ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
คิดว่าจริงครับ เพราะทั้ง 3 อย่างมีส่วนช่วยส่งเสริม ให้ประสบความสำเร็จ1. พฤติกรรมต่อทางสังคม ถ้ามองอีกมุมนึงก็คงเรียกได้ว่าการรู้จักตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เป้าหมายของตัวเองคืออะไร แทนที่จะไปแคร์คนรอบข้าง จนออกห่างจากเป้าหมายตัวเอง2. อาการหลงตัวเอง ฟังชื่อแล้วจะแปลกๆ แต่พอได้ฟังนิยาม การรู้จักในการปฏิเสธ นั่นคือการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารเวลานั่นเอง ทำให้เราใช้เวลากับเป้าหมายตัวเองได้มากขึ้น อย่างมีประสิทธิภาพ3. อาการวิตกกังวล นั้นก็คือความเครียดในระดับที่พอดี หากทำอะไรแล้วชิวมากเกินไปอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ หรือเครียดมากเกินไปอาจจะส่งผลไม่ดี อันนี้ก็มีความสำคัญเช่นกันข้อ1 คือเป้าหมายข้อ2 คือการจัดการเวลาข้อ3 คือแรงขับเคลื่อนหากจะนึกถึงปัจจัยอื่นๆที่ช่วยส่งเสริมความสำเร็จก็น่าจะมี การทบทวนเป้าหมาย และกระบวนการที่ผ่านมา และการ ทำทุกอย่างอย่างสม่ำเสมอครับ ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆครับ#MTTM
เห็นด้วยกับความเห็นกับคุณหมอ โดยเฉพาะข้อ3 เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ ถ้าจะ drive change อีกอย่างนึงที่สำคัญคือ perfectionism & ช่างสงสัย เพราะถ้ามีอันนี้จะทำให้เกิด antisociopath นิดหน่อย ไม่ยอมรับสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล ที่คนทั่วไปยอมรับ และแสวงหาวิธีที่ดีขึ้นจากที่มีอยู่ค่ะ
นี่มีเพื่อนค่ะ เขาตั้งตัวเเองเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาทำงานได้ดีมาก แจกแจงงาน มอบหมายหน้าที่ คุมงานได้ดีทุกอย่าง งานกลุ่มประสบความสำเร็จทุกครั้ง แต่เพื่อสในกลุ่มสะบักสะบอมกันหมด เหมือนเขาสนใจแต่งานต้องออกมาดีอ่ะค่ะ แต่ไม่ถามความ้ห็น ไม่ให้ออกเสียง สั่งไรก็ทำๆไป ทรงนี้เลย#MTTM
น่าแปลกใจที่ ช่องนี้ยังไม่ถึงล้านซับ ในขณะที่เข้าถึงคนดูมากๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ ติดตามมาตั้งแต่แรก และจะติดตามตลอดไป❤🧡
ขอขอบคุณที่ติดตาม Mission To The Moon เสมอมานะคะ💙
คนที่ประสบความสำเร็จอาจมีสิ่งเหล่านี้ ร่วมกัน ความตั้งใจ,ไม่ยอมแพ้ เวลา ทรัพยากร อดทน การตัดสินใจ ความรับผิดชอบทั้งต่อคำพูดและการกระทำ อื่นๆโปรดระบุ.. หรือไม่ อย่างไร
เห็นด้วยทั้งหมดค่ะ โดยมองว่า1. Sociopathy ทำให้เราเลือกที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองลงทุนในตัวเองก่อน ไม่อดทนกับเรื่องที่ไม่ควรอดทน (ตามความคาดหวังในนิยามของคำว่า "คนดี" ในสังคม) กล้าที่จะยืนหยัดเพื่อตัวเองและมี boundary ทำให้ไม่สูญเสียพลังงานหรือทรัพยากรไปกับเรื่องเปล่าประโยชน์ ย่อมเหลือพลังงานและทรัพยากรมาพัฒนาตัวเอง พัฒนางาน พัฒนาธุรกิจ 2. Narcissism ถ้ามีในปริมาณที่พอดีมันช่วยเพิ่มความมั่นใจ เชื่อว่าตัวเองมีดี กล้าที่จะลงมือทำกล้าคิดกล้าตัดสินใจ กล้าที่จะเข้าหาผู้คนหรือพื้นที่ที่อาจจะอยู่คนละระดับเดียวกับเรา พอพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่และพบผู้คนที่ระดับ(ฐานะ สังคม ฯลฯ) สูงกว่าเราก็ช่วยขยายขอบเขตโอกาสของเราไปด้วย3. Neuroticism มันคือประโยคนี้เลย "Only the Paranoid Survive." ถ้าเราใช้ชีวิตเรื่อยๆ พอโลกเปลี่ยนก็ตามไม่ทันแล้ว แต่คนที่คอยสอดส่องมองหาภัยอยู่เสมอ จะเตรียมตัวให้พร้อมรับมืออยู่เสมอรวมไปถึงสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ก่อนคนอื่นเสมอ #MTTM
ไม่เห็นด้วยซะทีเดียวกับพฤติกรรมแรกสำหรับตัวอย่างที่ยกมา แต่เห็นด้วยกับตัวอย่างใน 2 พฤติกรรมหลังค่ะ จริงๆที่คุณหมอเล่า เป็นการบอกให้ฉุกคิดว่าคุณไม่ต้องเป็นคนดีเลิศเสมอไป ตัวอย่างแรก ต้องมองคนในครอบครัวก่อน ไม่สามารถทำสถานการณ์นั้นได้100% อันนี้ให้ความเห็นเผื่อใครฟังแล้วเข้าใจว่า ให้มุ่งเรียนทำตัวเองให้ดีไปเลย 10ปีรวยแล้วมาช่วยครอบครัว แต่ถ้าสมมนติสถานการณ์นั้น แม่สุขภาพไม่ค่อยดี น้องก็นิสัยเกเรติดเพื่อน แม่อาจจะต้องทำงานหนัก 10 ปีกลับมาแม่เป็นโรค น้องก็ดูแลได้ไม่ดีเพราะไม่มีเวลาไปติดยา ข้อนี้ก็ควรเป็น ทำงานไปเรียนไป ซึ่งแน่ว่าต้องเหนื่อยแบบสุดๆๆ และชีวิตก็อาจจะได้หรือไม่ได้ตามคำว่ารวยมาก ทุกเรื่องต้องใช้สติ+ดวง #MTTM
คิดว่าจริง เพราะทุกคนที่รู้จักและประสบความสำเร็จ เป็นไปในทางเดียวกันอย่างแรกคือ ไม่ค่อยเป็น Yes Man ไม่ได้คอยช่วยเหลือคนอื่นเป็นหลัก แต่นานๆทีจะช่วยที และไม่ช่วยทั้งหมดและทุกคนจริงจังกับเรื่องที่ทำมากๆ แม้ว่าจะเครียด แต่ก็จะหาวิธีผ่านไปได้โดยไม่หนีปัญหานอกจากอันนี้ทุกคนยังมีความกล้าจะทำ แม้ว่าจะเครียดหรือรู้สึกวิตกกังวล เค้าก็จะลงมือทำไปเลย เพื่อให้ความวิตกกังวลหายไปแทน #MTTM
ฟังเเล้วรู้สึกว่าตรงกับตัวเองมากๆ ช่วงที่ครอบครัวเกิดวิกฤตการเงิน ประจวบกับที่ผมกำลังจะเข้ามหาลัย ผมต้องเลือกว่า จะเรียนมหาลัยใกล้บ้าน หรือมหาลัยมีชื่อในคณะที่มีอนาคต ผมตัดสินใจเลือกมหาลัยมีชื่อที่มีโอกาสในหลายๆ ด้าน เพื่อแนาคตระยะยาว และผมเรียนจบทำงานและมาไกลกว่าจุดที่คิดไว้มาก ในระหว่างที่เรียนก็แค่อยากให้ที่บ้านเข้าใจ และเขาเคารพการตัดสินใจของผม สุดท้าย ครอบครัวผมก็ชีวิตดีขึ้น
เห็นด้วยค่ะ คนที่ไม่ได้ทำตามคนส่วนใหญ่ มีจุดยื่นมีความคิดเป็นของตัวเอง จะไม่ถูกจูงง่ายๆค่ะ ขอบคุณค่ะ #MTTM
จริงที่สุดเลยค่ะการจะทำงานให้ประสบความสำเร็จจะต้องมีทั้ง3ข้อตามที่คุณหมอกล่าวเลย แต่มีแค่พอประมาณ มากไปไม่ดีแน่ๆ ลองแอบๆ มองพวก C level ในออฟฟิศ ก็ดูจะมีหลายคนเลยนะคะใดๆ คือ เราก็ต้องหาส่วนผสมที่ลงตัวของเราเองค่ะขอบคุณ #MTTM #MissionToTheMoon กับคอนเท้นต์ดีๆ เสมอมาค่ะ
ความเห็นส่วนตัวคิดว่าจริงค่ะ เเต่ต้องเอาทั้ง 3 นิสัยนั้น มาปรับใช้ได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของเเต่ละบุคคล ให้ตรงกับสิ่งที่เราเจอ บริบทหน้าที่ที่เราเป็น ที่สำคัญต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ใน Status อะไร เพื่อให้เกิดการพัฒนาตนเองในวันข้างหน้าสุดท้ายเราต้องประเมินตัวเองรู้จักใช้สิ่งต่างๆที่ฟังจาก MTTM ให้เกิดประโยชน์เเละประสบความสำเร็จต่อไป#MTTM
จริงครับ คนประสบความสำเร็จต้องมี 3 นิสัยนี้ (แบบพอประมาณ)ต่อต้านกระแสสังคม หลงตัวเอง วิตกกังวล หน่อยๆและอีกอย่างที่ต้องมีคิดว่าคือ "วินัย"คือต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แม้จะไม่อยากทำก็ตาม#MTTM
07:06 ชอบอันนี้มากๆ เลยครับเป็นมุมมองที่น่าสนใจทั้ง 3 ข้อเลยขอบคุณสำหรับ Podcast ดีๆ วันนี้นะครับ
