ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
หลวงพี่ท่านพูดได้ดีมาก พูดแบบไม่มีอคติ และที่สำคัญท่าน"ไม่สิ้นคิด"
ไม่สิ้นคิด =ไม่สิ้นปัญญา ครับ
ไม่สิ้นคิด=ยังปรุงแต่งอยู่คือยังคิดอยู่คือยังตัดกิเลสไม่ได้
ที่สิ้นคิดคือ=สิ้นคิดในมรรค๘
@@krayfishram3640 ที่วาจาสามหาวจาบจ้วงพระพุทธเจ้า จาบจ้วงพระอรหันตสาวกทั้ง500รูป จาบจ้วงพระอานนท์ลบหลู่พระธาตุเจดีย์ปูชนียสถานพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะความสิ้นคิดใช่ไหมครับ ขอถามหน่อยในมรรค8 พระพุทธเจ้าสอนให้สิ้นคิดไว้ข้อไหนครับ
@@AnuchitChankhao จาบจ้วงยังไง?
ชอบคำอธิบายของหลวงพ่อสิ้นคิดครับ หลวงพ่อท่านเป็นพระปฎิบัติ สาธุครับ
ขอน้อมกราบพระมหาสมบูรณ์ด้วยความเคารพอย่างสูง ท่านแสดงธรรมถูกต้องชัดเจนดีแล้ว...สาธุ❤
พระมหาบูรณ์ท่าน สอนธรรมแจงได้ละเอียดมาก ศึกษามาตรงไม่ได้แค่ดูผ่านๆเหมือนพระอีกท่าน แล้วเอาธรรมมาติเตียนเลยไปถึงพระพุทธเจ้า
เราไม่ขอติใครเลยแต่เราเลือกได้ที่จะฟังใครไม่ฟังใคร...แต่เราไม่ฟังพระสิ้นคิดแค่นั้นเอง...สาธุในธรรมเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
ท่านพระมหาอธิบายได้ดีมาก เป็นประโยชน์มาก
อาจารย์มหาพูดถูกต้องแล้วมาก❤❤❤
ท่านมหาบูรณ์เทศดีมาก.เข้าใจง่าย.เข้าถึงแก่นแท้.
กราบพระที่อธิบาย...สาธุๆๆ...พระธรรมวินัยพระพุทธเจ้าสอนมาแล้ว(ตรัสมาดีแล้ว)ย่อมไม่ขัดกัน...นอกเสียจากผู้เอาคำสอนมาปฏิบัติผิดไปหรือปฏิบัติไม่ได้....
แสดงธรรมไม่กระทบใคร เป็นกลาง น้อกราบสาธุครับพระอาจารย์
คนที่ปฏิบัติแต่ไม่ศึกษาธรรมก่อนก็เหมือนคนที่เริ่มเดินทางแต่ไม่ศึกษาแผนที่การเดินทางให้ละเอียดก่อน.กาีเดินทางของเขานั้นคงต้องเข้าป่าหลงทางแน่นอน
ไม่มีนักบอลคนไหน อ่านตำรามากกว่าซ่อมให้หนักๆ อ่านสักร้อยรอบท่องได้ทุกตัวอักษร ก็ไม่มีวันเป็นนักยอลอาชีพได้หลอก เข้าใจไหม
@@aungkananienmongkol303 อันนี้มันคนละประเด็นกันครับ เอามาเปรียบเทียบแบบนี้ยังไม่ถูกต้องนักกีฬาที่เห็นว่าซ้อมกัน จริงๆแล้วเขาก็ศึกษาอยู่ตลอดนั่นแหละ ศึกษาจากการสังเกตดูรุ่นพี่ที่เขาเก่งกว่า หรือฟังโค้ชแนะนำแล้วเอามาปรับใช้กับตัวเอง ฝึกซ้อมจากสิ่งที่สังเกตมาแล้วนั่นแหละ ทำจนชำนาญ จึงกลายเป็นนักกีฬามืออาชีพได้ส่วนการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่รู้อะไรเลยจะฝึกได้ยังไง เพราะสิ่งที่ไปกำหนดเป็นนามธรรม จะไปสังเกตพระที่ท่านนั่งสมาธิภาวนาอยู่ก็ไม่ได้ ถึงทำได้ ก็ได้เพียงท่านั่งเท่านั้น ส่วนสภาวะข้างในไปรู้ไปเห็นไม่ได้เลยเพราะเป็นนามธรรม แล้วอย่างนี้ผู้ไม่ศึกษามาก่อนจะปฏิบัติได้ยังไงพิจารณาอีกนัยนึง ถ้าไม่ต้องศึกษากันก่อน สามารถปฏิบัติชำระกิเลสได้เลย แบบนี้พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ต้องตรัสสอนก็ได้เพราะทุกคนปฏิบัติแล้วจะรู้ได้เอง แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผู้ที่จะชำระกิเลสได้ด้วยตัวเองมีแค่พระพุทธเจ้าเท่านั้น นอกจากนั้นต้องอาศัยว่าเคยได้ยินพระสัทธรรมคำสอนมาก่อนทั้งนั้นดังนั้นการศึกษาจึงสำคัญมาก เพราะทำให้รู้จักสภาวะธรรมที่เกิดในใจ รู้ว่าสภาวะนี้เกิดจากปัจจัยอะไร จะดับไปเพราะหมดปัจจัยใด ถ้าจะกำหนด จะกำหนดอย่างไร เมื่อรู้โดยตลอดแล้วลงมือปฏิบัติ การติดขัดก็น้อย ถ้าอุปนิสัยบารมีพร้อม โอกาสจะบรรลุธรรมก็เป็นไปได้ครับการปฏิบัติโดยไม่ศึกษาก็เหมือนการเดินเข้าป่าแบบไม่รู้แผนที่ เมื่อเดินเข้าไปแล้วก็ต้องเห็นสิ่งต่างๆในป่านั้น เมื่อออกจากป่ามาแล้วก็สามารถพูดได้ว่าเห็นสิ่งต่างๆนี้จากการเดินเข้าป่า พูดได้อย่างหนักแน่นด้วยเพราะเห็นมาจริงๆ สาระสำคัญคือที่เห็นมานั้นถูกต้องแล้วรึยัง ถูกทางแล้วรึยัง สิ่งนี้ผู้ปฏิบัติตอบไม่ได้เลย ต้องอาศัยพระพุทธเจ้าที่ท่านชี้บอกทางไว้ให้ก่อนเท่านั้น เมื่อเราเดินเข้าป่าไปเราจึงจะรู้ได้ว่า ทางนี้ถูก ทางนี้ผิด เมื่อเจอทางผิดเราก็ไม่เดินไปต่อ แต่มองหาทางที่ถูกที่พระพุทธเจ้าแนะนำบอกไว้ เมื่อเจอแล้วจึงเดินทางไป การจะถึงที่หมายก็เป็นอันหวังได้ขอให้ทุกคนเจริญในพระสัทธรรม ได้รู้แจ้งนิพพานกันทุกคนครับ
@@aungkananienmongkol303การซ้อมคือการศึกษาก่อนลงแข่งจริง ไม่มีนักบอลทีมไหนที่ไม่มีการซ้อม การเรียนรู้ก่อนไปแข่ง ส่วนจะเอาชัยหรือได้ที่ 2,3,4 อยู่ที่การเรียนรู้และการฝึกซ้อม แต่ก็มีบ้าง ซ้อมเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย
@@เผ่าพันธุ์นาค ซอมคือ ฝึกกลางคืน แบบไม่มีอะไรกะทบมีแต่ความคิด ฝึกให้ดึงออกได้ไวๆ ต้อนกลางวันคือของจริง ว่าที่ฝึกมาตอนกลางคืนได้ผลดีไหม เข้าใจยังผิดเลยท่านเอยตายละ
ผมไม่ชอบท่าทางของพระสินคิดท่ากิริยาเหมือนสินคิดสมชื่อ
พระอาจารย์อธิบายได้ละเอียดครอบคลุมให้เข้าใจดีมากครับ สาธุครับ🙏🏻
เรียนปริยัติแล้วเกิดศรัทธา ออกปฏิบัติแล้วเกิดปฏิเวธ เอาปฏิเวธมาเทียบเคียงมาตริตรองในปริยัติพระไตรปิฏกว่าถูกทางไหมจะได้ไม่หลงทางจะได้ไม่สิ้นคิด จะได้ไม่มีมิจฉาทิฏฐิ จะได้ไม่ต้องตัดพระไตรปิฎกทิ้ง ตัดพระอภิธรรมทิ้ง😊😊😊
@@รัตตินันท์-ษ5ฤ ก็บอกอยู่นี้ไง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
@@KoobaKawpoon ถ้าไม่สิ้นคิดก็บรรบุธรรมไม่ได้เพราะยังคิดปรุงแต่งอารมณ์อยู่.
@@adithepkhunvut390 สิ้นคิดไม่เคยได้ยิน ได้ยินแต่สิ้นยึดครับถึงจะบรรลุ
สาธุค่ะ สุดยอด❤️
พระสิ้นคิดตำหนิ แต่พระมหาสมบูรณ์อธิบายเหตุและผล ใครควรได้รับการสาธุ ครับ ท่านทั้งหลายคงคิดได้อย่างไม่สิ้นคิดนะครับ
พระอาจารย์มหาสมบูรณ์ท่านพูดถูกและเป็นนักปฏิบัติตามวินัยขออนุโมทนาสาธุๆๆเจ้ค่ะ
พระมหากับพระสิ้นคิดไม่มีใครพูดผิด คนที่ไม่เคยฝึกสมาธิจะฟังธรรมะไม่ละเอียดคือสติไม่มีกำลังพอ(พระสิ้นคิดเป็นพระปฎิบัติที่มีความเชี่ยวชาญในพระไครปิฏก)
@@บุญรัตน์พรมจักร ไม่มีปริบัติ มันจะปฏิบัติ ถูกทางไหม ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ มันแยก อย่างได อย่างหนึ่งไม่ได้ มัน ต้อง เนื้องซึ่งกันและกัน อีก อย่าง พระไตรปิฏก เป็น ภาษา บาลี ไม่ใช่ ภาษาไทย เข้าใจตามนี้
พากันไปขอขมาหลวงตาสาเด้อ พากันไปดูคลิปเต็มกันรึยัง เอาหน้าเอาซื่ิิอคนอื่นมาทำแบบไม่เป็นธรรมเลย
@@pra9310เเล้วใครเกิดทันพระพุทธเจ้าหวะ สังคายนามากี่ครั้งเเล้วกี่% ตำรา
พระอาจารย์พูดได้ดีถูกต้องครับ
น้อมกราบ พระคุณเจ้าที่แสดงธรรม ด้วยความเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ...
น่าสงสาร สิ้นคิด จริงๆ ความรุ้น้อยแต่พูดมากล้นมาทางปาก รุ้ไหมว่า มันอัดอั้นอยุ่ที่ใจถึงล้นมาทางปาก หลวงตาสิ้นคิดก็ล้นจนออกมาทางปาก แนะนำให้เงียบๆอย่าลงคลิปอะไรเลย เข้าทางปฏิบัติเยอะๆค่อยมาพุดสอนใครเขา
พระปฏิบัติดีต้องพร้อมด้วยกาย วาจา ใจ
@@ชัยยะเป็นเช่นนั้นเอง :พูดยังไม่เป็นธรรถยังไม่เป็นธรรม ยังมีคำถาม ยังมีข้อกังขาว่า .ปฏิบัติดี(ด้วย กาย วาจา ใจ) ดีอย่างไร? แบบไหนคือดีที่พระพุทธเจ้าสอน! เพราะอาจจะพลัดหลงไปใน" ดี" แบบพวกปริพาชก-สมณพราหมณ์เหล่าอื่น-ศาสนาอื่น (เขาก็ว่าปฏิบัติ ดี).
เห็นด้วยครับ..ไม่เบียดเบียนใครด้วย กาย วาจา ใจ.
@@ชัยยะเป็นเช่นนั้นเอง :แบบใดจึงเรียกได้ว่า ปฏิบัติดีพร้อม?
@@User_ub3ts9mh5xทั้งสองครับควบคู่กัน
@@User_ub3ts9mh5x การกระทำทาง กาย วาจา ใจ ประพฤติดี 😊
สิ้นคิด คือไม่คิด ตัดสิ้นแล้วซึ่งภพชาติ ตราบใดที่เรายังคิด (ความคิด) ภพชาติเกิด คิดดี คิดไม่ดี คิดอะไรก็แล้วแต่ เรายังไปไม่ถึง ไม่มีวันเข้าใจคำว่า (สิ้นคิด) เพราะว่าน้อยคนนักที่จะทำได้ สาธุหลวงตา🙏
ผมรู้นะหลวงตาสิ้นคิด คิดอะไรยุและพวกท่านก็รู้ยุแก่ใจ
สิ้นคิดคือโง่ครับ พระอริยสงฆ์ท่านไม่สิ้นคิด องค พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค ก็ไม่สิ้นคิด ตรัสรู้แล้วก็ยังคิดให้มนุษย์หมู่มากได้มีหนทางปฎิบัติให้ทุกข์น้อยลง หรือพ้นทุกข์ไปเลย#สิ้นคิดคือโง่
การไม่คิดสังขารไม่ปรุงแต่งนั้นไม่ใช่ความถูกต้องในทางพุทธศาสนาที่บรรลุธรรมแล้วเมื่อจิตไม่มีปัญญาคิดพิจารณาเห็นทุกข์จิตก็ไม่สามารถสลัดทุกข์นั้นได้ผู้ที่จะบรรลุธรรมก็ต้องรู้สภาวะของจิตมีความนึกคิดปรุงแต่งจิตจะปรุงแต่งมาแบบไหนในจิตก็มีสติตามรู้ทันและพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงนั้นไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนั้นจิตจะปล่อยวางเองนั่นแหละคือปฏิสัมภิทาญาณคือผู้บรรลุธรรม...ถ้าจะเอาความไม่คิดมาเป็นความหมายของผู้บรรลุธรรมนับว่าไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง....
พระสิ้นคิดท่านรู้ธรรมจากการปฎิบัติและต้องการให้คนอื่นรู้ตามอาจจะพูดจาดุเดือดเพื่อให้เป็นที่สนใจ
พระสารีบุตร กระโดดโลดเต้้นเหมือนลิงพระโพธิธรรมเป็นสังฆปรินายกองค์ ที่28 สอนมวยให้ประชาชนจีนวัดเส้าหลินอรหันต์จี้กง ก็กระโดดโลดเต้นสรุปแล้ว มีก็เหมือนไม่มี ไม่มีก็เหมือนมี
นักปฏิบัติ & นักปริญัติ เจอกัน ก็สว่างโร่งเลย สาธุ ท่านมหา ธรรมย่อมใหลไปสู่ธรรม
ที่มาปฏิบัติก็เพราะได้ปริยัติ ได้อ่านได้ยินได้ฟังมาเกิดศรัทธาเป็นเหตุให้มาปฏิบัติ เมื่อปฎิบัติจึงเป็นเหตุให้เกิดปฏิเวธรู้แจ้ง เมื่อปฏิเวธอย่างแจ่มแจ้งก็นำมาปริยัติพร่ำสอนด้วยความกรุณาเพื่อนหมู่สัตว์ ทุกอย่างมีความสำคัญ มีหน้าที่ในส่วนของธรรมนั้นๆ ธรรมทุกอย่างมีเหตุ การดับเหตุคือเหตุของการดับสิ้นของทุกข์ในที่สุด
เมื่อ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมา ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ
อะไรคือ อริยมรรคมีองค์แปด.
สาธุ..สาธุ..(ตุ๊จ้า)..นี่ของจริงพูดถูกต้อง..ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากเหตุ..ถ้าไม่มีเหตุทุกอย่างมันก็ไม่มีการเกิด..(แห่งเหตุนั้นๆ,จริง..บ่อเถียงจ้า)..แต่..มันก็ถูกทุกท่านแหล่ะจ้า..แต่จะเข้าใจในคำนั้นๆ,..ก่ะแล้วแต่ละบุคคลจ้า..ว่าไป..
อะไรคือปริยัติ อะไรคือปฏิบัติ อะไรคือปฏิเวท.นกแก้ว นกขุนทอง ก็รู้ได้.แต่การกระทำ(ปฏิบัติ)มีจริง เกิดจริงใหม.ใครรู้ ใครทราบ ใครคือผู้พิสูจน์ข้อนั้น.อยากทราบ?...ตอบด้วย.
