อย่าตักบาตรด้วยข้าวสารอาหารแห้งพระบาปทีหลังได้
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 29 พ.ค. 2024
- #ใส่บาตร#ตักบาตรเทโว
00:00 เนื้อหาสาระ
00:34 อย่าตักบาตรด้วยข้าวสารอาหารแห้ง พระบาปทีหลังได้ ประเพณีผิด
01:52 นม ชา กาแฟ ไม่ใช่น้ำปานะ พระฉันหลังเที่ยงไม่ได้เป็นอาบัติ
03:22 อย่าใส่บาตรพระตามตลาดอยู่กับที่ไม่เดินบิณฑบาต
04:45 เงินไม่ควรใส่บาตรและให้พระ ทำพระอาบัติตกนรก
06:20 อ้างว่าพระรับข้าวสารอาหารแห้งเอาไปบริจาคต่อ ! แต่ก็ผิดอย่างไร
09:41 เลี้ยงสัตว์สุนัขแมวไม่ใช่กิจหน้าที่ของพระภิกษุ เมตตาต้องรู้จักตนว่าเป็นพระหรือคฤหัสถ์
10:36 วันเทโวโรหณะ ความสําคัญและหลักธรรมคำสอน
12:20 อภิธรรมมีจริงไหม ที่พระพุทธเจ้าโปรดพุทธมารดาด้วยอภิธรรมอย่างไร
16:41 วิธีแนะนำให้คนใกล้ตัวครอบครัวสนใจธรรมที่ถูกต้อง ชีวิตสุขขึ้นด้วยพระธรรมอย่างไร
พระท่านรับมาแล้วก็บริจาคแจกต่อ !
1.ผิดแล้วตั้งแต่แรกที่พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
เมื่อของเต็มบาตรแล้ว
ให้ปฏิเสธเมื่อคนจะใส่บาตรใช่ไหมคับ อยากรู้
@@user-tx7gp2ck6i พระของเต็มบาตรสามารถปฏิเสธได้
พระบัญญัติ เรื่องการรับอาหารของพระภิกษุสงฆ์ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในพระวินัยปิฎก เสขิยวัตรสิกขาบทโภชนปฏิสังยุตต์ ขัมภกตวรรค สิขาบทที่ ๑๐ ว่า ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจะรับบิณฑบาตเพียงเสมอขอบบาตร ถ้าภิกษุไม่เอื้อเฟื้อรับเกิน หิ้วถุงพะลุงพะลัง เป็นอาบัติ และดูไม่น่าเลื่อมใส เป็นคนมักมากตามพระวินัยพระภิกษุมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธในการรับอาหารบิณฑบาตร เมื่อท่านรับเพียงพอแก่ความต้องการแล้ว ถ้าท่านรับเกินขอบบาตรเป็นอาบัติ การปฏิเสธไม่เป็นอาบัติ ส่วนการทำศรัทธาใครให้ตกไปคือ การให้อาหารบิณฑบาตรแก่คฤหัสถ์ก่อนตนฉัน ไม่ใช่การปฏิเสธ โปรดตรวจสอบในพระวินัย
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้าที่ 492
โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๔ ..
พระบัญญัติ
โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๔
พระบัญญัติ
๘๓. ๔. อนึ่ง เขาปวารณาเฉพาะภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล ด้วยขนมก็ดี ด้วยสัตตุผงก็ดี เพื่อนำไปได้ตามปรารถนา ภิกษุผู้ต้องการพึงรับได้เต็ม ๒-๓ บาตร ถ้ารับยิ่งกว่านั้นเป็นปาจิตตีย์ ครั้นรับเต็ม ๒-๓ บาตรแล้ว นำออกจากที่นั้นแล้ว พึงแบ่งปันกับภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นสามีจิกรรมในเรื่องนั่น
สัมมาทิฏฐิ ผมเห็นด้วยคับ
วัดแถวบ้านจัดประเพณีตักบาตรเทโวเสร็จแล้วขนของทั้งหมดขึ้นที่ศาลาการเปรียญพระสงฆ์ทำพิธี อุทิศให้เป็นกองกลางแล้วค่อยเริ่ม ฉันภัตตาหาร ใส่ไปเหอะ ไม่บาปหรอกครับอย่าคิดมากพระท่านรู้ดี
อีกอันนึงพระท่านไม่ได้เลี้ยงสัตว์เพียงสัตว์มาอาศัยอยู่ที่วัดพระท่านเมตตาให้อาหารเท่านั้น พระวินัยไม่ได้ห้ามพระเมตตา ให้อาหารนะ หรือจะให้พระเหรียญเทศบาลมาเอาหมาแมวไปกำจัดหรือ พระท่านไม่ได้ตั้งใจรับอาหารชาวบ้านเพื่อมาเลี้ยงสัตว์ แต่มันเป็นของเหลือจากการฉันแล้ว
พระท่านรับมาแล้วก็แจกต่อ !
1.ผิดแล้วตั้งแต่แรกที่พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
พระไม่มีหน้าที่เลี้ยงหมาแมว
พระภิกษุไม่ใช่คฤหัสถ์ที่จะมาเลี้ยงสัตว์ พระมีกิจสองอย่าง คันถธุระและวิปัสสนาธุระ คือ ศึกษาธรรมและอบรมปัญญาละกิเลส และสงเคราะห์โลก คือ การแสดงธรรมให้สัตว์ทั้งหลายเกิดปัญญา การทำความดี ต้องดีตามกรอบพระวินัย ไม่ใช่ทำตามใจเราเอง บวชมามีกฎระเบียบ ดำเนินตามรอยบาทพระศาสดา และพระอริยสาวกในอดีต ที่ท่านไม่ได้เลี้ยงสัตว์ ดังนั้นเพราะข้ออ้างเมตตา ปรับตามยุคสมัย พระภิกษุจึงละเมิดพระวินัยและเป็นเหตุเสื่อมของการประพฤติไม่ดีของพระภิกษุทั้งหลายในปัจจุบัน เพราะอนุโลมตามกิเลส โดยไม่ตามคำพระพุทธเจ้านั่นเอง ก็เคารพตัวเอง ไม่ได้เคารพพระรัตนตรัย อ้างนับถือพระพุทธศาสนา แต่ไม่ทตามคำพระพุทธเจ้า นับถืออะไร ?
อะไรก็บาปๆ...ถ้าพระได้ฟังคลิปนี้คงไม่เห็นด้วยแน่..แค่พระเดินบิณฑบาต เดินพ้นปากทางเข้าวัด ก็เต็มบาตแล้ว ใส่ไม่ได้อีก...ตักบาตรเทโว ก็ล้นบาตอีก...เงินก็ใส่ได้อีก งั้น เราไม่ควรจะช่วยให้พระบาปทีหลัง ดังนั้น ให้คนให้สัตว์โดยตรงดีกว่านะ ดีเหมือนกัน...
มีวิธีการที่ทำให้ถูกครับ ซึ่งได้อธิบายในคลิปนี้ไว้ครับ
พระของเต็มบาตรสามารถปฏิเสธได้
พระบัญญัติ เรื่องการรับอาหารของพระภิกษุสงฆ์ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในพระวินัยปิฎก เสขิยวัตรสิกขาบทโภชนปฏิสังยุตต์ ขัมภกตวรรค สิขาบทที่ ๑๐ ว่า ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจะรับบิณฑบาตเพียงเสมอขอบบาตร ถ้าภิกษุไม่เอื้อเฟื้อรับเกิน หิ้วถุงพะลุงพะลัง เป็นอาบัติ และดูไม่น่าเลื่อมใส เป็นคนมักมากตามพระวินัยพระภิกษุมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธในการรับอาหารบิณฑบาตร เมื่อท่านรับเพียงพอแก่ความต้องการแล้ว ถ้าท่านรับเกินขอบบาตรเป็นอาบัติ การปฏิเสธไม่เป็นอาบัติ ส่วนการทำศรัทธาใครให้ตกไปคือ การให้อาหารบิณฑบาตรแก่คฤหัสถ์ก่อนตนฉัน ไม่ใช่การปฏิเสธ โปรดตรวจสอบในพระวินัย
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้าที่ 492
โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๔ ..
