ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
คำว่าเขมรป่าดง มิใช่เป็นชื่อเรียกชนชาติเขมร แต่เป็นชื่อที่ชาวอยุทธยาเรียกชนพื้นเมืองแถบอีสานใต้ ที่เป็นชาว กุย ส่วย ที่อพย่พม่จากอัตปือประเทศลาวชำนาญในการเลี้ยงช้าง ส่วนที่เข้าใจว่าเป็นภาษาเขมร น่าจะคนละภาษากับเขมรประเทศปัจจุบัน เพราะเขาฟังไม่รู้เรื่องเลย เขมรป่าดงที่ชาวอยุทธยาเรียก น่าจะกำหนดด้านเขตปกครองมากกว่า เพราะมีหลักฐานยืนยันสมัยปลายอยุทธยา ที่ข้างเผือกแตกโรง หนีไปทางเขตเขมรป่าดง(เขตปกครอง)ของอยุทธยา สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริยศึกทรงติดตามช้างไป จนพบโดยมีหัวหน้าชนเผ่าช่วย ทางกรุงศรีอยุทธยาจึงสถาปนาให่เป็นเมือง เจ้าเมือง ขุขันธ เมืองสังขะ อีกหลายเมืองขึ้นต่อกรุงศรีอยุทธย่ตั้งแต่นั้นครับ อย่าบิดเบือนเลย อย่าเป็นยอรจเซเดสะระนังคัจฉามิเลนครับ
เป็นการเรียกเหมารวมประชากรในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นลาว กุย ขอม ถูกเหมารวมว่าเป็นเขมรทั้งหมด
ผมค่อนข้างเห็นด้วยว่า คนกรุงเรียกคนในละแวกนี้ว่าเขมรป่าดง และมีประวัติการจับช้าง...ที่ปรากฎหลักฐานช่วงอยุธยาตอนปลาย แต่จริงๆแล้วแถบนี้มีการตั้งเมือง ตั้งชุมชนมานานมากๆ จึงปรากฎปราสาทหินมากมายและชุมชนโบราณ เช่น เมืองแปะ (ตัวเมืองบุรีรัมย์) ,เมืองผไทยสมัน(เมืองสุรินทร์) ,เมืองพุทไธสง, บ้านทุ่งวัง ,เมืองฝาง, เมืองยาง ,เมืองฝ้าย,บ้านพระครู, บ้านเมืองไผ่, ดงพลอง, บ้านดวนใหญ่ ,บ้านโคกเมือง, ตัวอ.ลำดวน , และอีกมายมายโดยเฉพาะพื้นที่ละแวกอำเภอเมืองยางลำทะเมนชัย ใกล้แม่น้ำมูล มีชุมชนโบราณมากมาย แต่ที่น่าคิดต่อไปคือ ชุมชนที่เป็นเมืองเก่าข้างต้นส่วนใหญ่เป็นชุมชนของคนที่สื่อสารด้วยภาษาเขมร และมีภาษาอื่นบ้างเป็นส่วนน้อย
การจับช้างแม้จะดูมีบันทึก ว่าชาวส่วยเป็นผู้จับช้าง แต่จากข้อเท็จจริงในพื้นที่จริงกลับขัดแย้งกันพอสมควร เพราะถ้าเป็นตามนั้น คนซึ่งได้สร้างเมือง ย่อมสืบเชื้อสายจนปัจจุบันง่ายๆคือเมืองที่ได้สร้างรุ่นๆนั้นควรต้องเป็นชาวส่วยหรือกูย..เช่น 1.เมืองสุรินทร์ เป็นชุมชนเขมร 2.เมืองรัตนบุรี เป็นชุมชนลาว 3.เมืองสังขะ เป็นชุมชนเขมร +ส่วยบางชุมชน 3.เมืองขุขันธ์ ตั้งโดย พระยาขุขันธ์ภักดี(ตากะจะ ชื่อ เขมร แปลว่า ตาแก่ หรือตาฒ่า) เป็นชุมชนเขมร ....
