พระอาพาธ ฉันอาหารในเวลาวิกาลได้หรือไม่? โดยพระมหาเพลินชัย ธมฺมธโร และพระมหาอัมพร อาภสฺสโร
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 30 ก.ย. 2024
- ตอบคำถาม เรื่อง #พระอาพาธฉันอาหารในเวลาวิกาลได้หรือไม่? #ถ้าจำเป็นต้องฉันยาหลังอาหารในเวลาวิกาลเพื่อไม่ให้ยากัดกระเพาะควรทำอย่างไร?
วิทยากร พระมหาเพลินชัย ธมฺมธโร, พระมหาอัมพร อาภสฺสโร และพระมหาอลงกรณ์ จนฺทสาโร
สนทนาธรรมวินัย ณ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านไร่อารีย์ธรรม ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
*น้ำซาวข้าว, น้ำต้มถั่วเขียว (ทั้งแบบข้นและไม่ข้น) และน้ำต้มเนื้อ เป็นเภสัชที่พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตไว้สำหรับพระอาพาธในเภสัชชขันธกะ (ดู วิ.มหา.๕/๒๖๙/๕๐)
#วินิจฉัยเรื่องการฉันอาหารในเวลาวิกาล
ในเรื่องนี้ พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ว่า
โย ปน ภิกฺขุ วิกาเล ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุญฺเชยฺย วา ปาจิตฺติยํ.
ภิกษุเคี้ยวของเคี้ยวหรือฉันของฉันในเวลาวิกาล ต้องอาบัติปาจิตตีย์
คำอธิบายจากกังขาวิตรณีอรรถกถา :-
คำว่า #ในเวลาวิกาล (วิกาเล) ได้แก่ ในกาลที่ผ่านไปแล้ว อธิบายว่า #ตั้งแต่ล่วงเลยเที่ยงวันไปจนถึงอรุณขึ้น
[ในฎีกาอธิบายจุดนี้เพิ่มว่า
แม้เวลาเที่ยงตรงก็ถึงการสงเคราะห์ว่าเป็น กาล. ก็ตั้งแต่เวลาเที่ยงตรงนั้นไป ไม่อาจเพื่อจะเคี้ยวหรือฉันได้, [โดย]ยังอาจเพื่อจะรีบดื่มได้, แต่ภิกษุผู้สงสัยอยู่ไม่ควรทำ. และเพื่อรู้กำหนดเวลา ควรปักเสาเวลาไว้. พึงทำภัตกิจภายในกาลเท่านั้น (กงฺขา.นวฏี. ๔๑๐-๑)]
เพราะเหตุนั้น ในระหว่าง[วิกาล]นั้น ภิกษุใดรับประเคนของเคี้ยวหรือของฉันที่ถึงการนับว่าเป็นอามิสซึ่งดิบหรือสุกก็ตาม เอาตั้งแต่รากไม้ในป่าหรือผลไม้ในป่าอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อประโยชน์แก่การกลืนกิน,
ในเพราะการรับประเคน ภิกษุนั้นต้องอาบัติทุกกฏ,
ในเพราะทุกๆ การกลืน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
#จำแนกอาบัติ
สิกขาบทนี้เป็นติกปาจิตตีย์ (คือ ถ้าเป็นเวลาวิกาล ถึงภิกษุจะเข้าใจว่าเป็นวิกาล ไม่แน่ใจ หรือเข้าใจว่าเป็นกาลก็ตาม เมื่อฉันอาหาร ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทั้งนั้น)
- เพราะการรับประเคนหรือการกลืนกินยามกาลิกเป็นต้นเพื่อเป็นอาหาร ต้องอาบัติทุกกฏ
- กาล ภิกษุเข้าใจว่าเป็นวิกาลหรือไม่แน่ใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
#อนาบัติ (เหตุที่ทำให้ไม่ต้องอาบัติ)
ภิกษุต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
๑. กาล ภิกษุเข้าใจว่าเป็นกาล
๒. ภิกษุฉันยามกาลิกเป็นต้นในเมื่อมีเหตุ (คือมีความกระหาย)
๓. ภิกษุวิกลจริต
๔. ภิกษุต้นบัญญัติ (คือ พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์)
๕. ภิกษุผู้มักเรออ้วก ตามนัยที่พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตไว้ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตการเรออ้วกแก่ภิกษุผู้มักเรออ้วก, แต่อ้วกที่ออกมานอกทวารปากแล้ว ไม่ควรกลืนกิน”
#องค์อาบัติ (องค์ประกอบที่ต้องมีครบจึงจะต้องอาบัติ)
วิกาลโภชนสิกขาบทนี้ มีองค์ ๓ คือ
๑. เป็นเวลาวิกาล (คือตั้งแต่เลยเที่ยงไปจนถึงก่อนอรุณวันใหม่ขึ้น)
๒. เป็นยาวกาลิก (คือพวกอาหาร)
๓. มีการกลืนกิน
*ถามว่า #ภิกษุอาพาธฉันอาหารในเวลาวิกาลได้หรือไม่?
