านฟรีตลอดคืน 😁😁😁😁😁😂😂😂🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
สรุปผลแล้ว คือว่า ได้ บาป ไป3เท่า
@@baba-fm5ug ถูกต้อง 😁
พระพรหมบัณฑิต เทศน์พระภิกษุไม่อยู่จำพรรษาผิดหรือไม่ มีพูดถึงการทอดกฐิน นาที1.35 แม้นมีภิกษุครบ5รูป แต่มีพระ1รูปขาดพรรษาก็รับกฐินไม่ได้ ถ้ารับก็ผิดวินัย เรียกว่ากฐินเดาะ ขอให้ศึกษาพระธรรมวินัยให้ถูกต้อง จะดีกว่านะ ปล.ผ้ากฐินทานนี้ลอยมาจากนภากาศ ตกลงท่ามกลางสงฆ์ (สงฆ์แปลว่าพระต้องครบ5รูป ถ้าจะทอดกฐินหรือรับกฐิน)
ท่านสอนวินัยมีรายละเอียดมากแต่ในคลิปแค่มาตอบคำถามแก่โยมครับ มีทั้งหมด 6 คลิป ปี 63/64 ปีละ 3 คลิป ลองตามดูได้ครับ
th-cam.com/video/1giav2Dsoi8/w-d-xo.html
th-cam.com/video/sPUctoCAHFw/w-d-xo.html
สาธุ
สาธุๆ
เคยบวชมาฯ แต่ไม่เคยได้ยินคำสอนแบบนี้(ยังงง)ครับฯ
ที่มาใต้คริปครับ
อะไรที่มันสุ่มเสียงพระวินัยถกเถียงกัน พระก็อย่า อยากได้นักเลย โยมก็อย่าบ้าบุญนัก ถามจริงๆ กฐินเป็นเรื่องผ้า ที่ว่ารับได้นั้น อยากได้เงินหรืออยากได้ผ้า พระวัดได ไม่ถึง ๕ รูปก็อย่าอยากได้นักเลยมันแสดงถึงความไม่สามัคคีไม่เลื่อมใส ถ้ารูปเดียวรับได้ มันสอนให้พระเห็นแก่ตัว หาแต่ทางเป็นเจ้าวัด อยากอยู่ผู้เดียวรับผู้เดียว
อ่านหลายคน..แต่อ่านคำพูดของท่าน...โดนใจครับ ฯ
สาธุ ถูกต้องที่สุดครับ
ต้องสอดคล้องกับธรรมวินัยด้วยว่า มีวินัยบัญญัติว่า อย่างไร ถ้าถูกตามวินัยก็ควรทำ...ถ้าแม้ยังสงสัย ไม่แน่ใจ ก็ยังถือว่า ไม่ควร..
ตอบอธิบายได้ถูก ตามพระพุทธองค์ทรงรับรองในพระไตรปิฏก เรื่องมีอยู่ พระรูปเดียวรับกฐินได้มีจริงครั้งพุทธกาล พระรูปเดียวที่เมืองสาวัตถีจำพรรษารูปเดียวรับกฐินพระพุทธองค์ทรงรับรอง..แต่ที่บอกรับกฐินต้อง 5 รูปขึ้นไปนั้นมาแต่งใหม่เขียนไว้โดยสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญานวโรรส เขียนในหนังสือหลักสูตร นักธรรม ตรี โท เอก วินัยเรื่องกฐิน มาให้ท่านพระเณรเราท่านเรียนและพอไปเทียบเคียงในพระไตรปีฏกอีกจะเทียบเคียงเข้าใจถูกได้ว่า รูปเดียวรับกฐินได้จริง.
สมเด็จฯก็เอามาจากพระไตรปิฏกไม่ไดันิพนธ๋ขึ้นเองตามใจฉัน ในสมัยพุทธกาลท่านทำจีวรกันอย่างไรไปเปิดดู กฐินไม่ใช่เงิน ไม่ใช่แอบอ้างกฐินเพื่อหาเงินรูปเดียว อยากไดีเงินตัองไปชวนพวกมาอีก4ให้กลายเป็น5 มันคนละปวารณาต่างอาวาสกัน เข้าใจตามนึ้
ไม่เกี่ยวกับสมเด็จ สมเดิดที่ไหนทิไหน..ใดๆเลยนะท่าน เกี่ยวคือเป็นพุทธพจน์พระพุทธองค์ทรงตรัสรับไว้ว่าพระจำพรรษา 1 รูป .รับกฐินได้ถ้าครบถ้วนไตรมาสจ้าท่านเอย แล้ว.รับผ้ากฐินรูปเดียว ได้ ไม่ต้อง 5 รูปขึ้นไปนะ นี่ เป็นพระพุทธดำรัส แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..จ้า ไม่ใช่มาเชื่อคำแต่งใหม่แต่งสมัยหลังน่ะท่าน เขามาเขียนเอง ในหลักสูตรนักธรรมนี่ของแต่งใหม่จ้า. มาให้ความหมายเอง เรื่องกฐินน่ะ ไม่เหมือนในพระไตรปิฏกตรงพุทธะรับรองน่ะท่านนะ.ส่วนเรื่องเงินทอง.มาโยงกับกฐิน คนละประเด็น ประเด็น คือ พระพุทธเจ้าตรัสรับรอง คำว่ารับผ้ากฐิน เป็นกฐิน 1 รูปรับได้ ตรงนี้.