ที่น่าตกใจคืออ.ศรีศักร ให้ความรู้เรื่องนี้ มานานนนนนมากแต่ทุกวันนี้ คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจ แต่ที่น่าหดหู่คือ ราชบัณฑิตทั้งหลาย ยังยึดติดว่า ขอมคือเขมร ทั้งๆ ราชบัณฑิตหลายคน เกิดในยุคที่ประเทศไทยเรามีการเรียนภาษาขอมอยู่ในวัด
ภาษาในจารึกความปราสาทต่างๆ แถบนี้ที่เราท่านเรียกว่าภาษาขอม คนละแวกขุมชมชนโบราณแถบนี้ เขายังสื่อสารกันอยู่จนทุกวันนี้ และก็สามารถอ่านแปลความได้จากภาษานี้ แต่ที่น่าคิดคือ คนในพื้นที่ไม่ได้เรียกตนเองว่าขอม แต่เขาเรียกตนเองว่า "เขมร" ซึ่งที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นท่านสามารถหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ หรือสอบถามคนในพื้นที่ข้างต้นดูก็ได้
@@serisholแค่เรียกคนสุรินทร์ คบุรีรัมย์ ว่าเป็นเขมร เค้ายังโกดเลยคนกัมพูชาแท้รุ่นเก่าๆ เค้ายังพูดเองเลยยว่าอย่าเหมารวมว่าเค้าเป็นเขมรคำว่าเขมร พึ่งมายิ่งใหญ่ช่วงล่าอาณานิคมนี้แหละแต่คนพื้นถิ่นรู้แก่ใจว่าเขมร เป็นเผ่าพันธุ์ทาส เป็นชนชั้นต่ำสุดในสังคมขอม
@@serishol ก็มันอถพยพมาตั้งนานแล้ว.มันก็เรียกว่าตนเองเขมน แล้วแปลกอะไร
@@user-tz9jx8yd2k เรียกตัวเองว่าเขมรมาตั้งแต่สมัยชัยวรมันที่ 7 ละครับ หลักฐานอยู่ในจารึก นม.39
เขากินชูรสก็เลยคิดอะไรง่ายๆแบบสำเร็จรูป.พล่อยๆ
ลำน้ำที่สำคัญในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ คือ ลำปลายมาศ ลำนางรอง ลำปะเทีย ลำชี ที่เหลือเป็นลำน้ำสาขาเล็กๆ ส่วนเมืองตลุงตั้งอยู่ริมลำน้ำเล็กๆคือคลองบุรี มีต้นกำเนิดจากเขาพนมรุ้ง และเป็นสาขาของลำชี
บ้านยางโป่งสะเดาอยู่เขตอำเภอละหารทราย อยู่ไกล้ๆเขาปลายบัด ซึ่งเป็นรอยต่อของ 3 อำเภอ คือ ประโคนชัย ละหารทราย และเฉลิมพระเกียรติ
กระแสหลักสนใจแต่เรื่อง ที่คิดราคาเป็นเงินมากๆ สิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ ฝรั่งสนใจมาก ชื่อเสียงโด่งดัง แต่รายละเอียดทางวิชาการที่ อจ.บอกมานานแล้ว ซึ่งมันเป็นชุมชนเล็กๆ แต่เป็นเครือข่ายใหญ่โตและมีเรื่องราวต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน กลับไม่สนใจ
แผนที่เมืองตะลุงเหมือนที่ศรีเทพเลยค่ะ
Very good information sir ❤
ใกล้กันเมืองตะลุงก้อบ้านแสลงโทนครับ มีคูน้ำโบราณล้อมรอบ
ประวัติศาสตร์ยุคล่าอาณานิคมอีกแระ โคตรงึด
อาจารย์ศรีศักดิ์ รู้จริงว่าครับ
บอกเล่าประวัติศาสตร์อย่างกับเห็นมากับตา คำว่า เขมร ใช้มากี่ปีถ้าบอกว่าเมืองตะลุงยังจะเชื่อ
ประโคนชัยประโคน=ปังโกล = หลักไม้ใหญ่ มีรั้ว ทำคอกใหญ่ ร.1 ผูกช้าง ตั้งชื่อประโคนชัย
จิตตกจริงๆ😑ถ้าได้ยินว่าเขมร...