เห็นด้วยทั้ง3ข้อครับทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพอดีด้วย (ต้องไม่มากจนเกินไป) เพราะถ้ามีมากจนเกินไป คนรอบข้างอาจจะไม่คบเราก็ได้ เพราะถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว โดยส่วนตัวชอบหัวข้อ Action-Oriented Coping เผชิญปัญหาแบบมุ่งเน้นการกระทำ คือ เมื่อโดนหัวหน้า feedback เรื่องงานไม่เรียบร้อย เราควรปรับ mindset และทำงานให้หนักขึ้น เพื่อให้ผลงานเราแสดงความสามารถแทนคำพูดเรา#MTTM
เห็นด้วยกับคุณหมอนะคะ แต่กับตัวเองมันรีเลทแค่ข้อ 3 ค่ะ เคยมีความวิตกกังวลแบบมากเกินไปค่ะ (ฮา) ย่อยเป็นประโยคง่าย ๆ ได้ว่า “คิดเยอะเกินจนไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง“ พอได้ฟังเเนวคิดนี้เลยรู้ว่าสิ่งที่พยายามปรับในช่วง 2-3 ปีหลังมันมาถูกทางละ คือการตอบกลับปัญหาด้วยกานลงมือทำแบบกังวลนะแต่ต้องประครองสติ และใช้ความกังวลให้เป็นประโยชน์ค่ะ#MTTM
เห็นด้วยกับทั้ง 3 ข้อครับ จากประสบการ์ณส่วนตัวเมื่อ 10 ปีก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นมันค่อนข้างแย่กับสุขภาพจิต คนรอบข้างหาย แถมอาจถูกตราหน้าในเชิงลบ คนรอบข้างหายหมด มาตอนนี่ดีขึ้นมาก พอที่จะช่วยเหลือคนรอบข้างได้ เราก็ตั้งต้นมาจากความเชื่อว่าเราทำได้เท่านั้นแหละครับ มันก็มีเรื่องโชคด้วย
คิดว่าจริงครับ ส่วนตัวแล้ว ตัวเองเป็นคนที่มีลักษณะเหล่านี้อยู่ในตัว แต่เราพยายามเป็นคนดี เราก็จะพยายามให้นิสัยไม่ดีเหล่านี้เกิดขึ้นน้อยมากๆ จนเป็นปัญหาตามมา พอโตขึ้นมาหน่อยก็เรียนรู้ว่า เป็นคนดีก็มีปัญหาเราก็เป็นตัวของตัวเองเลย แล้วมันก็มีปัญหาอีก เพราะสังคมไม่ชอบ สุดท้ายถ้าเราจัดวางความเห็นแก่ตัว การหลงตัวเอง ความวิตกกังวลให้พอดี ชีวิตมันง่ายขึ้นเยอะเลย
เห็นด้วย เพราะว่าจากการสังเกตคยที่สำเร็จ ว่าพฤติกรรมเป็นยังไง และลองเอามาปรับใช้กับตัวเอง สิ่งที่รู้สึกได้คือ- ปฏิเสธเพื่อเวลาของตัวเองสำคัญมากเพราะการไม่ปฏิเสธทำให้ความสนุกเปลี่ยนเป็นความอึดอัด ไม่เคารพตัวเอง ยิ่งถ้าบ่อยๆเข้าขึ้นขั้นสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะเป็นไปตามสังคม(ที่ตัวเองไม่ได้อยากทำ)มากเกินไป- การหลงตัวเองเบาๆ ไม่มาก มันเหมือนกับความเชื่อมั่นในตัวเอง คนที่ไม่หลงตัวเองเลย(0%) เค้าจะไม่เชื่อว่าตัวเองทำได้- เป้าหมายสำคัญกว่าสังคมรอบตัวที่อาจจะไม่ได้สำคัญจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องน้อมรับทุกอย่าง เพราะคนที่สำเร็จในโลกมักทำสวนทางกับคนทั่วไป#MTTM
คิดว่าจริงตามตัวอย่างที่เล่ามา แต่มันอาจจะไมาได้ถูกนิยามหรือถูกเรียกด้วย “นิสัย” แบบที่เรียกตามคุณหมอ แต่สิ่งที่คิดว่าต้องมีคือการสื่อสารให้คนรอบตัวเข้าใจว่า purpose ที่แท้จริงเบื้องหลังการกระทำของเราคืออะไร ซึ่งมันก็เริ่มจากการมีเป้าหมายที่ชัดเจน รู้ว่าเราให้คุณค่ากับอะไร และอะไรที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายนั้นบ้าง อะไรที่ไม่ใช่ระหว่างทางก็ต้องรู้จักเลือกและไม่เลือกสิ่งเหล่านั้น ถ้ามี balance ดี ๆ ไม่ทำทุกอย่างมากหรือน้อยเกินไป มีความพอดีทั้งการมถ่งไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ แต่ยังเป็นคนที่คอยช่วยเหลือคนอื่น “น่ารัก“ กับคนรอบตัว (ไม่ใช่แค่คำพูด แต่มันคือการกระทำและความจริงใจที่แสดงออกมาด้วย) ก็จะยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จแบบไม่โดดเดี่ยว :) #MTTMเป็นกำลังใจและชื่นชมผลงานทีม MTTM เสมอค้าบบ // ชูป้ายไฟ 🎉🎉🎉
ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่จริงเสมอไปค่ะ คิดว่าอาจมีบางสถานการณ์อย่างที่คุณหมอยกตัวอย่างมาที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการประสบความสำเร็จค่ะ ปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญกว่าคือ การทำงานหนัก, ความมุ่งมั่น, การเรียนรู้และปรับตัว, ความคิดสร้างสรรค์, และคอนเนกชั่น อย่างตัวอย่างแรกของคนที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยทั้งที่ฐานะทางบ้านลำบาก ถ้ากลับกัน คนๆ นี้ไม่ตั้งใจเรียนอย่างหนัก ขาดความมุ่งมั่นตั้งใจ เหตุการณ์จะกลับกัน กลายเป็นว่าจบมาแล้วไม่มีงานทำ ยิ่งถ้ากู้เงินเรียนด้วยแล้วอาจจะทำให้สถานการณ์ทางครอบครัวยิ่งแย่กว่าเดิมอีกค่ะ#MTTM
ว้าวมากกับทั้งสามอย่างเลยค่ะ เคยมองว่าสามอย่างเป็นลบสุดโต่งเลยค่ะ วันนี้ได้มุมมองใหม่ ๆ ที่เป็นด้านบวกของสามอย่างนี้ และก็เห็นด้วยมากค่ะว่าอย่างพอดีมันช่วยให้เราสำเร็จระยะยาวมากขึ้นค่ะ อีกอย่างที่คิดว่ามีเยอะอาจจะเครียดไปคือ บ้าคลั่งวินัยคะ เคยคลั่งการออกกำลังกายและผลักดันตัวเองให้ไปออกทุกวันโดยที่ทำไม่ถูกและไม่พักร่างกายเสียหายแทนที่จะดีค่ะ แต่ถ้ามีอย่างพอเหมาะและใจดีกับตัวเองบ้างอันนี้ช่วยเราให้มี self control ได้ค่ะ #MTTM
หนูคิดว่าการที่มี3สิ่งนี้ แบบพอเหมาะไม่เยอะไป มีประโยชน์ในระยะยาวทำให้มีจุดยืนเป็นตัวเอง แต่ยังไงคนเราจะประสบความสำเร็จก็ต้องลงมือทำและมีปัจจัยหลายอย่างพร้อมกัน อย่างโอกาส ความพร้อม ความพยายามค่ะ #MTTM
เห็นด้วยครับ มีความจริงในนั้นอยู่พอสมควร เพราะ การที่เราไม่เข้าหาสังคมบ้าง หรือ หัดปฎิเสธคนบ้าง หรือ เปลี่ยนความคิดวิธีแก้ไขปัญหา แทนที่จะบ่นมันทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าการให้ความสำคัญกับตัวเอง และโฟกัสเ้าหมายตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่ความจะมีคือ "วินัย" ถ้า3สิ่งนี้ มีการทำอย่างเชี่ยวชาญจนชิน จะทำให้เราฝึกวินัยมากขึ้น มีเวลาให้ตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จได้มีประสิทธิภาพขึ้น #MTTM
เห็นด้วยกึ่งนึงครับ ผมมองว่ามันเป็น นิสัยของคนมากกว่า และมันเป็น Tools ชนิดนึงที่เราเลือกใช้ได้ แต่การที่จะใช้บ่อยๆ มันคือการทำลายวิญญาณของเราไปบางส่วนเหมือนกันควรใช้กับบางเวลา และโอกาส ไม่ใช่ทุกโอกาสจะใช้แล้วดีเสมอไป.#MTTM
เห็นด้วยทั้ง3ข้อเลยค่ะ โดยเฉพาะข้อสุดท้าย Neuroticism คนที่จัดการความกังวลตัวเอง ส่วนตัวค่อนข้างขาดข้อนี้เลยค่ะเช่นตอนทำข้อสอบมาแล้วคะแนนไม่ได้ที่หวังตัวเราชอบปล่อยเบลอหาอะไรทำที่จะทำเรื่องนั้นมันจางไป แต่สุดท้ายก็กลับมาคิดเหมือนเดิม เป็นเนื้อหาที่ดีมากค่ะไว้จะปรับไปใช้กับตัวเองนะคะ #MTTM
#MTTM จริงครับ ควรมีegoist ในตัวแต่ก้ต้องbalanceไม่มากเกินไป สิ่งที่มองว่าคนกลุ่มนี้มีด้วยคือ ความไม่ยอมแพ้ มุ่งมั่น และอดทน
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆมากๆครับ จะนำไปปรับใช้ครับผม