ถูกต้องแล้ว
1.คำว่าในอาวาสเดียวกัน หมายถึงพระที่จะมีสิทธิ์ในอานิสงส์กฐินได้นั้นต้องอยู่ในอาวาสเดียวกัน จึงมีสิทธิ์รับอานิสงส์ และไม่ได้ความว่าจะต้องมีครบ 5 รูป
2.แต่ในขั้นตอนมอบผ้าต้องมีพระครบ 5 รูป หากไม่ครบจะเป็นพระจากที่ไหนก็ได้ (ดูในจีวรขันธกะจากพระไตรปิฎก)
3.สงฆ์พิจารณาได้ถึงแม้ไม่ได้อยู่ในวัดเดียวกันก็สามารถพิจารณาได้ หากมีพระจำพรรษา 2-3 รูป ก็พิจารณาจาก 1.จีวรเก่า 2.รู้ธรรมแปดประการ 3.ศีล 4.พระที่อยู่ต่างยินยอมกัน โดยถือเอา จีวรเก่าเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอันดับแรก ส่วนถ้าท่านอยู่เพียงรูปเดียวอยู่แล้วสงฆ์ก็ไม่มีสิทธิ์พิจารณารูปอื่นต้องให้ท่านโดยอัตโนมัติ เพราะรูปอื่นไม่มีสิทธิ์
4.พระทุกรูปที่จำพรรษามีสิทธิ์รับกฐินแม้จำพรรษาในวัดนั้นเพียงรูปเดียว ไม่มีเหตุอันใดจะมาห้ามสิทธิ์ท่านได้ ไม่อย่างนั้นต่อไปหากท่านอยู่รูปเดียว ท่านก็จะถือเอาเป็นเหตุไม่จำพรรษาได้ จึงไม่ควรตัดสิทธิ์
สาธุ. ..... สาธุ. สาธุชนสมัยใหม่. และพระสงฆ์. ในปัจจุบัน. มุ่งเน้นในการสร้าง ศาลา สร้าง โบสแข่งกัน. สมัยพุทธกาลไม่มีศาลาไม่มีโบส. ไม่มีน้า. -ไฟ. แบบพอเพียง. สมัยนี้ เจริญ. แต่แข่งกันทางวัตถุ. ... มาก. กว่า. ทางศิลธรรม.
ยังไม่เข้าใจ เรื่องของศาสนากับสังคม สิ่งก่อสร้างใหญ่โตทางศาสนาก็เคยมีมาแล้ว นับกว่าสองพันกว่าปี
ศาสนาอยู่ในประเทศก็ต้องเป็นไปตามประเพณี วัฒนธรรมของประเทศนั้น เช่นคริสต์ในมาเลเซียก็เป็นแบบอืสลาม คริสต์ในไทยก็สร้างโบสถ์แบบไทย มีช่อฟ้าใลละกา หางหงส์เช่นกัน ก็คล้ายกับพุทธ อยู่ในลาว พม่า เขมร เวียตนาม จีน เกาหลี ก็แตกต่างกัน
รับได้ครับ แต่อนิสงฆ์ไม่ได้ครับ เท่ากับทำผ้าป่า กฐินวัด1 สามารถรับได้แค่ครั้งเดียวต่อปี กฐินอานิสงฆ์ครบสมบุรณ์ต่อมีพระจำพรรษาอย่างน้อย5รุปขึ้นไป อานิสงฆ์จะสมบุรณ์ทั้งพระทั้งโยม
รับกฐินได้ทำไมอานิสงส์กฐินไม่ได้ รับได้ก็ต้องได้อานิสงส์สิ เหตุผลขัดแย้งกัน
ที่ระบุจำพรรษา 5รูปก็เพื่อจะให้ครบองค์สงฆ์ ตอนสวดให้ผ้าแก่องค์ที่จะครองผ้ากฐิน เพราะผ้ากฐินมีแค่ชุดเดียวและองค์เดียวเท่านั้นที่จะได้รับ.. เพราะฉะนั้น องค์เดียวรับผ้ากฐินได้ แต่ได้แค่รับเท่านั้น ยังเอาไปพินทุ อธิฐาน และครองยังไม่ได้ จะต้องไปนิมนต์พระ วัดอื่นอย่างน้อย 4รูปรวมองค์ครองผ้ากฐินอีก 1 เป็น5รูป มาสวดญัตติให้ผ้าเสียก่อน องค์ครอง จึงจะสามารถนำผ้านั้น มาพินทุ อธิฐาน แล้วก็ครอง หรือนำผ้านั้นมาห่ม เมื่อห่มเสร็จ ก็สวด อนุโมทนา กฐิน เป็นอันเสร็จสิ้น..
@@jesadalerpoka7554 พระรูปเดียวรับกฐินไม่ได้
เป็นสังฆกรรมวิบัติ www.naewna.com/likesara/367199
@@phod54 ตอนผมสอบ นักธรรมตรี โท เอก ผมก็เข้าใจว่ารูปเดียวรับกฐินไม่ได้ต้องมี พระจำพรรษาในอาวาสเดียวกัน 5รูปขึ้นไป ถึงจะรับได้ ลองฟังท่านพระมหาภาคภูมิ อธิบายดูได้ครับ ท่านบอกว่ารับได้ ท่านไม่ได้ว่ารับได้เฉยๆ ท่านอธิบายด้วยว่าทำไมถึงรับได้ ลองหาดูครับ ในยูทูปนี่แหละ พิมพ์คำว่า พระรูปเดียว รับกฐินได้หรือไม่ ก็น่าจะเจอ พระวินัย บางครั้งก็ต้องให้ผู้รู้ตีความ เรื่องนี้มีทั้งที่บอกว่ารับไม่ได้ กับบอกว่ารับได้..ลองฟังท่านมหาภาคภูมิ ท่านอธิบายดูครับ เพราะท่านบอกว่ารับได้..