พระบัญญัติ
โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๔
พระบัญญัติ
๘๓. ๔. อนึ่ง เขาปวารณาเฉพาะภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล ด้วยขนมก็ดี ด้วยสัตตุผงก็ดี เพื่อนำไปได้ตามปรารถนา ภิกษุผู้ต้องการพึงรับได้เต็ม ๒-๓ บาตร ถ้ารับยิ่งกว่านั้นเป็นปาจิตตีย์ ครั้นรับเต็ม ๒-๓ บาตรแล้ว นำออกจากที่นั้นแล้ว พึงแบ่งปันกับภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นสามีจิกรรมในเรื่องนั่น
พระควรเที่ยวไปบิณฑบาตตามลำดับตรอกย่อมเป็นการเลี้ยงชีพที่สมควรกับพระภิกษุ
สำหรับเพศคฤหัสถ์ ก็ต้องมีการเลี้ยงชีพ นั่นคือ การประกอบอาชีพที่สุจริต เพื่อที่จะดำรงชีวิตของตนเอง และผู้อื่นที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีความสุข แม้ เพศบรรพชิต มีพระภิกษุ ท่านก็ต้องเลี้ยงชีพด้วยอาชีพที่ถูกต้องสมควรกับเพศพระภิกษุ แต่ไม่ใช่ดังเช่นคฤหัสถ์ ครับ นั่นคือ การบิณฑบาต ได้อาหารมาด้วยความสุจริต ไม่ใช่ด้วยการเลียบเคียง แต่แสวงหาก้อนข้าว ด้วยการเดินไปตามตรอก สถานที่เหมาะสมด้วยกิริยาที่สมควร เป็นต้น อันเหมาะกับเพศพระภิกษุ นี่คือการเลี้ยงชีพที่ถูกต้องของเพศพระภิกษุ
อ้างพระรับมาแล้วแจกต่อ !
1.พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
บุญไม่ได้อยู่ที่วัดครับ บุญอยู่ที่จิต และบุญไม่ใช่เฉพาะมีแค่การให้ แต่บุญมี สิบประการ มีการให้ การรักษาศีล ช่วยเหลือ อ่อนน่อม ฟังธรรม แสดงธรรม ความเห็นตรง เป็นต้น และ การให้ ไม่ใช่มีเฉพาะกับพระ ให้คนยากจน ลำบาก โรงพยาบาล แต่ถ้าอยากจะไปทำบุญกับวัด นั่นคือ ความอยาก ไม่ใช่บุญ ครับ ขณะที่อ่านแล้วเข้าใจ เป็นบุญที่เป็นความเห็นตรง คือ มีปัญญานั่นเองครับ บุญเกิดแล้วได้แม้ในขณะนี้ ขออนุโมทนา ครับ
สาธุ..วันนี้ได้ประโยชน์ในข้อ
ให้เน้นดูตัวเองจริงๆ..ลืมดูตัวเองบ่อยๆ...พอดูตัวเองบ่อย
ขึ้นใจเย็นลง..เพราะเห็นข้อบกพร่องของตนเอง..เลยต้องรักษาตัวเอง..จากความไม่รู้...สาธุ..สาธุ..สาธุ
กราบสาธุค่ะ ส่วนใหญ่ทั้งประเทศทำคล้ายกันมีคำคล้องจองว่าตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งหากไม่ได้สดับรับฟังพระธรรมที่ถูกต้องก็คงไม่ทราบกันว่าทำไม่ถูกต้อง
ช่องนี้ พูดเรื่องศีลของพระ ได้ดีมาก พุทธะอุบาสกอุบาสิกาควรได้ รับการรับฟัง ศีลเป็นเครื่องจำแนก ประเภท ของคนออก จากมนุษย์ สัตว์ เปรต อสุรกาย
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ผเดิมที่เคารพอย่างสูงกราบอนุโมทนาสาธุ...🙏🙏🙏...จากนราธิวาสครับผม...🙏👍🌄🌻🌼
เดินสายกลางครับท่าน
ทางสายกลาง คือทางที่ถูกต้อง ทางที่เป็นกุศลธรรม ทางที่ดี มีปัญญา ไม่ใช่ทางที่ชั่ว ทางที่ตึงเกินไป และทางที่หย่อนเกินไป คือทางที่เป็นอกุศลธรรม ทางชั่ว เพราะฉะนั้น คำของพระพุทธเจ้าที่ตรัสออกมาด้วยพระปัญญาในการบัญญัติสิกขาบท มี ภิกษุไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง เป็นทางที่ถูก ทางสายกลาง เพราะ เมื่อภิกษุประพฤติปฏิบัติตามแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อไม่ติดข้อง เพื่อละ เพื่อขัดเกลากิเลส และไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายในสงฆ์ เหมือนปัจจุบันที่ภิกษุรับเงินทองและเกิดความวุ่นวาย แต่การรับเงินทองด้วยความยินดี ติดข้อง ไม่ต่างจากคฤหัสถ์ ขณะนั้นเป็นกิเลส จะเป็นทางสายกลางไม่ได้ แต่เป็นทางหย่อน ที่มัวเมาเพลินเพลินในกามคุณ มี เงินทอง เป็นต้น เพราะฉะนั้น พระวินัยบัญญัติของพระพุทธเจ้า มีการไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทองของพระภิกษุ จึงเป็นทางสายกลาง
กราบอนุโมทนาค่ะ
ทา่นหน้าจะไปบวชนะครับฮาจาน
เรามีความเข้าใจผิดเรื่องบวชครับ
เป็นคนดีได้แม้ไม่บวช ต่างจากไปบวชแต่เป็นพระภิกษุไม่ดี ทำลายพระพุทธศาสนา แต่คฤหัสถ์ปกป้องภิกษุไม่ดีก็เป็นคฤหัสถ์ที่ไม่ดีเช่นกัน สมควรที่จะศึกษาคำพระพุทธเจ้าครับ
พุทธบริษัทมีสี่ ครับ ไม่ใช่จะต้องไปบวชเป็นพระภิกษุ การบรรลุธรรมได้แม้เป็นคฤหัสถ์และต้องตรง รู้จักตนเองว่ามีอัธยาศัยเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิต จึงศึกษาธรรมอบรมปัญญาได้แม้ไม่ได้บวช มี ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขาอุบาสิกา เป็นต้น ครับ ตรงกันข้าม ไม่รู้จักบวช ไม่มีปัญญา ไปบวช แต่ไปละเมิดพระวินัย พระพุทธเจ้าติเตียนภิกษุเหล่านั้นครับ แต่สรรเสริญคฤหัสถ์ที่ไม่ได้บวชแต่ปฏิบัติธรรมถูกต้องครับ ขออนุโมทนา
ปกป้องภิกษุไม่ดี สรรเสริญคนควรติ ติคนควรสรรเสริญ กล่าวคำตรงข้ามพระพุทธเจ้า สั่งสมบาป ไม่ประสบสุข
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ชนพาลเมื่อกล่าวคำเป็นทุพภาษิต (คำพูดไม่ดี) ชื่อว่าย่อมตัดตนด้วยศัสตราใด ก็ศัสตรานั้นย่อมเกิดในปากของบุรุษผู้เกิดแล้ว ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรถูกติ หรือติผู้ที่ควร ได้รับความสรรเสริญ ผู้นั้นชื่อว่าสั่งสมโทษด้วยปาก เพราะโทษนั้น เขาย่อมไม่ประสบความสุข.ทุติยโกกาลิกสูตร
โมทนาสาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะขอบคุณนะค่ะ
สวัสดีค่ะท่าน...
