ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
โลกนี้เป็นที่พักชั่วคราว เอาอะไรไปไม่ได้ ทรัพย์สมบัติ ลาภสักการะได้แล้วก็หมดไป ติดตามไปได้แค่กรรมที่เป็นบุญและบาปเท่านั้น อย่าประมาทเป็นผู้มีเวลาในการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเพราะบุคคลปล่อยขณะให้ล่วงเลยไปย่อมพากันไปนรกมารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย พี่สาว น้องสาว ภรรยาและสามีพร้อมทั้งทรัพย์ แม้เขาเหล่านั้นต่างก็จะละทิ้งกันไป ดูก่อน พระนางอุทัย เธออย่าประมาท จงประพฤติธรรม ดูก่อนพระนางอุทัย เธอพึงทราบว่า ร่างกายเป็นอาหารของสัตว์อื่นๆ พึงทราบว่า สุคติและทุคติในสังสาระ เป็นที่พักชั่วคราว เธออย่าประมาท จงประพฤติธรรมเถิด.(อุทยชาดก)เนื้อหาควรฟังและแชร์ดังนี้00:25 ต้องจากไปเอาอะไรไปไม่ได้03:20 โลกนี้และสุคติทุคติเป็นที่พักชั่วคราว04:13 เธออย่าประมาท 07:30 สิ่งที่ได้ก็ต้องคืนเขาไปหมด10:04 ไม่แบกโลกด้วยปัญญาทิ้งภาระไป13:40 ไม่มีอะไรเป็นของเราโดยลึกซึ้ง20:43 สูญจากความเป็นเราโดยนัย ๔ ที่ลึกซึ้ง21:13 ไม่มีเราหรือใครได้รับสิ่งดีหรือไม่ดี22:05 ไม่มีเราหรือใครทำดีหรือทำไม่ดี22:57 ไม่มีใครตาย ธรรมเกิดธรรมตาย23:49 ไม่มีผู้ไป ไม่มีเราหรือใครเดินทาง24:38 ชีวิตแค่ลมหายใจไม่ประมาทกับชีวิต30:07 กรรมที่ติดตามไปเท่านั้น33:23 สุขทุกข์อยู่ที่ใจ35:37 โกรธและโทษคนอื่นน้อยลงเพราะเข้าใจความจริงอนัตตา39:12 ได้มาเพื่อติดข้อง คำสาปแช่งฤาษีขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาด้วยกุศลจิตค่ะ 🙏🏻
แล้วกรรมติดตามอะไรครับ ในเมื่อไม่มีอะไรเป็นของเรา ไม่มีเรา
@@PannapatSangkhapitak-gc6pf สะสมในจิต วิญญาณขันธ์ครับ ซึ่งกรรมมี ผลของกรรมมี แต่ไม่ใช่เราเป็น จิต เป็นธรรม เป็นรูป เป็นธรรมครับ
กราบสาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุๆๆคะ
น้อมอนุโมทนาสาธุค่ะ
ขอบคุณครับ
สาธุสาธุสาธุค่ะ
น้อมจิตอนุโมทนาสาธุค่ะ🙏🙏🙏
ประเสริฐจริงๆค่ะฟังแล้ว เข้าใจ
สาธุอนุโมทามิคะ
❤❤ชื่นชมค่ะ❤❤
กราบอนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาบุญค่ะ
กราบอนุโมทนาครัพผม
อนุโมทนา สาธุ ๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุครับอาจารย์ทุกวันนี้คนบ้าบุญมีเยอะมากๆ
ใช่ครับบ้าบุญ แย่งกันทำความดี ตามล่าฆ่าคนชั่ว คนชั่วก็ลอบฆ่าคนดีเอาคืน รู้จักดี รู้จักชั่ว จึงเข้าไปยึดติดไม่รู้จักละทิ้ง ไม่รู้จักปล่อยวาง คิดปรุงแต่งว่า ตายไปความดีที่ทำไว้จะนำทางไปเป็นนางฟ้าเทวดาบนสวรรค์(สิ่งของที่เคยสร้างทำสะสมไว้ทั้งชีวิตตายเอาไปไม่ได้ ก็รีบบริจาคแลกเปลี่ยนฟอกให้เป็นบุญตามความเชื่อ)
สาธุครับอาจารย์
กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
สัจจธรรม จริงๆครับผม
กราบอนุโมทนา
กราบขอบพระคุณกราบอนุโมทนาค่ะ
กราบขออนุโมทนาค่ะ🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ 🙏♥️
กราบสาธุสาธุ
อนุโทนาค่ะ
โมทนาสาธุบุญด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุครับ
กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
อาจารย์ครับ สุดยอดหาที่ติไม่มีครับ มหากุศลครับ สาธุ สาธุ สาธุ
ฟังอยู่ ขอบคุณครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ
อนุโมธนาโยม..ถูกต้องแล้ว...นิรนาม.
กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์🙏🙏🙏
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
ยินดีในกุศลทุกประการกราบอนุโมทนาสาธุครับ
สาธุค่ะ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับ
อนุโมทนาครับ
สาธุค่ะ 13 11 66
สาธุในคำสอน
สาธุคะ🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุคะ
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ผเดิมที่เคารพอย่างสูงกราบอนุโมทนาสาธุ...🙏🙏🙏...จากนราธิวาสครับผม...🙏👍🌄🌻🌼
ที่ท่านกล่าวมานี้มันคือความจริงคะ
กราบอนุโมทนาสาธุท่านอาจารย์Padereค่ะ.
น้อบกราบสาธุในธรรมเจ้าค่ะ
กราบอนุโมทนา ท่านอาจารย์ผเดิม ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ ธรรมะของพระพุทธองค์ ละเอียดลึกซึ้ง ประโยชน์อย่างยิ่ง เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณครับท่านอาจารย์🙏🙏🙏
ฟังให้เข้าใจแล้วละตามลำดับจริงๆค่ะ กราบอนุโมทนาค่ะ
อธิบายได้ดีมากครับสาธุสาธุ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์เผดิมค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุๆ ผึ้งกดติดตามครั้งแรกค่ะ
สาธุสาธุในคำสอนของพระพุทธศาสนา
🙏🙏🙏กราบสาธุในพระธรรมค่ะท่านอาจารย์
อนุโมทนาค่ะ
🙏 ขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างยิ่งค่ะ
สาธุในธรรมคำสอนค่ะ
🙏 ค่ อาจารย์ ดิฉันชอบฟังธรรมะมากค่ะมันทำให้ดิฉันคิดอยู่เสมอว่าเราจะเอาอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากกรรมที่ดีและไม่ดีเท่านั้นธรรมะสั่งสอนดิฉันให้ปล่อยวางค่ะขอขอบพระคุณมากค่ะท่าน🙏🙏🙏😔
อนุโมทนาสาธุ..ครับอาจารย์
กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์
สาธุ
อนุโมทนาสาธุ ในกุศลจิตที่ดีงาม สัทธา เลื่อมใสอย่างในสัตบุรุษ อ เผดิม ยี่สมบุญ
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏🌷🌷🌷
🙏
สิ่งที่อจพูดมามันก่จิงคับ ทุกชีวิตใช้ชีวิตทุกวันนี้มีหลายอย่างรวมทั้งกิเลสของมนุษยทั้งหลาย สิ่งล่อตาล่อใจสุดท้ายก่ตกยู่ในอบายภูมิ ลืมคุณงามความดี มีแต่อยากมีอยากได้กันทั้งนั้น ถ้าทุกคนหรือคนใดคนหนึ่งพร้อมใจกันพอใจในสิ่งที่มีอยู่ก่ดีนะสิคับ แต่มันได้หาเปนเช่นนั้นไม่ 😥😥😥🙏🙏🙏😇😇
คำสอนของจริงนับวันคนก็จะไม่เข้าใจ พระนักเทศน์ที่รู้จริง ๆ ก็หายาก รู้คำสอนของจริงแล้วรู้สึกเสียดาย ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะช่วยเหลือศาสนาได้ ความรู้ความสามารถและอำนาจก็ไม่พอ
พระธรรมไม่ได้แสดงให้เห็นคนที่เห็นผิด เข้าใจผิด ไม่ได้สะสมปัญญามาครับ เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกคน พระพุทธเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนคนเห็นผิดที่มีกำลังมากได้ และคนเห็นผิดย่อมมีมากกว่าอยู่แล้ว แต่พระองค์แสดงพระธรรมให้คนที่เข้าใจถูก สะสมความเห็นถูกมา เเม้เพียงเล็กน้อย มีคนเดียว พระองค์ก็เสด็จไปแสดงธรรมให้บุคคลนั้นเข้าใจ คือ บุคคลที่สะสมความเห็นถูกมานั่นเองครับ