@@jesadalerpoka7554 พระมหาภาคภูมิ วินิจฉัยผิดเพี้ยนจับประเด็นตรงคำที่ว่ารูปเดียวรับกฐินได้ ภิกษุจำพรรษารูปเดียวเข้าไปถามพระพุทเจ้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
คำว่าจีวรก็คือจีวร ทำไมมหาภาคภูมิบิดเบือนคำสอนไปตีความหมายว่าจีวรเป็นผ้ากฐิน ผ้ากฐินคือผ้าขาวบริสุทธิ์ยังไม่เป็นจีวรสำเร็จ จนถึงคราวเดาะกฐินหมายถึงว่าเป็นอานิสงส์จำพรรษาสามารถรับอดิเรกไตรจีวรได้1เดือนหรือหมดฤดูกฐินหรือฤดูเดาะกฐินเสร็จ
ทอดกฐินเรื่องของโยม กรานกฐินเรื่องของพระ
วัดใดมีพระ วัดนั้นโยมทอดได้ ...
ถูกต้องแค่เอาไปถวายนอกนั้นเปนเรื่องของพระ
ใช้แล้ว ไม่น่ามาให้ความรู้เลย ตอบไปไหนก็ไม่รู้ ไม่เอาเนื้อยังไปน้ำมาปนอีกต่างหาก
รุปเดียวก้อรับได้ แต่ไม่ใชกฐิน. ก้อรับได้ได้บุญเหมือนกัน
ควรศึกษาคำว่า สังฆกรรมให้ตรง
ของมีมากแล้ว จะยังน้อมเข้ามา เป็นอกุศลมูลเปล่าคะ พระเจ้าข้า
ถ้าคิดให้ลึกกว่านี้ ถึงจะครบ 5 รูปกฐินก็ไม่บริสุทธิ์ เพราะเจ้าอาวาสเที่ยวแสวงหาพระมาจำพรรษา ถึงขนาดต้องจ้างให้คนในหมู่บ้านมาบวชเพื่อให้ครบ 5 รูปก็มีมาแล้ว กฐินที่แท้จริงพระต้องมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ มาจากทั่วสารทิศ ถึงจะเป็นอานิสสงค์กฐินที่แท้จริง ส่วนรูปเดียวรับกฐินได้อันนี้ผมเปิดดูพระไตรปิฏกดูไม่ปรากฏเห็นเลยครับ
ค้นคว้าเพิ่มครับ
ไม่ได้หรอกครับมันผิดตั้งแต่มากรานหรือจองไว้แล้ว ที่ว่าได้เพราะความอยากหรือตัณหาความโลภอยากได้ปัจจัยเขาเท่านั้นเหตุผลใดๆก็ตามในเรื่องกฐินถ้าผิดจากวินัยนี้ถือเป็นโมฆะทั้งนั้น คนทอดได้แค่อานิสงฆ์ทานสังฆทานแต่ไม่ได้อานิสงฆ์จากบุญกฐินเพราะกฐินเป็นโมฆะ ส่วนพระไม่ได้อะไรเลยนอกจากบาปที่เกิดจากความโลภอยากได้ของเขาและเงิน เป็นพระอย่าสอนโยมในทางที่ผิดมันบาปเป็นโมฆะบุรุษเรียนมากให้รู้อะไรผิดอะไรถูกมั่งอย่าเห็นแก่ลาภปัจจัยมันเป็นการทำลายศาสนา สอนโยมแบบนี้ยังกล้าเป็นพระอยู่อีกเหรอ
ท่านอธิบายถูกแล้ว ในพระไตรปิฎกก็บอกไว้
เล่มไหน?หน้าไหน?ฉบับไหน?
ไช่เล้มไหนหน้าไหนฉบับไหนบอกมาสิ
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
ท่านก็เขียนไว้แต่แรกแล้วนะ ว่าหน้าไหน เล่มไหน
อ่านกันไม่ถึง 8 บรรทัดเอง
อ่านให้จบก่อน ค่อยมาพิมพ์ ก็ยังทัน
เอาตามพุทธานุญาติสิในพระวินัยบอกใว้อย่ามั่วนะพระต้องครบห้ารู้มิใช่รึไปนิมนต์จากวัดอื่นมันใช่รึเอามาสวดให้ สวดบอกว่ารูปนี้สมควรรับผ้า ไม่ใด้จำพรรษาด้วยกันจะรู้หรือไม่ว่าควรมิควร ...
ถูกครับ
จำนวนสงฆ์ทำสังฆกรรมทั้ง ๔ นั้นคือ
๑.จตุวรรค สงฆ์มีจำนวน ๔ รูป ทำสังฆกรรมได้ทุกอย่างยกเว้น ปวารณากรรม กฐิน อุปสมบท และ อัพภานกรรม
๒. สังฆปัญจวรรค มีสงฆ์จำนวน ๕ รูป ทำปวารณา ให้ผ้ากฐิน อุปสมบทเฉพาะใน ปัจจันตชนบท
๓.สงฆ์ทสวรรค สงฆ์จำนวน๑๐ รูป ทำสังฆกรรมได้ทุกอย่าง เว้น อัพภาน
๔.สงฆ์วีสติวรรค สงฆ์จำนวน๒๐ รูป ทำสังฆกรรมได้ทุกอย่าง จนถึงอัพภาพ
(ตามพระวินัยบัญญัติ ว่าด้วยเรื่อง สังฆกรรม )
รูปเดียวเขาเรียกปักต้นกะฐินปักได้แต่รับไม่ได้ต้องมนต์พระมาให้ครบสงฆ์
มึงอย่ามั่วลองไปแหกตาดูพระไตรปิฎกใหม่ดูด้วยตาไม่ใช่ดูที่หู
555..ทุกข์หนอ
AminNoi napat วัดอื่นมารับผ้ากฐินไม่ได้ครับ แต่มาสวดให้ผ้ากฐินได้ครับ เมื่อมีพระรูปเดียว
จะไปบอกว่าไม่สมควรรับก็ไม่ได้ เพราะถ้าบอกว่าไม่สมควร จะต้องมีรูปอื่นที่สมควรกว่าอยู่จำพรรษาในวัดนั้นด้วย
แต่ถ้ามีรูปเดียว ก็ต้องบอกว่าสมควรครับ..
