"จะเรียนไปทำไม โตไปก็ไม่ได้ใช้" ต้องตอบยังไง? | Paradox of Math Teaching
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 8 ก.พ. 2024
- สมัคร Membership!: www.youtube.com/@mlhfmath/join
#คณิตศาสตร์ #stevejobs #paradox
ผมเชื่อว่าในชีวิตคนเราทุกคน มันต้องมีซักครั้งนึงแหละครับ
ที่เราถามตัวเองว่า เราจะเรียนไอเรื่องนี้ไปทำไมนะ
ดูแล้วมันไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหนเลย ไม่รู้จะเอาไปใช้ตอนไหนด้วยซ้ำ
หรือบางคนก็อาจจะยกมือถามไปเลยก็มีครับ ครูครับๆ เราจะเรียนเรื่องนี้ไปทำไมหรอครับ
ซึ่งก็ไม่ใช่แค่กับวิชาคณิตศาสตร์นะครับ ทุกวิชานั่นแหละ
เราจะอยากรู้ประวัติศาสตร์ไปทำไม ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปหมดแล้ว
เราจะเรียนภาษาไทยไปทำไม ในเมื่อตอนนี้เราก็พูดคุยด้วยภาษาไทยกันรู้เรื่องอยู่ละ
อะไรอย่างงี้ครับ
ซึ่งเอาจริงๆนะครับ คำถามนี้เป็นคำถามที่ยากมากๆ
ต่อให้จะเป็นครูที่เก่ง หรือว่าพยายามตอบแค่ไหนอะ ผมคิดว่ามันมีน้อยมากๆครับ
ที่นักเรียนจะได้คำตอบที่เค้ารู้สึกว่าฟังขึ้น เป็นเหตุเป็นผล เป็นที่น่าพอใจสำหรับเค้า
ในวันนี้เราก็เลยจะไปดูกันครับ ว่าทำไมคำถามนี้ มันถึงตอบยากขนาดนั้น
แล้วก็สรุปว่า จะเรียนไปทำไม โตไปก็ไม่ได้ใช้ จริงรึเปล่าครับ
สาเหตุข้อแรกที่ทำให้คำถามนี้มันตอบยากมากๆเนี่ย
ก็คือเราไม่รู้หรอกครับ ว่าในอนาคตเราจะโตขึ้นมาทำอะไร
ตัวนักเรียนเองเค้าก็ยังไม่รู้ตัวเลย แล้วครูผู้สอนจะไปรู้อนาคตได้ยังไง
เพราะงั้นคำถามที่ว่า พอเราโตไปแล้วจะได้ใช้ความรู้พวกนี้รึเปล่าอะ
มันเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้อยู่แล้วครับ
________________________
Inspired by:
• When Will I Ever Use M...
• When Will I Ever Use M...
maa.org/sites/default/files/p...
Video used:
• Steve Jobs' 2005 Stanf...
towardsdatascience.com/replic...
________________________
Space animations rendered with SpaceEngine PRO
store.steampowered.com/app/31...
________________________
Math animation made with Manim Python library by 3Blue1Brown
github.com/3b1b/manim
/ 3blue1brown
________________________
Music used:
Somebody by @khaim
dova-s.jp/EN/bgm/play14226.html
the opening of a book by ioni
dova-s.jp/EN/bgm/play2870.html
Dirty Shoes by こおろぎ
dova-s.jp/EN/bgm/play4203.html
Tanaka's Shady Commodities from Persona 5
All composition materials belong to their respective owner,
- Shoji Meguro and Atlus
I do NOT own any of the composition materials of this music.
________________________
Contact me:
mlhf.math [at] gmail [dot] com
บางครั้ง เราไม่ได้เรียนเพื่อใช้องค์ความรู้โดยตรง แต่เราใช้องค์ความคิด วิธีคิด ตรรกะจากระหว่างทางที่เรียนมาใช้ครับ ;)
อย่าหลอกตัวเองว่าได้เรียนรู้อะไร นอกจากเสียเวลาชีวิต ที่ได้ๆมาส่วนใหญ่ก็มาจากละครน้ำเน่าดราม่าครูเล่าให้ฟังจนเก็บมาคิด
เรียนไป เพื่อโง่ เหมือนไทย งัย555
คำตอบของผมคือ เรียนเพื่อเพิ่มตัวเลือกครับ จะได้รู้ว่าเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร ตัดชอยส์ แล้วเอาส่วนที่เหลือไปเรียนต่อ ไปประกอบอาชีพ
เรียนจะได้รู้ว่าไม่ชอบซินะ แต่ถ้าชอบก็แล้วไป
จริงพี่
ใช่ ถ้าเรายังไม่เรียน เราก็ไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ
แต่ประเด็นคือบางอย่างมันเลือกไม่ได้อ่ะนะ ถ้าทำแบบเลือกวิชา เลือกสาขาได้แบบมหาลัย ตั้งแต่ประถม มัธยม น่าจะดี
ผมก็เรียนไปเรื่อยๆ ศึกษาหาข้อมูลลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เพื่อหาว่าตัวเองชอบอะไรที่สุด สุดท้ายตอนนี้กลายเป็นเป็ดครับ😂
ผมเรียนเพื่อให้ได้คะแนนดีๆทำให้ครอบครัวดีใจ
อาทิตย์นี้ตัววีดีโอไม่ค่อยหวือหวามาก ชอบไม่ชอบยังไงคอมเม้นไว้ในนี้ได้นะครับ :)
9:24 อธิบายเพิ่มนิดนึงครับ การที่แกงบูดสาเหตุจริง ๆมาจาก "enzyme (ตัวเร่งปฏิกิริยา)" ที่จุลินทรีย์ปล่อยออกมา เพื่อย่อยสลายอาหารครับ
.
พอต้มให้เดือดอุณหภูมิที่สูงจะทำให้ enzyme เสียสภาพจนทำปฏิกิริยาไม่ได้ครับ
.