@@SomsakSaosut-jr7yo ปริยัติคือหลักวิชาการอันเป็นอรรถธรรมในสัจธรรมและพระวินัยบัญญัติ ปฏิบัติคือการประพฤติปฏิบัติตามแนวทางที่บัญญัติไว้ในมรรค8ประการ ปฏิเวธคือความสำเร็จในมรรคผลที่น้อมนำเอาปรินัติมาปฏิบัติตามแล้วเกิดผลสำเร็จตามนั้นเอง
ท่านอาจารย์ ปริยัติ พูดถูกครับ ต้องมีทั้ง 2 อย่าง เขาเรียกว่าทางสายกลางครับ
พระอาจารย์สอนถุกใจมากค่ะ
ผิดๆๆทั้งพระที่ยังเข้าใจว่าพระสายปริยัติและสายที่บอกว่าปฏิบัตินั้นแยกออกจากกัน การเข้าใจอย่างนี้อันตรายเป็นอันมาก ที่จริงพระจะไม่มีสายประริยัติสายปฏิบัติเพราะเหตุนี้จึ่งทำให้ศาสนาแตกแยก ถ้าผู้เข้าถึงธรรมจริงจะไม่สงสัยเลยว่าในสายประริยัติก็จะมีการปฏิบัติไปในตัวเพราะจะมีทั้งศีลสมาธิและปัญญาไปพร้อมๆกัน ไม่ใช้สายประริยัติก็จะต้องเรียนไปจนหัวปุุ่หัวพังจนไม่รู้ที่จบที่สิ้น ส่วนสายปฏิบัติก็จะเอาแต่นั้งหรับตาปฏิบัติจนไม่สนใจกับประริยัติ กับศีล กับธรรม กับวินัยจนไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกอย่างพระและชาวพุทธเราเข้าใจกันอยู่ทุกวันนี้ดอกนะ
พระที่ปริยัติธรรมแจ้งแล้วจะปฏิบัติ เมื่อรู้แจ้งแล้วทั้งสอง ท่านก็นำปริยัติธรรมนั้นมาสอน สาธุการ หลวงตาสิ้นคิด ท่านรู้แจ้งแล้ว แต่คนจำนวนมากยังไม่เข้าถึง ❤
พระแบบนี้อันตราย ไม่รู้ว่าพูดโดนกิเลสของคนไหน ก็จะชอบเพราะมันประหลาดพิลึกดี แต่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ถ้าพระปฏิบัติจริงๆ จะไม่มาเห็นแย้งอย่างคนที่มีความสงสัยมากแบบนี้ จะสุขุมลุ่มลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
ปริยัติกับปฏิบัติไม่ขัดแย้งกันเลย ความจริงคือ พระพุทธเจ้าทรงปฎิบัติจนตรัสรู้แล้ว จึงมีพุทธวจนสอนคน เช่น พระวินัย พระปริยัติ ศีล สามาธิ ปัญญา เป็นต้น เพื่อให้คนที่ต้องการไปนิพพาน ปฎิบัติตามอีกที
ใช่เลย พระสิ้นคิดมีอัตตาสูงมาก ปฎิบัติโดยไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ มักจะหลงทางหลงผิด. ยิ่งทำยิ่งผิด บางครั้งหลงในนิมิตรจะทำให้จิตวิปลาส
สาธุพระคุณเจ้าอธิบายแจ่มแจ้งครับ.. สาธุ... สาธุ... สาธุ... อนุโมทามิครับ.
พูดถูกทั้งสองท่าน.ขอสาธุบุญทั้งสองท่าน.สาธุๆครับผม
อยากเป็นหมอก็ต้องไปเรียนหมอก่อน จะซื้อชุดขาวมาใส่ถือมีดผ่าตัดก็เป็นหมอไม่ได้ จะปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องก็ต้องศึกษาพระธรรมก่อน
ฟังพระมหาสมบูรณ์ดูมีหลักการดี
ชอบพระปฏิบัติครับ
พระอาจารย์ปริยัติท่านพูดถูกค่ะขอน้อมอนุโมทนาสาธุค่ะ
พูดถูกแต่ทำไม่ถูกเพราะทำไม่ได้จบแค่นั้น
พระอาจารย์วิเคราะห์ได้ถูกต้อง 🙏🙏🙏
ตาสินเเก ได้นับฉายา พระสิ้นคิดสมชื่อจริงๆๆ
อ้างว่าเป็นนักปฏิบัติ แต่อากัปกิริยาไม่มีความดับเย็นให้เห็นเลย นั่นแสดงว่า ปฏิบัติไม่ได้ผลความสุขุมเย็น ความมักน้อยสันโดษความมีเมตตา ความไม่ยินดีไม่ยินร้าย มันจะแสดงเปล่งออกมาให้เห็นทางกายและวาจานั้นคือนักปฏิบัติที่ได้ผลจริงจงทำดีบำเพ็ญตนให้มีความเป็นกุศลก่อนเถอะ จึงจะทำนิพพานให้แจ้งได้ แม้แต่พระพุทธองค์เองก็ต้องบำเพ็ญความดีสร้างกุศลมาเป็นร้อยๆชาติพระพุทธเจ้าสอนทั้งให้ทำดีสร้างกุศลได้สู่สวรรค์ ทั้งสอนให้ทำนิพพานให้แจ้งด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า มีความไพเราะในเบื้องต้น คือ สอนให้ได้มีประโยชน์สุขในปัจจุบัน มีความไพเราะในท่ามกลาง คือ สอนให้บำเพ็ญความดีสร้างกุศลธรรมให้ได้มีความสุขในโลกเบื้องหน้า และมีความไพเราะในที่สุด คือ สอนให้ทำนิพพานให้แจ้งด้วย นั้นคือคำสอนในศาสนาพุทธพระบางรูปเรียนมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ปฏิบัติให้ได้ผล และบวกกับการคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเอามาสอนเขาตั้งตัวเป็นอาจารย์ใหญ่ จึงกลายเป็นชักพาศาสนาออกนอกลู่นอกทาง แล้วมีคนที่มีปัญญาน้อยและมีศรัทธาอ่อนได้หลงเชื่อตาม นี้คือจุดเสื่อมถอยของศาสนา
ไม่รู้อะไรสะแล้ว คุณเหมื
อยู่ที่จริต เเต่ล่ะคนคับ ธรรมะโหดๆเเรงกะตุกกิเลสธรรมะ สบายหู บางทีก็เข้าไม่ถึงใจคับ
@@Oppo-jg6qhเท่ากับจะบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนธรรมไม่ได้ผล เพราะพระพุทธเจ้าไม่โหดระหว่างความดีกับความชั่วอย่างไหนต้องใช้ความโหดกันละ
คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เขียนโดยคนอื่น มีการสังคายนา หลายครั้งโดยคนอื่นที่เกิดมาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วเป็นร้อยๆพันๆปี...แล้วคนรุ่นหลังที่เขียน จะมาคิดว่าของตนถูกต้อง อย่างไรเหรอ...เอาเป็นว่า พระนักปฏิยัติ เป็นพระสายลูกทุ่ง กริยามารยาท หยาบๆ หลวงพ่อสิ้นคิด กับ หลวงพ่อคูณ พระบ้านนอก แต่ปฏิบัติ จนมีพลังบุญ มนุษย์โลก เข้าหา เพื่อพึ่งยุญท่าน ถวายเงินทองกับท่านมากมาย เพื่อร่วมทำบุญ กับท่าน บุญจะทำให้ชีว้ตพวกเขาดีขึ้นทั้งโลกนี้ แลพโลกหน้า...พระสององค์นี้ ทำทานมหาศาล จิตใจพระโพธิสัตว์...อันนี้เห็นชัดเจน...ส่วนที่ที่เรียนมา มีตำแหน่งสูง ได้รับเงินเดือนจากระบบราชการ...จะนุ่ง ห่มผ้า สีดี ผ้าดี เรียบร้อย..เดิน เหิร เยื้องย่าง ให้ดูกริยามารยาทดี...แต่พระเหล่านี้ ไม่เคย พาหมู่คน กลุ่มใหญ่ ฏิบัติธรรม ไม่เคยได้ยินทำทานกับ หมู่คน มากมาย ...อย่าออกมาด่า ว่ากันเลย...ถ้าทำตัวไม่ผิดกฏธรรมะ หฏหมาย ไม่ทำร้ายคัวเอง และผู้อื่น ช่วยเหลือสัตว์โลก ก็ถือว่า ดี แล้ว...เป็นพระอย่าทะเลาะกันเองให้ ฆราวาสที่ถือปิน มันมาแทรก สั่ง ออกกฏ บังคัยพระ...ไม่เห็นมันพากันไปทำลายวัดธรรมกาย ไปจับพระองค์มีตำแหน่งใหญ่ ไปจัวคุกเหรอ...ไม่เห็นพระองค์ไหน ออกทาปกป้องศาสนา เลย
ปฏิบัติแบบฉันข้าวเย็นได้อ่ะนะ😂
สาธุๆครับพระอาจารย์
กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ครับ.
สะนันตา ยันติ กุสุพภา ตุณฮี ยันติ มะโหทะธิ ห้วงน้ำน้อย ไหลดังสนั่น ห้วงน้ำใหญ่ ไหลสงบนิ่ง
ชัดเจนมากครับพระอาจารย์
อะไรที่ไม่ใช่ปริยัติ ยืนเดินนั่งนอน พูดคิดดื่มกิน อ่านเขียนเรียน เดินจงกรมนั่งสมาธิ ดีใจเสียใจ สุขทุกข์มันปริยัติทั้งนั้นแหละครับอาจารย์ แต่ปฏิบัติภาวนามันเป็นปัจจัตตัง รุ้เฉพาะตนสาธุๆ
ธรรมเป็นหนึ่งเดียวไม่มีขัดแย้ง แต่ถ้าทำก็จะเกิดความข้ดแย้งเพราะไม่ศีกษาธรรม
ไม่เรียนแต่ศึกษาใจตนเองได้มิใช่หรือ
@@sangobmueanlue7511แล้วจะฝึกดูจิตแบบไหน ถ้าไม่เรียนรู้ก่อนทำ พระพุทธเจ้าสอนให้เดินถูกทาง
แค่เสียงน้ำหนักเสียงที่เปล่งออกมาก็แตกกต่างกันเยอะๆมีธรรมคือความสงบเสงี่ยมควบคุมอารมณ์สติปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช(กระโดนข้ามไม่ได้)
คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้าจะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ ซึ่งจะมีตัวอย่างให้พิจารณาตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ
@@sangobmueanlue7511ผู้ไม่ศึกษาหรือไม่เคยฟังธรรมมาก่อน แต่ศึกษาจนบรรลุด้วยตัวเอง นั้นคือพระพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่ใน5000ปีนี้ จะไม่มีพระพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาอย่างเด็ดขาด จนกว่าสิ้น5000ปี หรือสิ้นอายุขัยของศาสนาครับ
ชอบทั้งสองท่านครับ อยากรู้ทางปริญัตก็นั่งฟังพระอาจารย์มหาสมบุรณ์ แต่ลงมือปฏิบัติต้องเอาจริงเอาจังชนิดถวายชีวิตก็ต้องเอาอย่างหลวงตาสินทรัพย์ ถึงท่านจะพูดไม่ไพรเราะแต่อย่าไปเหยียดปฏิปทาของท่าน ลองไปกราบท่านสักทั้งจะได้รู้ว่าตัวจริงท่านเป็นเช่นไร และระวังจะได้รับกรรมจากผรุสวา ไม่รู้ตัวนะครับ
พระท่านนี้.ท่านก็ไม่ธรรมดา.ท่านพูดถูกต้องแล้ว.ชอบแล้ว.ธรรมมีทั้งเปลือกและแก่น.ไม่มีเปลือกก็ไม่มีแก่น.ไม่มีแก่นก็ไม่มีเปลือก.ต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน.เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร?.ก็เพราะสติปัญญาของคนเราแต่ละคนไม่เท่ากัน.ธรรมจึงมีหลายระดับ.และแต่ๆระดับ.ก็ใช้ได้.ให้เห็นผล.ก็เฉพาะบางท่าน.บางคนเท่านั้น.ท่านจึงจำแนกคนออกเป็นบัวสี่เหล่า..ดังนั้น.ใครเหมาะสมประพฤติปฏิบัติเช่นไร.ก็จงเลือกเอา.แสวงเอา.ให้ตรงกับจริตของตนเอง.ใครไม่ถนัดเรียนหรือเรียนไม่เก่ง.ก็อาจหาวิธีอย่างอื่นเพื่อให้บรรลุธรรม.บางท่านบางคนก็อาจมีวิถีชีวิตความเป็นมาแตกต่างกัน.ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เหมือนกัน.ดังนั้น.ก็จงเลือกเอาทำเอา.ตามความถนัดของตนเอง**
ใช่ค่ะท่านพูดถูกสาธุค่ะ
คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งจะมีตัวอย่างให้พิจารณาตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้นั่นเองค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้า จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ
การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด จะเกิดปรากฏขึ้นมาเหมือนๆกัน ไม่มีความแตกต่างแน่นอนนั่นเองค่ะ
การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ
การเกิดปรากฏขึ้นมาของเส้นทางเจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ก็จะเกิดปรากฏขึ้นมาแบบนี้เหมือนๆกัน คือ จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ จะต่างกันที่ อินทรีย์ เป็น ความยิ่งของ อินทรีย์ ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า เป็น ความหย่อนของ อินทรีย์ สัทธานุสารี นั่นเองค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์มหาครับ
นมัสการท่านพระมหา ท่านพูดถูกต้องแล้ว ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ นะ อย่างใดอย่างหนึ่งสำคัญหมดและ
ผมขอกราบสาธุพระอาจารย์ครับ
กราบ พระสงฆ์สาวกของตถาคต ที่น้อมนำธรรมของพระศาสดา มาถ่ายทอดบอกสอน แทงตลอดด้วยทิฐิ
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์มหาสมบูรณ์ กราบสาธุในธรรมเจ้าค่ะ
เยี่ยมมาก คนเกิดวันอังคารเจอคนเกิดวันอังคาร แข็งเจอแข็งมันแน่ อย่าประมาทพระเรียน หลวงตาก็อ่านจากพระไตรปิฎกมาเหมือนกัน หลวงตายังเป็นพระทั่วไป พรรษายังไม่ถึง
สาธุครับ
ตั้งแต่ที่เคยเห็นผ่านมา พระนักปฏิบัติ เขาจะไม่ออกมาพูด ให้ตัวเองดัง
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ต้องตามลำดับ สาธุครับพระอาจารย์
พระเทวทัตก็เป็นพระปฏิบัติแต่สิ่งที่พระเทวทัตทำนั้นไม่ได้รู้เรื่องพระพุทธศาสนาเลยพระพุทธเจ้าสอนอะไรเขาไม่เคยเข้าใจไม่เคยศึกษาเอาแต่สมาธิจนได้ฌามสมาบัติมีฤทธิ์มีเดชแต่ก็ไม่รู้ธรรมสอนคนผิดๆแบ่งแยกพระภิกษุไปปกครองเอง ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมก็ต้องมีปริยัติปฏิบัติปฏิเวธอยู่ด้วยกันจะมีอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นมันจะทำให้ไม่ครบความรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.
ผู้ที่ผ่านการปฎิบัติมาแล้ว..ยิ่งจะดูดี.งดงามพร้อมทั้งไตรทวาร.มิใช่ผ่านมาแบบ"ลวงโลก-สร้างภาพ.แต่ยังเอะอะ-โวยวายเช่นเดิม.มันมิใช่?
ครับผู้ปฏิบัติเมื่อเข้าถึงความหลุดพ้นจากกิเลสแล้วจิตใจเขาจะทรงเมตตาพรหมวิหาร 4มองโลกเป็นกลางเห็นอริยสัจและจิตใจจะอ่อนโยนปล่อยวางและเงียบสงบกว่านี้...@@SamsungA35-gj2rk
ตาสินแสดงออกในลักษณะเป็นผู้มี มานะคือการถือตัวว่าดีเก่งรู้ดีใครติติงก็ไม่ฟัง
อัตตายังเต็มแก้ว
ก็เขาชื่อสิ้นคิด(โง่ดีฯนี้เอง)
ผู้รู้ผู้สงบ
คำสอนผีบ้า.ตั้งตัวเป็น"ศาสดาเองไปเลย".ยังไงก็"สิ้นคืด"แล้วนี่.