@@paderm ขออนุโมทนาด้วยกุศลจิตค่ะ 🙏🏻
อาจารย์ครับ ผมสามารถเอาคำพูดในคลิป แปลงเป็นตัวหนังสือแล้วแจกฟรีให้คนอ่านได้มี้ยครับ คนก็มีเยอะที่ไม่ได้เล่นโชเชียล
ยินดีและอนุโมทนาครับ ที่ช่วยกันเผยแพร่ความจริง แต่อย่างไรก็ดี ขออนุญาตตรวจสอบก่อน ในการที่แปลงเป็นตัวหนังสือ ได้ช่วยกันแก้ไขตรวจทาน และ ร่วมกันเผยแพร่ให้เรียบร้อยสมบูรณ์ ส่งมาที่อีเมล balamees@gmail.com ครับ สาธุครับ
กราบอนุโมทนากับทุกท่าน
@@lalitatanzer3494พูดตรงโดยไม่เข้าใจ ก็ผิด ก็พูดตามกันไปโดยไม่เข้าใจพระธรรม ก็ไม่รู้จักพุทธวจนะ แต่อ้างพุทธวจนะ ก็ไม่ได้อะไร ก็หลงไปว่าต้องตามหลักตามฐานอย่างนี้ว่าใครพูดถึงจะถูก ก็เห็นผิดบิดเบือนว่าพระอภิธรรมไม่ใช่พุทธพจน์บ้าง กล่าวตู่พระสารีบุตรบ้าง ไม่ให้ฟังคำพระอริยสาวกบ้าง ก็ทำลายพระสัทธรรม
@@paderm ได้ครับ รวบรวมเสร็จแล้วจะส่งต้นฉบับไปให้ดูครับ
@@suchat-eu7lkอนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
สาธุครับอาจารย์ฟังแล้วทำให้ปล่อยวางได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่หมดเชื้อกิเลสเพราะสะสมมานาน
ค่อยๆสะสมปัญญาไปทีละน้อยๆ สำคัญที่ทางถูกเป็นสำคัญครับ คิดถูกแล้วว่ายังปล่อยวางไม่ได้ ครับ เพราะโดยมากเข้าใจผิด ปฏิบัติผิด ว่าทำได้ ปล่อยวางได้แล้ว ก็เป็นการคิดผิด ปฏิบัติผิด ครับ ดังนั้นการคิดถูกว่าปัญญายังน้อย กิเลสมีมาก สะสมมามาก นั่นคือตรงต่อความจริงต่อธรรม จึงไม่ประมาทที่จะฟังในหนทางที่ถูกต่อไปว่าเป็นธรรมอนัตตาต่อไป ครับ จิรกาลภาวนา การอบรมปัญญายาวนานนับชาติไม่ถ้วน ยินดีอนุโมทนาในความเห็นถูกด้วยครับ
@@paderm🙏🙏
❤
อยากให้ทำคลิปเรื่องการลอยอังคาร(กระดูก) ว่าสมควรรึไม่ เพราะบางทีก็พาทีมงานไปลอยอังคารที่กลางแม่น้ำ(อันตรายเรืออาจล่ม)และแม่น้ำก็ต้องใช้งบจ่ายค่าเดินทางไปแม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นต้น การฝังกระดูกใต้ต้นไม้ใหญ่คงจะง่ายกว่า ประหยัดกว่า ครับผม
อะไรจะสมควรหรือไม่ ก็ขึ้นกับว่าผู้ทำเข้าใจการกระทำนั้นหรือไม่ ว่าทำไปทำไม เอาไปทิ้งน้ำก็ดี เอาไปฝังโคนต้นไม้ก็ดี เดินทางลำบากก็ดี ประหยัดเงินก็ดี แล้วเข้าใจพระธรรมความจริงไหม อยู่บนเรือก็ตายได้ อยู่ใต้ต้นไม้ก็ตายได้ ประหยัดเงินทั้งชีวิต ก็ล่มจมล้มละลายได้ อะไรคือเหตุของสิ่งเหล่านี้
กราบขอบพระคุณในการแจกแจงธรรมครับ อนัตตะลัขณสูตร จริงๆ สิ้นโลกเหลือธรรม สุดท้ายคืนของๆโลกครับ
คุณพูดเรื่องเวรกรรมถูกแล้ว..อย่าพูดเรื่องปัจจัยที่เขาอยากจะทำบุญสร้างวัด..ตอนที่คุณยังไม่รู้คุณก็ทำเวรกรรมไว้ไม่รู้เท่าไร..คนใจบุญเขาอยากทำบุญด้วยปัจจัยก็ช่างเขา..ตัวบุญตัวบาบอยู่ที่ใหนคุณก็ไม่รู้..จริงมะ..
