ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
การจัดงานศพที่ทำให้เกิดบุญกับผู้จัดและอุทิศบุญถึงญาติผู้ตายได้1.นิมนต์พระภิกษุที่เข้าใจธรรมหรือคฤหัสถ์ แสดงธรรมในภาษาไทยโดยไม่ต้องสวดอภิธรรม2.อุทิศบุญที่เกิดปัญญาเข้าใจพระธรรมจากการฟังพระธรรม ให้ญาติผู้ล่วงลับผู้ตายได้ไม่ให้ซอง ไม่ให้เงินพระภิกษุ เพราะพระอาบัติ ญาติผู้ตายไม่อนุโมทนาบุญและไม่บวชหน้าไฟ อันเป็นประเพณีผิด3.ให้ทานทำบุญกับคฤหัสถ์ผู้มีศีล อุทิศให้ญาติถึงผู้ตายได้เนื้อหาสาระดังนี้01:02 บวชหน้าไฟ คนบวชได้บาปเพราะไม่รู้จักบวชเข้าใจผิด02:31 ญาติผู้ล่วงลับคนตายไม่ได้บุญกุศลจากบวชหน้าไฟเพราะเป็นสิ่งที่ผิด03:08 ให้เงินพระบวชใหม่เป็นบุญมาก : เป็นเรื่องเห็นผิดเป็นบาปกับพระ03:54 จัดงานศพอย่างไรที่ทำให้เกิดบุญกับผู้จัดและอุทิศบุญถึงญาติผู้ตายได้06:22 ชักชวนเป็นเจ้าภาพบวชพระใหม่ ระวังมิจฉาชีพและผิดพระธรรมวินัย07:50 เป็นคนดีได้โดยไม่ต้องไปบวช ต่างกับไปบวชแล้วรับเงิน พระอลัชชี พระพุทธเจ้าติเตียน09:11 จะให้เป็นคนดีไม่ใช่เพราะให้ไปบวชแต่ให้ฟังศึกษาพระธรรมแม้คฤหัสถ์ก็ศึกษาพระธรรมได้10:01 มีตนเป็นที่พึ่งคือมีธรรมเป็นที่พึ่งที่ลึกซึ้ง : แนะนำเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่ถูกต้อง21:07 บุญที่เป็นที่พึ่งที่ประเสริฐ บุญเหนือบุญคืออย่างไร30:45 อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ที่ละเอียดลึกซึ้งถูกต้อง
❤❤😂🎉
🎉
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ ท่านเป็นผู้ให้ความรู้ที่ดิฉันเข้าใจตรงนี้วันนี้ในสติปัจฐาน4 ในความลึกซึ้งของธรรม การจะหลุดพ้นได้เพียงธรรม4ข้อนี้พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำมาตลอด ขอบคุณตัวเองที่ปัญญาเกิดขึ้นได้จากเวลาที่เพียรหาความจริงหลายสิบปี ต่อไปจะเฝ้าดู เฝ้าพิจารณา เพื่อการหลุดพ้นการเกิด สาธุสาธุสาธุ
การบวชทดแทนพระคุณของมารดาบิดาหรือให้ญาติสบายใจ ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า ไม่ถูกต้อง มีแต่บวชเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่ การบวช คือ อะไร เป็นต้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจ และประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ เป็นคฤหัสถ์ ดำรงตนอยู่ในพระธรรมคำสอน ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง น้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม พร้อมทั้งมีการอบรม เจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกในธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็เป็นคฤหัสถ์ที่ดีได้ (โดยไม่ต้องบวชถือเพศเป็นบรรพชิตก็ได้)บุญหรือกุศลเกิดขึ้นกับใครก็เป็นบุญของคนนั้น ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นก็เป็น กุศลของคนนั้น ขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ก็ไม่ใช่บุญในขณะนั้น กุศลหรือบุญไม่ใช่การที่อีกคนหนึ่งทำแล้ว คนที่อยู่ใกล้ชิดก็จะได้รับหรือเป็นบุญด้วย ใครทำใครก็ได้ครับ ใครกุศลจิตเกิดก็เป็นบุญของคนนั้น ในพระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า การที่ให้บุตรบวชชื่อว่าเป็นทายาทของพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อบุตรบวชแล้ว บิดามารดาจะได้บุญ หากไม่มีความเข้าใจหรือกุศลจิตไม่เกิดก็ไม่ใช่บุญครับจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชตามพระพุทธศาสนา ดังนี้ครับพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 73ข้อความบางตอนจาก ...รัฐปาลเถรคาถาจริงอยู่ กามทั้งหลายวิจิตรด้วยรูป เป็นต้น คือ มีรูปแปลกๆ โดยเป็นรูปสีเขียวเป็นต้น. กามทั้งหลายแสดงความชอบใจโดยประการนั้นๆ ด้วยรูปแปลกๆ นั้น อย่างนี้แล้ว ย่อมย่ำยีจิต คือ ไม่ให้ยินดีในการบรรพชา เพราะเหตุนั้น เราเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย โดยมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก เป็นต้น เพราะฉะนั้น คือ เพราะการเห็นโทษในกามคุณนั้น เราจึงบวช
สาธุๆ ครับ ชอบมาก ฟังแล้ว เกิดปัญญาขึ้นเยอะ
ทุกวันนี้พระส่วนใหญ่บวชหาเงินร้อยล่ะ95%ทั้งที่จะสร้างวัดก็ขอญาติยมช่วยทุกอย่างแต่พระก็ถือสิทธ์เป็นเจ้าของวัด บางวัดก็ปฏิบัตรไม่ถูกต้อง ไม่ได้ใส่ร้ายพระแต่พระดีๆก็มีแต่น้อยมาก
งานศพเดี๋ยวนี้พระรวยมาก สวดศพคืนหนึ่งได้เป็นพัน ได้น้อยก็บ่นว่าไม่คุ้มค่า ที่มาสวด จำเริญๆ
ไม่ไช่พระแล้วอย่างนั้น
หัวข้อ คลิปนี้ ตรงและจริงที่สุด 10:01 มีตนเป็นที่พึ่งคือมีธรรมเป็นที่พึ่งที่ลึกซึ้ง : แนะนำเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่ถูกต้อง..ได้รับความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ ..จุดประสงค์ที่ถูกต้องของการศึกษาพระธรรมคือเพื่อเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพของจิต ซึ่งเป็นนามธรรม ซึ่งเป็นธาตุรู้ที่กำลังรู้ในขณะนี้ การอบรมเจริญสติปัฏฐานกุศลทั้งหลายจะเป็นบารมีที่อุปการะเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน กราบอนุโมทนาในกุศลของอาจารย์ผเดิม ในการเผยแพร่ความจริง สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดีด้วยความเคารพ สาธุสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนากับทุกท่าน
@@sabbe.dhamma.anatta มรรคสัจจ์ เป็นความจริงเป็นหนทางที่จะรู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริง เป็นหนทางที่จะละคลายโลภะเป็นหนทางที่จะดำเนินไปสู่พระนิพพาน ก่อนที่อริยมรรคมีองค์แปดจะเกิดสมบูรณ์ก็ต้องมีการอบรมเจริญโสภณธรรมตามลำดับ พระศาสดาจึงแสดงโพธิปักกิยธรรม37ประการตั้งแต่สติปัฏฐาน4 ทีละเล็กทีละน้อยบ่อยๆเนื่องๆจนกว่าจะทั่วจนกว่าจะมีกำลังจึงไม่ปราศจากความเพียรเลย อบรมนานแสนนาน กราบอนุโมทนาบุญกับ อาจารย์รุ่นพี่ด้วยค่ะ สาธุค่ะ
@@ต้นสาระ-ห6ฝ กราบอนุโมทานาบุญด้วยค่ะ น้อง ต้น สาระ
@@sabbe.dhamma.anatta กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดี ด้วยความเคารพ สาธุสาธุค่ะ
ดิฉันจำแม่น ทำบุญเช้าให้สามีที่เสียชีวิต พระท่านว่าสวดจนคอแห้งใส่ซองนิดเดียว ซึมเลยเรา
สาธุๆค่ะขอบคุณค่ะ❤❤❤
อนุโมทนาบุญกุศล ฟังธรรมะ อาจารย์ Paderm สาธุๆๆๆ
ไปทำบุญ 100 วัน ให้แม่ ถวายปัจจัยแล้ว พระไม่ได้มาสวด แต่มานั่งฉันโต๊ะจีน ทวงซองด้วยค่ะ ประหลาดใจมากนะคะ
ผมขออนุญาตแนะนำวิธีที่ถูกกันเพิ่มเติมครับ เชิญอ่านครับ@user-ms2xw4tc5wสวัสดีค่ะอ.ผเดิม ที่บ้านศึกษาคำสอนแล้วตกลงกลับครอบครัวตายเอกสารครบเผาเลยค่ะไปติดต่อวัดในจ.สัปเหร่อคิด5,000บาทแถมโลงศพตอนแรกบอกสัปเหร่อโลงไม่เอาได้ไหมกลัวเขาคิดเงินเพิ่มส.บอกให้ฟรีไม่ใส่โลงยกศพลำบากติดต่อไว้4ปีแล้วเอกสารครบเขาถึงจะเผาให้ค่ะตายให้โทรไปบอกศพอยู่ที่ไหนสัปเหร่อจะมาขนศพไปเผาให้ญาติไม่ต้องไปค่ะกระดูกไม่เก็บทิ้งเลยเงินมีเอาไว้ให้ลูกใช้ในชีวิตประจำวันเป็นกุศลครั้งสุดท้ายที่ไม่เบียดเบียนใครแม้คนในครอบครัวประหยัดง่ายสงบไม่ให้ใครเดือดร้อนในสังขาลเราค่ะ(ผู้มางานศพบางท่านเขาแทบจะไม่มีเงินซื้ออาหารกินพอมีงานศพคนรู้จักตายก็ต้องหาเงินมาใส่ซองทั้งที่ตัวเองลำบากอยู่เข้าข่ายเบียดเบียนตัวเองค่ะ)บาปจากตาหูจมูกลิ้นกายใจน่ากลัวค่ะขอบคุณค่ะที่มาความคิดเห็นจากคลิปนี้ครับ การจัดงานศพที่ถูกต้องและประหยัดตามหลักพระพุทธศาสนา th-cam.com/video/5guTO2wQzw8/w-d-xo.htmlsi=YIksmB87YA3oo_PL
ทุกสิ่ง อยู่ที่ จิต จิตคิดดี ทำดี เป็นบุญกุศล ของธรรมชาติ
คิดเองว่าดีแต่ทำด้วยความไม่รู้จักบวช โมหะไม่ดี ไม่ใช่บุญครับเริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชตามพระพุทธศาสนาไม่ใช่ตามเราคิดเอง ดังนี้ครับพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 73ข้อความบางตอนจาก ...รัฐปาลเถรคาถาจริงอยู่ กามทั้งหลายวิจิตรด้วยรูป เป็นต้น คือ มีรูปแปลกๆ โดยเป็นรูปสีเขียวเป็นต้น. กามทั้งหลายแสดงความชอบใจโดยประการนั้นๆ ด้วยรูปแปลกๆ นั้น อย่างนี้แล้ว ย่อมย่ำยีจิต คือ ไม่ให้ยินดีในการบรรพชา เพราะเหตุนั้น เราเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย โดยมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก เป็นต้น เพราะฉะนั้น คือ เพราะการเห็นโทษในกามคุณนั้น เราจึงบวช
ในการที่คนบวชเพราะไม่รู้บวชตามประเพณีทดแทนคุณพ่อแม่ คิดว่านึกว่าจะได้บุญ. จัดงานใหญ่โต เต็มไปด้วยกิเลส. พอเป็นพระก็ไม่ศึกษาธรรม ทำกันตามประเพณีของญาติโยม นิมนต์ถวายรับปัจจัย. รวยมีเงิน กิเลสก็หนาขึ้นกว่าเดิมทำลายศาสนาความเชื่อผิดๆ. คฤหัสถ์ก็แสดงธรรมได้ ให้ธรรมเป็นทาน คือทานเหนือทานอื่นใด. ขออนุโมทนา
ใช่ครับผมเห็นด้วย จะใด้บุญเป็นไปไม่ใด้..สาธุ.สาธุ.สาธุ.
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ อาจารย์
🙏 ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์ชี้แนะเกรงกลัวต่อบาปกรรมมากๆเลยค่ะ สาธุค่ะ
ยินดีในกุศลทุกประการกราบอนุโมทนาสาธุครับ
I understand your explanation n I was hoping everyone should listen n learn more from from u thank you
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ 🙏🏻
ความจริงคนบวชจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก เพราะส่วนมากจะเป็นเด็ก แต่คนที่ให้บวชนี้ซิบาปแน่
พระก็ไม่รู้เรื่องในพิธีงานศพ เอาบุญมาล่อเอาบาปมาขาย เดี๋ยวนี้มันเพี้ยนไปหมดแล้ว
😢อาจารย์พูดถูกอย่างยิ่งค่ะ
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ผเดิมที่เคารพอย่างสูงกราบอนุโมทนาสาธุ...🙏🙏🙏...จากนราธิวาสครับผม...🙏👍🌄🌻
สาธุๆค่ะที่ให้รุ้ในสี่งๆนี้🙏🙏🙏
อนุโมทนาที่ให้ความรู้ในทุกๆเรื่อง สาธุๆๆค่ะ
พระพุทธเจ้าท่านไม่ยินดีในเงินและทองละกิเลสทั้งปวงจึงออกบวชเพื่อหยุดการเกิดแก่เจ็บตาย เพราะท่านเห็นทุกข์ตามความเป็นจริงค่ะพระพุทธเจ้าท่านมีศีล สมาธิ ปัญญาที่บริสุทธิ์และเป็นผู้บอกทางให้เดินจะเดินกันหรือไม่อยู่ที่เลือกค่ะขอบคุณอาจารย์ค่ะ
กราบอนุโมทนาในพระธรรมคำสอนสาธุค่ะ
สาธุๆ🙏💕🙏💕🙏💕
อาจารย์คะ ฟังธรรมแล้วอยากอุทิศบุญให้น้องที่เสียไปต้องเอ่ยชื่อนามสกุลหรือต้องพูดว่าอย่างไรมั้ยคะ รบกวนอาจารย์หน่อยค่ะ
สามารถกล่าวอุทิศชื่อนามสกุลและบุญที่ได้ทำได้ครับ
ตาสว่างทุกคลิปเลยค่ะ..ขอบคุณจะนำไปปฏิบัติ
กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์
สาธุ อนุโมทามิ ครับ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ 🙏♥️
ຂອບໃຈທີ່ສະແດງໃຫ້ເຫັນຄວາມຈິງຂອງທຳມະອະນຸໂມສາທຸ ສາທຸ ສາທຸ
ขอ..ออกความคิดเห็นสักนิด..น่ะครับพระรับปัจจัย..ผิดศีลผิดวินัย..ถ้าสมมติว่าพระป่วยจะไปโรงพยาบาล..จะให้พระเดินไปหรือ..สมัยพระพุทธเจ้า..กับสมัยนี้..ห่างกันเป็นเวลา..2566ปีสมัยก่อนไม่มีเครื่องบินสยัยนี้มีเครื่องบินแล้วครับ..