พระอลัชชีมิจฉาทิฏฐิยังมาก
สาธุๆๆทั้งสองพระทุกองค์
"ใจอวิชชาสิ้นคิด คือใจวิปลาส..เมื่อใจสงบลง สัญญาความจำหายไป ความคิดหายไป สติสัมปชัญญะมันอ่อน ใจมันจะหลับ ใจสิ้นคิดหลับในความหลงบ่อยนานๆ นานๆเข้าจะหลงสำคัญว่าตนบรรลุธรรม ออกมาปกติชีวิต ใจคิดก็ไม่รู้ว่าคิด สำคัญว่าไม่มีตัวตน ไม่มีกูคิด ใจอวิชชาหลงวิปลาสคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงตรงนี้เอง..ความรู้มีแต่ความจำแล้วความสำคัญรู้..ใจอวิชชาสิ้นคิดเอ๋ย..อย่าหลงผิดไปกว่านี้อีกเลย สำนึกแล้วสำรวมระวังเสีย..อย่าประมาทอยู่เลย
@@Thawatchai-e9f กรรมเทวดา ยักษ์ ด้วยสัญญา
ได้ฟังสำเนียงเห๋นท่าทางก็อ่อนใจ
คิดดีก็กรรมคิดชั่วก็กรรม555@@Thawatchai-e9f
หวานเป็นลมขมเป็นยาดูอาจาร์คมเป็นต้นเรียบรอ้ยพูดเพราะเสียงหวานเป็นไงตอนนี้อยู่ในคุกใครชอบแบบไหนก้อเลือกเอาในอดีตพระอรหันร์หลวงปู่หลวงตาที่พูดโพลงพางเสียงดังฟังชัดก้อมีอยู่แม้แต่พระสารีบุตรท่านก้อกระโดดข้ามน้ำพระพทุธเจ้าบอกว่าอดีตท่านเคยเกิดเป็นลิงมากอ่น
@@SakunkarnSitthitham ต้องตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ก่อนนั่นเองค่ะ ซึ่งก็สามารถตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก นั่นเองค่ะ
สาธุครับ พระสิ้นคิด 🙏
ปริยัต กับ ปฏิบัติ ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่คัดค้านกันถ้าเราจะคุยเรื่อง ของสิ้นคิดที่ด่าทอจ้วงจาบพระพุทธเจ้าเราจะถืออะไรกับคนพันธุ์นี้ขนาดพระพุทธเจ้า เขายังจ้วงจาบดูหมิ่นได้แล้วมันจะเหลืออะไรมีแค่เขาจะกินข้าวหัวเราะไปวันๆ
ดีทั้งสองพระอาจารย์ครับ
ใจที่ไม่รู้จริงจะคิดจาบจ้วง ระวังความคิด ยกตัวอย่างเช่นความคิดตัวผมเอง สำนึกรู้กลัวบาปกรรมจึงรีบหันกลับมาดูลม ไม่ให้คิดต่อ ไม่ทราบว่าทำถูกหรือไม่ครับ
ท่านกำลังเจริญจิต ขึ้น สู่ยอดเจดีย์แล้ว อนุโมทนา สาธุค่ะ🙏🙏🙏
@@Jampee1972 กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ หากผมได้ปฏิบัติถูกแล้ว
สติรู้ทัน เฝ้าดูความคิด คิดก็รู้ว่าคิด แล้วก็กลับมาดูลม สาธุ
สติเรื่มมีกำลังแล้ว ไม่ไหลไปกับโลกยินดีด้วยนะครับผม ขอให้เจริญในธรรม สุดท้ายคุณจะรู้ว่าที่เถียงกันมันไม่ได้มีอยู่จริงๆหรอก ที่มีเพราะเขาเหล่านั้นปรุงแต่งกันขึ้นมาเองต่างหาก ตำราก็ไม่มีอยู่จริง ปรุงแต่งทั้งนั้น เมื่อเห็นเป็นกระดาษเปื้อนหมึกแล้วนั่นแหละ สักว่าเห็น มันจะเป็นการเห็นที่เงียบสนิทมาก เงียบอย่างที่คุณไม่เคยเจอมาก่อนเลย แต่อายตนะยังทำงานปกตินะ ปัจจัตตัง จะปรากฎ
ฟังแล้วรู้สึกเข้าใจขึ้นเลยครับสาธุสาธุสาธุครับ
อากัปกิริยา บ่งบอกถึงวิธีคิด พระปฏิบิติถึงจะได้ฌาน ก็ไม่ใช่จะรู้แจ้ง ก็เป็นเพียงแค่ "จิตสงบ" และยังไม่เข้าถึงแก่นแท้ ถ้าเข้าถึง ซึ่งแก่นแท้ ย่อมมีที่จิตตื่นรู้ มีสติสังวร ในวิธีการพูด ส่วนพระที่มุ่งศึกษาพระปริยัติธรรม ก็ติดกับดัก ถ้าไม่ปฏิบัติ
ฟังหลวงตามหาบัวดีที่สุดครับ ปริยัติ ปฏิบัติ ครบจบในที่เดียว ไม่มีใครเสมอ
ภิกษุรูปนี้พูดได้ดีเสียงนิ่มนวลชวนฟัง ใยต้องนำคนอื่นมาเปรียบเทียบด้อยค่าแสดงอัตตายิ่งใหญ่ของตนล่ะ ไม่เป็นกุศลเลยนะ พระคุณเจ้า
ตอนนี้คนฟังหลวงตาสินทรัพ เป็นล้านแล้ว สอนเข้าใจง่าย ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา ไปนรกไปสวรรณ์ บราๆ ส่วนพระที่ไม่เห็นด้วยกับหลวงตาทั้งหลาย มีคนดูน้อย เพราะอะไรครับ
@@ลุงหนึ่ง-ช2ทเดินทางสายกลางสิค่ะ อย่าพูดจาเหมือนแบ่งแยกค่ะ ใครจะชอบใครก้ออย่ามาว่ากันเลยค่ะ ยังไงก้อคือพระเหมือนกันค่ะชอบไม่ชอบก้อผ่านดีกว่าค่ะ
@@เล็กรติรัตน์มงคลผู้ถึง ธรรมต้องมีคำว่าใจ เย็น เป็นสุข ใจร้อนเป็นทุกข์
@@เล็กรติรัตน์มงคลพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พุทธเหมื่อนเงินกิเลส พระสงฆ์เหมือนทองมาร พระธรรมคื่อว่างเปล่า ถ้าพวกท่านทั้งหลายกล้าที่จะตัดสองสิ่งนี้ที่ปิดบังตาเราไว้ได้ พวกท่านจะเข้าถึงธรรมได้อย่างว่างเปล่า ผมคื่อ ธรรมะ
@@ลุงหนึ่ง-ช2ท เอาคนดูเป็นประมาณ เป็นเครื่องตัดสินทั้งหมด ไม่ได้หรอก เหมือน "ทองคำ" กับ "หิน" หินมีมากกว่าทองคำ จะบอกว่า หิน "มีค่า" ยิ่งกว่า ทองคำ ก็ไม่ใช่ เอาความ "ถูกต้อง" ตรงตามพระไตรปิฎกเป็นเกณฑ์
🇨🇷🐘🇨🇷...ข้าพเจ้า เกล้ากระผม ฟังเเล้วในคำวิตก วิจารณ์ท่านที่ยก ปริยัติเทียบปฏิบัติ หรือ/และ ปฏิบัติเทียบปริยัติ ...เข้าใจว่าท่าน หลงในปฏิบัติมากๆจนเพ้อเจ้อปรามาทปริยัติออกมากับความเข้าใจตัวเองว่า มีความตื้นในปริยัติ....ที่เข้าใจของข้าพเจ้าเกล้ากระผมว่า ความในปริยัติที่จะอุบัติศาสนาขึ้น รู้ยาก เห็นยาก เข้าใจยาก เเละมีกาลเวลาเป็นเครื่องชี้วัด ให้ได้ปฏิเวธ....ความปฏิบัติที่อันได้รับผลปฏิเวธใช่ว่าชาติเดียว ๑๐ชาติ ๑๐๐ชาติ ๑๐๐๐ชาติ ปีเดียว เดือนเดียว วันเดียว คืนเดียว กับพระพุทธเจ้า ๔อสงไข ยิ่งแสนกัปป จึงอุบัติศาสนาขึ้นมา และ พระพุทธเจ้าพระองค์ต่างใน๓๕๘๔๑๙๒พระองค์ ๒๘พระองค์ก็ต่างกันด้วยเวลาในบารมีท่าน....ดั่งนี้จึง ความลึกซึ้งของปริยัตินั้น รู้ได้ยาก จะนึกตรึกตรองเอาเองไม่ได้มากกว่า๘๔๐๐๐คำถามคำตอบที่บัญญัติไว้....ที่พระองค์รวบรวมมานี้เป็นเพียงใบไม้ในกำมือเท่านั้นในปริยัติ ยกมาเป็นหัวข้อใหญ่ หัวข้อหลักที่สำคัญๆ แม้ความในพระไตรปิฎกก็เป็นปริศนา บังความละเอียดของกาลเวลาที่พระองค์และสาวกดำเนินเผยแผ่ศาสนา ท่านจะตัด ลัดไว้เป็นเเนวความ เพื่อผู้ศึกษาศาสนาพระองค์ได้ลำดับความตามเงื่อนให้ถูก ทั้งกับหลักฐาน กาลเวลาที่เกิดขึ้นจริง มีไว้ในโลกในเขตดำเนิน ในที่ทุกสถานกาลสร้างรอยดำเนินไว้....ปริยัติความเป็นจริงที่ได้มาจึงเกิดหลังปฏิเวธ พระพุทธเจ้าสอนธรรมพระองค์ต้องเกี่ยวด้วยภาษาของหมู่สรรพสัตว์นั้นๆว่า รูปธรรม นามธรรมหมู่สังคมโลกมนุษย์ เขาสื่อสารตอบรับกันมีความสมมุตินั่นนี่ของสรรพสัตว์สิ่งของกันว่า รูปใด นามใด...ปริยัติเป็นเรื่องละเอียดเพราะเป็นทฤษฎีธรรมของพุทธศาสนา ส่วนเรียนประโยคปริยัติธรรมคนละอย่างแต่อันเดียวกันในความเกี่ยวกัน...ท่านวิตก วิจารณ์เข้าใจไว้ตื้นในความร้อยแก้วร้อยกรองในคัมภีร์ไตรปิฎก ในความของอรรถของธรรม เป็นเพียงอุเทศไว้ก็มีทั่วหมดฯลฯ 🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
พระสิ่นพระเทดวะทัศกลับชาติมาเกิดหรือเป็นชูชกกลับเกิดคิดเป็นนักการพูดมากกว่าการกระทำเอาความรู้มากสอนคนอื่น คำสอนการพูดไม่เท่าลงมือปฏิบัติครับ
พุทธองค์ทรงตรัสไว้ทางบรรลุธรรม5หนทาง1การแสดงธรรม2การฟังธรรม3การสาธยายธรรม4การตริตรึกใคร่ครวญธรรม5การทําสมาธิวิปัสนา มัชฌิมาปฏิปทาปริยัติปฏิบัติเกิดผลปฏิเวทนี้แล
การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ ทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ นั่นก็คือ อริยมรรคมีองค์แปด ในข้อแรกนั่นเองค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งมีตัวอย่างให้พิจารณาตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้นั่นเองค่ะ
พระแท้ร่สาธุๆๆครับ
อเทวนิยม..ก็จะมีลักษณะเช่นนี้ คือ เหตุผล ข้อโต้แย้ง อัตตา ความเห็นส่วนตน ความเชื่อ..เทวนิยม เชื่อ ปฏิบัติตาม ไม่โต้แย้ง ขัดแย้ง ไม่มีความเห็นส่วนตน..เน้นความรัก ความเมตตา..😊😇😊
ก็ไม่แน่ครับ.. คริสศาสนายังแยกเป็นแบบลูเทอกับคาโธลิค.ต่างตีความพระคุณของพระเจ้าต่างกันมากๆ.... มุสลิมยิ่งแตกแยกหลายแบบ..
กราบนมัสการ สาธุทั้ง2ท่านขอรับ
สาธุเจ้าข้า
สิ้นคิดสมชื่อ สมชื่อสิ้นคิดใจเย็นๆ สิ้นกิเลสดีกว่าสิ้นคิด
ความคิดคือกิเลสทางความคิด
สิ้นคิดคือหมดกิเลส คนที่ยังคิดยังปรุงแต่งคือคนมีกิเลส คนที่หมดรู้ทิ้งความรู้คือพระอรหันต์ คือว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย บุญก็ไม่มีบาปก็ไม่มีมีแต่ความว่างเปล่า แต่ขันธ์ห้ายังมีอยู่ มีร้อนมีหนาว มีหิว แต่ความรู้สึกว่างเปล่าไม่มีตัวตน ไม่สุขไม่ทุกข์์
@@วรพัทธ์กล้าประพฤติแต่งฉายาขึ้นมากันเอง
@@วรพัทธ์กล้าประพฤติได้แต่เพียงพูดเท่านั้น ที่คุณพูดมานั้นก็เกิดมาจากความคิดนั่นแหละไม่เห็นมีในที่ไหนที่พระพุทธเจ้าสอนให้ไม่คิดแต่พระพุทธเจ้าสอนว่า ทาน ศีล ภาวนา เป็นทางความดีทางกุศลศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางทำนิพพานให้แจ้ง เราควรบำเพ็ญตนให้เป็นคนดีก่อน แล้วกุศลความดีนั้นแหละ จะทำนิพพานให้แจ้งได้พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไม่คิด แต่สอนว่า ในโลกนั้นไม่เที่ยง ไม่ควรยึดถือเป็นตัวตนของเราไม่ติดตามยินดียินร้าย ในทั้งรูปและทั้งนาม มีจิตมีสติเป็นอิสระจากเครื่องร้อยรัดทั้งหลายทุกคนนั้นจะต้องมีความคิดเป็นธรรมดา แต่ไม่ยึดถือในความคิดนั้น
ยุติเถิดเซลแมนสิ้นคิดเอ๋ยสึกแล้วหันไปทิศทางที่ชอบเถิด
สิ้นคิด มานะ
หลวงพี่พูดถูกค่ะ
นักปริยัติ มีท่าที เรียบร้อย กล่าววาจา ได้น่าฟัง เป็นกลางๆ ฟังแล้ว สบายใจ ส่วนนักปฏิบัติ แทนที่จะสงบนิ่งแบบโสรัจจะ พัด โพ้โว้ เพ่เว้ ลอกๆแลกๆ งกเงก งกเงก ยูหั่น เดี๋ยวกะ ห๊า เหอ ห๊ะ เห๊อะ..จักแมงหยัง ดอกยาคูกะดาย จะแม่น
แม่นครับ
ไปดูหลวงตาบัวนะครับพระอริยะเทศแบบถึงใจเหมือนหลวงตาสิ้นคิดเลย
ปฏิบัติแบบไม่มีครูอาจารย์คอยดูแลออกจะบ้าเช่นตาสินนั้นแหล่ะท่าน คือหลง
ควรจะเก็บมือเก็บไม้ให้อยู่นิ่ง ๆ สัก 5 นาที จะได้ไหม ?
ท่านผิดไม่เป็น ไร ขอแต่เรา อย่าผิดตาม ทุกอย่าง คือจบ ของดีเราเอา ของไม่ดีเราวาง อยู่กลาง เป็นสุข ทิ้งทุกข์ ทิ้งภัย ใจเย็น ตลอด กาล
สาธุคับท่านพุดถูกแล้ว
สาธุ หลวงตาสินทรัพ สอนคนให้เข้าใจธรรมง่าย แบบตรงไปตรงมา
ทำไมลูกศิษย์ต้องมาพูดจาแบ่งแยกให้เกิดปัญหากันค่ะ ถ้าไม่ชอบหรือชอบก้อผ่านดีกว่านะค่ะ
ใช่ครับ หลวงตาสอนเข้าใจง่ายกว่าครับ
สอบ "ง่าย" กับ สอน "ถูก" ชาวพุทธ ควรแยกแยะ "ง่าย" แต่ "ผิด" ก็ไม่ควรเอาตาม
@@rtittang1686ไม่รู้จักเวลาใหน เป็นยามวิกาล ฉันได้ฉันเอา แค่นี้ก็มีมานะ แปลว่า ถือตัว ดื้อรั้น กระด้างกระเดื่อง อันนี้แหละเขาเรียกว่า อ่อนด้านปริยัติ ศิลข้อที่ ๖ ของ อุโบสถศิล หรือศิล ๘ และศิลของสามเณร หรือเณรน้อยบวชหน้าไฟ ในงานศพ แค่บวชวันเดียวก็ต้องมีศิล คือศิล ๑๐ ทั้งศิล ๘ และศิล ๑๐ ข้อที่ ๖ คือ "วิกาลโภชนา เวรมณี" เว้นจากการฉัน ยามวิกาล คือตั้งแต่เที่ยงวัน ๑๒.๐๐ น. ต้อง้ว่นจากการขบฉัน ยกเว้นดื่มน้ำปนะ(ปนะ พนะ วนะ แปลว่า ป่า) สมัยก่อนผลไม้ ที่จะนำมา ปั่นหรือบด คั้นเอาน้ำมาดื่ม เรียกว่า น้ำปนะ หรือปานะ ผลจะต้องเอามาจากป่า เป็นส่วนใหญ่ จึงเรียกว่า ปานะ พานะ วานะ ก็คือผลไม้นำมาจากป่าเป็นส่วยใหญ่นั่นเอง และคำว่า มานะ บางคน จะเข้าใจว่า ความขยันหมั่นเพียรพูดกันมาผิด ๆ ตามศัพท์แปลว่า ความถือตัว ดื้อรั้น หรือกระด้างกระเดื่อง ไม่ยอมฟังใคร เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ อวดรู้ทั้งที่ตัวเองไม่รู้จริง ดังอธิบายเหตุผลมาด้วยประการฉะนี้แล
สักแต่สัมผัสเข้าไว้..ใจไม่แบกทุกข์..สุขยิ่งดีว่าแท้.. * สาธุ..สาธุ..*
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธต้องไปด้วยกันดังนี้ทุกข์ทุกขสมุทัยทุกขนิโรททุกขนิโรทคามินีปฎิปทา อริยสัจจังศีล สมาธิ ปัญญาต้องไปด้วยกัน สาธุ
ถูกต้องค่ะ จะข้ามขั้นตอนไปไม่ได้ ต้องปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ตามที่พระตถาคตเจ้าทรงวางรากฐานไว้อย่างชัดเจน สาธุ.ค่ะ
การอ่านที่ลึกซึ้งละเอียดนั่นคือปฏิบัติไปในตัว
มันก็ต้องศึกษาก่อน แล้ว น้อมไปปฎิบัติ ถ้าไม่ศึกษาแล้วไปปฎิบัติได้ไงเพราะไม่รู้หลักในการปฎิบัติ
ด้วยความเคารพ ท่านมหา เคยเห็นจิตประภัสสรดัวยจิตใจจริงหรือยัง เพราะสิ่งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าบรรลุธรรมจริงอย่างหนึ่ง การอธิบายไปจำจำคนอื่นพูดหรืออ่านหนังสือตำรามาก็ได้ ไม่เหมือนบรรลุธรรมจากประสบการณ์ด้วยตนเองเพราะเป็นปัจจัตตัง
การอธิบายตามตำราที่ครูบาอาจารย์โบราณอธิบายใว้นั้นถูกต้องแล้ว.. เพราะถ้าไปพูดว่าตนเองตรัสรู้เองแล้วมาบอกนั้นแสดงว่าคนนั้นโกหกรึไม่ก็หลงตนเองสุดๆแล้ว.. เพราะแม้สมัยพุทธกาลนั้นพระอรหันต์ทั้งหลายนั้นแม้ตนบรรลุก็ยังไม่ประกาศเอง..พระพุทเจ้าเป็นคนประกาศให้.... คนบอกว่าตนเองตรัสรู้เองเอาธรรมที่ตนเห็นมาแสดงเองนั้นล้วนโกหกมีมานะอหังการล้วนๆ.. คนที่แสดงธรรมโดยตามตำรานั้นแม้ตนเห็นธรรมแล้วก็ตามนั้นแสดงถึงความถ่อมตัวอย่างแท้
@@นายจิ่งทุนจายแสงหลวงตามหาบัวรู้จักไหมน้อ😂
คิดผิดอะไรหรือเปล่า เข้าใจคำว่าปริยัติว่าปริยัติแค่ใหน คำว่าว่าปริยัติคือการเรียนรู้ทั้งหมด ไม่ใช่นั่งในห้องเรียนอย่างเดียว แม้คำสอบถามก็ถือว่าเป็นปริยัติ เป็นบันใด ๓ ขั้น ปริยัติคือการเรียนรู้ ปฏิบัติคือการลงมือทำ ปฏิเวธ คือผลสำเร็จ เหมือนการจะเดินทาง ปริยัติ คือการศึกษาทางที่จะเดิน ถ้าศึกษาไม่ดีจะหลงทาง ปฏิบัติคือการลงมือเดินทางที่ศึกษาไว้ดีแล้ว ปฏิเวธ คือการถึงจุดหมายปลายทาง ถ้าขาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง การเดินทางจะไม่สมบูรณ์ และมีโอกาสสูงมากที่จะหลงทาง จะพูดจะจาอะไรให้ศึกษาให้รอบด้านก่อน คนฟังจะมึนหมดแล้วไม่รู้จะไปทางใหน ถ้าในยุคปัจจุบัน ขอให้ไปศึกษาคำสอนของขอหลักๆ ๓ องค์ คือ ๑ หลวงพ่อพุทธทาส ๒ ของหลวงพ่อสมเด็จญาณสังวรวัดบวร ๓ หลวงพ่อประยุต รับรองจะไม่หลงทาง และไม่ต้องสงสัย เพราะทั้ง ๓ รูปท่านสอนตามธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง ศึกษาจริงของแท้นักปฏิบัติจริงๆเขาไม่มีอวด แทบจะไม่บอกใครถถึงคุณสมบัติของตนเอง แต่ถ้าเข้าไปถามท่านจะตอบให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ที่ออกมาบอกว่าตนเองปฏิบัติอย่างนั้นได้อย่างนี้ส่วนมากจะของปลอม ผู้ฟังผู้ชมใช้วิจารณญาณให้ดี เดี๋ยวจะโดนพาหลงทาง เสียเวลาไปเปล่าๆ
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนกับการไม่ยึดถือตัวตน มันคือคนละส่วนกัน ไม่ใช่ขัดแย้งกัน
อย่าลืมนะ!! หลวงตาสินทรัพย์ท่านศึกษาพระปริยัติมามากไม่ใช่น้อย!! ไม่รู้ว่าคนทำคลิปได้ฟังหลวงตาเทศหรือป่าว!