วินัยก็บอกชัดเจนแล้ว/ไม่เคยศึกษากันบ้างรึไงคับท่านนักปราช์เสียงใส
อานิสงค์ผลบุญจากการทอดกฐินน่ะไม่ได้เพราะผิดวินัย แต่พระได้เงินเจตนามันอยากได้เงินมากกว่า อันนี้เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
ถ้าว่าด้วยตามพระวินัยโดยตรง รับไม่ได้ และถ้าทำอย่างนั้นได้ ก็บิดเบือนพระวินัยพุทธบัญญัติครับ
ไปศึกษาให้ลึกซึ้งกว่านี้ครับ ก่อนหน้านี้ผมเองก็คิดเหมือนท่าน
ทอดกฐิน คือความสามัคคีของพระคับ
อ่าน ตรงวรรคใหนครับว่า ทำได้
กฐินกล่าวถึงเรื่องผ้าครับ การที่เขามีจิตตั้งใจที่จะบำรุงพระพุทธศาสนาแล้ว อันเป็นกุศล ก็สมควรที่รับได้องค์เดียว แล้วสงฆ์ครบ5รูปวัดอนิสงฆ์ผิดชอบชั่วดีได้เยอะหรือเปล่า แล้วความว่าหลุดพ้นจะมีไว้เพื่อทำอะไร พระ5รูปสมควรรับมากกว่าพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบงั้นหรือเปล่า ผมจะไม่สนใจในกฏที่บอกว่าอย่างโง้นอย่างงี้เราเอาความจริงและโลกปัจจจุบันมาวัดกันดูดีกว่าพูดไปมันยาว
รับก็ไม่ได้อย่าได้อย่าว่าแต่เรื่องอนิสงเลยครับ เขาพูดเลี่ยงบาลีเพื่อให้มันรับกะถินได้ก็เท่านั้นเอง
ท่านไปศึกษาพระวินัยมาใหม่นะครับ ท่านพูดแบบนี้จะเกิดความวิบัติในพระวินัย
แล้วคำอุปโลกน์กฐิน เกล่าว่า ผ้ากฐินทาน กับทั้งผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้ เป็นของ.........
ผู้ประกอบด้วยศรัทธา อุตสาหะ ได้พร้อมเพรียงกันนำมาถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้จำพรรษาครบถ้วนในไตรมาสนี้ ไม่ใช่ในไตรมาสโน้น จะเอาพระมาสวดจากไตรมาสโน้นไม่ได้ พูดแบบนี้เสียหายมาก
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
อปโลกน์ ไม่ใช่สังฆกรรม ซักซ้อมเฉยๆ ท่านแสดงธรรมถูกแล้ว
@@wittayakaidee9345 ท่านพูดถูกแล้วคับคนที่บอกผิดต้องไปศึกษาดูใหม่คับ
ถูกจริงๆๆ
เพี่อกันไม้ให้พระหมดไปจากวัดจิ่งไห้มีห้าเนี่องจากมีพิทีสัฆกรรมไม้ถึงห้าสังฆกรำมิได้
แต่ควนให้มีแต่ห้าขึ้นไปจี่งได้อานิสงมาก
เขกห่างไกกันดานหมดตำบนมีพระสงแค้สององแต่โยมเขามีสัทาก่อถวายเปันกถินแต่ไม้ได้อุปะโลกมีแต่น้อมถวายก่อจบเอาแต่ปัจัยเปันวัถุก่อส้างส่วนผ้ากะถินก่อมีแต่พระสององว่ากันองไดจรับก้อรับไม้ขัดเพราะไม้มีหลายอะนุโลมได้
แต่องเดียวก่อรับได้เพราะไม้มีองไหนขัดแต่ไห้อทิดถานเปันผ้าป่าหลึบังสกุนเนี่องจากไม้ได้สังคะกำ.
