i think it’s the loss of direction in life that causes mid life crisis coupled with stress from work, relationship and financial issues. You’re right that diet and movement (just walk rather than pumping 100kg irons) do wonders to our physical and mental health. Hope you can do another podcast on gut micro biome which is the bacteria in our body which many suggest is our 2nd brain. When the gut bacteria bio system is not balanced, our mental strength goes down. Processed food kills many natural bacteria needed for human to function properly. Last, we humans historically always use external substance to either escape or enhance our reality. For me, cannabis helps me to sleep rather than alcohol. Finally studies have shown psilocybin cubensis can help depression patients. Something to look into
ณ วันนี้ 41ปีคะ ชีวิตตกต่ำที่สุดใน 41 ปีที่ผ่านมา แต่เป็น 41 ปีที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต เชื่อแบบจริงจังคะว่าวัย 40 เป็นวัยที่มีคุณภาพชีวิตที่สูงที่สุดแล้ว(ถึงแม้จะไม่เหลืออะไรเลย) แต่กลับพลิกชุดความคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนแบบน่าอัศจรรย์ 1,เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวคะ 2,เป็นซึมเศร้าเรื้อรังคะ 3,เงินในบัญชีไม่มีเลยคะ 4,มีหนี้ด้วยคะ แต่กลับมีความสุขที่สุดในชีวิตแบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนคะ ในวันที่ตกต่ำที่สุดใจเรา,ชุดความคิดเราจะดึงให้เราขึ้นมาคะ เพราะไม่มีอะไรต่ำกว่านี้อีกแล้วก็จะถึงเวลาขึ้น ขึ้นแบบมีคุณภาพ ขึ้นแบบประสบการณ์ในวัย 41 ที่ทรงคุณค่ามาก อยากให้ทุกคนที่ประสบอยู่ คิดในทางกลับนะคะ ถ้าคิดลบได้ก็คิดบวกได้เหมือนกันคะ ยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ลุกขึ้นหรือจะนั่งพักสักครู่ก็ได้คะ แล้วลุกขึ้นก้าวเดิน มีก้าวแรกจะมีก้าวต่อมาคะ ถ้านอนไม่หลับไม่ต้องนอนคะ ไม่ต้องพึ่งอะไรทั้งนั้นคะ สุดท้ายเราจะเพลียและหลับไปเองคะ และจะเป็นหลับที่ตื่นมามีคุณภาพ ลองดูนะคะ ไปให้สุดคะ และลุกขึ้นก้าวต่อไปคะ ❤🙏
หนูชอบมากเลยที่ว่า นอนไม่หลับ ไม่ต้องนอนค่ะ เดี๋ยวเพลียก็หลับไปเอง อันนี้จริงๆ ส่วนตัวไม่ถึง 40 แต่คิดว่า กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ค่ะ
😮
👍
ขอให้ก้าวผ่านไปให้ได้ค่ะ ปัญหาบางอย่างยิ่งแก้ยิ่งวุ่น เวลาจะช่วยเยียวยาบรรเทาปัญหาลง ช่วงต่ำสุดเราจะได้เห็นว่าใครบ้างที่จริงใจกับเรา ไม่ต้องให้เงินทองหรอกขอแค่กำลังใจไม่ซ้ำเติม ถามเรื่องราวจากเราแล้วนินทาลับหลัง เอาไปเล่าต่อ คนๆนั้นแย่มาก
ขอบคุณมาแชร์เรื่องราวนะครับ อ่านแล้วมีกำลังใจมากขึ้นเยอะเลยครับ ขอให้คุณประสบความสำเร็จนะครับ
วัย 40 คือวัยรุ่นรอบสอง ในแง่ที่ว่าเป็นวัยแห่งการนิยามความหมายชีวิตใหม่, การค้นหาเป้าหมายชีวิตใหม่, การค้นหาตัวตนรอบใหม่, ต้องการสังคมรอบตัวใหม่ ๆ ฯลฯ
เข้าสู่ช่วงหลงทาง สับสนและว่างเปล่าอีกรอบ
ขอให้วัย 40 ทุกคนค้นพบชีวิตของตัวเองครับ : )
มีเพื่อนเป็นกันเยอะค่ะ เพื่อนบอกเหมือนเป็นวัยทอง อารมณ์แปรปรวน รู้สึกไม่มัั่นคงในชีวิต แบบนี้เลยค่ะ
ส่วนตัวอายุมา 40 กลางแล้ว ทำงานบริหาร ก็พยายามฝึกตัวเองหลายอย่างค่ะ
1.พยายามออกห่างหรือหลีกเลี่ยงจากพลังงานลบ ไม่ว่าจากสังคม คน อะไรที่ไม่มีประโยชน์ ต่อชีวิต หนีไปค่ะ
2.พยายามเลิกยุ่งกับชีวิตคนอื่น ชีวิตแต่ละคนมีเหตุผลที่ต่างกัน
3.พยายามทำใจกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ เพราะมันไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราทุกอย่าง
4.พยายามเลิกเอาตัวติดกับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ไม่เอาทีวีไว้ในห้องนอน ถึงเวลานอน ก็พยายามนอนค่ะ
5.พยายามใส่ใจตัวเอง ทำอาหารทานเอง เลือกอาหารที่จะเอาเข้าปาก นึกในใจ ดีกว่าต้องไปลดทีหลัง หรือหาหมอ
6.พยายามมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้ ซื้อความสุขให้ตัวเองแบบที่ตัวเองไม่ลำบากในภายหลัง
7.พยายามให้กำลังใจตัวเอง ชีวิตมันก็แบบนี้ ไม่ดีทุกวันหรอกแต่ก็ไม่แย่ทุกวัน
8.พยายามเลิกสะสม ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ที่เป็นภาระ ยิ่งในบ้าน ยิ่งโล่ง ชีวิตยิ่งสบาย สมองโล่ง
9.พยายามวางแผนชีวิต แบบวันนี้ก็ไม่ลำบาก ในอนาคตข้างหน้าก็สบาย
ปัจจุบันใช้ชีวิตที่รู้สึกว่า มีความสุขกับการใช้ชีวิต พอทำได้อย่างที่บอก เวลาชีวิตมีปัญหาสมองมันจะพร้อมแก้ปัญหาค่ะ เพราะมันไม่ได้แบกอะไรไว้รกสมอง เลยแชร์ไว้เผื่อลองทำกันดูค่ะ
ฟังอย่างตั้งใจมากค่ะ ปีนี้ 46 ผ่านช่วงเวลาที่ไร้จุดหมายไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม ทำทุกวันไปเพื่ออะไร ถึงจุดที่แย่ที่สุดที่ไปต่อไม่ไหว ต้องทำอะไรซักอย่างไม่งั้นซึมเศร้าแน่ๆ 1.ลุกขึ้นมาค่อยๆเปลี่ยนกิจวัตรจากที่เคยตื่นสาย มาตื่นเช้า ทำกับข้าวง่ายๆไปวัด พยายามยิ้มให้เยอะขึ้น