พูดถูกแต่ผิดใจพระปฏิบัติ สาธุ
พระปฏิบัติอะไรลุกลี้ลุกลน..ไม่นิ่งไม่สงบ มือไม้วุ่นวายไปหมด เก็บอารมณ์ก็ไม่อยู่ ขยับโน้นขยับนี้ตลอด ออกอาการแปลกๆ
ลูกศิษเขาชอบครับสิ้นคิดทั้งครูทั้งศิษ555คงจะปฏิบัติมากจนคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า
มันดีดดดดด
ฝูงนกหูกางฝูงกาตัวดำอีแร้งไม่มีขนหงส์ก็อยู่บนฟ้ามันรวมกันไม่ได้แน่นอน
@@bunchabuncha5982ลูกศิษย์ก็แนวเดียวกันนั่นแหละ
นักปฏิบัติเท่านั้นที่จะ พ้นทุกข์พ้นโลกได้ครับ
นักปฏิบัติที่ปฏิบัติจริงๆ ยิ่งรู้มากธรรมยิ่งเหลือน้อยให้สังเกตุพระสายวัดป่า ท่านทิ้งตำราทั้งหมด แล้วใช้แค่สมถะกับวิปัสสนาส่วนคนที่ไม่ปฏิบัตินะ ตำราเต็มหัว ความเห็นมากมาย ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ ในหัวมีแต่ความฟุ้งซ่าน
อนุโมทนา สาธุ🙏🙏🙏
สาธุๆๆครับ
ปริยัติและปฏิบัติหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมไม่ถึงปลายทางคือปฏิเวทเมื่อปฏิบัติโดยไม่เคยเรียนรู้มาก่อนก็จะเป็นธรรมเมา ยิ่งรู้มากก็จะเป็นธรรมเฝือๆเพราะคิดว่าตัวได้ตัวถึงธรรมอย่างไร้หลักอ้างอิงว่าธรรมนั้นถูกต้องตามพุทธบัญญัติ ดังนั้นแม้นักปฏิบัติที่ไม่เคยเรียนรู้ธรรมมาก่อนจึงจำเป็นต้องอาศัยครูอาจารย์คอยชี้แนะ คอยสอน คอยกำชับว่าสิ่งที่ท่านเข้าไปรู้ไปเห็นนั่นมันเป็นธรรมะหรือทำเมา หากเป็นทำเมาไม่เฝือบ้าบ้าง บ้างก็ไปนิพพานพรหม ถือเอานิพพานพรหมนั้นว่าเป็นที่สุดอย่างสุดโต่งเหตุเพราะขาดหลักอ้างอิง ขาดครูอาจารย์ที่รู้แจ้งเห็นจริงคอยชี้แนะพระสายนักปฏิบัติจะอ้างว่าไม่เรียนรู้ใดๆเลยเป็นไปไม่ได้แม้แต่สำนักของหลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ท่านทั้งสองต่างร่ำเรียนมาก่อนทั้งสิ้นนั่นคือ"ธรรมใบลานมูลกระจาย" ธรรมที่ท่านรู้ภายในก็นำมาเทียบเคียงกับธรรมที่ได้ปริยัติมา อันไหนเป็นทำเมาก็คัดทิ้งเหลือไว้แต่ธรรมที่ถูกต้องตามพุทธบัญญัติเอามาสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหานั่นแหละเหตุที่หลวงปู่มั่นบอกหลวงตามหาบัวให้ยกปริยัติไว้บูชาก่อนก็เพื่อลดทิฏฐิมานะอันเป็นเครื่องกั้นเท่านั้น แล้วท่านยังสำทับลงไปอีกว่า" แล้วธรรมที่ท่านปริยัติมากับธรรมที่ท่านปฏิบัติได้ก็จะไหลรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยไม่มีอันไหนขัดแย้งกันเลย" จะเห็นได้ว่าองค์หลวงตาอธิบายธรรมได้กว้างขวางได้ถูกต้องแม่นยำเพราะท่านมีทั้งปริยัติและปฏิบัติ แต่บางรูปได้เข้าไปรู้ไปเห็นของจริงก็ไม่สามารถอธิบายธรรมใดๆได้เพราะไม่เคยเรียนรู้มาก่อนจึงได้แค่ประโยชน์ตน ขาดประโยชน์ท่านและหากท่านปฏิเสธ และกล่าวว่าสมัยพระพุทธเจ้าไม่เห็นมีพระไตรปิฎกยังปฏิบัติกันได้ ก็พึงเข้าใจว่าก็พระพุทธเจ้านั่นแหละคือตู้พระไตรปิฎกขนานแท้และเป็นเจ้าแห่งธรรม เหตุนั้นจะเอาหลวงตารูปใดรูปหนึ่งมายกตนเสมอเจ้าแห่งธรรมได้อย่างไร สิ่งที่ปฏิบัติและรู้มาจึงจำเป็นต้องเทียบเคียงปริยัติและถูกต้องพุทธบัญญัติ
การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ ก็สามารถตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก นั่นเองค่ะ
@@daa6857เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ โสดาบัน เมื่อโสดาบัน เกิดปรากฏขึ้นมา ก็จะรู้ว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง มีพระพุทธเจ้าจริงๆ และเมื่อเห็นชัดในการเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ ซึ่งก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเอง ก็จะรู้ว่า พูดผิดไปจากที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกสอนไว้ให้รู้ตามไม่ได้นั่นเองค่ะ ต้องพูดตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกสอนไว้ เมื่อ คิด พูด ทำ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกสอนไว้ ก็จะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ อาการ การหมดพิษสงก็จะเป็นแบบนี้นั่นเองค่ะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ถ้ายังไม่หมดพิษสง ก็จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ ก็คือ จะเห็นได้แบบชัดเจนจาก ความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ (ยกตัวอย่าง อย่าสวด ปฏิจจสมุปบาท ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง ไม่เป็นมรรคไม่เป็นผล)
เรียนรู้เพื่อเป็นแนวทาง สู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง...ไม่นอกลู่นอกทาง🙏🙏🙏
หากบุคคลมีความคิดอย่างนี้ว่า เราต้องแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน เราต้องตั้งภาคีแก่กัน แยกออกจากกัน ว่า... เราเป็นฝ่ายปริยัติเป็นฝ่ายหนึ่ง เราเป็นฝ่ายปฏิบัติเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ย่อม..เป็นความเห็นที่ผิด(มิจฉาทิฏฐิ)ทั้งสองฝ่าย เพราะเหตุว่า.. การศึกษาแต่ปริยัติโดยไม่ปฏิบัติเพื่อเพ่งพิสูจน์มรรคผล ก็ไม่เกิดประโยชน์อันสูงสุด แก่เขา! การปฏิบัติฝ่ายเดียวโดยไม่มีสุตตะ(ปริยัติ)ของพระศาสดากำกับอยู่ ก็อาจปฏิบัติไปในทางผิด เพราะขาดพยานยืนยันว่าผลที่ปฏิบัติได้นั้นเป็นสัมมามรรค/สัมมาวิมุตติ ตรงตามคำสอนของพระศาสดาหรือไม่ ! หรือผลการปฏิบัติตรงกับมิจฉามรรค/มิจฉาวิมุตติของพวกฤษีโยคีหรือปริพาชกสมณพราหมณ์เหล่าอื่น!ก็ไม่รู้ ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวช จึงเป็นธรรมที่เป็นปฏิจจสมุปบาทซึ่งกันและกัน ครับ ... ขออย่างเดียว อย่าได้นำปริยัติที่ผิดๆมาศึกษา เช่น ขณิกสมาธิ- อุปจารสมาธิ-อัปปันนาสมาธิ มาศึกษาก็แล้วกัน แต่.ให้นำปริยัติ(สุตตะ)ของพระศาสดา ปฐมฌาน-ทุติยฌาน-ตติยฌาน-จตุตถฌาน มาปฏิบัติ จึงจะเป็น สัมมาสมาธิ และผลก็จะได้ คือ สัมมาวิมุตติ ครับ.
😂😂พระพุทธพจน์มี 9 อย่าง คือ องค์ 9 (นวังคสัตถุศาสน์) ได้แก่สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม และเวทัลละ...❤ท่านจะเอาแต่สุตตะก็ต้องไปนาป่าพง
@@rtittang1686 :ทั้ง๙อย่าง (สุตตะ,เคยยะ,เวยยกรณะ,คาถา,อุทาน,อิติวุตตกะ,ชาดก,อัพภูตธรรม) พระศาสดาเรียกรวมว่า "สุตตะ" (สุตะ) ได้นะครับมีหลายๆพระสูตร เช่น ดังพระสูตรนี้ ครับ ภิกษุทั้งหลาย! ทรัพย์ ๕ ประการเหล่านี้มีอยู่ ๕ ประการเป็นอย่างไร คือ (๑)ทรัพย์คือ ศรัทธา (๒)ทรัพย์คือ ศีล (๓)ทรัพย์คือ สุตตะ (๔)ทรัพย์คือ จาคะ (๕)ทรัพย์คือ ปัญญา ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย! ก็ทรัพย์คือ สุตะเป็นอย่างไร? ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงจำได้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดอย่างดีด้วยทิฏฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถะ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง นี้เรียกว่า ทรัพย์คือ สุตะ. ฯลฯ อ้างอิง บาลี ป.จก.อ°.๒๒/๕๘/๔๗.
@@rtittang1686 :ผู้มีปัญญาย่อมรู้ดีครับ ว่าสุตตะ คำเดียวก็หมายความรวมถึงทั้งหมดทั้ง๙ ที่คุณอ้างมา.!
@@rtittang1686 :ดีนะครับลบทิ้ง(คำพระศาสดา)ได้ทัน 😄
ปฏิบัติไม่ใช่หมายถึง ทำ แต่ทางพุทธศาสนาหมายถึง “ถึงเฉพาะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ” เพราะเหตุนี้จึงต้องมีการฟัง การศึกษาพระธรรมเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ถ้ายังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ไม่มีปัญญา ไปนั่งสมาธิ ก็คงไม่พ้นจากมิจฉาสมาธิ
เพราะสิ้นคิด จึงขาดสติในการแสดงออกด้วย กาย วาจา ใจ
พระพุทธเจ้าสอน ให้ปริยัต ปฏิบัติ และปฏิเวธเป็นวาระเช่นนี้
สิ้นคิดพูดผิดมาก หาว่าพระพุทธเจ้าพูดขัดแย้งกัน
ในพระไตรปิฎกบอกว่า เจ้าชายสิทธัตถะประสูติสามารถเดินได้ 7 ก้าวมีดอกบัวรองรับ คุณเชื่อไหมล่ะคุณอยู่ในเหตุการณ์นั้นไหมล่ะ ในพระไตรปิฎก่ บอกว่าพระพุทธเจ้าจำพรรษาอยู่ที่ดาวดึงส์3 เดือน แต่ในพระไตรปิฎกก็บอกอีกว่า 1 วันในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่ากับ 100 ปีโลกมนุษย์ เพราะฉะนั้นเมื่อคำนวณแล้ว3 เดือนในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็เท่ากับ 9000 ปีโลกมนุษย์ ถ้าเอาตามพระไตรปิฎก ทุกวันนี้พุทธศาสนาแค่ 2561 ปี ยังไม่ถึง 9000 ปีเลย พระพุทธองค์ยังไม่ออกพรรษาเลยยังไม่ลงมาจากดาวดึงส์เลย แล้วคุณเชื่อไหมล่ะ นี่แหละกาลามสูตร พระพุทธองค์ตรัสว่า อย่าเพิ่งเชื่อแม้มีจารึกไว้ในตำรา ลองพิจารณาดูนะครับ
@@อนันภาเรือง-ข8จในความหมายที่ท่านเมนต์มาคือ พระไตรปิฎกเชื่อถือไม่ได้ มีผิดพลาดหลายอย่างใช่มั้ยครับ
@@อนันภาเรือง-ข8จหมายถึง3เดือนในเมืองมนุษย์ มันจะสอดรับกับช่วงเข้าพรรษาถึงออกพรรษาพอดีไงครับ
ในพระไตรปิฎกถูกแต่งเติม ต้องมีปัญญาเห็นสอดคล้องกับอริยสัจสี่จึงจะเชื่อได้ และพระพุทธเจ้าไม่เคยแสดงว่าพระองค์อยู่จำพรรษาที่ดาวดึงส์ เจ้าชายสิททัตถะก็ไม่ใช่ บัวสี่เหล่าก็ไม่ใช่ เทวทูตสี่ก็ไม่ใช่ และอีกมากมายมหาศาลคือคำสอนของพระพุทธเจ้ามีอยู่ในพระไตรปิฎกไม่ถึงครึ่ง มีผู้รวบรวม
@@อนันภาเรือง-ข8จเราเชื่อ เราฟังแล้วเราก็ ไตร่ตรองพิจารณาใน ในสิ่งที่เราเห็นว่าถูก ในพระไตรปิฎก องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้มา ให้สัตว์โลก ได้เข้าใจ ตามที่พระพุทธองค์ตรัสรู้มา ธรรมะของพุทธองค์ สอนให้สัตว์โลกหมดกิเลส ถ้าภิกษุยุคนี้ สอน ให้มีกิเลส พอกพูนกิเลส ไม่ได้สอนเพื่อ จะละตัวตน ก็ไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธองค์ที่แท้จริง ที่เขาลงในพระไตรปิฎก คือ 3 เดือนในโลกมนุษย์ เพราะมนุษย์บนโลกนี้ คงจะไม่รู้ว่านรกเท่าไหร่สวรรค์เท่าไหร่ เธออย่าคิดให้มันเยอะเลย นี่คือความเห็นของเรา เราคุยกับเธอ เราไม่ได้คัดค้าน ที่ เธอแสดงความเห็น เธอว่าถูกก็เป็นความคิดของเธอ เราอ่านเม้นของเธอ เราก็อยากจะแสดงความเข้าใจของเราเหมือนกัน ศาสนาของพระพุทธองค์ คือพระธรรมคำสั่งสอน ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ที่ยังเหลืออยู่ ภิกษุจะกล่าวฆราวาสจะกล่าว ฟังแล้วไตร่ตรองดู กล่าวได้ทุกคน กล่าวผิดก็เป็นบาป ของบุคคลนั้น ผู้ที่นำธรรมะมากล่าวถูก ก็เป็นกุศลของบุคคลนั้น ไม่กล่าวตู่พระพุทธองค์ ผิดก็บาป ถูกก็บุญ ก็มีเท่านั้น กรรมใครกรรมมัน
ปฏิบัติควรสำรวม สิ้นคิดจริงๆ ควรจับสึก
ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้า ทรงสอนให้ทำครับ ประพฤติปฏิบัติให้มากๆ ทุกเวลา ละอกุศล บำเพ็ญภาวนา พูดน้อย กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติให้มากๆ ครับ
หลวงพ่อกล่าวได้ดีมากครับ.สาธุๆ
คนตัดต่อนี่หละคือคนที่ทำให้แตกแยก ….บาปสุดละ …เอาคลิปเต็มที่พระสองท่านพูด มาลงจะดีมากครับ คนไม่รู้มาเห็นแค่นี้ก็ด่าพระ เป็นบาป คนที่ตัดต่อก็บาปเพิ่มขึ้นตาม…ถ้าบอกว่ามีเจตนาดีก็เอาคลิปเต็มมาแปะคู่กันด้วยนะครับ จะเป็นบุญ
@@phycicololo-xh5mxเอาเรื่องจริงมาพูดเหรอ
@@สงกาภารสว่าง ไม่รู้นะ แต่อยากดูคลิปเต็มเหมือนกัน คลิปนี้ก็เพิ่งเห็น ไม่รู้ว่าตัดย่อกันขนาดไหน ดูคลิปเต็มน่าจะพอรู้ว่าจะสื่ออะไรกันแน่
หลวงพี่ท่านพูดได้ดีมาก พูดแบบไม่มีอคติ และที่สำคัญท่าน"ไม่สิ้นคิด"
ไม่สิ้นคิด =ไม่สิ้นปัญญา ครับ
ไม่สิ้นคิด=ยังปรุงแต่งอยู่คือยังคิดอยู่คือยังตัดกิเลสไม่ได้
ที่สิ้นคิดคือ=สิ้นคิดในมรรค๘
@@krayfishram3640 ที่วาจาสามหาวจาบจ้วงพระพุทธเจ้า จาบจ้วงพระอรหันตสาวกทั้ง500รูป จาบจ้วงพระอานนท์ลบหลู่พระธาตุเจดีย์ปูชนียสถานพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะความสิ้นคิดใช่ไหมครับ ขอถามหน่อยในมรรค8 พระพุทธเจ้าสอนให้สิ้นคิดไว้ข้อไหนครับ
@@AnuchitChankhao จาบจ้วงยังไง?