อ่านแล้วจกฐินขันธกะ(วินย. 5/96/136)และจืวรขันธกะ(วินย.๕/164/222)
พอเถอะครับพอเถอะ
ดูพระไตรปิฎกเลิมที่ 7..จะได้คำตอบที่ถูกต้อง
ถ้าพระจำพรรษาไม่ครบ.4.ถึงห้ารูปถ้าถวายกฐินก็เป็นกฐินเน่าทุกวันนี้.มีแต่พระวินัยสะดวกทำตามความคิดตัวเอ็งหลวงปู่มั่นท่านยังไม่เคยรับกฐินโยมขอแล้วขออีกท่านก็ไม่อณุญาติท่านกลัวโยมและพระเป็นบาปถ้าทำไม่ถูกต้องก็เป็นเปรต
พระรูปเดียวทอดกฐินได้รับได้ แต่กฐินนั้นไม่สำเร็จ
รับได้แต่ไม่สำเร็จ..หมายถึงอนิสงย์กฐินโยมหายไปได้ไม่เต็ม...สองพระรับกระฐินแล้วไม่ได้ อานิสงฆ์ เหตุที่ไม่ได้คือทำไม่ถูก..แล้วจะรับทำไม...ตอบ..รับเพื่อปัจจัย ส่วนผ้าช่างมัน...แบบนี้ถูกไม่ครับ
ໃມໄດ້ພະບໍ່ມີເຖີງ 3_4_5ອົງຂື້ນຈີງຈະໄດ້ບໍ່ຄືເກົ່າແນວຊອກຫາເລືອກບໍ່ເອົາໃຫ້ຈົບໂອຍນໍບໍ່ຄືບໍ່ສໍພໍຫຼາຍ
อย่าละเมิดพระธรรมวินัยนะครับเดี๋ยวนรกจะกินหัวพระพุทธเจ้าตัดยังไงก็ต้องทำอย่างนั้น
มีรูปเดียว
ก็ไปนิมนต์พระมาอีก4รูป
(ทุกวันนี้วัดหนึ่งๆจะมีพระ1-2รูป
จำให้ดีนะครับ ผ้ากฐินทานนี้ นะครับ ไม่ใช่เงินจำนวนนี้ นะครับ เรามักจะเข้าใจผิด คิดว่า ต้องนำเงินมาทอดกฐิน หรือทอดผ้าป่่า ซึ่งผิดวินัยบัญญัติ ครับ
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
พระ 1 รูป รับกฐินได้แต่ถวายแล้วเป็นผ้าป่า
พระ4รูปขึ้นไป เป็นชาวพุทธอย่าเถียงกัน ทุกคนมีศีล5
ท่านครับอย่าบิดเบือนพระวินัยเลยครับ อย่าสอนหรือบอกผิดๆๆ อันตรายต่อพระพุทธศาสนาครับ กฐินนั้น จำกัดกาล บุคคล สถานที่ มิใช่หรือครับ
ไช่ครับ
th-cam.com/video/vC9fZWEOXh8/w-d-xo.html
th-cam.com/video/gz2MHUuMTcY/w-d-xo.html
ไม่ผิดครับ ตามวินัย ที่ว่าห้ารูปถึงได้นั้นเป็นการถือตามๆกันมา มันมีในไตรปิฏก คนเรียนไม่ถึงส่วนใหญ่ขังไว้ในตู้
พระจำพรรษารูปเดียว นิมนต์พระมาเพิ่ม ๔รูป เรียกพระปูรณะ
ปัญหาที่พลาดเยอะทุกวันนี้ส่วนนึ่งก็มากจากการแต่งเพิ่ม พระไตรปิฎกมีเกือบทุกวัด ดันไม่อ่าน ไปอ่านพวกฉบับย่อ ไปอ่านตัวเค้าแต่เสริมแต่งเพิ่ม อ่านพระไตรปิฎกดีสุดแล้วยาวหน่อยแต่ละเอียด
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
ถ้าความรู้ไม่แน่นพออย่ามาให้ความรู้โยมเลย มันจะหลงทางจะแสดงธรรมอะไรหัวข้ออะไรต้องมีที่มาที่ไปอ้างอิงนะท่าน
มั่วครับ!เสียหมดโยมเค้าใจผิด
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
#อานิสงส์ของกฐิน
อานิสงส์กฐินมีทั้งแก่ภิกษุและแก่ทายกผู้ถวาย ดังนี้ :-
*#อานิสงส์แก่พระภิกษุ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาแล้วกรานกฐิน ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้กรานกฐินแล้วจะได้อานิสงส์ ๕ อย่าง คือ
๑. ไป[ที่อื่นจากที่รับนิมนต์]ได้โดยไม่ต้องบอก[ภิกษุอื่นก่อน]
๒. ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบสำรับ
๓. ฉันคณโภชนะได้
๔. ทรงอดิเรกจีวรไว้ได้ตามต้องการ
๕. พวกเธอจะได้จีวรที่เกิดขึ้นในวัดนั้น
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอผู้กรานกฐินแล้วย่อมได้อานิสงส์ ๕ อย่างนี้"
อานิสงส์ ๕ อย่าง มีคำอธิบายตามลำดับดังนี้ :-
๑. #ไปได้โดยไม่ต้องบอก
คือ รับนิมนต์ที่ทายกออกชื่อโภชนะ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งไว้บ้านหนึ่งแล้ว จะไปที่อื่นจากที่รับนิมนต์นั้น โดยไม่ได้บอกพระในวัดก่อนก็ได้ ไม่เป็นอาบัติ (ผ่อนปรนจาริตตสิกขาบท สิกขาบทที่ ๖ แห่งอเจลกวรรค)
๒. #ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบสำรับ
คือ เก็บจีวรผืนใดผืนหนึ่งไว้ได้โดยไม่ต้องนำจีวรติดตัวไปครบทั้ง ๓ ผืน ไม่ต้องอาบัติ (ผ่อนปรนอุโทสิตสิกขาบท สิกขาบทที่ ๒ แห่งจีวรวรรค)
๓. #ฉันคณโภชนะได้
คือ พระตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ฉันอาหารที่เขานิมนต์โดยออกชื่ออาหาร (เช่น ข้าวเหนียวไก่ย่าง แกงเขียวหวานไก่ เป็นต้น) ได้ ไม่ต้องอาบัติ (ผ่อนปรนคณโภชนสิกขาบท สิกขาบทที่ ๒ แห่งโภชนวรรค)