ปราสาทตะเปียงเบงน่าจะเป็นโอสถศาลามีบารายขนาดใหญ่ปัจจุบันอยุ่ที่บ้านหัววัวตำบลเสม็ดอำเภอเมืองบุรีรัมย์น่าเป็นเส้นทางไปเมืองพิมาย
หนังตะลุงป่าวคับ
บ้านตลุงเก่าม.3 และม.9 ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองตลุง และทั้ง 9หมู่ในตำบลโคกม้า ชาวบ้านสื่อสารด้วยภาษาเขมรทั้งสิ้น ไม่ใช่ส่วยหรือกูยแต่อย่างใด
ขอมกับเขมรต่างกันอย่างไร
ตลุง มากจาก ตาลูง หรือ តាលូង តាឡូង តំលូង แปลว่า มัน
คำว่า"หัวมัน"=ตะโลง,ตันโลงในสมัยเมืองอยุธยาโบราณเรียกเสา"เพนียด"คล้องช้างว่าเสา"ตลุง"
ประโคนชัย=หลักชัยประโคน,ปะโกล=หลัก,เสาตลุง,ตรุง=คอก,เสาคอกช้างความหมายเดียวกัน
ប្រគល់ជ័យ (ปรอกวลเจ็ย หรือ ประโคนชัย แปลว่า มอบความชัยชนะให้)
@@seangpech7887 ไปๆชิวๆ
แต่ก่อนแถบนี้ขึ้นอำเภอนางรอง นางรองขึ้นกับโคราช คนพูดไทย สำเนียงโคราช สำเนียงขแมร์ มีมาสมัยหลัง เอาจริง คนพูดไทยสำเนียงโคราช อยู่ในกัมพูชา ครึ่งประเทศ
แถบนี้โดยเฉพาะประโคนชัยสื่อสารด้วยภาษาเขมรแทบทั้งอำเภอ น่าจะประมาณ เกินกว่า 80% และมีภาษาส่วย และลาวบ้างในบางพื้นที่..ประมาณ 20% แต่ถ้าคุยภาษาไทยจะออกสำเนียงคล้ายนางรอง เพราะอยู่ติดกัน แต่ไม่น่าจะเคยขึ้นกับนางรองเพราะทั้งสองเมืองเขาแข่งกันยิ่งใหญ่จนทุกวันนี้ ซึ่งคนคนพื้นที่เดิมจริงล้วนแต่สื่อสารด้วยภาษาเขมร ส่วนเผ่าอื่นๆค่อยๆอพยพมาจากที่อื่นๆ ในที่นี้ผมขอรวมพื้นที่อ.บ้านกรวด อ.พลับพลาชัย ด้วยเพราะเป็นส่วนหนึ่งประโคนชัยเดิม
@@serisholในประเทศไทยเราเรียกคนใช้ภาษานั้นว่าเขมร แต่ความจริง มันคนละภาษากับเขมรในกัมพูชา
@@-sealai3390 ท่านเข้าใจถูกและก็ไม่ผิด แต่หากเปรียบเทียบ "ภาษาเขมรฝั่งไทย กับ เขมรฝั่งกับพูชา " จะพบว่ามีความเหมือนและต่างกันพอสมควร แต่หากตั้งใจฟังและพิจารณา ก็พอจะสื่อสารกันเข้าใจได้ แต่หากเปรียบเทียบภาษาเขมรฝั่งไทย กับภาษาไทย" จะเห็นว่าต่างกันมากๆ ไม่สามารถสื่อสารกันได้ และภาษาไทย กับภาษาลาว ก็ความคล้ายกันพอสมควร จึงพอสื่อสารกันได้ ที่กล่าวข้างต้นใช่ไม่รักชาติไทยนะ แต่ข้อเท็จจริงในพื้นที่ก็สำคัญ ที่ไม่ควรถูกละเลยหรือตัดความสำคัญออกไป