ผมเคยเจอคนแบบข้อ2 คนอื่นทำอะไรไม่ดี ไม่ถูกใจไปหมด แต่เวลาตัวเองทำกลับทำไม่ได้ แต่ชอบสอนชอบอวดว่ารู้กว่าคนอื่น ทั้งที่ตัวเองสอนแบบผิด ทำอะไรพลาดบ่อย เวลาคนอื่นทำได้ดีจะรุ้สึกไม่พอใจ ทำอะไรก็ต้องเหนือกว่าคนอื่น เวลาคนที่รุ้จริงสอนก็ไม่รับฟัง คนแบบนี้น่ากลัวจริงๆ
#MTTM เห็นด้วยมากๆค่ะ เมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมบางคนถึงได้ใจร้ายกับเราจัง แต่พอเวลาผ่านไปก็เข้าใจว่าณ ตอนนั้น เขาอาจจะพยายามช่วยเราโดยการแนะนำแบบมองภาพใหญ่ก็ได้ ถึงณ เวลานั้น จะดูโหดร้าย แต่พอเวลาผ่านไปมันกลับดีกับตัวเราเองค่ะ
คิดว่าความสำเร็จมีนิยามหลายแบบ กรณีนี้คงหมายถึงคนที่สร้างความสำเร็จแบบโดดเด่นจนปรากฏแก่สังคม การมีชีวิตที่สง่างามจึงมีหลายมิติ การยืนหยัดในความคิดของตนเอง ก็อาจเป็นการต่อต้านสังคมอยู่ การมองเห็นประโยชน์ในระยะยาว ก็คือการละวางสิ่งที่อาจสร้างความกังวลระยะสั้นไปก่อน เหมือนกับที่บอกว่า คิดการณ์ใหญ่อย่าใส่ใจเรื่องเล็กการปฏิเสธอย่างมีทักษะเป็นเรื่องของปัญญาอย่างแท้จริงเพราะต้องใช้ทั้งภาษาที่เหมาะสม สะกดอารมณ์ให้นิ่ง ท่าทีสุภาพแต่เด็ดขาด อุเบกขาจึงเป็นเรื่องยากที่สุดในบรรดาสี่ข้อของพรหมวิหารสี่ ข้ออุเบกขาจึงเข้าใจยากที่สุด ปฏิบัติยากที่สุด การละวางสายตาสังคมบางด้าน ละวางคำขอร้องของคนอื่นบ้าง จึงจะทำให้การมุ่งไปข้างหน้าทรงพลังมากยิ่งขึ้น#MissionToTheMoon#MTTM
ผมคิดว่า การวิตกกังวลเล็กน้อย สามารถจะช่วยให้การทำงานสำเร็จมากขึ้นการหลงตัวเองบ้าง ในบางครั้งสามารถ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในบางเรื่องที่จะทำให้เราผ่านสถานการณ์ให้สำเร็จไปได้ แต่ไม่สามารถใช้สองสิ่งนี้คู่พร้อมๆกัน ควรแยกเป็นสถานการณ์ส่วนเรื่อง พฤติกรรมต่อต้าน สังคม ใช้ได้กับบางเรื่องที่ พอประมาณ เน้นใช้ไปในทางที่เหมาะสมดีกว่าครับ#MTTM
เห็นด้วยค่ะ เพราะ สังคมที่แวดล้อม การมีจุดยืน มีผลต่อการไปถึงเป้าหมายมากขึ้น
มีทั้งส่วนที่เห็นด้วยและเห็นต่างครับ บางตัวอย่างที่คุณหมอบอกเล่า มันมีอยู่จริง แต่ก็ไม่ทั้งหมด ส่วนตัวที่ฟังคลิปนี้แล้ว พอมองกลับมาที่ตัวเองกลับพบว่าจริงๆ คนเราก็มีลักษณะที่เล่ามาทั้ง3 ข้อ ในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างออกไปครับ
เห็นด้วยครับ อาจฟังดูเหมือนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับตัวเอง แต่จริงๆแล้ว หากเราโฟกัสกับตัวเองบ้างได้อย่างถูกต้องถูกจุด ก็ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้ เพราะแต่ละคนเจออะไรมาไม่เหมือนกัน จัดการตัวเองได้ก็ช่วยจัดคนอื่นต่อได้ #MTTM
๑ จริงครับเมืองไทยมี หลายเคจ มาก ทึ่บ้านมีฐานะไม่ดี พี่ ต้องหยุดเรียนมา เลี้ยงน้อง ช่วนแม่หาเงินตั้งแต่ยังเด็ก๒ เราไม่ควรช่วยเหลือใครซ้ๆในเรื่องเดิมๆ๓ ชอบนี้ เหมือน ทำให้เราแก้ปัญา ให้เสร็จโดยเร๋วโดยลงมือทำ เรียบร้อยทันที#MTTM
เป็นหมดเลย ทั้ง3ข้อ เหลือแต่ประสบความสําเร็จ 🙉
น่าจะเป็นความจริงบางส่วนค่ะ แบบ..ถึงมันจะจริงแต่แค่นั้นยังไม่พอ อาจจะต้องเพิ่ม ความเชื่อมั่นในบางสิ่ง ความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ การมองอนาคตในแง่บวก ปัญญา Empathy โชค etc.ไม่มีสูตรสำเร็จ ขึ้นกับสถานการณ์ + ช่วงเวลา ของแต่ละคนด้วย #MTTM
ส่วนตัวก็ทั้งเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย เลยครับ เป็นเรื่องปัจเจกแล้วแต่คนเลยครับ ปณิธานยิ่งใหญ่ ความสำเร็จก็ยิ่งใหญ่ตามไปด้วยบางคนพอใจแค่นี้ ก็อาจจะเลือกสิ่งที่ทำได้ ณ ตอนนี้กับบางคนมองภาพใหญ่กว่า ก็ต้องการความอดทนความเด็ดขาดใจแข็ง เพื่อให้ได้มาซึ่งภาพใหญ่ที่ดีต่อภาพรวม สุดท้ายเราจะมองออกที่ปลายทางเองครับความสามารถในการคุมจังหวะ รักษาโมเมนตั้มที่ดีของทิศทางไว้ให้ได้ บางช่วงตึงบ้าง บางช่วงผ่อนปรนได้ ก็ผ่อนปรน ก็จำเป็นมาก ๆหลาย ๆ ตัวละครในสามก๊ก ก็ใช้เป็นตัวอย่างที่ดีในการอธิบายเรื่องนี้ได้เหมือนกันครับ #MTTM
เอาจริงทั้ง 3 ข้อ ถ้าเป็นในกรณีที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็คือสามารถเป็นตัวร้ายได้เลย😂 แต่ก็นั่นแหล่ะทุกอย่างต้องบาลานซ์ และคงต้องแล้วแต่อาชีพหรือการใช้ชีวิตด้วย ยังไม่เห็นด้วยทั้งหมดค่ะ #MTTM
1. Sociopathy - พฤติกรรมต่อต้านสังคม (ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น ไม่รู้สึกผิด เห็นแก่ตัว หาเหตุผลมารองรับการกระทำที่ไม่ดีของตัวเองเสมอ) แต่มีพฤติกรรมเหล่านี้ในระดับที่ยังพอเป็นที่ยอมรับของสังคมได้ เช่น ควบคุมความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ของผู้อื่นในสังคมไม่ไให้มากเกินไปจนเสียความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ถูกดึงดูดเข้าสู่ความเห็นใจระยะสั้น (Short-term compassion) แต่มองไปที่ความเห็นอกเห็นใจระยะยาว มองข้ามความเห็นแก่ตัวเพื่อผลประโยชน์ในระยะยาวของทุกคน2. Narcissism - การหลงตัวเองมีความสามารถในการปฏิเสธอย่างมีประสิทธิภาพ มีทักษะสูงในการใช้คำว่า "ไม่" รู้ดีว่าเมื่อปฏิเสธหรือควรยอมรับ พร้อมที่จะปฏิเสธเพื่อทำให้ตัวเองดีขึ้น/ได้ในสิ่งที่ต้องการ/ไม่ทำให้ตัวเองต้องประสบปัญหาหรือไม่สบายใจในอนาคต มักเลือกที่จะปฏิเสธคนเดิมๆ ที่มาขอความช่วยเหลือเสมอแต่จะไม่ปฏิเสธคนที่มาขอความช่วยเหลือเป็นครั้งแรก เนื่องจากว่าอาจจะนำมาซึ่งโอกาสที่ดีและส่งผลดีกับตนเอง 3. Neuroticism - การวิตกกังวลรับมือการวิตกกังวลด้วยการลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง (Action-oriented coping mechanism) ตรงกันข้ามกับอีกกลุ่มหนึ่งที่รับมือด้วยการไม่ทำอะไร (Emotional-focused coping mechanism) ปล่อยให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นเองหรือเราชินกับมันไปเอง เช่น เล่นเกม กินเหล้าให้ลืม การเลือกทำอะไรบางอย่างเป็นการสร้างความเจ็บปวดในระยะสั้นหรือ Toxic Fuel แต่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว เช่น อดอาหาร ออกกำลังกายเพื่อให้ได้หุ่นและสุขภาพที่ดีขึ้น อ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อให้สอบผ่านได้คะแนนดีๆ แก้ปัญหาที่ตรงจุด#MTTM
ขอบคุณมากนะคะที่พิมพ์สรุปให้❤
@@LunHerbHome2651 ด้วยความยินดีครับ
เห็นด้วยค่ะ แล้วคนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ จะมีความมุ่งมั่น + วินัย มากกว่าคนทั่วไปค่ะ #MTTM