๔. #ทรงอดิเรกจีวรไว้ได้ตามต้องการ
คือ เก็บอดิเรกจีวร (คือผ้าที่ไม่ได้อธิษฐานหรือวิกัป) ได้เกิน ๑๐ วัน โดยไม่ต้องอาบัติ (ผ่อนปรนกถินสิกขาบท สิกขาบทที่ ๑ แห่งจีวรวรรค)
๕. #พวกเธอจะได้จีวรที่เกิดขึ้นในวัดนั้น
คือ ภิกษุผู้จำพรรษาครบในวัดนั้น จะได้รับส่วนแบ่งผ้าที่เขาถวายสงฆ์ในวัดนั้น ตั้งแต่กรานกฐินแล้วจนถึงกลางเดือน ๔ เท่าๆ กัน (โดยภิกษุพวกอื่นจะไม่ได้รับส่วนแบ่งผ้าด้วย)
หมายเหตุ : อานิสงส์ทั้ง ๕ ข้อนี้ มีผลไปจนถึงหมดเขตอานิสงส์กฐิน คือ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ หรือจนกว่ากฐินจะเดาะ (กฐินเดาะ คือ ยกเลิกอานิสงส์กฐิน) เท่านั้น
*#อานิสงส์แก่ทายกผู้ถวาย
(ผู้ถวายกฐิน จะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็ได้)
กฐินเป็นสังฆทาน คือ ทานที่ถวายแก่พระสงฆ์ พระพุทธองค์ตรัสไว้ในทักขิณาวิภังคสูตร (ม.อุ.) ว่า ในบรรดาทานทั้งหลาย สังฆทาน จัดว่าเป็นทานที่มีผลมาก
และได้ตรัสถึงอานิสงส์ของทานไว้ในทานานิสังสสูตร (องฺ.ปญฺ.) ว่า
"ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์การให้ทาน ๕ ประการนี้ อานิสงส์การให้ทาน ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. ผู้ให้ทานย่อมเป็นที่รักที่พอใจของคนหมู่มาก
๒. สัตบุรุษผู้สงบย่อมคบหาผู้ให้ทาน
๓. กิตติศัพท์อันงามของผู้ให้ทานย่อมขจรไป
๔. ผู้ให้ทานย่อมไม่ห่างเหินจากธรรมของคฤหัสถ์ (คือศีล ๕)
๕. ผู้ให้ทานหลังจากตายแล้วย่อมเกิดในสุคติโลกสวรรค์
ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์การให้ทาน ๕ ประการนี้"
ส่วน #อานิสงส์ของการถวายผ้าแก่พระสงฆ์ มีดังนี้ คือ
#ถ้าเป็นชาย ย่อมเป็นปัจจัยให้ได้เป็นเอหิภิกษุ คือผู้ที่พระพุทธองค์ทรงอุปสมบทให้ด้วยพระองค์เอง ได้รับผ้าไตรจีวรและบริขารต่างๆ อันสำเร็จด้วยบุญฤทธิ์
#ถ้าเป็นหญิง ย่อมเป็นเหตุให้ได้เครื่องประดับ ชื่อว่า มหาลดา อันเป็นเครื่องประดับชั้นเลิศมีราคามาก ทั้งยังเป็นเหตุแห่งการได้วรรณสมบัติ (ความถึงพร้อมด้วยผิวพรรณ) ต่างๆ มีความเป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง มีผิวปราศจากธุลี (ปราศจากไฝฝ้า) มีรัศมีผ่องใส (ผิวพรรณเปล่งปลั่ง) และมีผิวเกลี้ยงเกลาเป็นต้น (ดู ปิลินทวัจฉเถราปทาน ขุ.อป.) ดังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า
วตฺถโท โหติ วณฺณโท
ผู้ให้ผ้า ชื่อว่า ให้ผิวพรรณ (กินททสูตร สํ.ส.)
นอกจากอานิสงส์ที่กล่าวไปแล้ว การถวายผ้ากฐินนี้ ยังเป็นสังฆทานที่ได้บุญมากกว่าถวายผ้าเป็นสังฆทานธรรมดา เพราะมีประโยชน์กับคนจำนวนมาก อธิบายว่า เมื่อมีงานกฐินคราวใด ก็เป็นโอกาสให้ผู้ใฝ่บุญจำนวนมากได้ร่วมแรงร่วมใจกัน จัดหาผ้าและสิ่งของต่างๆ มาถวายแก่พระสงฆ์ ได้รับความอิ่มเอิบใจในบุญกุศลกันถ้วนหน้า และได้ชื่อว่า มีส่วนช่วยให้พระสะดวกขึ้น โดยทำให้พระได้รับอานิสงส์ต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว
(เนื้อหาบางส่วนเรียบเรียงและสรุปความจากหนังสือ "กฐิน ตามนัยแห่งพระไตรปิฎก อรรถกถา และฎีกา ของพระมหามงคล วชิโร หรือถ้าจะดูหลักฐานจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาโดยตรงก็ดูได้ในกถินขันธกะ)
@@gobap1 ทุกวันนี้มีการเข้าใจผิดคำว่ากฐินคับที่ท่านพูดถูกต้องคับ
@@gobap1 ถ้าจะเอาอรรถกถา ก็ต้องทิ้งบาลีเลยสิ เหมือนเอากฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ไปแย้งรัฐธรรมนูญนั่นแหละ มันทำไม่ได้
5รูปขึ้นไปรับได้..1รูปรับไม่ได้จบ..อย่าเลี่ยงบาลี..จะตั้งวินัยเป็นศาสดาเองเรอะ
ท่านสอนวินัยมีรายละเอียดมากแต่ในคลิปแค่มาตอบคำถามแก่โยมครับ มีทั้งหมด 6 คลิป ปี 63/64 ปีละ 3 คลิป ลองตามดูได้ครับ
th-cam.com/video/1giav2Dsoi8/w-d-xo.html
th-cam.com/video/sPUctoCAHFw/w-d-xo.html
พวกท่านที่มาถาม หาที่มาพระไตรปิฎกกรุณาดูใต้คลิปด้วยนะ อย่าถามเพื่อเอาชนะอย่างคนโง่เลย ถามแล้วไปเปิดดูว่ามันจริงหรือไม่....