อาจารย์หนูได้รับฟังคลิปธรรมะทุกครั้งอาจารย์แสดงธรรมที่เข้าใจง่ายมากขึ้นเข้าใจหลักธรรมทุกขั้นตอน.ขออนุโมทนาสาธุๆๆค่ะ🙏🙏🙏
ขออนุโมทนาในความเห็นถูกและมั่นคงในคำจริงด้วยครับ
มันกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วครับ บางวัดก็นำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ หรือ เป็นอาหารกลางวันเด็กนักเรียน แต่บางวัดนำไปจำหน่ายต่อนำเงินเข้าวัด เพื่อใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ หรืออื่นๆ ตกลงเรากลับได้บาป
พระบาปครับ แต่ฆราวาสโลภบุญอยากได้บุญ โดยไม่สนใจว่าพระได้บาปครับ
พระท่านรับมาแล้วก็แจกต่อ !
1.ผิดแล้วตั้งแต่แรกที่พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
เจตนาดีต้องตามกรอบพระวินัย ไม่ใช่ตามใจตนเอง พระภิกษุไม่ได้มีหน้าที่องค์กรการกุศล
พระภิกษุมีกิจสองอย่าง คันถธุระและวิปัสสนาธุระ คือ ศึกษาธรรมและอบรมปัญญาละกิเลส
เมตตาธรรมค้ำจุนโลกต้องตามพระวินัย เจตนาดีที่คิดเองแต่ผิดพระวินัย เป็นเจตนาบาป ต้องตามสิกขาบท ไม่ใช่คิดอยากทำอะไรก็ทำ บวชมาแล้วมีกฎระเบียบของพระภิกษุ ถ้าจะทำสงเคราะ์แต่ผิดพระวินัย ก็สึกมาเป็นนักประชาคมสงเคราะห์ สึกมาเป็นคฤหัสถ์ไม่มีอาบัติ ไม่เป็นโทษกับตนเองและทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดด้วย ครับ ขออนุโมทนา
คำว่า ธรรมเนียมประเพณี ไม่ใช่แปลว่าสิ่งนั้นจะต้องถูก ความจริงถูกเป็นถูกผิดเป็นผิด
สิ่งที่ถูกไม่ใช่เพราะประเพณีหรือสิ่งที่ทำตามกันมา ความจริงไม่เปลี่ยน ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เปลี่ยนไปตามสังคม หรือ วัฒนธรรม ก่อนพระพุทธเจ้าอุบัติก็มีประเพณีที่ทำตามๆกันมาเป็นพันๆปีด้วยความเห็นผิด ด้วยการแสดงธรรมที่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง คนเห็นถูกย่อมละทิ้งประเพณีผิด คนเห็นผิดย่อมยึดถือประเพณีผิดต่อไป ครับ
ขอบคุณมากครับ เราทำผิดและหลงทำมากันโดยตลอด 🙏
ใช้จริงๆตอนนี้รู้แล้วเราต้องศึกษาธรรมมะจริงๆพุทธวจน สาธุ
อนุโมทนาสาธุค่ะอาจารย์ ยิ่งฟังอาจารย์ เกิดสติปัญญายิ่งขึ้นค่ะ สาธุค่ะ
สาธุ
อนุโมทนาสาธุค่ะลูกชายบวชอยู่เมื่อก่อนไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากนัก…ตอนนี้ได้ฟังอาจารย์พูดได้ความรู้เยอะมากมาย…ขอบคุณมากค่ะ🙏🙏🙏
ไปวัด เอาเงินใส่ซองถวายพระ ผิดไหมคะ เห็นทำกันก็เลยทำด้วยค่ะทุกครั้งที่ไปวัดก็ใส่ซองตลอดค่ะ
ฟังคลิปนี้ครับ th-cam.com/video/VeJ8QXMb7oo/w-d-xo.htmlsi=vUHmgBxLoqZwWESv
กราบอนุโมทนา สาธุครับ เข้าใจถ่องแท้จริงๆ ครับ
อนุโมทนาครับ
อนุโมทนาสาธุค่ะ
ข้าพเจ้าตักบาตรทกวัน
ตอนนีัขอบูญส่งให้หลาน
ข้าพเจ้าปลอดภัยจากการ
ผ่าตัด .วันที15.พย.นีั.ด้วยนะคะ สาธู เราทำบูญทูก
อย่าง มี โอกาส
ทุกอย่างตามเหตุครับ ทำบุญเพราะเป็นบุญ ไม่ใช่ทำเพื่อได้ นั่นก็คือสะสมกิเลส บุญก็น้อยลงไปอีกเพราะมีความอยากกิเลสเป็นปัจจัยครับ ไม่ต่างกับ เป็นพ่อค้าค้ากำไรอ้างทำบุญแต่เพื่อได้ เป็นพ่อค้าขายของเพื่อได้เงิน ครับ
กราบอนุโมธนาบุญคะ
15คํ่าเดือน11พระองค์เสด็จลงจากเทวโลก วันเทโวโรหณะ ความสําคัญและหลักธรรมคำสอน ไม่ใช่วันเอาของแห้งไปใส่ให้เต็มบาตร แล้วเทใส่รถบรรทุกขนกลับวัด 15คํ่าเดือน8 ทรงแสดงยะมะกะปฏิหาริย์ปราบเดียรถีย์ ในครั้งที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน ไม่ได้มีสำนักปฏิบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แต่มีสำนักเดียรถีย์ เดียรถีย์ คือ ผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ยุคนี้เดียรถีย์เยอะมากเพราะ ไม่มีพระพุทธเจ้ามาแสดงยะมะกะปฏิหาริย์ปราบ ...การฟังธรรม การสนทนาธรรม ซึ่งเป็นมงคลในมงคล ๓๘ เราขาดมงคลข้อไหน หรือกล่าวได้ว่าขาดทุกข้อ
"เธอจงเป็นผู้ที่ฉลาดในวาระจิตของตน " คำของพระองค์เป็นคำจริง พระอภิธรรมยิ่งใหญ่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย กราบอนุโมทนา ในกุศลจิตของอาจารย์ผเดิม ค่ะ สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดี ด้วยความเคารพ ค่ะสาธุสาธุค่ะ
@@user-iv9bu8wg8i กราบอนุโมทนาในความเป็นผู้ที่สะสมความอ่อนน้อมเป็นผู้ว่าง่ายจนมีความมั่นคง อธิษฐานะบารมี นี่คือความเป็นธรรมตาของสภาพธรรม สะสมความเข้าใจแบบนี้เพื่อสังขารขันธ์จะปรุงแต่งให้ สติเจตสิกที่เป็นโสภณธรรมให้มีกำลัง วันหนึ่งในสังสารวัฏ จะเป็นวันที่เราจะไม่เกิดไม่ตายอีกเลย สาธุค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะและความเห็นถูกที่กล่าวได้ไพเราะและสะสมปัญญามาดีที่ทำให้มั่นคงด้วยครับ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโทนาด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ😅😅😅
เรียนอาจารย์ แล้วจะทำบุญเช่นไรคะ ใส่บาตรก็ผิด ถวายเงินพระก็ผิด ถวายของบางอย่างผิดเวลาก็ผิด อะไรก็ผิดไปหมด 😢
ในคลิปบอกไว้ครับ ว่าให้ทำอะไร คือ ใส่อาหารที่สดที่ปรุงเสร็จแล้วครับ แนะนำฟังในคลิปก่อนครับให้จบ จะได้สิ่งที่ถูกต้องครับ
ขอบพระคุณครับ
เห็นด้วยทุกประการครับ