2. เริ่มทานอาหารเพื่อสุขภาพและลดการดื่มไวน์จากทุกวันเป็นสัปดาห์ละครั้งจนยาวไปได้ถึงเดือนละครั้งหรือเมื่อมีงาน
3. Information Diet ลดและเริ่มงดรับข่าวสารต่างๆเกือบทุกช่องทาง เริ่มโฟกัสที่ตัวเอง รู้เท่าทันความคิดตัวเอง เช่น ชั้นกำลังไหลตามวงเม้าส์มอย ก้อหยุดเข้าร่วม ชั้นกำลังไม่พอใจ ก้อถามตัวเองให้ลึกลงไปว่าไม่พอใจด้วยเหตุอันใด เวิร์คกับตัวเองมาเรื่อยๆ
เริ่มรู้สึกดีขึ้นจากการได้ให้แม้เพียงเล็กน้อย จากการทำไข่เจียวไปวัด ชีวิตเริ่มมีความหมาย ค่อยๆขยับมาเริ่มคิดหาทำธุรกิจ ผ่านมาได้ 3ปีล้มลุกคุกคลาน แต่สติก้อพาผ่านมาได้ ยังคงคอยตรวจสภาพจิตใจของตัวเองอยู่เนืองๆ ทุกวันทุกขณะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ถ้าชีวิตขาดความหมายของการตื่นมาทุกเช้า ลองเริ่มต้นด้วยการให้ แม้เพียงเล็กน้อย มันอาจจะช่วยพาคุณไปในจุดที่ค้นพบความหมายของการเกิดมาบนโลกนี้ของเราได้นะคะ สู้ๆค่ะ
ดีมากเลยค่ะ จะลองไปปรับใช้ค่ะ
ปีนี้ 45 ค่ะ เป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ❤
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณที่แชร์แนวคิดดีๆนะคะ ชอบค่ะ
ผมจะ 47 ปลายปีนี้แล้วครับ
นอนน้อยมาหลายเดือนแล้ว..มีผลโดยตรงจริงๆ ครับ มันทำให้สมองล้า ขี้ลืม แล้วก็ไม่มีกำลังใจทำงานเลย..สรุปคือ การนอนสำคัญที่สุดแล้วสำหรับคนมีอาการเบื่อๆเซงๆแบบนี้
ว่างเปล่าเพราะลึกๆไม่รู้ว่าเกิดมาเพื่อจะทำอะไรที่สำคัญ
อย่าลืมว่าการเกิดเป็นคนไม่ใช่เรื่องง่าย จงหาสิ่งที่จะทำก่อนตายที่มันทำให้ใจเราเต็ม ดีกว่าตายไปเฉยๆ เสียดายที่ได้เกิดเป็นคน
อีกเรื่องคือ อย่าไปอะไรมากกับความคาดหวังทั้งมาจากตนเองและจากคนอื่น ทำอะไรก็ตามทำให้ใจสบายๆแต่ก็ตั้งใจทำให้ดีอยู่ในที แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
เป็นคลิปแรกที่เม้นโดยที่ยังไม่ได้ฟังคลิปแต่อ่านเม้นแล้วตอบ คือ บางคนไม่ได้ลำบากเลย คนที่ยังลำบากอยู่ก็ดิ้นต่อไปในอายุ 40+ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่เหมือนทุกคนกำลังขาดความฝัน ผมโคตรจะป่วยครับ หลายโรคที่ไม่ถึงกับชีวิตแต่บั่นทอนชีวิตประจำวันเหลือเกิน ทุกๆ วันมันยากกว่าคนปกติทั่วไป ถ้าวันไหนอาการหนัก ก็คิดว่าพรุ่งนี้มันก็หาย ผมยังอยู่มาได้ 20 กว่าปี ฟันแทบไม่มี ใส่เหล็กตั้งแต่หัวยันขา ผมยังมีความสุขกับชีวิต มีความฝันและอยากจะทำมันให้สำเร็จเมื่อยังมีโอกาส แม้จะไม่มีคนสนใจมันเลยก็ตาม ที่สำคัญคือ ตอนเราลงมือทำมันจริงๆ นั่นคือความสุขในความฝัน
ในวัย40s โดยสว่นตัวเหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตเหมือนฝรั่งเขาบอกว่า "อายุ40 คือการเริ่มต้น" มีเป้าหมายชีวิต มีความคาดหวัง มีปัญหาในชีวิตหลายๆเรื่อง แต่ไม่เคยท้อแท้หรือสิ้นหวัง เข้าใจชีวิตมากขึ้น หลักๆคือใช้ธรรมมะนำทางให้ชีวิต สวดมนต์ นั่งสมาธิชว่ยได้เยอะเลยค่ะ
ตอนอายุน้อยทำงานหนักมากๆ แลกกับรายได้สูง แต่เครียดสุดๆ พอมาทำของตัวเอง เงินแทบไม่พอใช้เลย จึงทำให้คำว่าชีวิตพอเพียงเป็นอย่างไรทุกวันนี้สุขภาพดีขึ้นมากๆ ค่ะ….ตอนนี้ก็อายุเยอะแล้ว โชคดีมีชีวิตโสดโคตรมีความสุขเลยค่ะ มีครอบครัวและญาติที่ดี คอยสนับสนุน ตัดเพื่อนไม่จำเป็นทิ้งไป ปฎิบัติธรรม นั่งสมาธิ ปล่อยวางเยอะขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้คนมีครอบครัวและต้องแบกรับภาระเยอะ คำว่า ปล่อยวาง มันโล่งจริงๆ ค่ะ❤❤
หนูวัย19เข้่ามาฟังเพราะพ่อเลย พึ่งรู้ว่ามันหว่าเว้วัย40คงต้องการกำลังใจคนรอบข้างนั่นคือมาจากคนสำคัญ กลับบ้านไปให้กำลังพ่อ😢😊
หนูน่ารักกับคุณพ่อมากๆๆเลยค่ะ ชื่นชมนะคะ🥰
🎉🎉🎉🎉🎉
เจริญอานาปานสติ(ทำสมาธิ)แก้ได้ทุกเรื่องเรียนรู้
พุทธวจน ความสุขเกิดขึ้นจากการรู้ลมเข้ารู้ล้มออก มันวิเศษที่สุด อายุ ผม47ไม่เคยท้อเหนื่อยก็นอนมีเป้าหมายรู้จักชีวิต
ถ้าอีก 1 อาทิตย์ทุกคนบนโลกนี้จะตาย
ทุกอย่างมันจะหมดความหมาย❤❤❤
41 ปี ใช่เต็มๆ เลยค่ะ ปัญหาครอบครัว กระทบแบบตั้งหลักไม่ทัน พยายามฝึกตัวเองให้เข้มแข็ง เดินหน้าต่อ ใช้พลังเยอะมากๆ จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดจากข้างในได้เลย แต่เราก็ต้องสู้ต่อ เพื่อเราเอง เพราะเรายังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องอยู่ต่อไป
แด่คุณผู้มีอาการอย่างนี้หรือคล้ายกันนี้และบังเอิญผ่านมาเห็นข้อความนี้.....
มีบางอย่างที่อยากให้คุณได้ลองทำ สิ่งนั้นคือการ "เขียน"
เขียนด้วยกระดาษและปากกาจริงๆ " เขียน" ทุกอย่างที่มีอยู่ในหัว ทั้งความคาดหวัง เรื่องทุกข์ใจหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ โดยไม่ต้องไปตัดสิน แค่เขียน และเขียนจนนึกเรื่องที่จะเขียนไม่ออก....ทั้งก่อนนอนและหลังตื่นนอน แล้วคุณจะได้พบว่าจริงๆแล้วสิ่งที่คุณแบกไว้อยู่คืออะไร หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะพอทำให้ใจและชีวิตคุณรู้สึกเบาลงได้บ้าง....❤
เหนื่อยมามากแล้วน่ะ ถ้าเหนื่อยนั่งพักก่อนน่ะ ไม่ต้องพยายามเข้มแข็งในวันที่อ่อนแอก็ได้...
ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ🙏❤
เขียนแล้วเมื่อยมือเลยเลิกคิดครับ
43 ค่ะ. ล้มแล้วลุก เล็กบ้างใหญ่บ้างไม่รู้กี่รอบ.
