TOYOTA ผู้มาก่อนกาล ค่ายอื่นๆ กำลังแห่ทำตาม
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 26 ก.ย. 2024
- ปัจจุบันในอุตสาหกรรมรถยนต์ เมื่อเราพูดถึงรถยนต์พลังงานทางเลือก เชื่อว่าแทบจะ 100% คงนึกถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นขุมพลังขับเคลื่อนที่สะอาด ไม่มีการปล่อยมลพิษ ในตอนนี้ต้องบอกว่าความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้ามีสูงขึ้นอย่างมาก ชนิดที่ว่า แทบทุกค่ายไม่สามารถผลิตส่งมอบทันความตองการของลูกค้าได้
ทว่านอกจากรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่แล้ว อีกหนึ่งขุมพลังที่เริ่มจะฉายแววตามมานั่นคือ ขุมพลังไฮโดรเจนนั่นเอง แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่ค่อยได้รับการตอบรับเท่าที่ควร
► ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับเราได้ที่
เฟสบุ๊ค : / carraver
เว็บไซต์ : www.carraver.com
► เราจะพยายามทำคอนเทนต์ใหม่ๆออกมาให้เพื่อนๆชมทุกวัน หากเพื่อนๆคนไหนอยากให้เราทำวิดีโอเกี่ยวกับอะไร สามารถคอมเม้นบอกเราได้ที่ใต้วิดีโอเลยครับ
► สุดท้ายต้องขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนจากทุกคน ข้อมูลบางอย่างอาจมีผิดพลาด เราต้องขออภัยด้วยครับ และหากอยากให้เราปรับปรุงในเรื่องไหนบอกเราได้เลยครับ เราคาดหวังว่าช่องจะเติบโต และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ชมทุกท่านครับ.
#รถยนต์ไฟฟ้า
#รถยนต์ไฮโดรเจน
#ข่าวรถยนต์
Source :
ไฮโดรเจนต้องใช้เวลาพัฒนาระบบ Ecosystem เพราะต้องมีระบบขนส่ง ระบบกักเก็บ ระบบผลิตที่จำนวนและคุณภาพมากพอ จนราคาโดยรวมไม่แพง แต่เชื่้อว่าถ้าพัฒนาระบบดังกล่าวจนสมบูรณ์ได้ ระบบนี้น่าจะมาแทน BEV เพราะสามารถใช้ได้เหมือนเติมน้ำมัน โดยสามารถผลิตเองได้(ด้วยไฟฟ้า) และสะอาดกว่าน้ำมัน
ยาก ที่จะแข่งกับ bev ได้ ชิ้นส่วนซับซ้อนกว่า bev เยอะ ค่าใช้จ่าย ค่าซ่อมบำรุงน่าจะมากกว่า bev หลายช่วงตัวอยู่
เหมือนSONY ที่มุ่งเป้าไปที่ blue ray สุดท้ายยับเยิน ไม่มีใครเล่น
พวกที่อะไรก็evๆเจอเเบตเสื่อมที่ร้องไห้กันมาเป็นเเถบๆผมมีไฮบริดอยู่คันนึงเเบตลูกละ1เเสนกว่านี่เเค่พี่โตนะพวกBMW ลูกละ5-6เเสน เเล้วรถไฟฟ้าจะเท่าไหร่คิดเองดูอย่าลืมนะรถev ก็มีช่วงล่างพังได้เช่นกันมันไม่ได้บินมันจะไม่ดีตรงไหนกับไฮโดรเจนเติมก็เร็วชาทแบตก็เสียเวลา
ช่วงล่างซ่อมง่ายมันไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเครื่องยนต์ยังสันดาปอยู่อะไหล่ข้างในที่มองไม่เห็นนี่สิปวดหัวหนักอีก
เป็นทางเลือกที่ผมไม่คิดว่าจะเลือก 😂😂😂
ซ่อมบำรุงยาก ศุนย์only ค่าเชื้อเพลิงแพง แถมด้วยแรงอัดมหาศาลในถัง มันน่ากลัวยังไงไม่รู้
ไปรถไฟฟ้าจะดีกว่า พัฒนาแบตมาไกลขึ้นเรื่อยๆแล้ว ราคาถูกลง ชิ้นส่วนน้อย น่าจะเวิร์คกว่าในระยะยาว
ไฮโดรเจน มีแนวคิดมากนาน ก่อนโตโยต้า
และไฮโดรเจนมีข้อจำกัดมากกว่ารพไฟฟ้า การเก็บไฮโดรเจน ต้องใช้แรงดันสูงกว่า NGV และราคาไฮโดรเจนแพงกว่าไฟฟ้ามาก
ส่วนตัวผมว่า ถ้าทำดีๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ พลังงานไฮโดรเจน ก็ถือว่าเป็นพลังงานสำคัญที่อาจจะมาแทนที่ในธุรกิจบางประเภท เพราะพลังงานไฟฟ้า อย่างไรเสีย ก็ยังมีข้อด้อยตรง ใช้เวลาชาร์จนาน แต่อนาคตถ้ามีการจ่ายพลังงานที่เร็วกว่านี้ ก็ดีไม่น้อย แม้จะมีพลังงานแสงแดด เข้ามาช่วย แต่ก็กว่าจะชาร์จเต็มที่จัดเก็บ ก็ใช้เวลาเล่นกัน ไม่เหมือนผลิตจากมอเตอร์ ดังนั้น มีตัวเลือกที่หลากหลายก็ไม่เลวนัก เผลอๆ ในยุคอนาคต การเติมไฮโดรเจนอาจจะ ขยายไปไกล หรือมาแทนเชื้อเพลิงในแทบธุรกิจเลยก็เป็นได้โดยเฉพาะ สถานที่ๆ ผลิตไฟฟ้าไม่ได้ หรือส่งไฟฟ้าไปไม่ถึง