ชอบคำอธิบายของหลวงพ่อสิ้นคิดครับ หลวงพ่อท่านเป็นพระปฎิบัติ สาธุครับ
ขอน้อมกราบพระมหาสมบูรณ์ด้วยความเคารพอย่างสูง ท่านแสดงธรรมถูกต้องชัดเจนดีแล้ว...สาธุ❤
พระมหาบูรณ์ท่าน สอนธรรมแจงได้ละเอียดมาก ศึกษามาตรงไม่ได้แค่ดูผ่านๆเหมือนพระอีกท่าน แล้วเอาธรรมมาติเตียนเลยไปถึงพระพุทธเจ้า
เราไม่ขอติใครเลยแต่เราเลือกได้ที่จะฟังใครไม่ฟังใคร...แต่เราไม่ฟังพระสิ้นคิดแค่นั้นเอง...สาธุในธรรมเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
ท่านพระมหาอธิบายได้ดีมาก เป็นประโยชน์มาก
อาจารย์มหาพูดถูกต้องแล้วมาก❤❤❤
ท่านมหาบูรณ์เทศดีมาก.เข้าใจง่าย.เข้าถึงแก่นแท้.
กราบพระที่อธิบาย...สาธุๆๆ...พระธรรมวินัยพระพุทธเจ้าสอนมาแล้ว(ตรัสมาดีแล้ว)ย่อมไม่ขัดกัน...นอกเสียจากผู้เอาคำสอนมาปฏิบัติผิดไปหรือปฏิบัติไม่ได้....
แสดงธรรมไม่กระทบใคร เป็นกลาง น้อกราบสาธุครับพระอาจารย์
คนที่ปฏิบัติแต่ไม่ศึกษาธรรมก่อนก็เหมือนคนที่เริ่มเดินทางแต่ไม่ศึกษาแผนที่การเดินทางให้ละเอียดก่อน.กาีเดินทางของเขานั้นคงต้องเข้าป่าหลงทางแน่นอน
ไม่มีนักบอลคนไหน อ่านตำรามาก
กว่าซ่อมให้หนักๆ อ่านสักร้อยรอบท่องได้ทุกตัวอักษร ก็ไม่มีวันเป็นนักยอลอาชีพได้หลอก เข้าใจไหม
@@aungkananienmongkol303 อันนี้มันคนละประเด็นกันครับ เอามาเปรียบเทียบแบบนี้ยังไม่ถูกต้อง
นักกีฬาที่เห็นว่าซ้อมกัน จริงๆแล้วเขาก็ศึกษาอยู่ตลอดนั่นแหละ ศึกษาจากการสังเกตดูรุ่นพี่ที่เขาเก่งกว่า หรือฟังโค้ชแนะนำแล้วเอามาปรับใช้กับตัวเอง ฝึกซ้อมจากสิ่งที่สังเกตมาแล้วนั่นแหละ ทำจนชำนาญ จึงกลายเป็นนักกีฬามืออาชีพได้
ส่วนการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่รู้อะไรเลยจะฝึกได้ยังไง เพราะสิ่งที่ไปกำหนดเป็นนามธรรม จะไปสังเกตพระที่ท่านนั่งสมาธิภาวนาอยู่ก็ไม่ได้ ถึงทำได้ ก็ได้เพียงท่านั่งเท่านั้น ส่วนสภาวะข้างในไปรู้ไปเห็นไม่ได้เลยเพราะเป็นนามธรรม แล้วอย่างนี้ผู้ไม่ศึกษามาก่อนจะปฏิบัติได้ยังไง
พิจารณาอีกนัยนึง ถ้าไม่ต้องศึกษากันก่อน สามารถปฏิบัติชำระกิเลสได้เลย แบบนี้พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ต้องตรัสสอนก็ได้เพราะทุกคนปฏิบัติแล้วจะรู้ได้เอง แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผู้ที่จะชำระกิเลสได้ด้วยตัวเองมีแค่พระพุทธเจ้าเท่านั้น นอกจากนั้นต้องอาศัยว่าเคยได้ยินพระสัทธรรมคำสอนมาก่อนทั้งนั้น
ดังนั้นการศึกษาจึงสำคัญมาก เพราะทำให้รู้จักสภาวะธรรมที่เกิดในใจ รู้ว่าสภาวะนี้เกิดจากปัจจัยอะไร จะดับไปเพราะหมดปัจจัยใด ถ้าจะกำหนด จะกำหนดอย่างไร เมื่อรู้โดยตลอดแล้วลงมือปฏิบัติ การติดขัดก็น้อย ถ้าอุปนิสัยบารมีพร้อม โอกาสจะบรรลุธรรมก็เป็นไปได้ครับ
การปฏิบัติโดยไม่ศึกษาก็เหมือนการเดินเข้าป่าแบบไม่รู้แผนที่ เมื่อเดินเข้าไปแล้วก็ต้องเห็นสิ่งต่างๆในป่านั้น เมื่อออกจากป่ามาแล้วก็สามารถพูดได้ว่าเห็นสิ่งต่างๆนี้จากการเดินเข้าป่า พูดได้อย่างหนักแน่นด้วยเพราะเห็นมาจริงๆ สาระสำคัญคือที่เห็นมานั้นถูกต้องแล้วรึยัง ถูกทางแล้วรึยัง สิ่งนี้ผู้ปฏิบัติตอบไม่ได้เลย ต้องอาศัยพระพุทธเจ้าที่ท่านชี้บอกทางไว้ให้ก่อนเท่านั้น เมื่อเราเดินเข้าป่าไปเราจึงจะรู้ได้ว่า ทางนี้ถูก ทางนี้ผิด เมื่อเจอทางผิดเราก็ไม่เดินไปต่อ แต่มองหาทางที่ถูกที่พระพุทธเจ้าแนะนำบอกไว้ เมื่อเจอแล้วจึงเดินทางไป การจะถึงที่หมายก็เป็นอันหวังได้
ขอให้ทุกคนเจริญในพระสัทธรรม ได้รู้แจ้งนิพพานกันทุกคนครับ
@@aungkananienmongkol303การซ้อมคือการศึกษาก่อนลงแข่งจริง ไม่มีนักบอลทีมไหนที่ไม่มีการซ้อม การเรียนรู้ก่อนไปแข่ง ส่วนจะเอาชัยหรือได้ที่ 2,3,4 อยู่ที่การเรียนรู้และการฝึกซ้อม แต่ก็มีบ้าง ซ้อมเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย
@@เผ่าพันธุ์นาค ซอมคือ ฝึกกลางคืน แบบไม่มีอะไรกะทบมีแต่ความคิด ฝึกให้ดึงออกได้ไวๆ ต้อนกลางวัน
คือของจริง ว่าที่ฝึกมาตอนกลางคืน
ได้ผลดีไหม เข้าใจยังผิดเลยท่านเอย
ตายละ
ผมไม่ชอบท่าทางของพระสินคิดท่ากิริยาเหมือนสินคิดสมชื่อ
พระอาจารย์อธิบายได้ละเอียดครอบคลุมให้เข้าใจดีมากครับ สาธุครับ🙏🏻
เรียนปริยัติแล้วเกิดศรัทธา ออกปฏิบัติแล้วเกิดปฏิเวธ เอาปฏิเวธมาเทียบเคียงมาตริตรองในปริยัติพระไตรปิฏกว่าถูกทางไหมจะได้ไม่หลงทางจะได้ไม่สิ้นคิด จะได้ไม่มีมิจฉาทิฏฐิ จะได้ไม่ต้องตัดพระไตรปิฎกทิ้ง ตัดพระอภิธรรมทิ้ง😊😊😊
@@รัตตินันท์-ษ5ฤ ก็บอกอยู่นี้ไง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
@@KoobaKawpoon ถ้าไม่สิ้นคิดก็บรรบุธรรมไม่ได้เพราะยังคิดปรุงแต่งอารมณ์อยู่.
@@adithepkhunvut390 สิ้นคิดไม่เคยได้ยิน ได้ยินแต่สิ้นยึดครับถึงจะบรรลุ
สาธุค่ะ สุดยอด❤️
พระสิ้นคิดตำหนิ แต่พระมหาสมบูรณ์อธิบายเหตุและผล ใครควรได้รับการสาธุ ครับ ท่านทั้งหลายคงคิดได้อย่างไม่สิ้นคิดนะครับ
พระอาจารย์มหาสมบูรณ์ท่านพูดถูกและเป็นนักปฏิบัติตามวินัยขออนุโมทนาสาธุๆๆเจ้ค่ะ
พระมหากับพระสิ้นคิดไม่มีใครพูดผิด คนที่ไม่เคยฝึกสมาธิจะฟังธรรมะไม่ละเอียดคือสติไม่มีกำลังพอ(พระสิ้นคิดเป็นพระปฎิบัติที่มีความเชี่ยวชาญในพระไครปิฏก)
@@บุญรัตน์พรมจักร ไม่มีปริบัติ มันจะปฏิบัติ ถูกทางไหม ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ มันแยก อย่างได อย่างหนึ่งไม่ได้ มัน ต้อง เนื้องซึ่งกันและกัน อีก อย่าง พระไตรปิฏก เป็น ภาษา บาลี ไม่ใช่ ภาษาไทย เข้าใจตามนี้
พากันไปขอขมาหลวงตาสาเด้อ พากันไปดูคลิปเต็มกันรึยัง เอาหน้าเอาซื่ิิอคนอื่นมาทำแบบไม่เป็นธรรมเลย
@@pra9310เเล้วใครเกิดทันพระพุทธเจ้าหวะ สังคายนามากี่ครั้งเเล้วกี่% ตำรา
พระอาจารย์พูดได้ดีถูกต้องครับ
น้อมกราบ พระคุณเจ้าที่แสดงธรรม ด้วยความเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ...
น่าสงสาร สิ้นคิด จริงๆ ความรุ้น้อยแต่พูดมากล้นมาทางปาก รุ้ไหมว่า มันอัดอั้นอยุ่ที่ใจถึงล้นมาทางปาก หลวงตาสิ้นคิดก็ล้นจนออกมาทางปาก แนะนำให้เงียบๆอย่าลงคลิปอะไรเลย เข้าทางปฏิบัติเยอะๆค่อยมาพุดสอนใครเขา
พระปฏิบัติดีต้องพร้อมด้วยกาย วาจา ใจ
@@ชัยยะเป็นเช่นนั้นเอง :พูดยังไม่เป็นธรรถยังไม่เป็นธรรม ยังมีคำถาม ยังมีข้อกังขาว่า .
ปฏิบัติดี(ด้วย กาย วาจา ใจ) ดีอย่างไร? แบบไหนคือดีที่พระพุทธเจ้าสอน! เพราะอาจจะพลัดหลงไปใน" ดี" แบบพวกปริพาชก-สมณพราหมณ์เหล่าอื่น-ศาสนาอื่น (เขาก็ว่าปฏิบัติ ดี).
เห็นด้วยครับ..ไม่เบียดเบียนใครด้วย กาย วาจา ใจ.
@@ชัยยะเป็นเช่นนั้นเอง :แบบใดจึงเรียกได้ว่า ปฏิบัติดีพร้อม?
@@User_ub3ts9mh5xทั้งสองครับควบคู่กัน
@@User_ub3ts9mh5x การกระทำทาง กาย วาจา ใจ ประพฤติดี 😊
สิ้นคิด คือไม่คิด ตัดสิ้นแล้วซึ่งภพชาติ ตราบใดที่เรายังคิด (ความคิด) ภพชาติเกิด คิดดี คิดไม่ดี คิดอะไรก็แล้วแต่ เรายังไปไม่ถึง ไม่มีวันเข้าใจคำว่า (สิ้นคิด) เพราะว่าน้อยคนนักที่จะทำได้ สาธุหลวงตา🙏
ผมรู้นะหลวงตาสิ้นคิด คิดอะไรยุและพวกท่านก็รู้ยุแก่ใจ
สิ้นคิดคือโง่ครับ พระอริยสงฆ์ท่านไม่สิ้นคิด องค พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค ก็ไม่สิ้นคิด ตรัสรู้แล้วก็ยังคิดให้มนุษย์หมู่มากได้มีหนทางปฎิบัติให้ทุกข์น้อยลง หรือพ้นทุกข์ไปเลย
#สิ้นคิดคือโง่
การไม่คิดสังขารไม่ปรุงแต่งนั้นไม่ใช่ความถูกต้องในทางพุทธศาสนาที่บรรลุธรรมแล้วเมื่อจิตไม่มีปัญญาคิดพิจารณาเห็นทุกข์จิตก็ไม่สามารถสลัดทุกข์นั้นได้ผู้ที่จะบรรลุธรรมก็ต้องรู้สภาวะของจิตมีความนึกคิดปรุงแต่งจิตจะปรุงแต่งมาแบบไหนในจิตก็มีสติตามรู้ทันและพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงนั้นไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนั้นจิตจะปล่อยวางเองนั่นแหละคือปฏิสัมภิทาญาณคือผู้บรรลุธรรม...ถ้าจะเอาความไม่คิดมาเป็นความหมายของผู้บรรลุธรรมนับว่าไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง....
พระสิ้นคิดท่านรู้ธรรมจากการปฎิบัติและต้องการให้คนอื่นรู้ตามอาจจะพูดจาดุเดือดเพื่อให้เป็นที่สนใจ
พระสารีบุตร กระโดดโลดเต้้นเหมือนลิง
พระโพธิธรรมเป็นสังฆปรินายกองค์ ที่28 สอนมวยให้ประชาชนจีนวัดเส้าหลิน
อรหันต์จี้กง ก็กระโดดโลดเต้น
สรุปแล้ว มีก็เหมือนไม่มี ไม่มีก็เหมือนมี
นักปฏิบัติ & นักปริญัติ เจอกัน ก็สว่างโร่งเลย สาธุ ท่านมหา ธรรมย่อมใหลไปสู่ธรรม
ที่มาปฏิบัติก็เพราะได้ปริยัติ ได้อ่านได้ยินได้ฟังมาเกิดศรัทธาเป็นเหตุให้มาปฏิบัติ เมื่อปฎิบัติจึงเป็นเหตุให้เกิดปฏิเวธรู้แจ้ง เมื่อปฏิเวธอย่างแจ่มแจ้งก็นำมาปริยัติพร่ำสอนด้วยความกรุณาเพื่อนหมู่สัตว์ ทุกอย่างมีความสำคัญ มีหน้าที่ในส่วนของธรรมนั้นๆ ธรรมทุกอย่างมีเหตุ การดับเหตุคือเหตุของการดับสิ้นของทุกข์ในที่สุด
เมื่อ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมา ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ
อะไรคือ อริยมรรคมีองค์แปด.
สาธุ..สาธุ..(ตุ๊จ้า)..นี่ของจริงพูดถูกต้อง..ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากเหตุ..ถ้าไม่มีเหตุทุกอย่างมันก็ไม่มีการเกิด..(แห่งเหตุนั้นๆ,จริง..บ่อเถียงจ้า)..แต่..มันก็ถูกทุกท่านแหล่ะจ้า..แต่จะเข้าใจในคำนั้นๆ,..ก่ะแล้วแต่ละบุคคลจ้า..ว่าไป..
อะไรคือปริยัติ อะไรคือปฏิบัติ อะไรคือปฏิเวท.นกแก้ว นกขุนทอง ก็รู้ได้.แต่การกระทำ(ปฏิบัติ)มีจริง เกิดจริงใหม.ใครรู้ ใครทราบ ใครคือผู้พิสูจน์ข้อนั้น.อยากทราบ?...ตอบด้วย.