อยู่มาวันนึงรู้สึกโดนโลก โดนสังคม บรรทัดฐานที่โตมาด้วยกันหลอก. หาชีวิตตัวเองไม่เจอ.
โยนทิ้งแม่งเลยค่ะ. ขออภัย. เริ่มต้นใหม่ค่ะ. ตั้งต้นใหม่กับ mindset.
สู้ไปด้วยกันนะคะ. เราไหวค่ะ รุ่นเรามันเลือดนักสู้.
นอกจากไอดอลเกาหลีที่ฮีลใจแล้ว ก็ mission to the moon นี่ละคะ ที่ฮีลใจ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ❤
จะ 40 ปีหน้าแล้ว สิ่งที่ตลกคือ จุดนัดพบใหม่ของเรากับเพื่อนคือรพ. 😅 คนนึงเป็นมะเร็ง คนนึงเป็นไตรั่ว ฮือ
พอ 40 นี่ สุขภาพจะเปลี่ยนแปลงไปในทางแย่ลงแบบสังเกตได้
ขอคุยด้วยนะครับ
ผมก็อายุ 40s ไม่มีเงินเยอะแต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก มีความสุขสบายดี นอกจากการทำงานแล้วก็มี Serious Hobby เอาไว้เป็น exit
ผมอยากจะพูดถึงหนังสือชื่อเรื่องเล่าจากร่างกายเขียนประมาณว่า ตามธรรมชาติสมัยก่อน เราจะเกิดความเครียดที่สองกรณี 1 จะล่า 2 จะถูกล่า ซึ่งทั้งสองกรณีนี้ร่ายกายจะเตรียมความพร้อมโดยการเอาเลือดไปเลี้ยงในส่วนที่จำเป็น (เช่น กำลังจะโดนล่า เลือดคงไม่ไปเลี้ยงกระจหรือกระเพาะ) ระหว่างเกิดกิจกรรมก็จะมีฮอโมนต่างๆเกิดขึ้นตามกลไกของร่างกาย พอจบกิจกรรม (ออกแรง) ทั้งเลือดและฮอโมนจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ปัจจุบันความเครียดที่เกิดขึ้นมันเป็นการนั่งนิ่งๆ ร่างกายไม่ได้ปลดปล่อย ร่างกายมันจะงงๆแบบ เฮ้ย มรึงวิ่งเลย ล่อมัน ทำไมไม่ออกแรงเลยวะ
แล้วเราดันเครียดนานด้วยบ่อยด้วย มันสะสมทำให้ระบบในร่างกายรวน ดังนั้นผมเชื่อว่าการออกกำลังกายช่วยปรับสมดุลยร่างกายได้
ส่วนเรื่องความคาดหวังจากภายในและภายนอก ผมมีโอกาสได้ไปฟังการสนทนาธรรม ประโยคที่ผมนำมาใช้แล้วรู้สึกว่าชีวิตง่ายขึ้นและมีความสุขคือ "ไม่อะไรและก็ไม่อะไร" ครับ
แต่ทว่าแต่ละคนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ต้องปรับใช้ตามความเหมาะสมครับ
ขยายความคำว่า "ไม่อะไรและก็ไม่อะไร"" ให้หน่อยสิครับ
@@Home--DIY หาฟังวิดิโอ คุณพศิน อินทวงศ์ดูค่ะ เรื่องการปล่อยวาง
ผมเป็นครับ วิกฤติคน 40กว่าๆ... ทั้งนอนไม่หลับ ถูกสถานะต่างๆการบีบ ค่อยๆแก้กันไป ฟังแล้วเป็นกำลังใจมากครับ
อีก 5 ปีจะอายุ 40 ปี ชีวิตผ่านไปไวมาก ชอบฟัง ได้เรียนรู้ชีวิตผ่านเรื่องราวประสบการณ์ที่หลากหลายเคส จากผู้ใหญ่ ขอบคุณมากๆค่ะ 🙏💞
ปีหน้าละ รู้สึกแก่เลย 555
@@manatsaweesuwaraburasad119 🥰🥰🥰
หน้าเด็กมาก
@@ศักรินทร์ดาวร้าย-ฟ3ร 🥰ขอบคุณค่ะ🥰
ทำไมอายุน้อยจังครับ 55
ถูกคาดหวังมาตั้งแต่เด็ก ทำดีที่สุดแล้ว แต่อาจไม่ดีพอกับคนอื่น ปัจจุบัน 41 ปล่อยวางทุกอย่าง ไม่อยากเครียด ไม่อยากคิดเยอะ ไม่ยึดติด แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีพอ เพราะชีวิตก็มีแค่นี้ ไขว่คว้า โหยหา สุดท้ายกลับมาจุดเริ่มต้นทุกคนครับ
อายุ 40 พอดีกำลังเป็นอย่างนั้นเลยครับ เวลาอยู่คนเดียวมันจะรู้สึกซึมๆ ไม่รู้จะทำอะไร
ผมเป็นแบบคนที่อยู่ในเรื่องเลยความด้วยบริบทเหมือนกันเป๊ะ อาการติดเหล้า ติดยาจิตเวท สิ่งที่ช่วยผมได้หลังจากอยู่วังวนนี้ประมาณ 1.5-2 ปี คือการบวช (ขอให้มองว่าเป็นการทดลองวิทยาศาสตร์)แต่อาจจะไม่เหมาะกับเจ้าของกิจการเนื่องจากผมดป็นพนักงานที่ได้สิทธิ์ลาบวชได้ 4 เดือนโดยได้เงินเดือน สิ่งที่เกิดขึ้นจากการบวชคือ
1. การปล่อยวางออกจากภาระทางโลกที่เราแบกอยู่ทั้งปวง
2. การฝึกสมาธิ อย่าตีความไปที่พิธีกรรม ให้คิดว่าคือการฝึกโฟกัสในจิตใจ เช่น ลองฝึกหลับตาแล้วหยุดหายใจดู คุณจะพบกับความนิ่งเงียบ นี่แหละครับคือการฝึกสมาธิที่เราตะใช้ลมหายใจกำกับ โดยสมองเราจะอยู่กับลมหายใจได้ โดยไม่มีเรื่องอื่นเลยคีบ ฝึกบ่อยๆ คุณจะดีขึ้นมาก สมาธิก็จะดีขึ้น
3. การปล่อยวาง (อันนี้เป็นบริบทที่ได้จากศาสนาจริงๆ เพียงอันเดียว)
ผมคิดว่าการนอนไม่ได้คือคุณอยู่กับจิตใจตัวเองไม่ได้ จิตมันไม่นิ่งคิดไปเรื่อยเปือย ไม่มีสมาธิ (Focus) อยู่กับตัวเองครับ จำง่ายๆ ถ้าเราคิดหรือจดจ่อกับสิ่งหนึงนานๆ ได้โดยไม่มีความคิดอื่นมาแทรกนั่นคือสมาธิ
ในขณะเดียวกันถ้าหากไม่สะดวกบวชผมว่ากิจกรรมเช่น การถักโครเช วาดภาพ ปั้นเครื่องดินเผา หรืองานฝีมืออื่นๆ อาจช่วยท่านได้ครับ
เข้าใจครับ 40 ก็เป็นหัวหน้าคน เป็นเจ้านายคน เป็นหัวหน้าครอบครัว ทุกอย่างมันก็หนักอึ้งหละครับ
ผมเองก็มีอาการเหมือนทุกคนและรู้สึกเหมือนทุกๆความเห็น ขออนุญาตแชร์ด้วยคน ผมอายุ 61 ได้เจอะเจอหลายๆอย่างในชีวิต ทุกวันก็นึกถึงบางช่วงบางตอนของชีวิตตั้งแต่วัยเด็กเท่าที่จำได้ ความทรงจำจะไหลเวียนมาเป็นช่วงๆ มีทั้งดีและไม่ดี ความเครียด ความกดดัน ความคาดหวัง ตามหาความหวังในชีวิต เหมือนๆทุกคน แต่ทุกวันนี้มีความสุขสุดๆ ฟินทุกวัน ทุกเวลา จะบอกตัวเองเสมอว่าเป็นคนที่มีโชคดีมากๆ ในชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงวัย 61 วันนี้ ช่วงวัย 40-45 ยังเป็นคนกินเงินเดือนเป็นผู้จัดการ ชีวิตการทำงานตั้งแต่อายุ ยังไม่ 20 จากคนที่ไม่มีทักษะไม่มีความรู้ประสบการณ์ใดๆ เป็นเพราะความไม่รู้ทำให้ผมกลัวและก็ไม่ได้มี vision