ใช้ไฟฟ้าแยกไฮโดรเจน เปลืองกว่า ไหนจะต้องขนไปสถานีอีก เอาไฟไปชาติแบตเลยถูกกว่าเยอะ เหมาะก็แค่รถขนส่ง เพราะ energy density สูงกว่ารถแบตเทียบน่ำหนัก รถบ้านรถแบตดีกว่าทุกประตู โตมันอยากดันเพราะมันจะได้บำรุงรักษาได้เงินเยอะกว่ารถแบต รถแบตแทบไม่ทำเงินค่าบำรุงรักษาเลย ขายแล้วแทบจะจบเลย ศูนย์โตตายหมด อดเงิน
ญึ่ปุ่นไม่มีแหล่งแร่หายากที่ต้องใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ รวมทั้งแม่เหล็กที่ใช้ทำมอเตอร์กำลังสูง
โตโยต้า จะกลายเป็นโนเกีย2 ครับ ถ้าไม่ยอมทำอีวี ตายลูกเดียวครับ
ไฮโดรเจน เหมาะสำหรับยานพาหนะขนาดใหญ่ที่ใช้ในการขนส่งที่มีเส้นทางและระยะทางที่ค่อนข้างแน่นอน เพราะต้องมีสถานีเติมที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งลงทุนสูง อีกทั้งยังต้องมีระบบการขนส่งไฮโดรเจน มีถังกักเก็บ ทั้งหมดเป็นระบบที่มีแรงดันสูงมาก อันตรายไม่ต่างจากกาซธรรมชาติ CNG/NGV
ระหว่าง cng,ngv,lpg,H ใช้ตัวไหนคุ้มค่าต่อราคาบ้างครับ เพราะการสกัดHก็ต้องใช้ไฟฟ้าซึ่งมีต้นทุนและการบำรุงรักษา รวมถึงความปลอดภัยอุบัติเหตุ แต่พลังงานไฟฟ้าจากแบ็ตก็ขับเคลื่อนรถได้เหมือนกันและไม่จำกัดที่มาของพลังงานไฟฟ้า เช่น มาจากลม แสงแดด น้ำ และการปั่นไฟฟ้าจากเครือปิโตรต่างๆ
@@bomsqwe1873 เทียบจากราคาในปัจจุบัน BEV ถูกที่สุดครับ นอกนั้นอยู่ที่ราคาแต่โดยส่วนตัวเลิกสนใจใช้พลังงานฟอสซิลไปแล้ว รอเวลาเปลี่ยนไปใช้รถ BEV เท่านั้น
@@dum5855 แต่ ณ เวลานี้ผมก็ยังอุ่นใจกับรถใช้น้ำมันครับ แต่เลือกแค่เครื่องยนต์เบนซิลเท่านั้น ขอไม่เลือกดีเซลเพราะก่อมลภาวะสูงกว่า
เหมาะสำหรับจรวจบินออกนอกโลก มากกว่ารถยนต์
อยากให้เปิดตัวเร็วๆในประเทศไทยเพราะระบบท่อส่งมีทั่ประเทศแล้ว
ชอบๆเอามาหลายๆอย่างเลยครับ จะได้มีทางเลือก ตามใจคนชอบแบบไหนก็ใช้แบบนั้นไป
ครับ แล้วคนมีอำนาจก็ได้ใช้ของไฮเทค ส่วนคนทั่วไปก็ใช้ของพื้นๆ
เป็นช่องที่ดีมีสาระมากคับ
คนเบื่อค่าซ่อมบำรุงจุกจิก ไฮโดรเจนก็ต้องใช้เครื่องยนต์เหมือนน้ำมัน
ยุคพลังงาน สะอาด
ใครจะ ดึงดูดลูกค้า ได้จริง
เวลา เป็นเครื่องพิสูจน์
ขอบคุณครับ
ถ้าใช้EV ประเทศต้นทางที่เป็นแหล่งแร่อย่างอินโดนีเซียจะเป็นมหาอำนาจชาติใหม่เลย แต่ถ้าใช้ไฮโดรเจนไทยสามารถตั้งโรงงานผลิตเอง ถ้าใช้กันเยอะราคาก็ถูกลง
ไม่จริงหรอก พอมาอยู่ไทย ก้อทำให้ราคาแพงได้
เราผลิตน้ำมันเองไม่ได้ น้ำมันขึ้นก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ยังไม่เข๋ดหลาบกันอีกหรือ เราผลิตไฮโดรเจนกันเองไม่ได้ หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นทำให้การผลิตมีราคาที่สูงขึ้น ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ จะรับผลนั้นเต็ม ๆ ตอนนี้มีหลายครัวเรือนที่ผลิตไฟฟ้าได้เองจากแผงโซลาเซลล์ บนหลังคา
ชาร์จรถด้วยไฟจากการไฟฟ้า ไฟโซลาเซลล์ หรือพลังงานสะอาดอย่างอื่นก็ได้
ตัวเลือกระยนต์ที่คนส่วนใหญ่ต้องการคือรถไฟฟ้า BEV (Baterry Electric Vehicle)
โตโยต้า ยังดื้อดึงจะไป fuel cell น่าจะไม่ควรเรียกว่าผู้มาก่อนกาล น่าจะเรียกว่าผู้ไปก่อนกาล มากกว่า เหมือนโกดัก ผลิตกล้องดิจิตอลได้ก่อน แต่ไม่เชื่อว่ากล้องดิจิตอลจะมา
+1
แล้วเราผลิตแบตได้ไหมครับ
@@winnie_dhanakornkamolkul5407 ถ้าเราหมายถึงคนไทย ผลิตได้ครับ อรุณพลัส (ปตท ถือหุ้น 100%) ร่วมกับ CATL และ GPSC ทำทั้งวิจัยและผลิต หรือ EA ร่วมกับใต้หวัน มีโรงงาน ผลิตแบตขนาด 1GWh ในเขต eec ตอนนี้ก็ผลิตอยู่ครับ
@@toughrubik-Sangyor อันนี้ก็ไม่รู้ลึกนะครับ แต่เคยได้ยินว่าแร่หายากที่ใข้ทำแบตมีเยอะทึ่จีน..พี่จีนจะผูกขาดรึป่าวเขาอยากเป็นมหาอำนาจในทุกๆด้าน
โนเกีย2 ครับ ผู้จากไปก่อนกาล 😁😁😁😁😁 ลาก่อนพี่โต
น่ากลัวระเบิดครับ
ไฮโดรเจน ราคาไม่ต่างจากน้ำมัน แต่ความอันตราย 10 เท่าของรถน้ำมัน เพราะมันระเบิดและติดไฟง่าย
สนับสนุนครับ ..เอาให้หลากหลายไปกันเลย..