ค่าหมอ ค่ายาไม่ฟรี เดินทางไปหาหมอ ก็ไม่ฟรี จำเป็นที่ยุคสมัยนี้ต้องใช้เงิน และพระต้องรับเงินปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้าทำวิธีการที่ถูกต้อง คือ พระไม่รับเงิน แต่ฆราวาสให้เงินกับคฤหัสถ์ผู้เป็นไวยาวัจกรของวัดโดยตรงดูแล ที่เป็นคนดี มีคุณธรรม และเมื่อพระต้องการยา การเดินทางไปหาหมอ การเดินทาง ไวยาวัจกรนั้นก็จัดสิ่งที่เหมาะสม สมควรให้กับภิกษุนั้นได้ อันทำให้พระไม่ต้องอาบัติรับเงินทอง ยินดีในเงินทอง เพราะมีเงินส่วนกลางของวัดในการบริหารจัดการ ทั้งในเรื่องค่ายา ค่าอื่นๆ ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย อันเป็นสิ่งของที่เป็นกัปปิยะ เหมาะสมกับพระภิกษุ ก็สามารถแจ้งไวยาวัจกรวัดได้ในการจัดหา และในสมัยพุทธกาล ภิกษุทั้งหลายก็ดูแลกันเอง มียาตามสมัย ที่เป็นเภสัช มี น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ยาดองมูตรเน่า เป็นต้น และแม้ปัจจุบัน จะเปลี่ยนไปอย่างไรก็สามารถใช้วิธีการให้คฤหัสถ์ดูแลได้ในเรื่องยาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งโรงพยาบาลสงฆ์ก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากเป็นภิกษุที่ประพฤติดีประพฤติชอบ ก็ย่อมจะเป็นผู้มีโยมอุปัฏฐาก ที่ปวารณาช่วยเหลือในสิ่งที่เหมาะสม
คนฉลาด คนดี มีความรู้ เป็นนักปราช ก็คิดอย่างนี้แหละ
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ ฟังอาจารย์เผดิมบรรยายเข้าใจง่าย ซาบซึ้งที่สุดค่ะ
เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
สาธุๆๆค่ะหนูขอแชร์นะค่ะ
ถูกต้องครับ
สาธุ
ลึกมากๆ เข้าใจยาก.
ค่อยๆฟังไปครับเพราะคนที่เข้าใจในคลิปนี้มีครับ
ใช่พุดตรงๆจะได้มั้ย
ดิฉันขอถามอาจารย์เผดิมด้วยค่ะ ถ้าเขามีความประสงค์จิตศรัทธามาถึงเราไปร่วมงานบวชเราไปแล้วได้บุญไหมคะช่วยตอบด้วยค่ะ
บุญอยู่ที่จิต แต่คนมักใช้คำว่า ศรัทธาผิด คิดว่าอยากบวชคือศรัทธา โดยไม่เข้าใจว่าบวชคืออะไร บวชเพื่ออะไร บวชตามประเพณีผิด ก็เป็นความเห็นผิดจึงไม่ใช่ศรัทธา ไปงานบวชชื่นชมสิ่งที่ผิด คิดได้เองครับว่าเป็นบุญหรือบาปครับ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สิ่งที่ควรเสพ (เสวิตัพพา )คือ เสพแล้วกุศลกรรมเพิ่ม อกุศลกรรมลดเป็นสิ่งที่ควรเสพยิ่ง ยิ่งบวชก็เป็นเรื่องที่ยาก และการบวชหน้าไฟก็เป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อผู้วายชนอย่างสูงสุด เป็นครั้งสุดท้าย นอกเหนือจากการสวดพระอภิธรรม ก็ไม่ได้ทำให้อกุศลกรรมเพิ่มขึ้น แม้ในประเด็นนี้ พระพุทธเจ้าจะไม่ได้ตรัสไว้ก็ตาม เราต้องโยนิโสมนสิการเอา .
เริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
การเข้าใจผิดว่าบวชคือการทดแทนบุญคุณ ความเข้าใจผิดเป็นบาปไม่ใช่บุญ"การบวชทดแทนพระคุณกตัญญูต่อญาตติมารดาบิดา"ไม่มีในคำสอนพระพุทธเจ้า มีแต่บวชเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่ การบวช คือ อะไร เป็นต้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจ และประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ เป็นคฤหัสถ์ ดำรงตนอยู่ในพระธรรมคำสอน ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง น้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม พร้อมทั้งมีการอบรม เจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกในธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็เป็นคฤหัสถ์ที่ดีได้ (โดยไม่ต้องบวชถือเพศเป็นบรรพชิตก็ได้)บุญหรือกุศลเกิดขึ้นกับใครก็เป็นบุญของคนนั้น ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นก็เป็น กุศลของคนนั้น ขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ก็ไม่ใช่บุญในขณะนั้น กุศลหรือบุญไม่ใช่การที่อีกคนหนึ่งทำแล้ว คนที่อยู่ใกล้ชิดก็จะได้รับหรือเป็นบุญด้วย ใครทำใครก็ได้ครับ ใครกุศลจิตเกิดก็เป็นบุญของคนนั้น ในพระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า การที่ให้บุตรบวชชื่อว่าเป็นทายาทของพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อบุตรบวชแล้ว บิดามารดาจะได้บุญ หากไม่มีความเข้าใจหรือกุศลจิตไม่เกิดก็ไม่ใช่บุญครับ
การตอบแทนคุณมารดาบิดาหรือญาติผู้ล่วงลับตามคำพระพุทธเจ้า ไม่ใช่การไปบวช แต่ทรงแสดงในสิงคาลกสูตรว่าคือการทำบุญอุทิศกุศลไปให้ และประการต่างๆดังนี้ ดูกรคฤหบดีบุตร มารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า อันบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ด้วยตั้งใจไว้ว่าท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ ๑ จักรับทำกิจของท่าน ๑ จักดำรงวงศ์สกุล ๑ จักปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก ๑ ก็หรือเมื่อท่านละไปแล้ว ทำกาลกิริยาแล้ว จักตามเพิ่มให้ซึ่งทักษิณา ๑ ฯ
พ่อแม่ผมตายหมดแล้ว และก่อนท่านตายผมก็ได้ทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณท่านอย่างยิ่ง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ ดูแลรักษาท่าน ประกอบกับทำให้บิดามารดา ที่มีมิจฉาทิฐิ เกิดสัมมาทิฏฐิ และทำให้มารดาและบิดาผู้ไม่มีศรัทธา สมาทาน ตั้งมั่น ดำรงอยู่ในสัทธาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา) ให้มารดาและบิดาผู้ทุศีล สมาทาน ตั้งมั่นดำรงอยู่ในสีลสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศีล) ให้มารดาและบิดาผู้ตระหนี่ สมาทานตั้งมั่น ดำรงอยู่ในจาคสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยการเสียสละ) ให้มารดาและบิดาผู้ไม่มีปัญญา สมาทาน ตั้งมั่น ดำรงอยู่ในปัญญาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยปัญญา) พอท่านตาย ผมบวชหน้าไฟ เป็นพระอยู่ 2 เดือน ปฎิบัติตามธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ทุกประการ ในศีล สมาธิ ปัญญา ประกอบกับอธิษฐานจิต ให้กับบิดามารดา และแผ่เมตตาไปยังเหล่าสรรพสัตว์ทุกตัวตนไม่มีที่สิ้นสุด …
ดังนั้นต้องตามคำพระพุทธเจ้าไม่ใช่ตามความคิดเราเองว่าบวชหน้าไฟเป็นการตอบแทนคุณมารดา ถ้าเราจะเอาตามความคิดเราเอง ก็ไม่ได้นับถือพระพุทธเจ้า และไม่ได้เห็นด้วยกับผมครับ แต่ไม่เห็นด้วยกับพระพุทธเจ้าครับ ไม่เอาประเพณีผิดคิดเอง มาแย้งคำพระพุทธเจ้าครับการตอบแทนคุณมารดาบิดาหรือญาติผู้ล่วงลับตามคำพระพุทธเจ้า ไม่ใช่การไปบวช แต่ทรงแสดงในสิงคาลกสูตรว่าคือการทำบุญอุทิศกุศลไปให้ และประการต่างๆดังนี้ ดูกรคฤหบดีบุตร มารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า อันบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ด้วยตั้งใจไว้ว่าท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ ๑ จักรับทำกิจของท่าน ๑ จักดำรงวงศ์สกุล ๑ จักปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก ๑ ก็หรือเมื่อท่านละไปแล้ว ทำกาลกิริยาแล้ว จักตามเพิ่มให้ซึ่งทักษิณา ๑ ฯ
กราบสาธุสาธุสาธุ
อนุโมทามิ
กราบสาธุครับ
ขอทราบครับ ในกรณีงานมงคลและงานอวมงคลการถวายพานพระพุทธโดยใส่ซองปัจจัยถวายด้วยถูกต้องหรือไม่
เป็นความเห็นผิด พระพุทธเจ้าทรงแสดงโทษของการที่ภิกษุรับเงิน ทั้งทรงปรินิพพานแล้ว ไม่สามารถรับเงินทอง เงินจึงไม่ใช่สิ่งบูชาพระธรรมคำสอน บูชาพระพุทธเจ้าด้วยเงินทอง ก็มีแต่บาปด้วยความไม่รู้เห็นผิด
ถูกต้องแล้ว ของที่เราถวายพระจะไปปรากฏในโลกทิพย์หลังจากที่เราตายไปจะเห็นเอง ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหาร เงินทอง หลายคนที่ระลึกชาติก่อนได้และคนที่ฟื้นจากความตายมาก็จะพูดเหมือนกันหมด
@@ฟ้าใสใจสุข ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า
@@sabbe.dhamma.anatta ก็พระพุทธเจ้าพูดเองนี่ว่า พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก เมื่อทำบุญอะไรก็เหมือนหว่านข้าวลงในนาที่ดียอ่มได้ผลที่ดี ผลบุญก็ถึงเราและญาติของเราเมื่อตายแล้ว ทำไมจะไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าเล่า ไอ้นอ้งไปฟังมาผิดหรือเปล่า
@@ฟ้าใสใจสุข สงฆ์ หมายถึงอะไร อลัชชีนับเป็นสงฆ์ไหม ผู้ไม่ไตร่ตรอง ก็ไม่เข้าใจ
ทำตามที่ท่านแนะนำก็ทำไม่ได้ เพราะเราอยู่ในสังคมและตามประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านาน
พระธรรมไม่ได้แสดงให้เห็นคนที่เห็นผิด เข้าใจผิด ไม่ได้สะสมปัญญามาครับ เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกคน พระพุทธเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนคนเห็นผิดที่มีกำลังมากได้ และคนเห็นผิดย่อมมีมากกว่าอยู่แล้ว แต่พระองค์แสดงพระธรรมให้คนที่เข้าใจถูก สะสมความเห็นถูกมา เเม้เพียงเล้กน้อย มีคนเดียว พระองค์ก็เสด็จไปแสดงธรรมให้บุคคลนั้นเข้าใจ คือ บุคคลที่สะสมความเห็นถูกมานั่นเองครับ ซึ่งก็มีคนเห็นถูกแล้วในเรื่องการบวชหน้าไฟในคลิปนี้ครับ ขออนุโมทนา
เกิดมาก็เจอ แล้วสิ่งที่พูดมาให้ใครฟังพระไม่เห็นพูดเลย
อนุโมทนาสาธุค่ะ❤❤❤
ผู้ใดได้บวชบุตรผู้อื่นให้เป็นสามเณรผู้นั้นจักได้อานิสงส์4กัลป์ผู้ใดได้บวชบุตรตนเองให้เป็นสามเณรจักได้อานิสงส์8กัลป์คุณใช้สมองส่วนไหนคิด
แล้วบวชด้วยความไม่รู้เห็นผิด จะได้เป็นภิกษุสามเณรในพระธรรมวินัยหรือได้เป็นอลัชชี ให้บวช บวชให้ ด้วยความไม่รู้ ด้วยความเห็นผิด จะได้อะไร ดีเท่าไหร่ก็บาปเท่านั้น
พระบางรูปไม่สนใจธรรม วินัย เฉไฉ ตีความเข้าข้างกิเลสตน นำพาญาติโยมทำผิดๆหวังลาภสักการะ นำพากราบไหว้ลือสี ยักษ์ นาค กายแก้ว ยึดปะเพณีเสียๆหายๆ..อนิจจาหาเนื้อนาบุญในผ้าเหลืองยากจริงๆ
สาธุครับอาจารย์
ปัจจุบันทางเหนือเมื่อบิดา มารดา หรือญาติตาย นิยมบวชหน้าไฟกันครับจะได้บุญหรือไม่เพราะผู้บวชมีจิตศรัทธาเขาจะพากันบวชที่วัดโดยมีพระสงฆ์บวชให้แล้วพากันมาที่บ้านศพของญาติผู้ตายแล้วมาจูงนำศพไปป่าช้าครับ
คำว่าศรัทธามาใช้ผิด ทำด้วยความไม่รู้จักบวช ไม่ใช่ศรัทธา ครับเริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
มันเป็นการสืบทอดมายาวนานแล้วค่ะ การบวชหน้าไฟก็เหมือนกัน ไม่เคยมีพระรูปใหนบอกว่าเป็นบาป ก็คงสืบทอดกันไปเรื่อยๆ
อันดับแรกต้องเข้าใจว่าบุญคืออะไรและบาปคืออะไรต้องเข้าใจสองอย่างนี้ก่อน ถ้าไม่เข้าใจสองอย่างนี้ย ากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้
ผู้ฟังและสะสมปัญญาย่อมเข้าใจครับ ไม่ได้สะสมปัญญามาไม่ฟังก็ไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องปกติครับพระธรรมไม่ได้แสดงให้เห็นคนที่เห็นผิด เข้าใจผิด ไม่ได้สะสมปัญญามาครับ เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกคน พระพุทธเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนคนเห็นผิดที่มีกำลังมากได้ และคนเห็นผิดย่อมมีมากกว่าอยู่แล้ว แต่พระองค์แสดงพระธรรมให้คนที่เข้าใจถูก สะสมความเห็นถูกมา เเม้เพียงเล้กน้อย มีคนเดียว พระองค์ก็เสด็จไปแสดงธรรมให้บุคคลนั้นเข้าใจ คือ บุคคลที่สะสมความเห็นถูกมานั่นเองครับ ซึ่งก็มีคนเห็นถูกแล้วในเรื่องบวชหน้าไฟครับ ขออนุโมทนา