ส่วนการคนแกง จะเป็นการทำให้ออกซิเจน และ "จุลินทรีย์ที่อยู่ในอากาศ" ลงไปในแกง ทั้ง ๆที่ควรโดนชั้นไขมันดักไว้ เลยทำให้แกงบูด
ขอบคุณครับ 🥰
คงจะดีถ้าเราสามารถโอนถ่านข้อมูลใส่นักเรียนเหมือนคอมพิวเตอร์
ที่เข้าใจได้ในทีเดียวแล้วไม่ลืมอีก
แต่ทว่ามนุษย์ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ และมีความเข้าใจในศาสตร์แต่ละวิชาแตกต่างกัน
เรียกได้ว่าปัจเจกแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันไปถึงโครงสร้างในสมอง สภาพแวดล้อม แรงจูงใจ ความเข้าใจพื้นฐานในวิชานั้นๆ
ในขณะที่ระบบการเรียนการสอนคือศึกษาแบบรวมหมู่ที่ก้าวไปข้างหน้าโดยทิ้งผู้ไม่เข้าใจอยู่ข้างหลัง โดยที่ไม่มีการสอนแบบปัจเจกเลย แล้วจะเราจะหวังผลให้ทุกคนเข้าใจเหมือนกันได้อย่างไร?
หากเราอยากจะหาคำตอบว่าทำไม สังคมถึงมี วลี "โตไปไม่ได้ใช้" นี้ ในหลายสิบปีที่แล้วผมก็เคยได้ยินปัจจุบันก็มีเหมือนเดิม
แน่นอนว่ายิ่งเรามีความรู้เยอะรู้สูง เรายิ่งได้เปรียบ ไม่ว่าในสถานการใดๆยอมมีประโยนช์
แต่ทว่าทำไมพวกเขาถึงยังต่อต้าน ทั้งที่รู้แก่ใจแท้ๆว่ายิ่งรู้เยอะยิ่งได้เปรียบ
ถ้ามองในมุมของเรา หรือผู้เรียนอะไรก็ได้ คงคิดว่า เป็นพวกเขานั้นขี้เกียจโง่เง่าดักดานไม่กระตื้อรื้อรน
แต่หากในมุมมองพวกเขาส่วนใหญ่แล้ว มันคือความสิ้นหวัง และเหนื่อยน่าย และ Exhausted (ไม่รู้ว่าใช้คำไทยคำไหนดีประมาณว่าเหนื่อยสะสม)
ที่เป็นแบบนั้น อย่างที่พิมพ์ไป เพราะปัจเจกบุคคลไม่เหมือนกัน แต่ทว่าจะให้ทิ้งปัจจัยทั้งระบบการศึกษาที่แข็งกระดางไม่ยืดยุ่น และค่านิยมสังคมที่ตั้งหน้าตั้งหน้าแข่งขันกันเรียนหนังสือ ก็ไม่ได้
พวกเขาเลยเลือกที่จะใช้วลีนี้เพื่อปฏิเสธการเรียนต่างๆเพราะศึกษาวิชา = ความทุกข์และทรมาน
ขอไม่เข้าเรื่องการหางาน หรือความต้องการแรงงานที่ตลาดขาดแคลน
เพราะสุดท้ายเราก็ไม่อาจจะรู้ว่าใครจะประสบความสำเร็จหรือมีชีวิตไปวันๆ หรืออาจจะโดนรถชนตายเพราะในไทยมันเกิดบ่อย หรือสำเร็จเล็กน้อย มันไม่มีสิ่งไหนที่ถูกกำหนดไว้แม้เราจะกำหนดมันก็ยากที่ขาดเดา
แต่ความรู้กว้างและลึกจะช่วยให้เรามีชีวิตที่มีคุณภาพได้แน่นอน
เพราะผมยืนบนไหล่ของยักษ์จึงมองได้กว้างและไกล
ตอบแบบจบที่สุดก็คือเขาต้องการป้อนคนเข้าอุตสาหกรรม และเหตุผลทางด้านการเมือง การปกครอง ไม่ได้ต้องการทำแบบนี้เพราะว่าให้เราชอบ (ที่พูดแบบนี้เพราะว่าบางคนอาจจะชอบแบบเเค่เกิดมา อยู่เฉย ๆ ไม่อยากทำไร ละก็รอวันตุยไป)
- คณิตศาสตร์ และวิทย์คือ fundamental ของทุกอย่างบนโลก แม้แต่กระเบื้องที่เราเดินเหยีบอยู่ทุกวันก็มีวิทยาศาสตร์อยู่ในนั้น
- สิ่งของที่ถูกผลิตออกมามันก็มาจากภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด สิ่งประดิษที่เด็กชายบ้าน ๆ คนหนึ่งอาจจะคิดขึ้นมา ถ้ามันสามารถทำตังค์ได้ มันก็จะถูกผลักเข้าสู่อุตสาหกรรมไม่ทางตรงก็ทางอ้อม (ทางอ้อมคือมีนายทุนสนใจเอา idea นั้นไปผลิตขาย ทางตรงก็คือนายคนนั้นมีเงินสร้างบริษัทผลิตขายเอง)
- พอมันเป็นเรื่องของอุตสาหกรรม มันทำคนเดียวไม่ได้ มันก็ต้องมีคนช่วย ละพอต้องการคนช่วย มันก็ต้องมีคนที่จะเข้าใจองค์ความรู้ของสิ่งของที่เรากำลังทำอยู่
- พอเป็นแบบนี้มันก็เลยเกิดเป็นระบบการศึกษาที่ต้องสอนทั้งในเรื่องเฉพาะทาง เช่น วิศวกรรม การแพทย์ หรือในด้านศิลปะไปเลย
- ระบบที่ออกแบบมาก็จะช่วยคัดสรรคนให้ไปอยู่ในแบบที่ต้องการเช่น คนที่อยากจะเป็นวิศวะ เขาก็ต้องรู้ว่าขะทำอะไร คนที่อยากเป็นหมอ ก็ต้องรู้ว่าจะไปไหน หรือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็จะตามมีตามเกิดไป
ที่บอกว่ามันเกี่ยวกับเรื่องการเมืองการปกครอง เพราะว่าประเทศพัฒนาแล้ว เขาอยากเป็นเจ้าโลก เขาก็ต้องมีวิธีผลิตคนของเขาออกมาให้ได้ตามเป้าหมายที่เขาต้องการ เขาก็เลยจะต้องทำยังไงก็ได้ให้ผลิตคนแบบ sam open ai, อีลอนมัสก์, บิลล์เกต และคนอื่น ๆ อีกมากมาย (อ้อ ไม่ต้องบอกมาร์ค ทำเฟสบุ๊คตั้งแต่ยังเรียนไม่จบนะครับ เพราะอันนี้ผมครอบคลุมตั้งแต่อนุบาล)
นี่คือมุมมองของผมนะ
สวยงามจังครับ แต่งบประมาณชาติที่ใช้ไปกับระบบการศึกษา มากมายแต่เด็กไทยสอบได้ต่ำตม
โทษระบบ หรือโทษเด็กดี?