ปัญหาใหญ่อีกอย่างของรถไฮโดรเจนคือ เราจะไม่มีวันเห็นสถานีเติมไฮโดรเจนตั้งอยู่กลางเมือง หรือในพื้นที่ชุมชนเหมือนปั๊มน้ำมัน หรือสถานีชาร์จไฟแน่ๆ ครับ
อาจจะต้องปรับปรุกงารเติมพลังงานแบบใหม่นะครับ
ทั้ง Fuel cell ทั้ง Hydrogen ICE ยังต้องรออีกหลายปี โดยเฉพาะสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งเป็น ecosystem ที่เกิดยากที่สุด
ไฮโดรเจน น่าจะทำแบบแยกเอาจากน้ำไปเลยครับ น่าจะดีกว่า
สนับสนุนครับ ทำเป็นสเกลใหญ่ๆเดี๋ยวก็แผ่หลาย ราคาไฮโดรเจนก็ถูกลงเอง แค่ค่ายรถใหญ่ๆช่วยกันผลักดันพัฒนาไปเรื่อยๆ
เป็นแผนญี่ปุ่นที่ต้องการหลีกหนีซับพลายจากจีนหรือเปล่า เพราะเทคโนโลยีEVและทรัพยากรส่วนใหญ่ในเรื่องนี้อยู่ในมือของจีน
เป็นไปได้ครับ
ครับ อีกอย่างนึงสิ่งที่ญี่ปุ่นมีเหลือเฟือคืนฝืนน้ำรอบๆ เกาะ
ญี่ปุ่นเทคโนโลยีเหนือกว่าจีนคนญี่ปุ่นก็มีความรับผิดชอบมากกว่าคนจีนเยอะ
น่าจะเพราะแบตเตอรี่ก็ต้องใช้แร่ลิเทียม ซึ่งมีหมดไปเหมือนน้ำมัน ขนาดปัจจุบันยังขาดแคลนเลย
ฟังแล้วไฟฟ้าน่าจะเวิร์คกว่า
โตโยต้า สุดยอดจริงๆ ยังไงก็พยายามจะใช้พลังขับเคลื่อนที่มีชิ้นส่วนสึกหรอเยอะๆ เพื่อให้มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เพราะev ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
จริงแท้😆
ธุรกิจก็คือธุรกิจครับ
แต่ตอนนี้ คนเริ่มมีทางเลือก มากขึ้น มันก็คงจะไม่ง่ายแล้ว เพราะ ไฟฟ้า เราสามารถผลิตได้เองจากครัวเรือน ด้วยแสงแดด แรงลม พลังน้ำ ส่วนพลังงานอย่างอื่น เราไม่มีทางผลิตเองได้เลย ผมว่า ไฟฟ้าน่าจะตอบโจทย์ในอนาคต ได้ดีกว่าครับ
ฟิวเซลไฮโดรเจนเป็นรถไฟฟ้าที่ไม่ใช้แบตเตอรี่ ไม่มีชิ้นส่วนสึกหลอเหมือนกัน
fuel cell ใช้กันมา40-50แล้วครับ
ชิ้นส่วน เยอะกว่ารถนํ้ามันอีกนะ ราคาก็โคตจเเพงต้นทุนผลิตสูงมากต่อ1คัน เพาะรถต้องมีความเเข็งเเกร่งสุดๆ เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาคือระเบิดยิ่งกว่ารถนํ้ามันอีกนะ ควรไปใช้กับเครืองบิน รถไฟ เรือ อาไรทีมีความเสี่ยงตำในการทีไม่เกิดอุบัติเหตุ จะดูสมเหตุสมผลมากกว่า เรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ จะไปใช้ไฟฟ้าไม่ไหวมังเติมเเบตทีเสียบชาตร์นานมากๆ เเละวิ่งได้คงไม่ไกล
คิดบวก มองด้านดีเยอะๆ อย่ามองแต่ข้อเสียอย่างเดียว ทุกอย่างมันมีทางแก้ แค่สิ่งนี้มันยังไม่ใช่เวลาตอนนี้แค่นั้น
ถังแกส ปตท ในครัวเรือน ก็เป็นระเบิดที่มีติดบ้านไม่ต่างกัน
น่าจะเกิดยาก อีกหน่อยแบตจะอยู่ได้นานขึ้น อายุใช้งานยาวขึ้น และเซลล์แบตที่หมดอายุก็นำกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้ ตอบโจทย์กว่า การใช้งานก็ไม่ซับซ้อน ค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าโข
เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะครับ แต่เนื่องราคาของเชื้อเพลิงที่สูงมาก การดูแลก็ยาก และเรื่องใหญ่อีกเรื่องคือ อายุการใช้งานของถังบรรจุก๊าชจะกลับเหมือนในรถ LPG หรือ NGV มั้ยที่ต้องคอยเปลี่ยนตามอายุอีก
ถ้าทำขายได้แพร่หลายทุกบริษัทก็จะดีราคาจะถูกลง
ลองไปดู ms คิดทำโทรศัพท์แบบเดียวกับคอมแต่คนหัวเราะใส่ ผมว่าแบบเปลื่ยนเป็นไฟฟ้าดีกว่า
ขอร่วมเป็น คนพัฒนา เทคโนโลยี นี้นะครับ + E power ของ nissan น่าจะดูดี
รถไฮโดรเจนจะเป็นจุดเปลี่ยนของเทคโนโลยีในอนาคตได้ เครื่องยนต์ต้องเป็นแบบเติมน้ำ (H2O) ให้มีการสกัดเอา H ไปใช้กับเครื่องยนต์ แล้วปล่อย O ทิ้งออกมาแทน
แต่ก็น่าจะยากและมีข้อจำกัดทางเทคโนโลยีปัจจุบันหลายอย่างเลย
10 -20 ปี รถไฟฟ้าบูมแน่ครับ
แต่ 30-50 ปีข้างหน้า เราต้องหาพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ เพราะ แบตเตอรี่ มันใช้แร่ธาตุหายาก และแร่ธาตุเหล่านั้นมันก็มีหมดไปด้วย
ยิ่งคนต้องการมาก การผลิตมาก ใช้ทรัพยากรมาก มันก็หมดไป
ดังนั้นการทำพลังงานสะอาดทางเลือกคือเรื่องที่ถูกต้องครับ
อีก 40 -50 ปี พอแร่ที่ทำแบตเริ่มหายากขึ้น ก็ต้องมีรถระบบใหม่มาแทนอย่างแน่นอน
แบตเตอรี่ยุคใหม่ พังแล้วสามารถเอากลับมาใช้ได้ถึง 90% ไม่ไม่นานก็แพร่หลาย
ถ้าทำแบบคบวงจร น่าสนใจ
เช่น ไฟฟ้าเหลือใช้ตามบ้าน เอามาผลิต ไฮโดรเจน เก็บไว้ สะสมไปเรื่อยๆ แล้าเอามาเติมรถขับ
ไม่เวิร์ค ที่เมกาแทบจะเรียกว่า "ล้มเหลว" แต่เนื่องจากมันเหมาะสมกับรถบรรทุก เพราะมันจะสามารถกำหนดเส้นทางเดินรถได้ จึงมีการฟื้นโครงการขึ้นมา โดยเฉพาะ "จีน" นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้ารถบรรทุกสามารถใช้ได้ ก็อาจเอามาใช้ในรถยนต์ทั่วไปได้ เพราะอาศัยสถานีที่รถบรรทุกนั่นแหล่ะ
ที่จีนเริ่มใช้รถพลังงานไฮโดรเจนมานานนับปีแล้วครับ
@@เกรียงไกรดิษปัญญา ถึงได้บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่ ในเมกาก็เริ่ม รอดูผลอยู่ ถ้ามีสถานีไฮโดรเจนเกิดจากรถบรรทุกได้ มันก็สามารถสร้างสถานีสำหรับรถยนต์น้อยลง รถมันก็เกิดได้ แต่ที่ผ่านมาจำนวนรถน้อย สถานีก็น้อย มันก็เลยล้มเหลว
พัฒนารถใช้น้ำมั่งชิรถไฟยังวิ่งได้เลย
@@บิ๊กซี-ฆ8ห อันนั้นเขาใช้ถ่านหินเผาอีกที 55