ถ้าเราเสียแล้วแล้วเขียนสั่งไว้ว่าไม่ให้สวดตายเช้าเผาเย็นมีพระนำหน้าองค์เดียวใด้ใหมค่ะ
พระ ต้องจ่าย ค่า ไฟ ค่าน้ำ น้ำยาล้างจาน สบู่ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาล้างพื้น น้ำยาเช็ดกระจกไม่มีเงิน จะทำยังไง
เรื่องค่าน้ำ ค่าไฟในวัด แม้ในในอดีตและปัจจุบันก็มีบางวัดประพฤติตามพระวินัย ที่ให้คฤหัสถ์เป็นคนรับเงินของวัด ดูแลเงิน จัดการเงินและจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ โดยที่พระไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินและทองเลย ท่านไม่ต้องอาบัติ แต่เลือกคฤหัสถ์ที่ดี มีคุณธรรมเป็นไวยาวัจกรในการจัดการดูแลเงิน และพระภิกษุก็มีหน้าที่ศึกษาพระธรรม และปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เพราะบวชมาจุดประสงค์คือ ละอาคารบ้านเรือน ไม่ประพฤติตนดั่งเช่นคฤหัสถ์และบวชเพื่อถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบโดยส่วนเดียว และไม่ใช่ข้ออ้างว่าคฤหัสถ์จะทุจริตเงินวัด จึงจำเป็นที่พระภิกษุต้องรับเงินดูแลเงินเอง ทำทุจริต ผิดพระวินัยเสียเอง เพราะพระรับเงิน ยินดีในเงินทอง เป็นทุจริตแล้วตามพระวินัยบัญญัติ ครับ ขออนุโมทนา
บวชเพื่อขัดเกลาตนเอง ดีกว่า บวชอุทิศให้คนที่จากไปแล้ว
ไม่มีความรู้ก็บวชไปทำผิด เป็นคนดีได้แม้ไม่ได้บวชครับ
สมัยนี้จะไปหาที่ไหนได้ฆารวาสที่มีศีลมีธรรมเหมือนอนาถอินทีกะเศรษฐีและนางวิสาขาแม้กระทั่งพระสงฆ์ยังหาพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยากเลยทำบุญสมัยนี้หาเนื้อนาบุญยากจริงๆกรณีแบบนี้ จะทำยังไงได้คะ
คนดีย่อมรู้ว่าคนไหนเป็นคนดี คนไม่ดีย่อมไม่รู้ครับ บัณฑิตเห็นบัณฑิต พาลย่อมไม่รู้จักบัณฑิตครับ
ศึกษาพระธรรมอย่างละเอียดลึกซึ้ง จึงจะรู้ว่าใครเป็นคนดีไม่ดีครับ
ฟังอยู่(เห็นด้วย)ขอบคุณครับ
สาธุครับ🌷🙏
คนที่พูดรู้ได้ไง ได้บุญได้บาป เอาอะไรมาวัดผมบวขอยู่4ปี พูดกันไปเรื่อย
บวชแปลว่า ลด ละ เลิกไม่ใช่พิธีกรรม
ขอสอบถามครับ อยากจะทำให้คนตายได้บุญเป็นบาปหรือครับ เขาเรียกว่าความโลภหรือครับ
อยาก คือ โลภะ ทำด้วยความไม่รู้ วิธีผิด โมหะ โลภะและโมหะ คือ กิเลส เป็นบาปครับ
ทำไมช่องนี้พูดเรื่องพระรับเงินเป็นบาป พระสมัยนี้ไม่เหมือนก่อนแล้วรับเงินได้ใช้ในที่ถูกที่ควรเช่น ค่าไฟ-ค่าน้ำในวัดค่าเดินทาง
พระรับเงินอาบัติเป็นบาปครับพระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 940พระบัญญัติ๓๗. อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์. พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้าที่ 212มณิจูฬกสูตร“ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ... เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย.” พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 327อปายสูตร“คนเป็นอันมากอันผ้ากาสาวะพันคอ มีธรรมอันลามก ไม่สำรวม คนลามกเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก เพราะกรรมอันลามกทั้งหลาย ก้อนเหล็กร้อนเปรียบด้วยเปลวไฟ อันผู้ทุศีลบริโภคแล้วยังประเสริฐกว่า ผู้ทุศีล ไม่สำรวม พึงบริโภคก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น จะประเสริฐอะไร.”
ซ่อมและสร้างโบสถ์ศาลาวัด พระไม่ใช่ผู้เรี่ยไรเงิน พระไม่ใช่ผู้รับเงิน แต่คฤหัสถ์เป็นคนจัดการเรื่องเงินคฤหัสถ์ผู้ฉลาดและเคารพระธรรม เคารพพระพุทธเจ้าและเคารพพระสงฆ์ ย่อมปฏิบัติตามพระวินัย คือไม่ถวายเงินทองกับพระภิกษุและเคารพพระสงฆ์ ไม่ถวายของที่เป็นอกัปปิยะ ของที่ไม่สมควร มีเงิน เป็นต้น กับพระภิกษุเพราะทำให้ท่านต้องอาบัติ คฤหัสถ์ผู้ฉลาดเคารพในพระรัตนตรัย จึงทำวิธีการที่ถูกต้อง ดั่งเช่น สมัยพุทธกาล นางวิสาขา ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร ไม่ได้เอาเงินไปถวายพระพุทธเจ้า ไม่ได้เอาเงินไปถวายท่านพระสารีบุตร เพราะท่านเหล่านั้นเคารพพระพุทธเจ้า เคารพพระธรรม เคารพพระสงฆ์ แต่สร้างวัดถวายเองโดยไม่ให้พระยุ่งเกี่ยวกับเงินและทอง เวลาที่จะสร้างอย่างอื่น เช่น โรงครัว อุบาสก อุบากสิกา ผู้เข้าใจพระธรรม ก็กล่าวบอกกับพระภิกษุ และสร้างถวาย โดยไม่ใช่เอาเงินไปให้ท่าน นี่คือ วิธีการที่ถูกต้อง เป็นการรักษาพระวินัย และดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาข้อความในพระไตรปิฎก แสดงความจริงว่า การสร้างวัด เป็นต้น ไม่ใช่การให้เงินพระโดยตรง ไม่มีการที่พระทำกฐิน ผ้าป่า เงินทอง แต่คฤหัสถ์เป็นคนจัดการเรื่องเงินสร้างวัดให้ท่านพระอุเทน “พราหมณ์ พระเจ้าอังคะโปรดพระราชทานอะไรเป็นเบี้ยเลี้ยงประจำแก่ท่านทุกวัน”โฆฏมุขพราหมณ์ “ท่านอุเทน พระเจ้าอังคะโปรดพระราชทานทรัพย์ ๕๐๐ กหาปณะเป็นเบี้ยเลี้ยงประจำแก่ข้าพเจ้าทุกวัน”ท่านพระอุเทน “พราหมณ์ การรับทองและเงินไม่สมควรแก่อาตมภาพทั้งหลาย”โฆฏมุขพราหมณ์ “ท่านอุเทน ถ้าทองและเงินนั้นไม่สมควร ข้าพเจ้าจะให้สร้างวิหารถวายท่านอุเทน”ท่านพระอุเทน กล่าวว่า “พราหมณ์ ถ้าท่านปรารถนาจะให้สร้างวิหารถวายอาตมภาพ ก็ขอให้สร้างโรงฉันถวายแก่สงฆ์ในเมืองปาตลีบุตรเถิด”ข้อความบางตอนในโฆฏมุขสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓
ทุกๆสิ่งอยู่ที่เจตนา
เจตนาด้วยความเข้าใจผิดเป็นบาป ครับ
ช่วยอธิบายคำว่าบาปให้ฟังหน่อยครับ
อธิบายไว้แล้วในคลิป คลิกที่ตัวเลขสีฟ้าครับ 01:02 บวชหน้าไฟ คนบวชได้บาปเพราะไม่รู้จักบวชเข้าใจผิด
ถ้าให้เงินพระแล้วพระอาบัต..พระทั่วไปรับเงินเหมือนกันทั้งหมดนิมนต์ไปทำอะไรถ้าไม่ให้ซองก็ว่า
ไม่ต้องนิมนต์พระ ครับ ทำกุศลอื่นได้ บุญมีสิบประการครับ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะขอบคุณนะค่ะ
ขอใมทนาทื่ใด่ฟ้งสี่งดี
กราบอนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาสาธุ 🙏
ชัดเจนครับ
แล้วอันไหนที่มันถูก
ที่ถูกคือที่รู้ว่าดีด้วยปัญญา จะเกิดปัญญาก็ต้องตั้งใจไตร่ตรองฟัง ไม่ฟังให้เข้าใจก็ไม่รู้ ก็มีแต่เชื่อตาม ๆ กันมาตาม ๆ กันไป ก็ไม่ใช่ความรู้
❤❤
😢หุตาสวางเลยค่
มหายาน ทำไม ข้อ1 ทำไมพระมหายานฉันอาหารเย็นได้ ข้อ2 ทำไมพระมหายานฉันเจ ข้อ3 พระมหายานทำอาหารได้โดยไม่ผิด มีแค่ 3 ข้อครับ อาจารย์
เพิ่มเติมนิดนึงครับ พระมหายานบอกว่ากินเจได้บุญโดยตรง
เพราะความไม่รู้ จึงแยกออกมาจากความเห็นถูกครับ
ที่พูดมาบ้วนคือหลักความจริง แต่ญาติเป็นเทวดา เป็นเปรต อันนี้ น่าจะจินตนาการ
ให้เงินพระ ใส่ซองงานศพ เปรตและญาติผู้ล่วงลับไม่อนุโมทนา ไม่ได้รับส่วนบุญกับสิ่งที่ถวายภิกษุไม่มีศีล(เพราะรับเงินเป็นอาบัติ) ขอเชิญอ่านข้อความจากธรรมของพระพุทธเจ้าดังนี้ ภิกษุทุศีลปล้นฉันพระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 409ได้ยินว่า นายพรานนั้นเมื่อให้ทุกขิณาอุทิศถึงผู้ตายได้ให้แก่ภิกษุผู้ทุศีลรูปหนึ่งนั้น แลถึง ๓ ครั้ง. ในครั้งที่ ๓ อมนุษย์ร้องขึ้นว่า ผู้ทุศีลปล้นฉัน ดังนี้. ในเวลาที่พรานนั้นถวายแก่ภิกษุผู้มีศีลรูปหนึ่งมาถึง ผลของทักขิณาก็ถึงแก่เขา. พึงแสดงอสทิสทานในคำนี้ว่า ทักขิณาบางอย่างบริสุทธิ์ ฝ่ายทายกเท่านั้น.เปรตไม่ได้รับกุศลที่ถวายทานกับพระไม่มีศีลพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 229ข้อความบางตอนจาก จูฬเสฏฐีเปตวัตถุ พระราชาจึงตรัสสั่งเขาว่า ถ้าท่านไปได้เสวยผลทานนั้น พึงรีบกลับมาบอก เหตุที่มีจริงแก่เรา เราฟังคำอันมีเหตุผล ควรเชื่อถือได้แล้วจักทำการบูชาบ้าง จูฬเศรษฐีเปรตทูลรับพระ-ดำรัสแล้ว ได้ไปยังอันธกวินทนครนั้น แต่ไม่ได้รับผลแห่งทานนั้น เพราะพราหมณ์ทั้งหลายที่บริโภคภัตร เป็นผู้ไม่มีศีล ไม่สมควรแก่ทักษิณา ภายหลัง จูฬเศรษฐีเปรต กลับมายังกรุงราชคฤห์อีก ได้ไปแสดงกายให้ปรากฏ เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าอชาตศัตรูผู้เป็นใหญ่กว่าหมู่ชนขออนุโมทนา
สาธุค่ะ
มันใช่รีบวชหน้าไฟคนบวชใด้บาป
เคยฟังท่านพูดส่าฟังอภิธรรมไม่รู้เรื่องเป็นบาป ผมกลับมาคิดว่าทุกวันนี้เราไปทำบุญฟังพระสวด เราก็ไม่รู้เรื่อง บาปไหมครับ
ความไม่รู้บาปทั้งสิ้นครับและเป็นของเฉพาะตัวครับ คนเห็นถูกแสดงธรรม พวกอัญเดียรถีย์ไม่อยากฟังเกิดโทสะก็มี เกิดโมหะ ฟังไม่รู้เรื่องก็มีครับ
วิญญาณ คืออะไรครับ
วิญญาณ ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่หมายถึง วิญญาณล่องลอย ที่เป็นผี ตามที่เข้าใจกัน แต่หมายถึงสภาพธรรมที่รู้อารมณ์ คือ เป็นสภาพรู้ เป็นใหญ่ในการรู้ เรียกว่า วิญญาณ คือ จิตนั่นเอง ครับ ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงวิญญาณ ก็คือสภาพธรรมที่เป็น จิต ซึ่งมีหลายประเภท เช่น จักขุวิญญาณ หรือ จิตเห็น โสตวิญญาณ หรือ จิตได้ยิน เป็นต้น
เนื้อหาควรฟังและแชร์ดังนี้01:02 บวชหน้าไฟ คนบวชได้บาปเพราะไม่รู้จักบวชเข้าใจผิด02:31 ญาติผู้ล่วงลับคนตายไม่ได้บุญกุศลจากบวชหน้าไฟเพราะเป็นสิ่งที่ผิด03:08 ให้เงินพระบวชใหม่เป็นบุญมาก : เป็นเรื่องเห็นผิดเป็นบาปกับพระ03:54 จัดงานศพอย่างไรที่ทำให้เกิดบุญกับผู้จัดและอุทิศบุญถึงญาติผู้ตายได้06:22 ชักชวนเป็นเจ้าภาพบวชพระใหม่ ระวังมิจฉาชีพและผิดพระธรรมวินัย07:50 เป็นคนดีได้โดยไม่ต้องไปบวช ต่างกับไปบวชแล้วรับเงิน พระอลัชชี พระพุทธเจ้าติเตียน09:11 จะให้เป็นคนดีไม่ใช่เพราะให้ไปบวชแต่ให้ฟังศึกษาพระธรรมแม้คฤหัสถ์ก็ศึกษาพระธรรมได้10:01 มีตนเป็นที่พึ่งคือมีธรรมเป็นที่พึ่งที่ลึกซึ้ง : แนะนำเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่ถูกต้อง21:07 บุญที่เป็นที่พึ่งที่ประเสริฐ บุญเหนือบุญคืออย่างไร30:45 อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ที่ละเอียดลึกซึ้งถูกต้องขออนุโมทนา
เห็นด้วยนะ แต่ สมัยนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อน พระไปนั่งจำศีลอยู่ในป่าในดง ตรัสรู้ที่ใต้ต้นโพธิ์ ทุกวันนี้ อะไรก็ต้องใช้เป็นเงินทั้งนั้น เมื่อก่อน พระขึ้นรถนี่ไม่ต้องเสียค่ารถใช่ไหม แต่ทุกวันนี้ เสียไหม? ยุคสมัยเปลี่ยนจิตใจคนก็เปลี่ยน อะไรก็เป็นเงินเป็นทองหมด แต่ถ้าเราไม่ถวายเงินพระมันก็ดีนะ จะได้มีคนบวชน้อยลง เพราะทุกวันนี้บวชเป็นพระเพราะหารายได้ น้อยคนที่บวชเป็นพระเพื่อศึกษาธรรมะและอยาก เผยแพร่พุทธศาสนา ทุกวันนี้บวชเพื่อเงิน พระที่ว่าดีๆ ก็ดีแตก มือถือสากปากถือศีล ปากว่าตาขยิบ ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง คำพังเพยพวกนี้ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย แล้วจะมีใครสักกี่คนนะที่จะทำตามความคิดของเรา ขนาดใส่ซองให้พระถ้าใส่น้อยไป หน้างอยังกับตัว แถม ขอเพิ่มเพื่อจะเอาไปให้พระอยู่ที่วัด งานศพเขามีสวดพระ 4 องค์ใช่ไหม พระที่ไม่ได้มา ก็ขอไปด้วย ญาติเขาก็ไม่พอใจเหมือนกันแหละ เขาก็บ่นบอกว่ามันมีแบบนี้ด้วยหรอ แต่ก็ให้ เวรกรรมจริงๆถ้ายังมีคนอยู่แบบนี้อยู่ในวัด ทุกวันนี้ผ้าเหลืองไม่แผ่วจริงๆ.