@@SomsakSaosut-jr7yo ปริยัติคือหลักวิชาการอันเป็นอรรถธรรมในสัจธรรมและพระวินัยบัญญัติ ปฏิบัติคือการประพฤติปฏิบัติตามแนวทางที่บัญญัติไว้ในมรรค8ประการ ปฏิเวธคือความสำเร็จในมรรคผลที่น้อมนำเอาปรินัติมาปฏิบัติตามแล้วเกิดผลสำเร็จตามนั้นเอง
ท่านอาจารย์ ปริยัติ พูดถูกครับ ต้องมีทั้ง 2 อย่าง เขาเรียกว่าทางสายกลางครับ
พระอาจารย์สอนถุกใจมากค่ะ
ผิดๆๆทั้งพระที่ยังเข้าใจว่าพระสายปริยัติและสายที่บอกว่าปฏิบัตินั้นแยกออกจากกัน การเข้าใจอย่างนี้อันตรายเป็นอันมาก ที่จริงพระจะไม่มีสายประริยัติสายปฏิบัติเพราะเหตุนี้จึ่งทำให้ศาสนาแตกแยก ถ้าผู้เข้าถึงธรรมจริงจะไม่สงสัยเลยว่าในสายประริยัติก็จะมีการปฏิบัติไปในตัวเพราะจะมีทั้งศีลสมาธิและปัญญาไปพร้อมๆกัน ไม่ใช้สายประริยัติก็จะต้องเรียนไปจนหัวปุุ่หัวพังจนไม่รู้ที่จบที่สิ้น ส่วนสายปฏิบัติก็จะเอาแต่นั้งหรับตาปฏิบัติจนไม่สนใจกับประริยัติ กับศีล กับธรรม กับวินัยจนไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกอย่างพระและชาวพุทธเราเข้าใจกันอยู่ทุกวันนี้ดอกนะ
พระที่ปริยัติธรรมแจ้งแล้วจะปฏิบัติ เมื่อรู้แจ้งแล้วทั้งสอง ท่านก็นำปริยัติธรรมนั้นมาสอน สาธุการ หลวงตาสิ้นคิด ท่านรู้แจ้งแล้ว แต่คนจำนวนมากยังไม่เข้าถึง ❤
พระแบบนี้อันตราย ไม่รู้ว่าพูดโดนกิเลสของคนไหน ก็จะชอบเพราะมันประหลาดพิลึกดี แต่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ถ้าพระปฏิบัติจริงๆ จะไม่มาเห็นแย้งอย่างคนที่มีความสงสัยมากแบบนี้ จะสุขุมลุ่มลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
ปริยัติกับปฏิบัติไม่ขัดแย้งกันเลย ความจริงคือ พระพุทธเจ้าทรงปฎิบัติจนตรัสรู้แล้ว จึงมีพุทธวจนสอนคน เช่น พระวินัย พระปริยัติ ศีล สามาธิ ปัญญา เป็นต้น เพื่อให้คนที่ต้องการไปนิพพาน ปฎิบัติตามอีกที
ใช่เลย พระสิ้นคิดมีอัตตาสูงมาก ปฎิบัติโดยไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ มักจะหลงทางหลงผิด. ยิ่งทำยิ่งผิด บางครั้งหลงในนิมิตรจะทำให้จิตวิปลาส
สาธุพระคุณเจ้าอธิบายแจ่มแจ้งครับ.. สาธุ... สาธุ... สาธุ... อนุโมทามิครับ.
พูดถูกทั้งสองท่าน.ขอสาธุบุญทั้งสองท่าน.สาธุๆครับผม
อยากเป็นหมอก็ต้องไปเรียนหมอก่อน จะซื้อชุดขาวมาใส่ถือมีดผ่าตัดก็เป็นหมอไม่ได้ จะปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องก็ต้องศึกษาพระธรรมก่อน
ฟังพระมหาสมบูรณ์ดูมีหลักการดี
ชอบพระปฏิบัติครับ
พระอาจารย์ปริยัติท่านพูดถูกค่ะขอน้อมอนุโมทนาสาธุค่ะ
พูดถูกแต่ทำไม่ถูกเพราะทำไม่ได้จบแค่นั้น
พระอาจารย์วิเคราะห์ได้ถูกต้อง 🙏🙏🙏
ตาสินเเก ได้นับฉายา พระสิ้นคิดสมชื่อจริงๆๆ
อ้างว่าเป็นนักปฏิบัติ แต่อากัปกิริยาไม่มีความดับเย็นให้เห็นเลย นั่นแสดงว่า ปฏิบัติไม่ได้ผล
ความสุขุมเย็น ความมักน้อยสันโดษความมีเมตตา ความไม่ยินดีไม่ยินร้าย มันจะแสดงเปล่งออกมาให้เห็นทางกายและวาจานั้นคือนักปฏิบัติที่ได้ผลจริง
จงทำดีบำเพ็ญตนให้มีความเป็นกุศลก่อนเถอะ จึงจะทำนิพพานให้แจ้งได้ แม้แต่พระพุทธองค์เองก็ต้องบำเพ็ญความดีสร้างกุศลมาเป็นร้อยๆชาติ
พระพุทธเจ้าสอนทั้งให้ทำดีสร้างกุศลได้สู่สวรรค์ ทั้งสอนให้ทำนิพพานให้แจ้งด้วย
คำสอนของพระพุทธเจ้า มีความไพเราะในเบื้องต้น คือ สอนให้ได้มีประโยชน์สุขในปัจจุบัน มีความไพเราะในท่ามกลาง คือ สอนให้บำเพ็ญความดีสร้างกุศลธรรมให้ได้มีความสุขในโลกเบื้องหน้า และมีความไพเราะในที่สุด คือ สอนให้ทำนิพพานให้แจ้งด้วย นั้นคือคำสอนในศาสนาพุทธ
พระบางรูปเรียนมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ปฏิบัติให้ได้ผล และบวกกับการคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเอามาสอนเขาตั้งตัวเป็นอาจารย์ใหญ่ จึงกลายเป็นชักพาศาสนาออกนอกลู่นอกทาง แล้วมีคนที่มีปัญญาน้อยและมีศรัทธาอ่อนได้หลงเชื่อตาม นี้คือจุดเสื่อมถอยของศาสนา
ไม่รู้อะไรสะแล้ว คุณเหมื
อยู่ที่จริต เเต่ล่ะคนคับ ธรรมะโหดๆเเรงกะตุกกิเลส
ธรรมะ สบายหู บางทีก็เข้าไม่ถึงใจคับ
@@Oppo-jg6qhเท่ากับจะบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนธรรมไม่ได้ผล เพราะพระพุทธเจ้าไม่โหด
ระหว่างความดีกับความชั่วอย่างไหนต้องใช้ความโหดกันละ
คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เขียนโดยคนอื่น มีการสังคายนา หลายครั้งโดยคนอื่นที่เกิดมาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วเป็นร้อยๆพันๆปี...แล้วคนรุ่นหลังที่เขียน จะมาคิดว่าของตนถูกต้อง อย่างไรเหรอ...เอาเป็นว่า พระนักปฏิยัติ เป็นพระสายลูกทุ่ง กริยามารยาท หยาบๆ หลวงพ่อสิ้นคิด กับ หลวงพ่อคูณ พระบ้านนอก แต่ปฏิบัติ จนมีพลังบุญ มนุษย์โลก เข้าหา เพื่อพึ่งยุญท่าน ถวายเงินทองกับท่านมากมาย เพื่อร่วมทำบุญ กับท่าน บุญจะทำให้ชีว้ตพวกเขาดีขึ้นทั้งโลกนี้ แลพโลกหน้า...พระสององค์นี้ ทำทานมหาศาล จิตใจพระโพธิสัตว์...อันนี้เห็นชัดเจน...ส่วนที่ที่เรียนมา มีตำแหน่งสูง ได้รับเงินเดือนจากระบบราชการ...จะนุ่ง ห่มผ้า สีดี ผ้าดี เรียบร้อย..เดิน เหิร เยื้องย่าง ให้ดูกริยามารยาทดี...แต่พระเหล่านี้ ไม่เคย พาหมู่คน กลุ่มใหญ่ ฏิบัติธรรม ไม่เคยได้ยินทำทานกับ หมู่คน มากมาย ...อย่าออกมาด่า ว่ากันเลย...ถ้าทำตัวไม่ผิดกฏธรรมะ หฏหมาย ไม่ทำร้ายคัวเอง และผู้อื่น ช่วยเหลือสัตว์โลก ก็ถือว่า ดี แล้ว...เป็นพระอย่าทะเลาะกันเองให้ ฆราวาสที่ถือปิน มันมาแทรก สั่ง ออกกฏ บังคัยพระ...ไม่เห็นมันพากันไปทำลายวัดธรรมกาย ไปจับพระองค์มีตำแหน่งใหญ่ ไปจัวคุกเหรอ...ไม่เห็นพระองค์ไหน ออกทาปกป้องศาสนา เลย
ปฏิบัติแบบฉันข้าวเย็นได้อ่ะนะ😂
สาธุๆครับพระอาจารย์
กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ครับ.
สะนันตา ยันติ กุสุพภา ตุณฮี ยันติ มะโหทะธิ ห้วงน้ำน้อย ไหลดังสนั่น ห้วงน้ำใหญ่ ไหลสงบนิ่ง
ชัดเจนมากครับพระอาจารย์
อะไรที่ไม่ใช่ปริยัติ ยืนเดินนั่งนอน พูดคิดดื่มกิน อ่านเขียนเรียน เดินจงกรมนั่งสมาธิ ดีใจเสียใจ สุขทุกข์มันปริยัติทั้งนั้นแหละครับอาจารย์ แต่ปฏิบัติภาวนามันเป็นปัจจัตตัง รุ้เฉพาะตนสาธุๆ
ธรรมเป็นหนึ่งเดียวไม่มีขัดแย้ง แต่ถ้าทำก็จะเกิดความข้ดแย้งเพราะไม่ศีกษาธรรม
ไม่เรียนแต่ศึกษาใจตนเองได้มิใช่หรือ
@@sangobmueanlue7511แล้วจะฝึกดูจิตแบบไหน ถ้าไม่เรียนรู้ก่อนทำ พระพุทธเจ้าสอนให้เดินถูกทาง
แค่เสียงน้ำหนักเสียงที่เปล่งออกมาก็แตกกต่างกันเยอะๆ
มีธรรมคือความสงบเสงี่ยมควบคุมอารมณ์สติ
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช
(กระโดนข้ามไม่ได้)
คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้าจะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ ซึ่งจะมีตัวอย่างให้พิจารณาตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองค่ะ
@@sangobmueanlue7511ผู้ไม่ศึกษาหรือไม่เคยฟังธรรมมาก่อน แต่ศึกษาจนบรรลุด้วยตัวเอง นั้นคือพระพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่ใน5000ปีนี้ จะไม่มีพระพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาอย่างเด็ดขาด จนกว่าสิ้น5000ปี หรือสิ้นอายุขัยของศาสนาครับ
ชอบทั้งสองท่านครับ อยากรู้ทางปริญัตก็นั่งฟังพระอาจารย์มหาสมบุรณ์ แต่ลงมือปฏิบัติต้องเอาจริงเอาจังชนิดถวายชีวิตก็ต้องเอาอย่างหลวงตาสินทรัพย์ ถึงท่านจะพูดไม่ไพรเราะแต่อย่าไปเหยียดปฏิปทาของท่าน ลองไปกราบท่านสักทั้งจะได้รู้ว่าตัวจริงท่านเป็นเช่นไร และระวังจะได้รับกรรมจากผรุสวา ไม่รู้ตัวนะครับ
พระท่านนี้.ท่านก็ไม่ธรรมดา.ท่านพูดถูกต้องแล้ว.ชอบแล้ว.ธรรมมีทั้งเปลือกและแก่น.ไม่มีเปลือกก็ไม่มีแก่น.ไม่มีแก่นก็ไม่มีเปลือก.ต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน.เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร?.ก็เพราะสติปัญญาของคนเราแต่ละคนไม่เท่ากัน.ธรรมจึงมีหลายระดับ.และแต่ๆระดับ.ก็ใช้ได้.ให้เห็นผล.ก็เฉพาะบางท่าน.บางคนเท่านั้น.ท่านจึงจำแนกคนออกเป็นบัวสี่เหล่า..ดังนั้น.ใครเหมาะสมประพฤติปฏิบัติเช่นไร.ก็จงเลือกเอา.แสวงเอา.ให้ตรงกับจริตของตนเอง.ใครไม่ถนัดเรียนหรือเรียนไม่เก่ง.ก็อาจหาวิธีอย่างอื่นเพื่อให้บรรลุธรรม.บางท่านบางคนก็อาจมีวิถีชีวิตความเป็นมาแตกต่างกัน.ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เหมือนกัน.ดังนั้น.ก็จงเลือกเอาทำเอา.ตามความถนัดของตนเอง**
ใช่ค่ะท่านพูดถูกสาธุค่ะ
คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งจะมีตัวอย่างให้พิจารณาตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้นั่นเองค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้า จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ
การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด จะเกิดปรากฏขึ้นมาเหมือนๆกัน ไม่มีความแตกต่างแน่นอนนั่นเองค่ะ
การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ
การเกิดปรากฏขึ้นมาของเส้นทางเจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ก็จะเกิดปรากฏขึ้นมาแบบนี้เหมือนๆกัน คือ จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ จะต่างกันที่ อินทรีย์ เป็น ความยิ่งของ อินทรีย์ ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า เป็น ความหย่อนของ อินทรีย์ สัทธานุสารี นั่นเองค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์มหาครับ
นมัสการท่านพระมหา ท่านพูดถูกต้องแล้ว ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ นะ อย่างใดอย่างหนึ่งสำคัญหมดและ
ผมขอกราบสาธุพระอาจารย์ครับ
กราบ พระสงฆ์สาวกของตถาคต ที่น้อมนำธรรมของพระศาสดา มาถ่ายทอดบอกสอน แทงตลอดด้วยทิฐิ
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์มหาสมบูรณ์ กราบสาธุในธรรมเจ้าค่ะ
เยี่ยมมาก คนเกิดวันอังคารเจอคนเกิดวันอังคาร แข็งเจอแข็งมันแน่ อย่าประมาทพระเรียน หลวงตาก็อ่านจากพระไตรปิฎกมาเหมือนกัน หลวงตายังเป็นพระทั่วไป พรรษายังไม่ถึง
สาธุครับ
ตั้งแต่ที่เคยเห็นผ่านมา พระนักปฏิบัติ เขาจะไม่ออกมาพูด ให้ตัวเองดัง
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ต้องตามลำดับ สาธุครับพระอาจารย์
พระเทวทัตก็เป็นพระปฏิบัติแต่สิ่งที่พระเทวทัตทำนั้นไม่ได้รู้เรื่องพระพุทธศาสนาเลยพระพุทธเจ้าสอนอะไรเขาไม่เคยเข้าใจไม่เคยศึกษาเอาแต่สมาธิจนได้ฌามสมาบัติมีฤทธิ์มีเดชแต่ก็ไม่รู้ธรรมสอนคนผิดๆแบ่งแยกพระภิกษุไปปกครองเอง ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมก็ต้องมีปริยัติปฏิบัติปฏิเวธอยู่ด้วยกันจะมีอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นมันจะทำให้ไม่ครบความรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.
ผู้ที่ผ่านการปฎิบัติมาแล้ว..ยิ่งจะดูดี.งดงามพร้อมทั้งไตรทวาร.มิใช่ผ่านมาแบบ"ลวงโลก-สร้างภาพ.แต่ยังเอะอะ-โวยวายเช่นเดิม.มันมิใช่?
ครับผู้ปฏิบัติเมื่อเข้าถึงความหลุดพ้นจากกิเลสแล้วจิตใจเขาจะทรงเมตตาพรหมวิหาร 4มองโลกเป็นกลางเห็นอริยสัจและจิตใจจะอ่อนโยนปล่อยวางและเงียบสงบกว่านี้...@@SamsungA35-gj2rk
ตาสินแสดงออกในลักษณะเป็นผู้มี มานะคือการถือตัวว่าดีเก่งรู้ดีใครติติงก็ไม่ฟัง
อัตตายังเต็มแก้ว
ก็เขาชื่อสิ้นคิด(โง่ดีฯนี้เอง)
ผู้รู้ผู้สงบ
คำสอนผีบ้า.ตั้งตัวเป็น"ศาสดาเองไปเลย".ยังไงก็"สิ้นคืด"แล้วนี่.