@@serishol เด่วๆ ไปเรียนที่ไหน ขอมกับเขมรคุยกันได้อ่ะเพ้อเจ้อแล้ว ฝรั้งที่อ่านขอมออกเค้ายังรู้เลยยว่านี้คนละพวกกัน แค่ตัวอักษรคล้ายคลึงแต่ภาษาต่างกันชัดเจนมีแค่นักวิชาการไทยเท่านั้นแหละที่บอกว่า เขมรกับขอม พูดคล้ายกัน ทั้งๆมันไม่จริง มันหมดยุคหนังสือพิมพ์แล้วคับ ทุกวันนี้แค่นักประวัติศาสตร์บิดเบือนความจริง ผู้คนก้อรู้ทันและหาความจริงได้ เพราะข้อมูลหาง่ายขึ้น
@@serisholก็เอาชาวเขมรมารับจ้างทำงานเสร๊จแล้วอยูู่นานก็หนุมสาวก็แต่งงานแต่งการไปก็มีครอบครัวปักหลักอยู่สมัยก่อนป่าเขาลำเนาว์ไพรมีเยอะขอที่ทำนาขอที่ยกบ้านไม่ต้องมีเงินซื้อหรอกค่ะทำนาด้วยกันเสร็จหน้าขา้วก็แบ่งให้(นี่คือค่าแรง)
ถ้าอ้างว่าเป็นตัวเองเป็นนักประวัติศาสตร์เพลงเป็นแค่คนหน้าด้านหน้าหนาคนหนึ่งเท่านั้นเองมาบอกว่าเป็นนักประวัติศาสตร์
คำว่าเขมรป่าดง มิใช่เป็นชื่อเรียกชนชาติเขมร แต่เป็นชื่อที่ชาวอยุทธยาเรียกชนพื้นเมืองแถบอีสานใต้ ที่เป็นชาว กุย ส่วย ที่อพย่พม่จากอัตปือประเทศลาวชำนาญในการเลี้ยงช้าง ส่วนที่เข้าใจว่าเป็นภาษาเขมร น่าจะคนละภาษากับเขมรประเทศปัจจุบัน เพราะเขาฟังไม่รู้เรื่องเลย เขมรป่าดงที่ชาวอยุทธยาเรียก น่าจะกำหนดด้านเขตปกครองมากกว่า เพราะมีหลักฐานยืนยันสมัยปลายอยุทธยา ที่ข้างเผือกแตกโรง หนีไปทางเขตเขมรป่าดง(เขตปกครอง)ของอยุทธยา สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริยศึกทรงติดตามช้างไป จนพบโดยมีหัวหน้าชนเผ่าช่วย ทางกรุงศรีอยุทธยาจึงสถาปนาให่เป็นเมือง เจ้าเมือง ขุขันธ เมืองสังขะ อีกหลายเมืองขึ้นต่อกรุงศรีอยุทธย่ตั้งแต่นั้นครับ อย่าบิดเบือนเลย อย่าเป็นยอรจเซเดสะระนังคัจฉามิเลนครับ
เป็นการเรียกเหมารวมประชากรในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นลาว กุย ขอม ถูกเหมารวมว่าเป็นเขมรทั้งหมด
ผมค่อนข้างเห็นด้วยว่า คนกรุงเรียกคนในละแวกนี้ว่าเขมรป่าดง และมีประวัติการจับช้าง...ที่ปรากฎหลักฐานช่วงอยุธยาตอนปลาย แต่จริงๆแล้วแถบนี้มีการตั้งเมือง ตั้งชุมชนมานานมากๆ จึงปรากฎปราสาทหินมากมายและชุมชนโบราณ เช่น เมืองแปะ (ตัวเมืองบุรีรัมย์) ,เมืองผไทยสมัน(เมืองสุรินทร์) ,เมืองพุทไธสง, บ้านทุ่งวัง ,เมืองฝาง, เมืองยาง ,เมืองฝ้าย,บ้านพระครู, บ้านเมืองไผ่, ดงพลอง, บ้านดวนใหญ่ ,บ้านโคกเมือง, ตัวอ.ลำดวน , และอีกมายมายโดยเฉพาะพื้นที่ละแวกอำเภอเมืองยางลำทะเมนชัย ใกล้แม่น้ำมูล มีชุมชนโบราณมากมาย