of life at all. ก็พยายามทำและเรียนรู้ ขนขวายเท่าที่จะทำได้ เหมือนเด็กที่ว่ายนำ้ไม่เป็นแต่ต้องเอาชีวิตรอกให้ได้จากสารธารของชีวิต อายุ50เริ่มทำบริษัทของตังเองเป็นบริษัทเล็กช่วงนีคิดแค่หาเลี้ยงตัวเอง ด้วยงานที่ทำเป็นงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดูแลลูกค้า ได้เจอะเจอผู้คนหลากหลาย แต่ส่วนนึงของคนที่ได้เจอะเจอทำให้มีโอกาสก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ จากการได้ใช้ชีวิตใน environment ที่หลากหลาย ได้ทำได้มีประสบการณ์ ในหลายๆเหตุการณ์ สถานการณ์ ผู้คนหลากหลาย good time & bad time. ล่าสุดโควิดคือ biggest thing in life หมดสิ้นความหวัง ซึ่งก็ทำใจได้ถึงแม้ว่าชีวิตจะหมดสิ้นทุกอย่าง แต่อย่างที่บอกว่าผมโชคดีพอเปิดประเทศลูกค้านักท่องเทียวกลับมา งานใหญ่ๆ ทั้งนั้น จากที่หมดตัว วันนี้มีทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ อยู่ดีกินดีใช้ของดีๆ perfect สุดๆ ถึงขั้นที่เรียกว่าอิ่มตัว. อยส่งที่บอกว่าเคยเป็นเหมือนทุกคนที่หาจุดมุ่งหมายของชีวิตไม่เจอ ที่อยากจะแชร์ก็คือผมเคยถามว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร วันนี้พอบอกได้ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองซึ่งเป็น กฏ survivor ของสิ่งมีชีวิต แต่จากการที่เรามีชีวิตอยู่นั้นจะมีความสุขได้และทำให้มี energy ทุกวันสำหรับผมคือการทำงาน และผลของงานมีส่วนให้ชีวิตของคนรอบข้างตั้งแต่คู่ชีวิต Soulmate พี่น้อง ลูกเมีย ลูกน้อง ต่างมีความสุข คืองานที่ผมทำทำให้ชีวิตคนรอบตัวผมนอกจากได้รับผลความเป็นอยู่มีชีวิตที่ดีขึ้น จะบอกว่าผมเห็นคุณค่าของตัวผมที่ สามารถทำให้กับคนรอบข้าง ผมได้ทำงานใหญ่ที่สุดในชีวิตเมื่อตอนอายุ 61 มีนักท่องเที่ยวเมื่อต้นปี 3,000 คน ถือว่าเป็นสิ่งที่ภูมิใจที่สุดในชีวิตการทำงาน ตัวผมไม่สามารถบอกตัวเองว่าได้เงินเท่าไหร่เพราะผมไม่ได้เน้นว่าจะต้องได้เท่าไหร่ คือได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่สิ่งที่ได้คือความสุขที่ได้ทำ มีคนที่ผมทำงานด้วยพูดให้ฟังว่างานที่ผมให้เค้าทำ ทำให้เต้ามีรายได้ไปแบ่งปันให้ญาติพี่น้อง อีกคนบอกว่าได้เงินจากผมไปเป็นค่าเทอมให้ลูก ส่วนลูกค้าก็มีความสุขที่ผมดูแลทั้ง 3000 คน นอกจากเงินที่ได้แต่มีหลายอย่างที่มีคุณค่ามากกว่าเงิน ก็คือมิตรภาพ ความรักผูกพันกับผู้ร่วมงาน ทุกวันนี้เวลานึกถึงก็มีความสุขแล้ว.
ผมเคยเป็นเหมือนหลายๆคน แต่เปลี่ยนวิธีคิด หยุดความคิดเชิงลบกับตัวเอง สร้างความสุขสบายใจให้กับตัวเอง โดยไม่คาดหวังที่จะให้คนอื่นมาสร้างความสุขให้
สิ่งที่ช่วยได้เยอะสุด คือ ออกมาจากความกดดันของคนอื่นซะ เลิกติดตามเฟสบุ๊คเพื่อน ก็จะเลิกเปรียบเทียบ แล้วก็จะเลิกอิจฉา และยินดีกับชีวิตตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ทำแบบนี้แล้วมีความสุขมาก
เคยฟังคนที่มีปัญหาแนวๆนี้ค่ะ เขามีความสมบูรณ์แบบมาก ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความคาดหวังด้วย แต่เขาไม่มีความสุข วิธีแก้ของเขาคือ เวลาว่างเขาไปเป็นจิตอาสา เขาหายจากโรคที่เป็นค่ะ
ขอบคุณที่มีอีพี ค่ะ มันตรงใจสุดๆ อายุ42 แล้วค่ะกำลังสับสนในชีวิต ความคิดอยู่พอดี🥰🥰🙏
เป็นความรู้สึกที่ต้องรับเอาความคาดหวังจากคนรอบตัวครับ ผมเคยผ่านมาแล้ว เคยคิดว่าไม่อยากได้อะไร ไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากทิ้งทุกอย่างไปให้หมด รวมถึงมีคำถามว่าจะมีชีวิตไปทำไมด้วยซ้ำ จนวันหนึ่งตัดสินออกจากอาชีพที่มีรายได้สูงแล้วมาทำกิจการเล็กๆ ปลดปล่อยความคาดหวังต่างๆ ใช้ชีวิตกับปัจจุบันมีความสุขกว่าเดิมมากๆ เวลาผ่านหลายปีแล้ว ไม่เคยคิดจะกลับไปที่เดิมเลย
เคยเป็นครับ รับผิดชอบงานหนัก ค่ารถค่าบ้านต่างๆติดยานอนหลับ ต้องกิน5-6เม็ดทุกวัน ตื่นเช้าเบลอพูดไม่รู้เรื่อง ยังดีที่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวต้องรับผิดชอบ ตัดสินใจทิ้งทุกอย่าง ทิ้งงาน ทิ้งสังคมเพื่อนฝูง ย้ายตัวเองมาอยู่เชียงใหม่สิบกว่าปีแล้ว ทำธุรกิจเล็กๆคนเดียว มีเงินเก็บนิดหน่อย ใช้ชีวิตง่าย ได้ออกกำลังกายทุกวัน ไปไหนก็เดินเอา ที่สำคัญสุขภาพดีมากครับ
กล้าหาญมากค่ะ
อายุ20ฟังแล้วรู้สึกขอบคุณพี่ที่เล่าเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง เพราะเรื่องราวเหล่านี้ให้ข้อคิดกับคนทุกวัยจริงๆครับ ขอบคุณพี่ๆมากครับ
อายุ 40 มาทีหลังอายุ 30 และ 20 วัยที่เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลังและการพัฒนาขึ้นของทักษะหน้าที่การงาน ฯลฯ ทำให้วัยนี้มักยึดมั่นถือมั่นว่าชีวิตต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ถึงขั้นนั้นขั้นนี้ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่ไม่นอน เกิดสภาวะวางไม่ลงและแบกรับภาระหลายสิ่งหลายอย่างไว้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ว่าทำตามอย่างหมอบอก เช่น เข้านอนให้เป็นเวลา ไม่เล่นมือถือ ปิดไฟให้มืดแต่ก็ยังนอนไม่หลับเพราะจิตไม่ปล่อยวางทำให้สมองหลั่งสารเคมีรบกวนการนอนหลับ ไม่แปลกที่พอเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอาการมักดีขึ้นพอกลับมาทำงานก็กลับเป็นเหมือนเดิม
