The Great Resignation อภิมหาการลาออก เมื่อมนุษย์เงินเดือนต้องการชีวิตคืน Executive Espresso EP.268
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 9 มิ.ย. 2024
- มนุษย์เงินเดือนในสหรัฐฯ ฯ กว่า 4 ล้านชีวิตตัดสินใจลาออกจากงานหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิดเมื่อเมษายนที่ผ่านมา และลาออกเพิ่มอีก 3.9 ล้านคนในเดือนมิถุนายน ปรากฏการณ์ครั้งนี้สร้างความเสียหายให้ผู้ประกอบการจำนวนมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น The Big Quit หรือ The Great Resignation
คำถามก็คือ สาเหตุของอภิมหาการลาออกคืออะไร และประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงผ่อนคลายมาตรการล็อกจะเกิดเหตุการณ์เดียวกันหรือไม่ เคน นครินทร์ ชวนคุณมาค้นหาคำตอบทั้งหมด พร้อมพูดคุยถึงวิธีรับมือว่าควรทำอย่างไร ก่อนที่ทุกอย่างสายเกินเยียวยา
Timestamp
00:00 Start
03:30 เกริ่นนำ
06:40 เพราะ ‘ความต้องการ’ มากขึ้น
11:35 เพราะ ‘ตั้งคำถาม’ มากขึ้น
19:36 3 คำถามสำคัญที่ต้องตอบให้ได้
22:07 หัวหน้าจะรักษาพนักงานไว้ได้อย่างไร?
ห้ามพลาด! วันเสาร์ที่ 11 กันยายนนี้ The Secret Sauce กำลังจะจัดงานฟอรัมใหญ่ประจำปี ‘Strategy Forum 2022’ คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022 เวลา 09.00-17.00 น.
สนใจร่วมงาน ซื้อบัตรได้ที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce บัตรราคา 1,500 บาท และพิเศษ! สำหรับ THE STANDARD MEMBER รับโค้ดส่วนลดเพิ่ม 10% ทุกราคา (จำนวนจำกัด) ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thestandard.co/events
------------------------------------------------
ติดตาม The Secret Sauce ในช่องทางอื่นๆ
Website: www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: / thestandardpodcast
Apple Podcasts: apple.co/31JOazM
Spotify: spoti.fi/3isv0W7
Twitter: / thestandardpod
Facebook: / thestandardth
#TheSecretSauce #TheStandardPodcast #TheStandardCo #TheStandardTH - แนวปฏิบัติและการใช้ชีวิต
ยื่นใบลาออกแล้วค่ะ เป็นอย่างที่คลิปบอกเลย เราเหนื่อยและหมดพลังมาก เรามีเงินเก็บพอสมควร ใช้ได้หลายปี เลยคิดว่าทำไมต้องทนอยู่กับสิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์ ถ้าไม่ออกมาตอนนี้ก็ไม่รู้จะได้เริ่มชีวิตใหม่เมื่อไหร่
เมื่อ เกือบ 2 ปีที่แล้วตัดสินใจลาออกจากงานในบริษัทที่ทำมากว่า 12 ปี ตำแหน่งหน้าที่ก็โอเคนะ..แต่มันรู้สึกว่าชีวิตขาดเวลาให้ครอบครัว ขาดแรงจูงใจในการทำงานแล้ว..ตัดสินออกมาทำไร่..ทุกวันนี้มีความสุขในการทำงาน..มีแรงจูงใจในการทำงาน..อากาศร้อนไม่มีแอร์ แต่เย็นใจ แต่ก็ยังมีความทรงจำที่ดีกับที่ทำงานเดิมนะ..ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ..ผมว่าเมื่อถึงเวลานึงเราจะหาทางของเราเจอเอง..แต่เราต้องพร้อมรับความเสี่ยงด้วยนะครับ..ชีวิตมีทางออกเสมอครับ
คล้ายๆกัน ทำงาน10ปีตั้งแต่จบ งานเจริญขึ้นเรื่อยๆ เราลาออกมาในขณะที่กำลังเติบโตด้วยซ้ำ ลาออกมา13ปีแล้วwfhทำอะไรได้เยอะกว่าแต่วินัยการแบ่งเวลาส่วนตัวต้องดีมากจึงจะประสบความสำเสร็จ พูดง่ายๆทุกอย่างถ้าถูกที่ถูกเวลาดีทั้งหมดกำไรที่สุดทั้งดวลาเงินทองและความสุข
เราพึ่งลาออกจากที่เก่าเพราะบ.มีนโยบายกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ พอมาลองหางานใหม่ก็พบว่ามีหลายบริษัทเริ่มให้ทำงานที่บ้านเยอะขึ้น เลยไม่มีเหตุผลที่ต้องทนทำที่เก่าต่อไป
อยากได้งานทำที่บ้านบ้าง แนะนำบริษัทให้บ้างได้มั้ยคะ
ใช่คะพนักงานสมัยใหม่เราต้องมีศักดิ์เลือก good for you!
ใช่เลยครับ ผมย้ายมาทำบริษัทเทคโนโลยี สบายมากเดือนหนึ่งผมเข้าแค่4วัน หรือวันที่ต้องไปเจอกันจริงๆ ขนาดผมไปเที่ยวยังทำงานได้ไม่ต้องลา
กำลังยื่นใบสมัครเลยค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากเปลี่ยนภายในปีนี้ งานใหม่กำลังมาหาฉันสู้ๆ
@@pattratat5940 ใบ
ผมลาออกจากงานโรงงานมา10ปีแล้วครับ เพราะรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม ทำดี ได้เกรดd.ค้นพบความสามารถตัวเองเต็มๆ จากการเปนเจ้าของโรงกลึง
การไม่ไปทำงานที่ทำงานมีข้อดีอีกอย่างคือไม่ต้องเจอกับพวก Toxic มันยิ่งกว่าเป็นพวก burn out อีกครับ
จริง
โอ๊ยจริงแบบโคตรจริง
จริงค่ะ จริง.
@@viewqueen จริง
ผมโครตเห็นด้วยเลยนะ 👍👍👍
ส่วนตัวชอบแบบ Hybrid นะครับ อยากให้มี นโยบาย wfh ต่อไป เป็นวาระแห่งชาติ อย่างน้อยจะได้ลด รถติดใน กทม. ได้บ้าง
เช่น 3 + 2 (office 3 + wfh 2) รวมถึงมี flexi time เข้าเร็วเลิกเร็ว
องค์กรใหญ่ๆเคยคิดจะทำก่อนหน้านี้ O4 H1, O3 H2 เพื่อลด คชจ(เงินเดือน) และลดพื้นที่การนั่งทำงานในoffice(ปรับจากfix พื้นที่เป็น hot seat) แต่พอแตะรายได้ของ พนง. ก็โดนแอนตี้.. ทุกอย่างเลยพับไป..