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ว่าไฮโดรเจนไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในรถยนต์ ผลิตและดูแลยาก แรงดันสูง ติดไฟง่าย ราคาสูงกว่าน้ำมัน ชิ้นส่วนก็เยอะซับซ้อน รถไฟฟ้าง่ายและสะดวกประหยัดกว่าในทุกๆด้าน
ไฮโดรเจน ต้องใช้เครื่องมาจัดการอัดและจ่าย ราคาพอ ๆ กับน้ำมัน แต่อันตรายกว่า 10 เท่า เพราถังไฮโดรเจน ระเบิดและติดไฟง่าย ไม่เหมาะสมมาเป็นส่วนประกอบในรถยนต์
สำหรับมุมมองของผู้คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
ครั้งหนึ่งพี่น้องตระกูลไรท์ ก็เคยโดนคนสบประมาทว่ามนุษย์ไม่สามารถบินได้
สำหรับตอนนี้ เครื่องบินลอยอยู่บนท้องฟ้า แถมถือว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุมีน้อยกว่ารถยนต์
@@-KONJORN ไฮโดรเจน ระเบิดได้และอันตรายยิ่งกว่าน้ำมัน แหละแบตเตอรี่หลายเท่า ความคิดผมได้ ไม่คุ้มเสียครับ
ดูแลยากกว่ารถไฟฟ้ามากๆ
ไฮโดเจนมันก็ระเบิดดีๆนี่เอง ระเบิดรุนแรงกว่าน้ำมันซะอีก 🤣🤣🤣🤣 ถ้าไม่กลัวตายก็เอาเลย
แบตเตอรี่จะพัฒนาไปอีกมากในอนาคต
ดูแล้วจะแข่งขันกับรถ ev ยากเหมือนกัน ในเรื่องการโครงสร้างรองรับและราคาเชื้อเพลิงที่สูงกว่าการใช้ไฟฟ้า แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
จริงแล้ว เครื่องยนต์สันดาปภายใน แบบ ลูกสูบชัก ที่พัฒนามาดีอย่างสุดขึด ในยุคท้ายๆนี้
ผู้ที่กุมเทคโนโลยีสูงสุดนี้ ไม่ใช่ ( โตโยต้า ) นะครับ.....แต่เป็น ( นิสสัน )
คือ เครื่องยนต์วัฏจักรผสมของนิสสันนั้น ออกแบบได้สุดยอดมากๆ
ลักษณะคือ
- เครื่องยนต์นี้ ปรับระยะชักของลูกสูบได้ ด้วยกลกลไฮดรอลิกพิเศษ ที่ซ่อนอยู่ในชุดห้องเพลาข้อเหวี่ยง
- การปรับระยะชักได้ ทำให้อัตราอัดเปลี่ยนไปมาได้ ระหว่าง อัตราอัดสูง กับ อัตราอีดต่ำ
- อัตราอัดสูง จะใช้กับรอบเดินเบา โดยอาศัยการป้อนเชื้อเพลิงตรง เข้าหัวลูกสูบ โดยผ่าน
หัวฉีดเบนซิน ที่ออกแบบมาแบบ เครื่องดีเซล โดยไม่ต้องใช้หัวเทียนช่วยจุดระเบืด / เพราะ ต้องการแรงบืดมากๆ
- อัตราอัดต่ำ จะใข้ตอนรอบสูง เปลี่ยนการป้อนเชื้อเพลิงมาเป็น หัวฉีดแบบเบนซืน คือ ฉีดในท่อร่วมไอดี
ก่อนอากาศไหลเข้า กระบอกสูบผ่านวาล์วไอดี การจุดระเบืดเปลี่ยนไปใช่หัวเทียนแทน และ มีการป้อนไอดีเพิ่มกำลัง
จากเทอร์ไบชาร์จด้วย / เพราะ ต้องการทำคสามเร็วรอบ
- และ ยังออกแบบแนวขึ้นลงของลูกสูบ ให้เยื้อยงศูนย์กับ แนวแกนหมุนของเพาข้อเหวี่ยงเล็กน้อย เพื่อลดอาการตบข้าง
ของกระโปรงลูกสูบ กับ เสื้อสูบด้วย
ไฮโดรเจนเป็นไอเดีย กับเริ่มพัฒนามาเป็น 10 กว่าปีแล้วมังครับ ผมก็ยังไม่เห็นมันแมสได้เท่า EV สมัยนี้ที่มันมาทีหลังเลยนะ ไม่แน่ใจว่ามันจะสำเร็จแล้วเปลี่ยนเกม หรือมันจะทำให้โตโยต้าล่มสลายเพราะทุ่มให้กับมันมากเกินไปหรือเปล่านะ
ญี่ปุ่นกำลังพ่ายแพ้จีน เกาหลีใต้ หรือแม้แต่เวียดนามแล้วในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอนาคต เพราะดันมาเลือกทางที่พัฒนายากและและมีต้นทุนสูง โอกาสที่สู้ไฟฟ้าก็น้อย และไทยก็ดันเป็นฐานการผลิตญี่ปุ่นด้วยนี่สิ ทำให้เราต้องเสียโอกาสพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆตามชาวโลก
ถูกต้องเลยครับ รถไฟฟ้า ในอนาคตจะประสบปัญหาแบตเตอรีราคาจะแพง ไม่มีทางถูกลงไปกว่านี้ น้ำมันก็อย่างที่เห็นกันอยู่ หวังว่าโปรเจคนี้ของโตโยต้า จะสามารถผลิตออกมาขายและใช้งานได้แบบเสถียร
ส่วนโตโยต้าหากินกับการขายอะไหล่แพงๆต่อไป 🤣🤣🤣🤣🤣
ตอนนี้ในแลป เขาทำ โซเดียมไอออน ออกมาแล้วครับ ซึ่งสามารถใช้ได้จริง ต้องรอดูว่า 2023 เขาจะเปิดตัวตอนไหน ซึ่ง โซเดียม มีมากในน้ำทะเล และ สามารถ ทนการติดลบได้ -30 - 100 องศา
อยากให้ใช้รถทุกแบบร่วมกันไปเลย เพราะความหลากหลาย จะช่วงสร้างสมดุล ราคาจะไม่พุ่งเกินไป
แบตเตอรี่ไม่น่าจะมีต้นทุนสูง วัตถุดิบในการผลิตมีอยู่มหาศาล Li. Na. เป็นธาตุ หมู่เดียวกัน คุณสมบัติเป็นโลหะ ให้อิเลครตรอนง่าย ไวในปฎิกิริยามาก Na. มีอยู่มาก มาย ในรูปเกลือหิน ใต้ภิภพ เช่น ในแถบภาคอิสาณ ในรูปน้ำทะเล ไม่น่าจะขาดแคลน
ทำอยู่คนเดียวมันจะไปได้แค่ไหนคะ
อีกอย่างเทคโนโลยีมันซับซ้อนวุ่นวาย
จะตามมาด้วยราคาที่สูงและการซ่อมบำรุงที่ยากสำหรับผู้ใช้งาน
กลุ่มที่พยายามพลักดันไฮโดรเจนถ้าจำไม่ผิดก็คือกลุ่มทุนน้ำมันเดิม การสกัดไฮโดรเจนเชิงพาณิชย์ใันก็ไม่ง่ายค่าใช้จ่ายต่อหน่วยเท่าไหร่ มาตราฐานของรถต้องสูงขี้นราคาจะขึ้นอีกเท่าไหร่ โลกคงหนีไม่พ้นกลุ่มทุนเดิม ปัญหาใหญ่ของแบตเตอรี่คือ อีโก้และความงี่เง้าของนักการเมืองผู้นำประเทศไม่กี่คนปัญหามันอยู่ตรงนั้น
ไฮโดรเจนมันแพงกว่าไฟฟ้าครับ เพราะมันต้องใช้ไฟฟ้าในการแยกไฮโดนเจนออกจากน้ำ แล้วใช้ไฮโดรเจนเพื่อสร้างไฟฟ้าอีกที มันมีการสูญเสียพลังงานเยอะ ไม่น่าจะสู้กับรถไฟฟ้าทั่วไปได้ โดยเฉพาะเมื่อแบตเตอรี่มีการพัฒนาไปอย่างมาก
นี่ก็เป็นโจทย์สำคัญ คือ ทำอย่างไรให้เขื้อเพลิงหาง่ายและราคาถูกขึ้น ยิ่งวิจัย ยิ่งมีการพัฒนา เช่นเดียวกับทางฝั่งใช้แบตก้อนใหญ่ ที่พยายามทำให้แบตถูกลงและผลิตง่ายขึ้น โจทย์ข้อนี้ ใครทำสำเร็จมากกว่าก็จะชิงความได้เปรียบในห้วงเวลานั้นๆ
ระบบนี้คืออนาคตคับ โลกเรามีน้ำเยอะและไม่มีวันหมด หมดคงอดตายกันทั้งหมด...