โคตรจะจริงเลยครับ (เพราะยังขาดทั้ง 3 ข้อ555555) โดยส่วนตัวตอนนี้ข้อ 1 ซึ่งก็คือการมองเกมยาวได้ถูกค่อย ๆ แก้ไขไปแล้ว, ส่วนข้อ 2 การหัดปฏิเสธคนก็กำลังพัฒนา และข้อ 3 การทำเป็น Action oriented ก็กำลังพัฒนาเช่นกัน ทั้งหมดนี้ช่วยให้เราสำเร็จจริง ๆสิ่งที่อยากแอดเข้ามาด้วยในการเป็นตัว leverage คือ Conmection เพราะมันจะทวีคูณเลยและอีกข้อคือวินัยจริง ๆ เพราะนี่คือ enabler ที่สำคัญที่สุดสำหรับทำให้ใครสักคนสำเน็จในสิ่งที่เค้าตั้งใจ #MissionToTheMoon #MTTM
จริงค่ะ เพราะโจโฉมีนิสัย3ข้อที่กล่าวมา😅
เยี่ยมครับขอบคุณมาก เห็นด้วยกับคุณหมอครับ #MTTM
เห็นด้วยค่ะ แต่บางข้อมีมากไปก็ไม่ดีสำหรับคนรอบตัวที่ไม่ได้รู้จักเราจริงๆเขาอาจจะไม่เข้าใจเรา เพราะเราอยู่ร่วมกันบนสังคม แต่บางทีความสำเร็จคนมองที่ความสำเร็จและยินดีกับเรา โดยไม่รู้ว่าระยะทางทึีเราผ่านมาต้องเจอะเจออะไรมาบัาง❤️❤️ #MTTM
ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆ ครับ
ขอบคุณเนื้อหาดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
เห็นด้วยทั้ง3ข้อครับ และสามารุนำไปปรับใช้ได้ ตามช่วงเวลาและสถานการณ์ #MissionTotheMoon
ขอบคุณสำหรับคอนเทนต์ดีๆ ค่ะ❤
มีหนังสือแนะนำ สำหรับ อาการหลงตัวเอง ไหมครับ # ขอบคุณครับ
ฟังทุกวัน เติมกำลังใจ เติมความรู้ทุกวัน
ส่วนตัวเห็นด้วยกับทั้ง 3 ข้อนะคะ คิดว่าการมีทั้ง 3 ข้อในปริมาณที่พอเหมาะ เป็นประโยชน์มากกว่าส่งผลเสียค่ะ#MTTM
เห็นด้วยทุกข้อเลยครับ จริง ๆ บุคลิกที่เป็นลบเหล่านี้ ทุกคนควรมี แต่ควรมีอย่างพอดี ผมคิดมาตลอดว่า ถ้าเจ้านายนาน ๆ ให้ช่วยงานวันหยุดที ผมก็จะช่วย แต่ก็คิดมาตลอดว่าเราควรช่วยจริง ๆ ใช่มั้ย พอได้ฟัง ผมก็รู้ว่าผมควรทำต่อไปแหละ แต่มีอีกบุคลิกที่ผมว่าควรมี แต่ไม่ควรมากไปก็คือ Machiavillian (คนเจ่าเล่ห์) ที่เราต้องมีบ้างเพื่อให้เราเป็นคนที่ทันคน ไม่ถูกหลอกใช้ง่ายนั่นเองครับ #MTTM
เห็นด้วยนะคะ ทั้ง 3 ข้อเหมือนจะเป็นแง่ลบ แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนมุมมองและนำมาเป็นแรงผลักดัน ไม่ทำร้ายใคร ก็จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้เหมือนกันค่ะ
เห็นด้วยค่ะ ถ้าคนเรามีเป้าหมาย และมีจุดยืนที่ชัดเจนย่อมประสบความสำเร็จ แต่ต้องยืดหยุ่นบ้างในบางโอกาสค่ะ🎉กด subscribe และให้ที่บ้านช่วยกันเข้สมากดแล้วค่ะ ตอนนี้ใช้แต่แบรนด์ศรีจันทร์ เนื่องจากว่าครีมกันแดดเหมาะกับคนไทย และแดดบ้านเราค่ะ เป็นกำลังใจให้Mission to the moon ทำคอนเท้นดีๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆค่ะ❤❤#MTTM
ต้องเป็น 1% ประสบความสำเร็จ
พอได้ฟังก็คิดว่าจริงๆมาก และคิดว่าอีกอย่างที่สำคัญมากๆคือความกล้าหาญที่จะเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง กล้าที่บอกคนรอบข้างว่าเราต้องการอะไร อยากทำอะไรค่ะ ขอบคุณเนื้อหาดีๆที่ส่งมอบให้ฟังทุกคน เป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการใช้ชีวิตที่อยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิมในทุกๆมิติค่ะ #MTTM
เป็นเรื่องที่ดีีมากๆเลยคับ
เราทุกคนล้วนมีด้านไม่ดีกันค่ะ ไม่มากก็น้อยเช่น ต่อต้านสังคม แค่อย่าทำร้ายคนอื่นหรือตัวเองเกินไปค่ะ❤
น่าสนใจมากค่ะ
ขอบคุณมากครับ❤❤❤
น่าสนใจทั้ง 3 ข้อเลยค่ะ
ชอบข้อ Narcissism มากครับ
ไม่อ้อมค้อมหละ เราอยากได้เซรุ่มค่ะ เพราะคุณรวิศหน้าเนียนมากๆ ❤ 😅😅😅
เห็นด้วยมากๆ ครับ
ชอบฉากหลังค่า
เห็นด้วยทั้ง 3ข้อ เพราะคนที่มีลักษณะนี้ จะเห็นเเก่ตัวเองเป็นหลักก่อน เเละ สามารถ move on ได้ไว เเละมองระยะยาว เเล้วจะมีจุดยื่นเป็นของตัวเอง #MTTM
เห็นด้วยค่ะ
ขอบคุณครับ
ผมเคยเป็นคนที่ตอบตกลงกับทุกๆคนเรียกได้ว่าเป็นมิสเตอร์เยสแมน รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากกับการที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่น บางครั้งบางครั้งรู้สึกเหมือนเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือ บางครั้งคนที่เราช่วยเหลือหลายๆครั้ง แล้วลองไม่ช่วยเหลือสักครั้งกลายเป็นเราเป็นคนไม่มีน้ำใจซะงั้น ดังนั้นจึงคิดได้ว่าเหมือนที่คุณแท๊บบอกเลย เห็นแก่ตัวสักนิดนึง เซรั่มก็จะทำให้มีความสุขมากขึ้นจริงๆ #MTTM
คิดว่าใช่ค่ะ คนที่ปฎิเสธไม่เป็น และมาบ่นภายหลัง บลาๆๆๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมจะ toxic ต่างหาก
ดีมากเลยค่ะ💖💖
เห็นด้วยทั้ง3ข้อ ถ้าจะเพิ่มอีกข้อคงเป็นนิสัยกัดไม่ปล่อย คนที่ประสบความสำเร็จจะอดทนทำทุกอย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆไม่ว่าระยะสั้นหรือระยะยาวเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ #MissionToTheMoon
เห็นด้วยค่ะ สามข้อนี้ดูเหมือนจะเป็นแง่ลบ แต่ถ้ามีในระดับที่พอเหมาะก็เป็นข้อดีค่ะ #MTTM
ทำให้นึกถึง ทางสายกลาง😊
มองว่าคำอธิบายต่างๆ น่าจะเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวหมอคนนั้นแหละ
เห็นด้วยกับ 3 นิสัยที่กล่าวมาค่ะ เพราะจากที่เคยเห็นหรือฟังเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักมีนิสัยที่แตกต่างจากคนทั่วไป (ที่เราเรียกว่านิสัยแปลกๆ) #MissionToTheMoon
#MTTM เห็นด้วยครับ ส่วนตัวเชื่อเช่นกันว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จได้ บางครั้งจำเป็นต้องมีทักษะในการตัดอุปสรรคและสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อเป้าหมายออกไปบ้าง การมองภาพใหญ่ให้ออกจะทำให้เรารู้ว่าเราควรต้องทำอะไรในปัจจุบันและสิ่งใดที่ควรปฏิเสธครับ
เห็นด้วยค่า
6:40 ชอบข้อนี้มากครับ
#missiontothemoon เกราะของคุณหมอคล้ายที่พระพยอมเคยเทศน์ว่า อย่าไปรับกระทบ ให้มันเหมือนลมผ่านหูไปบ้าง หรือเลยไปอีกเรื่องหน่อยก็ที่น้าเน้กใน 'อย่าหาว่าน้าสอน' ว่า อย่าเอาใจลงไปเล่น // เวลา+ทรัพยากรอื่นมีจำกัด ย่อมเป็นปัจจัยกำหนดทางเลือกอยู่แล้ว ตามมาด้วยค่าเสียโอกาสจากการเลือกและไม่ได้เลือกทางอื่น เศรษฐศาสตร์พื้นฐานทราบข้อความคิดนี้ดี นอกจากนี้ การบอกปัดว่า ไม่ ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพูดถึง เช่น ชีวิตเป็นระเบียบ งานเสร็จตรงเวลา เริ่มต้นที่ปฏิเสธคนให้เป็น | Mission To The Moon EP.1803 th-cam.com/video/n2IJPyLKBCw/w-d-xo.html เลิกได้แล้ว ที่ไม่ไหวกลับบอกไหว ไม่เข้าท่าหรอก // ต้องแบบนั้นแหละ อย่าไปจมปลัก move on กับทุกอย่าง#MTTM
เห็นด้วยครับ
ความกังวลเกิดจากการไม่รู้ความสงสัย พอไม่รู้ก็สงสัยนั้นสงสัยนี้ ถ้าไม่รู้ก็จะสันนิษฐานไปต่างๆนาๆ ก็เห็นด้วยครับ มีมากไปก็ไม่ดี
อยากเป็นคนแบบนั้นนนน
เห็นด้วยทั้ง 3 ข้อครับ อย่างเช่นการกล้าที่จะตอบปฏิเสธก็เป็นคุณลักษณะหนึ่งที่ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกมีทุกคน #MTTM