จำเป็นสำหรับพระอลัชชีครับ ส่วนภิกษุดีท่านไม่รับและมีวิธีการที่ถูกต้องครับ ค่าน้ำค่าไฟของพระ มีวิธีการที่พระที่ดีวัดที่ดีทำกันอยู่ คือ ให้เงินกับไวยาวัจกร และคฤหัสถ์จัดการเรื่องค่าน้ำค่าไฟ ครับ ซึ่งยังมีวัดที่ดีพระที่ดีที่ไม่รับเงินครับ เงินเป็นของมีโทษกับพระ พระรับเงินต้องอาบัติ ครับ ควรให้ของที่เหมาะสม ครับ จะเป็นบุญที่ดีกับผู้ให้ ไม่เป็นโทษกับผู้รับ เงินให้กับวัดที่ดี ที่ไม่ใช่วัดพุทธพาณิชย์คือให้กับคฤหัสถ์ที่เป็นไวยาวัจกรดูแล แต่ถ้ายังให้เงินกับพระ ก็เป็นโทษ บุญไม่ได้มีแค่การให้ รักษาศีล ฟังธรรม บุญสูงสุดคือปัญญาเข้าใจพระธรรม เข้าใจว่าอะไรควรให้ไม่ควรให้พระก็เป็นบุญครับ ขออนุโมทนา
ยุคสมัยเปลี่ยนไป พระรับเงินได้จริงหรือ ?สัจจะ ความจริงไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเลย อกุศล ความชั่วเป็นอกุศลเป็นความชั่วไม่เปลี่ยนแปลง กุศล ความดีเป็นกุศลเป็นความดี ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ ไม่ว่าเกิดกับใคร และช่วงเวลาไหน แม้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคตโลกเปลี่ยนแปลงไปตามสมมติเรื่องราวที่เป็นบัญญัติ ไม่ใช่สัจจะ แต่สภาพธรรมที่มีจริง คือ กุศล อกุศล ไม่เปลี่ยนไปตามโลก เรื่องราวเลย สิ่งใดมีโทษ พระองค์ตรัสว่ามีโทษ ความมีโทษที่ทำให้อกุศลเจริญ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แม้แต่การรับและยินดีเงินทองนั้น ของพระภิกษุ พระพุทธองค์ก็ตรัสว่ามีโทษและไม่สมควรกับพระภิกษุไม่ว่ากาลเวลาไหน อดีต ปัจจุบันและอนาคต เพราะก็ต้องเข้าใจความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงว่า บวช บรรพชา คือการเว้นทั่วจากกิเลส และเป็นการสละอาคารบ้านเรือน ไม่ใช่เพศคฤหัสถ์แล้ว ดังนั้น จะทำดังเช่นคฤหัสถ์ที่มีการใช้จ่ายเงินและทอง รับเงินทองไม่ได้เลย แต่ถ้าจะใช้เงินทอง หรือปฏิบัติตนดังเช่นคฤหัสถ์ ก็ต้องกลับมาเป็นเพศคฤหัสถ์ดังเดิม สละเพศบรรพชิตดังนั้น พระพุทธเจ้าทรงมีพระปัญญาสูงสุด พระองค์ทรงรู้อดีต ปัจจุบัน อนาคต ถ้าบอกว่าเปลี่ยนแปลงได้ ก็กล่าวตู่พระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า เพราะเราไม่มีปัญญา เป็นเพียงแค่ปุถุชน จะกล่าวเปลี่ยนคำของพระพุทธเจ้าไม่สมควรเลย เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่ารับเงินทองได้ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไม่ได้แย้งกับใคร ก็แย้งกับพระพุทธเจ้าเอง ดังนั้น พุทธบริษัทควรมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีความคิดตนเองเป็นที่พึ่ง และที่วงการสงฆ์วุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะ พระรับและยินดีในเงินและทอง และคฤหัสถ์ไม่รู้พระวินัย
จริงที่สุดครับอาจารย์
ทำไม.ไม่ออก.กฏหมาย.ห้ามพระ..รับเงิน..ไปเลย...
พระธรรมวินัยเป็นกฎหมายของพระภิกษุแล้วครับ
วัดทุกวัดเห็นด้วยใหม
เห็นตามพระธรรมไม่ใช่ตามภิกษุบุคคลหรือวัดตัดสินครับ
จะละได้ก็ยากยิ่ง..ต่อให้จิตตั้งมั่น..**พุธ**.การตื่น. ก็ล้วนด้วยไซร้.ซึ่งกิเลส....โชติโชติ ปรายโณ..บุคคลล้วนได้..มาสว่าง.ย่อมไปสว่าง😊😊😊
เปลี่ยนมาฟังธรรมที่ถูกต้องใหม่นะครับ ไม่คิดเองจะเป็นโทษ ครับ เพราะได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วมีเวลาเหลือน้อย ได้พบพระพุทธศาสนา ควรฟังที่ถูกต้องจะได้สาระจากพระธรรม กับชีวิตที่เหลือน้อย ฟังเริ่มต้นใหม่ คลิปนี้ครับผม เชิญคลิก th-cam.com/video/KC_Px9kGsOg/w-d-xo.htmlsi=acx827d930eZIV5x
❤
ตายแล้วก็จบ อย่าไปหวังอะไร ? เลยเพราะคนตายหวังไม่ได้ !
แต่ก่อนตายไปบวชหน้าไฟได้บาปครับ และ ตายแล้วยังมีกิเลสก็ไปนรกได้ครับ
ผู้กระทำดีย่อมได้บุญ(ความดี) ไม่มีใครทำบุญให้ใครได้ บุคคลทำสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นเอง จะถ่ายโอนไปให้ใครไม่ได้ดอก และใครก็อย่าหวังว่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆมาช่วยใครได้ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มิได้มีจริงอะไรเลย
อะไรก็บาบๆๆแล้วไม่ต้องทำอะไร
ทำวิธีนี้ครับ การจัดงานศพที่ทำให้เกิดบุญกับผู้จัดและอุทิศบุญถึงญาติผู้ตายได้1.นิมนต์พระภิกษุที่เข้าใจธรรมหรือคฤหัสถ์ แสดงธรรมในภาษาไทยโดยไม่ต้องสวดอภิธรรม2.อุทิศบุญที่เกิดปัญญาเข้าใจพระธรรมจากการฟังพระธรรม ให้ญาติผู้ล่วงลับผู้ตายได้ไม่ให้ซอง ไม่ให้เงินพระภิกษุ เพราะพระอาบัติ ญาติผู้ตายไม่อนุโมทนาบุญและไม่บวชหน้าไฟ อันเป็นประเพณีผิด3.ให้ทานทำบุญกับคฤหัสถ์ผู้มีศีล อุทิศให้ญาติถึงผู้ตายได้สวดศพปัจจุบันให้เงินพระ สวดคำบาลีฟังไม่รู้เรื่องครับ ให้เงินพระ พระอาบัติครับ
การจัดงานศพที่ถูกต้องและประหยัดเงินมากครับ คลิปนี้ th-cam.com/video/X31ajEtZg_c/w-d-xo.htmlsi=mil8y7-GfYDq4ijz
พระเข้าร้านอาหาร จ่ายเงินเองด้วย😢
ความไม่รู้ของพระ คฤหัสถ์เข้าใจมีปัญญา อนุโมทนาครับ
อาจารย์ลงคลิปบ่อยหน่อยน่ครับเพื่อFcฟัง
1:58
01:32
🙏🙏🙏
พระไม่รับเงินจะทำอะไรได้
ไม่ต้องพระ จัดงานศพโดยไม่มีพระ ครับ ลิงก์นี้ th-cam.com/video/X31ajEtZg_c/w-d-xo.htmlsi=fVzHb9vT_v9yz1HQ
เหลอครับุ5555
ครับขอบคุณที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
คนตายนิมนต์พระไปสวดทำไมอยากรู้จัง
ประเพณีที่ไม่รู้ครับ ฟังคลิปนี้ครับ อธิบายที่ถูก th-cam.com/video/X31ajEtZg_c/w-d-xo.htmlsi=UANC9ZHCUc0YK7rC
ผิดอะไละครับ
การจัดงานศพที่ทำให้เกิดบุญกับผู้จัดและอุทิศบุญถึงญาติผู้ตายได้
1.นิมนต์พระภิกษุที่เข้าใจธรรมหรือคฤหัสถ์ แสดงธรรมในภาษาไทยโดยไม่ต้องสวดอภิธรรม
2.อุทิศบุญที่เกิดปัญญาเข้าใจพระธรรมจากการฟังพระธรรม ให้ญาติผู้ล่วงลับผู้ตายได้
ไม่ให้ซอง ไม่ให้เงินพระภิกษุ เพราะพระอาบัติ ญาติผู้ตายไม่อนุโมทนาบุญและไม่บวชหน้าไฟ อันเป็นประเพณีผิด
3.ให้ทานทำบุญกับคฤหัสถ์ผู้มีศีล อุทิศให้ญาติถึงผู้ตายได้
เนื้อหาสาระดังนี้
01:02 บวชหน้าไฟ คนบวชได้บาปเพราะไม่รู้จักบวชเข้าใจผิด
02:31 ญาติผู้ล่วงลับคนตายไม่ได้บุญกุศลจากบวชหน้าไฟเพราะเป็นสิ่งที่ผิด
03:08 ให้เงินพระบวชใหม่เป็นบุญมาก : เป็นเรื่องเห็นผิดเป็นบาปกับพระ
03:54 จัดงานศพอย่างไรที่ทำให้เกิดบุญกับผู้จัดและอุทิศบุญถึงญาติผู้ตายได้
06:22 ชักชวนเป็นเจ้าภาพบวชพระใหม่ ระวังมิจฉาชีพและผิดพระธรรมวินัย
07:50 เป็นคนดีได้โดยไม่ต้องไปบวช ต่างกับไปบวชแล้วรับเงิน พระอลัชชี พระพุทธเจ้าติเตียน
09:11 จะให้เป็นคนดีไม่ใช่เพราะให้ไปบวชแต่ให้ฟังศึกษาพระธรรมแม้คฤหัสถ์ก็ศึกษาพระธรรมได้
10:01 มีตนเป็นที่พึ่งคือมีธรรมเป็นที่พึ่งที่ลึกซึ้ง : แนะนำเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่ถูกต้อง
21:07 บุญที่เป็นที่พึ่งที่ประเสริฐ บุญเหนือบุญคืออย่างไร
30:45 อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ที่ละเอียดลึกซึ้งถูกต้อง
❤❤😂🎉
🎉
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ ท่านเป็นผู้ให้ความรู้ที่ดิฉันเข้าใจตรงนี้วันนี้ในสติปัจฐาน4 ในความลึกซึ้งของธรรม การจะหลุดพ้นได้เพียงธรรม4ข้อนี้พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำมาตลอด ขอบคุณตัวเองที่ปัญญาเกิดขึ้นได้จากเวลาที่เพียรหาความจริงหลายสิบปี ต่อไปจะเฝ้าดู เฝ้าพิจารณา เพื่อการหลุดพ้นการเกิด สาธุสาธุสาธุ
การบวชทดแทนพระคุณของมารดาบิดาหรือให้ญาติสบายใจ ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า ไม่ถูกต้อง มีแต่บวชเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่ การบวช คือ อะไร เป็นต้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจ และประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ เป็นคฤหัสถ์ ดำรงตนอยู่ในพระธรรมคำสอน ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง น้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม พร้อมทั้งมีการอบรม เจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกในธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็เป็นคฤหัสถ์ที่ดีได้ (โดยไม่ต้องบวชถือเพศเป็นบรรพชิตก็ได้)
บุญหรือกุศลเกิดขึ้นกับใครก็เป็นบุญของคนนั้น ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นก็เป็น กุศลของคนนั้น ขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ก็ไม่ใช่บุญในขณะนั้น กุศลหรือบุญไม่ใช่การที่อีกคนหนึ่งทำแล้ว คนที่อยู่ใกล้ชิดก็จะได้รับหรือเป็นบุญด้วย ใครทำใครก็ได้ครับ ใครกุศลจิตเกิดก็เป็นบุญของคนนั้น ในพระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า การที่ให้บุตรบวชชื่อว่าเป็นทายาทของพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อบุตรบวชแล้ว บิดามารดาจะได้บุญ หากไม่มีความเข้าใจหรือกุศลจิตไม่เกิดก็ไม่ใช่บุญครับ
จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชตามพระพุทธศาสนา ดังนี้ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 73
ข้อความบางตอนจาก ...