พระอลัชชีมิจฉาทิฏฐิยังมาก
สาธุๆๆทั้งสองพระทุกองค์
"ใจอวิชชาสิ้นคิด คือใจวิปลาส..เมื่อใจสงบลง สัญญาความจำหายไป ความคิดหายไป สติสัมปชัญญะมันอ่อน ใจมันจะหลับ ใจสิ้นคิดหลับในความหลงบ่อยนานๆ นานๆเข้าจะหลงสำคัญว่าตนบรรลุธรรม ออกมาปกติชีวิต ใจคิดก็ไม่รู้ว่าคิด สำคัญว่าไม่มีตัวตน ไม่มีกูคิด ใจอวิชชาหลงวิปลาสคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงตรงนี้เอง..ความรู้มีแต่ความจำแล้วความสำคัญรู้
..ใจอวิชชาสิ้นคิดเอ๋ย..อย่าหลงผิดไปกว่านี้อีกเลย สำนึกแล้วสำรวมระวังเสีย..อย่าประมาทอยู่เลย
@@Thawatchai-e9f กรรมเทวดา ยักษ์ ด้วยสัญญา
ได้ฟังสำเนียงเห๋นท่าทางก็อ่อนใจ
คิดดีก็กรรมคิดชั่วก็กรรม555@@Thawatchai-e9f
หวานเป็นลมขมเป็นยาดูอาจาร์คมเป็นต้นเรียบรอ้ยพูดเพราะเสียงหวานเป็นไงตอนนี้อยู่ในคุกใครชอบแบบไหนก้อเลือกเอาในอดีตพระอรหันร์หลวงปู่หลวงตาที่พูดโพลงพางเสียงดังฟังชัดก้อมีอยู่แม้แต่พระสารีบุตรท่านก้อกระโดดข้ามน้ำพระพทุธเจ้าบอกว่าอดีตท่านเคยเกิดเป็นลิงมากอ่น
@@SakunkarnSitthitham ต้องตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ก่อนนั่นเองค่ะ ซึ่งก็สามารถตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก นั่นเองค่ะ
สาธุครับ พระสิ้นคิด 🙏
ปริยัต กับ ปฏิบัติ ก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่คัดค้านกัน
ถ้าเราจะคุยเรื่อง ของสิ้นคิด
ที่ด่าทอจ้วงจาบพระพุทธเจ้า
เราจะถืออะไรกับคนพันธุ์นี้
ขนาดพระพุทธเจ้า เขายังจ้วงจาบดูหมิ่นได้แล้วมันจะเหลืออะไร
มีแค่เขาจะกินข้าวหัวเราะไปวันๆ
ดีทั้งสองพระอาจารย์ครับ
ใจที่ไม่รู้จริงจะคิดจาบจ้วง ระวังความคิด ยกตัวอย่างเช่นความคิดตัวผมเอง สำนึกรู้กลัวบาปกรรมจึงรีบหันกลับมาดูลม ไม่ให้คิดต่อ ไม่ทราบว่าทำถูกหรือไม่ครับ
ท่านกำลังเจริญจิต ขึ้น สู่ยอดเจดีย์แล้ว อนุโมทนา สาธุค่ะ🙏🙏🙏
@@Jampee1972 กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ หากผมได้ปฏิบัติถูกแล้ว
สติรู้ทัน เฝ้าดูความคิด คิดก็รู้ว่าคิด แล้วก็กลับมาดูลม สาธุ
สติเรื่มมีกำลังแล้ว ไม่ไหลไปกับโลกยินดีด้วยนะครับผม ขอให้เจริญในธรรม สุดท้ายคุณจะรู้ว่าที่เถียงกันมันไม่ได้มีอยู่จริงๆหรอก ที่มีเพราะเขาเหล่านั้นปรุงแต่งกันขึ้นมาเองต่างหาก ตำราก็ไม่มีอยู่จริง ปรุงแต่งทั้งนั้น เมื่อเห็นเป็นกระดาษเปื้อนหมึกแล้วนั่นแหละ สักว่าเห็น มันจะเป็นการเห็นที่เงียบสนิทมาก เงียบอย่างที่คุณไม่เคยเจอมาก่อนเลย แต่อายตนะยังทำงานปกตินะ ปัจจัตตัง จะปรากฎ
ฟังแล้วรู้สึกเข้าใจขึ้นเลยครับ
สาธุสาธุสาธุครับ
อากัปกิริยา บ่งบอกถึงวิธีคิด พระปฏิบิติถึงจะได้ฌาน ก็ไม่ใช่จะรู้แจ้ง ก็เป็นเพียงแค่ "จิตสงบ" และยังไม่เข้าถึงแก่นแท้ ถ้าเข้าถึง ซึ่งแก่นแท้ ย่อมมีที่จิตตื่นรู้ มีสติสังวร ในวิธีการพูด ส่วนพระที่มุ่งศึกษาพระปริยัติธรรม ก็ติดกับดัก ถ้าไม่ปฏิบัติ
ฟังหลวงตามหาบัวดีที่สุดครับ ปริยัติ ปฏิบัติ ครบจบในที่เดียว ไม่มีใครเสมอ
ภิกษุรูปนี้พูดได้ดีเสียงนิ่มนวลชวนฟัง ใยต้องนำคนอื่นมาเปรียบเทียบด้อยค่าแสดงอัตตายิ่งใหญ่ของตนล่ะ ไม่เป็นกุศลเลยนะ พระคุณเจ้า
ตอนนี้คนฟังหลวงตาสินทรัพ เป็นล้านแล้ว สอนเข้าใจง่าย ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา ไปนรกไปสวรรณ์ บราๆ ส่วนพระที่ไม่เห็นด้วยกับหลวงตาทั้งหลาย มีคนดูน้อย เพราะอะไรครับ
@@ลุงหนึ่ง-ช2ทเดินทางสายกลางสิค่ะ อย่าพูดจาเหมือนแบ่งแยกค่ะ ใครจะชอบใครก้ออย่ามาว่ากันเลยค่ะ ยังไงก้อคือพระเหมือนกันค่ะชอบไม่ชอบก้อผ่านดีกว่าค่ะ
@@เล็กรติรัตน์มงคลผู้ถึง ธรรมต้องมีคำว่าใจ เย็น เป็นสุข ใจร้อนเป็นทุกข์
@@เล็กรติรัตน์มงคลพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พุทธเหมื่อนเงินกิเลส พระสงฆ์เหมือนทองมาร พระธรรมคื่อว่างเปล่า ถ้าพวกท่านทั้งหลายกล้าที่จะตัดสองสิ่งนี้ที่ปิดบังตาเราไว้ได้ พวกท่านจะเข้าถึงธรรมได้อย่างว่างเปล่า ผมคื่อ ธรรมะ
@@ลุงหนึ่ง-ช2ท เอาคนดูเป็นประมาณ เป็นเครื่องตัดสินทั้งหมด ไม่ได้หรอก เหมือน "ทองคำ" กับ "หิน" หินมีมากกว่าทองคำ จะบอกว่า หิน "มีค่า" ยิ่งกว่า ทองคำ ก็ไม่ใช่ เอาความ "ถูกต้อง" ตรงตามพระไตรปิฎกเป็นเกณฑ์
🇨🇷🐘🇨🇷
...ข้าพเจ้า เกล้ากระผม ฟังเเล้วในคำวิตก วิจารณ์ท่านที่ยก ปริยัติเทียบปฏิบัติ หรือ/และ ปฏิบัติเทียบปริยัติ
...เข้าใจว่าท่าน หลงในปฏิบัติมากๆจนเพ้อเจ้อปรามาทปริยัติออกมากับความเข้าใจตัวเองว่า มีความตื้นในปริยัติ.
...ที่เข้าใจของข้าพเจ้าเกล้ากระผมว่า ความในปริยัติที่จะอุบัติศาสนาขึ้น รู้ยาก เห็นยาก เข้าใจยาก เเละมีกาลเวลาเป็นเครื่องชี้วัด ให้ได้ปฏิเวธ.
...ความปฏิบัติที่อันได้รับผลปฏิเวธใช่ว่าชาติเดียว ๑๐ชาติ ๑๐๐ชาติ ๑๐๐๐ชาติ ปีเดียว เดือนเดียว วันเดียว คืนเดียว กับพระพุทธเจ้า ๔อสงไข ยิ่งแสนกัปป จึงอุบัติศาสนาขึ้นมา และ พระพุทธเจ้าพระองค์ต่างใน๓๕๘๔๑๙๒พระองค์ ๒๘พระองค์ก็ต่างกันด้วยเวลาในบารมีท่าน.
...ดั่งนี้จึง ความลึกซึ้งของปริยัตินั้น รู้ได้ยาก จะนึกตรึกตรองเอาเองไม่ได้มากกว่า๘๔๐๐๐คำถามคำตอบที่บัญญัติไว้.
...ที่พระองค์รวบรวมมานี้เป็นเพียงใบไม้ในกำมือเท่านั้นในปริยัติ ยกมาเป็นหัวข้อใหญ่ หัวข้อหลักที่สำคัญๆ
แม้ความในพระไตรปิฎกก็เป็นปริศนา บังความละเอียดของกาลเวลาที่พระองค์และสาวกดำเนินเผยแผ่ศาสนา ท่านจะตัด ลัดไว้เป็นเเนวความ เพื่อผู้ศึกษาศาสนาพระองค์ได้ลำดับความตามเงื่อนให้ถูก ทั้งกับหลักฐาน กาลเวลาที่เกิดขึ้นจริง มีไว้ในโลกในเขตดำเนิน ในที่ทุกสถานกาลสร้างรอยดำเนินไว้.
...ปริยัติความเป็นจริงที่ได้มาจึงเกิดหลังปฏิเวธ พระพุทธเจ้าสอนธรรมพระองค์ต้องเกี่ยวด้วยภาษาของหมู่สรรพสัตว์นั้นๆว่า รูปธรรม นามธรรมหมู่สังคมโลกมนุษย์ เขาสื่อสารตอบรับกันมีความสมมุตินั่นนี่ของสรรพสัตว์สิ่งของกันว่า รูปใด นามใด
...ปริยัติเป็นเรื่องละเอียดเพราะเป็นทฤษฎีธรรมของพุทธศาสนา ส่วนเรียนประโยคปริยัติธรรมคนละอย่างแต่อันเดียวกันในความเกี่ยวกัน
...ท่านวิตก วิจารณ์เข้าใจไว้ตื้นในความร้อยแก้วร้อยกรองในคัมภีร์ไตรปิฎก ในความของอรรถของธรรม เป็นเพียงอุเทศไว้ก็มีทั่วหมดฯลฯ
🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
พระสิ่นพระเทดวะทัศกลับชาติมาเกิดหรือเป็นชูชกกลับเกิดคิดเป็นนักการพูดมากกว่าการกระทำเอาความรู้มากสอนคนอื่น คำสอนการพูดไม่เท่าลงมือปฏิบัติครับ
พุทธองค์ทรงตรัสไว้
ทางบรรลุธรรม5หนทาง
1การแสดงธรรม
2การฟังธรรม
3การสาธยายธรรม
4การตริตรึกใคร่ครวญธรรม
5การทําสมาธิวิปัสนา
มัชฌิมาปฏิปทา
ปริยัติปฏิบัติเกิดผลปฏิเวทนี้แล
การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ ทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ นั่นก็คือ อริยมรรคมีองค์แปด ในข้อแรกนั่นเองค่ะ คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งมีตัวอย่างให้พิจารณาตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้นั่นเองค่ะ
พระแท้ร่สาธุๆๆครับ
อเทวนิยม..ก็จะมีลักษณะเช่นนี้ คือ เหตุผล ข้อโต้แย้ง อัตตา ความเห็นส่วนตน ความเชื่อ..เทวนิยม เชื่อ ปฏิบัติตาม ไม่โต้แย้ง ขัดแย้ง ไม่มีความเห็นส่วนตน..เน้นความรัก ความเมตตา..😊😇😊
ก็ไม่แน่ครับ.. คริสศาสนายังแยกเป็นแบบลูเทอกับคาโธลิค.ต่างตีความพระคุณของพระเจ้าต่างกันมากๆ.... มุสลิมยิ่งแตกแยกหลายแบบ..
กราบนมัสการ สาธุทั้ง2ท่านขอรับ
สาธุเจ้าข้า
สิ้นคิดสมชื่อ สมชื่อสิ้นคิด
ใจเย็นๆ สิ้นกิเลสดีกว่าสิ้นคิด
ความคิดคือกิเลสทางความคิด
สิ้นคิดคือหมดกิเลส คนที่ยังคิดยังปรุงแต่งคือคนมีกิเลส คนที่หมดรู้ทิ้งความรู้คือพระอรหันต์ คือว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย บุญก็ไม่มีบาปก็ไม่มีมีแต่ความว่างเปล่า แต่ขันธ์ห้ายังมีอยู่ มีร้อนมีหนาว มีหิว แต่ความรู้สึกว่างเปล่าไม่มีตัวตน ไม่สุขไม่ทุกข์์
@@วรพัทธ์กล้าประพฤติแต่งฉายาขึ้นมากันเอง
@@วรพัทธ์กล้าประพฤติได้แต่เพียงพูดเท่านั้น ที่คุณพูดมานั้นก็เกิดมาจากความคิดนั่นแหละ
ไม่เห็นมีในที่ไหนที่พระพุทธเจ้าสอนให้ไม่คิด
แต่พระพุทธเจ้าสอนว่า ทาน ศีล ภาวนา เป็นทางความดีทางกุศล
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางทำนิพพานให้แจ้ง เราควรบำเพ็ญตนให้เป็นคนดีก่อน แล้วกุศลความดีนั้นแหละ จะทำนิพพานให้แจ้งได้
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไม่คิด แต่สอนว่า ในโลกนั้นไม่เที่ยง ไม่ควรยึดถือเป็นตัวตนของเราไม่ติดตามยินดียินร้าย ในทั้งรูปและทั้งนาม มีจิตมีสติเป็นอิสระจากเครื่องร้อยรัดทั้งหลาย
ทุกคนนั้นจะต้องมีความคิดเป็นธรรมดา แต่ไม่ยึดถือในความคิดนั้น
ยุติเถิดเซลแมนสิ้นคิดเอ๋ย
สึกแล้วหันไปทิศทางที่ชอบเถิด
สิ้นคิด มานะ
หลวงพี่พูดถูกค่ะ
นักปริยัติ มีท่าที เรียบร้อย กล่าววาจา ได้น่าฟัง เป็นกลางๆ ฟังแล้ว สบายใจ ส่วนนักปฏิบัติ แทนที่จะสงบนิ่งแบบโสรัจจะ พัด โพ้โว้ เพ่เว้ ลอกๆแลกๆ งกเงก งกเงก ยูหั่น เดี๋ยวกะ ห๊า เหอ ห๊ะ เห๊อะ..จักแมงหยัง ดอกยาคูกะดาย จะแม่น
แม่นครับ
ไปดูหลวงตาบัวนะครับพระอริยะเทศแบบถึงใจเหมือนหลวงตาสิ้นคิดเลย
ปฏิบัติแบบไม่มีครูอาจารย์คอยดูแลออกจะบ้าเช่นตาสินนั้นแหล่ะท่าน คือหลง
ควรจะเก็บมือเก็บไม้ให้อยู่นิ่ง ๆ สัก 5 นาที จะได้ไหม ?
ท่านผิดไม่เป็น ไร ขอแต่เรา อย่าผิดตาม ทุกอย่าง คือจบ ของดีเราเอา ของไม่ดีเราวาง
อยู่กลาง เป็นสุข ทิ้งทุกข์ ทิ้งภัย ใจเย็น ตลอด กาล
สาธุคับท่านพุดถูกแล้ว
สาธุ หลวงตาสินทรัพ สอนคนให้เข้าใจธรรมง่าย แบบตรงไปตรงมา
ทำไมลูกศิษย์ต้องมาพูดจาแบ่งแยกให้เกิดปัญหากันค่ะ ถ้าไม่ชอบหรือชอบก้อผ่านดีกว่านะค่ะ
ใช่ครับ หลวงตาสอนเข้าใจง่ายกว่าครับ
สอบ "ง่าย" กับ สอน "ถูก" ชาวพุทธ ควรแยกแยะ "ง่าย" แต่ "ผิด" ก็ไม่ควรเอาตาม
@@rtittang1686ไม่รู้จักเวลาใหน เป็นยามวิกาล ฉันได้ฉันเอา แค่นี้ก็มีมานะ แปลว่า ถือตัว ดื้อรั้น กระด้างกระเดื่อง อันนี้แหละเขาเรียกว่า อ่อนด้านปริยัติ ศิลข้อที่ ๖ ของ อุโบสถศิล หรือศิล ๘ และศิลของสามเณร หรือเณรน้อยบวชหน้าไฟ ในงานศพ แค่บวชวันเดียวก็ต้องมีศิล คือศิล ๑๐ ทั้งศิล ๘ และศิล ๑๐ ข้อที่ ๖ คือ "วิกาลโภชนา เวรมณี" เว้นจากการฉัน ยามวิกาล คือตั้งแต่เที่ยงวัน ๑๒.๐๐ น. ต้อง้ว่นจากการขบฉัน ยกเว้นดื่มน้ำปนะ(ปนะ พนะ วนะ แปลว่า ป่า) สมัยก่อนผลไม้ ที่จะนำมา ปั่นหรือบด คั้นเอาน้ำมาดื่ม เรียกว่า น้ำปนะ หรือปานะ ผลจะต้องเอามาจากป่า เป็นส่วนใหญ่ จึงเรียกว่า ปานะ พานะ วานะ ก็คือผลไม้นำมาจากป่าเป็นส่วยใหญ่นั่นเอง และคำว่า มานะ บางคน จะเข้าใจว่า ความขยันหมั่นเพียรพูดกันมาผิด ๆ ตามศัพท์แปลว่า ความถือตัว ดื้อรั้น หรือกระด้างกระเดื่อง ไม่ยอมฟังใคร เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ อวดรู้ทั้งที่ตัวเองไม่รู้จริง ดังอธิบายเหตุผลมาด้วยประการฉะนี้แล
สาธุครับ
สักแต่สัมผัสเข้าไว้..ใจไม่แบกทุกข์..
สุขยิ่งดีว่าแท้..
* สาธุ..สาธุ..*
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ต้องไปด้วยกันดังนี้
ทุกข์
ทุกขสมุทัย
ทุกขนิโรท
ทุกขนิโรทคามินีปฎิปทา อริยสัจจัง
ศีล สมาธิ ปัญญา
ต้องไปด้วยกัน สาธุ
ถูกต้องค่ะ จะข้ามขั้นตอนไปไม่ได้ ต้องปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ตามที่พระตถาคตเจ้าทรงวางรากฐานไว้อย่างชัดเจน สาธุ.ค่ะ
การอ่านที่ลึกซึ้งละเอียดนั่นคือปฏิบัติไปในตัว
มันก็ต้องศึกษาก่อน แล้ว น้อมไปปฎิบัติ ถ้าไม่ศึกษาแล้วไปปฎิบัติได้ไงเพราะไม่รู้หลักในการปฎิบัติ
ด้วยความเคารพ ท่านมหา เคยเห็นจิตประภัสสรดัวยจิตใจจริงหรือยัง เพราะสิ่งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าบรรลุธรรมจริงอย่างหนึ่ง การอธิบายไปจำจำคนอื่นพูดหรืออ่านหนังสือตำรามาก็ได้ ไม่เหมือนบรรลุธรรมจากประสบการณ์ด้วยตนเองเพราะเป็นปัจจัตตัง
การอธิบายตามตำราที่ครูบาอาจารย์โบราณอธิบายใว้นั้นถูกต้องแล้ว.. เพราะถ้าไปพูดว่าตนเองตรัสรู้เองแล้วมาบอกนั้นแสดงว่าคนนั้นโกหกรึไม่ก็หลงตนเองสุดๆแล้ว.. เพราะแม้สมัยพุทธกาลนั้นพระอรหันต์ทั้งหลายนั้นแม้ตนบรรลุก็ยังไม่ประกาศเอง..พระพุทเจ้าเป็นคนประกาศให้.... คนบอกว่าตนเองตรัสรู้เองเอาธรรมที่ตนเห็นมาแสดงเองนั้นล้วนโกหกมีมานะอหังการล้วนๆ.. คนที่แสดงธรรมโดยตามตำรานั้นแม้ตนเห็นธรรมแล้วก็ตามนั้นแสดงถึงความถ่อมตัวอย่างแท้
@@นายจิ่งทุนจายแสงหลวงตามหาบัวรู้จักไหมน้อ😂
คิดผิดอะไรหรือเปล่า เข้าใจคำว่าปริยัติว่าปริยัติแค่ใหน คำว่าว่าปริยัติคือการเรียนรู้ทั้งหมด ไม่ใช่นั่งในห้องเรียนอย่างเดียว แม้คำสอบถามก็ถือว่าเป็นปริยัติ เป็นบันใด ๓ ขั้น ปริยัติคือการเรียนรู้ ปฏิบัติคือการลงมือทำ ปฏิเวธ คือผลสำเร็จ เหมือนการจะเดินทาง ปริยัติ คือการศึกษาทางที่จะเดิน ถ้าศึกษาไม่ดีจะหลงทาง ปฏิบัติคือการลงมือเดินทางที่ศึกษาไว้ดีแล้ว ปฏิเวธ คือการถึงจุดหมายปลายทาง ถ้าขาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง การเดินทางจะไม่สมบูรณ์ และมีโอกาสสูงมากที่จะหลงทาง จะพูดจะจาอะไรให้ศึกษาให้รอบด้านก่อน คนฟังจะมึนหมดแล้วไม่รู้จะไปทางใหน ถ้าในยุคปัจจุบัน ขอให้ไปศึกษาคำสอนของขอหลักๆ ๓ องค์ คือ ๑ หลวงพ่อพุทธทาส ๒ ของหลวงพ่อสมเด็จญาณสังวรวัดบวร ๓ หลวงพ่อประยุต รับรองจะไม่หลงทาง และไม่ต้องสงสัย เพราะทั้ง ๓ รูปท่านสอนตามธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง ศึกษาจริงของแท้นักปฏิบัติจริงๆเขาไม่มีอวด แทบจะไม่บอกใครถถึงคุณสมบัติของตนเอง แต่ถ้าเข้าไปถามท่านจะตอบให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ที่ออกมาบอกว่าตนเองปฏิบัติอย่างนั้นได้อย่างนี้ส่วนมากจะของปลอม ผู้ฟังผู้ชมใช้วิจารณญาณให้ดี เดี๋ยวจะโดนพาหลงทาง เสียเวลาไปเปล่าๆ
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนกับการไม่ยึดถือตัวตน มันคือคนละส่วนกัน ไม่ใช่ขัดแย้งกัน
อย่าลืมนะ!! หลวงตาสินทรัพย์ท่านศึกษาพระปริยัติมามากไม่ใช่น้อย!! ไม่รู้ว่าคนทำคลิปได้ฟังหลวงตาเทศหรือป่าว!