@@burintornc1373 มันก็มีบริษัทที่ wfh 3 มันต่อสัปดาห์ที่จ่ายเงินเดือนได้แพงกว่าตลาดนะครับ
จริงๆจะทำ wfh โดยไม่แตะค่าแรง แต่ไปประหยัดค่าเช่าสำนักงานแทนก็ยังได้เลย
เห็นด้วยกับความคิดนี้ ที่เดนมาร์กก็ทำแบบนี้ค่ะ เขาจะมี WFH เมื่อก่อน 1-2 วัน เพื่อให้เรามีเวลาเคลียร์งานเอกสาร คิดงาน เพราะเข้าออฟฟิส ต้องมีการสื่อสาร มีคนมาติดต่อ งานเอกสารจะไม่ค่อยได้ทำ พอเจอโควิท เขาเลยไม่รู้สึกอะไรมาก
@@burintornc1373 ให้ทำงานเท่าเดิม แต่จะขอลดเงินเดือน แถมบริษัทยังได้ลดค่าพื้นที่ออฟฟิศด้วย
นี่มันโคตรเอาเปรียบคนทำงานเลยนะครับ
บริษัทอะไรครับเนี่ยฟังดูเห็นแก่ได้สุดๆ
ของเราทำงานบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่อเมริกา แบบ hybrid, WFH 2 weeks and in office 1 week, and flexible work schedule เราสามารถเข้างานเร็ว และเลิกเร็วได้
ที่ไทยก็ลาออกเยอะมากๆค่ะ เป็นหัวหน้ามานาน เป็นครั้งแรกที่ลูกน้องลาออกเฉลี่ยเดือนละเกือบๆ 10 คนเลยค่ะ
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง!! ช่วงปลายปีที่แล้วผมล้ามาก ผมรู้สึกแย่ในการทำงานที่ผมต้องเดินทาง 6 วัน เฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมงเพื่อได้ค่าแรงที่เรียกได้ว่าเดือนชนเดือน สำหรับผม แถมไม่พอ ขอพ่อขอแม่อีก คิดอยู่นานว่าทำเพื่ออะไร ??????????????? สุดท้ายลาออก ตอนบอกคนรอบข้างตกใจกันมากแบบเห้ย ลาออกไมวะ ออกไมเศรษฐกิจแบบนี้ ไม่หางานใหม่ก่อนหรอ ทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่มาก หลังจากลาออกผมเริ่มคิดวิธีใช้ชีวิตประหยัด ได้ลองเริ่มทำธุรกิจเอง เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เข้าใจคุณค่าตัวเองมากขึ้น และหางานใหม่ ทุกวันนี้ WFH 4 วันเข้าออฟฟิศ 1 วัน ประหยัดค่าเดินทางเฉลี่ย วันละ 200 รวมๆ ประหยัดกว่าเดิมเดือนละเกิน 4 พัน มีโบนัสจากธุรกิจ ตอนนี้แฮปปี้มาก ตื่นมาทำงานตี5ยังได้
คนส่วนใหญ่คิดแบบคุณไม่ได้ครับ เลยติดอยู่ในวงจรเดิมๆ
ผมเกลียดการเข้าออฟฟิส การเดินทางไปทำงาน เสียทั้งเวลา ความรู้สึก และเงิน, Romote working ดีกว่าแทบทุกมุมมอง สำหรับสายงาน IT อย่างผม ได้อยู่กับครอบครัว ลดค่าใช้จ่าย และการจัดสรรเวลายืดหยุ่นมากขึ้น มีเวลาให้งานอดิเรกและอาชีพเสริมมากขึ้น เงินเดือนได้เท่าไหร่เก็บออมได้หมดทุกบาท ไม่ต้องจ่ายอะไรหนักหนาเลย
ชอบที่คุณเคนมองในมุมของพนักงานและพยายามเข้าใจพนักงานค่ะ ชอบที่บริหารบุคลากรด้วยความเมตตา
เห็นด้วยมากๆ ค่ะ พนง จะทำงานให้ด้วยใจ และจะไม่เหนื่อย ไม่ burnout ค่ะเพราะกำลังใจดี และอยากเข้า บริษัท มากๆ ด้วย การทำงานกับคนที่ไม่มีความเมตตาถึงงานน้อยแต่เหนื่อยใจ
ใช่ครับ พนักงานบริษัทคุณเคนโชคดีมาก
นี่ GenX นะ แต่คิดมานานแล้ว รู้สึกเสียดายเวลาชีวิตมาก กับการเดินทางไปทำงาน ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว
ส่วนตัวงานไม่มีปัญหานะ ก็ชอบอยู่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลาออกเพื่อบาลานซ์ชีวิตเมื่อ7ปีก่อน
ตอนนี้มาอยู่ ตจว. ปลูกบ้านหลังเล็กๆ มีต้นไม้ มีพื้นที่เยอะๆ เลี้ยงหมา10ตัว ทำธุรกิจส่วนตัวนิดหน่อย เช้าเดิน5นาทีไปทำงาน
รู้สึกได้ชีวิตกลับคืนมา ครอบครัวก็แฮปปี้ ไม่ได้กลับกรุงเทพมาสองปีแล้ว ด้วยโควิด คิดถึงเพื่อนๆเหมือนกัน
ผมลาออกจากสายงานแพทย์ มาทำสายงานเทคโนโลยีพบว่าคนสายงานนี้อิสระมากทุกคนทำหน้าที่ของตนเองและทำได้ดี ทุกวันนี้ผมสามารถไปเที่ยวและทำงานไปพร้อมๆกันโดยที่ไม่ต้องขอลาหยุด เปิดมิติใหม่ของการทำงานที่แท้จริง
ขอปรึกษาหน่อยได้มั้ยคะ เราสนใจงานสายเทคโนโลยีเหมือนกัน แต่คิดไม่ตกเลย
@@otameno ต้องถามว่าตัวเองมีสกิลด้านไหนชอบด้านไหน แล้วลุยเลยครับ
ขอออกความเห็นในมุมมองของ manager ค่ะ ในบริษัทอนุญาตให้ flexible อยู่แล้ว แต่พบว่าพนักงานบางคนไม่มีวินัยและมีผลกระทบกับงานซึ่งอันนี้เราไม่ปรับ policy นะคะแต่ทำให้ต้องพิจารณาหาวิธีแก้ไขเป็นรายบุคคล อีกจุดที่ท้าทายคือการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร โดยเฉพาะพนักงานใหม่ซึ่งเป็นการบ้านที่จะต้องนำมาคิดและปรับในยุคนี้
เรากลับมาอยู่บ้านแบบจริงจังเพราะ WFH ที่บ้านเข้าใจงานที่เราทำมากขึ้น อินกับเราในช่วงที่เราเครียดเมื่อต้องแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้น ทุกคนปรับตัวและพยายามช่วยเหลือกัน พวกเราเข้าใจกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น ใช้ชีวิตด้วยความรักและความเห็นใจกันมากขึ้น
"ทุกคนปรับตัวและพยายามช่วยเหลือกัน พวกเราเข้าใจกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น ใช้ชีวิตด้วยความรักและความเห็นใจกันมากขึ้น"อ่านแล้วเป็นอะไรที่ดีมากเลยครับ ยินดีด้วยน่ะครับ
แค่จะฟังผลเลือด ก็ต้องเดินทางไปฟังผลด้วยตนเองที่ รพ.