แต่ที่น่าคิดต่อไปคือ ชุมชนที่เป็นเมืองเก่าข้างต้นส่วนใหญ่เป็นชุมชนของคนที่สื่อสารด้วยภาษาเขมร และมีภาษาอื่นบ้างเป็นส่วนน้อย
การจับช้างแม้จะดูมีบันทึก ว่าชาวส่วยเป็นผู้จับช้าง แต่จากข้อเท็จจริงในพื้นที่จริงกลับขัดแย้งกันพอสมควร เพราะถ้าเป็นตามนั้น คนซึ่งได้สร้างเมือง ย่อมสืบเชื้อสายจนปัจจุบันง่ายๆคือเมืองที่ได้สร้างรุ่นๆนั้นควรต้องเป็นชาวส่วยหรือกูย..เช่น 1.เมืองสุรินทร์ เป็นชุมชนเขมร 2.เมืองรัตนบุรี เป็นชุมชนลาว 3.เมืองสังขะ เป็นชุมชนเขมร +ส่วยบางชุมชน 3.เมืองขุขันธ์ ตั้งโดย พระยาขุขันธ์ภักดี(ตากะจะ ชื่อ เขมร แปลว่า ตาแก่ หรือตาฒ่า) เป็นชุมชนเขมร ....
ที่น่าตกใจคือ
อ.ศรีศักร ให้ความรู้เรื่องนี้ มานานนนนนมาก
แต่ทุกวันนี้ คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจ
แต่ที่น่าหดหู่คือ ราชบัณฑิตทั้งหลาย ยังยึดติดว่า ขอมคือเขมร ทั้งๆ ราชบัณฑิตหลายคน เกิดในยุคที่ประเทศไทยเรามีการเรียนภาษาขอมอยู่ในวัด
ภาษาในจารึกความปราสาทต่างๆ แถบนี้ที่เราท่านเรียกว่าภาษาขอม คนละแวกขุมชมชนโบราณแถบนี้ เขายังสื่อสารกันอยู่จนทุกวันนี้ และก็สามารถอ่านแปลความได้จากภาษานี้ แต่ที่น่าคิดคือ คนในพื้นที่ไม่ได้เรียกตนเองว่าขอม แต่เขาเรียกตนเองว่า "เขมร"
ซึ่งที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นท่านสามารถหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ หรือสอบถามคนในพื้นที่ข้างต้นดูก็ได้
@@serisholแค่เรียกคนสุรินทร์ คบุรีรัมย์ ว่าเป็นเขมร เค้ายังโกดเลย
คนกัมพูชาแท้รุ่นเก่าๆ เค้ายังพูดเองเลยยว่าอย่าเหมารวมว่าเค้าเป็นเขมร
คำว่าเขมร พึ่งมายิ่งใหญ่ช่วงล่าอาณานิคมนี้แหละ
แต่คนพื้นถิ่นรู้แก่ใจว่าเขมร เป็นเผ่าพันธุ์ทาส เป็นชนชั้นต่ำสุดในสังคมขอม
@@serishol ก็มันอถพยพมาตั้งนานแล้ว.มันก็เรียกว่าตนเองเขมน แล้วแปลกอะไร
@@user-tz9jx8yd2k เรียกตัวเองว่าเขมรมาตั้งแต่สมัยชัยวรมันที่ 7 ละครับ หลักฐานอยู่ในจารึก นม.39