ที่จะกล่าวคือไทยไม่ใช่ประเทศที่พัฒนา
มีอีกมุมนึงครับ ถ้าคนที่ตั้งใจเรียน ไปเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักพัฒนาต่างๆ มันก็ช่วยให้โลกเราก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ถ้าโลกเรามีอาชีพพวกนี้เยอะขึ้นโลกเราจะพัฒนาขึ้นไปอีก
@@arlif571 ไม่ใช่ทุกคนที่มีพรสวรรค์ ถึงแม้จะสามารถตั้งใจเรียนได้ ก็เป็นขี้ข้าหมากที่ใช้แล้วทิ้ง
แม้คิดค้นอะไรจริงๆจังได้ แต่จะมีชักกี่โอกาสที่สนับสนุนให้ความคิดงานวิจัยนั้นเป็นความจริง
@@infinitylogic1164 การที่คนมีความรู้ สามารถประเมินสิ่งต่างๆได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ช่วยแล้วครับ ถ้าสังคมมีคนที่เชื่อทฤษฏีสมคบคิด เชื่อไสยศาสตร์ พิจารณาตัดสินสิ่งต่างๆด้วยเหตุและผล ประเทศหรือโลกก็เจริญขึ้นครับ เช่นเลือกผู้แทน การไม่หลงไปเชื่อตามข้อความที่เน้น engagement
@@zakra2607 แล้วคิดว่า โลกแบบนั้นจะไม่มีคนที่ฉลาดกว่าคนฉลาดอื่นไปเลยหรือ?
คนที่สร้างภาพทำให้พวกโง่หลงเชื่อ แม้แต่คนฉลาดก็ยากที่จะหาหลักฐานจนทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อตามกระแส
คุณเข้าใจกระแสสังคมไหม จะโง่หรือฉลาดก็ไม่ต่างกัน เพราะเกมทุกเกมถูกคุมโดยคนที่ฉลาดที่สุด
*สุดท้ายก็ได้แต่อยู่กันแบบเดิมๆ แทนที่จะ(เชื่ออย่างงมงาย) แต่ไปใช้คำว่า (เข้าใจแบบหลงผิด) แทน
จะมีสักกี่คนที่สามารถพิสูจน์ แร่ถึงพิสูจน์จะมีกี่คนที่เชื่อ และเข้าใจตามได้โดยไม่หลงผิดหรือเข้าใจผิด
การหลอกคนไม่ใช่เรื่องยากและง่าย ไม่ว่าฉลาดหรือโง่ก็จบลงไม่ต่างกัน
ว้าว มาไวมาก
คลิปนี้ผมได้ประโยชน์มากเลยครับ เพราะผมเป็นนักเรียน
สำหรับคำถามถายคลิป วิธีการก็ง่ายมากครับ คือตวงด้วยภาชนะที่รูป ปริมาตรแน่นอน อาจใช้เป็นแก้ว หรือขวด ทั้งนี้ก็อาจมีค่าความคาดเคลื่อนเกิดขึ้นได้อยู่บางแต่ก็เป็นวิธีการประมาณ ที่ง่ายและรวดเร็ว
บูดนิดหน่อยมีมั้ยไม่รู้ แต่ของที่แช่ตู้เย็นไว้ไม่เคยบูดครับ
คุณแม่ไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่ห้ามเราทิ้งของหมดอายุที่อยู่ในตู้เย็น😂😂
ความรู้ มีประโยชน์ทั้งนั้นครับ แต่ ประเด็นคือ คนส่วนมาก เรียนแล้วเอามาใช้ไม่เป็น อย่างที่คุณยกตัวอย่างมา ก็ชัดเจนว่า มันใช้ได้ทุกที่ ตั้งแต่ตื่นเช้า จนเข้านอน
คนที่เรียนแล้วเอามาใช้ได้ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และคนรอบข้าง และอาจจะสร้างรายได้มหาศาลได้ในอนาคต
เจ้าของคลิป จบทางคอมมา ผมขอยกตัวอย่างนึงละกันครับ มีงานชิ้นนึง user ต้องใส่สูตรคำนวณด้วยมือ แล้วใส่ค่าที่คำนวณได้ในระบบอีกที น้องในทีมผมคนนึง เอาเรื่อง regular expression มาใช้ แปลงสมการดิบของ user ให้กลายเป็นสูตรคำนวณในระบบได้แบบไม่ต้องอาศัยแรงคนอีกเลย ปัจจุบัน น้องคนที่ว่า ไปเป็น expat ที่ us แล้วครับ
เรียนไปทำไม โตแล้วไม่ได้ใช้ จริงๆ การศึกษาและวิธีคิดมันผิดตั้งแต่แรกครับ
การศึกษาขั้นต่ำ ไม่มีอะไรมาก มันคือการศึกษาเรื่องเหตุผล การเข้าสังคม
การศึกษาหลังจากนั้น เด็กควรรู้ก่อนว่าอยากทำอะไร แต่ที่คำถามนี้โผล่ขึ้นมาเพราะ เรารู้แค่ว่า ไม่เรียน ไม่มีงานทำ แล้วก็โดนเร่งให้ทำอะไรสักอย่าง เราเลยโดนความคิดแค่ว่าเรียนไปให้มันจบๆ ไม่ได้สนใจว่าเรียนอะไรเพื่ออะไร จะได้มีใบปริญญาไปสมัครงานเอางานเดือนสูงๆ ดูง่ายๆ ตอนมหาลัย เราเลือกวิชาอะไร วิชาที่ได้เกรดง่ายไงละ เพราะเราไม่ได้สนครับ แต่ถ้าเรารู้ว่าอยากเรียนอะไร อยากทำอะไร เราก็ได้คำตอบของคำถามแล้วครับ