คงต้องพูดต่อไปเรื่อยๆครับ ในเรื่องพระวินัย เพราะมีคนที่เข้าใจเห็นถูกเพิ่มขึ้นครับ เพราะการเผยแพร่คำพระพุทธเจ้าถูกต้อง ด้วยจิตเมตตา เป็นบุญ ครับ ตรงกันข้าม ผู้ที่ปฏิเสธคำพระพุทธเจ้า สนับสนุนพระอลัชชี พระรับเงิน ก็คือเป็นบาป เห็นผิด ดังนั้นก็จะมั่นคงที่จะพูดต่อไป ยินดีที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในช่องนี้ครับ
วันนี้ มีคำถาม มาถามอาจารย์ผเดิมค่ะ พระโสดาบันละสังโยชน์3ได้ สักกายทิฏฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑สีลัพพตปรามาส ๑ ..ถามค่ะ เวลาผายลมต่อหน้าคนอื่น พระโสดาบันจะไม่มีความอายใช่ไหมคะ? เพราะท่านละการยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตนได้แล้ว เพราะสักกายทิฏฐิคือการยึดถือกายที่ประชุมรวมกันเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นตัวตนเป็นเราเป็นวัตถุเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ละสักกายทิฏฐิได้ด้วยการถึงพร้อมด้วยการเห็นทุกขสัจจ์หมายถึงสภาพธรรมที่เป็นไตรลักษ์ ...ปล.ไม่ได้หมายความว่าจะดูว่าใครเป็นพระโสดาบันก็ดูตรงนี้แหละนะคะ และไม่เกี่ยวกับคนที่หน้าด้าน ผายลมไม่อายนะคะ ขอบคุณและ กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
โสดายันยังโกรธได้ อายได้ ยังติดข้องในบ้าน ในทรัพย์สิน โสดาบันเข้าใจถูกว่าไม่ใช่ตัวเรา แต่ยังคงมีกิเลสอยู่
ขออนุญาตยกข้อความในอรรถกถามหาสมัยสูตร เพื่อให้เข้าใจถูกว่า พระโสดาบันยังมีความอายเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่ยังมีโลภะ ติดข้องพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส เป็นต้น ครับเป็นปัจจัยได้ครับ เพราะ อาย ก็ต้องมีความรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งเป็นโทสะที่พระโสดาบันยังละไม่ได้ครับ(โทสะ) ไม่อยากให้รู้ เป็นต้นในเรื่องต่างๆ เพราะยังมีความติดข้องพอใจในสิ่งต่างๆครับ แม้จะละความเห็นผิดที่ยึดถือว่าเป็นเราแล้วครับ มีเรื่องเล่าว่าที่วัดโกฏิบรรพต มีเทพธิดาองค์หนึ่งอยู่ที่ต้นกากทิงใกล้ประตูถ้ำกากทิง. ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งท่องพระสูตรนี้ภายในถ้ำ.เทพธิดาได้ฟังในเวลาจบพระสูตร ก็ได้ให้สาธุการด้วยเสียงอันดัง. นั่นใคร ? ๆ ภิกษุหนุ่มถาม. ดิฉันเป็นเทพธิดาเจ้าค่ะ เทพธิดาตอบ. ทำไมจึงได้ให้สาธุการ ภิกษุหนุ่มถามอีก. ท่านเจ้าค่ะ ดิฉันได้ฟังพระสูตรนี้ในวันที่พระทศพลประทับนั่งแสดงที่ป่าใหญ่ วันนี้ได้ฟัง (อีก) ธรรมบทนี้ท่านถือเอาดีแล้ว เพราะไม่ทำให้อักษรแม้ตัวเดียวจากคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงไว้เสียไป