เห็นด้วยกับคุณหมออย่างยิ่งคะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมากับตัวเองเป็นตามนั้นจริงๆคะ#MTTM
จริงครับ
ช่อง HealthyGamerGG ดีมาก
เหมือนหัวหน้าเก่าจะเป็นแบบ 3 อย่างนี้เลย แต่มีน้อยๆคือดี มีมากเพื่อนร่วมงานจะอิหยังหวะคนนี้ 😅😂
เห็นด้วย
ไม่ต้องรู้สึกผิด และหลงตัวเองพรีเซนต์ต่อไปว่ากูเก่ง
🤍🤍🤍
healthygamergg ที่มา
❤❤❤
ข้อที่สามทั้งเราทั้งเพื่อนมีเยอะมากค่ะ มันไม่พอดี 5555 อาจจะต้องปรับตัวเองแล้ว เดี๋ยวจะเครียดหนักเกินไป #MTTM
สั้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สรุป ๆๆ ยาวไป
🥰🥰🥰
👍
คิดว่าจริงครับ เพราะทั้ง 3 อย่างมีส่วนช่วยส่งเสริม ให้ประสบความสำเร็จ
1. พฤติกรรมต่อทางสังคม ถ้ามองอีกมุมนึงก็คงเรียกได้ว่าการรู้จักตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เป้าหมายของตัวเองคืออะไร แทนที่จะไปแคร์คนรอบข้าง จนออกห่างจากเป้าหมายตัวเอง
2. อาการหลงตัวเอง ฟังชื่อแล้วจะแปลกๆ แต่พอได้ฟังนิยาม การรู้จักในการปฏิเสธ นั่นคือการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารเวลานั่นเอง ทำให้เราใช้เวลากับเป้าหมายตัวเองได้มากขึ้น อย่างมีประสิทธิภาพ
3. อาการวิตกกังวล นั้นก็คือความเครียดในระดับที่พอดี หากทำอะไรแล้วชิวมากเกินไปอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ หรือเครียดมากเกินไปอาจจะส่งผลไม่ดี อันนี้ก็มีความสำคัญเช่นกัน
ข้อ1 คือเป้าหมาย
ข้อ2 คือการจัดการเวลา
ข้อ3 คือแรงขับเคลื่อน
หากจะนึกถึงปัจจัยอื่นๆที่ช่วยส่งเสริมความสำเร็จก็น่าจะมี
การทบทวนเป้าหมาย และกระบวนการที่ผ่านมา และการ ทำทุกอย่างอย่างสม่ำเสมอครับ
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆครับ
#MTTM
เห็นด้วยกับความเห็นกับคุณหมอ โดยเฉพาะข้อ3 เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ ถ้าจะ drive change อีกอย่างนึงที่สำคัญคือ perfectionism & ช่างสงสัย เพราะถ้ามีอันนี้จะทำให้เกิด antisociopath นิดหน่อย ไม่ยอมรับสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล ที่คนทั่วไปยอมรับ และแสวงหาวิธีที่ดีขึ้นจากที่มีอยู่ค่ะ
นี่มีเพื่อนค่ะ เขาตั้งตัวเเองเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาทำงานได้ดีมาก แจกแจงงาน มอบหมายหน้าที่ คุมงานได้ดีทุกอย่าง งานกลุ่มประสบความสำเร็จทุกครั้ง แต่เพื่อสในกลุ่มสะบักสะบอมกันหมด เหมือนเขาสนใจแต่งานต้องออกมาดีอ่ะค่ะ แต่ไม่ถามความ้ห็น ไม่ให้ออกเสียง สั่งไรก็ทำๆไป ทรงนี้เลย#MTTM
น่าแปลกใจที่ ช่องนี้ยังไม่ถึงล้านซับ ในขณะที่เข้าถึงคนดูมากๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ ติดตามมาตั้งแต่แรก และจะติดตามตลอดไป❤🧡
ขอขอบคุณที่ติดตาม Mission To The Moon เสมอมานะคะ💙
คนที่ประสบความสำเร็จอาจมีสิ่งเหล่านี้ ร่วมกัน ความตั้งใจ,ไม่ยอมแพ้ เวลา ทรัพยากร อดทน การตัดสินใจ ความรับผิดชอบทั้งต่อคำพูดและการกระทำ อื่นๆโปรดระบุ.. หรือไม่ อย่างไร
เห็นด้วยทั้งหมดค่ะ โดยมองว่า
1. Sociopathy ทำให้เราเลือกที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองลงทุนในตัวเองก่อน ไม่อดทนกับเรื่องที่ไม่ควรอดทน (ตามความคาดหวังในนิยามของคำว่า "คนดี" ในสังคม) กล้าที่จะยืนหยัดเพื่อตัวเองและมี boundary ทำให้ไม่สูญเสียพลังงานหรือทรัพยากรไปกับเรื่องเปล่าประโยชน์ ย่อมเหลือพลังงานและทรัพยากรมาพัฒนาตัวเอง พัฒนางาน พัฒนาธุรกิจ
2. Narcissism ถ้ามีในปริมาณที่พอดีมันช่วยเพิ่มความมั่นใจ เชื่อว่าตัวเองมีดี กล้าที่จะลงมือทำกล้าคิดกล้าตัดสินใจ กล้าที่จะเข้าหาผู้คนหรือพื้นที่ที่อาจจะอยู่คนละระดับเดียวกับเรา พอพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่และพบผู้คนที่ระดับ(ฐานะ สังคม ฯลฯ) สูงกว่าเราก็ช่วยขยายขอบเขตโอกาสของเราไปด้วย
3. Neuroticism มันคือประโยคนี้เลย "Only the Paranoid Survive." ถ้าเราใช้ชีวิตเรื่อยๆ พอโลกเปลี่ยนก็ตามไม่ทันแล้ว แต่คนที่คอยสอดส่องมองหาภัยอยู่เสมอ จะเตรียมตัวให้พร้อมรับมืออยู่เสมอรวมไปถึงสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ก่อนคนอื่นเสมอ #MTTM
ไม่เห็นด้วยซะทีเดียวกับพฤติกรรมแรกสำหรับตัวอย่างที่ยกมา แต่เห็นด้วยกับตัวอย่างใน 2 พฤติกรรมหลังค่ะ จริงๆที่คุณหมอเล่า เป็นการบอกให้ฉุกคิดว่าคุณไม่ต้องเป็นคนดีเลิศเสมอไป
ตัวอย่างแรก ต้องมองคนในครอบครัวก่อน ไม่สามารถทำสถานการณ์นั้นได้100% อันนี้ให้ความเห็นเผื่อใครฟังแล้วเข้าใจว่า ให้มุ่งเรียนทำตัวเองให้ดีไปเลย 10ปีรวยแล้วมาช่วยครอบครัว แต่ถ้าสมมนติสถานการณ์นั้น แม่สุขภาพไม่ค่อยดี น้องก็นิสัยเกเรติดเพื่อน แม่อาจจะต้องทำงานหนัก 10 ปีกลับมาแม่เป็นโรค น้องก็ดูแลได้ไม่ดีเพราะไม่มีเวลาไปติดยา ข้อนี้ก็ควรเป็น ทำงานไปเรียนไป ซึ่งแน่ว่าต้องเหนื่อยแบบสุดๆๆ และชีวิตก็อาจจะได้หรือไม่ได้ตามคำว่ารวยมาก ทุกเรื่องต้องใช้สติ+ดวง #MTTM
คิดว่าจริง เพราะทุกคนที่รู้จักและประสบความสำเร็จ เป็นไปในทางเดียวกัน
อย่างแรกคือ ไม่ค่อยเป็น Yes Man ไม่ได้คอยช่วยเหลือคนอื่นเป็นหลัก แต่นานๆทีจะช่วยที และไม่ช่วยทั้งหมด
และทุกคนจริงจังกับเรื่องที่ทำมากๆ แม้ว่าจะเครียด แต่ก็จะหาวิธีผ่านไปได้โดยไม่หนีปัญหา
นอกจากอันนี้ทุกคนยังมีความกล้าจะทำ แม้ว่าจะเครียดหรือรู้สึกวิตกกังวล เค้าก็จะลงมือทำไปเลย เพื่อให้ความวิตกกังวลหายไปแทน
#MTTM
ฟังเเล้วรู้สึกว่าตรงกับตัวเองมากๆ ช่วงที่ครอบครัวเกิดวิกฤตการเงิน ประจวบกับที่ผมกำลังจะเข้ามหาลัย ผมต้องเลือกว่า จะเรียนมหาลัยใกล้บ้าน หรือมหาลัยมีชื่อในคณะที่มีอนาคต ผมตัดสินใจเลือกมหาลัยมีชื่อที่มีโอกาสในหลายๆ ด้าน เพื่อแนาคตระยะยาว และผมเรียนจบทำงานและมาไกลกว่าจุดที่คิดไว้มาก ในระหว่างที่เรียนก็แค่อยากให้ที่บ้านเข้าใจ และเขาเคารพการตัดสินใจของผม สุดท้าย ครอบครัวผมก็ชีวิตดีขึ้น
เห็นด้วยค่ะ คนที่ไม่ได้ทำตามคนส่วนใหญ่ มีจุดยื่นมีความคิดเป็นของตัวเอง จะไม่ถูกจูงง่ายๆค่ะ ขอบคุณค่ะ #MTTM
จริงที่สุดเลยค่ะ
การจะทำงานให้ประสบความสำเร็จจะต้องมีทั้ง3ข้อตามที่คุณหมอกล่าวเลย แต่มีแค่พอประมาณ มากไปไม่ดีแน่ๆ ลองแอบๆ มองพวก C level ในออฟฟิศ ก็ดูจะมีหลายคนเลยนะคะ
ใดๆ คือ เราก็ต้องหาส่วนผสมที่ลงตัวของเราเองค่ะ
ขอบคุณ #MTTM #MissionToTheMoon กับคอนเท้นต์ดีๆ เสมอมาค่ะ
ความเห็นส่วนตัวคิดว่า
จริงค่ะ เเต่ต้องเอาทั้ง 3 นิสัยนั้น มาปรับใช้ได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของเเต่ละบุคคล ให้ตรงกับสิ่งที่เราเจอ บริบทหน้าที่ที่เราเป็น ที่สำคัญต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ใน Status อะไร เพื่อให้เกิดการพัฒนาตนเองในวันข้างหน้า