ขอกลับมาพูดถึงการศึกษาขั้นต่ำของไทย มันก็จะไม่ได้มีแค่ คณิต วิทย์ ภาษา สังคม แต่ยังมี ประวัติศาสตร์ ลูกเสือเนตรนารี จริงๆ มันก็ให้ความรู้นะ แต่ความรู้ที่การศึกษาให้มันไม่ตรงกับยุคสมัย ประวัติศาสตร์ยังสอนแต่คุณงามความดีของคนกลุ่มหนึ่งแทนที่จะสอนเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตกับวิธีการแก้ไขสถานการณ์นั้นยังมีประโยชน์กว่า
ลูกเสือเนตรนารี ต้องบอกว่าถ้าไม่ได้มีรสนิยมชอบเดินป่า ไม่มีประโยชน์เลยครับ ทุกอย่างที่วิชานี้สอนคนที่สนใจศึกษาเองยังมีประสิทธิภาพกว่า
แล้ววิชา คณิต วิทย์ละ มันมีประโยชน์ครับ แต่สอนสูงไป เราไม่ได้ใช้ขนาดนั้น โรงเรียนใช้หลักสูตรที่ โลกนี้มีอะไรนักเรียนต้องรู้ให้หมด ซึ่งเอาจริงๆ คณิต ม.ต้น นี่ ผมว่า บวก ลบ คูณ หาร ก็พอแล้วปะ ส่วนวิทย์ ผมว่าสอนเกี่ยวกับหลักฟิสิกส์กับเรื่องเพศก็น่าจะพอละ ถ้าจะเรียนเกี่ยวกับร่างกายของสิ่งมีชีวิต ไปเป็นหมอเป็นพยาบาลค่อยเรียนก็ได้
ตอนเด็กเคยคิดคำตอบละว่า ทุกวิชาข่วยให่เรามีทักษะในการใข้ชีวิต เป็นวิศวกรหรือหมอ การสื่อสารใข้คำที่เข้าใจสำคัญมาก วิชาสังคมปีะวัติศาสตร์ช่วยให้เรียนรู้ขีวิตและตัดสินใจอนาต โตมาทำงานก็จริงดังนั้น😅😅
มาแล้ววววววว
ขอบคุณนะครับ
บางอย่างไม่ได้ใช้ก็มีครับ แต่คณิตศาสตร์ได้ใช้แน่นอน เรียนนาฏศิลป์ทุกวันนี้ไม่เคยชายตามองเลย555
เพลินมากช่องนี้
โอเคเลยครับ ผมชอบนะคำตอบแบบนี้ แบบครึ่งชั่วโมงนี่ยิ่งดีเลย 😂
เป็นคำตอบที่คนฟังยิ้มได้เลย
เอาแก้วที่ร้านมาชั่งน้ำหนัก เติมน้ำให้เต็มแล้วชั่ง ได้ปริมาตรแก้ว ดื่มกันไปเรื่อยๆโดยรินให้เต็ม ดื่มหมดก่อนค่อยเติม และห้ามเติมน้ำแข็ง นับแก้วไปเรื่อยๆจนกว่าจะดื่มหมดครับ
🤔 สมัยเรียนวิชา Numerical methods มีอยู่คาบหนึ่ง หลังจากอาจารย์ไปอบรมคณิตศาสตร์จากอาจารย์เยอรมัน อาจารย์บอกให้ลองใช้สมการวาดรูปช้าง 3 มิติดู ยังสงสัยว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรน้อ ถ้าจะเดาแบบส่งๆไป น่าจะเป็นงาน cg หรือ เกมคอมพิวเตอร์ พวกตรวจสอบการชนอะไรทำนองนี้หรือเปล่า เคยลองค้นดู มีเว็บภาษาฝรั่งเศสทำไว้ รูปทรงคล้ายๆ ลูกโป่งแฟนซี 😅
เสียงฟังเพลินมากครับ
ทุกวันนี้เสียดายที่มีวิชาต่างๆดีๆให้เรียนแต่ไม่จำเอาแต่ส่งงานครบสอบครบให้มันผ่านๆไป คิดแล้วเสียดาย
11:29 อาจจะใช้สูตรปริมาตรทรงกลมที่เรียนตอน ม.3 มาแก้ขัดไปก่อนก็ได้ครับ ระดับน้ำเกินครึ่งทรงกลมมาเล็กน้อย ก็ลองประมาณปริมาตรเอาดูก็พอได้ครับ😊
+น้ำแข็งที่เขาใส่ไว้ตรงกลางด้วยนะครับ
ต้องตอบตัวเองแหละไม่ใช่ให้คนอื่นมาตอบให้ว่าเรียนไปทำไม ความรู้ทุกอย่างมีประโยชน์หมดแหละ ถ้าคิดว่าความรู้ไหนไม่อาจจะไม่ค่อยได้ใช้สำหรับเราก็ไม่ต้องให้ความสนใจกับมันมากนัก เรียนรู้สิ่งที่คิดว่าตัวเองมีโอกาสใช้มากหรือ คิดว่ามันสามารถสร้างคุณค่าได้มากกว่า ดีกว่า (ยกตัวอย่าง)อย่างเช่นแคลคูลัส สำหรับผมอาจได้เอามาคำนวณน้ำในแก้ว ผมก็ไปเรียนอย่างอื่นที่คิดว่ามีโอกาสใช้ได้มากกว่าหรือประสิทธิภาพดีกว่านี้แทน ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ถ้าจะให้เฉพาะเจาะจงที่สุดก็เรียนด้วยตัวเอง ในห้องเรียนมันก็อย่างว่าแหละเขาสอนนักเรียนหลายคนจะให้มาสอนเฉพาะเจาะจงมันก็ไม่ได้ แล้วครูเขาก็ไม่ได้รู้ความคิดในหัวเรา
ผมตอบคำถามนี้กับลูกว่า มันคือการฝึก ฝึกสมองฝึกความอดทนฝึกสมาธิ คนที่เก่งจนประสพความสำเร็จส่วนมากคือคนที่เรียนเก่งเพราะเขายอมรับการเรียนรู้ทุกสิ่ง คนที่ไม่ยอมรับการเรียนก็จะตีกรอบแค่เฉพาะที่ตัวเองสนใจ ซึ่งส่วนมากมันก็ไม่ได้ใช้ในอณาคตเช่นกัน
แน่นอนครับ..อนาคตคือสิ่งที่เราไม่รู้
...เราทำได้แค่ คาดเดา ความน่าจะเป็น โอกาสที่น่าจะเกิดขึ้น แค่นั้น
...ความรอบรู้. และการสะสมความรู้. จึงมีความจำเป็นเพื่อใช้แก้ปัญหาในอนาคต...