เทพธิดาชี้แจง. เมื่อพระทศพลกำลังแสดงอยู่ คุณได้ฟังหรือ ? ภิกษุถามอีก. อย่างนั้น เจ้าค่ะ นางรับรอง. เขาว่าเทวดาเข้าประชุมกันมาก แล้วคุณยืนฟังที่ไหน ? ท่านเจ้าค่ะ ดิฉันเป็นเทวดาชาวป่าใหญ่ ก็เมื่อพวกเทวดาชั้นผู้ใหญ่กำลังพากันมา ไม่ได้ที่ว่างในชมพูทวีปเลยมาสู่ตามพปัณณิทวีปนี้ ยืนริมฝั่งที่ท่าชัมพูโกล ถึงที่ท่านั้นก็ตาม เมื่อพวกเทวดาชั้นผู้ใหญ่กำลังพากันมา ก็ถอยร่นมาโดยลำดั แช่น้ำทะเลลึกแค่คอทางส่วนหลังหมู่บ้านใหญ่ในจังหวัดโรหณะแล้วก็ยืนฟังในที่นั้น นางบรรยายรายละเอียด. จากที่ซึ่งคุณยืนมันไกลแล้ว คุณจะเห็นพระศาสดาหรือ เทวดา ท่าน ! พูดอะไร ดิฉันเข้าใจว่า พระศาสดาทรงแสดงธรรมอยู่ที่ป่าใหญ่ทรงแลดูดิฉัน เสมอ ๆ รู้สึกกลัว รู้สึกละอาย. เขาเล่ามาว่า วันนั้นมีเทวดาแสนโกฏิสำเร็จพระอรหัต แล้วคุณล่ะตอนนั้นสำเร็จพระอรหัตหรือ ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ สำเร็จอนาคามิผล กระมัง ? ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ เห็นจะสำเร็จสกทาคามิผล กระมัง ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ เขาว่า พวกเทวดาที่สำเร็จมรรคสามนับไม่ไค้ แล้วคุณล่ะ เห็นจะเป็นพระโสดาบันกระมัง ? ในวันนั้น เทพธิดาสำเร็จโสดาปัตติผล รู้สึกอาย จึงพูดว่า พระคุณเจ้าถามสิ่งไม่น่าถาม (ถามซอกถามแทรก) ลำดับนั้น ภิกษุนั้น จึงกล่าวกะนางว่า เทวดา ! คุณจะแสดงกายให้อาตมาเห็นได้ไหม ? จะแสดงหมดทั้งตัวไม่ได้หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ ! ดิฉันจะแสดงแก่พระคุณเจ้าแค่ข้อนิ้วมือ. ว่าแล้วก็เอานิ้วมือสอดหันหน้าเข้าภายในถ้ำตามรูกุญแจ. นิ้วมือก็เป็นเหมือนเวลาพระจันทร์พระอาทิตย์ขึ้นเป็นพัน ๆ ดวง เทพธิดากล่าวว่า จงอย่าประมาทนะ ท่านเจ้าค่ะ ! แล้วไหว้ภิกษุหนุ่มกลับไป. สูตรนี้ เป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาทั้งหลายอย่างนี้ เทวดาทั้งหลายย่อมถือว่า พระสูตรนั้นเป็นของเราด้วยประการฉะนี้.(อรรถกถามหาสมัยสูตร)
@@suchat-eu7lk กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
@@paderm จากพระสูตรนี้ เทพธิดาอายที่เป็นได้แค่ พระโสดาบัน แต่ในขณะที่ ผายลม พระโสดาบันท่านไม่ได้ใส่ใจกับอาการที่ผายลมจึงไม่ได้รู้สึกอาย เพราะ จิตของท่านไประลึกที่ปรมัตถ์คืออาการไหวตึงที่กาย ของมหาภูตรูป จิตเกิดดับสืบต่อเร็วมาก ส่วนปุถุชนสติไม่เกิดระลึกที่ปรมัตถ์ แต่ มาระลึกขณะที่ผายลมแล้วจึงรู้สึกอายและขำมากมายถ้าผายต่อหน้าคนที่สนิท ขอบคุณนะคะที่ยกข้อความในอรรถกถามหาสมัยสูตร ที่ยังไม่เคยอ่านมาให้อ่านค่ะ แต่ ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระโสดาบัน ก็ไม่สามารถไปรู้จิตของท่านได้ กราบอนุโมทนาในความเมตตาของท่านอาจารย์ผเดิม ค่ะ สาธุค่ะ