รัฐปาลเถรคาถา
จริงอยู่ กามทั้งหลายวิจิตรด้วยรูป เป็นต้น คือ มีรูปแปลกๆ โดยเป็นรูปสีเขียวเป็นต้น. กามทั้งหลายแสดงความชอบใจโดยประการนั้นๆ ด้วยรูปแปลกๆ นั้น อย่างนี้แล้ว ย่อมย่ำยีจิต คือ ไม่ให้ยินดีในการบรรพชา เพราะเหตุนั้น เราเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย โดยมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก เป็นต้น เพราะฉะนั้น คือ เพราะการเห็นโทษในกามคุณนั้น เราจึงบวช
สาธุๆ ครับ ชอบมาก ฟังแล้ว เกิดปัญญาขึ้นเยอะ
ทุกวันนี้พระส่วนใหญ่บวชหาเงินร้อยล่ะ95%ทั้งที่จะสร้างวัดก็ขอญาติยมช่วยทุกอย่างแต่พระก็ถือสิทธ์เป็นเจ้าของวัด บางวัดก็ปฏิบัตรไม่ถูกต้อง ไม่ได้ใส่ร้ายพระ
แต่พระดีๆก็มีแต่น้อยมาก
งานศพเดี๋ยวนี้พระรวยมาก สวดศพคืนหนึ่งได้เป็นพัน ได้น้อยก็บ่นว่าไม่คุ้มค่า ที่มาสวด จำเริญๆ
ไม่ไช่พระแล้วอย่างนั้น
หัวข้อ คลิปนี้ ตรงและจริงที่สุด 10:01 มีตนเป็นที่พึ่งคือมีธรรมเป็นที่พึ่งที่ลึกซึ้ง : แนะนำเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่ถูกต้อง..ได้รับความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ ..จุดประสงค์ที่ถูกต้องของการศึกษาพระธรรมคือเพื่อเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพของจิต ซึ่งเป็นนามธรรม ซึ่งเป็นธาตุรู้ที่กำลังรู้ในขณะนี้ การอบรมเจริญสติปัฏฐานกุศลทั้งหลายจะเป็นบารมีที่อุปการะเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน กราบอนุโมทนาในกุศลของอาจารย์ผเดิม ในการเผยแพร่ความจริง สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดีด้วยความเคารพ สาธุสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนากับทุกท่าน
@@sabbe.dhamma.anatta มรรคสัจจ์ เป็นความจริงเป็นหนทางที่จะรู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริง เป็นหนทางที่จะละคลายโลภะเป็นหนทางที่จะดำเนินไปสู่พระนิพพาน ก่อนที่อริยมรรคมีองค์แปดจะเกิดสมบูรณ์ก็ต้องมีการอบรมเจริญโสภณธรรมตามลำดับ พระศาสดาจึงแสดงโพธิปักกิยธรรม37ประการตั้งแต่สติปัฏฐาน4 ทีละเล็กทีละน้อยบ่อยๆเนื่องๆจนกว่าจะทั่วจนกว่าจะมีกำลังจึงไม่ปราศจากความเพียรเลย อบรมนานแสนนาน กราบอนุโมทนาบุญกับ อาจารย์รุ่นพี่ด้วยค่ะ สาธุค่ะ
@@ต้นสาระ-ห6ฝ กราบอนุโมทานาบุญด้วยค่ะ น้อง ต้น สาระ
@@sabbe.dhamma.anatta กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดี ด้วยความเคารพ สาธุสาธุค่ะ
ดิฉันจำแม่น ทำบุญเช้าให้สามีที่เสียชีวิต พระท่านว่าสวดจนคอแห้งใส่ซองนิดเดียว ซึมเลยเรา
สาธุๆค่ะขอบคุณค่ะ❤❤❤
อนุโมทนาบุญกุศล ฟังธรรมะ อาจารย์ Paderm สาธุๆๆๆ
ไปทำบุญ 100 วัน ให้แม่ ถวายปัจจัยแล้ว พระไม่ได้มาสวด แต่มานั่งฉันโต๊ะจีน ทวงซองด้วยค่ะ ประหลาดใจมากนะคะ
ผมขออนุญาตแนะนำวิธีที่ถูกกันเพิ่มเติมครับ เชิญอ่านครับ
@user-ms2xw4tc5w
สวัสดีค่ะอ.ผเดิม ที่บ้านศึกษาคำสอนแล้วตกลงกลับครอบครัวตายเอกสารครบเผาเลยค่ะไปติดต่อวัดในจ.สัปเหร่อคิด5,000บาทแถมโลงศพตอนแรกบอกสัปเหร่อโลงไม่เอาได้ไหมกลัวเขาคิดเงินเพิ่มส.บอกให้ฟรีไม่ใส่โลงยกศพลำบากติดต่อไว้4ปีแล้วเอกสารครบเขาถึงจะเผาให้ค่ะตายให้โทรไปบอกศพอยู่ที่ไหนสัปเหร่อจะมาขนศพไปเผาให้ญาติไม่ต้องไปค่ะกระดูกไม่เก็บทิ้งเลยเงินมีเอาไว้ให้ลูกใช้ในชีวิตประจำวันเป็นกุศลครั้งสุดท้ายที่ไม่เบียดเบียนใครแม้คนในครอบครัวประหยัดง่ายสงบไม่ให้ใครเดือดร้อนในสังขาลเราค่ะ(ผู้มางานศพบางท่านเขาแทบจะไม่มีเงินซื้ออาหารกินพอมีงานศพคนรู้จักตายก็ต้องหาเงินมาใส่ซองทั้งที่ตัวเองลำบากอยู่เข้าข่ายเบียดเบียนตัวเองค่ะ)บาปจากตาหูจมูกลิ้นกายใจน่ากลัวค่ะขอบคุณค่ะ
ที่มาความคิดเห็นจากคลิปนี้ครับ การจัดงานศพที่ถูกต้องและประหยัดตามหลักพระพุทธศาสนา th-cam.com/video/5guTO2wQzw8/w-d-xo.htmlsi=YIksmB87YA3oo_PL
ทุกสิ่ง อยู่ที่ จิต จิตคิดดี ทำดี เป็นบุญกุศล ของธรรมชาติ
คิดเองว่าดีแต่ทำด้วยความไม่รู้จักบวช โมหะไม่ดี ไม่ใช่บุญครับ
เริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชตามพระพุทธศาสนาไม่ใช่ตามเราคิดเอง ดังนี้ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 73
ข้อความบางตอนจาก ...
รัฐปาลเถรคาถา
จริงอยู่ กามทั้งหลายวิจิตรด้วยรูป เป็นต้น คือ มีรูปแปลกๆ โดยเป็นรูปสีเขียวเป็นต้น. กามทั้งหลายแสดงความชอบใจโดยประการนั้นๆ ด้วยรูปแปลกๆ นั้น อย่างนี้แล้ว ย่อมย่ำยีจิต คือ ไม่ให้ยินดีในการบรรพชา เพราะเหตุนั้น เราเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย โดยมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก เป็นต้น เพราะฉะนั้น คือ เพราะการเห็นโทษในกามคุณนั้น เราจึงบวช
ในการที่คนบวชเพราะไม่รู้บวชตามประเพณีทดแทนคุณพ่อแม่ คิดว่านึกว่าจะได้บุญ. จัดงานใหญ่โต เต็มไปด้วยกิเลส. พอเป็นพระก็ไม่ศึกษาธรรม ทำกันตามประเพณีของญาติโยม นิมนต์ถวายรับปัจจัย. รวยมีเงิน กิเลสก็หนาขึ้นกว่าเดิมทำลายศาสนาความเชื่อผิดๆ. คฤหัสถ์ก็แสดงธรรมได้ ให้ธรรมเป็นทาน คือทานเหนือทานอื่นใด. ขออนุโมทนา
ใช่ครับผมเห็นด้วย จะใด้บุญเป็นไปไม่ใด้..สาธุ.สาธุ.สาธุ.
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ อาจารย์
🙏 ขอบคุณค่ะ
ท่านอาจารย์ชี้แนะ
เกรงกลัวต่อบาปกรรมมากๆเลยค่ะ สาธุค่ะ
ยินดีในกุศลทุกประการ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
I understand your explanation n I was hoping everyone should listen n learn more from from u thank you
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ 🙏🏻
ความจริงคนบวชจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก เพราะส่วนมากจะเป็นเด็ก แต่คนที่ให้บวชนี้ซิบาปแน่
พระก็ไม่รู้เรื่องในพิธีงานศพ เอาบุญมาล่อเอาบาปมาขาย เดี๋ยวนี้มันเพี้ยนไปหมดแล้ว
😢อาจารย์พูดถูกอย่างยิ่งค่ะ
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ผเดิมที่เคารพอย่างสูงกราบอนุโมทนาสาธุ...🙏🙏🙏...จากนราธิวาสครับผม...🙏👍🌄🌻
สาธุๆค่ะที่ให้รุ้ในสี่งๆนี้🙏🙏🙏
อนุโมทนาที่ให้ความรู้ในทุกๆเรื่อง สาธุๆๆค่ะ
พระพุทธเจ้าท่านไม่ยินดีในเงินและทองละกิเลสทั้งปวงจึงออกบวชเพื่อหยุดการเกิดแก่เจ็บตาย เพราะท่านเห็นทุกข์ตามความเป็นจริงค่ะพระพุทธเจ้าท่านมีศีล สมาธิ ปัญญาที่บริสุทธิ์และเป็นผู้บอกทางให้เดินจะเดินกันหรือไม่อยู่ที่เลือกค่ะขอบคุณอาจารย์ค่ะ
กราบอนุโมทนาในพระธรรมคำสอนสาธุค่ะ
สาธุๆ🙏💕🙏💕🙏💕
อาจารย์คะ ฟังธรรมแล้วอยากอุทิศบุญให้น้องที่เสียไปต้องเอ่ยชื่อนามสกุลหรือต้องพูดว่าอย่างไรมั้ยคะ รบกวนอาจารย์หน่อยค่ะ
สามารถกล่าวอุทิศชื่อนามสกุลและบุญที่ได้ทำได้ครับ
ตาสว่างทุกคลิปเลยค่ะ..ขอบคุณจะนำไปปฏิบัติ
กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์
สาธุ อนุโมทามิ ครับ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ 🙏♥️
ຂອບໃຈທີ່ສະແດງໃຫ້ເຫັນຄວາມຈິງຂອງທຳມະອະນຸໂມສາທຸ ສາທຸ ສາທຸ
ขอ..ออกความคิดเห็นสักนิด..น่ะครับพระรับปัจจัย..ผิดศีลผิดวินัย..ถ้าสมมติว่าพระป่วยจะไปโรงพยาบาล..จะให้พระเดินไปหรือ..สมัยพระพุทธเจ้า..กับสมัยนี้..ห่างกันเป็นเวลา..2566ปีสมัยก่อนไม่มีเครื่องบินสยัยนี้มีเครื่องบินแล้วครับ..
ค่าหมอ ค่ายาไม่ฟรี เดินทางไปหาหมอ ก็ไม่ฟรี จำเป็นที่ยุคสมัยนี้ต้องใช้เงิน และพระต้องรับเงิน
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้าทำวิธีการที่ถูกต้อง คือ พระไม่รับเงิน แต่ฆราวาสให้เงินกับคฤหัสถ์ผู้เป็นไวยาวัจกรของวัดโดยตรงดูแล ที่เป็นคนดี มีคุณธรรม และเมื่อพระต้องการยา การเดินทางไปหาหมอ การเดินทาง ไวยาวัจกรนั้นก็จัดสิ่งที่เหมาะสม สมควรให้กับภิกษุนั้นได้ อันทำให้พระไม่ต้องอาบัติรับเงินทอง ยินดีในเงินทอง เพราะมีเงินส่วนกลางของวัดในการบริหารจัดการ ทั้งในเรื่องค่ายา ค่าอื่นๆ ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย อันเป็นสิ่งของที่เป็นกัปปิยะ เหมาะสมกับพระภิกษุ ก็สามารถแจ้งไวยาวัจกรวัดได้ในการจัดหา และในสมัยพุทธกาล ภิกษุทั้งหลายก็ดูแลกันเอง มียาตามสมัย ที่เป็นเภสัช มี น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ยาดองมูตรเน่า เป็นต้น และแม้ปัจจุบัน จะเปลี่ยนไปอย่างไรก็สามารถใช้วิธีการให้คฤหัสถ์ดูแลได้ในเรื่องยาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งโรงพยาบาลสงฆ์ก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากเป็นภิกษุที่ประพฤติดีประพฤติชอบ ก็ย่อมจะเป็นผู้มีโยมอุปัฏฐาก ที่ปวารณาช่วยเหลือในสิ่งที่เหมาะสม
คนฉลาด คนดี มีความรู้ เป็นนักปราช ก็คิดอย่างนี้แหละ
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ ฟังอาจารย์เผดิมบรรยายเข้าใจง่าย ซาบซึ้งที่สุดค่ะ
เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
สาธุๆๆค่ะหนูขอแชร์นะค่ะ
ถูกต้องครับ
สาธุ
ลึกมากๆ เข้าใจยาก.