เมื่อไรระบบนี้จะหายไป
ฟังผลเลือดให้พยาบาลโทรมาแจ้งได้ไหม
@@nazsel792 บางทีก็เป็นเรื่องที่อธิบายยากมากค่ะ เพราะผู้ใหญ่ท่านจะมีมุมมองที่แตกต่าง ประสบการณ์ที่สั่งสมมาอาจนำมาตัดสินว่า สิ่งที่เราทำอยู่ไม่ถูกไม่ควรหรือบางเรื่องเมื่อได้ยินการตัดสินใจของลูก ก็อดห่วงไม่ได้ แต่ปัญหาเหล่านี้จะถูกแก้ไข เมื่อท่านรับฟังและพยายามไว้ใจกันค่ะ Mindset ของทุกคนต้องไปทางเดียวกันก่อน ระลึกเสมอว่างานของลูกคือชีวิตของเขา ตัวลูกเองคือคนกำหนดเข็มทิศให้ตัวเอง และมีครอบครัวเป็นแรงผลักดันค่ะ
การทำงานที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพการทำงานของเรา กลับกันเราได้โฟกัสกับตัวเองได้ทำในสิ่งที่เลอะเลือนไปจากวัยเด็ก ไม่เครียดจากการเดินทาง ถ้าวันหนึ่งบริษัทผมไห้กลับไป นั่งที่บริษัทคงต้องลาออกเพราะโลกได้เปลี่ยนไปแล้วบางที งานก็ไม่สิ่งที่รั้งเราไว้ได้
ทุกวันนี้ผมเลือกงาน ที่ไม่ต้องมีเวลาทำงานเน้นว่างานเสร็จไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องมาผวงเวลาเข้างาน
เข้าใจสิ่งที่คุณบอกเลยครับ +1
ผมสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า7000บาทและมีเวลาในการทำสิ่งที่ชอบได้เกือบทุกอย่างที่อยากทำตลอด5ปีที่ออกมาทำงานที่บ้านและสร้างรายได้มากกว่าการทำงานประจำได้มากกว่า5เท่าโดยที่ไม่อยากให้มีวันหยุดเลยสำหรับการทำงาน
เป็นแรงผลักให้ Introvert รู้จักตัวเองไวขึ้นด้วย
ผมก็พึ่งลาออกครับ เวลาที่เสียไปกับการทำงานแล้วเราได้ผลตอบแทนคงที่ ตอนนี้ออกมาทำเพื่อตัวเอง เวลาที่เสียไปได้ผลตอบแทนมากกว่างานประจำอีกครับ รู้สึกตัวเองมีคุณค่าอีกครั้ง
ค่าเดินทาง และเวลาคือต้นทุนชีวิตที่สูงมากๆ สำหรับคนเมืองกรุงครับ
ใช่ค่ะ
โดน..ใจเลย ชอบที่คุณเคนพูดว่า ถ้าผมโดนบังคับหรือกดดันความคิดสร้างสรรค์ผมไม่เกิด พี่เป็นแบบนั้นเลยค่ะ 😊 😊 มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ สักวันพี่ต้องไปเจอตัวคุณให้ได้ จะไปขอบคุณด้วยตัวเองค่ะ Thanks sooo much for sharing 🙏🌸🌸❤️❤️🇺🇸🇺🇸🇹🇭
ผมกลับเห็นต่างในเรื่องว่า gen z ต้องการ wfh มากกว่า เคยมีสำรวจบอกว่า ถ้าปล่อยให้พนักงานเลือกได้อย่างอิสระว่าจะเข้าออฟฟิศหรือไม่ สิ่งที่เห็นคือ เด็กเพิ่งจบที่ไม่มีภาระครอบครัว จะเข้าออฟฟิศทุกวัน เพราะคนกลุ่มนี้อยู่ในวัยสนุก อยากสังสรรค์ พบเจอเพื่อนฝูงเยอะๆ ในขณะที่คนวัยกลางคนขึ้นไป / คนมีครอบครัว มีแนวโน้มเลือกจะไม่เข้าออฟฟิศเลยมากกว่า หรือเลือกวันที่ไม่เอื้ออำนวย เพราะติดภาระ เช่น ดูแลลูก พ่อ แม่
สถานการณ์เป็นเหมือน two extremes หมายความว่าการเปิดอิสระเต็มที่ ก็อาจจะไม่เวิร์คเช่นกัน
สุดท้าย ผมเห็นว่าถ้าลักษณะงานอำนวย เจ้านายไม่ควรให้อิสระ 100% แต่ควรเปิด leeway ให้เลือกจำนวนวันที่เข้าได้ แต่ก็ต้องมีกำหนดวันขั้นต่ำที่เข้าต่อเดือน เป็นต้น หรือวันบังคับที่ทุกคนในทีมจะพร้อมหน้าพร้อมตากันในออฟิศ อะไรแบบนี้ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสพบปะบ้าง เพื่อ strike a balance ระหว่างการเข้าออฟฟิศ และ wfh
True. Most Gen Z in my company wants to engage with colleagues in the office.
จริง นี่ทำงาน officeมา 30 ปี มา wfh ใหม่ๆ ก็ชอบนะ หลังๆ รู้สึกจะเครียด มนุษย์เปนสัตว์สังคม การทำงานในoff มีfocus ได้เจอคน ได้เดิน สุขภาพจิตและกายดีกว่า
หนึ่งใน podcast ตอนที่ดีที่สุดของ The Standard เท่าที่เราเคยฟังมา
อย่างกับมานั่งอยู่ในใจเราเลย ❤️❤️❤️
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
จาก ปสก.
ทำบริษัทต่างประเทศ WFH กำหนดเวลาชัดเจนมาก หลายๆ ที่เลือกใช้แอปติดต่อสื่อสารเป็นแอ็พที่เฉพาะทางสำหรับการคุยงาน ไม่ใช่แอ็พสื่อสารในชีวิตส่วนตัว
แต่บริษัทไทย ทุกอย่างไม่ชัดเจน ไม่มีเส้นแบ่งเวลาชีวิตส่วนตัวกับการทำงาน
แถมตอนนี้ มีคนบางประเภท พยายามเอาความเชื่อที่ว่า เอางานมา harmonize กับชีวิต เพื่อหลอกให้คน ทำงานนอกเวลาโดยสะกดจิตเรื่องผลการทำงานที่ดีขึ้น
เราเป็นข้าราชการ หลายคนบอกว่าเป็นอาชีพที่ปลอดภัยที่สุดในช่วงโควิด เราทำงานอยู่ wfh แทบจะเป็นบ้า ไลน์ที่ทำงานเด่งตลอดเวลาแทบจะ 24 ชั่วโมง และทุกวัน หัวหน้าสามารถส่งงานได้ในเวลาเที่ยงคืน ไม่ตอบ=โทรตาม มีแต่ความเห็นแก่ตัวของคนบ้างคน ที่ทำงานก็ทำแทบตาย คนไม่ทำสบายลอยหน้าลอยตา งงมาก เสียสุขภาพมากๆ ไม่ได้กินข้าวเช้า/เที่ยงคือเรื่องปกติ แล้ว wfh หลายเดือนขอกลับไป wfh ที่บ้าน ตจว.ไม่ได้ กลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายเราไม่ลดเลย เช่าห้อง ค่าไฟ ... ทำงานเกินเวลาไม่มีโอทีนะคะ นโยบายผู้บริหารแย่มาก ต้องรายงานตัวทุกวันไม่เว้นวันหยุด ประชุมทุกวัน ส่งผลการทำงานรายอาทิตย์ รายเดือน ทั้งๆที่ก็ทำงานอยู่แล้ว...