...ไม่มีใครรับประกันหรอกว่า... เรามีความรู้ 10 วิชา .. แต่ถ้าปัญหาเกิดขึ้นจริง.. เราจะใช้วิชาไหนแก้ปัญหา.. และแก้ได้ ... หรือแก้ไม่ได้เลย... เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต
เยี่ยมเลิยครับ
เมื่อก่อนสมัยเรียนก็ไม่เคยถามใคร? เลยเรียนแค่ประถมฯเท่านั้น แต่พอตอนนี้ก็ยิ่งรู้เลยว่า"การเรียนไม่ว่าจะเรียนอะไร?"แต่พื้นฐานต้องมีนั่นเอง ตอนนี้ถ้าไม่ได้เรียนมาก่อนก็อ่านใจคนอื่นไม่ได้ แต่ก็พอจะรู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาเพราะได้เรียนมาก่อนนั่นเองฯ
การเรียนรู้ในปัจจุบันสำคัญที่สุดฯ
Jobs คงเป็นผู้โชคดี 1 ในหลายพันล้านครับที่ได้ใช้ความรู้ที่เคยคิดไม่ออกว่าเรียนไปทำอะไร มาใช้ประโยชน์
ส่วนคนที่เหลือโครตเสียเวลาชีวิต เรียนอะไรให้เรียนสิ่งที่ชอบดีกว่า และคิดว่าใช้ทำประโยชน์กับส่วนรวมได้ยิ่งดี
ผมว่าเราไม่รู้หรอกว่าอนาคตเป็นไง เราไม่รู้หรอกว่าอะไรได้ใช้หรือไม่ได้ใช้ แต่ที่แน่ๆ รอบรู้ไว้เถอะ จะดีกว่ามาก ความรู้รู้ไว้ใช่ใส่บ่าแบกหาม รู้ดีกว่าไม่รู้ เมื่อถึงเวลาต้องใช้ มันก็ไม่ต้องมานึกเสียดายที่ไม่ได้เรียน
ส่วนที่เราควรตัด คือเรื่องไร้สาระ ความคิดที่ไม่ดี ความคิดเพ้อเจ้อ ความวิตกกังวล เป็นต้น เหล่านี้ควรลบออกไปจากสมอง ไม่ควรแบกไว้ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แต่สำหรับความรู้ ไม่ว่าสาขาใด รู้ไว้ดีกว่าไม่รู้ ใครจะรู้ว่าอนาคตคุณอาจจะต้องใช้ก็ได้ สมมุติคนที่คุณกำลังตามจีบเค้าเกิดถามคุณในเรื่องที่คุณไม่ได้เรียนมา แต่คุณตอบเค้าได้ เค้าจะประทับใจในตัวคุณแค่ไหน ที่คุณมีความรู้รอบตัวเยอะ หรือจบมาสายนึงแต่ต้องไปทำงานอีกสายนึง หากมีความรู้ติดตัวมาแล้ว มันก็ทำได้เลย ปรับตัวไม่เยอะก็ทำได้เลย เหล่านี้เป็นต้น
ดังนั้นวิชาความรู้ รู้ไว้ดีกว่าครับ มันได้เปรียบ ไม่ได้หนักสมองอะไร คนมีความรู้รอบตัวเยอะ ในแขนงวิชาต่างๆเยอะ จะเป็นคนรอบคอบ ละเอียด ทำอะไรก็ไม่พลาดง่ายๆ เพราะมีความรู้หลายด้านนั่นเอง
ผมอยากฝากเรื่อง pillar of ceation ไว้ครับ เผื่อสนใจ
เรียนไปเพื่ออะไร จะได้ใช้ไหม ?
คำถามคือ คุณมีแผนจะใช้หรือป่าว ?
- ถ้ามี ก็เรียนไปเพื่อ “หวังจะใช้”
- ถ้าไ่ม่มี ก็เรียนไปเพื่อ “ได้รู้”
ก่อนจะเลือกได้ให้ดีที่สุด ส่วนตัวผมมองว่าต้อง
ฝึกตั้งคำถามก่อนครับ ตั้งเสร็จ หาข้อมูล
แล้วก็เขียนมันออกมา
เป็นสกิลที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตแล้วครับ
เราใช้ตั่งแต่ตอนเรียนเราใช้สร้างแรงจูงใจให้พลังให้มีความหวุงและหวังอยู่ในความดีงาม เช่น คำถาม จาก ครูผู้สอนสอนเด็กให้เขียนอาชีพในปราถนาของพวกเขาครับ
ไม่แปลกที่เด็กไทยจะตั้งคำถามแบบนี้ครับ แน่นอนว่าความรู้ทางคณิตศาสตร์ วิทยาสาสตร์ อื่นๆ ที่เรียนไปแล้วไม่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ จะตั้งคำถามแบบนี้ ในเมื่อระบบการศึกษาไทยที่ต้องการสอนให้คนที่มีความถนัดแตกต่างกันให้ถนัดแบบเดียวกันให้ได้ ดังนั้นส่วนตัวผมมองว่า ตัวเด็กไม่ผิดที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา ผิดว่าระบบการศึกษาที่ไม่สามารถตอบโจทย์กับคนที่เกิดมามีความถนัดแตกต่างกันได้ ดังนั้นการแก้ปํญหาที่ดีที่สุดคือการปฏิรูประบบการศึกษาครับ
คณิตศาสตร์เมื่อก่อนตอนผมสมัยประถมผมก็ไม่ได้สนใจมันมากครับผมก็เคยคิดเเบบประมาณนี้เลยครับพอมามัธยมก็คิดได้ว่าไอวิชาคณิตศาสตร์นี่มันโคตรสำคัญเลยที่ผมจะต้องเอาเรียนต่อในวิศวกรรมศาสตร์
คนเราต้องหยั่งรู้ขนาดไหนถึงรู้ได้ว่าความรู้อันนี้จะไม่ได้ใช้แน่ๆ กับตัวเองยังพอว่า แต่คิดว่าคนอื่นไม่ได้ใช้ด้วยเหมือนกันนี่คือสุดยอดนักพยากรณ์เลยนะ
ทุกวิชามันมีประโยชน์หมดและ ปัญหาคือครูคนสอนไม่บอกความสำคัญที่ทำให้เด็กรู้สึกว่ามันได้ประโยชน์กับชีวิตเขาจริงๆ
อย่างคณิตศาสตร์ แต่ละเรื่อง มันก็เอาไปใช้กับสาขาวิชาที่แตกต่างกัน และยังได้ในเรื่อตรรกะความคิด ลำดับความคิด อีกทั้งมันเป็นสิ่งสากลที่ใช้ได้ทั้งโลก
