ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
นาที่ 21.10 ระบุขนาดสายตารางที่ 3.6 ไม่ทราบว่าตารางที่ว่าคือตารางอะไรครับ
ต้องเปิดเอกสารประกอบการสอนประกอบนะครับ
อาจารย์คับผมขอสอบถามคับผมจะเดินสายเบอร์95จำนวนสี่เส้นผมตอ้งใช้แบบไหนและขนาดไหนคับ
*** เริ่มจากนาทีที่ 13:00 ซึ่งเป็นภาพแสดงการติดตั้งสายไฟแบบต่างๆบนรางเคเบิลขอเริ่มจาก 2 ภาพล่างสุด การติดตั้งสายไฟโดยการวางสายบนขี่สายไฟเส้นล่างตามรูปนั้น ในทางปฏิบัติไม่มีใครสามารถทำได้หรอกครับที่จะวางสายไฟขี่กันแบบนั้นตลอดความยาวของสายไฟ สายไฟต้องตกลงมาข้างๆแน่นอน คำว่าจัดกลุ่มสายเป็นรูป 3 เหลี่ยม (Trefoil) มันจะต้องนำสายเฟสเส้นที่ 3 วางบนร่องระหว่างสายเฟสอีก 2 เส้น ถ้ามีสายนิวตรอลด้วยก็จะวางสายนิวตรอลไว้ข้างๆแถวล่างสุดของกลุ่มวงจรแต่ละวงจรนั้น*** ทีนี้มาพูดถึงความหมายของคำว่าวางสายไฟแต่ละกลุ่มวงจรห่างกันมีค่าเท่ากับ 2D (2 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางสายไฟรวมฉนวนและเปลือก)ดูรูปล่างสุดเป็นตัวอย่าง วิธีหาขนาดรางสายไฟ*** ให้ใช้ค่าเส้นผ่าศูนย์กลางสายไฟรวมฉนวนรวมเปลือก (D) คูณด้วยจำนวนสายไฟใน 1 ชุดของสายควบ (L1, L2, L3, N ไมนับรวมสายดิน) แล้วคูณด้วยจำนวนชุดของสายควบ ยกตัวอย่างจากรูปล่างสุดในคลิปวิดีโอ จะเห็นว่ามีสายควบอยู่ 2 ชุด หาขนาดรางสายไฟก็เอา D*4*2 (4 คือจำนวนสายไฟต่อ 1 ชุดสายควบ ถ้ามีสายนิวตรอลก็ให้นับรวมด้วย ส่วน 2 คือจำนวนชุดของสายควบว่าในวงจรนั้นๆมีสายควบอยู่กี่ชุด) ก็จะได้เท่ากับ 8*D ถ้าดูตามภาพของคลิปมันก็คือการเอาสายไฟทั้ง 8 เส้นลงมาวงเรียงชิดติดกันบนรางนะแหละครับ โดยให้สายนิวตรอล (N) 2 เส้นลงมาวางข้างๆกันตรงกลางระหว่างสายไฟ 2 ชุด นี่เรียกว่า 2D ( สายนิวตรอลให้ถือว่าเป็นสายที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า ดังนั้นจึงถือว่าสายเส้นที่มีไฟห่างกันอยู่ 2 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางสายไฟรวมฉนวน) และอีก 2D ก็ให้นำสายไลน์ L3 ทั้ง 2 ชุดลงมาวางไว้ข้าง L1 ของทั้ง 2 ชุด ก็จะกลายเป็น 2D มี 2 ชุด ก็คือ 4D นั่นเอง รวมกับเส้นผ่าศูนย์กลางของ L1 และ L2 อีก 2 ชุด ก็คือ 4D รวมเส้นผ่าศูนย์กลางทั้งหมดก็จะเป็น 8D ไม่ใช่ 6D ตามที่อาจารย์บอกเมื่อได้ค่าเส้นผ่าศูนย์กลางรวมทั้งหมดแล้วเราก็เผื่อขนาดของรางด้วยการนำเส้นผ่า ศ.ก.รวมทั้งหมดหารด้วย 0.8 หรือ คูณด้วย 1.25 ก็จะได้ขนาดของรางเคเบิล
ยกตัวอย่าง ( สาย CV 1C - 240 ตร.มม. x 4 ) x5 ชุด ติดตั้งบนรางเคเบิลแบบขั้นบันได้ แต่ละชุดของสายควบติดตั้งแบบรูป 3 เหลี่ยม (Trefoil) และแต่ละชุดของสายควบวางห่างกันเท่ากับ 2D และขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางรวมฉนวน (D)ของสาย CV 1C - 240 ตร.มม. เท่ากับ 26 มม.วิธีหาD * จำนวนของสายไฟใน 1 ชุดของสายควบ * คูณจำนวนชุดของสายควบ= 26*4*5= 520 มม. (เส้นผ่าศูนย์กลางรวมของสายไฟทั้งหมดรวมฉนวน รวมเปลือก)หาขนาดของรางเคเบิลเผื่อ 125%= 520*1.25= 650 มม. ให้ใช้รางความกว้าง 700 มม.