แต่ถ้ากลับไปทำงานก็ทนรถติดวันละ 1-2 ชั่วโมงอีกรอบ เลิกงานดึกไม่มีโอทีเหมือนกัน
ที่ทนเพราะใครๆก็บอกว่ามันดี ดีจริงมั้ยคะเนี้ย....
เหมือนกัน เที่ยงคืนตามงาน เพื่อเอาหน้าในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อ????
เราตัดสินใจลาออกจากราชมา 1 ปีแล้วค่ะ หันมาทำงานออนไลน์ สุขภาพจิตดีขึ้นมาก ทำงานที่บ้านได้ ไม่ต้องทนกับเงินเดือนน้อย เจ้านายบ้าอำนาจ งี่เง่า ทำงานหนัก ทำงานดีแทบตายรายได้เท่าเดิมเดือนชนเดือน ใครว่าสบายตอนแก่เราไม่ทนแล้ว เราอยากสบายตอนนี้ อย่างน้อยดีกว่าเดิมนิดนึงก็ยังดีค่ะ
ใช่ เลยเที่ยงคืนตีหนึ่ง ตีสอง ไม่มีเวลาเลิกงานที่แน่นอน ใครบอกWFHสบาย เห็นไลน์เด้งเราแทบจะเป็นโรคประสาทเลย
วิสัยทัศน์ผู้บริหารแย่พอกันเลยค่ะ นี้ก็อยากลาออกค่ะ
ประเทศไม่ไปไหนเพราะมีระบบห่วยๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนประเทศอยู่นี่ไง
ถ้าจะ wfh แบบนี้ สู้ฝ่ารถติดไปนั่งทำงานแล้วรอเลิก 4 โมงครึ่ง เพื่อกลับบ้านยังจะดีกว่า
มีไดโนเสาร์บริหารงาน ก็คงต้องทน ถ้าอยากอยู่ต่อ
the great conversation น่าสนใจมากค่ะ...
คอนเท้นมีประโยชน์มากครับ
บริษัทผมเป็น Startup เล็กๆ เราทำงานที่บ้าน (Work at home) มาตั้งแต่ปี 2017 แล้วครับ ไม่มีตอกบัตร วัดที่ผลงานเป็นหลัก ชีวิตดีมากครับ ใช้ชีวิตได้ตามที่ใจต้องการจริงๆ นอนได้เต็มที่ ไม่เสียเวลาบนท้องถนนไปเปล่าๆ ตอนนี้เรากำลังจะลอง Workation แระครับ ดูคลิปเรื่องนี้ของคุณเคน เลยว่าจะลองสักหน่อยแระ
คลิปนี้โดนใจมากค่ะ ตอนแรก wfh มีความสุขมากที่ไม่ต้องตื่นเช้าเดินทางไปกลับ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน performanceดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เราเป็น extrovert อยู่บ้านแล้วมันยิ่งบั่นทอนใจ ทำให้เราเริ่มต่อต้านและมีคำถามกับตัวเอง เพราะบริษัท wfh 2 ปี เรารู้สึกอึดอัด เริ่มคิดถึงการลาออกเพื่อความฝัน เป้าหมายและpassion ปัจจุบันนี้เราลาออกมาแล้ว ได้งานใกล้บ้าน เงินเยอะขึ้น แถมได้ทำอะไรที่เป็นความฝันจริงๆ ถือว่าการตัดสินใจครั้งนี้ได้เซฟความสุขให้ตัวเองมากๆ
เป็นคอนเทนท์ที่ดีมากมองการณ์ไกล ถึงผลกระทบหลังจากนั้นเเละฟังหลายมุมมองจากผู้ที่มีประสบการณ์หลายด้าน ขอให้กลุ่มคนที่มีหน้าที่ในการทำงานบริหารประเทศคิดเป็นระบบมากขึ้น ขอร้อง
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ
ตอนอยู่บ้าน ส่วนตัวผมทำงานได้ดีมากขึ้น
อย่าแรก ผมเริ่มทำงานได้เลยแต่เช้า
ในขณะที่ ปกติต้องเสียเวลาเดินทาง
อีกอย่าง มีงานด่วนมาตอนใกล้เลิกงาน
ผมพร้อมทำทันทีเพราะไม่กังวลเรื่องกลับบ้าน
รถติด และไม่ต้องเจอความเหนื่อยล้า
โควิด ทำให้มองเห็นการใช้ชีวิตที่แท้จริงว่าคืออะไร ชอบแบบไหน
บาง บ.เน้นเวลาเจ้างานมาก เพราะคิดว่าสำคัญกับองค์กรและนำมาเป็นตัวสัดในการพิจารณาเงินเดือนและโบนัส หรือการปรับตำแหน่งในแต่ละปี บาง บ.ซีเรียสเรื่องนี้มากกว่าผลของการทำงาน ใครไม่ขาดลามาสาย ก็ได้คะแนนประเมินดีส่วนผลงานตามใจชั้น ทำให้การพัฒนาในเนื้องานไม่ก้าวหน้า
ขอบคุณที่เข้าใจมุมมองทั้งของหัวหน้าและในมุมของลูกน้องเอง ตรงมากๆ เลยค่ะ
ส่วนตัวได้ทำ WFH แล้วไม่ชอบเลยยย ช่วงแรกๆก็รู้สึกดีเหมือนมีอิสระ แต่ในความเป็นจริงงานยุ่งกว่าเดิม ใช้เวลามากกว่าเดิม บางงานมันต้องเข้าออฟฟิสไปจัดการได้ดีกว่าทำจากที่บ้าน และนิสัยบริษัทคนไทย ทั้งเจ้าของและเจ้านายจะไม่มีความเกรงใจ สั่งงานผ่านไลน์ตลอดเวลา ทำเหมือนว่าเราว่างหรือมีเวลา ไม่เคารพเวลาส่วนตัว และที่สำคัญเปลืองค่าน้ำค่าไฟ และค่ากิน รวมๆแล้วมากกว่าไปทำงานออฟฟิสปกติเสียอีก ส่วนตัวคิดว่าไม่เวิร์ก แต่ถ้าแบบไฮบริด เข้างานเป็นบางวันและจัดสรรเวลาเองได้ อันนี้จะเวิร์กมากครับ
เหรียญมี 2 ด้านเสมอ จาก ปสก. ของตัวเอง WFH มีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ชั่วโมงการทำงานอาจยาวนานขึ้น หากไม่มีการกำหนดกติกาให้ชัดเจน พนักงานบางคนเฉื่อยชา/ ตอบสนองช้าขึ้น ค่าเน็ต/ ค่าไฟแพงขึ้น เป็นต้น ที่สำคัญ บางงานไม่เหมาะกับ WFH จริง ๆ
ใช่ครับงานบริการwfhไม่ได้เลย มีแต่ให้หยุดยาวแบบไม่รับเงินเดือน
คน WFH ติดโควิด คนส่วนงานอื่นเข้าทำงานทุกวันไม่ติดโควิด แต่ได้เงินเดือนเหมือนกัน
คนเก่งจะลาออกเพราะทางเลือกเยอะ ที่เหลืออยู่มักจะเป็นภาระ