ผิดท่านกล่าวผิด กรุณากล่าวให้ถูก ถ้าบวชเณรที่อายุครบบวชและบวชมาให้เนื่องในกฐินได้แต่ถ้าภิกษุจำพรรษาไม่ครบถ้าจะให้ถูกต้องๆทอดเป็นผ้าป่าแต่อานิสงของผ้าเหมือนกฐิน ท่านกรุณาอย่าบิดเบือนพระวินัย
โกหกประชาชน โกหกบาบไหมจำพรรษาคือจำพรรษาในอาวาสเดียวกัน พระวินัยอาบัดไปหมดแล้วเดียวนี้
ดูความหมายของคำและก็สอดข้องกับความจริงด้วย"กฐิน"แปลว่า ไม้สะดึง ที่ใช้ขึงผ้าออกเพื่อจะเย็บ พิจารณาตามเป็นจริง คนเดียวคงไม่สามารถทำได้ต้องประมาณ4-5คน กำลังดี ในหนังสือสารานุกรมพระพุทธศาสนา ประมวลจากพระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส หน้า 94 บรรทัด 18 ก็ว่า 5 รูปขึ้นไปจึงรับได้เช่นกัน.
พระเณร เรียนนักธรรมที่แต่งโดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้ามาทั้งประเทศ จะเข้าใจผิดเรื่องเรื่องผ้ากฐิน เหตุเพราะ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส แต่งให้ความหมายเอาเองเรื่องรับกฐิน ว่า ต้อง 5 รูปขึ้นไป จึงรับได้ แต่นั่นแต่งเอง ส่วนมาในพระไตรปิฏก พระพุทธองค์ทรงตรัสเองว่ารูปเดียวรับได้น่ะท่าน.
พระ1รูปหรือสองรูปสามรูป ไม่สามารถรับกฐินได้ ต้องครบองค์5 พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้กระทําตามด้วย บางคนไปเอาพระมาใสเพิ่มครบองค์แล้วรับกฐิน พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ทํากันตามอําเภอใจ และพระรับกฐินต้องรู้ธรรม8ประการด้วย และครองผ้าต้องรู้ธรรม8ประการมีอะไรบ้าง แล้วบอกให้ครบองค์8ประการ จึงจะครองผ้ากฐินได้ ถ้าไม่รู้มักมีอวค์8 ให้พันษามากหรือน้อยไม่มีสิทธิ์ครองผ้ากฐิน เพราะไม่รู้วินะยพระการรับกฐินผ้าครองบุคคลนั้น ทุกวันนี้ให้แต่เจ้าอาวาสองค์เดียวครองตลอด พระที่มีจีวรขาดปะและเก่าควรครองผ้ากระกฐิน มิใช่เจ้าอาวาสครองตลอดปีมิใช่ ไปสึกษาวินัยพระพุทธเจ้าจะได้หายโว้ และฉลาดกว่าพระ จะไม่ถูกพระหลอกอุปโหลกเอา ที่เห็นๆม่เจ้าอาวาสตลอดปี มีมากมาย
พระจำพรรษา5รูปเท่านั้นจึงรับกฐินได้นิมนต์พระวัดอื่นมาสวดไม่ได้
องค์เดียวรับไม่ได้ครับ
มีพระดร.บรรยายเรื่องกฐินถึงพระมีสิธิ์ผ้ากฐินต้องห้าพรรษา ในวินัย3เล่มหาไม่พบครับ
ศึกษาให้ดี แล้วค่อยพูด ครับท่าน
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
ทำผ้าป่าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกฐิน ถ้ารูปเดียว พระพุทธองไม่ได้บังคับ แต่อนุญาต ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ อยากได้เงินก็หาเงินเยอะๆสิ อยากได้ผ้าก็หามาเยอะๆสิ ก็แค่นั้น
🙏🙏🙏💐🍀💐🍀🏝
เวลาพูดเอาไมค์ใกล้ ๆปาก จะได้ยินเสียงชัดเจนหน่อย
🐃🐂🦏😱🐎ภิกษุจำพรรษาในไตรมาสนั้นไม่ครบ๕รูป เป็นได้แต่ ผ้าป่า เท่านั้น
อันนั้นมันอุปโลกแล้ว
คริๆน้องๆวิษณุ
รูปเดียวก็ได้ขอให้มีเงิน
กฎกติกาเขามีอยู่ เป็นสงฆ์เขามีระเบียบปฏิบัติของสงฆ์ไทย ไม่ใช่อยู่ๆก็ออกมาพูดเองเออเอง ความเป็นพระจะเป็นพระได้มันต้องมีอุปัชฌาย์บวชให้และต้องอยู่วัดจำพรรษา ไม่ใช่พอบวชแล้วอพยพตัวเองไปอยู่รูปเดียว แอบตั้งสำนักสงฆ์โดยที่มีพระรูปเดียว พระฝ่ายปกครองไม่ควรปล่อยให้มีกรณีเช่นนี้
ถามท่าน ป.อ ประยุทธ จะได้กระจ่าง
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
ทำได้แต่เขาไม่นิยม.ผมเป็นพระผมบอกโยมไปเลยว่าไม่ต้องทำถ้าจะทำทำเป็นผ้าป่าดีกว่า..สั้นๆจบ
ใช่ถูกต้อง องค์เดียว ไม่ต้องคิดมาก ไม่เอาก็สิ้นเรื่อง ผ้าป่าก็จบ
กี่รูปก็รับไปเถอะไม่ถึง5ก็รับเป็นผ้าป่าไป..อย่าลืมกฐินอานิสงส์อยู่ที่ผ้ากฐินไม่ใช่ที่ปัจจัย
สนับสนุนความเห็นขอวคุณธงชัย อยู่ยิ่งค่ะ พระพูดแบบนี้ทำให้คนไม่รู้เข้าใตผิดๆ
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
5 รูป จำพรรษาในวัดเดียวกัน ไม่ขาดพรรษา ถึงรับกฐินได้ นอ.ทองย้อย แสงสินชัย ปธ .9 ท่านค้นคว้าอย่างละเอียดแล้ว
ดูที่ กูเกิล กฐิน นอ.ทองย้อย แสงสินชัย ครับ
ศึกษาให้มากๆๆ
ศึกษาที่มาในพระไตรปิฏก ครับจะชัดขึ้นน่ะครับ.