หรือประวัติศาสตร์ มันก็ดีในเรื่องที่เราได้วิเคราะห์กับเหตุการณ์ในอดีต และลองคุยกันในแง่ What if.....? ไม่ใช่สักแต่ล้างสมอง ทำประวัติศาสตร์เป็นบทละครให้ไทยเป็นพระเอก คนอื่นคือตัวร้ายไปทุกเรื่อง (โลกความจริงไม่มีใครดีใครร้ายหรอก เขายึดผลประโยชน์ชาติตัวเองมาก่อนเสมอ)
ส่วนที่ได้ใช้คือ eq ไม่งั้นทำงานไม่ได้🤕
เรียนให้รู้ เพราะเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ 😊
คำตอบของผมนะ วิชาความรู้ก็เหมือนอาวุธที่อยู่บนหลังช้าง เราไม่สามารถรู้ได้ว่าอนาคตจะต้องใช้อะไร จะต้องทำอะไร หรือจะหยิบอะไรมาใช้ได้บ้าง แต่วิชาความรู้ ต่างจากอาวุธตรงที่ว่า เราไม่ต้องแบกมันไปไหน ที่ผู้ใหญ่เขาบอกว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม บางครั้งบางทีเราก็ต้องใช้วิชาช่าง เครื่องซ่อมรถและซ่อมไฟที่บ้าน ใช้วิชาคณิตศาสตร์เพื่อคำนวณดอกเบี้ย หรือใช้วิชาวิทยาศาสตร์ ในชีวิตประจําวัน แต่วิชาเหล่านั้นมันสอนเราอย่างหนึ่งคือการคิดแบบเป็นระบบ การทำเป็นขั้นเป็นตอน และการคิดแบบมีเหตุผล
เคยตั้งคำถามพวกนี้เหมือนกันตอนอยู่มัธยม พอเข้ามหาลัยก็เลือกเรียนวิศวะ จบออกมาก็เข้าใจว่าความรู้มันแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแทบทั้งหมด หลังๆเลยมีแนวคิดแบบ Generalist ชอบหรือสนใจอะไรก็ศึกษา ศึกษาให้กว้างเข้าไว้ ผมเชื่อว่าความรู้พวกนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้หรือให้แนวคิดอะไรสักอย่างนึงได้ เป็นประโยชน์แน่นอน😊
คลิปเรื่องเล่นเกมส์เก่งแล้วได้อะไรช่วยมาทำเปรียบเทียบการตั้งใจเรียนแล้วทำงานมีอาชีพดีๆได้ไหมครับ รู้สึกว่าเล่นเกมส์ต่อให้จะติดesportค่าตอบแทนก็น้อยกว่าการลงทุนเวลาไปกับการเรียนอยู่ดี
ทำไม เราคุยกันไม่รู่เรื่องถึงแม้จะใช้ภาษาเดียวกันครับหรือประโยคนั้นคำนั้นจะมีความหมายเดียวกัน ครับ
ผมคิดว่าเราเรียนไว้เพื่อประดับสติปัญญาเพื่อให้เป็นภูมิคุ้มกันในชีวิต
เพื่อวันหนึ่งเกิดภัยอันตรายจะได้รู้จักวิธีป้องกันตนเองได้
ปัญหาของการศึกษาไทยคือไม่สามารถเทียบเคียงและใช้กับชีวิตประจำวันได้จริง มันก็ไม่แปลกหรอกที่ทำให้เกิดคำถามแบบนี้
ไม่ใช่ เรียนไม่ได้ใช้ / แต่ มีอะไรที่ต้องใช้ และใช้สิ่งที่เรียนยังไง ต่างหาก
คือคนคุมกระทรวงเขาไม่เคยทำงานในบริษัทหรือโรงงาน จึงไม่ทราบว่านายจ้างต้องการคนมีความรู้แบบใด
เราใช้ตั่งแต่ตอนเรียนครับ
เรียนเพื่อรู้
ในความเข้าใจของเราคือ เราเรียนเพื่อหาทางเลือกหลายๆทางเป็นพื้นฐาน เพื่อโตไปจะได้รู้ว่าเราได้อันไหนในหลายๆทาง.
เพราะ วลี ทำให้เสียโอกาสดีๆในชีไปเยอะ
เหมือนความคิดของคนไทย-จีนสมัยก่อนที่คิดแบบนี้กับผู้หญิง ลองคิดว่าตนเองเป็นผู้หญิงแล้วพ่อแม่ไม่อยากให้คุณเรียนดูสิ ว่าคุณจะขอพ่อแม่เรียนอย่างไร ก็จะได้คำตอบเอง
เรียนไปเพื่อเป็นพื้นฐานหลายๆอย่าง อย่างเช่นคุณจบสายสามัญ ม.6 ถ้าคุณจะต่อปริญญาตรี คุณไปได้ทุกสาขา ไปสาขาที่ชอบ
รู้หลายๆอย่างเพื่อที่วันนึงพอเรารู้ว่าเราชอบอะไร...เราจะได้เข้าไปศึกษาถูกเรื่องและถูกทาง 😊
รู้หลายสาขาหลายแง่หลายมุม เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ ปรับใช้ได้
มีแล้วหยิบมาใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีจะหยิบมาใช้ได้ยังไง
เลขในชีวิตประจำวัน มันจะอยู่ประมาณเลข ม 3
ส่วนเลขที่มากกว่านั้นมันจะเป็นเลขที่ใช้ในวิชาชีพเฉพาะทาง
ผมชอบการเรียนรู้น่ะผมชอบมากด้วยแต่ผมไม่ชอบการเขียนลงสมุด😅ผมว่ามันเยอะมากสำหรับผมเพราะผมไม่ต้องการที่จะเขียนมันแต่ถ้าผมอยากจะเขียนผมก็จะเขียนได้เรื่อยๆแต่ส่วนใหญ่ที่ได้เขียนเนี่ยมันก็มักจะโดนครูสั่งมาตลอดเลยมันไม่มีเเรงจูงใจให้ผมเขียนเลยผมเลยไม่ชอบเขียนลงสมุด(โดยไม่มีแรงจูงใจที่มากพอ)😅😅😅
ดูง่ายๆ บวกลบคูณหารที่ใช้อยู่ทุกวันนี้รู้ขึ้นมาเองหรือเรียนมา?