WFH ช่วยให้ไม่ต้องรถติดไปกลับบ้านเกือบสี่ชั่วโมง แต่การ WFH ทำให้ชีวิตมีแต่เรื่องงานทั้งๆที่ตัวอยู่บ้าน เพราะทุกคนคาดหวังว่าต้องอยู่หน้าจอ ติดต่อได้ตลอดเวลา video call ไปต้องเจอตัวไม่เว้นแม้เที่ยง หรือทุ่มสองทุ่ม นัดประชุมลากยาวยันดึกเกือบทุกวัน เพราะมองว่าพนักงานไม่ต้องเดินทาง กลายเป็นบาลานซ์ในชีวิตย่ำแย่กว่าการไปทำงานที่ออฟฟิศเสียอีก
+1 คชจแฝง โทรศัพท์ กับอุปกรณ์เพื่อทำงาน พอๆกับค่าเดินทาง
ถ้าจะ wfh ที่ทำงานและหัวหน้าหลายที่ก็ควรจะเคารพและมีสำนึกเวลาทำงานของลูกน้องด้วยอะค่ะ อย่างเราเวลาทำงานคือ จ.-ศ. 08.30 - 16.30 แต่ทุกวันนี้ wfh เริ่ม 07.30 บ้าง ส่วนเวลาเลิกเหมือนไม่มีแล้วคุยงานตามงานยัน 22.30 ก็มีค่ะ พักเที่ยงอย่าพูดถึงทำไปกินไปตอบไปไม่มีลิมิตแล้วมัน burn out ทุกอย่าง หลายคนอาจจะเหมาะแต้อีกหลายคนทำงานในองค์กรที่ไม่เคารพเวลาพนักงาน
ตามนั้นเลย
ทำงานประจำมา 15 ปี wfh มา 3 รอบ คิดอยากลาออกก็ตั้งแต่รอบ 3 ปสก ในสายงานเพียงพอที่จะออกมาทำเองได้แล้ว ทำงานที่บ้านมีสมาธิกว่าที่ทำงานมากๆและได้ดูแลพ่อแม่ วัยชราด้วย ประหยัด คชจ ในการเดินทางไปได้มาก และไม่ต้องหัวเสียกับการเดินทางเข้าเมืองทุกเช้า ข้อดีมากกว่าข้อเสียจริงๆครับ เเค่รอให้หมดสิ้นปีนี้ก่อน โบนัสไม่มี เงินเดือนไม่ขึ้น มา 3ปี ก็ไม่ต้องคิดเยอะแล้วปีหน้า
ดี!ครับ
หลายๆ บริษัท ตอนนี้ เริ่มปรับมาเป็น wfh แบบ 80%-100% แล้วครับ เช่น เข้า office 1-2 วัน ที่เหลือ wfh แล้วครับ เท่าที่ผมได้ยินมา
ชอบฟัง the secret sauce หลายๆตอนมากเลยค่ะ และนี่ก็เป็นอีกตอนนึงที่ชอบมากบวกกับตอนนี้กำลังคิดเรื่องงานพอดี ฟังแล้วทำให้ประกอบการตัดสินใจและความคิดค่ะว่าเราคิดถูก กำลังหางานใหม่เพราะที่ทำตอนนี้แย่มากที่ออฟฟิศมีคนติดโควิดแต่ให้ wfh 3 วัน ละตอนนี้มาทำงานปกติ มันแย่หลายๆอย่างมากๆเอาเปรียบ พนง.หลายเรื่องมาก เรามีความคิดอยากทำงานอิสระมานานแล้ว ขอบคุณที่คุณเคนนำเสนอเรื่องนี้นะคะ บวกกับเราไปอ่านหนังสือ remote มาก่อนหน้านั้นมันทำให้เรามีหวังมากๆ หลังจากนี้คงต้องพัฒนาตัวเองและหางานที่ไม่ใช่การเข้าออฟฟิศสแกนนิ้วเช้าเย็นอีกต่อไปคาะ😊😊
เมื่อโควิดชี้เป้า... ชีวิตก็ถึงจุดเปลี่ยน... มองหาวิถีความสุขของชีวิตแบบยั่งยืนมั่นคงมากขึ้น
ใครไม่เคยคิดรักสุขภาพแบบธรรมชาติบำบัดก็จะเริ่มสนใจ
ใครไม่เคยทำกับข้าวกินเองก็ต้องเริ่มหัดทำ และจะเริ่มคิดว่าที่ผ่านมามีชีวิตรอดมาได้งัยหว่า?
ใครไม่เคยอยู่กับครอบครัวแต่ต้องหมกอยู่กับคนในครอบครัวตัวเองทั้งวัน ครอบครัวที่คิดว่าอบอุ่นอาจจะไม่อบอุ่นอย่างที่คิด และถ้าคนที่สามารถอยู่ร่วมกับคนในครอบครัวได้อย่างราบรื่นก็จะพบว่าครอบครัวคือความสุขที่ค่อยเติมเต็มในช่วงเวลาที่โหดร้ายอย่างแท้จริง
ประเทศไทยมีอาชีพที่ต้องบริการเยอะมากเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว... คนกลุ่มนี้การwfhอาจจะไม่สามารถทำได้เลย และอะไรที่จะชดเชยคุณภาพชีวิตให้คนกลุ่มนี้ สุดท้ายมันคืออะไรละ.. มันอยู่ที่เราเลือกเองจะพาตัวเองไปอยู่จุดไหน
องค์กรโดยเฉพาะรัฐอยากได้คนเก่งเข้าไปทำงาน แต่ภายใต้กรอบเดิมๆที่มีอยู่แล้ว การจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างก้อเหนื่อยเกินต้องใช้พลังมาก คนเก่งจึงอยู่ไม่ได้เพราะด้วยความคิดที่เหนือกรอบเดิมๆไปแล้ว คนที่อยู่ได้คือเด็กดีคือคนที่ยอมๆและไม่คิดมากทำไปเรื่อยๆตามผู้ใหญ่และตามกรอบที่วางไว้😊🤭🤭
สำหรับเจ้าของกิจการขนาดเล็ก ผมชอบการทำงานแบบ WFH นะ
1.หาแรงงานเก่งๆจากที่ไหนก็ได้ ในราคาต่ำ บางคนทำเป็นฟรีแลนซ์ก็ยังได้
2.ตัวเจ้าของเองก็มีเวลามากขึ้น
3.ประหยัดงบ ที่เจ้าของต้องแบก เพื่อพนักงาน
แต่ข้อเสียผมมองว่า มันไม่เหมาะ พนง ที่ไม่มีประสบการณ์นะ เพราะเราสอนงานลำบาก
เทรนคนลำบากขึ้นครับ อันนี้เห็นด้วยครับ
เห็นด้วยครับ สอนงานยากจริง ๆ
คนเก่งสบายครับจิ้มเลือกได้เลย
แต่คนที่ยังไม่มีทักษะระดับกลางหรือสูงหรือเด็กจบใหม่คือหายนะเลยนะ ทำงานยังไม่เป็นต้องการคนสอนงาน
อาจจะเข้าออฟฟิศในช่วงเทรนด์งานก็ได้คับ
ผมเป็นข้าราชการตัดสินใจลาออก เพราะมีเหตุผลเยอะแยะมาก
ตอนนี้เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ก็อยากลาออกอีก อยากได้ชีวิตคืน
เป็นเหมือนกันครับ 🙂
เห็นด้วยกับการใช้ hybrid นะคะ แต่ในฐานะ manager ลูกน้องแต่ละคนมี discipline ที่ไม่เท่ากันค่ะ อยากได้มุมมองว่าจะจัดการกับคนที่ discipline ต่ำอย่างไร และคิดว่าบริษัทควรมี training ให้กับ manager ว่าควรปฎิบัติต่อในทีมอย่างไร รวมไปถึงตัวพนักงานเอง ควรมี frame work เพื่อทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ แต่น่าเห็นใจบางคน environment ที่บ้านก็ไม่เอื้ออำนวย ยังมีอีกหลายปัญหาที่ต้อง discuss ค่ะ