@@mudamuda7427 ขออธิบายเพิ่มครับ จริงๆความอายของเทวดา ไม่ได้หมายถึง อายเพราะเป็นได้แค่เป็นพระโสดาบัน แต่มีความอายที่ไม่อยากให้รู้บอกว่าตนเองเป็นพระโสดาบัน ครับ นี่คือความอายในอรรกถาในมหาสมัยสูตร ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ ขออนุโมทนา
ขอสอบถามหน่อยครับผม อนาคามี เวลามีการรับรู้ ทางตา หู จมูก ลิ้น การ ใจ ไม่ทราบว่า ยังมี ความพอใจ ไม่พอใจปรากฏอยู่ไหมครับ แต่เพียงไม่ยึดมั่นในเวทนาใดๆ หรือว่าไม่มีเลย เป็นอุเบกขาอย่างเดียวครับ
เราต้องเริ่มเข้าใจเวทนาก่อนนะครับ โดยละเอียดและถูกต้องดังนี้ครับเวทนาหมายถึงความรู้สึก ซึ่งแบ่งเป็น ห้าหรือสามก็ได้ หลายนัย ซึ่งความรู้สึกมี ๓ อย่าง หรือ ๕ อย่าง ถ้าแยกเป็นทางกาย กับทางใจ ถ้าไม่แยกเป็นทางกายทางใจก็มี สุข ๑ ทุกข์ ๑ อุเบกขาหรืออทุกขมสุข ไม่สุขไม่ทุกข์ ๑ นี่ไม่แยก แต่ถ้าแยกก็แยกเป็น สุข ๑ หมายความถึงความรู้สึกสบายทางกาย ทุกข์ ๑ ความไม่สบายทางกาย โสมนัส ความสบายใจ แม้ว่ากายอาจจะเป็นทุกข์ แต่ใจไม่เดือดร้อน แต่ละเอียดกว่านั้นคือ โสมนัสเวทนาสุขใจ เกิดกับจิตที่เป็นกุศลก็ได้และเป็นอกุศลก็ได้ เช่นเกิดกับโลภะ ความยินดีติดข้อง โทมนัสเวทนา ความรู้สึกไม่สบายใจ เกิดกับจิตที่เป็นโทสะ แต่ที่คนมักเข้าใจผิด คือ เรื่อง อุเบกขาเวทนา คิดว่าการเฉยๆ คือ สิ่งที่ดีเสมอครับ เพราะความจริงแล้วอุเบกขาเวทนา ความรู้สึกเฉยๆ เกิดกับจิตที่ดีได้ และที่สำคัญเกิดกับจิตที่ไม่ดีได้และโดยมากเกิดเช่นนั้นบ่อยๆ เช่นเกิดกับโลภะยินดีติดข้อง ไม่ได้ติดข้องมาก แต่ติดข้อง มีความรู้สึกเฉยๆเกิดร่วมด้วย ไปแปรงฟัน มีความต้องการจะแปรงฟัน แต่ไม่ได้ดีใจ ไม่ได้ทุกข์ใจ แต่มีความรู้สึกเฉยๆ เฉยๆ อุเบกขาแบบนั้นใจก็ไม่ดีแล้ว นี่คือความละเอียด และอุเบกขาเวทนายังเกิดกับโมหะความไม่รู้ได้ด้วย จดจ่อนิ่ง แต่ไม่รู้ความจริง คิดว่าเฉยๆไม่ปรุงแต่ง แต่ขณะนั้นก็เป็นโมหะเป็นจิตไม่ดีแล้ว ดังนั้น อุเบกขาเวทนาจึงไม่ใช่เป็นเครื่องวัดของจิตดีดีหรือมีปัญญาได้เลยครับดังนั้นพระอนาคามี ไม่ติดข้องในกาม รูป เสียง กลิ่น รส แต่ยังติดข้องในภพ ก็มีอุเบกขาเวทนาทีเ่กิดกับจิตไม่ดีที่ติดข้องในภพได้ แต่ไม่มีการเกิดขึ้นของอุเบกขาเวทนาที่เกิดกับความติดข้องในกาม รูป เสียง เป็นต้นได้อีกครับ