จากการสังเกตุตัวเอง บางทีเวลามีความเครียดจะมีผลต่อการหายใจคือจะหายใจค่อนข้างสั้นไม่ลึก
ลองฝึกหายใจให้ลึกๆก่อนนอนและระหว่างวัน ให้รู้สึกถึงร่างกายที่หายใจเท่าที่สติจะระลึกได้อาจจะนับเลขไปด้วยก็ได้ ส่วนตัวลดความเครียดได้เยอะทำให้หลับดีขึ้นครับ
ผมเป็นคนที่นอนหลับง่ายมากๆ หลับสนิท แบบไม่ฝันด้วย นอนได้ทุกที่ บนรถยนต์ รถตู้ รถเมลล์ โรงแรมผีสิง ที่ไหนอะไรก็นอนได้หมด กินกาแฟเข้มๆไปสามแก้วยังนอนได้แล้ว ถ้าง่วงแล้วคือนอนสบายๆได้ เคล็ดวิชาคือ
1. ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ สมัยเรียนมหาลัยสูบบุหรี่จัดมาก และเคยเป็นคนนอนไม่หลับ รู้เลยว่าบุหรี่มีผลต่อการนอนเยอะมาก
2. กินให้อิ่มก่อนเข้านอนสัก 4-5ชั่วโมง กินผักให้มากๆ กินแป้งให้น้อยๆ น้ำตาลทรายคืองดเลย ไม่แตะน้ำตาลทรายตรงๆมา 10ปีแล้ว
3. ไม่มีหนี้สินครับ ไม่มีเรื่องให้เครียด เคยมีช่วงที่หนี้เยอะ หนี้ที่ส่งทอดกันมาหลายชั่วอายุคน จนจิตใจกังวลตลอดเวลา พอเคลียร์หนี้ทุกอย่างหมดแล้ว เหมือนชีวิตสลัดเรื่องเครียดๆออกไป 50% ข้อนี้สำคัญที่สุด
4. จัดดารธุระส่วนตัวทุกอย่างให้เสร็จ เข้าห้องน้ำฉิ้งฉ่อง อึ แปรงฟัน บิดซ้ายบิดขวา ฯลฯ สลัดเรื่องไม่สบายใจทุกอย่างทิ้งก่อนเข้านอน ทำใจให้สบายๆคิดถึงสิ่งดีๆ ตอนหลับตาลง และคิดถึงสิ่งดีๆที่จะเกิดขึเนหลังจากตื่นขึ้นมา จะเรียกว่านอนสมาธิ หรือมีสมาธิในการนอนก็ได้
5. บรรยากาศในห้องนอนต้องน่านอนด้วย คือดูมาหลายแนวคิด หมอหลายท่านก็บอกว่า ต้องไม่มีทีวี ตู้เย็น ไม่มีมือถือ ไม่มีบลาๆๆในห้องนอนบ้าง จนค้นพบว่าจริงๆมันไม่เกี่ยว บรรยากาศที่ดีคือบรรยากาศที่เรานอนง่ายที่สุด
ผมเคยเป็นแบบนี้ครับ เป็นแบบทุกอย่างที่พี่เล่าเลยครับ แต่ตั้งแต่มารู้จักกัญชาเท่านั้นแหละครั ชีวิตเปลี่ย กัญชามันไม่ได้ เมาแอ๋อ่ยางเดียวมีหลายสายพันธุ์ครับ พวก CBD แนะนำครับ ผ่อนคลายหลับสบาย THC ก็จะออกไปทางเมาแอ๋หน่อยบๆครับ ลองดุครับพี่ๆ ไม่ติดครับ
คู่ชีวิต และคนรอบข้าง ควรเป็นพลังบวกและกำลังใจให้กัน
ธรรมมะค่ะช่วยใด้ทุกปัญหา ใจ สติ🙏🙏🙏🙏🙏
ขอบคุณนะคะที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
ผม 28, เรื่องอื่นอาจยังไม่ถึงขั้น, แต่เรื่องอาหาร ขอมา second ครับว่ามันกระทบกับ mind เรามากกว่าที่คิดมาก (มันไปกระทบกับ body ก่อน แล้ว body ก็มากระทบ mind) นี่ขนาดผมเป็นคนกำลังกายทั้ง weight training + cardio (เทนนิส) นะ ยังไม่แข็งขนาดที่จะพ้นจากผลกระทบของอาหารแย่ๆเลย พวกน้ำตาล / processed food / deep fried / high loaded carb นี่ กินแล้วอึน มึน mind fog รู้สึกไม่กะปรี่กะเปร่ามากจริง ระวังกันไว้นะครับ เพราะถ้าเคยชิน แล้วมันจะเป็น habit ที่สักพักพอชินจะ downward spiral เลย ขึ้นมายากมากครับ บอกก่อน บางคนกว่าจะพ้น หลักปี บางคนก็ทั้งชีวิต ผมว่าอย่าประมาท
ขอแนะนำให้ฝึกลมหายใจแบบโยคะค้า มันช่วยได้เยอะเลยคะ
ประสบพบเจออาการแบบนี้กับสามีค่ะ สารภาพว่าเราไม่เข้าใจเขาเลยว่าทำไมคนๆนึงถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ชีวิตคุณมีทุกอย่างที่อดีตเคยใฝ่ฝันแต่ทำไมถึงไม่มีความสุขเลย เลิกงานกลับบ้านมาบ่นได้ทุกเรื่อง ทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด นอนไม่หลับมาโทษเรื่องเราพลิกตัวทั้งๆที่นอนด้วยมาตั้งหลายปี กับข้าวพยามทำเพื่อสุขภาพทุกอย่างเพราะผลตรวจร่างกายเขาไม่ค่อยดี สุดท้ายเวลาเขาเครียดกลับสั่งเฟรนฟรายมาดื่มพร้อมเบียร์ นั่งทานระหว่างทำงาน 😅 อยากจะเดินไปหยุมหัว แต่เห็นเขากำลังพยามมีความสุขก็ได้แต่เก็บซ่อนอารมณ์ไว้ในใจ พยามสร้างบรรยากาศที่บ้านให้น่าอยู่ ชวนคุยเรื่องบวกเรื่องอื่นๆให้เขาหลุดจากความกังวล แต่ไม่กลับมาดีเหมือนก่อนเลยค่ะ จนตัวเราเองไม่มีความสุข นอนไม่หลับซะเอง ต้องกินยาคลายเครียดตลอด 😅😅
ตรงมาก บางครั้งอยากนอนแล้วหลับไปเลย
อาจจะเกี่ยวกับสังคมรอบตัวแต่ละคนด้วยรึเปล่าคะ บางทีสังคมที่อยู่ บางคนถูกกดดันจากครอบครัว หรือ เพื่อน โดยไม่รู้ตัว อาจจะมีผลต่อความรู้สึกภาคภูมิใจ หรือความพึงพอใจในตัวเอง บางสังคมก็ไม่กดดันขนาดนั้น พอจะมีพื้นที่ให้เรารู้สึกพอใจ และมีความสุขในชีวิตธรรมดาๆที่มี ไปตามจังหวะของมัน การมีใครซักคนเข้าใจ ภูมิใจในตัวเราก็สำคัญต่อแนวทางการใช้ชีวิตของเรามากๆเลย เช่น สามี ภรรยา พ่อแม่ เพื่อนสนิท
มันเป็น อาการของคนกังวลอนาคต มากค้ะ และ ปัจจุบัน ไม่ได้ อย่างใจ ลองลดมาตราฐาน ชีวิตปัจจุบันดู โดยไม่แคร์ สายตาใคร สักระยะ นึง ภาพ อนาคตที่คาดหวัง จะชัดขึ้น หากมีเวลา แนะนำให้ ไปเรียนสมาธิ ค้ะ จะจัดการความนึกคิด ต่างๆได้ดี บางที จะได้ คำตอบ ค้ะ ✌️✌️