วิธีแนะนำให้คนใกล้ตัวครอบครัวสนใจธรรมที่ถูกต้องและชีวิตสุขขึ้นด้วยพระธรรมอย่างไร คลิกที่ตัวเลขสีฟ้า นาทีนี้ 16:41 ได้ฟังเนื้อหาให้เข้าใจพระธรรม ครับ
กราบสาธุ🙏
🙏สาธุ
สาธุๆๆค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
สาธุๆๆๆครับ องค์ความรู้ที่ทรงคุณค่ายิ่งแล้ว
กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
สาธุครับ
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
นอบ"น้อม" กราบ "พระรัตนตรัย"ค่ะ.และกราบ อนุโมทนากุศลจิตที่ดีงามค่ะ."ท่านอาจารย์ Paderm Yeesomb ด้วยความเคารพรักยิ่ง" ค่ะ. ("น้อม"ฟัง"พระธรรม"ท่านได้เมตตา ธรรมะไม่ใช่เราสะสมความเห็นถูก "เป็นอนัตตา" ด้วยจิต เจตสิกที่เห็นถูก เข้าใจถูก ด้วยปัญญา ให้เกิดกุศล)"น้อม" กราบขอบพระคุณอย่างสูง ค่ะ.❤
ที่คุณพูดมาฉันเห็นด้วย..เพราะครั้งหนึ่งฉันได้ไปกราบหลวงปู่แหวนฉันได้นำข้าวสารและอาหารแห้งไปถวายท่าน แม่ชีที่นั่นให้นำไปไว้ที่โรงครัวเลยแม้นแต่ธูปเทียนเมื่อไปกราบท่านแล้วท่านยังให้นำกลับไปใช้ต่อ..พระอริยฯท่านสมถะจริงๆไม่สะสมอะไรเลย..ฉันก็เห็นแต่คุณพูดได้ดีได้ถูกต้องทำให้..รู้จักดูรู้จักสังเกตและเห็นว่าอะไรควรหรืออะไรที่ไม่ควร
@@user-rv5hw7qw9m การตัดสินถูกผิด นับถือใคร ไม่ใช่ดูแค่กิริยาภายนอก แต่ดูที่พระธรรมที่แสดงตรงตามคำพระพุทธเจ้าหรือไม่ครับ แนะนำฟังคลิปนี้ครับ th-cam.com/video/LcrWhTFwqMk/w-d-xo.htmlsi=SLTfTwNtHddVf8Fc
ทุกวันนี้มันเพี้ยนไปหมดแล้วสงสัยคิดกันไปเองศาสนาจะล่มสลายแน่ๆเพราะเงิน
ทุกวันนี้ มันมั่วไปหมดแล้ว ความคิดพระก็เปลี่ยนไป 555 ขนาดกินหมู กะทะ + แอลกอฮอล์ ก็ยังทำ555
ขอบคุณครับ นับถือน้ำใจ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
เราถวายของแห้งเพื่อให้พระไปปรุงเพื่อฉันเหรอปลากระป๋องงี้มาม่างี้ เราทำต่อ ๆ กันมาตามที่ผู้ใหญ่เขาทำกันมา พอมาคิดมันก็จริงนะ หรือถวายสังฆทานไปดูเถอะวางไว้เต็มห้องท่านก็ไม่ได้แกะถังดูหรอกว่าถวายอะไรนอกจากซองปัจจัย
ขออนุโมทนาในควาเมห็นถุกครับและเพิ่เติมว่า ภิกษุประกอบการทำอาหารเอง ต้องอาบัติทุกกฎครับ และถ้าฉันอาหารที่ทำเอง ก็ต้องอาบัติทุกกฎอีกตัวเช่นกันครับ ดังนั้น พระภิกษุไม่สมควรทำอย่างคฤหัสถ์คือประกอบอาหารเอง ครับ
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ ๘๔
ห้ามพระภิกษุฉันอามิส และหุงต้มเอง
ท่านพระอานนท์จึงดำริว่า แม้เมื่อก่อนพระผู้มีพระภาคเจ้าประชวรโรคลมเกิดในพระอุทร ก็ทรงพระสำราญได้ด้วยยาคูปรุงด้วยของ ๓ อย่างจึงของาบ้าง ข้าวสารบ้าง ถั่วเขียวบ้าง ด้วยตนเอง เก็บไว้ในภายในที่อยู่ ต้มด้วยในเองในภายในที่อยู่ แล้วน้อมเข้าไปถวาย........
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนอานนท์ การกระทำของเธอนั่น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร มิใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ
ดูก่อนอานนท์ ไฉนเธอจึงได้พอใจในความมักมากเช่นนี้เล่า ดูก่อนอานนท์ อามิสที่เก็บไว้ในภายในที่อยู่ เป็นอกัปปิยะ แม้ที่หุงต้มในภายในที่อยู่ ก็เป็นอกัปปิยะแม้ที่หุงต้มเอง ก็เป็นอกัปปิยะ การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส....ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายดังต่อไปนี้:-
พระพุทธบัญญัติห้ามอามิสที่เป็นอันโตวุตถะเป็นต้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันอามิสที่เก็บไว้ในภายในที่อยู่ ที่หุงต้มในภายในที่อยู่ และที่หุงต้มเอง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อามิส ถ้าเก็บไว้ในภายในที่อยู่ หุงต้มในภายในที่อยู่ และหุงต้มเอง ถ้าภิกษุฉันอามิสนั้น ต้องอาบัติทุกกฏ ๓ ตัว
เงินไม่ควรถวายกับพระภิกษุทำให้พระอาบัติ ครับ
เงินไม่ควรให้พระภิกษุ ทำพระอาบัติตกนรก
พระวินัยบัญญัติข้อภิกษุ เกี่ยวกับเงินทอง ที่ภิกษุทุกรูปไม่ว่ารูปใดหรืออยู่วัดใด วัดในเมือง วัดชนบท ต้องประพฤติปฏิบัติตามเมื่อบวชเป็นบรรพชิต
[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 940
พระบัญญัติ
๓๗. ๘. อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
เรื่องค่าน้ำ ค่าไฟในวัด แม้ในในอดีตและปัจจุบันก็มีบางวัดประพฤติตามพระวินัย ที่ให้คฤหัสถ์เป็นคนรับเงินของวัด ดูแลเงิน จัดการเงินและจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ โดยที่พระไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินและทองเลย ท่านไม่ต้องอาบัติ แต่เลือกคฤหัสถ์ที่ดี มีคุณธรรมเป็นไวยาวัจกรในการจัดการดูแลเงิน และพระภิกษุก็มีหน้าที่ศึกษาพระธรรม (คันถธุระ) และปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม (วิปัสสนาธุระ) เพราะบวชมา จุดประสงค์คือ ละอาคารบ้านเรือน ไม่ประพฤติตนดั่งเช่นคฤหัสถ์ และบวชเพื่อถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบโดยส่วนเดียว และไม่ใช่ข้ออ้างว่าคฤหัสถ์จะทุจริตเงินวัด จึงจำเป็นที่พระภิกษุต้องรับเงินดูแลเงินเอง ทำทุจริต ผิดพระวินัยเสียเอง เพราะพระรับเงิน ยินดีในเงินทอง เป็นทุจริตแล้วตามพระวินัยบัญญัติ