ค่อยๆฟังไปครับเพราะคนที่เข้าใจในคลิปนี้มีครับ
ใช่พุดตรงๆจะได้มั้ย
ดิฉันขอถามอาจารย์เผดิมด้วยค่ะ ถ้าเขามีความประสงค์จิตศรัทธามาถึงเราไปร่วมงานบวชเราไปแล้วได้บุญไหมคะช่วยตอบด้วยค่ะ
บุญอยู่ที่จิต แต่คนมักใช้คำว่า ศรัทธาผิด คิดว่าอยากบวชคือศรัทธา โดยไม่เข้าใจว่าบวชคืออะไร บวชเพื่ออะไร บวชตามประเพณีผิด ก็เป็นความเห็นผิดจึงไม่ใช่ศรัทธา ไปงานบวชชื่นชมสิ่งที่ผิด คิดได้เองครับว่าเป็นบุญหรือบาปครับ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สิ่งที่ควรเสพ (เสวิตัพพา )คือ เสพแล้วกุศลกรรมเพิ่ม อกุศลกรรมลดเป็นสิ่งที่ควรเสพยิ่ง ยิ่งบวชก็เป็นเรื่องที่ยาก และการบวชหน้าไฟก็เป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อผู้วายชนอย่างสูงสุด เป็นครั้งสุดท้าย นอกเหนือจากการสวดพระอภิธรรม ก็ไม่ได้ทำให้อกุศลกรรมเพิ่มขึ้น แม้ในประเด็นนี้ พระพุทธเจ้าจะไม่ได้ตรัสไว้ก็ตาม เราต้องโยนิโสมนสิการเอา .
เริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
การเข้าใจผิดว่าบวชคือการทดแทนบุญคุณ ความเข้าใจผิดเป็นบาปไม่ใช่บุญ
"การบวชทดแทนพระคุณกตัญญูต่อญาตติมารดาบิดา"ไม่มีในคำสอนพระพุทธเจ้า มีแต่บวชเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่ การบวช คือ อะไร เป็นต้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจ และประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ เป็นคฤหัสถ์ ดำรงตนอยู่ในพระธรรมคำสอน ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง น้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม พร้อมทั้งมีการอบรม เจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกในธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็เป็นคฤหัสถ์ที่ดีได้ (โดยไม่ต้องบวชถือเพศเป็นบรรพชิตก็ได้)
บุญหรือกุศลเกิดขึ้นกับใครก็เป็นบุญของคนนั้น ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นก็เป็น กุศลของคนนั้น ขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ก็ไม่ใช่บุญในขณะนั้น กุศลหรือบุญไม่ใช่การที่อีกคนหนึ่งทำแล้ว คนที่อยู่ใกล้ชิดก็จะได้รับหรือเป็นบุญด้วย ใครทำใครก็ได้ครับ ใครกุศลจิตเกิดก็เป็นบุญของคนนั้น ในพระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า การที่ให้บุตรบวชชื่อว่าเป็นทายาทของพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อบุตรบวชแล้ว บิดามารดาจะได้บุญ หากไม่มีความเข้าใจหรือกุศลจิตไม่เกิดก็ไม่ใช่บุญครับ
การตอบแทนคุณมารดาบิดาหรือญาติผู้ล่วงลับตามคำพระพุทธเจ้า ไม่ใช่การไปบวช แต่ทรงแสดงในสิงคาลกสูตรว่าคือการทำบุญอุทิศกุศลไปให้ และประการต่างๆดังนี้
ดูกรคฤหบดีบุตร มารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า อันบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ด้วยตั้งใจไว้ว่าท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ ๑ จักรับทำกิจของท่าน ๑ จักดำรงวงศ์สกุล ๑ จักปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก ๑ ก็หรือเมื่อท่านละไปแล้ว ทำกาลกิริยาแล้ว จักตามเพิ่มให้ซึ่งทักษิณา ๑ ฯ
พ่อแม่ผมตายหมดแล้ว และก่อนท่านตายผมก็ได้ทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณท่านอย่างยิ่ง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ ดูแลรักษาท่าน ประกอบกับทำให้บิดามารดา ที่มีมิจฉาทิฐิ เกิดสัมมาทิฏฐิ และทำให้มารดาและบิดาผู้ไม่มีศรัทธา สมาทาน ตั้งมั่น ดำรงอยู่ใน
สัทธาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา) ให้มารดาและบิดาผู้ทุศีล สมาทาน ตั้งมั่น
ดำรงอยู่ในสีลสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศีล) ให้มารดาและบิดาผู้ตระหนี่ สมาทาน
ตั้งมั่น ดำรงอยู่ในจาคสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยการเสียสละ) ให้มารดาและบิดาผู้
ไม่มีปัญญา สมาทาน ตั้งมั่น ดำรงอยู่ในปัญญาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยปัญญา) พอท่านตาย ผมบวชหน้าไฟ เป็นพระอยู่ 2 เดือน ปฎิบัติตามธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ทุกประการ ในศีล สมาธิ ปัญญา ประกอบกับอธิษฐานจิต ให้กับบิดามารดา และแผ่เมตตาไปยังเหล่าสรรพสัตว์ทุกตัวตนไม่มีที่สิ้นสุด …
ดังนั้นต้องตามคำพระพุทธเจ้าไม่ใช่ตามความคิดเราเองว่าบวชหน้าไฟเป็นการตอบแทนคุณมารดา ถ้าเราจะเอาตามความคิดเราเอง ก็ไม่ได้นับถือพระพุทธเจ้า และไม่ได้เห็นด้วยกับผมครับ แต่ไม่เห็นด้วยกับพระพุทธเจ้าครับ ไม่เอาประเพณีผิดคิดเอง มาแย้งคำพระพุทธเจ้าครับ
การตอบแทนคุณมารดาบิดาหรือญาติผู้ล่วงลับตามคำพระพุทธเจ้า ไม่ใช่การไปบวช แต่ทรงแสดงในสิงคาลกสูตรว่าคือการทำบุญอุทิศกุศลไปให้ และประการต่างๆดังนี้
ดูกรคฤหบดีบุตร มารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า อันบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ด้วยตั้งใจไว้ว่าท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ ๑ จักรับทำกิจของท่าน ๑ จักดำรงวงศ์สกุล ๑ จักปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก ๑ ก็หรือเมื่อท่านละไปแล้ว ทำกาลกิริยาแล้ว จักตามเพิ่มให้ซึ่งทักษิณา ๑ ฯ
กราบสาธุสาธุสาธุ
อนุโมทามิ
กราบสาธุครับ
ขอทราบครับ ในกรณีงานมงคลและงานอวมงคล
การถวายพานพระพุทธโดยใส่ซองปัจจัยถวายด้วยถูกต้องหรือไม่
เป็นความเห็นผิด พระพุทธเจ้าทรงแสดงโทษของการที่ภิกษุรับเงิน ทั้งทรงปรินิพพานแล้ว ไม่สามารถรับเงินทอง เงินจึงไม่ใช่สิ่งบูชาพระธรรมคำสอน บูชาพระพุทธเจ้าด้วยเงินทอง ก็มีแต่บาปด้วยความไม่รู้เห็นผิด
ถูกต้องแล้ว ของที่เราถวายพระจะไปปรากฏในโลกทิพย์หลังจากที่เราตายไปจะเห็นเอง ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหาร เงินทอง หลายคนที่ระลึกชาติก่อนได้และคนที่ฟื้นจากความตายมาก็จะพูดเหมือนกันหมด
@@ฟ้าใสใจสุข ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า
@@sabbe.dhamma.anatta ก็พระพุทธเจ้าพูดเองนี่ว่า พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก เมื่อทำบุญอะไรก็เหมือนหว่านข้าวลงในนาที่ดียอ่มได้ผลที่ดี ผลบุญก็ถึงเราและญาติของเราเมื่อตายแล้ว ทำไมจะไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าเล่า ไอ้นอ้งไปฟังมาผิดหรือเปล่า
@@ฟ้าใสใจสุข สงฆ์ หมายถึงอะไร อลัชชีนับเป็นสงฆ์ไหม ผู้ไม่ไตร่ตรอง ก็ไม่เข้าใจ
ทำตามที่ท่านแนะนำก็ทำไม่ได้ เพราะเราอยู่ในสังคมและตามประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านาน
พระธรรมไม่ได้แสดงให้เห็นคนที่เห็นผิด เข้าใจผิด ไม่ได้สะสมปัญญามาครับ เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกคน พระพุทธเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนคนเห็นผิดที่มีกำลังมากได้ และคนเห็นผิดย่อมมีมากกว่าอยู่แล้ว แต่พระองค์แสดงพระธรรมให้คนที่เข้าใจถูก สะสมความเห็นถูกมา เเม้เพียงเล้กน้อย มีคนเดียว พระองค์ก็เสด็จไปแสดงธรรมให้บุคคลนั้นเข้าใจ คือ บุคคลที่สะสมความเห็นถูกมานั่นเองครับ ซึ่งก็มีคนเห็นถูกแล้วในเรื่องการบวชหน้าไฟในคลิปนี้ครับ ขออนุโมทนา
เกิดมาก็เจอ แล้วสิ่งที่พูดมาให้ใครฟังพระไม่เห็นพูดเลย
อนุโมทนาสาธุค่ะ❤❤❤
ผู้ใดได้บวชบุตรผู้อื่นให้เป็นสามเณรผู้นั้นจักได้อานิสงส์4กัลป์
ผู้ใดได้บวชบุตรตนเองให้เป็นสามเณรจักได้อานิสงส์8กัลป์
คุณใช้สมองส่วนไหนคิด
แล้วบวชด้วยความไม่รู้เห็นผิด จะได้เป็นภิกษุสามเณรในพระธรรมวินัยหรือได้เป็นอลัชชี ให้บวช บวชให้ ด้วยความไม่รู้ ด้วยความเห็นผิด จะได้อะไร ดีเท่าไหร่ก็บาปเท่านั้น
เริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชตามพระพุทธศาสนาไม่ใช่ตามเราคิดเอง ดังนี้ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 73
ข้อความบางตอนจาก ...
รัฐปาลเถรคาถา
จริงอยู่ กามทั้งหลายวิจิตรด้วยรูป เป็นต้น คือ มีรูปแปลกๆ โดยเป็นรูปสีเขียวเป็นต้น. กามทั้งหลายแสดงความชอบใจโดยประการนั้นๆ ด้วยรูปแปลกๆ นั้น อย่างนี้แล้ว ย่อมย่ำยีจิต คือ ไม่ให้ยินดีในการบรรพชา เพราะเหตุนั้น เราเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย โดยมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก เป็นต้น เพราะฉะนั้น คือ เพราะการเห็นโทษในกามคุณนั้น เราจึงบวช
พระบางรูปไม่สนใจธรรม วินัย เฉไฉ ตีความเข้าข้างกิเลสตน นำพาญาติโยมทำผิดๆหวังลาภสักการะ นำพากราบไหว้ลือสี ยักษ์ นาค กายแก้ว ยึดปะเพณีเสียๆหายๆ..อนิจจาหาเนื้อนาบุญในผ้าเหลืองยากจริงๆ
สาธุครับอาจารย์
ปัจจุบันทางเหนือเมื่อบิดา มารดา หรือญาติตาย นิยมบวชหน้าไฟกันครับจะได้บุญหรือไม่เพราะผู้บวชมีจิตศรัทธาเขาจะพากันบวชที่วัดโดยมีพระสงฆ์บวชให้แล้วพากันมาที่บ้านศพของญาติผู้ตายแล้วมาจูงนำศพไปป่าช้าครับ
คำว่าศรัทธามาใช้ผิด ทำด้วยความไม่รู้จักบวช ไม่ใช่ศรัทธา ครับ
เริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชตามพระพุทธศาสนาไม่ใช่ตามเราคิดเอง ดังนี้ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 73
ข้อความบางตอนจาก ...