รถไฟฟ้าก็แค่ของแก้ขัดช่วงน้ำมันแพง และข้อจำกัดอึกมามายที่ผู้ผลิตไม่ได้บอกพวกคุณ..และไฟฟ้าจะแพงขึ้นเมื่อคนใช้เยอะเช่นกัน..
ถ้าระบบนี้สำเร็จจะเปลี่ยนโลกได้มากกว่า แบตเตอรี่ ที่แผ่นธาตุจะแพงขึ้นอีกมากโข..
ขอเสนอแนวคิดครับรถพลังงานไฮโดรเจน
ควรจะ
1. เติมถังเชื้อเพลิงด้วยน้ำไม่เติมด้วยไฮโดรเจน
2. ให้มีอุปกรณ์แยกก๊าซที่สามารถควบคุม
ผลผลิตคือไฮโดรเจนและออกซิเจนเพียง
ปริมาณน้อยเท่าที่จะใช้จุดระเบิดในห้อง
เครื่องยนต์ในแต่ละชั่วขณะที่ต่อเนื่อง
เหมือนในเครื่องยนต์แก็สโซลีนเท่านั้น
3. ตัวเริ่มปฏิกิริยายังคงเป็นแบตเตอร์รี่
แต่ในความหมายเดียวกับรถสันดาปภายใน
ทั่วไป คือเป็นตัวสตาร์ทระบบ ที่เพิ่มเข้ามาคือ
การเป็นตัวควบคุมสมดุลของการจุดระเบิด
ให้ราบเรียบสม่ำเสมอต่อเนื่องเท่านั้น
4. ให้มีระบบคืนพลังงานให้แบตเตอรี่โดย
อาศัยกำลังจากเครื่องยนต์ที่ผลิตออกมา
แม้ว่าจะมีคนกล่าวว่าพลังงานที่ผลิตได้
น้อยกว่าที่ใส่เข้าไป แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อ
ถึงกระนั้นหากเป็นจริง ก็ใช้พลังงานภายนอก
เข้าช่วยสนับสนุน เช่น ติดแผงโซล่าร์ หรือ
อะไรประมาณนี้ นี่ถ้าผมมีโอกาสมีทีม
วิทยาศาสตร์แบ็กอัพมีงบประมาณสนับสนุน
ก็อยากจะทำดูอย่างจริงจังครับ
ไปฮีเลี่ยมเลยแบบนั้น
งบที่ใช้น่าจะมหาศาลมากกกกเลยครับ
จะเปลี่ยนจากน้ำไปไฮโดรเจนต้องใช้พลังงานไฟฟ้าครับ และใช้มหาศาลด้วย
ถ้าต้องเปลี่ยนไฮโดรเจนด้วยไฟฟ้าแล้วแปลงไฮโดรเตนเป็นไฟฟ้าเพื่อหมุนมอเตอร์ ทำไมไม่เอาไฟไปหมุนมอเตอร์แต่แรก
@@rimlight1299 เคริ่องสันดาปภายในครับ
ไม่ได้ใช้ต้นกำลังด้วยมอเตอร์ สันดาปด้วย
ไฮโดรเจนแทนแก็สแอลพีจี
@@chithaponr.6397 แต่เครื่องสันดาปภายในประสิทธิต่ำมากนะครับ พลังงานไฮโดรเจน 100 ถ้าเอาทำไฟฟ้าไปปั่นมอเตอร์อาจจะได้ซัก พลังงาน50 แต่เอาไปสันดาปคือ 20 หายไปกับความร้อนซะเยอะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย H ICE เนี่ย คิดว่าทุกค่ายรถน่าจะเคยลองทำ แต่มันไม่คุ้มเอามาทำเป็นรถเชิงพานิช เลยไม่มีใครทำต่อ แม้แต่ toyota เองที่มี know how เครื่องสันดาปมาก ยังต้องใช้แบบ fuel cell ปล่อยไฟฟ้าไปปั่นมอเตอร์รถเลย ทำไมไม่ทำ HICE ออกมาขายตรงๆเลย ปรับรถเดิมน่าจะใช้ได้ ใช้ supplier เดิมน่าจะทำได้
ไฮโครเจน แค่ราคาก็แพงกว่าน้ำมันละครับ คนส่วนใหญ่อยากได่ BEV มันถูกกว่าน้ำมัน ไม่ใช่เพราะรักษ์โลก
น่าจะตรงประเด็นสุด..บอกรักษ์โลกจะหล่อขึ้นทันที😌
ข้อเสียมากกว่าข้อดีไฮโดรเจนแพงกว่าน้ำมันอย่าว่าแต่แข่งกับรถไฟฟ้าเลยครับรถน้ำมันยังสู้ไม่ได้
ยากนะที่จะสู้ EV ได้ เพราะ EV แทบไม่ต้องลงทุนเรื่องสถานีเติมพลังงานเลย เสียบปลั๊กที่บ้านก็ได้ เพียงแค่รอว่าอนาคตจะมีการพัฒนาแบตไปได้ไกลแค่ไหน และ อนาคตน่าจะมีวัสดุที่หลากหลายที่ใช้ทำแบตมากขึ้นแน่นอน
เรื่องลงทุน แล้วได้กำไร ก็ไม่น่าใช้เรื่องอยากที่ปั๊มจะเต็มถนน
ยากครับ ทีจะหามาแทน
@@jackchank69 ยากที่จะสู้รถไฟฟ้าได้ ฟันธง 100%
@@สินธรแก้วกนก ปัญหาของรถไฟฟ้าคือ บ้านไหนไม่มีที่จอด ก็หมดสิทธิใช้
@@jackchank69 สถานีชาร์จมีนี่ครับ ยิ่งในอนาคตมันชาร์จเร็วกว่านี้มาก ตอนนี้มันติดเพราะแบตมันแรงกว่านี้ไม่ได้ แต่ในห้องแลบมันทำได้แล้ว เหลือแต่ใช้งานจริง
ส่วนไฮโดรเจน มันไม่ต่างจากแบตนะครับ แต่ยุ่งยากกว่าอีกเพราะผลิตเองไม่ไหว เติมแป๊บเดียวแบบของเหลวน่ะใช่ แต่การจะชาร์จเก็บไฮโดรเจนในสถานีนี่ใช้เวลาพอๆ กับการชาร์จไฟเลย มันไม่ได้ต่างจากการสลับแบตในตอนนี้ของบางรุ่นเลย
ที่สำคัญ Fuel Cell ใช้งานจริงมาเกือบสิบปีแล้วยังไปไม่รอดอยู่เลยเพราะไอ้สถานี้เติมชาร์จไฮโดรเจนไม่ทันนี่แหละ คิดดูว่าคนใช้รถไฮโดรเจนต้องปันส่วนเติมกันอ่ะ เพราะสถานีมีไฮโดรเจนให้เติมไม่พอ