ความสุข3ระดับ ฐานล่างของมันต้องมีสุขภาพที่ดี ถัดไปคือความสัมพันธ์ที่ดี ความสำเร็จก็จะไปได้ไกลกว่าเดินคนเดียว จากcaseอาจจะติดกระดุมเม็ดแรกผิด จึงค่อยๆพังไปตามลำดับ >>ความสัมพันธ์แย่>>ร่างกายถดถอย ต้องปรับเรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้างโดยเฉพาะคนใกล้ตัวคุณที่สุดคือครอบครัว ถ้าร่างกายดี มีความสัมพันธ์ดี คุณจะมีแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไป
ส่วนคุณแท๊บไม่จำเป็นต้องเร่งตัวเองเกินไป ผ่อนบ้าง เร่งบ้าง เป้าหมายไปถึงได้เหมือนกัน ไม่ต้องเร็วที่สุด แต่secure ต้องสื่อสารให้คนรอบข้างให้เข้าใจgoalเดียวกัน
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องราวดีๆ ค่ะ
ลองอนุญาตให้ตัวเองหยุดทำทุกอย่างแล้วไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดสัก 1 อาทิตย์
คำแนะนำจากเด็กอายุ 22 ที่ถูกคาดหวังมาตั้งแต่เด็กจากทุกๆคนจนตอนนี้ช่างแม่งทุกอย่างทางความรู้สึก ยิ่งโต่ยิ่งโดดเดี่ยวยิ่งเปราะบาง
37 ละค่ะ ก็รู้สึกเริ่มบีบละค่ะ ไม่รู้ว่าจะหาเงินทันเกสียนรึเปล่าค่ะ เพราะคงไม่ได้แต่งงานมีลูกละค่ะ ก่อนหน้าก็ภาวนาขอให้ได้แต่งงานมีสามี มีลูก ตอนนี้ ทุกอย่างมันผ่านไปหมดแล้วค่ะ
ตอนนี้ หาเงินยังไงให้ทันเกสียน คิดแค่นี้เองค่ะ
หัวข้อนี้ดีมากๆคะ จริงๆเพราะฮอร์โมนมันเปลี่ยนจากการที่เราเครียดและทำทุกอย่างให้ชีวิตดีขึ้น แต่พอ 40 ปี ร่างกายแย่ไม่เคยได้ดูแล ทำให้ต้องปรับใหม่ ตอนนี้รู้สึกเข้าใจชีวิตมากขึ้น เหมือนปลงได้ มีเงินมากเพราะขยันมาก นอนไม่ค่อยหลับ มาคิดได้ สุขภาพสำคัญ เลยจัดปรับเรื่องการนอนการกินและดูแลตัวเองมากขึ้น ปรับใจไม่แบกรับทุกอย่างเพราะ คิดได้ว่าถ้าเราไม่อยู่จริงๆ คนที่อยู่ในความรับผิดชอบของเราเค้าก็อยู่ได้ ปล่อยวาง ไม่ช่วยเหลือใครจนมากเกินไป แต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่าง สิ่งที่ทำได้คือกลับมาดูแลตัวเองรักตัวเองคะ ถึงจะไปต่อได้ เป็นกำลังใจให้หลักสี่ทุกท่านคะ
เพื่อคุณเป็นซึมเศร้าครับ ให้หมอจ่ายยา แล้วก็ต้องให้นักจิตบำบัดแนะนำด้วยครับ
รู้สึกยังไงก็เติมไม่เต็ม ตัวเองไร้ค่า มองข้ามสิ่งดีๆ ที่ตัวเองมี low self-esteem
ผมเคยตกงานติดต่อกัน 2 ปี หนี้สินรุมเร้า เจ้าหนี้ไล่ฟ้อง ต้องไปขึ้นศาลทุกเดือน เครียดมาก จนเครียดลงกระเพาะ หมอให้ยานอนหลับแบบเพิ่ม doze ก็เอาไม่อยู่ ทรมานตรงง่วงมึนหัวแต่นอนไม่หลับ สุดท้ายทนไม่ไหวต้องเลิกกินยาแล้วหาทางเยียวยาจิตใจตัวเอง ยอมรับกับสิ่งที่เจอแล้วเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุข ไม่งั้นร่างกายจะย่ำแย่ไปด้วย ซัก 3 เดือนหาย มันดีขึ้นเรื่อย ๆ แค่ยอมรับความจริง
ผ่านชีวิตในช่วงนั้นมาแล้ว แต่ศึกษาธรรมะมาตั้งแต่วัยรุ่น คิดว่าธรรมะช่วยได้นะ แต่หลายคนไม่ค่อยเชื่อ และหาสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ตรงกับจริตได้ยาก ก็ขอให้โชคดี พบทางออกสำหรับตัวเองแล้วกันนะครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ธรรมะช่วยได้ค่ะ
@@sopisroongruangvoratus983 คนทำงานล้วนเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดหรือสิ่งที่ไม่สบายใจ สิ่งเหล่านี้มักจะผุดขึ้นมาในหัว ยิ่งถ้าแก่ตัวหรือมีเรื่องกลุ้มหรือเครียด การย้ำคิดซ้ำๆในเรื่องเหล่านี้ ทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้า
เมื่อผมเกิดภาวะหดหู่
1. พิจารณาสุขภาพตัวเอง - ปกติ ไม่มีโรคร้ายแรงนี่
2. ครอบครัว - ปกติ ไม่ได้มีปัญหากัลูก กับแฟน หนือกับญาติคนไหน
3. การงาน - ก็ปกติ มีปัญหาทั่วไปของการทำงานแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรง งานยังมั่นคง รายได้ยังเพิ่มเรื่อยๆ
4. การเงิน - ปกติ มีหนี้ที่สามารถจัดการได้สบายๆ มีเงินเหลือไว้จ่ายค่ากิเลสส่วนตัวบ้าง
5. เรื่องปัจจัยจากภายนอก เช่น ความคาดหวังจากคนอื่นๆ เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ช่างมัน
เมื่อพิจารณาเรื่องรอบตัวแล้วไม่มีปัญหาอะไรก็แสดงว่าชีวิตมันไม่ได้มีปัญหาอะไร ความหดหู่หรือปัญหาที่เกิดขึ้นมันคงมาจากปัจจัยอื่นของร่างกายหรือจิตใจเราเอง
ธรรมะ กับการปฎิบัติธรรม ช่วยได้ครับ
มีอาการเหมือนกันเลยค่ะ
ผ่านมาแล้ว ถามตัวเองทุกวัน เกิดมาทำไม คือ มันประสบความสำเร็จทุกด้าน คนภายนอกมองว่าโชคดีมาก แต่.นใจมันรแต่คำถามว่า เกิดมาทำไม จน ได้ค้นพบ my why ฟังเรื่อง find your why. ของ Simone sinak พร้อมกับฟังพระพุทธทาส หลวงปู่ชา อยู่เพื่ออะไร
ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตครับ
สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุ มันจึงเกิดผล จะดีหรือแย่ ก็ว่ากันไป ยอมรับมันครับ ยอมแพ้ให้กับมัน เพื่อแก้ไขมัน แล้วก็เอาชนะมัน เพราะ ทุกอย่างคือ ธรรมะ ครับ ธรรมดา ครับ ชีวิตก็แค่นี้ ทุกคนล้วนเกิดมาเพื่อทำเพื่อคนอื่นครับ ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ไขครับ เผื่อจะเป็นประโยช์นครับ ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนครับ
อยากให้คุณรวิศ พูดเรื่องสมรภาพทางเพศของคนวัย 40ขึ้นไปบ้าง เอาแบบเชิงสุขภาพวิทยาศาสตร์ครับ เพราะน่าจะเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน การทำงาน โดยเฉพาะกับแฟน แม้อยู่ตัวคนเดียวก็น่าจะเกี่ยวกับสุขภาพจิตบ้างไม่มากก็น้อย