รัฐปาลเถรคาถา
จริงอยู่ กามทั้งหลายวิจิตรด้วยรูป เป็นต้น คือ มีรูปแปลกๆ โดยเป็นรูปสีเขียวเป็นต้น. กามทั้งหลายแสดงความชอบใจโดยประการนั้นๆ ด้วยรูปแปลกๆ นั้น อย่างนี้แล้ว ย่อมย่ำยีจิต คือ ไม่ให้ยินดีในการบรรพชา เพราะเหตุนั้น เราเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย โดยมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก เป็นต้น เพราะฉะนั้น คือ เพราะการเห็นโทษในกามคุณนั้น เราจึงบวช
มันเป็นการสืบทอดมายาวนานแล้วค่ะ การบวชหน้าไฟก็เหมือนกัน ไม่เคยมีพระรูปใหนบอกว่าเป็นบาป ก็คงสืบทอดกันไปเรื่อยๆ
อันดับแรกต้องเข้าใจ
ว่าบุญคืออะไรและบาป
คืออะไรต้องเข้าใจสอง
อย่างนี้ก่อน ถ้าไม่เข้า
ใจสองอย่างนี้ย ากที่
จะอธิบายให้เข้าใจได้
ผู้ฟังและสะสมปัญญาย่อมเข้าใจครับ ไม่ได้สะสมปัญญามาไม่ฟังก็ไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องปกติครับ
พระธรรมไม่ได้แสดงให้เห็นคนที่เห็นผิด เข้าใจผิด ไม่ได้สะสมปัญญามาครับ เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกคน พระพุทธเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนคนเห็นผิดที่มีกำลังมากได้ และคนเห็นผิดย่อมมีมากกว่าอยู่แล้ว แต่พระองค์แสดงพระธรรมให้คนที่เข้าใจถูก สะสมความเห็นถูกมา เเม้เพียงเล้กน้อย มีคนเดียว พระองค์ก็เสด็จไปแสดงธรรมให้บุคคลนั้นเข้าใจ คือ บุคคลที่สะสมความเห็นถูกมานั่นเองครับ ซึ่งก็มีคนเห็นถูกแล้วในเรื่องบวชหน้าไฟครับ ขออนุโมทนา
ถ้าเราเสียแล้วแล้วเขียนสั่งไว้ว่าไม่ให้สวดตายเช้าเผาเย็นมีพระนำหน้าองค์เดียวใด้ใหมค่ะ
พระ ต้องจ่าย ค่า ไฟ ค่าน้ำ น้ำยาล้างจาน สบู่ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาล้างพื้น น้ำยาเช็ดกระจกไม่มีเงิน จะทำยังไง
เรื่องค่าน้ำ ค่าไฟในวัด แม้ในในอดีตและปัจจุบันก็มีบางวัดประพฤติตามพระวินัย ที่ให้คฤหัสถ์เป็นคนรับเงินของวัด ดูแลเงิน จัดการเงินและจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ โดยที่พระไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินและทองเลย ท่านไม่ต้องอาบัติ แต่เลือกคฤหัสถ์ที่ดี มีคุณธรรมเป็นไวยาวัจกรในการจัดการดูแลเงิน และพระภิกษุก็มีหน้าที่ศึกษาพระธรรม และปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เพราะบวชมาจุดประสงค์คือ ละอาคารบ้านเรือน ไม่ประพฤติตนดั่งเช่นคฤหัสถ์และบวชเพื่อถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบโดยส่วนเดียว และไม่ใช่ข้ออ้างว่าคฤหัสถ์จะทุจริตเงินวัด จึงจำเป็นที่พระภิกษุต้องรับเงินดูแลเงินเอง ทำทุจริต ผิดพระวินัยเสียเอง เพราะพระรับเงิน ยินดีในเงินทอง เป็นทุจริตแล้วตามพระวินัยบัญญัติ ครับ ขออนุโมทนา
บวชเพื่อขัดเกลาตนเอง ดีกว่า บวชอุทิศให้คนที่จากไปแล้ว
ไม่มีความรู้ก็บวชไปทำผิด เป็นคนดีได้แม้ไม่ได้บวชครับ
สมัยนี้จะไปหาที่ไหนได้
ฆารวาสที่มีศีลมีธรรมเหมือนอนาถอินทีกะเศรษฐีและนางวิสาขา
แม้กระทั่งพระสงฆ์ยังหา
พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยากเลย
ทำบุญสมัยนี้หาเนื้อนาบุญยากจริงๆ
กรณีแบบนี้ จะทำยังไงได้คะ
คนดีย่อมรู้ว่าคนไหนเป็นคนดี คนไม่ดีย่อมไม่รู้ครับ บัณฑิตเห็นบัณฑิต พาลย่อมไม่รู้จักบัณฑิตครับ
ศึกษาพระธรรมอย่างละเอียดลึกซึ้ง จึงจะรู้ว่าใครเป็นคนดีไม่ดีครับ
ฟังอยู่(เห็นด้วย)ขอบคุณครับ
สาธุครับ🌷🙏
คนที่พูดรู้ได้ไง ได้บุญได้บาป เอาอะไรมาวัดผมบวขอยู่4ปี พูดกันไปเรื่อย
เริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชตามพระพุทธศาสนาไม่ใช่ตามเราคิดเอง ดังนี้ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 73
ข้อความบางตอนจาก ...
รัฐปาลเถรคาถา
จริงอยู่ กามทั้งหลายวิจิตรด้วยรูป เป็นต้น คือ มีรูปแปลกๆ โดยเป็นรูปสีเขียวเป็นต้น. กามทั้งหลายแสดงความชอบใจโดยประการนั้นๆ ด้วยรูปแปลกๆ นั้น อย่างนี้แล้ว ย่อมย่ำยีจิต คือ ไม่ให้ยินดีในการบรรพชา เพราะเหตุนั้น เราเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย โดยมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก เป็นต้น เพราะฉะนั้น คือ เพราะการเห็นโทษในกามคุณนั้น เราจึงบวช
บวชแปลว่า ลด ละ เลิกไม่ใช่พิธีกรรม
ขอสอบถามครับ อยากจะทำให้คนตายได้บุญเป็นบาปหรือครับ เขาเรียกว่าความโลภหรือครับ
อยาก คือ โลภะ ทำด้วยความไม่รู้ วิธีผิด โมหะ โลภะและโมหะ คือ กิเลส เป็นบาปครับ
ทำไมช่องนี้พูดเรื่องพระรับเงินเป็นบาป พระสมัยนี้ไม่เหมือนก่อนแล้วรับเงินได้ใช้ในที่ถูกที่ควรเช่น ค่าไฟ-ค่าน้ำในวัดค่าเดินทาง
พระรับเงินอาบัติเป็นบาปครับ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 940
พระบัญญัติ
๓๗. อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้าที่ 212
มณิจูฬกสูตร
“ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ... เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย.”
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 327
อปายสูตร
“คนเป็นอันมากอันผ้ากาสาวะพันคอ มีธรรมอันลามก ไม่สำรวม คนลามกเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก เพราะกรรมอันลามกทั้งหลาย ก้อนเหล็กร้อนเปรียบด้วยเปลวไฟ อันผู้ทุศีลบริโภคแล้วยังประเสริฐกว่า ผู้ทุศีล ไม่สำรวม พึงบริโภคก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น จะประเสริฐอะไร.”
เรื่องค่าน้ำ ค่าไฟในวัด แม้ในในอดีตและปัจจุบันก็มีบางวัดประพฤติตามพระวินัย ที่ให้คฤหัสถ์เป็นคนรับเงินของวัด ดูแลเงิน จัดการเงินและจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ โดยที่พระไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินและทองเลย ท่านไม่ต้องอาบัติ แต่เลือกคฤหัสถ์ที่ดี มีคุณธรรมเป็นไวยาวัจกรในการจัดการดูแลเงิน และพระภิกษุก็มีหน้าที่ศึกษาพระธรรม และปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เพราะบวชมาจุดประสงค์คือ ละอาคารบ้านเรือน ไม่ประพฤติตนดั่งเช่นคฤหัสถ์และบวชเพื่อถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบโดยส่วนเดียว และไม่ใช่ข้ออ้างว่าคฤหัสถ์จะทุจริตเงินวัด จึงจำเป็นที่พระภิกษุต้องรับเงินดูแลเงินเอง ทำทุจริต ผิดพระวินัยเสียเอง เพราะพระรับเงิน ยินดีในเงินทอง เป็นทุจริตแล้วตามพระวินัยบัญญัติ ครับ ขออนุโมทนา
ซ่อมและสร้างโบสถ์ศาลาวัด พระไม่ใช่ผู้เรี่ยไรเงิน พระไม่ใช่ผู้รับเงิน แต่คฤหัสถ์เป็นคนจัดการเรื่องเงิน
คฤหัสถ์ผู้ฉลาดและเคารพระธรรม เคารพพระพุทธเจ้าและเคารพพระสงฆ์ ย่อมปฏิบัติตามพระวินัย คือไม่ถวายเงินทองกับพระภิกษุและเคารพพระสงฆ์ ไม่ถวายของที่เป็นอกัปปิยะ ของที่ไม่สมควร มีเงิน เป็นต้น กับพระภิกษุเพราะทำให้ท่านต้องอาบัติ คฤหัสถ์ผู้ฉลาดเคารพในพระรัตนตรัย จึงทำวิธีการที่ถูกต้อง ดั่งเช่น สมัยพุทธกาล นางวิสาขา ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร ไม่ได้เอาเงินไปถวายพระพุทธเจ้า ไม่ได้เอาเงินไปถวายท่านพระสารีบุตร เพราะท่านเหล่านั้นเคารพพระพุทธเจ้า เคารพพระธรรม เคารพพระสงฆ์ แต่สร้างวัดถวายเองโดยไม่ให้พระยุ่งเกี่ยวกับเงินและทอง เวลาที่จะสร้างอย่างอื่น เช่น โรงครัว อุบาสก อุบากสิกา ผู้เข้าใจพระธรรม ก็กล่าวบอกกับพระภิกษุ และสร้างถวาย โดยไม่ใช่เอาเงินไปให้ท่าน นี่คือ วิธีการที่ถูกต้อง เป็นการรักษาพระวินัย และดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา
ข้อความในพระไตรปิฎก แสดงความจริงว่า การสร้างวัด เป็นต้น ไม่ใช่การให้เงินพระโดยตรง ไม่มีการที่พระทำกฐิน ผ้าป่า เงินทอง แต่คฤหัสถ์เป็นคนจัดการเรื่องเงินสร้างวัดให้
ท่านพระอุเทน “พราหมณ์ พระเจ้าอังคะโปรดพระราชทานอะไรเป็นเบี้ยเลี้ยงประจำแก่ท่านทุกวัน”
โฆฏมุขพราหมณ์ “ท่านอุเทน พระเจ้าอังคะโปรดพระราชทานทรัพย์ ๕๐๐ กหาปณะเป็นเบี้ยเลี้ยงประจำแก่ข้าพเจ้าทุกวัน”
ท่านพระอุเทน “พราหมณ์ การรับทองและเงินไม่สมควรแก่อาตมภาพทั้งหลาย”
โฆฏมุขพราหมณ์ “ท่านอุเทน ถ้าทองและเงินนั้นไม่สมควร ข้าพเจ้าจะให้สร้างวิหารถวายท่านอุเทน”
ท่านพระอุเทน กล่าวว่า “พราหมณ์ ถ้าท่านปรารถนาจะให้สร้างวิหารถวายอาตมภาพ ก็ขอให้สร้างโรงฉันถวายแก่สงฆ์ในเมืองปาตลีบุตรเถิด”
ข้อความบางตอนในโฆฏมุขสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓
ทุกๆสิ่งอยู่ที่เจตนา
เจตนาด้วยความเข้าใจผิดเป็นบาป ครับ
ช่วยอธิบายคำว่าบาปให้ฟังหน่อยครับ
อธิบายไว้แล้วในคลิป คลิกที่ตัวเลขสีฟ้าครับ 01:02 บวชหน้าไฟ คนบวชได้บาปเพราะไม่รู้จักบวชเข้าใจผิด
ถ้าให้เงินพระแล้วพระอาบัต..พระทั่วไปรับเงินเหมือนกันทั้งหมดนิมนต์ไปทำอะไรถ้าไม่ให้ซองก็ว่า
ไม่ต้องนิมนต์พระ ครับ ทำกุศลอื่นได้ บุญมีสิบประการครับ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ
ขอใมทนาทื่ใด่ฟ้งสี่งดี
กราบอนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาสาธุ 🙏
ชัดเจนครับ
แล้วอันไหนที่มันถูก
ที่ถูกคือที่รู้ว่าดีด้วยปัญญา จะเกิดปัญญาก็ต้องตั้งใจไตร่ตรองฟัง ไม่ฟังให้เข้าใจก็ไม่รู้ ก็มีแต่เชื่อตาม ๆ กันมาตาม ๆ กันไป ก็ไม่ใช่ความรู้
❤❤
😢หุตาสวางเลยค่
มหายาน ทำไม ข้อ1 ทำไมพระมหายานฉันอาหารเย็นได้ ข้อ2 ทำไมพระมหายานฉันเจ ข้อ3 พระมหายานทำอาหารได้โดยไม่ผิด มีแค่ 3 ข้อครับ อาจารย์
เพิ่มเติมนิดนึงครับ พระมหายานบอกว่ากินเจได้บุญโดยตรง
เพราะความไม่รู้ จึงแยกออกมาจากความเห็นถูกครับ
ที่พูดมาบ้วนคือหลักความจริง แต่ญาติเป็นเทวดา เป็นเปรต อันนี้ น่าจะจินตนาการ
ให้เงินพระ ใส่ซองงานศพ เปรตและญาติผู้ล่วงลับไม่อนุโมทนา ไม่ได้รับส่วนบุญกับสิ่งที่ถวายภิกษุไม่มีศีล(เพราะรับเงินเป็นอาบัติ)
ขอเชิญอ่านข้อความจากธรรมของพระพุทธเจ้าดังนี้
ภิกษุทุศีลปล้นฉัน
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 409
ได้ยินว่า นายพรานนั้นเมื่อให้ทุกขิณาอุทิศถึงผู้ตายได้ให้แก่ภิกษุผู้ทุศีลรูปหนึ่งนั้น แลถึง ๓ ครั้ง. ในครั้งที่ ๓ อมนุษย์ร้องขึ้นว่า ผู้ทุศีลปล้นฉัน ดังนี้. ในเวลาที่พรานนั้นถวายแก่ภิกษุผู้มีศีลรูปหนึ่งมาถึง ผลของทักขิณาก็ถึงแก่เขา. พึงแสดงอสทิสทานในคำนี้ว่า ทักขิณาบางอย่างบริสุทธิ์ ฝ่ายทายกเท่านั้น.
เปรตไม่ได้รับกุศลที่ถวายทานกับพระไม่มีศีล
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 229
ข้อความบางตอนจาก จูฬเสฏฐีเปตวัตถุ
พระราชาจึงตรัสสั่งเขาว่า ถ้าท่านไปได้เสวยผลทานนั้น พึงรีบกลับมาบอก เหตุที่มีจริงแก่เรา เราฟังคำอันมีเหตุผล ควรเชื่อถือได้แล้วจักทำการบูชาบ้าง จูฬเศรษฐีเปรตทูลรับพระ-ดำรัสแล้ว ได้ไปยังอันธกวินทนครนั้น แต่ไม่ได้รับผลแห่งทานนั้น เพราะพราหมณ์ทั้งหลายที่บริโภคภัตร เป็นผู้ไม่มีศีล ไม่สมควรแก่ทักษิณา ภายหลัง จูฬเศรษฐีเปรต กลับมายังกรุงราชคฤห์อีก ได้ไปแสดงกายให้ปรากฏ เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าอชาตศัตรูผู้เป็นใหญ่กว่าหมู่ชน
ขออนุโมทนา
สาธุค่ะ
มันใช่รีบวชหน้าไฟคนบวชใด้บาป
เริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา
จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชตามพระพุทธศาสนาไม่ใช่ตามเราคิดเอง ดังนี้ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 73
ข้อความบางตอนจาก ...