สาธุค่ะ🙏
กราบสาธุธรรมค่ะ
โลกหมุนมากี่ล้านรอบแล้ว บางอย่าง น่าจะปรับได้บ้าง เรียกว่า ปฏิรูป ถ้าจะเคร่งเหมือนอย่างที่กล่าวมา ป่านนี้ พุทธศาสนา ล่มสลายมานานแล้ว สมัยนั้น มีรถไหมนี่ เหนื่อยนะ
พระพุทธศาสนาต้องปรับตัว ภิกษุต้องปรับตัวเข้ากับยุคสมัย คือรับเงิน มีมือถือ ใช้เฟซบุ๊ก ศาสนาดำรงอยู่มาได้ เพราะพระพุทธศาสนาและพระภิกษุปรับตัวตามยุคสสมัย
ความเข้าใจถูกและประพฤติตามพระวินัยทำให้ศาสนาเจริญ การประพฤติผิดพระวินัยของพระภิกษุและพุทธบริษัทไม่ปฏิบัติไม่เคารพพระธรรม เป็นเหตุของศาสนาพุทธเสื่อมถอย
บรรพชิต คือผู้สละ ละทุกสิ่งที่กระทำดั่งคฤหัสถ์ ออกบวช เพื่อถึงความสิ้นทุกข์ แต่ผู้บวชอ้างยุคสมัย ขอทันโลก แต่เป็นโลกที่คฤหัสถ์เขาทำกัน เล่นเฟซบุ๊ก เดินห้าง รับเงินทอง มีบัญชีธนาคาร ซ่อมถนนชาวบ้าน ไม่ใช่กิจของภิกษุ ทันโลกของพระภิกษุ คือโลกตามพระวินัยบัญญัติ ไม่ขัดแย้งกับพระวินัย ประพฤติให้น่าเลื่อมใส ดั่งเป็นผู้สละ ประพฤติอบรมปัญญาขัดเกลากิเลสตามพระวินัยบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว ไม่ใช่ตามโลกคฤหัสถ์ กระทำตนแบบคฤหัสถ์ นำมาซึ่งการเพิ่มกิเลส พระพุทธเจ้าทรงติเตียนภิกษุประพฤติตนดั่งคฤหัสถ์ ชาวพุทธควรตื่นรู้ความจริงว่า พระคือใคร การบวชคืออะไร และไม่สนับสนุนพระเหล่านั้น มีการให้เงินและทอง เป็นต้น อันเป็นการรักษาพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ดังนั้น ศาสนาพุทธที่ดำรงอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน ดำรงอยู่ด้วยความเจริญ หรือความเสื่อมลงในปัจจุบัน เพราะพระพุทธศาสนาจะหมดสิ้นไปเมื่อถึงห้าพันปี แต่ปัจจุบัน สองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว ศาสนาเจริญหรือเสื่อม เมื่อภิกษุสมัยปัจจุบันกระทำตามคฤหัสถ์ ไม่ประพฤติตามพระวินัย บอกว่ารับเงินทองได้ ทั้งๆ ที่ผิดพระวินัยบัญญัติ และคฤหัสถ์ที่ไม่เข้าใจพระธรรมวินัยก็เห็นดีงามด้วย นี่ต่างหากที่เป็นเหตุพระพุทธศาสนากำลังเสื่อมไปเรื่อยๆ เพราะพุทธบริษัทไม่ปฏิบัติตามพระธรรม จนถึงเมื่อห้าพันปี พระพุทธศาสนาก็อันตรธานไปจากใจของทุกคน
ภิกษุต้องเดินทางไปไหน มาไหน ค่ารถไม่ฟรี จึงต้องรับเงิน และคฤหัสถ์จึงต้องให้เงินพระ
ภิกษุในธรรมวินัย คือเป็นผู้เบา มีกิจน้อย ไม่เป็นผู้เดินทางบ่อย หากมีผู้นิมนต์ไปฉันที่บ้านหรือแสดงธรรมที่บ้าน ภิกษุผู้ฉลาด ประพฤติตามพระวินัย สามารถแจ้งกับคฤหัสถ์ได้ว่าควรกระทำสิ่งใด ไม่ให้ภิกษุออกค่าใช้จ่ายเอง แต่ควรมารับ มาส่ง อันไม่เกี่ยวข้องกับเงินและทอง เป็นต้น และพระภิกษุที่ดี หากพิจาณาว่าต้องยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง ไม่สะดวกในการเดินทาง ท่านก็แจ้งกับคฤหัสถ์ไปในเรื่องนั้น ว่าไม่สะดวกโดยประการใด อันเป็นการเคารพพระวินัย ทำตามพระวินัยบัญญัติ และพระภิกษุไม่มีหน้าที่เรียนหนังสือทางโลก จึงไม่จำเป็นจะต้องเดินทางไปเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่สอนหนังสือทางโลก เป็นต้น
และตามที่กล่าวแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้าทำวิธีการที่ถูกต้อง คือพระไม่รับเงิน แต่ ฆราวาสให้เงินกับคฤหัสถ์ผู้เป็นไวยาวัจกรของวัดโดยตรงดูแล ที่เป็นคนดี มีคุณธรรม และเมื่อพระภิกษุต้องการเดินทางในการประกอบกิจของสงฆ์ คฤหัสถ์ที่เป็นไวยาวัจกรก็สามารถเป็นผู้ดูแลในเรื่องค่าใช้จ่าย โดยที่พระไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง อันทำให้พระไม่ต้องอาบัติรับเงินทอง ยินดีในเงินทอง เพราะมีเงินส่วนกลางของวัดในการบริหารจัดการ ทั้งในเรื่องค่าเดินทาง ค่ายา ค่าอื่นๆ ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย
สาธุ
🙏🙏🙏
ขอบคุณค่ะอาจารย์
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุๆค่ะ😊
เป็นคำสอนที่จริงครับผู้ที่ได้มีโอกาสได้ฟังสิ่งที่ถูกคือผู้ที่มีบุญมากครับ.สาธุ.
ขออนุโมทนาในความเห็นถูกและมั่นคงในคำจริงด้วยครับ ช่วยกันเผยแพร่ความจริงครับ สาธุ
กราบสาธุสาธุ
ใด้ความรู้ เยี่ยมเลย ค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
กราบสารุ สารุ ๆ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ 🙏♥️
ต้องงดทำ
กราบ.อนุโมทนาค่ะ คุณ🙏
สาธุๆคะ🙏🙏🙏
สาธุๆค่ะ
สาธุสาธุสาธุ
พูดเรื่องตักบาตรเทโวนะคะ
คลิกฟังที่ตัวเลขสีฟ้าครับ อธิบายไว้ 00:34 อย่าตักบาตรด้วยข้าวสารอาหารแห้ง พระบาปทีหลังได้ ประเพณีผิด
🙏สาธุคะ
สาธุค่ะ
กราบสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาคะ
กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
ที่หมู่บ้านตักบาตรเทโวหลังออกพรรษาทุกปีมีวัดใกล้เคียงมาร่วมบิตธบาตรสามถึงสี่วัดหลังจากนั้นญาติโยมจะช่วยกันแยกพัตตราหารที่บิตธบาตรมาเพราะทางวัดจะทำบุญใหญ่เช่นกฐินสามัคคีผ้าป่าสามัคคี ก็จะใช้ข้าวสารอาหารแห้งดังกล่าวมาปรุงแต่งแจกจ่ายให้ผู้มาร่วมและช่วยงาน พระท่านไม่ได้เก็บสะสมไว้ทำฉันท์เอง การทำบุญอยู่ที่เจตนามั้ยค่ะ
พระท่านรับมาแล้วก็แจกต่อ !