ตวงน้ำ้ ที่รู้ปริมาตรแน่นอน แล้วค่อยขีดเส้น
ประเทศสิงคโปร์ผู้นำประเทศเขาฉลาด เขาบังคับให้ประชาชนต้องเรียนภาษาอังกฤษเป็นวิชาบังคับ เพราะว่าภาษาอังกฤษสามารถใช้ติดต่อสื่อสารในการค้าการเมืองการตลาดกับต่างประเทศได้ ประชาชนจึงสามารถท่องโลกกว้างได้ ได้มองเห็นโอกาสใหม่ๆจากต่างแดน และมองเห็นโลกได้กว้างขึ้น พูดได้หลายภาษาชีวิตย่อมมีโอกาสมีรายได้ได้มากกว่าคนที่พูดได้ภาษาเดียว
เรียนเยอะเสียเวลา จบแค่ม.3เต็มที่ม.6ก็พอ ที่เหลือมันจะเรียนรู้ที่ทำงานเองโดยอัตโนมัติ ที่ทำงานคือของจริง
ถึงจะไม่ได้ใช้ แต่ถึงมันเปลี่ยนความคิดนิดนึงได้ก็พอแล้วครับ
ก็โรงเรียนถูกสร้างมาเพื่อสร้างคนงาน
ถ้ารู้ตัวเองเช่นนักดนตรี ก็ไม่ต้องเรียนโรงเรียนเลยก็ได้ ไปหาจ้างสอนโดยตรง // บางทีเค้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเรียนไปก่อน แต่ก็แค่อยากบ่น เรียนอะไรที่ไม่ชอบใครๆก็บ่น // แต่เรื่องหลักสูตรการเรียนที่ทุกคนต้องเรียนจะดีไม่ดีก็อีกเรื่องต้องไปปรับปรุง
คนสอนก็มีผล ส่วนใหญ่คนสอนก็ไม่เคยเอาความรู้ไปสร้างนวตกรรม ที่เอาไปใช้ทำกำไรได้จริง คนสอนก็ดูงงๆ คนเรียนก็งงๆ พอผมออกมาสร้างธุรกิจด้วยตัวเองทีนี้หล่ะบันเทิง เค้นมาทั้งหมดที่เคยเรียน ละต้องเรียนเพิ่มอีก
มันเป็นเบสิกตอนเด็กๆมันก็เรียนกันแค่เบสิก จะเชี่ยวชาญด้านไหนเบสิกมันต้องแน่น พอโตก็เลือกสายได้เองกันทั้งนั้น ( รู้ดีกว่าไม่รู้ เกินดีกว่าขาด ) เรื่องแกงมันไม่เกี่ยวกับการคนเลย เพราะมันต้องตักอยู่แล้ว ไม่ให้บูด ก็ต้องอุ่นเป็นระยะๆ ตัวที่ทำให้บูดก็คือจุลินทรีย์และอุณหภูมิ
เรารู้สึกว่า เรียนมาได้ใช้ความรู้แค่ไม่เกิน 15% โดยประมาณจากความรู้สึก ตั้งแต่เรียนจบแล้วเริ่มทำงานใหม่ๆละ ถ้าไม่ใช่พวกหมอ, ล่าม โปรแกรมเมอร์ คงได้ใช้ความรู้จริงๆ มันน้อยน่ะ อาจจะเป็นที่จุดที่ทำงานด้วย แล้วก็ความสามารถในการนำความรู้ที่เรียนมาเพื่อประยุกต์ใช้งานก็สำคัญ
#ได้ใช้สิ ใช้เพื่อแข่งขัน ว่านั้นจะเอาอะไรมาวัตในการแข่งขันในการสอบ
คนเก่าไม่ยอมออกคนใหม่ก็เข้าอยากจริงใหม
โตมาก้จะเข้าใจมากขึ้นว่า เรียนไปทำไม ทุกอย่างมันประกอบให้เราเป็นองค์คงามรุ้เราหมดแหละ
ไม่แปลกหรอกที่เด็กจะถามแบบนี้ ปัญหาคือ ระบบการศึกษามันยัดเยียดเนื้อหาให้เด็กเรียนเกินความจำเป็น มันต้องแก้ที่ระบบการศึกษา 😂
บัณฑิตคือทรัพย์ยากรบุคคลที่มีคุณภาพของประเทศ😊😊
เรียนไปได้ใช้อยู่แล้ว คนที่พูดว่าเรียนไปไม่ได้ใช้ เพราะไม่รู้จักประยุกต์นำไปใช้ต่างหาก
สำหรับคำถามที่อยู่ท้าย Clip ที่จะพิสูจน์ว่าขีดบอกระดับน้ำเที่ยงตรงหรือไม่โดยไม่ต้องคำนวณหาค่าปริมาตร สามารถทำอย่างง่าย ๆ ได้โดยหาภาชนะที่บรรจุน้ำได้ 1 ลิตรเทน้ำลงไปใส่หรือเทออก 3 ครั้งว่าตรงกับแต่ละขีดจริงหรือไม่ ถ้าไม่มีภาชนะที่บรรจุน้ำได้ 1 ลิตร จะพิสูจน์ได้แค่เส้น 1 ลิตร 2 ลิตร 3 ลิตร มีปริมาตรห่างเท่ากันจริงหรือไม่เท่านั้นครับ ส่วนคำถามที่ว่า "จะเรียนไปทำไม โตไปก็ไม่ได้ใช้" ผมขอตอบเลยว่าเรียนเอาใจพ่อแม่ครับ ถ้าเลือกได้ผมอยากเรียนแค่เฉพาะสิ่งที่ผมสนใจเท่านั้น แต่เรื่องที่จำใจต้องเรียนก็มีหลายอย่างที่ขยายกรอบความคิดเปิดให้เห็นถึงมุมมองใหม่ ๆ ที่ผมไม่เคยคิดถึงมาก่อนมิใช่น้อยเช่นกัน มีความรู้สึกว่า ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่เราสนใจก็มีประโยชน์ในแบบที่เราคาดไม่ถึงอยู่ประจำเลยครับ บางอย่างฟังผ่าน ๆ หูไม่ได้คิดอะไร ต่อมากลับได้เอาความรู้นั้นมาใช้ซะงั้น
ผมอยากรู้ครับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราใช่อยู่ทุกวันนี้เกิดจากเศษฝุ่นอะไรซักอย่าง(ผมจำชื่อไม่ได้)ในจักรวาลใช่มั้ยครับ(ไม่ค่อยเกี่ยวกับคลิปฮะ)