สุดท้ายเราต้องประเมินตัวเองรู้จักใช้สิ่งต่างๆที่ฟังจาก MTTM ให้เกิดประโยชน์เเละประสบความสำเร็จต่อไป
#MTTM
จริงครับ คนประสบความสำเร็จต้องมี 3 นิสัยนี้ (แบบพอประมาณ)
ต่อต้านกระแสสังคม หลงตัวเอง วิตกกังวล หน่อยๆ
และอีกอย่างที่ต้องมีคิดว่าคือ "วินัย"
คือต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แม้จะไม่อยากทำก็ตาม
#MTTM
07:06 ชอบอันนี้มากๆ เลยครับ
เป็นมุมมองที่น่าสนใจทั้ง 3 ข้อเลย
ขอบคุณสำหรับ Podcast ดีๆ วันนี้นะครับ
เห็นด้วยทั้ง3ข้อครับ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพอดีด้วย (ต้องไม่มากจนเกินไป) เพราะถ้ามีมากจนเกินไป คนรอบข้างอาจจะไม่คบเราก็ได้ เพราะถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว โดยส่วนตัวชอบหัวข้อ Action-Oriented Coping เผชิญปัญหาแบบมุ่งเน้นการกระทำ คือ เมื่อโดนหัวหน้า feedback เรื่องงานไม่เรียบร้อย เราควรปรับ mindset และทำงานให้หนักขึ้น เพื่อให้ผลงานเราแสดงความสามารถแทนคำพูดเรา
#MTTM
เห็นด้วยกับคุณหมอนะคะ แต่กับตัวเองมันรีเลทแค่ข้อ 3 ค่ะ เคยมีความวิตกกังวลแบบมากเกินไปค่ะ (ฮา) ย่อยเป็นประโยคง่าย ๆ ได้ว่า “คิดเยอะเกินจนไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง“ พอได้ฟังเเนวคิดนี้เลยรู้ว่าสิ่งที่พยายามปรับในช่วง 2-3 ปีหลังมันมาถูกทางละ คือการตอบกลับปัญหาด้วยกานลงมือทำแบบกังวลนะแต่ต้องประครองสติ และใช้ความกังวลให้เป็นประโยชน์ค่ะ
#MTTM
เห็นด้วยกับทั้ง 3 ข้อครับ จากประสบการ์ณส่วนตัวเมื่อ 10 ปีก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นมันค่อนข้างแย่กับสุขภาพจิต คนรอบข้างหาย แถมอาจถูกตราหน้าในเชิงลบ คนรอบข้างหายหมด มาตอนนี่ดีขึ้นมาก พอที่จะช่วยเหลือคนรอบข้างได้
เราก็ตั้งต้นมาจากความเชื่อว่าเราทำได้เท่านั้นแหละครับ มันก็มีเรื่องโชคด้วย
คิดว่าจริงครับ
ส่วนตัวแล้ว ตัวเองเป็นคนที่มีลักษณะเหล่านี้อยู่ในตัว แต่เราพยายามเป็นคนดี เราก็จะพยายามให้นิสัยไม่ดีเหล่านี้เกิดขึ้นน้อยมากๆ จนเป็นปัญหาตามมา พอโตขึ้นมาหน่อยก็เรียนรู้ว่า เป็นคนดีก็มีปัญหาเราก็เป็นตัวของตัวเองเลย แล้วมันก็มีปัญหาอีก เพราะสังคมไม่ชอบ สุดท้ายถ้าเราจัดวางความเห็นแก่ตัว การหลงตัวเอง ความวิตกกังวลให้พอดี ชีวิตมันง่ายขึ้นเยอะเลย
เห็นด้วย เพราะว่าจากการสังเกตคยที่สำเร็จ ว่าพฤติกรรมเป็นยังไง และลองเอามาปรับใช้กับตัวเอง สิ่งที่รู้สึกได้คือ
- ปฏิเสธเพื่อเวลาของตัวเองสำคัญมากเพราะการไม่ปฏิเสธทำให้ความสนุกเปลี่ยนเป็นความอึดอัด ไม่เคารพตัวเอง ยิ่งถ้าบ่อยๆเข้าขึ้นขั้นสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะเป็นไปตามสังคม(ที่ตัวเองไม่ได้อยากทำ)มากเกินไป
- การหลงตัวเองเบาๆ ไม่มาก มันเหมือนกับความเชื่อมั่นในตัวเอง คนที่ไม่หลงตัวเองเลย(0%) เค้าจะไม่เชื่อว่าตัวเองทำได้
- เป้าหมายสำคัญกว่าสังคมรอบตัวที่อาจจะไม่ได้สำคัญจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องน้อมรับทุกอย่าง เพราะคนที่สำเร็จในโลกมักทำสวนทางกับคนทั่วไป
#MTTM
คิดว่าจริงตามตัวอย่างที่เล่ามา แต่มันอาจจะไมาได้ถูกนิยามหรือถูกเรียกด้วย “นิสัย” แบบที่เรียกตามคุณหมอ แต่สิ่งที่คิดว่าต้องมีคือการสื่อสารให้คนรอบตัวเข้าใจว่า purpose ที่แท้จริงเบื้องหลังการกระทำของเราคืออะไร ซึ่งมันก็เริ่มจากการมีเป้าหมายที่ชัดเจน รู้ว่าเราให้คุณค่ากับอะไร และอะไรที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายนั้นบ้าง อะไรที่ไม่ใช่ระหว่างทางก็ต้องรู้จักเลือกและไม่เลือกสิ่งเหล่านั้น ถ้ามี balance ดี ๆ ไม่ทำทุกอย่างมากหรือน้อยเกินไป มีความพอดีทั้งการมถ่งไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ แต่ยังเป็นคนที่คอยช่วยเหลือคนอื่น “น่ารัก“ กับคนรอบตัว (ไม่ใช่แค่คำพูด แต่มันคือการกระทำและความจริงใจที่แสดงออกมาด้วย) ก็จะยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จแบบไม่โดดเดี่ยว :) #MTTM
เป็นกำลังใจและชื่นชมผลงานทีม MTTM เสมอค้าบบ // ชูป้ายไฟ 🎉🎉🎉
ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่จริงเสมอไปค่ะ คิดว่าอาจมีบางสถานการณ์อย่างที่คุณหมอยกตัวอย่างมาที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการประสบความสำเร็จค่ะ
ปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญกว่าคือ การทำงานหนัก, ความมุ่งมั่น, การเรียนรู้และปรับตัว, ความคิดสร้างสรรค์, และคอนเนกชั่น อย่างตัวอย่างแรกของคนที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยทั้งที่ฐานะทางบ้านลำบาก ถ้ากลับกัน คนๆ นี้ไม่ตั้งใจเรียนอย่างหนัก ขาดความมุ่งมั่นตั้งใจ เหตุการณ์จะกลับกัน กลายเป็นว่าจบมาแล้วไม่มีงานทำ ยิ่งถ้ากู้เงินเรียนด้วยแล้วอาจจะทำให้สถานการณ์ทางครอบครัวยิ่งแย่กว่าเดิมอีกค่ะ
#MTTM
ว้าวมากกับทั้งสามอย่างเลยค่ะ เคยมองว่าสามอย่างเป็นลบสุดโต่งเลยค่ะ วันนี้ได้มุมมองใหม่ ๆ ที่เป็นด้านบวกของสามอย่างนี้ และก็เห็นด้วยมากค่ะว่าอย่างพอดีมันช่วยให้เราสำเร็จระยะยาวมากขึ้นค่ะ อีกอย่างที่คิดว่ามีเยอะอาจจะเครียดไปคือ บ้าคลั่งวินัยคะ เคยคลั่งการออกกำลังกายและผลักดันตัวเองให้ไปออกทุกวันโดยที่ทำไม่ถูกและไม่พักร่างกายเสียหายแทนที่จะดีค่ะ แต่ถ้ามีอย่างพอเหมาะและใจดีกับตัวเองบ้างอันนี้ช่วยเราให้มี self control ได้ค่ะ #MTTM
หนูคิดว่าการที่มี3สิ่งนี้ แบบพอเหมาะไม่เยอะไป มีประโยชน์ในระยะยาวทำให้มีจุดยืนเป็นตัวเอง แต่ยังไงคนเราจะประสบความสำเร็จก็ต้องลงมือทำและมีปัจจัยหลายอย่างพร้อมกัน อย่างโอกาส ความพร้อม ความพยายามค่ะ #MTTM
เห็นด้วยครับ มีความจริงในนั้นอยู่พอสมควร เพราะ การที่เราไม่เข้าหาสังคมบ้าง หรือ หัดปฎิเสธคนบ้าง หรือ เปลี่ยนความคิดวิธีแก้ไขปัญหา แทนที่จะบ่นมันทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าการให้ความสำคัญกับตัวเอง และโฟกัสเ้าหมายตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่ความจะมีคือ "วินัย" ถ้า3สิ่งนี้ มีการทำอย่างเชี่ยวชาญจนชิน จะทำให้เราฝึกวินัยมากขึ้น มีเวลาให้ตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จได้มีประสิทธิภาพขึ้น #MTTM
เห็นด้วยกึ่งนึงครับ ผมมองว่ามันเป็น นิสัยของคนมากกว่า และมันเป็น Tools ชนิดนึงที่เราเลือกใช้ได้
แต่การที่จะใช้บ่อยๆ มันคือการทำลายวิญญาณของเราไปบางส่วนเหมือนกัน
ควรใช้กับบางเวลา และโอกาส ไม่ใช่ทุกโอกาสจะใช้แล้วดีเสมอไป.