เรานอนไ่ม่หลับแบบนี้เลย ทรมานมาก
ผมเป็นแบบนี้ ดื่มทุกวัน อายุ 43 เลิกกับภรรยา ภาวะหนี้สิน อย่างน้อยก้อทำให้เข้าใจ อย่างน้อยก้อมีคนเหมือนกัน
43/44 เหมือนเริ่มต้นใหม่ ผ่านการโดนทรยศมาหลายเรื่อง บั้นปลายชีวิตคิดอย่างเดียว ทำบุญ ทำทาน ปฏิบัติธรรม หาสิ่งดีดีเข้าตัว
ผมอยากให้ลองนั่งทำสมาธิครับ ปล่อยวางความคิด ออกจากสมองไป
อันดับแรกเลยนะคะ เปลี่ยนหมอจิตแพทย์ค่ะ อาการมาเยอะแล้ว แล้วต้นเหตุค่อยมาแก้ค่ะ
i think it’s the loss of direction in life that causes mid life crisis coupled with stress from work, relationship and financial issues.
You’re right that diet and movement (just walk rather than pumping 100kg irons) do wonders to our physical and mental health.
Hope you can do another podcast on gut micro biome which is the bacteria in our body which many suggest is our 2nd brain. When the gut bacteria bio system is not balanced, our mental strength goes down. Processed food kills many natural bacteria needed for human to function properly.
Last, we humans historically always use external substance to either escape or enhance our reality. For me, cannabis helps me to sleep rather than alcohol. Finally studies have shown psilocybin cubensis can help depression patients. Something to look into
สำเร็จแต่ว่างเปล่า เพราะความสำเร็จนั้นไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ มันเป็นความสำเร็จที่กำหนดมาจากสังคมหรือคนรอบตัว ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องมีอย่างนี้ ต้องๆๆๆๆ สารพัดต้อง พอต้องมากๆก็ยิ่งเหนื่อยมาก แล้วลึกๆก็ไม่ได้อยากได้ด้วยมันก็ไม่เกิดความภาคภูมิใจซึ่งเป็นรางวัลของความเหนื่อยนั้น จะรู้สึกเหนื่อย ว่างเปล่า ท้อแท้ เศร้า ก็ไม่แปลก ลองคิดดูจริงๆว่าตัวเองต้องการสิ่งนั้นจริงๆไหม ถ้าคำตอบคือไม่ ก็ช่างแม่ง ไม่ต้องไปสนใจความสำเร็จที่ถูกกำหนดมาจากคนอื่นมาก ความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีดีคับพี่
จริงมากๆครับ
มันมีการแบกรับและกังวลหลายเรื่อง นอนไม่หลับ ไม่สนิทก็ด้วย สู้ๆครับทุกท่าน
ยังไม่ถึงวัยนั้น และมีความสุขในการอยู่คนเดียว แต่ก็เป็นเสาหลักให้กับครอบครัวด้วย ต้องทำงานเกี่ยวกับผู้คน ซึ่งก็ไม่ใช่งานที่เรารัก แต่เป็นงานที่มีความมั่นคง วิธีของเราคืออยู่กับปัจจุบัน โฟกัสที่ตัวเอง ถ้าอยู่กับครอบครัวก็หากิจกรรมทำร่วมกัน พยายามใช้เวลากับพวกเขาให้มากที่สุด ทำงานอดิเรกที่เรารัก เรื่องการนอน ถ้ามีความทุกข์ในใจยังไงก็หลับยากอยู่ดี ต้องแก้เรื่องที่ทุกข์ใจตรงนั้นให้ได้ เก็บไว้ก็เป็นทุกข์ การนอนสวดมนต์ก็ช่วยได้ในเรื่องการหลับ เพราะสำหรับเราสวดยังไม่ทันจบบทก็หลับไปเลย สำหรับเราการมีชีวิตคือการใช้ชีวิต แล้วเราจะใช้ชีวิตแบบไหนให้คุ้มค่า พยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกวัน นั่นคือความคิดของเรา
เพิ่งหมดหนี้ในวัย 41 แต่จะใช้ชีวิตต่อยังไง เป็นการหาแนวทางชีวิตในอนาคตต่อ เพื่อให้อยู่แบบไม่เดือดร้อนคนอื่น เลยทำให้เครียดต่อ ที่ผ่านมาในเรื่องออฟฟิศก้งานเครียด อยากจะออกมาทำสวนแต่ก็กลัวเหงา เคยใช้ชีวิตในเมืองตั้งแต่เด็ก
ฟังแล้วนึกถึงคำว่า วิกฤตวัยกลางคนเลยค่ะ Midlife crisis ใช่แบบเดียวกันมั้ยนะคะ ป.ล.ด้วยความเคารพ ภาพประกอบที่แทรกเข้ามา ทำให้สมาธิในการตั้งใจฟังหลุดไปค่ะ อยากฟังแบบเห็นหน้าคุณรวิศต่อเนื่องมากกว่าค่ะ🙏❤
จริงค่ะ เครียดเพราะความคาดหวัง
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
แนะนำให้ลอง search หา Peter Sage เพื่อค่อยๆปรับ mindset ค่ะ เริ่มจาก รักตัวเอง, be true to yourself, เติมเต็มความรู้สึก และมุ่ง grow & contribute เพื่อคนอื่น เรากำลังอยู่ในขั้นตอนค่ะ ค่อนข้างเวิร์คและทำให้happy ขึ้นค่ะ
ขอบคุณค่ะ หาcontents เกี่ยวกับอายุ40 ที่realแบบนี้ไม่ค่อยมี
มีเรื่องขอแชร์เกี่ยวกับการนอนที่คุณรวิศ พูดถึง
พอดีเคยดูคลิปที่ไปสัมภาษณ์คุณหมอประเทศญี่ปุ่นท่านหนึ่งบอกว่าการนอนที่ดีคือนอนหลับลึก 2-3 ชั่วโมงก็เป็นการนอนที่ดีแล้วและในหนึ่งวันสามารถนอนแบบนี้ได้หลายๆ ครั้งและเมื่อในเวลาทำงานช่วงพักหรือช่วงไหนก็ได้ค่ะหลับแบบที่บอกข้างต้นก็เป็นการนอนที่ดีได้เช่นกัน
และตามที่คุณรวิศเล่าว่านอนหลับกลางคืนแล้วตื่นตอนดึกแล้วหลับต่อไม่ได้เช้าทำงานความรู้สึกแย่ไปหมดอาจจะเพราะเรากังวลเองว่าเรานอนไม่พอ หรือกังวลต่อไปอีกว่าถ้านอนไม่อิ่มแบบนี้ทำงานไม่ดีแน่อันนี้เราว่ามันเป็นการกล่อมตัวเองมันเลยกลายเป็นว่าเราหงุดหงิดในเวลาเช้าเริ่มทำงาน อันนี้อาจจะเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวจากเรื่องที่ฟังคุณหมอมาด้วย
เลิฟเลยค่ะ ไม่ต้องเก่งหมดก็ได้
จากนักเขียนชาวต่างชาติ หลายๆๆๆๆๆๆๆๆ เล่ม ถึงเขียนว่า " live in the moment" enjoy the present.