รัฐปาลเถรคาถา
จริงอยู่ กามทั้งหลายวิจิตรด้วยรูป เป็นต้น คือ มีรูปแปลกๆ โดยเป็นรูปสีเขียวเป็นต้น. กามทั้งหลายแสดงความชอบใจโดยประการนั้นๆ ด้วยรูปแปลกๆ นั้น อย่างนี้แล้ว ย่อมย่ำยีจิต คือ ไม่ให้ยินดีในการบรรพชา เพราะเหตุนั้น เราเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย โดยมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก เป็นต้น เพราะฉะนั้น คือ เพราะการเห็นโทษในกามคุณนั้น เราจึงบวช
เคยฟังท่านพูดส่าฟังอภิธรรมไม่รู้เรื่องเป็นบาป ผมกลับมาคิดว่าทุกวันนี้เราไปทำบุญฟังพระสวด เราก็ไม่รู้เรื่อง บาปไหมครับ
ความไม่รู้บาปทั้งสิ้นครับและเป็นของเฉพาะตัวครับ คนเห็นถูกแสดงธรรม พวกอัญเดียรถีย์ไม่อยากฟังเกิดโทสะก็มี เกิดโมหะ ฟังไม่รู้เรื่องก็มีครับ
วิญญาณ คืออะไรครับ
วิญญาณ ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่หมายถึง วิญญาณล่องลอย ที่เป็นผี ตามที่เข้าใจกัน แต่หมายถึงสภาพธรรมที่รู้อารมณ์ คือ เป็นสภาพรู้ เป็นใหญ่ในการรู้ เรียกว่า วิญญาณ คือ จิตนั่นเอง ครับ ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงวิญญาณ ก็คือสภาพธรรมที่เป็น จิต ซึ่งมีหลายประเภท เช่น จักขุวิญญาณ หรือ จิตเห็น โสตวิญญาณ หรือ จิตได้ยิน เป็นต้น
เนื้อหาควรฟังและแชร์ดังนี้
01:02 บวชหน้าไฟ คนบวชได้บาปเพราะไม่รู้จักบวชเข้าใจผิด
02:31 ญาติผู้ล่วงลับคนตายไม่ได้บุญกุศลจากบวชหน้าไฟเพราะเป็นสิ่งที่ผิด
03:08 ให้เงินพระบวชใหม่เป็นบุญมาก : เป็นเรื่องเห็นผิดเป็นบาปกับพระ
03:54 จัดงานศพอย่างไรที่ทำให้เกิดบุญกับผู้จัดและอุทิศบุญถึงญาติผู้ตายได้
06:22 ชักชวนเป็นเจ้าภาพบวชพระใหม่ ระวังมิจฉาชีพและผิดพระธรรมวินัย
07:50 เป็นคนดีได้โดยไม่ต้องไปบวช ต่างกับไปบวชแล้วรับเงิน พระอลัชชี พระพุทธเจ้าติเตียน
09:11 จะให้เป็นคนดีไม่ใช่เพราะให้ไปบวชแต่ให้ฟังศึกษาพระธรรมแม้คฤหัสถ์ก็ศึกษาพระธรรมได้
10:01 มีตนเป็นที่พึ่งคือมีธรรมเป็นที่พึ่งที่ลึกซึ้ง : แนะนำเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่ถูกต้อง
21:07 บุญที่เป็นที่พึ่งที่ประเสริฐ บุญเหนือบุญคืออย่างไร
30:45 อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ที่ละเอียดลึกซึ้งถูกต้อง
ขออนุโมทนา
เห็นด้วยนะ แต่ สมัยนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อน พระไปนั่งจำศีลอยู่ในป่าในดง ตรัสรู้ที่ใต้ต้นโพธิ์ ทุกวันนี้ อะไรก็ต้องใช้เป็นเงินทั้งนั้น เมื่อก่อน พระขึ้นรถนี่ไม่ต้องเสียค่ารถใช่ไหม แต่ทุกวันนี้ เสียไหม?
ยุคสมัยเปลี่ยนจิตใจคนก็เปลี่ยน อะไรก็เป็นเงินเป็นทองหมด แต่ถ้าเราไม่ถวายเงินพระมันก็ดีนะ จะได้มีคนบวชน้อยลง เพราะทุกวันนี้บวชเป็นพระเพราะหารายได้ น้อยคนที่บวชเป็นพระเพื่อศึกษาธรรมะและอยาก เผยแพร่พุทธศาสนา
ทุกวันนี้บวชเพื่อเงิน พระที่ว่าดีๆ ก็ดีแตก มือถือสากปากถือศีล ปากว่าตาขยิบ ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง คำพังเพยพวกนี้ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย แล้วจะมีใครสักกี่คนนะที่จะทำตามความคิดของเรา ขนาดใส่ซองให้พระถ้าใส่น้อยไป หน้างอยังกับตัว แถม ขอเพิ่มเพื่อจะเอาไปให้พระอยู่ที่วัด งานศพเขามีสวดพระ 4 องค์ใช่ไหม พระที่ไม่ได้มา ก็ขอไปด้วย ญาติเขาก็ไม่พอใจเหมือนกันแหละ เขาก็บ่นบอกว่ามันมีแบบนี้ด้วยหรอ แต่ก็ให้ เวรกรรมจริงๆถ้ายังมีคนอยู่แบบนี้อยู่ในวัด ทุกวันนี้ผ้าเหลืองไม่แผ่วจริงๆ.
จำเป็นสำหรับพระอลัชชีครับ ส่วนภิกษุดีท่านไม่รับและมีวิธีการที่ถูกต้องครับ ค่าน้ำค่าไฟของพระ มีวิธีการที่พระที่ดีวัดที่ดีทำกันอยู่ คือ ให้เงินกับไวยาวัจกร และคฤหัสถ์จัดการเรื่องค่าน้ำค่าไฟ ครับ ซึ่งยังมีวัดที่ดีพระที่ดีที่ไม่รับเงินครับ เงินเป็นของมีโทษกับพระ พระรับเงินต้องอาบัติ ครับ ควรให้ของที่เหมาะสม ครับ จะเป็นบุญที่ดีกับผู้ให้ ไม่เป็นโทษกับผู้รับ เงินให้กับวัดที่ดี ที่ไม่ใช่วัดพุทธพาณิชย์คือให้กับคฤหัสถ์ที่เป็นไวยาวัจกรดูแล แต่ถ้ายังให้เงินกับพระ ก็เป็นโทษ บุญไม่ได้มีแค่การให้ รักษาศีล ฟังธรรม บุญสูงสุดคือปัญญาเข้าใจพระธรรม เข้าใจว่าอะไรควรให้ไม่ควรให้พระก็เป็นบุญครับ ขออนุโมทนา
ยุคสมัยเปลี่ยนไป พระรับเงินได้จริงหรือ ?
สัจจะ ความจริงไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเลย อกุศล ความชั่วเป็นอกุศลเป็นความชั่วไม่เปลี่ยนแปลง กุศล ความดีเป็นกุศลเป็นความดี ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ ไม่ว่าเกิดกับใคร และช่วงเวลาไหน แม้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
โลกเปลี่ยนแปลงไปตามสมมติเรื่องราวที่เป็นบัญญัติ ไม่ใช่สัจจะ แต่สภาพธรรมที่มีจริง คือ กุศล อกุศล ไม่เปลี่ยนไปตามโลก เรื่องราวเลย สิ่งใดมีโทษ พระองค์ตรัสว่ามีโทษ ความมีโทษที่ทำให้อกุศลเจริญ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แม้แต่การรับและยินดีเงินทองนั้น ของพระภิกษุ พระพุทธองค์ก็ตรัสว่ามีโทษและไม่สมควรกับพระภิกษุไม่ว่ากาลเวลาไหน อดีต ปัจจุบันและอนาคต เพราะก็ต้องเข้าใจความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงว่า บวช บรรพชา คือการเว้นทั่วจากกิเลส และเป็นการสละอาคารบ้านเรือน ไม่ใช่เพศคฤหัสถ์แล้ว ดังนั้น จะทำดังเช่นคฤหัสถ์ที่มีการใช้จ่ายเงินและทอง รับเงินทองไม่ได้เลย แต่ถ้าจะใช้เงินทอง หรือปฏิบัติตนดังเช่นคฤหัสถ์ ก็ต้องกลับมาเป็นเพศคฤหัสถ์ดังเดิม สละเพศบรรพชิต
ดังนั้น พระพุทธเจ้าทรงมีพระปัญญาสูงสุด พระองค์ทรงรู้อดีต ปัจจุบัน อนาคต ถ้าบอกว่าเปลี่ยนแปลงได้ ก็กล่าวตู่พระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า เพราะเราไม่มีปัญญา เป็นเพียงแค่ปุถุชน จะกล่าวเปลี่ยนคำของพระพุทธเจ้าไม่สมควรเลย เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่ารับเงินทองได้ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไม่ได้แย้งกับใคร ก็แย้งกับพระพุทธเจ้าเอง ดังนั้น พุทธบริษัทควรมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีความคิดตนเองเป็นที่พึ่ง และที่วงการสงฆ์วุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะ พระรับและยินดีในเงินและทอง และคฤหัสถ์ไม่รู้พระวินัย
จริงที่สุดครับอาจารย์
ทำไม.ไม่ออก.กฏหมาย.ห้ามพระ..รับเงิน..ไปเลย...
พระธรรมวินัยเป็นกฎหมายของพระภิกษุแล้วครับ
วัดทุกวัดเห็นด้วยใหม
เห็นตามพระธรรมไม่ใช่ตามภิกษุบุคคลหรือวัดตัดสินครับ
จะละได้ก็ยากยิ่ง..ต่อให้จิตตั้งมั่น..**พุธ**.การตื่น. ก็ล้วนด้วยไซร้.ซึ่งกิเลส....โชติโชติ ปรายโณ..บุคคลล้วนได้..มาสว่าง.ย่อมไปสว่าง😊😊😊
เปลี่ยนมาฟังธรรมที่ถูกต้องใหม่นะครับ ไม่คิดเองจะเป็นโทษ ครับ เพราะได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วมีเวลาเหลือน้อย ได้พบพระพุทธศาสนา ควรฟังที่ถูกต้องจะได้สาระจากพระธรรม กับชีวิตที่เหลือน้อย ฟังเริ่มต้นใหม่ คลิปนี้ครับผม เชิญคลิก th-cam.com/video/KC_Px9kGsOg/w-d-xo.htmlsi=acx827d930eZIV5x
❤
ตายแล้วก็จบ อย่าไปหวังอะไร ? เลยเพราะคนตายหวังไม่ได้ !
แต่ก่อนตายไปบวชหน้าไฟได้บาปครับ และ ตายแล้วยังมีกิเลสก็ไปนรกได้ครับ
ผู้กระทำดีย่อมได้บุญ(ความดี) ไม่มีใครทำบุญให้ใครได้ บุคคลทำสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นเอง จะถ่ายโอนไปให้ใครไม่ได้ดอก และใครก็อย่าหวังว่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆมาช่วยใครได้ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มิได้มีจริงอะไรเลย
อะไรก็บาบๆๆแล้วไม่ต้องทำอะไร
ทำวิธีนี้ครับ
การจัดงานศพที่ทำให้เกิดบุญกับผู้จัดและอุทิศบุญถึงญาติผู้ตายได้
1.นิมนต์พระภิกษุที่เข้าใจธรรมหรือคฤหัสถ์ แสดงธรรมในภาษาไทยโดยไม่ต้องสวดอภิธรรม
2.อุทิศบุญที่เกิดปัญญาเข้าใจพระธรรมจากการฟังพระธรรม ให้ญาติผู้ล่วงลับผู้ตายได้
ไม่ให้ซอง ไม่ให้เงินพระภิกษุ เพราะพระอาบัติ ญาติผู้ตายไม่อนุโมทนาบุญและไม่บวชหน้าไฟ อันเป็นประเพณีผิด
3.ให้ทานทำบุญกับคฤหัสถ์ผู้มีศีล อุทิศให้ญาติถึงผู้ตายได้
สวดศพปัจจุบันให้เงินพระ สวดคำบาลีฟังไม่รู้เรื่องครับ ให้เงินพระ พระอาบัติครับ
การจัดงานศพที่ถูกต้องและประหยัดเงินมากครับ คลิปนี้ th-cam.com/video/X31ajEtZg_c/w-d-xo.htmlsi=mil8y7-GfYDq4ijz
พระเข้าร้านอาหาร จ่ายเงินเองด้วย😢
ความไม่รู้ของพระ คฤหัสถ์เข้าใจมีปัญญา อนุโมทนาครับ
อาจารย์ลงคลิปบ่อยหน่อยน่ครับเพื่อFcฟัง
1:58
01:32
🙏🙏🙏
พระไม่รับเงินจะทำอะไรได้
ไม่ต้องพระ จัดงานศพโดยไม่มีพระ ครับ ลิงก์นี้ th-cam.com/video/X31ajEtZg_c/w-d-xo.htmlsi=fVzHb9vT_v9yz1HQ
เหลอครับุ5555
ครับขอบคุณที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
คนตายนิมนต์พระไปสวดทำไมอยากรู้จัง
ประเพณีที่ไม่รู้ครับ ฟังคลิปนี้ครับ อธิบายที่ถูก th-cam.com/video/X31ajEtZg_c/w-d-xo.htmlsi=UANC9ZHCUc0YK7rC
ผิดอะไละครับ
เริ่มจากความไม่รู้จักบวช ความไม่รู้คือโมหะ เป็นกิเลส เริ่มจากกิเลสคืออยากให้คนอื่นได้บุญ โลภะเป็นกิเลส และเข้าใจผิดว่าญาติจะได้รับ เป็นความเห็นผิด ก็เป็นกิเลส การได้บวชไม่ใช่การสื่อว่าจะออกจากทุกข์ การออกจากทุข์ คือ ปัญญาความเข้าใจถูก อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น จึงมีการบวชที่ผิดและปฏิบัติผิดมากมาย คฤหัสถ์มีปัญญา ปัญญาทำให้ละกิเลส พ้นทุกข์ได้แม้เป็นคฤหัสถ์ครับ ขออนุโมทนา