เขากินชูรสก็เลยคิดอะไรง่ายๆแบบสำเร็จรูป.พล่อยๆ
ลำน้ำที่สำคัญในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ คือ ลำปลายมาศ ลำนางรอง ลำปะเทีย ลำชี ที่เหลือเป็นลำน้ำสาขาเล็กๆ ส่วนเมืองตลุงตั้งอยู่ริมลำน้ำเล็กๆคือคลองบุรี มีต้นกำเนิดจากเขาพนมรุ้ง และเป็นสาขาของลำชี
บ้านยางโป่งสะเดาอยู่เขตอำเภอละหารทราย อยู่ไกล้ๆเขาปลายบัด ซึ่งเป็นรอยต่อของ 3 อำเภอ คือ ประโคนชัย ละหารทราย และเฉลิมพระเกียรติ
กระแสหลักสนใจแต่เรื่อง ที่คิดราคาเป็นเงินมากๆ สิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ ฝรั่งสนใจมาก ชื่อเสียงโด่งดัง แต่รายละเอียดทางวิชาการที่ อจ.บอกมานานแล้ว ซึ่งมันเป็นชุมชนเล็กๆ แต่เป็นเครือข่ายใหญ่โตและมีเรื่องราวต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน กลับไม่สนใจ
แผนที่เมืองตะลุงเหมือนที่ศรีเทพเลยค่ะ
Very good information sir ❤
ใกล้กันเมืองตะลุงก้อบ้านแสลงโทนครับ มีคูน้ำโบราณล้อมรอบ
ประวัติศาสตร์ยุคล่าอาณานิคมอีกแระ โคตรงึด
อาจารย์ศรีศักดิ์ รู้จริงว่าครับ
บอกเล่าประวัติศาสตร์อย่างกับเห็นมากับตา คำว่า เขมร ใช้มากี่ปีถ้าบอกว่าเมืองตะลุงยังจะเชื่อ
ประโคนชัย
ประโคน=ปังโกล = หลักไม้ใหญ่ มีรั้ว ทำคอกใหญ่ ร.1 ผูกช้าง ตั้งชื่อประโคนชัย
จิตตกจริงๆ😑ถ้าได้ยินว่าเขมร...
ปราสาทตะเปียงเบงน่าจะเป็นโอสถศาลามีบารายขนาดใหญ่ปัจจุบันอยุ่ที่บ้านหัววัวตำบลเสม็ดอำเภอเมืองบุรีรัมย์น่าเป็นเส้นทางไปเมืองพิมาย
หนังตะลุงป่าวคับ
บ้านตลุงเก่าม.3 และม.9 ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองตลุง และทั้ง 9หมู่ในตำบลโคกม้า ชาวบ้านสื่อสารด้วยภาษาเขมรทั้งสิ้น ไม่ใช่ส่วยหรือกูยแต่อย่างใด
ขอมกับเขมรต่างกันอย่างไร
ตลุง มากจาก ตาลูง หรือ តាលូង តាឡូង តំលូង แปลว่า มัน
คำว่า"หัวมัน"=ตะโลง,ตันโลง
ในสมัยเมืองอยุธยาโบราณ
เรียกเสา"เพนียด"คล้องช้างว่าเสา"ตลุง"
ประโคนชัย=หลักชัย
ประโคน,ปะโกล=หลัก,เสา
ตลุง,ตรุง=คอก,เสาคอกช้าง
ความหมายเดียวกัน
ប្រគល់ជ័យ (ปรอกวลเจ็ย หรือ ประโคนชัย แปลว่า มอบความชัยชนะให้)
@@seangpech7887 ไปๆชิวๆ