อันนี้บ่งบอกเลยว่า Covid มันมาเร่งกระแส Work from h กับ เที่ยวด้วยทำงานด้วย ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ... หลังจากนี้ประเทศหรือเมืองไหนที่เหมาะกับการ workation น่าจะโกยรายได้หลังโควิด เพราะเป็นนักท่องเที่ยวเงินหนาและชอบใช้จ่ายด้วย
หาความพอดีของชีวิตให้เจอ แล้วชีวิตจะเริ่มมีชีวา จะเริ่มสดชื่นขึ้นในแต่ละวันๆจนอิสระจากทุกสิ่ง แม้แต่คนด่านินทาเราก็ยังมีความสุขมองคนนินนทาเราเป็นคนใข้สุขภาพจิตไม่ดี เป็นคนน่าสงสาร ต้องรู้จักความพอดี ไม่ไปเกินตัวจนลำบากเป็นทุกข์เปล่าๆๆ
ผมคิดว่าโควิดเป็นตัวช่วยให้เราเห็นความเป็นจริงบางอย่างเกี่ยวกับการใช้ชีวิตโดยการคิดว่างานที่ทำอยู่คือทั้งหมดของชีวิต แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ใช้อย่างนั้น ดังสำหรับหลายๆคนจึงตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจริงๆแล้วควรเลือกทางไหนแน่ ซึ่งถ้าดูแล้วจะพบว่าคนที่ได้รับเลือกเข้าทำงานนั้นเป็นคนที่มีความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลระดับหึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่พวกเค้ารอการยืนยันบางอย่าง ซึ่งที่สุดเมื่อโคสิดเข้ามากระทบชีวิตจริงๆ เค้าจึ่งตัดสินใจได้ง่ายที่จะเลือกทางที่ถูกต้องของตนเอง ไม่ใช้ทางที่คนอื่นเลือกให้...
ตอนนี้กำลังเป็นคะ กำลังหาความหมายของชีวิต
เจ้าของกิจการ ... ต้องเริ่มมองธุรกิจอสังหาฯ เพิ่มมาในพอร์ต
จัดหาที่พักใกล้ที่ทำงาน ให้เป็นสวัสดิการพนักงาน
ลูกน้องที่ไม่มีใจทำงาน ไม่ลาออกวันนี้ก็ลาออกวันหน้า ต่อให้มาทำงานก็ไม่ได้เอาใจมาทำ ให้ออกไปรับคนใหม่ที่ตั้งใจทำงานเข้ามาแทนจะคุ้มค่าจ้างกว่า
ลาออกเพราะอยากทำในสิ่งที่ใจรัก ตอนทำงานประจำก็อาศัยวันหยุดทำงานของตัวเองด้วย บางครั้งในเวลางานก็แอบเอางานตัวเองไปทำ ไม่มีสมาธิในงานประจำและรู้สึกละอายใจที่เราแอบเอาเปรียบริษัททั้งๆที่บริษัทก็ดีกับเราเลือกไห้เราอยู่ตอนที่เกิดวิกฤติและค้ดคนออก ก็เลยตัดสินใจบอกความจริงกับเจ้านายตรงๆและแจ้งล่วงหน้า 2 เดือนกว่า ตอนนี้มีความสุขดีครับได้ใช้วีวิตในแบบที่เราต้องการได้แต่ก็ต้องมีวินัยในงานตัวเองสูงพอสมควร ทุกวันนี้ก็ยังไห้คำปรึกษาแก่เพื่อนๆน้องๆ ที่ทำงานเดิมอยู่ครับ
ผมอกจากงานมาปลูกต้นไม้ขายกับเพื่อนครับ
แจ้งออกไปแล้วเมื่อต้นเดือนตุลาคมค่ะ เหตุผลตามที่กล่าวมาหมดเลยจริงๆค่า
อิจฉาพนง. ของพี่เคนมากก คงทำงานมีความสุขเเน่ๆ
ทำงานโรงพยาบาลดูดพลังงานที่สุดแล้วครับการจะทำ WFH ยากมากครับ เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างมาก เพราะการใหเ้บริการทางสุขภาพมันมีข้อจำกัดเยอะมากและรูปแบบการทำงานในโรงพยาบาลมีความทำแบบเดิม ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยเลย flow งานคือเปลี่ยนน้อยมากกกกกกก แต่อยากให้เปลี่ยนงานเป็นรูปแบบใหม่ๆในลักษณะที่มีข้อจำกัด ทำไม่ได้ครับ ลาออกก็ยากเพราะโรงพยาบาลเป็นเหมือนกันแทบทุกที่
งานราชการไม่ wfh เพราะยึดติดรูปแบบเดิมๆ เปลี่ยนแปลงยาก ใช้ความอดทนเป็นหลัก
@@jiraphatruangchamras8462 ของผมทำโรงพยาบาลเอกชนยังเป็นเลยครับ 😅 ระบบวางมาให้มี strategy ใหม่ๆตลอด แต่ระบบชั้นปฏิบัติงานจริงมีความไม่เปลี่ยนตามกระแสสังคม ย่ำอยู่กับที่มันจะขัดกันตลอด แล้วถ้าจะทำอะไรใหญ่ๆต้องอิงตามกระทรวงอยู่ดีถึงแม้จะเป็นเอกชนยิ่งน่าหน่ายใจเข้าไปอีก
เราก้อทำงานร. พ.รัฐ มา 7 ปีแล้ว
เรียนรู้และหัดทำงานทุกอย่างให้เป็น
พึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด
แต่เราอิ่มกับงานประจำที่เราทำอยู่
ไม่มีสิ่งเร้าใจใหม่ๆเข้ามากระตุ้นให้เราอยากเรียนรู้งานเพิ่มใหม่ งานก้อโอเคอยู่
แต่ที่อยากจะลาออก เพราะรู้สึก burn out และเบืีอหน่ายกับระบบแบ่งพรรคแบ่งพวก
เจ้านายบางคนก้อมีลูกน้องของตัวเอง
เวลาลูกน้องเล่าอะไรที่เกี่ยวกับคนอื่นให้เจ้านายฟัง เจ้านายก้อจะเชื่อลูกน้องคนนั้นคนเดียว
ตอนนี้เรายังทำงานอยู่ ยังไม่ได้ลาออก
และกำลังมองหางานใหม่อยู่
ได้งานใหม่เมื่อไร เราก้อจะลาออกจากงานปัจจุบันที่เราทำอยู่
อยากได้งานใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้เราอยากเรียนรู้งานตลอดเวลา ชอบการเปลี่ยนแปลง แม้จะทำให้เครัยดบ้าง
@@user-kn9kx8wo2d แบบนี้มีทุกที่ แย่นะ ทำงานหมดไฟ คนเอาใจอยู่สบาย