1.ผิดแล้วตั้งแต่แรกที่พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
เจตนาดีต้องตามกรอบพระวินัย ไม่ใช่ตามใจตนเอง พระภิกษุไม่ได้มีหน้าที่องค์กรการกุศล
พระภิกษุมีกิจสองอย่าง คันถธุระและวิปัสสนาธุระ คือ ศึกษาธรรมและอบรมปัญญาละกิเลส
เมตตาธรรมค้ำจุนโลกต้องตามพระวินัย เจตนาดีที่คิดเองแต่ผิดพระวินัย เป็นเจตนาบาป ต้องตามสิกขาบท ไม่ใช่คิดอยากทำอะไรก็ทำ บวชมาแล้วมีกฎระเบียบของพระภิกษุ ถ้าจะทำสงเคราะ์แต่ผิดพระวินัย ก็สึกมาเป็นนักประชาคมสงเคราะห์ สึกมาเป็นคฤหัสถ์ไม่มีอาบัติ ไม่เป็นโทษกับตนเองและทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดด้วย ครับ ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณมากค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ🙏
กราบสาธุสาธุสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ❤❤❤
กราบสาธุๆๆค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
🙏🙏🙏สาธุๆค่ะ
กราบขออนุโมทนาค่ะ🙏🙏🙏
ขออนุโมทนาค่ะ
คนชอบเอาหมาแมวไปปลอ่ยที่วัดคะ
แจ้งหน่วยงานครับ พระไม่มีหน้าที่เลี้ยงสัตว์ ครับ
พระไม่มีหน้าที่เลี้ยงหมาแมว
พระภิกษุไม่ใช่คฤหัสถ์ที่จะมาเลี้ยงสัตว์ พระมีกิจสองอย่าง คันถธุระและวิปัสสนาธุระ คือ ศึกษาธรรมและอบรมปัญญาละกิเลส และสงเคราะห์โลก คือ การแสดงธรรมให้สัตว์ทั้งหลายเกิดปัญญา การทำความดี ต้องดีตามกรอบพระวินัย ไม่ใช่ทำตามใจเราเอง บวชมามีกฎระเบียบ ดำเนินตามรอยบาทพระศาสดา และพระอริยสาวกในอดีต ที่ท่านไม่ได้เลี้ยงสัตว์ ดังนั้นเพราะข้ออ้างเมตตา ปรับตามยุคสมัย พระภิกษุจึงละเมิดพระวินัยและเป็นเหตุเสื่อมของการประพฤติไม่ดีของพระภิกษุทั้งหลายในปัจจุบัน เพราะอนุโลมตามกิเลส โดยไม่ตามคำพระพุทธเจ้านั่นเอง ก็เคารพตัวเอง ไม่ได้เคารพพระรัตนตรัย อ้างนับถือพระพุทธศาสนา แต่ไม่ทตามคำพระพุทธเจ้า นับถืออะไร ?
กราบอนุโมทนา มีประโยชน์ทุกเรื่องที่ได้ฟัง
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดี ด้วยความเคารพ ค่ะสาธุสาธุค่ะ
เห็นด้วยค่ะเป็นผู้ตรงเมื่อไหร่ก็ย่อมได้สาระในทุกเรื่องที่ได้ฟัง ปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงธรรมแต่ละคำมีความหมายจากการที่ เมื่อทรงตรัสรู้อย่างไร ประจักษ์แจ้งอย่างไร ทรงแสดงความจริงอย่างนั้น ซึ่งเป็นแต่เพียงส่วนน้อยของพระปัญญาคุณ อุปมาด้วยพระองค์เองเหมือนกับใบไม้ ๒-๓ ใบในกำมือ แต่พระปัญญานั้นเหมือนใบไม้ในป่า ...การจะฟังให้เข้าใจก็ยังยาก เพราะเหตุว่าปัญญาต่างกันประมาณไม่ได้เลย น้ำกับฟ้า ..กราบอนุโมทนาในความเป็นผู้ตรงที่มั่นคงอธิษฐานะบารมีของอาจารย์ผเดิมและอาจารย์รุ่นพี่และก็น้องตันสาระ ด้วยค่ะ สาธุค่ะ🙏 😇💝🌹
กราบอนุโมทนากับทั้งสองท่าน ขอให้รักษาตนไว้ด้วยความเห็นถูกสืบไป 🙏🙏
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะและความเห็นถูกที่สะสมมาดีด้วยครับ
แล้วเราจะทำอะไรจึงจะได้บุญ..ทุกวันนี้ชาวพุทธก็อยากจะทำบุญ
ใส่อาหารปรุงสำเร็จ ไม่ใส่เงินให้พระ ทำสิ่งที่ถูก บุญมากครับ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
สิ่งที่ควรใส่บาตรพระถวายพระ คฤหัสถ์ที่ดีต้องศึกษาพระวินัย ปฏิบัติตามคำพระพุทธเจ้า ถวายของที่เหมาะสมกับพระ เนื้อหาควรฟังและแชร์ดังนี้
00:34 อย่าตักบาตรด้วยข้าวสารอาหารแห้ง พระบาปทีหลังได้ ประเพณีผิด
01:52 นม ชา กาแฟ ไม่ใช่น้ำปานะ พระฉันหลังเที่ยงไม่ได้เป็นอาบัติ
03:22 อย่าใส่บาตรพระตามตลาดอยู่กับที่ไม่เดินบิณฑบาต
04:45 เงินไม่ควรใส่บาตรและให้พระ ทำพระอาบัติตกนรก
06:20 อ้างว่าพระรับข้าวสารอาหารแห้งเอาไปบริจาคต่อ ! แต่ก็ผิดอย่างไร
09:41 เลี้ยงสัตว์สุนัขแมวไม่ใช่กิจหน้าที่ของพระภิกษุ เมตตาต้องรู้จักตนว่าเป็นพระหรือคฤหัสถ์
10:36 วันเทโวโรหณะ ความสําคัญและหลักธรรมคำสอน
12:20 อภิธรรมมีจริงไหม ที่พระพุทธเจ้าโปรดพุทธมารดาด้วยอภิธรรมอย่างไร
16:41 วิธีแนะนำให้คนใกล้ตัวครอบครัวสนใจธรรมที่ถูกต้อง ชีวิตสุขขึ้นด้วยพระธรรมอย่างไร
ขออนุโมทนา
คุณไม่รู้รึว่าเขามีประเพณีตักบาตรเข้าสานอาหารแห้ง
คำว่า ประเพณี ไม่ใช่แปลว่าสิ่งนั้นจะต้องถูก ความจริงถูกเป็นถูกผิดเป็นผิด
สิ่งที่ถูกไม่ใช่เพราะประเพณีหรือสิ่งที่ทำตามกันมา ความจริงไม่เปลี่ยน ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เปลี่ยนไปตามสังคม หรือ วัฒนธรรม ก่อนพระพุทธเจ้าอุบัติก็มีประเพณีที่ทำตามๆกันมาเป็นพันๆปีด้วยความเห็นผิด ด้วยการแสดงธรรมที่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง คนเห็นถูกย่อมละทิ้งประเพณีผิด คนเห็นผิดย่อมยึดถือประเพณีผิดต่อไป ครับ
พระท่านรับมาแล้วก็แจกต่อ !
1.ผิดแล้วตั้งแต่แรกที่พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
ฉันคิดว่าพระต้องบาปไปอีกนานเลยเพราะประเพณีนี้ศาสนาเป้นคนก่อตั้งขึ้นและคงจะยกเลิกไม่ได้ด้วยเพราะมันเป็นประเพณีคุณว่าไหม
แน่นอนครับ นรกจึงเต็มไปด้วย พระที่มีผ้ากาสาวะพันคอ ครับ
อปายสูตร
"คนเป็นอันมากอันผ้ากาสาวะพันคอ มีธรรมอันลามกไม่สำรวม คนลามกเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก เพราะกรรมอันลามกทั้งหลาย ก้อนเหล็กร้อนเปรียบด้วยเปลวไฟ อันผู้ทุศีลบริโภคแล้วยังประเสริฐกว่า ผู้ทุศีล ไม่สำรวม พึงบริโภคก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น จะประเสริฐอะไร."
พระท่ามีญาติโยมค่อยเตรียมอาหารให้ตลอด จำเป้นต้องบิณบาตรมั้ยครับ
ต้องเป็นผู้เที่ยวบิณฑบาต ด้วยครับ ไม่ใช่อยู่แต่วัดตลอดครับ
ตักบาตรประจำค่ะแต่ไม่ใส่เงินค่ะ
จริงตามที่กล่าวมาคะ แต่วัดที่บ้านจะนำอาหารแห้งไปบริจาคต่อให้บ้านที่มีผู้ป่วยติดเตียงคะ
พระท่านรับมาแล้วก็แจกต่อ !