เคยเห็นเทคโนโลยีนี้ผ่านตาครั้งแรกจากสารคดีช่อง 11 เมื่อ 30 กว่าปีก่อน... ว๊าวมาก เพราะแค่เติมน้ำเปล่ารถยนต์ก็ขับเคลื่อนได้ วิศวกร/นักวิทย์ฯ ในสารคดีเป็นชาวเยอรมัน ทฤษฎี และเทคนิคการสร้าง จัดวางเลย์เอาท์คล้ายๆรถ EV ในปัจจุบัน คือใช้มอเตอร์ + แหล่งพลังงานจัดวางอยู่จุดศูย์ถ่วงต่ำสุดของรถ ฯลฯ.. ภาพในสารคดีนี้เมื่อ 30 กว่าปีก่อนยังดูโบราณ เชยๆ แสดงว่าเนื้อหาในสารคดีที่ผมรับชมนั้นเก่าแก่กว่า 40 ปีขึ้นอีก
ผมอ่านแทบทุกความเห็นมีบางท่านแนะนำลิงค์ไปดููฟเรื่อง fuel cell ของvolvo group เมื่อ1ปีมาแล้ว ของhyundai นี่2ปีมาแล้ว สงสัยแค่รถไฟฟ้าปกติมันธรรมดาไป🙂
ครับ แล้วคนมีอำนาจก็ได้ใช้ของไฮเทค ส่วนคนทั่วไปได้ใช้แต่ฃองพื้นๆ
หลักการแนวความคิดดีแต่การจัดเก็บ ขนส่ง ละ ถ้าดีจริง โตโยต้าคงไม่ได้มาลุยเดี่ยวแบบนี้หรอก ขนาดที่เยอรมันมีการทดลองในระบบรถสาธารณะยังไม่เวิร์คเลย
เป็นความท้าทายของนักวิทยาศาสตร์✍️ หลายคนบนนู้นบ่นนี่รู้หรือเปล่าน้ำมันจะหมด🌍
ที่น่าจับตาคือ ไฮโดรเจนมีความเข้มข้นพลังงานต่อหน่วยสูงมาก คือบรรจุหนักเท่ากัน ไฮโดรเจนให้พลังงานสูงกว่า ดังนั้น อนาคตอาจนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงของเครื่องบินได้
มาก่อนขอก่อนรักก่อนดีมาก
ถ้าสำหรับผมนะ ชาร์จแบตเตอรี่ กับเติมน้ำมัน ไห้มันมี2ระบบด้วยกันอะดีแล้วเผื่อแบตหมดหาที่ชารจยาก ต่อการไปไหนมาไหนไกลๆ
เป็นไปได้ครับ อย่าหยุดพัฒนา
ไม่มีอะไรดีที่สุดตลอดกาล เพราะโลกไม่เที่ยง >>อย่ายึดติดกับน้ำมัน ไฟฟ้า หรือไฮโดรเจนฯลฯ เพราะสิ่งใหม่ๆจะโผล่มาเรื่อยๆตามพัฒนาการ..สิ่งไหนดีก็ใช้งานไปตามเวลานั้นๆที่เรามีชีวิตอยู่
เครื่องยนต์ไฮโดรเจนก็หนีไม่พ้นการใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ยังเยอะเหมือนice การบำรุงรักษาเยอะ เอางบไปพัฒนาแบตดีกว่า เพราะสุดท้ายก็เอาพลังงานไฟฟ้าไปสกัดไฮโดรเจนอยู่ดี
น่าใช้ครับ🥇😊
ประเด็นหลักคือไฮโดรเจนมันทดแทนภาคอุตสาหกรรมได้ ภาคการบิน ครัวเรือน คุณเห็นอะไรในสงครามรัสเซียยูเครนไหม มันไม่ใช่แค่น้ำมัน มันมีก๊าซด้วย ซึ่งไฮโดรเจนมันสัปดาบได้ ถ้ามันถูกมันก็น่าจะแทนก๊าซได้
ถ้าผลิตเองได้มันก็ลดการพึ่งพานำเข้าได้ แบตเกือบ50%ราคารถ แล้ว60% -70%คือผลิตจากจีน ถ้าจีนเกิดปัญหาเหมือนรัสเซียแล้วไม่ขายหรือขายแพงละ ผลิตไฟได้แล้วแต่ตัวเก็บพลังงานแพงละ ผมว่าเขากำลังหาสมดุลกันอยู่ เยอรมันยุโรป ค่าพลังงานขึ้นการสงคราม เขาก็ต้องหาวิธีลดการพึ่งพา
ไม่ได้อดทนในการฟังครับ แต่ชอบหาความรู้และขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดี ๆ
ขอบคุณครับ 😊
พลังงานไฮโดรเจนได้ยินมา น่าจะเกิน 20 ปี ไม่เห็นสำเร็จจริงๆสักที มาถึงวันนี้ก็ยังไม่สำเร็จ ปัจจุบันที่สูงขึ้นมาก น่าจะทำได้ หลายปีก่อนพูดถึงเรื่องความปลอดภัย อันนี้ค่ายรถต้องอธิบายให้ชัดเจน
หากความสำเร็จหมายถึงการผลิตออกจำหน่าย toyota และ Honda ผลิตขายมาตั้งแต่ปี 2014 แล้วครับ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ก็ผ่านมาตรฐานการชนทุกรูปแบบของ Euro NCAP แต่ด้วยความที่สถานีเติมเชื้อเพลิงน้อย ราคาแพง จึงไม่นิยม และมีขายในบางประเทศเท่านั้นครับ
ดีครับ สำหรับความรู้:)
ถ้าเติมน้ำแล้วขับใช้งานได้ ไฟฟ้าคงตกกระป๋องไปเลย แต่ชอบไฟฟ้ามากกว่าไม่ต้องมีเครื่องยนต์ แบ๊ตครับเราต้องการแบ๊ตที่มันดีกว่านี้อีก2เท่า
ถ้าชนหนักๆไม่รอดคับ..เหมือนขับรถติดแก๊ช LPG NGV นั้นเอง ใช้นานหลายปี ใช้ในไทยรถมีมือสองแน่นอน ค่าบำรุงรักษา ความเสื่อมการใช้งาน ราคาแพงแน่นอน
ส่วนตัวชอบไฮโดรเจน และพอเห็นการทดสอบการชน โคตรปลอดภัย ถ้าจะให้กระทบถึงถังไฮโดรเจน รถคงต้องขาดครึ่ง ส่วนเรื่องราคาเชื้อเพลิงได้ยินมาว่าบิลเกต และทางซาอุดิอาราเบียเริ่มลงทุนแล้ว เดี๋ยวราคาก็คงถูกลงและมีจุดเติมเยอะแน่ๆ