ถ้าตอบแบบ ง่ายๆ เด็กที่เรียนเก่ง มีโอกาส เลือกเรียนสาขาวิชา และ มหาวิทยาลัยดีๆ ก่อน เสมอ อาทิ เด็กเก่ง จะเลือกเรียน แพทย์ และ วิศวะ ก่อนใคร
ท้อแท้แหละ ดูออกทุกวันนี้ ผมก็นึกไม่ออกซักทีว่าที่เรียน ตะกล้อ เตะบอล ฟ้อนรำ ลูกเสือ กับ พุทธศาสตร์ มาเอาไปทำอะไร เลขนี่ต้องใช้ทุกวัน วิทยาศาตร์เจอทุกวัน อังกฤษเจอทุกวัน อย่าไปท้อแท้กับวิชาสาระ
การประยุกต์ใช้ควรเป็นอีกหนึ่งวิชาที่เป็นเครื่องมือสำคัญ แต่ผมว่ากินวุ้นแปลภาษาง่ายกว่าเยอะ😂
FC แมท นะครับ สอนเก่งมากเลยครับ
อ้าวมาแล้วเหรอ 5555😂
ปล. อยากดู millennial prize ฮะ
มีคนรวยคนหนึ่งพูดว่า ถ้าเราเป็นคนจน"วุฒิ"การศึกษาสำคัญมาก แต่คนรวยคนนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเรา
👍👍👍
วิชากระบี่กระบอง ตอน ม.3
ดีนะที่เมียผมเรียนไม่ได้เรียน😂
รู้ดีกว่าไม่รู้
จะสะบัดหางเสียง ให้สูงปรี๊ดไปทำไม
ถ้าเรามีกระทรวงศึกษา อุดมศึกษา ที่มีคุณภาพกว่านี้ มีโครงสร้างของประเทศที่ดีกว่านี้
จะไม่มีคำถามนี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก แล้ว
ได้ใช้สิ สมองเราจะดึงมาใช้ตลอดนะ
ครูถามกลับว่า แล้วเหตุผลอะไรถึงไม่เรียน ? 😅
เรียนเพื่อฝึกสมอง ถ้าฉลาดแล้วก็เลิกเรียน
ผมยังคิดของนาฎศิลป์ไม่ออกเลยครับ
เป็นวิชาทางเลือกครับ ให้เราได้ทดลองเรียนทางด้านวัฒนธรรมของตัวเอง ถ้าชอบก็ต่อยอดได้ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปต่อ การใช้ร่างกายเป็นการสื่อสาร
ส่วนใหญ่เรียนพื้นฐานเพื่อให้เราเข้าใจในการเสพผลงาน ซึมซับวัฒนธรรม ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสที่ไม่จำเป็นแค่ท่องจำ คุณจะได้รับรู้และเข้าใจความยากง่าย ในการฝึก ไม่จำเป็นต้องเก่งในทุกๆด้าน เพื่อค้นหาตัวตนของตัวเรา สุดท้ายจะตกผลึกเป็นตัวเราเอง
❤❤❤❤
"เรียนไปไม่ได้ใช้เดี้ยวก็ลืม" ตอบยากกว่า
ก็ตวงก่อนสิครับ ตวงลงไป มาร์คจุดไว้ ว่าแต่ละจุด มีกี่ลิตรครับ
พูดตรงๆครับ มันเป็นการสอนให้เราคิดอย่างเป็นระบบ เวลาผมมีข้อพิพาทกับคนที่เรียนสายวิทย์มานี่ดถียงยาก หลักการคิดเขามีตรรกะเป็นขั้นเป็นตอน แต่เวลาเถียงกับพวกเรียนศิลป์ (ยกเว้นนิติ) นี่คือตรรกะมั่วมาก จับนั่นโยงนั้นนี้มั่วไปหมด ไม่รู้ว่าปัญหาที่อยู่ตรงหน้าควรทำอะไรก่อนหลัง
พวกพูดแบบนั้นผมไม่ถือสาครับ เพราะโลกเค้าแคบเกิน มันก็จริงครับถ้าจบไปทำอาชีพค้าขาย บัญชี หรือเป็นพนักงานบริษัททั่วไป ผมว่าคนไทยสนใจแต่สิ่งไร้สาระจนแทบไม่มีความรู้รอบตัวเลยว่าที่เราสบายๆอยู่ทุกวันนี้เพราะอุปกรณ์หลายๆอย่างมันก็มาจากวิชาที่บอกๆกันว่าจะเรียนยากๆไปทำไม เรียนไม่ได้ใช้
สำหรับผม
ขอย้ำว่าสำหรับผมนะครับ
ผมมองว่า ถ้าอยากจะไปเจาะพวกวิชาเฉพาะทาง ก็ออกไปหาติวเตอร์สอนเอาเอง หรือเข้าสถาบันทางนั้นให้ได้ จะเป็นการข้ามชั้นหรืออะไรก็ทำเอาเถอะ ชีวิตของคุณ
แต่ถ้ามาเรียนในสถาบันทั่วไปแล้วมาเรียกร้องว่าอยากให้เขาสอนตามที่ตัวเองยากเรียนและไม่รับฟังเหตุผลว่าทำไมต้องเรียนแบบกระจาย
อันนี้ผมมองว่าเห็นแก่ตัวเกินไป
มารู้กับผมดีกว่า...ไม่ต้องเรียน.
ผมเป็นคนนึงครับ ที่เคยคิดว่า คณิตศาสตร์ยากๆ พวกแคลคูลัส จำนวนจินตภาพ หรือ เมทริกซ์ ต่างๆ เรียนไปก็ไม่ได้ใช้
ตอนนี้เลยต้องมารับกรรม ศึกษาเรื่องพวกนี้ใหม่เกือบหมดเลย เสียดาย อดีตน่าจะตั้งใจเรียนกว่านี้ ไม่งั้นตอนนี้ผมคงสบายขึ้นเยอะ
คุณคิดว่านักทุรกิจ รู้ว่าโลกหนุนด้วยความเร็วเท่าไรไหม? คุณคิดว่า ช่างตัดผม รู้ว่าผมมีกี่เสั้นไหม? เราเรียนที่โรงเรียน เป็นเหมือน เครื่องสร้าง คนมาเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่ สร้างมาให้มาเป็นคนรวย เช่น เจ้าของช่องเอง ก็เรียนมาสูง แต่ ที่จำเป็น ก็แค่ เป็น นักตัดต่อวีดีโอ ในยูทูบ นี้คือสาเหตุ ที่เสียเวลาเรียนแล้วนำมาใช้ไม่ตรงที่เรียน