#MTTM
เห็นด้วยทั้ง3ข้อเลยค่ะ โดยเฉพาะข้อสุดท้าย Neuroticism คนที่จัดการความกังวลตัวเอง ส่วนตัวค่อนข้างขาดข้อนี้เลยค่ะเช่นตอนทำข้อสอบมาแล้วคะแนนไม่ได้ที่หวังตัวเราชอบปล่อยเบลอหาอะไรทำที่จะทำเรื่องนั้นมันจางไป แต่สุดท้ายก็กลับมาคิดเหมือนเดิม เป็นเนื้อหาที่ดีมากค่ะไว้จะปรับไปใช้กับตัวเองนะคะ #MTTM
#MTTM จริงครับ ควรมีegoist ในตัวแต่ก้ต้องbalanceไม่มากเกินไป
สิ่งที่มองว่าคนกลุ่มนี้มีด้วยคือ ความไม่ยอมแพ้ มุ่งมั่น และอดทน
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆมากๆครับ จะนำไปปรับใช้ครับผม
ผมเคยเจอคนแบบข้อ2 คนอื่นทำอะไรไม่ดี ไม่ถูกใจไปหมด แต่เวลาตัวเองทำกลับทำไม่ได้ แต่ชอบสอนชอบอวดว่ารู้กว่าคนอื่น ทั้งที่ตัวเองสอนแบบผิด ทำอะไรพลาดบ่อย เวลาคนอื่นทำได้ดีจะรุ้สึกไม่พอใจ ทำอะไรก็ต้องเหนือกว่าคนอื่น เวลาคนที่รุ้จริงสอนก็ไม่รับฟัง คนแบบนี้น่ากลัวจริงๆ
#MTTM เห็นด้วยมากๆค่ะ เมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมบางคนถึงได้ใจร้ายกับเราจัง แต่พอเวลาผ่านไปก็เข้าใจว่าณ ตอนนั้น เขาอาจจะพยายามช่วยเราโดยการแนะนำแบบมองภาพใหญ่ก็ได้ ถึงณ เวลานั้น จะดูโหดร้าย แต่พอเวลาผ่านไปมันกลับดีกับตัวเราเองค่ะ
คิดว่าความสำเร็จมีนิยามหลายแบบ กรณีนี้คงหมายถึงคนที่สร้างความสำเร็จแบบโดดเด่นจนปรากฏแก่สังคม
การมีชีวิตที่สง่างามจึงมีหลายมิติ การยืนหยัดในความคิดของตนเอง ก็อาจเป็นการต่อต้านสังคมอยู่
การมองเห็นประโยชน์ในระยะยาว ก็คือการละวางสิ่งที่อาจสร้างความกังวลระยะสั้นไปก่อน เหมือนกับที่บอกว่า คิดการณ์ใหญ่อย่าใส่ใจเรื่องเล็ก
การปฏิเสธอย่างมีทักษะเป็นเรื่องของปัญญาอย่างแท้จริงเพราะต้องใช้ทั้งภาษาที่เหมาะสม สะกดอารมณ์ให้นิ่ง ท่าทีสุภาพแต่เด็ดขาด อุเบกขาจึงเป็นเรื่องยากที่สุด
ในบรรดาสี่ข้อของพรหมวิหารสี่ ข้ออุเบกขาจึงเข้าใจยากที่สุด ปฏิบัติยากที่สุด การละวางสายตาสังคมบางด้าน ละวางคำขอร้องของคนอื่นบ้าง จึงจะทำให้การมุ่งไปข้างหน้าทรงพลังมากยิ่งขึ้น
#MissionToTheMoon
#MTTM
ผมคิดว่า การวิตกกังวลเล็กน้อย สามารถจะช่วยให้การทำงานสำเร็จมากขึ้น
การหลงตัวเองบ้าง ในบางครั้งสามารถ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในบางเรื่องที่จะทำให้เราผ่านสถานการณ์ให้สำเร็จไปได้ แต่ไม่สามารถใช้สองสิ่งนี้คู่พร้อมๆกัน ควรแยกเป็นสถานการณ์
ส่วนเรื่อง พฤติกรรมต่อต้าน สังคม ใช้ได้กับบางเรื่องที่ พอประมาณ เน้นใช้ไปในทางที่เหมาะสมดีกว่าครับ#MTTM
เห็นด้วยค่ะ
เพราะ สังคมที่แวดล้อม การมีจุดยืน มีผลต่อการไปถึงเป้าหมายมากขึ้น
มีทั้งส่วนที่เห็นด้วยและเห็นต่างครับ บางตัวอย่างที่คุณหมอบอกเล่า มันมีอยู่จริง แต่ก็ไม่ทั้งหมด ส่วนตัวที่ฟังคลิปนี้แล้ว พอมองกลับมาที่ตัวเองกลับพบว่าจริงๆ คนเราก็มีลักษณะที่เล่ามาทั้ง3 ข้อ ในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างออกไปครับ
เห็นด้วยครับ อาจฟังดูเหมือนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับตัวเอง แต่จริงๆแล้ว หากเราโฟกัสกับตัวเองบ้างได้อย่างถูกต้องถูกจุด ก็ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้ เพราะแต่ละคนเจออะไรมาไม่เหมือนกัน จัดการตัวเองได้ก็ช่วยจัดคนอื่นต่อได้ #MTTM
๑ จริงครับเมืองไทยมี หลายเคจ มาก ทึ่บ้านมีฐานะไม่ดี พี่ ต้องหยุดเรียนมา เลี้ยงน้อง ช่วนแม่หาเงินตั้งแต่ยังเด็ก
๒ เราไม่ควรช่วยเหลือใครซ้ๆในเรื่องเดิมๆ
๓ ชอบนี้ เหมือน ทำให้เราแก้ปัญา ให้เสร็จโดยเร๋ว
โดยลงมือทำ เรียบร้อยทันที
#MTTM
เป็นหมดเลย ทั้ง3ข้อ เหลือแต่ประสบความสําเร็จ 🙉
น่าจะเป็นความจริงบางส่วนค่ะ แบบ..ถึงมันจะจริงแต่แค่นั้นยังไม่พอ อาจจะต้องเพิ่ม ความเชื่อมั่นในบางสิ่ง ความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ การมองอนาคตในแง่บวก ปัญญา Empathy โชค etc.
ไม่มีสูตรสำเร็จ ขึ้นกับสถานการณ์ + ช่วงเวลา ของแต่ละคนด้วย #MTTM
ส่วนตัวก็ทั้งเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย เลยครับ เป็นเรื่องปัจเจกแล้วแต่คนเลยครับ ปณิธานยิ่งใหญ่ ความสำเร็จก็ยิ่งใหญ่ตามไปด้วย
บางคนพอใจแค่นี้ ก็อาจจะเลือกสิ่งที่ทำได้ ณ ตอนนี้
กับบางคนมองภาพใหญ่กว่า ก็ต้องการความอดทนความเด็ดขาดใจแข็ง เพื่อให้ได้มาซึ่งภาพใหญ่ที่ดีต่อภาพรวม สุดท้ายเราจะมองออกที่ปลายทางเองครับ
ความสามารถในการคุมจังหวะ รักษาโมเมนตั้มที่ดีของทิศทางไว้ให้ได้ บางช่วงตึงบ้าง บางช่วงผ่อนปรนได้ ก็ผ่อนปรน ก็จำเป็นมาก ๆ
หลาย ๆ ตัวละครในสามก๊ก ก็ใช้เป็นตัวอย่างที่ดีในการอธิบายเรื่องนี้ได้เหมือนกันครับ #MTTM
เอาจริงทั้ง 3 ข้อ ถ้าเป็นในกรณีที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็คือสามารถเป็นตัวร้ายได้เลย😂 แต่ก็นั่นแหล่ะทุกอย่างต้องบาลานซ์ และคงต้องแล้วแต่อาชีพหรือการใช้ชีวิตด้วย ยังไม่เห็นด้วยทั้งหมดค่ะ #MTTM
1. Sociopathy - พฤติกรรมต่อต้านสังคม (ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น ไม่รู้สึกผิด เห็นแก่ตัว หาเหตุผลมารองรับการกระทำที่ไม่ดีของตัวเองเสมอ) แต่มีพฤติกรรมเหล่านี้ในระดับที่ยังพอเป็นที่ยอมรับของสังคมได้ เช่น ควบคุมความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ของผู้อื่นในสังคมไม่ไให้มากเกินไปจนเสียความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ถูกดึงดูดเข้าสู่ความเห็นใจระยะสั้น (Short-term compassion) แต่มองไปที่ความเห็นอกเห็นใจระยะยาว มองข้ามความเห็นแก่ตัวเพื่อผลประโยชน์ในระยะยาวของทุกคน
2. Narcissism - การหลงตัวเอง
มีความสามารถในการปฏิเสธอย่างมีประสิทธิภาพ มีทักษะสูงในการใช้คำว่า "ไม่" รู้ดีว่าเมื่อปฏิเสธหรือควรยอมรับ พร้อมที่จะปฏิเสธเพื่อทำให้ตัวเองดีขึ้น/ได้ในสิ่งที่ต้องการ/ไม่ทำให้ตัวเองต้องประสบปัญหาหรือไม่สบายใจในอนาคต มักเลือกที่จะปฏิเสธคนเดิมๆ ที่มาขอความช่วยเหลือเสมอแต่จะไม่ปฏิเสธคนที่มาขอความช่วยเหลือเป็นครั้งแรก เนื่องจากว่าอาจจะนำมาซึ่งโอกาสที่ดีและส่งผลดีกับตนเอง
3. Neuroticism - การวิตกกังวล
รับมือการวิตกกังวลด้วยการลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง (Action-oriented coping mechanism) ตรงกันข้ามกับอีกกลุ่มหนึ่งที่รับมือด้วยการไม่ทำอะไร (Emotional-focused coping mechanism) ปล่อยให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นเองหรือเราชินกับมันไปเอง เช่น เล่นเกม กินเหล้าให้ลืม การเลือกทำอะไรบางอย่างเป็นการสร้างความเจ็บปวดในระยะสั้นหรือ Toxic Fuel แต่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว เช่น อดอาหาร ออกกำลังกายเพื่อให้ได้หุ่นและสุขภาพที่ดีขึ้น อ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อให้สอบผ่านได้คะแนนดีๆ แก้ปัญหาที่ตรงจุด
#MTTM
ขอบคุณมากนะคะที่พิมพ์สรุปให้❤
@@LunHerbHome2651 ด้วยความยินดีครับ
เห็นด้วยค่ะ แล้วคนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ จะมีความมุ่งมั่น + วินัย มากกว่าคนทั่วไปค่ะ #MTTM
โคตรจะจริงเลยครับ (เพราะยังขาดทั้ง 3 ข้อ555555) โดยส่วนตัวตอนนี้ข้อ 1 ซึ่งก็คือการมองเกมยาวได้ถูกค่อย ๆ แก้ไขไปแล้ว, ส่วนข้อ 2 การหัดปฏิเสธคนก็กำลังพัฒนา และข้อ 3 การทำเป็น Action oriented ก็กำลังพัฒนาเช่นกัน ทั้งหมดนี้ช่วยให้เราสำเร็จจริง ๆ