แต่ก่อนแถบนี้ขึ้นอำเภอนางรอง นางรองขึ้นกับโคราช คนพูดไทย สำเนียงโคราช สำเนียงขแมร์ มีมาสมัยหลัง เอาจริง คนพูดไทยสำเนียงโคราช อยู่ในกัมพูชา ครึ่งประเทศ
แถบนี้โดยเฉพาะประโคนชัยสื่อสารด้วยภาษาเขมรแทบทั้งอำเภอ น่าจะประมาณ เกินกว่า 80% และมีภาษาส่วย และลาวบ้างในบางพื้นที่..ประมาณ 20%
แต่ถ้าคุยภาษาไทยจะออกสำเนียงคล้ายนางรอง เพราะอยู่ติดกัน แต่ไม่น่าจะเคยขึ้นกับนางรองเพราะทั้งสองเมืองเขาแข่งกันยิ่งใหญ่จนทุกวันนี้ ซึ่งคนคนพื้นที่เดิมจริงล้วนแต่สื่อสารด้วยภาษาเขมร ส่วนเผ่าอื่นๆค่อยๆอพยพมาจากที่อื่นๆ ในที่นี้ผมขอรวมพื้นที่อ.บ้านกรวด อ.พลับพลาชัย ด้วยเพราะเป็นส่วนหนึ่งประโคนชัยเดิม
@@serisholในประเทศไทยเราเรียกคนใช้ภาษานั้นว่าเขมร แต่ความจริง มันคนละภาษากับเขมรในกัมพูชา
@@-sealai3390 ท่านเข้าใจถูกและก็ไม่ผิด แต่หากเปรียบเทียบ "ภาษาเขมรฝั่งไทย กับ เขมรฝั่งกับพูชา " จะพบว่ามีความเหมือนและต่างกันพอสมควร แต่หากตั้งใจฟังและพิจารณา ก็พอจะสื่อสารกันเข้าใจได้
แต่หากเปรียบเทียบภาษาเขมรฝั่งไทย กับภาษาไทย" จะเห็นว่าต่างกันมากๆ ไม่สามารถสื่อสารกันได้ และภาษาไทย กับภาษาลาว ก็ความคล้ายกันพอสมควร จึงพอสื่อสารกันได้
ที่กล่าวข้างต้นใช่ไม่รักชาติไทยนะ แต่ข้อเท็จจริงในพื้นที่ก็สำคัญ ที่ไม่ควรถูกละเลยหรือตัดความสำคัญออกไป
@@serishol เด่วๆ ไปเรียนที่ไหน ขอมกับเขมรคุยกันได้อ่ะ
เพ้อเจ้อแล้ว ฝรั้งที่อ่านขอมออกเค้ายังรู้เลยยว่านี้คนละพวกกัน แค่ตัวอักษรคล้ายคลึงแต่ภาษาต่างกันชัดเจน
มีแค่นักวิชาการไทยเท่านั้นแหละที่บอกว่า เขมรกับขอม พูดคล้ายกัน ทั้งๆมันไม่จริง มันหมดยุคหนังสือพิมพ์แล้วคับ ทุกวันนี้แค่นักประวัติศาสตร์บิดเบือนความจริง ผู้คนก้อรู้ทันและหาความจริงได้ เพราะข้อมูลหาง่ายขึ้น
@@serisholก็เอาชาวเขมรมารับจ้างทำงานเสร๊จแล้วอยูู่นานก็หนุมสาวก็แต่งงานแต่งการไปก็มีครอบครัวปักหลักอยู่สมัยก่อนป่าเขาลำเนาว์ไพรมีเยอะขอที่ทำนาขอที่ยกบ้านไม่ต้องมีเงินซื้อหรอกค่ะทำนาด้วยกันเสร็จหน้าขา้วก็แบ่งให้(นี่คือค่าแรง)
ถ้าอ้างว่าเป็นตัวเองเป็นนักประวัติศาสตร์เพลงเป็นแค่คนหน้าด้านหน้าหนาคนหนึ่งเท่านั้นเองมาบอกว่าเป็นนักประวัติศาสตร์