ทำงานโรงพยาบาลเหมือนกันครับ ยอมรับว่าแต่ละวันหมดพลังมาก แต่ด้วยความรับผิดชอบก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ตอนนี้ burnout จนอยากจะเปลี่ยนสายงานไปเลยครับ
รู้ตัวเองเลยว่าชอบทำงานที่บ้านมากกว่า WFH ได้ชิ้นงานมากกว่า เร็วกว่า สมาธิดีมาก มีเวลาที่เหลือได้ทำสิ่งอื่น ทำกับข้าว เล่นกับแมว นั่งพักนอนพักนอกเหนือจากตำแหน่งโต๊ะทำงาน แต่การสื่อสารสำคัญที่สุด ถ้าทำได้งานก็จะราบรื่น
ขอสอบถามถึงข้อมูลที่นำมาขอเเหล่งที่มาจากไหนครับ ขอเพื่อหาความรู้หน่อยครับ
ตอนนี้มีความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นจากการมีwfh
เพราะอย่างที่ๆเราทำอยู่ ระดับmanagerขึ้นไปถึงจะwfhได้เยอะไม่มีใครกล้าว่า แต่ระดับsupervisor ลงไปและพนักงานในสายการผลิตห้ามwfh เรามองว่าไม่ยุติธรรมเลยค่ะ
เป็นแล้วค่ะ
ทำ WFH ได้เฉพาะบางงาน งานบริการงานองค์กรงานระบบฐานข้อมูลมันอยู่ที่องค์กร งานพวกแนวคิดสร้างสรรค์ create content art พวกนี้ WFH ได้ส่วนตัวผมทำงานด้าน ITและศิลปะชอบไป office มากกว่าครับเพราะชอบดูสิ่งแวดว้อมดูคนเดินไปมา มันทำมาซึ่ง idea
ถ้านายกคิดได้แบบคุณเคนคงจะดี
Oh yes! จริงๆเลยคะรู้จักคนหลายที่ลาออกจากงาน พูดจากแถบๆ นิวยอร์กนะคะ บ้างคนขอ break เพราะเหนื่อยจาก Covid และเพราะไม่อยากกลับไปทำงานใน officeแล้วคะ
ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของ Office ก็เป็นต้นทุนสิ้นเปลืองมาก ถ้ายืดยุ่น WFH 3 Day / Week ผมว่าน่าจะดีนะ พนักงานทำงานมีความสุขมากขึ้น มีเวลามากขึ้น ช่วยลดภาระลดต้นทุนค่าเดินทางไปได้ไม่มากก็น้อย
ชอบ WFH มาก ค่ะ แต่เห็นใจ เจ้านาย นะคะ...ถ้า องค์กร ประหยัดค่าน้ำค่าไฟ..และงานไม่สะดุด ..ก็ ดีมาก ๆ เลยค่ะ
ส่วนตัวผมชอบการทำงาน Hybird นะครับ บางครั้งเราอยากที่จะมาเจอหน้ากันเพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน แต่ก็ยืดหยุ่นให้แต่ล่ะคนอยู่ที่บ้านก็ได้ แต่ที่เห็นชัดเจนเลยคือเห็นว่าเวลาหายไปกับการทำงานเท่าไหร่ครับ
ทุกวันนี้ทำงานอยู่บ้านแต่ก็เห็นว่าใช้เวลาทำงานไปกับการทำงานมากกว่าใช้ชีวิตเสียอีก บางครังทำให้รู้สึกไม่มีความสุขในการทำงาน และไม่มีความส่วนตัวเช่นกัน
ส่วนตัวคิดว่าอยากออกจากงานเพราะคิดว่างานไม่เหมาะกับ life style ของตัวเองครับ
อยากให้ผู้บริหารทุกบริษัทได้ฟัง
แสดงว่าคนเหบ่านี้บริหารเวลาเก่งมาก ทำให้ wfh มีความชื่นชอบ เพราะปกติแล้วที่เจอคือ ทำงาน all days all nights เลย
ชอบตอนต้นคลิปเลยครับ เรายอมแรกหรือไม่ ถ้าไม่ คุณก็จะยังค้นหาตัวเองไม่พบต่อไป
ต่างกับที่ทำงานเรา ยิ่งบอกว่ายุ่งจนไม่ได้กินข้าว หัวหน้าเรายิ่งชอบ ขนาดลามาฉีดวัคซีน หัวหน้ายังตามเข้าที่ประชุมเลย สุดยอดเลยจ้า
สู้ๆค่ะ
มองงานแบบ office job อย่างเดียว แล้วงานพวก shop floor กับ front man ที่ต้องอยู่กับงานหน้างานมัน WFH ไม่ได้ หรือจนกว่า จะ autonomus หรือ robotic แทน
ลาออกแล้วเอาตังที่ไหนใช้ครับ
พี่เคนโคตรเข้าใจสถานการณ์มากเลยอะ จริงมาก เรื่อง WFH ยิ่งเรื่อง mental health เราเคย suffer เพราะแบบประชุมคุยกันหลาย meeting ต่อวัน แต่มันมีแต่งานจนแห้งเหี่ยวมาก จบวันน้ำตาไหล มันไม่มีการได้คุยเรื่องตลก ไร้สาระ นอกเรื่องงานเลย มันเศร้านะ
ถ้าทำงานอยู่บ้าน 1 ปี เราจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ประมาณ 50000 บาท เลยครับ
เกิดมาครั้งเดียว ... ใช้ชีวิตทำงาน ให้ใคร ให้คุ้ม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
[นี่คือมุมมองของคนที่อยู่อเมริกาจริงๆ หลังจากที่ผมเอาคลิปนี้ให้ดู เค้าคอมเม้นแบบข้างล่าง ]
ค้าวิเคราะห์ผิด ประเทศอื่นไม่รู้นะ แต่อเมริกาเนี่ย ข้อเท็จจริง คือตอนโควิดเริ่มปีที่แล้วเนี่ย ธุรกิจเกือบทุกอย่างปิดหมด คือปิดจริงๆอ่ะ ละทีนี้คนตกงานหลายล้านมาก ไม่ใช่คนลาออกจากงานกันเอง ไปค้นหาตัวเองไรเว้ย นั่นวิเคราะห์แบบโลกสวยเกิน คนมันตกงานเว้ย เพราะ business มันปิด แต่ที่อเมริกา คือถ้าอยู่ดีๆละตกงานเพราะเหตุอะไรแบบนี้ มันมีเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เค้าเรียกเงิน EDD คือ business ทุกอย่างเค้าต้องเสียภาษีในส่วนนี้ เพื่อที่เวลาถ้าเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา รัฐบาลมันก็จะเอาเงินส่วนนี้แหล่ะ ไปจ่ายคน ทีนี้คนตกงานพวกนี้เค้าก็ไปทำเรื่องขอเงิน EDD อันนี้กัน ซึ่งก็ได้มาเป็นรายเดือน เกือบเท่าๆเงินเดือนจริงๆที่ได้รับกัน