1.ผิดแล้วตั้งแต่แรกที่พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
เจตนาดีต้องตามกรอบพระวินัย ไม่ใช่ตามใจตนเอง พระภิกษุไม่ได้มีหน้าที่องค์กรการกุศล
พระภิกษุมีกิจสองอย่าง คันถธุระและวิปัสสนาธุระ คือ ศึกษาธรรมและอบรมปัญญาละกิเลส
เมตตาธรรมค้ำจุนโลกต้องตามพระวินัย เจตนาดีที่คิดเองแต่ผิดพระวินัย เป็นเจตนาบาป ต้องตามสิกขาบท ไม่ใช่คิดอยากทำอะไรก็ทำ บวชมาแล้วมีกฎระเบียบของพระภิกษุ ถ้าจะทำสงเคราะ์แต่ผิดพระวินัย ก็สึกมาเป็นนักประชาคมสงเคราะห์ สึกมาเป็นคฤหัสถ์ไม่มีอาบัติ ไม่เป็นโทษกับตนเองและทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดด้วย ครับ ขออนุโมทนา
พระสงเคราะห์โลก คือ แสดงธรรมให้กับพุทธบริษัทเกิดปัญญาความเห็นถูก ไม่ใช่สงเคราะห์โลกแบบคฤหัสถ์ ทำการกุศล รับของไปบริจาคต่อที่ไม่ต่างจากคฤหัสถ์ การกระทำดีต้องตามกรอบพระวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ดังข้อความพระไตรปิฎกดังนี้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริก เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่อนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ทวยเทพและมนุษย์ พวกเธออย่าได้ไปรวมทางเดียวกันสองรูป จงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลางงามในที่สุดจงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์ สัตว์ทั้งหลายจำพวกที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อยมีอยู่ เพราะไม่ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม ผู้รู้ทั่วถึงธรรม จักมี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็จักไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อแสดงธรรม
เดี๋ยวนี้ไม่ใส่เงินและของแห้งแล้ว🙏🙏🙏
แล้วจะมีพิธีทำใม.วัดป่ามีโรงครัวแม่ชีแม่ขาวจะทำอาหารถววยพระให้เองนะคะ
เพราะความไม่รู้จึงมีพิธีผิด ประเพณีผิดครับ
พระท่านรับมาแล้วก็แจกต่อ !
1.ผิดแล้วตั้งแต่แรกที่พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
ร้อยคนก็ร้อยความคิิด
แต่ตัดสินถูกผิดตามคำพระพุทธเจ้า ไม่เช่นนั้นก็อ้างว่านับถือพุทธ แต่เชื่อตามคิดตนเองและบุคคลอื่นครับ
ขออนุญาตถามอาจารย์หน่อยครับ อาจารย์เคยถวายสังฆทานทานไหมครับ ถ้าเคยต้องมีอะไรบ้างครับในการถวาย ขอบพระคุณมากครับ
คลิกฟังครับ th-cam.com/users/shortsNJNmrLo2U50?si=4PXCLaCW8NI1r9_z
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ผเดิม ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ ฟังแล้ว พิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นด้วย ปัญญา ว่าท่านอาจารย์กล่าว เป็นธรรมะพระวินัยของพระพุทธองค์ ที่ถูก ต้อง ประเสริฐยิ่งนัก ประโยชน์อย่างยิ่ง ทำสิ่งที่ถูกเป็นกุศล ทำสิ่งที่ผิดเป็นอกุศล ใครได้ฟังคลิปนี้ ปัญญา เห็นถูก ให้เกิด กับท่านด้วยเถิด สาธุสาธุเจ้าค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
กราบสาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
@@paderm กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ด้วยความเคารพเจ้าค่ะ
ขอบคุณมากๆเป็นความรู้ที่ดีมากไม่เคยรู้ค่ะอาจ
อาจารย์รถผมจอดฟหน้าบ้านตัวเองไม้ได้เลยถนนกว้างตั้ง12เมตร
เป็นเรืองนาๆจิตตังครับเจตนาท่านว่าเป็นปาบครับ
เจตนาดีต้องตามกรอบพระวินัย ไม่ใช่ตามใจตนเอง พระภิกษุไม่ได้มีหน้าที่องค์กรการกุศล
พระภิกษุมีกิจสองอย่าง คันถธุระและวิปัสสนาธุระ คือ ศึกษาธรรมและอบรมปัญญาละกิเลส
เมตตาธรรมค้ำจุนโลกต้องตามพระวินัย เจตนาดีที่คิดเองแต่ผิดพระวินัย เป็นเจตนาบาป ต้องตามสิกขาบท ไม่ใช่คิดอยากทำอะไรก็ทำ บวชมาแล้วมีกฎระเบียบของพระภิกษุ ถ้าจะทำสงเคราะ์แต่ผิดพระวินัย ก็สึกมาเป็นนักประชาคมสงเคราะห์ สึกมาเป็นคฤหัสถ์ไม่มีอาบัติ ไม่เป็นโทษกับตนเองและทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดด้วย ครับ ขออนุโมทนา
พระท่านรับมาแล้วก็แจกต่อ !
1.ผิดแล้วตั้งแต่แรกที่พระรับเกินประมาณ เกินขอบบาตรสามบาท ต้องอาบัติ
2.เมื่อได้ของจากการใส่บาตรแล้ว มีข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้น แล้วก็เทของไปบริจาคเลย ไม่ไปสู่โรงฉัน ไปที่วัดให้เรียบร้อย พระได้ของเทให้ไปแจกเลย ต้องอาบัติ
3.พระไม่ได้มีหน้าที่เป็นนักประชาสงเคราะห์แจกทาน
4.พระพุทธเจ้าและพระสาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัติดี ไม่ได้รับของมากๆ เพื่อเอาไปช่วยเหลือแจกชาวบ้าน
เรื่องพิธีการ สามารถเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อม ตามยุคสมัย น่าจะได้นะคะ
นั่นคือเปลี่ยนตามกิเลสไม่สนใจพระธรรมวินัย จึงเป็นเหตุให้พระภิกษุปัจจุบันละเมิดพระวินัยง่ายเพราะเสื่อมตามใจที่คิดจะเปลี่ยนตามยุคสมัยที่สังคมของกิเลสตั้งขึ้นนั่นเองครับ
ได้ครับ
บุญ บาป อยู่ที่ใจว่ายึดติดแบบไหน ....ยึดว่าเป็นบุญก็เป็นบุญ ยึดว่าเป็นบาปก็เป็นบาป ...ถึงอย่างไรทั้งหมดก็ล้วนเป็นอนัตตา
พระทำผิดวินัย ก็เป็นอาบัติ แต่ไม่บาปครับ พุทธองค์จึงทรงบัญญัติให้ต้องรับโทษ เช่น ปลงอาบัติ สึก ฯลฯ
อย่าเอาอาบัติไปรวมกับบาป เพราะถ้าเช่นนั้น ปลงอาบัติ จะกลายเป็นการแก้บาป ซึ่งไม่ใช่หลักการพุทธศาสนาครับ
❤
สวัสดีอ. พระที่มีบัญชีส่วนตัวแล้วเปิดรับบริจากเพื่อไปใช้ก่อสร้าง จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ต ผิดไหมครับ
ผิดครับ พระรับเงินผิด ครับ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 940
พระบัญญัติ
๓๗. ๘. อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
[เล่มที่ 29] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้า 212
๑๐. มณิจูฬกสูตร
"ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ... เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย."