การจะดูว่าถ้าภิกษุทำอย่างนั้นๆ แล้วจะต้องอาบัติหรือไม่? มีหลักสำคัญที่ใช้วินิจฉัยคือ อนาบัติและองค์อาบัติ ก็ในเรื่องนี้ ในอนาบัติ หาได้ยกเว้นกรณีภิกษุอาพาธไว้ไม่ (คือไม่มีกล่าวว่า ภิกษุอาพาธฉันอาหารในเวลาวิกาลได้) ทั้งในองค์อาบัติ ก็มี ๓ อย่างดังกล่าว ดังนั้น แม้จะอาพาธ ถ้าฉันอาหารในเวลาวิกาลให้ล่วงลำคอลงไปก็ย่อมต้องอาบัติปาจิตตีย์ด้วยวิกาลโภชนสิกขาบท
ถามว่า แล้วถ้าจำเป็นต้องฉันยาหลังอาหารในเวลาวิกาล ซึ่งยานั้นจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ หากไม่มีอะไรรองท้องล่ะ ควรทำอย่างไร?
แม้ภิกษุจะไม่สามารถฉันอาหารซึ่งจัดเป็นยาวกาลิกในเวลาวิกาลได้ แต่สิ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตให้ภิกษุฉันในเวลาวิกาลได้เมื่อมีเหตุก็มีอยู่ ได้แก่ กาลิก ๓ อย่างที่เหลือ คือ ยามกาลิก (พวกน้ำปานะ), สัตตาหกาลิก (เภสัช ๕ คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย) และยาวชีวิก (พวกสมุนไพรและยาต่างๆ) ดังนั้น ภิกษุก็สามารถพิจารณาเหตุความจำเป็นแล้วเลือกฉันสิ่งเหล่านี้ก่อนแล้วจึงฉันยาก็ได้ เช่น เม็ดแมงลัก, เนยใส, น้ำผึ้ง ฯลฯ
ติดตามในช่องทางอื่นๆ:
Facebook : เพจนานาวินิจฉัย / mahasilananda
Facebook : พระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท / mahaparkpoom
TikTok : นานาวินิจฉัย / mahasilananda
Instagram : นานาวินิจฉัย / mahasilananda
ที่กล่าวมานั้นมีโยมอุปถากทำให้..กรณีย์ที่เป็นสงฆ์อยู่ในวัดกันแค่3รูป.จะให้ทำอย่างไร..และในวัดไม่มีอะไรเลย..ต้องฉันท์ทันทีพร้อมอาหาร...ขอคำแนะนำครับ..นมัสการครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาครับ
พระที่หมู่บ้านปวดขา..หุงข้าวฉันเองที่กุฏิถือว่าผิดพระวินัยใช่หรือไม่เจ้าคะ..
พระทำอาหารให้สุกเองไม่ได้เนาะ เรียกว่า สามังปักกะ ถ้าฉันอาหารที่ทำให้สุกเอง จะมีอาบัติทุกกฏ
🙏🙏🙏