ฎีกา InTrend Ep.151 ฟ้องเบิกความเท็จว่าครอบครองที่ดินเป็นของตนเอง แต่ศาลยกฟ้องด้วยเหตุไม่มีอำนาจ...

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 21 ก.ย. 2024
  • ฎีกา InTrend Ep.151 ฟ้องเบิกความเท็จว่าครอบครองที่ดินเป็นของตนเอง แต่ศาลยกฟ้องด้วยเหตุไม่มีอำนาจฟ้อง จะมีความผิดหรือไม่
    The Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม
    Guest Host : สรวิศ ลิมปรังษี
    ที่ปรึกษา : สรวิศ ลิมปรังษี, สุริยัณห์ หงษ์วิไล, ทัสสญุชุ์ กุลสิทธิ์ชัยญา, ณัฐสิมา อนันทนุพงศ์
    Show Creator : ศณิฏา จารุภุมมิก
    Episode Producer & Editor : ศณิฏา จารุภุมมิก, รวิภา กิ่งจักร์
    Sound Designer & Engineer : กฤตภาส ทองแจ้ง, กิติชัย โล่สุวรรณ
    Coordinator & Admin : โสรัตน์ ไวศยดำรง, สุพัตรา ขำมีศักดิ์, สุภาวัชร์ ดลมินทร์
    Art Director : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, ปันจารีณ์ สุวรรณโภชน์, กนกกูล วสยางกูร
    Webmaster : ผุสชา เรืองกูล, วชิระ โรจน์สุธีวัฒน์
    การเบิกความเป็นพยานต่อศาลเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเนื่องจากศาลต้องใช้พยานหลักฐานที่ได้ในคดีไปพิพากษาตัดสินคดี หากคำเบิกความนั้นเป็นความเท็จย่อมจะส่งผลเสียต่อคดีนั้นตามไปด้วย กฎหมายจึงได้กำหนดความผิดไว้สำหรับการเบิกความเท็จ แต่การจะต้องรับผิดในแต่ละกรณีหรือไม่นั้นอาจมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงหลายประการด้วยกัน ปัญหาที่จะนำมากล่าวถึงในตอนนี้จะเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีที่ดินว่าครอบครองที่ดินเป็นของจำเลยเองไม่ได้ครอบครองแทนโจทก์ แต่ศาลยกฟ้องคดีนั้นด้วยเหตุโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จหรือไม่
    ผู้เสียหายเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง เดิมผู้เสียหายเคยฟ้องจำเลยกับนางมดเป็นจำเลยเพื่อขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินที่จำเลยโอนขายให้นางมด โดยอ้างว่าเป็นการขายโดยมิชอบ เนื่องจากความจริงแล้วผู้เสียหายให้จำเลยถือครองที่ดินดังกล่าวแทนผู้เสียหาย แต่จำเลยกลับนำที่ดินไปขายโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ในคดีแพ่งเรื่องดังกล่าว ศาลกำหนดประเด็นข้อพิพาท 2 ประการ คือจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแทนผู้เสียหายหรือไม่ และผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องเพิกถอนนิติกรรมนั้นหรือไม่
    ในการสืบพยาน จำเลยไปเบิกความว่าตนเองซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวจากหลานของผู้เสียหายโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน จึงเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้นเอง ไม่ได้ถือครองแทนผู้เสียหาย
    ปรากฏว่าศาลวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าความจริงแล้วจำเลยถือครองที่ดินแทนผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องคดีแพ่งนั้น เพราะมีพฤติการณ์เป็นพระแต่เอาเงินบริจาคให้วัดไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยร่วมมือกับจำเลย ทรัพย์สินที่ได้มาจึงเป็นสิ่งที่ต้องคืนแก่วัดจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
    ผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ในเรื่องเบิกความเท็จ และพนักงานอัยการฟ้องจำเลยเป็นคดีต่อศาล
    การเบิกความเท็จนั้นเป็นความผิดประการหนึ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 177 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งผู้ที่เบิกความเท็จในข้อสำคัญแห่งคดีในการพิจารณาคดีของศาลจะมีความผิดและต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้
    ในกรณีที่จำเลยไปเบิกความไว้ในคดีแพ่งนั้น เมื่อจำเลยเบิกความว่าครอบครองที่ดินโดยเป็นของตนเอง ไม่ได้ครอบครองแทนผู้เสียหาย แต่ศาลรับฟังจากพยานหลักฐานและวินิจฉัยจนเป็นที่สุดแล้วว่าความจริงแล้วจำเลยครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวไว้แทนผู้เสียหายเท่านั้น คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นความเท็จ
    ปัญหาสำคัญคงอยู่ที่ว่าข้อความที่จำเลยเบิกความและเป็นเท็จนั้นจะถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดีที่มีการเบิกความหรือไม่ เพราะหากไม่ใช่ข้อสำคัญแล้วก็ไม่มีความผิดตามมาตรา 177 เพราะขาดองค์ประกอบสำคัญที่กฎหมายกำหนด แต่หากพบว่าเป็นข้อสำคัญแล้วก็ย่อมมีความผิดตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น
    ความเป็นข้อสำคัญในที่นี้คงมีความหมายที่ว่าข้อที่เบิกความและเป็นเท็จนั้นต้องเป็นข้อที่ทำให้เกิดผลไปในทางใดหนึ่งของคดีที่มีการเบิกความ และทำให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้หรือชนะด้วยผลของคำเบิกความที่เป็นเท็จนั้น
    ในคดีแพ่งที่มีการเบิกความเป็นเท็จนั้น ศาลในคดีแพ่งกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้สองประการ ประการแรกคือการครอบครองที่ดินว่าเป็นการครอบครองแทนหรือไม่ และประการที่สองคือเรื่องอำนาจฟ้อง ข้อความที่จำเลยเบิกความและเป็นเท็จเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลแพ้ชนะในประเด็นประการแรก
    แต่ในคดีแพ่งนั้นปรากฏว่าศาลยกฟ้องด้วยเหตุตามประเด็นประการที่สองคือเรื่องอำนาจฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าเงินที่ผู้เสียหายนำไปใช้ซื้อที่ดินจนส่งต่อมาให้จำเลยครอบครองนั้นเป็นเงินบริจาคของวัดที่ผู้เสียหายเป็นเจ้าอาวาสอยู่ แต่ผู้เสียหายกลับนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว จึงเป็นทรัพย์สินที่ต้องคืนแก่วัด การที่ศาลยกฟ้องในคดีแพ่งจึงไม่ได้เป็นผลจากจากคำเบิกความเท็จที่เมื่อไม่มีอำนาจฟ้องแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปวินิจฉัยในเรื่องครอบครองแทนหรือไม่อีก
    ดังนั้น การเบิกความเท็จที่จะเป็นความผิดอาญานั้นจะต้องเป็นข้อสำคัญในคดีที่การเบิกความนั้นส่งผลต่อข้อแพ้ชนะในคดี แต่ถ้าแม้จะได้ความว่าเบิกความเท็จแต่ศาลในคดีนั้นตัดสินด้วยเหตุเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับข้อที่เบิกความเท็จก็ถือว่าไม่ใช่การเบิกความเท็จในข้อสำคัญในคดีที่จะเป็นความผิด
    (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2656/2565)

ความคิดเห็น •