สิ่งที่อยากแอดเข้ามาด้วยในการเป็นตัว leverage คือ Conmection เพราะมันจะทวีคูณเลย
และอีกข้อคือวินัยจริง ๆ เพราะนี่คือ enabler ที่สำคัญที่สุดสำหรับทำให้ใครสักคนสำเน็จในสิ่งที่เค้าตั้งใจ #MissionToTheMoon #MTTM
จริงค่ะ เพราะโจโฉมีนิสัย3ข้อที่กล่าวมา😅
เยี่ยมครับขอบคุณมาก เห็นด้วยกับคุณหมอครับ #MTTM
เห็นด้วยค่ะ แต่บางข้อมีมากไปก็ไม่ดีสำหรับคนรอบตัวที่ไม่ได้รู้จักเราจริงๆเขาอาจจะไม่เข้าใจเรา เพราะเราอยู่ร่วมกันบนสังคม แต่บางทีความสำเร็จคนมองที่ความสำเร็จและยินดีกับเรา โดยไม่รู้ว่าระยะทางทึีเราผ่านมาต้องเจอะเจออะไรมาบัาง❤️❤️ #MTTM
ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆ ครับ
ขอบคุณเนื้อหาดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
เห็นด้วยทั้ง3ข้อครับ และสามารุนำไปปรับใช้ได้ ตามช่วงเวลาและสถานการณ์ #MissionTotheMoon
ขอบคุณสำหรับคอนเทนต์ดีๆ ค่ะ❤
มีหนังสือแนะนำ สำหรับ อาการหลงตัวเอง ไหมครับ # ขอบคุณครับ
ฟังทุกวัน เติมกำลังใจ เติมความรู้ทุกวัน
ส่วนตัวเห็นด้วยกับทั้ง 3 ข้อนะคะ คิดว่าการมีทั้ง 3 ข้อในปริมาณที่พอเหมาะ เป็นประโยชน์มากกว่าส่งผลเสียค่ะ#MTTM
เห็นด้วยทุกข้อเลยครับ จริง ๆ บุคลิกที่เป็นลบเหล่านี้ ทุกคนควรมี แต่ควรมีอย่างพอดี ผมคิดมาตลอดว่า ถ้าเจ้านายนาน ๆ ให้ช่วยงานวันหยุดที ผมก็จะช่วย แต่ก็คิดมาตลอดว่าเราควรช่วยจริง ๆ ใช่มั้ย พอได้ฟัง ผมก็รู้ว่าผมควรทำต่อไปแหละ แต่มีอีกบุคลิกที่ผมว่าควรมี แต่ไม่ควรมากไปก็คือ Machiavillian (คนเจ่าเล่ห์) ที่เราต้องมีบ้างเพื่อให้เราเป็นคนที่ทันคน ไม่ถูกหลอกใช้ง่ายนั่นเองครับ #MTTM
เห็นด้วยนะคะ ทั้ง 3 ข้อเหมือนจะเป็นแง่ลบ แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนมุมมองและนำมาเป็นแรงผลักดัน ไม่ทำร้ายใคร ก็จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้เหมือนกันค่ะ
เห็นด้วยค่ะ ถ้าคนเรามีเป้าหมาย และมีจุดยืนที่ชัดเจนย่อมประสบความสำเร็จ แต่ต้องยืดหยุ่นบ้างในบางโอกาสค่ะ🎉
กด subscribe และให้ที่บ้านช่วยกันเข้สมากดแล้วค่ะ ตอนนี้ใช้แต่แบรนด์ศรีจันทร์ เนื่องจากว่าครีมกันแดดเหมาะกับคนไทย และแดดบ้านเราค่ะ เป็นกำลังใจให้Mission to the moon ทำคอนเท้นดีๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆค่ะ❤❤
#MTTM
ต้องเป็น 1% ประสบความสำเร็จ
พอได้ฟังก็คิดว่าจริงๆมาก และคิดว่าอีกอย่างที่สำคัญมากๆคือความกล้าหาญที่จะเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง กล้าที่บอกคนรอบข้างว่าเราต้องการอะไร อยากทำอะไรค่ะ ขอบคุณเนื้อหาดีๆที่ส่งมอบให้ฟังทุกคน เป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการใช้ชีวิตที่อยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิมในทุกๆมิติค่ะ #MTTM
เป็นเรื่องที่ดีีมากๆเลยคับ
เราทุกคนล้วนมีด้านไม่ดีกันค่ะ ไม่มากก็น้อยเช่น ต่อต้านสังคม แค่อย่าทำร้ายคนอื่นหรือตัวเองเกินไปค่ะ❤
น่าสนใจมากค่ะ
ขอบคุณมากครับ❤❤❤
น่าสนใจทั้ง 3 ข้อเลยค่ะ
ชอบข้อ Narcissism มากครับ
ไม่อ้อมค้อมหละ เราอยากได้เซรุ่มค่ะ เพราะคุณรวิศหน้าเนียนมากๆ ❤ 😅😅😅
เห็นด้วยมากๆ ครับ
ชอบฉากหลังค่า
เห็นด้วยทั้ง 3ข้อ เพราะคนที่มีลักษณะนี้ จะเห็นเเก่ตัวเองเป็นหลักก่อน เเละ สามารถ move on ได้ไว เเละมองระยะยาว เเล้วจะมีจุดยื่นเป็นของตัวเอง #MTTM
เห็นด้วยค่ะ
ขอบคุณครับ
ผมเคยเป็นคนที่ตอบตกลงกับทุกๆคนเรียกได้ว่าเป็นมิสเตอร์เยสแมน รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากกับการที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่น บางครั้งบางครั้งรู้สึกเหมือนเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือ บางครั้งคนที่เราช่วยเหลือหลายๆครั้ง แล้วลองไม่ช่วยเหลือสักครั้งกลายเป็นเราเป็นคนไม่มีน้ำใจซะงั้น ดังนั้นจึงคิดได้ว่าเหมือนที่คุณแท๊บบอกเลย เห็นแก่ตัวสักนิดนึง เซรั่มก็จะทำให้มีความสุขมากขึ้นจริงๆ #MTTM
คิดว่าใช่ค่ะ คนที่ปฎิเสธไม่เป็น และมาบ่นภายหลัง บลาๆๆๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมจะ toxic ต่างหาก
ดีมากเลยค่ะ💖💖
เห็นด้วยทั้ง3ข้อ ถ้าจะเพิ่มอีกข้อคงเป็นนิสัยกัดไม่ปล่อย คนที่ประสบความสำเร็จจะอดทนทำทุกอย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆไม่ว่าระยะสั้นหรือระยะยาวเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ #MissionToTheMoon
เห็นด้วยค่ะ สามข้อนี้ดูเหมือนจะเป็นแง่ลบ แต่ถ้ามีในระดับที่พอเหมาะก็เป็นข้อดีค่ะ #MTTM
ทำให้นึกถึง ทางสายกลาง😊
มองว่าคำอธิบายต่างๆ น่าจะเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวหมอคนนั้นแหละ
เห็นด้วยกับ 3 นิสัยที่กล่าวมาค่ะ เพราะจากที่เคยเห็นหรือฟังเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักมีนิสัยที่แตกต่างจากคนทั่วไป (ที่เราเรียกว่านิสัยแปลกๆ) #MissionToTheMoon
#MTTM เห็นด้วยครับ ส่วนตัวเชื่อเช่นกันว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จได้ บางครั้งจำเป็นต้องมีทักษะในการตัดอุปสรรคและสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อเป้าหมายออกไปบ้าง การมองภาพใหญ่ให้ออกจะทำให้เรารู้ว่าเราควรต้องทำอะไรในปัจจุบันและสิ่งใดที่ควรปฏิเสธครับ
เห็นด้วยค่า
6:40 ชอบข้อนี้มากครับ
#missiontothemoon เกราะของคุณหมอคล้ายที่พระพยอมเคยเทศน์ว่า อย่าไปรับกระทบ ให้มันเหมือนลมผ่านหูไปบ้าง หรือเลยไปอีกเรื่องหน่อยก็ที่น้าเน้กใน 'อย่าหาว่าน้าสอน' ว่า อย่าเอาใจลงไปเล่น // เวลา+ทรัพยากรอื่นมีจำกัด ย่อมเป็นปัจจัยกำหนดทางเลือกอยู่แล้ว ตามมาด้วยค่าเสียโอกาสจากการเลือกและไม่ได้เลือกทางอื่น เศรษฐศาสตร์พื้นฐานทราบข้อความคิดนี้ดี นอกจากนี้ การบอกปัดว่า ไม่ ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพูดถึง เช่น ชีวิตเป็นระเบียบ งานเสร็จตรงเวลา เริ่มต้นที่ปฏิเสธคนให้เป็น | Mission To The Moon EP.1803 th-cam.com/video/n2IJPyLKBCw/w-d-xo.html เลิกได้แล้ว ที่ไม่ไหวกลับบอกไหว ไม่เข้าท่าหรอก
// ต้องแบบนั้นแหละ อย่าไปจมปลัก move on กับทุกอย่าง
#MTTM
เห็นด้วยครับ
ความกังวลเกิดจากการไม่รู้ความสงสัย พอไม่รู้ก็สงสัยนั้นสงสัยนี้ ถ้าไม่รู้ก็จะสันนิษฐานไปต่างๆนาๆ ก็เห็นด้วยครับ มีมากไปก็ไม่ดี
อยากเป็นคนแบบนั้นนนน
เห็นด้วยทั้ง 3 ข้อครับ อย่างเช่นการกล้าที่จะตอบปฏิเสธก็เป็นคุณลักษณะหนึ่งที่ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกมีทุกคน #MTTM
เห็นด้วยกับคุณหมออย่างยิ่งคะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมากับตัวเองเป็นตามนั้นจริงๆคะ#MTTM
จริงครับ
ช่อง HealthyGamerGG ดีมาก
เหมือนหัวหน้าเก่าจะเป็นแบบ 3 อย่างนี้เลย แต่มีน้อยๆคือดี มีมากเพื่อนร่วมงานจะอิหยังหวะคนนี้ 😅😂
เห็นด้วย
ไม่ต้องรู้สึกผิด และหลงตัวเองพรีเซนต์ต่อไปว่ากูเก่ง
🤍🤍🤍
healthygamergg ที่มา
❤❤❤
ข้อที่สามทั้งเราทั้งเพื่อนมีเยอะมากค่ะ มันไม่พอดี 5555 อาจจะต้องปรับตัวเองแล้ว เดี๋ยวจะเครียดหนักเกินไป #MTTM
สั้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สรุป ๆๆ ยาวไป
🥰🥰🥰
👍