เคยนอนไม่หลับช่วง24-25 ทำให้รู้วิธีรับมือการนอนไม่หลับมาจนตอนนี้ )
หลักการที่ใช้คือ ยอมรับมันค่ะ ยิ่งมาคำนวณชั่วโมงนอนยิ่งทำให้นอนหลับยาก
ให้มองร่างกายเราเป็นอีกคน เค้าไม่หลับก็ปล่อย คิดถึงภาพสัตว์เลี้ยงที่หลับปุ๋ยไป
(ตอนนั้นเราอยู่ห้องเช่ากทม. แต่คิดถึงสัตว์เลี้ยงที่ ตจว.) หลับได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เราต้องยอมร่างกายค่ะ ยิ่งฝืนสั่งให้หลับยิ่งไปใหญ่ เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา
พออายุย่าง 40 ก็ไม่มีปัญหานอนไม่หลับแล้ว ครึ่งปีจะมีสักหนึ่งคืน..ก็ปล่อยร่างกายเค้าไป
กดติดตามแล้วนะคะ
อยากให้น้องท่านนั้นได้ลงเรียน คอร์ส happiness ครับ มีในonline ก่อน เพื่อให้รู้ว่าอะไรคือ Happiness เเล้วเราจะเข้าใจ เเล้ววางเเนวทางชีวิตได้
สังคมรอบข้าง ความคาดหวัง วัตถุนิยม ความกดดัน และ หลายๆอย่างที่ ก็ไม่รู้ว่ามันจำเป็นรึเปล่า แต่เราคิดว่ามันต้องอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นชีวิตที่เครียดนะ เราเป็นอยู่มันว่างเปล่า ทั้งๆที่มันก็สมบูรณ์เพียงพอแล้ว ก็ต้องมาปรับความคิดตัวเองอะคะ
คลิปดีมากๆเลยค่ะ
ยิ่งโต ปัญหามันก็จะยากเพราะเหมือนเวลเราสูง (ชีวิตคิดว่าเป็นเกมส์) อีกอย่าง พอขีดของเรามันเริ่มจะจาง คนเรามักกลัว
เป็นอีพีที่จะกลับมาฟังซ้ำๆ
ฟังจนจบ_ผมสรุปสั้นๆ ขาดสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ_ให้ไปค้นหาศึกษาอริยสัจ4 รู้ลมหายใจเข้าออก คุณจะค้นพบความสุขชัวนิรันดิ์❤
ความสุขตามมาตรฐานมีครบ แต่ขาดความสุขที่แท้จริง
ขอบคุณช่องนี้นะครับ
ขอบคุณเนื้อหานะคะ ใกล้40แล้วค่ะ ที่เจอมา คิดว่าคงไม่มากเท่า คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ค่ะ
ส่วนที่เคว้งคือ ยังหาความฝันไม่เจอค่ะ
มีความเครียดก็พยายามอยู่กับต้นไม้
แต่ก็พบแพทย์ค่ะ
เพราะเราอยากปรับปรุง แก้ไขตัวเราค่ะ การเจอปัญหา มันทำให้เห็นอีโก้ ในตัวเราค่ะ เชื่อว่า ถ้าเราเปิดใจ ทำดีให้ถูกคน ถูกเวลา รักษาความสงบในใจเราไว้ ถึงยังไม่เจอฝัน ก็ทำประโยชน์ให้โลกได้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ขอบพระคุณครับ
ซาวด์ขึ้นต้น ระทึกมากครับ นึกว่าคดีข่มขืนในโรงหนังสะพานควาย
เมื่อหลายปีก่อน หยอกๆ นะครับ เชื่อว่าเป็นกันเยอะครับ ยิ่งเฉพาะยุคนี้ ดูผู้คนจะผิดหวังกับระบบ บ้านเมือง อะไรหลายๆ อย่าง ทำให้หลายคนท้อ เป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะ ครับ สู้ๆ นะครับ
ชีวิตที่มีหวัง มีรางวัลรออยู่ข้างหน้าเสมอ
ฮอโมนมีส่วนอย่างมาก กับอารมณ์ ความรู้สึก
รู้จีกตัวเองมากขึ้น
เข้าใจชีวิตมากขึ้น
ส่วนหนึ่งที่ว่างเปล่า เพราะ ได้เรียนรู้ ได้ลองอะไรมาเกือบหมดแล้ว จนมันเฉยๆ พอมันไม่มีอะไรน่าสนใจอีก ก็เกิดคำถามใหม่ เหมือนเริ่มต้นวงจรชีวิตแบบใหม่ ในแบบคนมีอายุในระดับหนึ่ง
คนที่ไม่ตั้งคำถาม น่าจะเป็นคนที่ตายไปแล้ว
สวัสดีคุณรวิศเเละทุกคน
ผมติดตามคุณรวิศมาสักพัก
ขอบคุณมากๆๆๆสำหรับเนื้อหาดีๆ
ผม 52 โสด ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เที่ยว เป็น introvert มีโลกส่วนตัว รักสันโดษ
หน้าที่การงานดี แต่ covid ทำให้ขีวิตสะดุด
แต่สู้ ยังมีความหวังเสมอครับ
มีเหงาบ้าง ท้อบ้าง เหนื่อยใจบ้าง
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนครับ
ตามหลักความต้องการขั้นพื้นฐาน 5 ประการของมาสโล คงคิดว่า 40 แล้วต้องมีนั้นนี้ตามสังคมคาดหวัง
นับว่าโชคดีที่ใกล้จะ 40. ละ และสังคมของเราไม่ได้คาดหวังกับเรารึ อาจคาดหวังเราอาจไม่สนใจ
เอาแค่เราพอใจ สบายใจพอ
ต้องกล้าเปลี่ยน ผมอายุย่าง 60 ปีแล้ว แต่ทุกเช้าต้องไปออกกำลังกาย นอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เมื่อ 5 ปีก่อนสร้างธุรกิจใหม่เพิ่ม ลุยเอง ผ่านมา 5 ปี ธุรกิจเติบโตขึ้น สิ่งสำคัญ ต้องให้โอกาสตนเองครับ
ฟังแล้วใช่ครับ
หาอะไรที่ชอบจิงๆ focusตรงนั้น ทำสุดจิง จะลืมเรื่อง อื่นคับ
ฮอร์โมนค่ะ ทุกอย่างคือฮอร์โมนที่พร่อง ไปปรึกษาแพทย์นะคะ
พูดแต่ละเรื่องโดนๆทั้งนั้นครับ คนวัยเดียวกันครับ