รูปเดียวไม่ใช่กถิน
อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มไหน?ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า รูปเดียวรับกฐินได้?ครับ ข้องใจจริงๆ
เบื้องต้น ท่าน เข้าไปเปิดดูในยูทูฟ ที่จะเชื่อม พระไตรปิฏก พระมหาภาคภูมิ สีลานันโท. จะมีข้อมูลไว้อยู่ หากสนใจ...พอว่างก็เชิญ อย่าเชื่อนะ แต่ ลองไปทำความเข้าใจพระไตรปีฏกเองได้.
การตอบแบบนี้ผิดอย่างมากท่านอย่าเอาความคิดตังเองมาตัดสินถึงรับก็ไม่เป็นกฐิน เพราะคำว่ากฐินแปลว่าไม้สดึ่งคือไม้ขึงผ้าต้องใช้พระ4รูปจับคนละมุมอีก1รูปเย็บผ้า สอนผิดๆๆแบบนี้คนถึงถือผิดตามบาปมาก
หลักฐาน
#วินิจฉัยเรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียวรับกฐินได้หรือไม่?
ปัจจุบัน มีชาวพุทธจำนวนมากทั้งที่เป็นภิกษุและฆราวาส เข้าใจว่าจะรับกฐินได้ ต้องมีพระจำพรรษา ๕ รูปขึ้นไป แต่จริงๆ แล้ว เป็นอย่างนั้นหรือไม่? จะยกหลักฐานในเรื่องนี้มาให้ดูบางส่วนดังนี้ :-
#เรื่องภิกษุจำพรรษารูปเดียว
สมัยนั้น #ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า “พวกเรา #ขอถวายแก่สงฆ์” ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ‘ภิกษุมี ๔ รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์’ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี” แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ภิกษุ #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
หมายเหตุ : ถ้าภิกษุรูปที่จำพรรษารูปเดียวนั้นกรานกฐินไม่ได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำเป็นต้องตรัสว่า "จนถึงคราวเดาะกฐิน" เลย
#อรรถกถา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียว มีความว่า จีวรเหล่านั้นแม้ที่เธอถือนำไปแล้วในที่อื่น ย่อมเป็นของเธอเท่านั้น, ใครๆ อื่นไม่เป็นใหญ่แห่งจีวรเหล่านั้น. ก็ครั้นตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสคำว่า อิธ ปน เป็นอาทิ เพื่อแสดงว่า แม้ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่มีความสงสัยถือเอา
คำว่า #จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า #ได้ภิกษุครบคณะ (เพื่อมาทำสังฆกรรมสวดมอบผ้ากฐิน) กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๒๒๐)
หมายเหตุ : ภิกษุรูปนี้มิได้กรานกฐินด้วยผ้านั้น แต่ได้กรานกฐินมาก่อนแล้ว โดยในเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงวิธีการบริหารผ้าของภิกษุผู้ได้อานิสงส์กฐินข้อที่ ๕
***ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้ (คำว่า ภิกษุนอกนี้ หมายถึง ภิกษุผู้ขาดพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้) (วิ.อฏฺ.๓/๑๙๒)
#สรุป
จากหลักฐานที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภิกษุจำพรรษารูปเดียวก็รับกฐินได้ เพียงแต่ในตอนสวดกรรมวาจามอบผ้า ต้องนิมนต์พระมาสวดมอบผ้ากฐินให้เท่านั้น เพราะการมอบผ้ากฐินเป็นญัตติทุติยกรรม
คือถ้าภิกษุน้อยไม่ครบสงฆ์ ผ้านั้นไม่เป็นอันกราน
ต้อง 5 รูปถึงรับได้
ท่ามกลางสงฆ์ รูปเดียวเป็นสงฆ์หรือไม่ ตกลงต้องมี 5 รูปหรือมากกว่านั้นถึงจะถูกต้องตามพระธรรมวินัย
หนึ่งรูปไม่ได้แน่นอน เพราะไม่ครบองค์ ถือว่าเป็นผ้าป่า หนึ่งผู้รับต้องมีปติคาหกด้วย..อย่ามั่วไปศึกษามาใหม่
อย่าเลี่ยง บาลี. ครับท่าน
พระมีผ้าเก่าสุด ใครทราบว่าท่านเก่าจริง (ถ้าอยู่ ต่างวัด)
อย่า อยากได้ เกิน...
สันโดด มักน้อยคือพระแท้
ไม่ได้หลอกต้อง4-5รูปขึ้นไป
ไม่ใช่ครับ พระภิกษุ แค่ ๔ รูป ก็รับได้ด้แล้วครับท่านเณรไม่จำเป็นต้อง อฐิฐานพรรษาครับ