พูดถูกแต่ผิดใจพระปฏิบัติ สาธุ
พระปฏิบัติอะไรลุกลี้ลุกลน..ไม่นิ่งไม่สงบ มือไม้วุ่นวายไปหมด เก็บอารมณ์ก็ไม่อยู่ ขยับโน้นขยับนี้ตลอด ออกอาการแปลกๆ
ลูกศิษเขาชอบครับสิ้นคิดทั้งครูทั้งศิษ555คงจะปฏิบัติมากจนคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า
มันดีดดดดด
ฝูงนกหูกางฝูงกาตัวดำอีแร้งไม่มีขนหงส์ก็อยู่บนฟ้ามันรวมกันไม่ได้แน่นอน
@@bunchabuncha5982ลูกศิษย์ก็แนวเดียวกันนั่นแหละ
นักปฏิบัติเท่านั้นที่จะ พ้นทุกข์พ้นโลกได้ครับ
นักปฏิบัติที่ปฏิบัติจริงๆ ยิ่งรู้มากธรรมยิ่งเหลือน้อย
ให้สังเกตุพระสายวัดป่า ท่านทิ้งตำราทั้งหมด แล้วใช้แค่สมถะกับวิปัสสนา
ส่วนคนที่ไม่ปฏิบัตินะ ตำราเต็มหัว ความเห็นมากมาย ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ ในหัวมีแต่ความฟุ้งซ่าน
อนุโมทนา สาธุ🙏🙏🙏
สาธุๆๆครับ
ปริยัติและปฏิบัติหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมไม่ถึงปลายทางคือปฏิเวท
เมื่อปฏิบัติโดยไม่เคยเรียนรู้มาก่อนก็จะเป็นธรรมเมา ยิ่งรู้มากก็จะเป็นธรรมเฝือๆเพราะคิดว่าตัวได้ตัวถึงธรรมอย่างไร้หลักอ้างอิงว่าธรรมนั้นถูกต้องตามพุทธบัญญัติ ดังนั้นแม้นักปฏิบัติที่ไม่เคยเรียนรู้ธรรมมาก่อนจึงจำเป็นต้องอาศัยครูอาจารย์คอยชี้แนะ คอยสอน คอยกำชับว่าสิ่งที่ท่านเข้าไปรู้ไปเห็นนั่นมันเป็นธรรมะหรือทำเมา หากเป็นทำเมาไม่เฝือบ้าบ้าง บ้างก็ไปนิพพานพรหม
ถือเอานิพพานพรหมนั้นว่าเป็นที่สุดอย่างสุดโต่งเหตุเพราะขาดหลักอ้างอิง ขาดครูอาจารย์ที่รู้แจ้งเห็นจริงคอยชี้แนะ
พระสายนักปฏิบัติจะอ้างว่าไม่เรียนรู้ใดๆเลยเป็นไปไม่ได้แม้แต่สำนักของหลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ท่านทั้งสองต่างร่ำเรียนมาก่อนทั้งสิ้นนั่นคือ"ธรรมใบลานมูลกระจาย" ธรรมที่ท่านรู้ภายในก็นำมาเทียบเคียงกับธรรมที่ได้ปริยัติมา อันไหนเป็นทำเมาก็คัดทิ้งเหลือไว้แต่ธรรมที่ถูกต้องตามพุทธบัญญัติเอามาสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหานั่นแหละ
เหตุที่หลวงปู่มั่นบอกหลวงตามหาบัวให้ยกปริยัติไว้บูชาก่อนก็เพื่อลดทิฏฐิมานะอันเป็นเครื่องกั้นเท่านั้น แล้วท่านยังสำทับลงไปอีกว่า" แล้วธรรมที่ท่านปริยัติมากับธรรมที่ท่านปฏิบัติได้ก็จะไหลรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยไม่มีอันไหนขัดแย้งกันเลย" จะเห็นได้ว่าองค์หลวงตาอธิบายธรรมได้กว้างขวางได้ถูกต้องแม่นยำเพราะท่านมีทั้งปริยัติและปฏิบัติ แต่บางรูปได้เข้าไปรู้ไปเห็นของจริงก็ไม่สามารถอธิบายธรรมใดๆได้เพราะไม่เคยเรียนรู้มาก่อนจึงได้แค่ประโยชน์ตน ขาดประโยชน์ท่าน
และหากท่านปฏิเสธ และกล่าวว่าสมัยพระพุทธเจ้าไม่เห็นมีพระไตรปิฎกยังปฏิบัติกันได้ ก็พึงเข้าใจว่าก็พระพุทธเจ้านั่นแหละคือตู้พระไตรปิฎกขนานแท้และเป็นเจ้าแห่งธรรม
เหตุนั้นจะเอาหลวงตารูปใดรูปหนึ่งมายกตนเสมอเจ้าแห่งธรรมได้อย่างไร สิ่งที่ปฏิบัติและรู้มาจึงจำเป็นต้องเทียบเคียงปริยัติและถูกต้องพุทธบัญญัติ
การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ ก็สามารถตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก นั่นเองค่ะ
@@daa6857เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ โสดาบัน เมื่อโสดาบัน เกิดปรากฏขึ้นมา ก็จะรู้ว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง มีพระพุทธเจ้าจริงๆ และเมื่อเห็นชัดในการเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ ซึ่งก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเอง ก็จะรู้ว่า พูดผิดไปจากที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกสอนไว้ให้รู้ตามไม่ได้นั่นเองค่ะ ต้องพูดตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกสอนไว้ เมื่อ คิด พูด ทำ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบอกสอนไว้ ก็จะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ อาการ การหมดพิษสงก็จะเป็นแบบนี้นั่นเองค่ะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ถ้ายังไม่หมดพิษสง ก็จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ ก็คือ จะเห็นได้แบบชัดเจนจาก ความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ (ยกตัวอย่าง อย่าสวด ปฏิจจสมุปบาท ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง ไม่เป็นมรรคไม่เป็นผล)
เรียนรู้เพื่อเป็นแนวทาง สู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง...ไม่นอกลู่นอกทาง🙏🙏🙏
หากบุคคลมีความคิดอย่างนี้ว่า เราต้องแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน เราต้องตั้งภาคีแก่กัน แยกออกจากกัน ว่า...
เราเป็นฝ่ายปริยัติเป็นฝ่ายหนึ่ง
เราเป็นฝ่ายปฏิบัติเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง
ย่อม..เป็นความเห็นที่ผิด(มิจฉาทิฏฐิ)ทั้งสองฝ่าย เพราะเหตุว่า..
การศึกษาแต่ปริยัติโดยไม่ปฏิบัติเพื่อเพ่งพิสูจน์มรรคผล ก็ไม่เกิดประโยชน์อันสูงสุด แก่เขา!
การปฏิบัติฝ่ายเดียวโดยไม่มีสุตตะ(ปริยัติ)ของพระศาสดากำกับอยู่ ก็อาจปฏิบัติไปในทางผิด เพราะขาดพยานยืนยันว่าผลที่ปฏิบัติได้นั้นเป็นสัมมามรรค/สัมมาวิมุตติ ตรงตามคำสอนของพระศาสดาหรือไม่ !
หรือผลการปฏิบัติตรงกับมิจฉามรรค/มิจฉาวิมุตติของพวกฤษีโยคีหรือปริพาชกสมณพราหมณ์เหล่าอื่น!ก็ไม่รู้
ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวช จึงเป็นธรรมที่เป็นปฏิจจสมุปบาทซึ่งกันและกัน ครับ
...
ขออย่างเดียว อย่าได้นำปริยัติที่ผิดๆมาศึกษา เช่น ขณิกสมาธิ- อุปจารสมาธิ-อัปปันนาสมาธิ มาศึกษาก็แล้วกัน
แต่.ให้นำปริยัติ(สุตตะ)ของพระศาสดา ปฐมฌาน-ทุติยฌาน-ตติยฌาน-จตุตถฌาน มาปฏิบัติ จึงจะเป็น สัมมาสมาธิ และผลก็จะได้ คือ สัมมาวิมุตติ ครับ.
😂😂พระพุทธพจน์มี 9 อย่าง คือ องค์ 9 (นวังคสัตถุศาสน์) ได้แก่สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม และเวทัลละ
...❤ท่านจะเอาแต่สุตตะก็ต้องไปนาป่าพง
@@rtittang1686 :ทั้ง๙อย่าง (สุตตะ,เคยยะ,เวยยกรณะ,คาถา,อุทาน,อิติวุตตกะ,ชาดก,อัพภูตธรรม) พระศาสดาเรียกรวมว่า "สุตตะ" (สุตะ) ได้นะครับมีหลายๆพระสูตร เช่น
ดังพระสูตรนี้ ครับ
ภิกษุทั้งหลาย! ทรัพย์ ๕ ประการเหล่านี้มีอยู่ ๕ ประการเป็นอย่างไร คือ
(๑)ทรัพย์คือ ศรัทธา
(๒)ทรัพย์คือ ศีล
(๓)ทรัพย์คือ สุตตะ
(๔)ทรัพย์คือ จาคะ
(๕)ทรัพย์คือ ปัญญา
ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย! ก็ทรัพย์คือ สุตะเป็นอย่างไร? ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงจำได้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดอย่างดีด้วยทิฏฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถะ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง นี้เรียกว่า ทรัพย์คือ สุตะ.
ฯลฯ
อ้างอิง
บาลี ป.จก.อ°.๒๒/๕๘/๔๗.
@@rtittang1686 :ผู้มีปัญญาย่อมรู้ดีครับ ว่าสุตตะ คำเดียวก็หมายความรวมถึงทั้งหมดทั้ง๙ ที่คุณอ้างมา.!
@@rtittang1686 :ดีนะครับลบทิ้ง(คำพระศาสดา)ได้ทัน 😄
ปฏิบัติไม่ใช่หมายถึง ทำ แต่ทางพุทธศาสนาหมายถึง “ถึงเฉพาะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ” เพราะเหตุนี้จึงต้องมีการฟัง การศึกษาพระธรรมเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ถ้ายังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ไม่มีปัญญา ไปนั่งสมาธิ ก็คงไม่พ้นจากมิจฉาสมาธิ
เพราะสิ้นคิด จึงขาดสติในการแสดงออกด้วย
กาย วาจา ใจ
พระพุทธเจ้าสอน ให้ปริยัต ปฏิบัติ และปฏิเวธเป็นวาระเช่นนี้
สิ้นคิดพูดผิดมาก หาว่าพระพุทธเจ้าพูดขัดแย้งกัน
ในพระไตรปิฎกบอกว่า เจ้าชายสิทธัตถะประสูติสามารถเดินได้ 7 ก้าวมีดอกบัวรองรับ คุณเชื่อไหมล่ะคุณอยู่ในเหตุการณ์นั้นไหมล่ะ ในพระไตรปิฎก่ บอกว่าพระพุทธเจ้าจำพรรษาอยู่ที่ดาวดึงส์3 เดือน แต่ในพระไตรปิฎกก็บอกอีกว่า 1 วันในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่ากับ 100 ปีโลกมนุษย์ เพราะฉะนั้นเมื่อคำนวณแล้ว3 เดือนในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็เท่ากับ 9000 ปีโลกมนุษย์ ถ้าเอาตามพระไตรปิฎก ทุกวันนี้พุทธศาสนาแค่ 2561 ปี ยังไม่ถึง 9000 ปีเลย พระพุทธองค์ยังไม่ออกพรรษาเลยยังไม่ลงมาจากดาวดึงส์เลย แล้วคุณเชื่อไหมล่ะ นี่แหละกาลามสูตร พระพุทธองค์ตรัสว่า อย่าเพิ่งเชื่อแม้มีจารึกไว้ในตำรา ลองพิจารณาดูนะครับ
@@อนันภาเรือง-ข8จในความหมายที่ท่านเมนต์มาคือ พระไตรปิฎกเชื่อถือไม่ได้ มีผิดพลาดหลายอย่างใช่มั้ยครับ
@@อนันภาเรือง-ข8จหมายถึง3เดือนในเมืองมนุษย์ มันจะสอดรับกับช่วงเข้าพรรษาถึงออกพรรษาพอดีไงครับ
ในพระไตรปิฎกถูกแต่งเติม ต้องมีปัญญาเห็นสอดคล้องกับอริยสัจสี่จึงจะเชื่อได้ และพระพุทธเจ้าไม่เคยแสดงว่าพระองค์อยู่จำพรรษาที่ดาวดึงส์ เจ้าชายสิททัตถะก็ไม่ใช่ บัวสี่เหล่าก็ไม่ใช่ เทวทูตสี่ก็ไม่ใช่ และอีกมากมายมหาศาลคือคำสอนของพระพุทธเจ้ามีอยู่ในพระไตรปิฎกไม่ถึงครึ่ง มีผู้รวบรวม
@@อนันภาเรือง-ข8จเราเชื่อ เราฟังแล้วเราก็ ไตร่ตรองพิจารณาใน ในสิ่งที่เราเห็นว่าถูก ในพระไตรปิฎก องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้มา ให้สัตว์โลก ได้เข้าใจ ตามที่พระพุทธองค์ตรัสรู้มา ธรรมะของพุทธองค์ สอนให้สัตว์โลกหมดกิเลส ถ้าภิกษุยุคนี้ สอน ให้มีกิเลส พอกพูนกิเลส ไม่ได้สอนเพื่อ จะละตัวตน ก็ไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธองค์ที่แท้จริง ที่เขาลงในพระไตรปิฎก คือ 3 เดือนในโลกมนุษย์ เพราะมนุษย์บนโลกนี้ คงจะไม่รู้ว่านรกเท่าไหร่สวรรค์เท่าไหร่ เธออย่าคิดให้มันเยอะเลย นี่คือความเห็นของเรา เราคุยกับเธอ เราไม่ได้คัดค้าน ที่ เธอแสดงความเห็น เธอว่าถูกก็เป็นความคิดของเธอ เราอ่านเม้นของเธอ เราก็อยากจะแสดงความเข้าใจของเราเหมือนกัน ศาสนาของพระพุทธองค์ คือพระธรรมคำสั่งสอน ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ที่ยังเหลืออยู่ ภิกษุจะกล่าวฆราวาสจะกล่าว ฟังแล้วไตร่ตรองดู กล่าวได้ทุกคน กล่าวผิดก็เป็นบาป ของบุคคลนั้น ผู้ที่นำธรรมะมากล่าวถูก ก็เป็นกุศลของบุคคลนั้น ไม่กล่าวตู่พระพุทธองค์ ผิดก็บาป ถูกก็บุญ ก็มีเท่านั้น กรรมใครกรรมมัน
ปฏิบัติควรสำรวม สิ้นคิดจริงๆ ควรจับสึก
ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้า ทรงสอนให้ทำครับ ประพฤติปฏิบัติให้มากๆ ทุกเวลา ละอกุศล บำเพ็ญภาวนา พูดน้อย กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติให้มากๆ ครับ
หลวงพ่อกล่าวได้ดีมากครับ.สาธุๆ
คนตัดต่อนี่หละคือคนที่ทำให้แตกแยก ….บาปสุดละ …เอาคลิปเต็มที่พระสองท่านพูด มาลงจะดีมากครับ คนไม่รู้มาเห็นแค่นี้ก็ด่าพระ เป็นบาป คนที่ตัดต่อก็บาปเพิ่มขึ้นตาม…ถ้าบอกว่ามีเจตนาดีก็เอาคลิปเต็มมาแปะคู่กันด้วยนะครับ จะเป็นบุญ
สาธุครับ
@@phycicololo-xh5mxเอาเรื่องจริงมาพูดเหรอ
@@สงกาภารสว่าง ไม่รู้นะ แต่อยากดูคลิปเต็มเหมือนกัน คลิปนี้ก็เพิ่งเห็น ไม่รู้ว่าตัดย่อกันขนาดไหน ดูคลิปเต็มน่าจะพอรู้ว่าจะสื่ออะไรกันแน่