Hydrogen อะตอมเบามาก ยังไงpressure ก็สูงแน่ๆ วัสดุที่ทำต้องมีความหนาเป็นพิเศษ เพราะต้องรอบรับถึงความดันที่สูง เห็นบางเจ้าจะใช้composite material อาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น สุดท้ายต้องรอดูราคาอะไหล่ ,long term reliability
มันจะได้ใช้สำหรับกลุ่มคนมีตังครับ ต้นทุนสูงทั้งตัวรถ และเชื้อเพลิง ถ้าว่าราคาจะลงไหมยากครับไฮโดรเจนผลิตได้น้อยกว่าน้ำมัน แถม การบำรุงรักษาสูงแน่นอนอะไหร่ซับซ่อนมากๆยิ่งกว่าเครื่องยนตฺ ส่วนสถานีเติมไฮโดรเจนอันตรายมากๆ ต้องรออย่างน้อย 5-15 ปี ขนาดอเมริกายังมีสถานีไม่เท่าไหร่ 56 สถานี แถมยิ่งไกลยิ่งแพง
ปั้มหาที่ไหน แพงก็แพง รถชนทีระเบิดไม่เหลือ ปล่อยให้เมากาวกันต่อไป
โคนิเซค ทำออกขายตั้งนานละ เลือกเติมได้ทั้งน้ำมัน หรือไฮโดรเจน
ผมเห็นด้วยกับโตต้าถ้ามาผมซื้อ
สังเกตุจากเจาะเวลาหาอดีตเขาไม่พูดถึง รถแบต
แบตอ่อนลงความเร็วสูงสุดลดด้วย
ผมว่าน่าสนใจมาก ไม่ต้องใช้แร่ธรรมชาติ เติมก็ไม่นาน อนาคต ถ้าคนใช้แพร่หลายก็น่าจะมาแทนน้ำมันได้ ราคาก็จะถูกลง
ผมมองว่าไม่เกิด... ความรู้สึกเหมือนใช้เตาแก๊สในครัว ใช้ไปก็ระแวงไป เทียบกับที่ผมใช้ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าในปัจจุบันนี้ สบายๆ
รถไฟฟ้า โตโยต้า ตามหลังค่ายอื่นไปไกล แม้แต่แบต ก็ไม่ได้พัฒนา
ส่วน ไฮโดรเจน นี่พัฒนามานานแล้ว
นานมากๆ หลายปี
แต่ยังไม่คุ้มค่า ต่อการใช้งาน
มันเลยเอามาทำขายไม่ได้
แต่ Hydrogen มันติดไฟง่าย และระเบิดง่าย เหมือน ลูกโป่ง สวรรค์ ใช่ใหม?
ค่าบำรุงรักษาน่าจะแพงนะ
ใช้ไฟฟ้า ปลอดภัย ซ่อมบำรุงง่าย ติดแผงชาร์ตไว้ที่บ้านไว้ชาร์ตตอนกลางคืนวิ่งไปทำงานได้ทุกวันไม่ต้องจ่ายอะไร ส่วนไฮโดรเจนวุ่นวาย บำรุงรักษายาก
ไฮโดรเจน ปลอดภัยน้อยมากนะ ระเบิดง่ายมากๆๆ ใครกล้าก็ซื้อไป
รถ ev ยังไงก็ดีกว่าออกมาขับรถไม่มีปัญหา แทบไม่ต้องกลับไปเช็คระยะ ส่วนไฮโดรเจนก็ไม่แตกต่างกับเครื่องยนต์สันดาป แค่ใช้พลังงานสะอาด (ปลอม) เพราะการผลิตก๊าซไฮโดรเจนก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มาจากถ่านหิน แก๊ส น้ำมัน ฯลฯ อยู่ดี
รถไฟฟ้าถ้าทำสมบูรณ์แล้วจะมีแต่ข้อดี คือ ประหยัด สิ่งแวดล้อมดีขึ้น อากาศดีขึ้นฮะ
น่าสนใจมาก
ขอสอบถามครับ ไฮโดรเจน เรามีใช้เหลือเฟือ มากกว่า น้ำมันเหรอครับ
ถึงมุ่งเน้นไปที่ไฮโดรเจน อ่ะครับ ผู้รู้แนะนำหน่อยครับ
ออกมาช้า ระวังนะ จะเป็น sony ตอนทำ mem stick เอาตัวเองเป็นหลัก สุดท้ายเจ๊งไม่เป้นท่า
หรือ huawei จะทำ harmony os คนทั่วไปจะใช้แค่ไหน จบกันไป สุดท้ายกลับมา google เหมือนเดิมสบายใจกว่า
โตต้า ทำอะไรชักช้ามากๆ ไม่แน่เจอจีนพัฒนาแบตและชาร์จเร็วแซงไปไกล และกว่าจะทำราคาให้ถูกได้ ถ้าเจ้าอื่นไม่เอาด้วย ไม่มีมาตราฐานเดียวกันลำบากเป้นแน่
อยากมากที่จะชนะรถไฟฟ้า เพราะคนใช้ชาร์จที่บ้านได้ยังไงก็สะดวกกว่าไปเติมที่สถานี
แพงกว่าน้ำมันต่อถัง หาที่เติมยาก ค่าซ่อมบำรุงรักษาแพง ส่วนตัวรถยนต์ไฟฟ้าตอบโจชน์ได้ที่สุดแล้วครับ ที่ญี่ปุ่นเน้นไปทางไนโตรเพราะไม่อยากผูกขาดกับจีน แค่เหตุผมเดียวเท่านั้นครับ
อีก20-50ปี หรืออาจเป็น100ปี เมื่อเทคด้านนี้ก้าวหน้ากว่านี้มากๆผมว่ารถพลังH มีโอกาสมากๆด้วยเงื่อนไข
1.เครื่องยนต์สามารถใช้พลังไฮโดรในปริมาณน้อยแต่วิ่งได้มาก(ให้พลังงานมากเมื่อเทียบปริมาณHที่ใช้)
2.มีเครื่องแยกไฮโดรเจนที่มีประสิทธิภาพขนาดเล็กปลอดภัยสูงติดมากับตัวรถ นึกภาพรถที่ใช้น้ำดื่มเติม น้ำอัดก๊าซเติม(คล้ายน้ำอัดลม) น้ำ1ลิตรวิ่งได้10-15กิโล เชรดดด ฝันชัดๆ ชัดๆว่าผมฝัน
ใช้ไฟฟ้าแยกโฮโดรเจนเหมือนเดิม...ยังงัยก็ต้นทุนสุงกว่า