การสร้างวัด พระไม่ใช่ผู้เรี่ยไรเงิน พระไม่ใช่ผู้รับเงิน แต่คฤหัสถ์เป็นคนจัดการเรื่องเงิน
คฤหัสถ์ผู้ฉลาดและเคารพระธรรม เคารพพระพุทธเจ้าและเคารพพระสงฆ์ ย่อมปฏิบัติตามพระวินัย คือไม่ถวายเงินทองกับพระภิกษุและเคารพพระสงฆ์ ไม่ถวายของที่เป็นอกัปปิยะ ของที่ไม่สมควร มีเงิน เป็นต้น กับพระภิกษุเพราะทำให้ท่านต้องอาบัติ คฤหัสถ์ผู้ฉลาดเคารพในพระรัตนตรัย จึงทำวิธีการที่ถูกต้อง ดั่งเช่น สมัยพุทธกาล นางวิสาขา ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร ไม่ได้เอาเงินไปถวายพระพุทธเจ้า ไม่ได้เอาเงินไปถวายท่านพระสารีบุตร เพราะท่านเหล่านั้นเคารพพระพุทธเจ้า เคารพพระธรรม เคารพพระสงฆ์ แต่สร้างวัดถวายเองโดยไม่ให้พระยุ่งเกี่ยวกับเงินและทอง เวลาที่จะสร้างอย่างอื่น เช่น โรงครัว อุบาสก อุบากสิกา ผู้เข้าใจพระธรรม ก็กล่าวบอกกับพระภิกษุ และสร้างถวาย โดยไม่ใช่เอาเงินไปให้ท่าน นี่คือ วิธีการที่ถูกต้อง เป็นการรักษาพระวินัย และดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา
ข้อความในพระไตรปิฎก แสดงความจริงว่า การสร้างวัด เป็นต้น ไม่ใช่การให้เงินพระโดยตรง ไม่มีการที่พระทำกฐิน ผ้าป่า เงินทอง แต่คฤหัสถ์เป็นคนจัดการเรื่องเงินสร้างวัดให้
ท่านพระอุเทน “พราหมณ์ พระเจ้าอังคะโปรดพระราชทานอะไรเป็นเบี้ยเลี้ยงประจำแก่ท่านทุกวัน”
โฆฏมุขพราหมณ์ “ท่านอุเทน พระเจ้าอังคะโปรดพระราชทานทรัพย์ ๕๐๐ กหาปณะเป็นเบี้ยเลี้ยงประจำแก่ข้าพเจ้าทุกวัน”
ท่านพระอุเทน “พราหมณ์ การรับทองและเงินไม่สมควรแก่อาตมภาพทั้งหลาย”
โฆฏมุขพราหมณ์ “ท่านอุเทน ถ้าทองและเงินนั้นไม่สมควร ข้าพเจ้าจะให้สร้างวิหารถวายท่านอุเทน”
ท่านพระอุเทน กล่าวว่า “พราหมณ์ ถ้าท่านปรารถนาจะให้สร้างวิหารถวายอาตมภาพ ก็ขอให้สร้างโรงฉันถวายแก่สงฆ์ในเมืองปาตลีบุตรเถิด”
ข้อความบางตอนในโฆฏมุขสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓
@@paderm 🙏🙏🙏
คงเป็นอรหันแล้วนะท่าน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วย ธรรม ๕ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ บุคคลเป็นผู้ลบหลู่คุณท่าน ฟังธรรม ๑ เป็นผู้อันความลบหลู่ครอบงำ มีจิตแข่งดีฟังธรรม ๑ เป็นผู้แสวงโทษ มีจิตกระทบในผู้แสดงธรรม มีจิตกระด้าง ๑ เป็นผู้มีปัญญาทราม โง่เง่า ๑ เป็นผู้มีความถือตัวว่าเข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควร เพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม.
ใส่พวกหมูสวรรค์เม็ดผักชีได้ไม๊คับ เอาใส่บ่อยเลยคับ เพราะสะดวกกว่าทำกับข้าว และคิดว่าพระน่าจะฉัน เพราะอร่อย และพระหาฉันได้ยากกว่าพวกกับข้าวทั่วไป
รบกวนท่านผู้รู้ด้วยนะคับ กลัวบาปคับ ถ้าไม่ถูกต้องจะได้ใส่อย่างอื่น บางทีก็ใส่ขนมเอแคล์ เพราะอร่อย อยากให้พระคุณเจ้าได้ฉันของอร่อย
เจตนาดีเป็นกุศลสำหรับผู้ให้ ไม่บาปครับ แต่ การให้ของควรเหมาะสมกับพระภิกษุครับ ที่ของนั้นท่านจะเก็บไว้ได้ เพราะรู้ว่าของนั้นไม่เสีย ดังนั้นก็ต้องเป็นผู้ฉลาดในการเลือกให้ของที่จะให้ด้วยครับ ก็จะไม่เป็นโทษกับพระภิกษุที่จะเอื้อต่อการผิดพระวินัยในเรื่องการเก็บของสะสมไว้เพราะไม่เสีย ครับ ขออนุโมทนา
@@paderm ขอบคุณคับอาจารย์
เมล็ดผักชีพระฉันไม่ได้อาบัติ
เมล็ดผักเมล็ดผลไม้พระฉันแล้วอาบัติ
ยุคสมัย มันเปลียนไปแล้ว ่
พระธรรมพระวินัยของพระพุทธองค์ไม่ได้เปลี่ยนตาม ตรัสรู้อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น พระภิกษุเปลี่ยนตามสมัย ก็ไม่ใช่ ภิกษุในธรรมวินัย ก็กำลัง ทำบุญกับ ภิกษุอลัชชี ไม่ได้บุญ ซ้ำได้บาป แทน
พระพุทธศาสนาต้องปรับตัว ภิกษุต้องปรับตัวเข้ากับยุคสมัย คือรับเงิน มีมือถือ ใช้เฟซบุ๊ก ศาสนาดำรงอยู่มาได้ เพราะพระพุทธศาสนาและพระภิกษุปรับตัวตามยุคสสมัย
ความเข้าใจถูกและประพฤติตามพระวินัยทำให้ศาสนาเจริญ การประพฤติผิดพระวินัยของพระภิกษุและพุทธบริษัทไม่ปฏิบัติไม่เคารพพระธรรม เป็นเหตุของศาสนาพุทธเสื่อมถอย
บรรพชิต คือผู้สละ ละทุกสิ่งที่กระทำดั่งคฤหัสถ์ ออกบวช เพื่อถึงความสิ้นทุกข์ แต่ผู้บวชอ้างยุคสมัย ขอทันโลก แต่เป็นโลกที่คฤหัสถ์เขาทำกัน เล่นเฟซบุ๊ก เดินห้าง รับเงินทอง มีบัญชีธนาคาร ซ่อมถนนชาวบ้าน ไม่ใช่กิจของภิกษุ ทันโลกของพระภิกษุ คือโลกตามพระวินัยบัญญัติ ไม่ขัดแย้งกับพระวินัย ประพฤติให้น่าเลื่อมใส ดั่งเป็นผู้สละ ประพฤติอบรมปัญญาขัดเกลากิเลสตามพระวินัยบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว ไม่ใช่ตามโลกคฤหัสถ์ กระทำตนแบบคฤหัสถ์ นำมาซึ่งการเพิ่มกิเลส พระพุทธเจ้าทรงติเตียนภิกษุประพฤติตนดั่งคฤหัสถ์ ชาวพุทธควรตื่นรู้ความจริงว่า พระคือใคร การบวชคืออะไร และไม่สนับสนุนพระเหล่านั้น มีการให้เงินและทอง เป็นต้น อันเป็นการรักษาพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ดังนั้น ศาสนาพุทธที่ดำรงอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน ดำรงอยู่ด้วยความเจริญ หรือความเสื่อมลงในปัจจุบัน เพราะพระพุทธศาสนาจะหมดสิ้นไปเมื่อถึงห้าพันปี แต่ปัจจุบัน สองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว ศาสนาเจริญหรือเสื่อม เมื่อภิกษุสมัยปัจจุบันกระทำตามคฤหัสถ์ ไม่ประพฤติตามพระวินัย บอกว่ารับเงินทองได้ ทั้งๆ ที่ผิดพระวินัยบัญญัติ และคฤหัสถ์ที่ไม่เข้าใจพระธรรมวินัยก็เห็นดีงามด้วย นี่ต่างหากที่เป็นเหตุพระพุทธศาสนากำลังเสื่อมไปเรื่อยๆ เพราะพุทธบริษัทไม่ปฏิบัติตามพระธรรม จนถึงเมื่อห้าพันปี พระพุทธศาสนาก็อันตรธานไปจากใจของทุกคน