อาจารย์คับผมจะเดินสายเบอร์95เข้าจากม้อของการไฟฟ้าไปเข้าตู้เอ็มดีบีผมจะตอ้งใช้นรางแบบไหนและขนาดไหนคับ
นาที่ 21.10 ระบุขนาดสายตารางที่ 3.6 ไม่ทราบว่าตารางที่ว่าคือตารางอะไรครับ
ต้องเปิดเอกสารประกอบการสอนประกอบนะครับ
อาจารย์คับผมขอสอบถามคับผมจะเดินสายเบอร์95จำนวนสี่เส้นผมตอ้งใช้แบบไหนและขนาดไหนคับ
*** เริ่มจากนาทีที่ 13:00 ซึ่งเป็นภาพแสดงการติดตั้งสายไฟแบบต่างๆบนรางเคเบิล
ขอเริ่มจาก 2 ภาพล่างสุด การติดตั้งสายไฟโดยการวางสายบนขี่สายไฟเส้นล่างตามรูปนั้น ในทางปฏิบัติไม่มีใครสามารถทำได้หรอกครับที่จะวางสายไฟขี่กันแบบนั้นตลอดความยาวของสายไฟ สายไฟต้องตกลงมาข้างๆแน่นอน คำว่าจัดกลุ่มสายเป็นรูป 3 เหลี่ยม (Trefoil) มันจะต้องนำสายเฟสเส้นที่ 3 วางบนร่องระหว่างสายเฟสอีก 2 เส้น ถ้ามีสายนิวตรอลด้วยก็จะวางสายนิวตรอลไว้ข้างๆแถวล่างสุดของกลุ่มวงจรแต่ละวงจรนั้น
*** ทีนี้มาพูดถึงความหมายของคำว่าวางสายไฟแต่ละกลุ่มวงจรห่างกันมีค่าเท่ากับ 2D (2 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางสายไฟรวมฉนวนและเปลือก)
ดูรูปล่างสุดเป็นตัวอย่าง
วิธีหาขนาดรางสายไฟ
*** ให้ใช้ค่าเส้นผ่าศูนย์กลางสายไฟรวมฉนวนรวมเปลือก (D) คูณด้วยจำนวนสายไฟใน 1 ชุดของสายควบ (L1, L2, L3, N ไมนับรวมสายดิน) แล้วคูณด้วยจำนวนชุดของสายควบ
ยกตัวอย่างจากรูปล่างสุดในคลิปวิดีโอ จะเห็นว่ามีสายควบอยู่ 2 ชุด หาขนาดรางสายไฟก็เอา D*4*2 (4 คือจำนวนสายไฟต่อ 1 ชุดสายควบ ถ้ามีสายนิวตรอลก็ให้นับรวมด้วย ส่วน 2 คือจำนวนชุดของสายควบว่าในวงจรนั้นๆมีสายควบอยู่กี่ชุด) ก็จะได้เท่ากับ 8*D ถ้าดูตามภาพของคลิปมันก็คือการเอาสายไฟทั้ง 8 เส้นลงมาวงเรียงชิดติดกันบนรางนะแหละครับ โดยให้สายนิวตรอล (N) 2 เส้นลงมาวางข้างๆกันตรงกลางระหว่างสายไฟ 2 ชุด นี่เรียกว่า 2D ( สายนิวตรอลให้ถือว่าเป็นสายที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า ดังนั้นจึงถือว่าสายเส้นที่มีไฟห่างกันอยู่ 2 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางสายไฟรวมฉนวน) และอีก 2D ก็ให้นำสายไลน์ L3 ทั้ง 2 ชุดลงมาวางไว้ข้าง L1 ของทั้ง 2 ชุด ก็จะกลายเป็น 2D มี 2 ชุด ก็คือ 4D นั่นเอง รวมกับเส้นผ่าศูนย์กลางของ L1 และ L2 อีก 2 ชุด ก็คือ 4D รวมเส้นผ่าศูนย์กลางทั้งหมดก็จะเป็น 8D ไม่ใช่ 6D ตามที่อาจารย์บอก
เมื่อได้ค่าเส้นผ่าศูนย์กลางรวมทั้งหมดแล้วเราก็เผื่อขนาดของรางด้วยการนำเส้นผ่า ศ.ก.รวมทั้งหมดหารด้วย 0.8 หรือ คูณด้วย 1.25 ก็จะได้ขนาดของรางเคเบิล
ยกตัวอย่าง
( สาย CV 1C - 240 ตร.มม. x 4 ) x5 ชุด ติดตั้งบนรางเคเบิลแบบขั้นบันได้ แต่ละชุดของสายควบติดตั้งแบบรูป 3 เหลี่ยม (Trefoil) และแต่ละชุดของสายควบวางห่างกันเท่ากับ 2D และขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางรวมฉนวน (D)ของสาย CV 1C - 240 ตร.มม. เท่ากับ 26 มม.
วิธีหา
D * จำนวนของสายไฟใน 1 ชุดของสายควบ * คูณจำนวนชุดของสายควบ
= 26*4*5
= 520 มม. (เส้นผ่าศูนย์กลางรวมของสายไฟทั้งหมดรวมฉนวน รวมเปลือก)
หาขนาดของรางเคเบิลเผื่อ 125%
= 520*1.25
= 650 มม. ให้ใช้รางความกว้าง 700 มม.
อาจารย์คับผมจะเดินสายเบอร์95เข้าจากม้อของการไฟฟ้าไปเข้าตู้เอ็มดีบีผมจะตอ้งใช้นรางแบบไหนและขนาดไหนคับ