ก็นอนอยู่บ้านไป ทีนี้พอถึงเวลาที่อเมริกาเปิดประเทศขึ้นมาเพราะสถานการณ์มันดีขึ้นแล้ว อิคนพวกนี้ มันก็ไม่ยอมกลับมาทำงาน เพราะว่าจะทำทำไม ในเมื่ออยู่บ้าน ก็ได้เงินเท่าๆกะที่ไปทำงาน แต่ไม่ต้องทำอะไรเลย เรียกว่า ขี้เกียจ นั่นแหล่ะ ตอนนี้อเมริกา เกิดปัญหาใหญ่มากคือแรงงานขาดแคลน ทุกรัฐโดนเหมือนกันหมด คือคนอยู่บ้านเฉยๆ ก็ได้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาล บางรัฐมีแจกเงินอื่นๆเพิ่มอีก แบบให้เฉยๆเลยอ่ะ คนมันก็ฉวยโอกาส ทีนี้คนที่เดือดร่อน ก็คือเจ้าของ business แล้วก็คนทำงานปกติอย่างเค้าเนี่ยแหล่ะ เพราะทุกอย่างมันเปิดแล้ว แต่แรงงานมันไม่มี
ดีมากครับอันนี้ แต่ส่วนตัวผมว่าอาจจะผลักได้แค่ต่างประเทศ ประเทศไทยคงยากครับ กี่สิบปีแล้ว เมืองไทยก็ยังไม่สนใจสวัสติภาพหมอในไทย เงินเดือน ภาษี . แล้วในรูปของcompany อาจจะ en mass ไปมากที่คนใหญ่ในไทยจะไม่ใดโนยาก ครับ
สิบกว่าปีก่อน ออฟฟิศที่ทำในเบลเยียมก็ใช้ 4/1 หรือ 3/2 แบบนี้ค่ะ รวมถึงวันหยุดขั้นต่ำปีละ 38 วัน (ดูแล software และไอที ให้องค์กรภาครัฐ) เทรนด์มันมีมาสักพักแล้ว แต่โควิด-19 เร่งปฏิกริยาให้มากขึ้น
แต่เพื่อนๆ รวมถึงตัวเองก็ยังทยอยกันลาออกก่อน ไปหาทำสิ่งที่ตัวเองชอบ
greetings from Boston
I work in a medical field. I choose to work perdiem/casual similar to many coworkers as I can set up my own schedule and earn some more.
The other 2 jobs base on school calendar . So I can work with my own sons on their schedules also.
So far its the best formula for my family. BTW my husband is the techy
guy who gets in his office 1-2 day(s) per week.
เมื่อเกือบ4ปีที่แล้สตอนเรียนจบใหม่ๆ แล้วผมก็ได้ทำงานผมก็รู้สึกแบบนี้แหละ แต่พยายามอธิบายให้ใครฟังก็ไม่ค่อยเก็ตกันนึกว่ามีแค่ผมที่รู้สึกแบบนี้คนเดียว วันนี้พอได้มาฟังคลิปนี้ถึงกับขนลุกเลย รู้สึกเก็ตและอินมากๆกับหัวข้อในวันนี้ เพราะผมรู้สึกแบบนี้มานานแล้วตั้งแน่ไม่มีโควิด
เข้าใจความรู้สึกคุณเลยค่ะ
Partial WFH เป็น option ที่ดีมากค่ะ คอนเฟิร์ม เพราะที่บริษัทมีมาตั้งแต่ก่อน covid แล้วค่ะ
ตอนนี้ wfh ทุกวันก้อเครียดมาก เพราะเส้นระหว่างกิจกรรมส่วนตัวกับงานมันค่อนข้างเบลอ อยากกลับไปออฟฟิศบ้างแล้วค่ะ
ในดี มีเสีย ในเสียมีดี / อยู่ที่ช่วงเวลา
ทำได้แค่ คนที่มีธุรกิจ มีเงิน หรือมีแนวโน้มเป้าหมายจะไปหางานนั้นแหละครับเลย พร้อมลาออก
บริษัทใหญ่ๆที่เซ้งตึกมา e g. 30 ปี อาจจะรู้สึกเสียดายถ้าให้พนักงานWFH ด้วยรึเปล่าครับ?
ถ้ามองในด้านความรู้สึกก็อาจจะจริงนะครับ น่าจะเซ้งมาแพง แต่ถ้ามองในมุม อสังหาริมทรัพย์ ผมว่าก็เซ้งต่อหรือให้เช่า จะได้ลดต้นทุนตรงนี้และในอนาคต ส่วนออฟฟิศก็เปลี่ยนไปเช่าตึกที่เล็กกว่าเดิมแทน
เหนื่อยมาก อยากออกทุกวัน คิดว่าตัวเองหมดไฟเเล้ว
เพราะระบบทุนนิยมไม่ได้ให้อะไรกับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องเอาเวลาอันมีค่าส่วนใหญ่ไปทำเงินให้นายจ้างโดยได้ส่วนแบ่งนิดเดียว
ตรงใจมากครับ เรื่องการ Work from home.. แต่ไม่รู้จะเป็นไปได้ไหม เพราะทำงานสายวิศวกรรมต้องไปคลุกคลีกับเครื่องจักรที่โรงงาน
จากที่ทำงานที่ซีเนียร์เบบี้บูมบริหาร
ตอนนี้ใช้ระบบออนไลน์ไปแล้ว 70 30 บริษัทลดขนาดเอาเฉพาะคนที่มีความจำเป็นกับงาน
แต่ยังให้ไปทำงานเหมือนเดิม
ทั้งที่จริงรูทีนทำงานเสร็จแค่สามวันแรก อีกสองวันงานแทบไม่มีแล้ว รู้สึกเปลื่องค่ารถ
คิดว่างานอย่างที่ต้องมีdeadlineชัดเจนเช่น จัดซื้อสั่งของให้ตรงเวลา นำเข้าส่งออกต้องเตรียมเอกสารเพื่อไปเคลียร์ของที่ท่าเรือ อันนี้คือมันถูกบังคับว่าต้องเข้าออฟฟิศมีเอกสาร ถูกบังคับด้วยเวลา
อิจฉา สายงานที่ WFH ได้ สายงานวิศวกร ทำแบบนั้นยากมากเลย
ผมว่าอาชีพส่วนใหญ่ก็ WFH ไม่ได้หรอกครับได้แค่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่งานเอื้อให้ทำ
เร็วไปไหมที่จะวิเคราะห์ สถานะการณ์ที่ยังไม่รู้แนวทางเท่าไรเลยหรือไม่?
ประหยัดค่าเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเครื่องสำอางค์ไปเยอะเลยด้วย
สามีดิฉันคือผู้มาก่อนกาล Remote Work ให้กับบริษัทใน New York ตั้งแต่ปี 2013 พวกเราอยู่บราซิลปีกว่า ปัจจุบันอยู่แคลิฟอร์เนียเป็นปีที่ 7
กลับไป work from farm / work from garden ดีก่า 555++
อาจจะเป็นเฉพาะกลุ่มหรือเปล่าครับ ฐานะทางเศรษฐกิจของคนกลุ่มนั้นคงเป็น middle-upper middle class