รถไฟฟ้าจะใช้งานได้สมบูรณ์แบบที่สุดเลยก็คือต้องมีเตาปฏิกร อาร์ค เกิดขึ้นมาครับ ซื้อรถแล้ววิ่งจนลืมไม่ต้องชาร์จไฟ 😁😁😁
CA เป็นรัฐที่ค่าพลังงานแพงอันดับต้นๆเลย ครับ น้ำมันนี่อย่างกรี้ด ถ้าที่อื่นอาจจะถูกกว่านี้ครับ
ยากที่จะเกิดครับ ไฮโดรเจน ยากที่จะ ดูแล ขนส่ง ยกเว้นจะใชัระบบ ท่อ แบบ ที่ใช้ใน นิคม แถมเป็น แก๊สที่ไวไฟมากด้วย
สิ่งเดียว FCV ได้เปรียบมากก็คือ H เป็นแร่ธาตุที่หาง่าย หลักๆก็มาจากน้ำ แค่ตอนนี้วิธีในการแยก H ออกมาจากน้ำ ยังมีขั้นตอนยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูงมาก ถ้าอนาคตสามารถหาวิธีผลิตที่สามารถลดต้นทันได้มากๆ เพราะถึงจุดนึง ที่แบตเตอรี่ของรถ BEV ฺแร่ธาตุเริ่มหายากและแพงขึ้น FCV อาจจะกลับมาแพร่หลายในอนาคตก็เป็นไปได้
แบตก็มีความพยายามหาวัตถุดิบที่หาง่าย เข่น โซเดียม มาใช้แทนลิเทียม เผลอๆ จะทำได้ก่อนนะ
แบตเตอรี่ก็พัฒนาไม่หยุดเหมือนกันครับ และไปเร็วกว่า ในอนาคตเราอาจเห็นแบตเตอรี่ที่มาจากแร่หิน ไม้ ทราย ก็ได้ครับ
น่าจะใช้เป็นทางเลือกหนึ่งในอนาคตนะครับ อยากให้ประเทศไทยเร่งพัฒนาการผลิตไฮโดรเจนเหลวให้มีต้นทุนที่ถูก เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันในอนาคต
ไฮโดรเจน ดีกว่าเยอะ เหลือเเค่ทำให้ราคาถูก พอๆกับรถไฟฟ้า
รถพลังงานไฟฟ้าแค่ตอนนี้เทคโนโลยีคนเอื้อมถึง และจับต้องได้เฉยๆ ไม่ใช้เทคโนโลยีสุดท้ายสำหรับพลังงานทางเลือก
อย่าสุดโต่งกับเรื่องบางอย่างจนเกินไป ไฟฟ้าก็มีวันหมดได้เหมือนน้ำมันเช่นกัน
ผมว่า ถ้าผลิต H ได้ง่ายเหมือนชาร์จไฟบ้าน มันจะเป็นเทคโนโลยีแแห่งอนาคต เพราะมันมีทุกที่ในโลก
H ผลิตจากกังหันลม หรือเขื่อนไม่ได้
@@Hamber218 ไม่แน่นะครับ เอาพลังงานสะอาดที่เอามาใช้ตรงๆกับรถยนต์ไม่ได้แต่อาจจะเป็นพลังงานที่ใช้สร้างพลังงานที่ใช้กับรถยนต์ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้ครับ การผลิต H ปัจจุบันก็ใช้พลังงานมาก ต่อไปอาจจะมาจากพลังงานธรรมชาติที่หมดไปได้ยากครับ
ข้อเสียมีเพียงราคาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ราคาสูง หากเเก้จุดนี้ได้ผมเชื่อว่าไฮโดรเจนจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกจากรถยนต์ไฟฟ้า ผมสนับสนุนนะครับ
บอกตามตรงส่วนตัวที่รู้จัก ไฮโดรเจนมา กลัวมาก ๆ ตอนมันระเบิดช่างรุนแรงจริง ๆ
บอกตามตรงส่วนตัวรู้จัก แบตรถevพอสมควร กลัวมากๆ ตอนมันระเบิด ไฟฟ้า400V.ที่รั่วออกมา แม้ตอนดับไฟ
รวมทั้งสารพิษทั้งนั้น แรงระเบิดก็รุนแรงไม่ต่างกัน
ทุกอย่างตอนระบบล่ม..รุนแรงหมด ยกเว้นเครื่องดีเซล
ต้นทุนสูงและเสี่ยงทางด้านปลอดภัย
ที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง คือ.. รถไฮโดรเจน เวลาชน แล้ว ถ้าเกิด ระเบิดตูม !! ละ
ที่สำคัญที่สุด ราคาแพงกว่าน้ำมัน ! ใครเขาจะใช้ !
มันยังซับซ้อนเกินไป ไม่อยากนึกถึงตอนที่มันเริ่มจะเก่าแล้วตัวเซลและแบตมันก็มีอายุ ต้องพัฒนาอีกต่อไป
ถ้ามีการสร้างระบบแยกก๊าซ H2 และ O จากน้ำ จนนำไปใช้ได้ ก็สามารถเติมน้ำเป็นพลังงานได้
พลังงาน hydrogen เป็นอะไรนี่เพ้อเจ้อมากๆ เพราะการจะแยก hydrogen ออกจากน้ำได้ด้วย electrolysis ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามาแยก ซึ่งสูญเสียพลังงานกว่า60% แถมไอโดรเจนจัดเก็บได้ยาก ระเบิดง่าย ถ้าเกิดอุบัติเหตุนะ เหมือนนั่งบนระเบิดเคลื่อนที่แน่ๆ การใช้พลังงานไฟฟ้ามาแยกไอโดรเจนจากน้ำนั้นเสียเวลาเปล่า เอาไปขับเคลื่อนมอเตอร์เลยดีกว่า รถไฟฟ้าจะชาร์จไวขึ้นอีกแน่ ยังไงไอโดรเจนก็สู้ไม่ไหวหรอก
เจอน้ำรอระบายซัก 30-40 ซม.
แบตที่วางใต้ท้องรถ จะเป็นยังไงบ้างน้อ
อะไรก็ตาม จะติดตลาดได้ต้อง ง่ายต่อการใช้งานและสะดวกที่สุด
มีทางเลือกที่หลากหลาย. ถูกต้องน่ะครับ