ขอเพิ่มเติมคำว่า ไม่ปรุงแต่งเพราะมักเข้าใจผิดในคำนี้ครับอย่าปรุงแต่ง คำที่ใช้กันผิด และเป็นคำที่เห็นผิด นอกพระพุทธศาสนาเพราะไม่เข้าใจธรรมทีละคำ ตามคำพระพุทธเจ้า ปรุงแต่งก็ไม่รู้ว่าคืออะไร สังขาร คือ สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้น อะไรเกิด ธรรมเกิด ไม่ใช่เราเกิด ดังนั้น เรามักข้าใจว่า อย่าปรุงแต่ง คือ อย่าโกรธ อย่าชอบ ให้เห็นเฉยๆ แต่ความจริงเมื่อใดที่ธรรมเกิด เมื่อนั้นปรุงแต่งแล้ว มีการปรุงแต่งของธรรมที่เกิดขึ้น ทั้งจิตเกิด จิตก็เป็นสังขารธรรม เป็นธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น จิตจึงเกิด ดังนั้นพระอรหันต์ไม่มีกิเลสแล้ว ไม่โกรธ ไม่ชอบ ไม่ติดข้อง แต่ก็มีการปรุงแต่งเกิดขึ้นของธรรม ดังนั้น อย่าปรุงแต่ง ก็เป็นคำผิดตั้งแต่ต้น และก็มีสภาพธรรมที่ปรุงแต่งจิต คือ เจตสิกธรรม เช่น ปัญญา ความรู้สึก(เวทนา) ปรุงแต่ให้จิตดี ไม่ดี เป็นต้น ดังนั้น พระอรหันต์ก็มีปัญญา ท่านก็มีธรรมที่ปรุงแต่ง ท่านมีความรู้สึก เวทนา จิตเกิดเมื่อไหร่ก็มีเจตสิกปรุงแต่งจิตแล้ว ดันั้นกำลังปรุงแต่งอยู่ทุกขณะ ไม่มีใครห้ามได้ แม้พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็มีอย่าปรุงแต่ง คำที่ขัดแย้งอนัตตา อธิบายผิดว่า อย่าไปโกรธ อย่าไปติดข้อง ให้อยู่กับลม ให้เฉยๆ สักแต่ว่ารู้ ไม่มีปัญญาเข้าใจอะไรเลย พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา ไปอยู่กับลม ปัญญารู้อะไร ให้เฉยๆ เฉยแล้วปัญญารู้อะไร รู้ไหมว่า ความรู้สึกเฉยๆ อุเบกขาเวทนาเกิดกับโมหะความไม่รู้ได้ เฉยๆ ไม่มีปัญญา ก็โมหะความไม่รู้ อย่าไปติดข้อง ห้ามกิเลสได้ไหม ก็ลืมความเป็นธรรมเป็นอนัตตา หนทางที่ถูก คือ เข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วว่าเป็นธรรม นี่คือหนทางละความไม่รู้และความยึดถือว่าเป็นเรา
@@paderm อธิบายได้สุดยอดมากค่ะ มีจิตก็ต้องมีการปรุงแต่ง ธรรมตา ของ ธรรมะ อริยสัจจ์ที่๑ และอริยสัจจ์ที่๒ ยากยิ่ง กราบอนุโมทนาในความละเอียด ค่ะ
สวัสดีค่ะ มีคำถามอยากถามอาจารย์ แต่ไม่เกี่ยวกับคลิปนี้นะคะ อยากรู้ว่าพระบรมสารีริกธาตุมีจริงไหม แล้วที่เขาสรงน้ำกันวัดนั้น วัดนี้ ใช่ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไหมคะ
ยากที่จะรู้ครับ สำคัญที่จิตตนที่บูชาครับ
เป็นปัญญาขั้นฟังจะเห็นจริงต่อเมื่อเห็นธรรม
พระพุทธเจ้าตรัสว่า การศึกษาอบรมปัญญาในธรรมวินัยนี้ เป็นไปตามลำดับ ไม่ก้าวกระโดดครับปัญญาจึงเป็นไปตามลำดับ จึงมีปัญญที่เป็นลำดับแรก คือ สุตตมยปัญญา ปัญญาที่สำเร็จจากการฟัง และจึงมีปัญญาต่อไป คือ จินตามยปัญญา ปัญญาขั้นคิดอันมีได้จากปัญญาขั้นการฟังครับ และ เมื่อคิดพิจารณาถูก ฟังบ่อยๆเนืองๆนับชาติไม่ถ้วน เมื่อปัญญาถึงพร้อมจึงเกิดปัญญาที่เรียกว่า ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เห็นจริงรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม ก็มาจากปัญญาขั้นการฟังเป็นสำคัญ ดังนั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า การศึกษาอบรมปัญญาในธรรมวินัยนี้ เป็นไปตามลำดับ ไม่ก้าวกระโดด จึงต้องเริ่มจากปัญญาขั้นการฟังเป็นสำคัญนั่นเองครับ แต่ท่่สำคัญ ที่ทำผิดกันในปัจจุบัน คือ ไม่ฟัง หรือ ฟังผิด แล้วก็ปฏิบัติผิดครับ
คณกโมคคัลลานสูตรว่าด้วยการศึกษาและการปฏิบัติเป็นไปตามลําดับ [๙๓] ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ปราสาทของอุบาสิกาวิสาขามิคารมารดา ในพระวิหารบุพพาราม กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้น พราหมณ์คณกะโมคคัลลานะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทักทายปราศรัยกับพระผู้มี-พระภาคเจ้า ตามธรรมเนียมแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ไค้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม ตัวอย่างเช่นปราสาทของมิคารมารดาหลังนี้ ย่อมปรากฏมีการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ ถือกระทั่งโครงร่างของบันไดชั้นล่างแม้พวกพราหมณ์เหล่านี้ ก็ปรากฏมีการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับการปฏิบัติโดยลําดับ คือ ในเรื่องเล่าเรียน แม้พวกนักรบเหล่านี้ ก็ปรากฏมีการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ คือ ในเรื่องใช้อาวุธ แม้พวกข้าพระองค์ผู้เป็นนักคํานวณมีอาชีพในทางคํานวณก็ปรากฏมีการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ คือในเรื่องนับจํานวน เพราะพวกข้าพเจ้าได้ศิษย์แล้ว เริ่มต้นให้นับอย่างนี้ว่า หนึ่งหมวดหนึ่ง สอง หมวดสอง สาม หมวดสาม สี่ หมวดสี่ ห้า หมวดห้าหก หมวดหก เจ็ด หมวดเจ็ด แปด หมวดแปด เก้า หมวดเก้า สิบหมวดสิบ ย่อมให้นับไปถึงจํานวนร้อย ข้าแต่ท่านพระโคดม พระองค์อาจไหมหนอ เพื่อจะบัญญัติการศึกษาโดยลําดับ การที่กระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ ในธรรมวินัยแม้นี้ ให้เหมือนอย่างนั้น.พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ เราอาจบัญญัติการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ ในธรรมวินัยนี้ได้
สรรพสิ่ง ล้วนไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับ ไปเป็นสามัญลักษณะ ตามกฎ ไตรลักษณ์
ดังนั้นใช้คำว่า สรรพสิ่ง คือ ทุกสิ่ง แต่ต้องแยกออกมาว่า แต่ละสิ่ง อะไรที่ไม่เที่ยง เรียนถามครับว่า ขณะนี้อะไรไม่เที่ยงบ้างแต่ละหนึ่ง และ ตัวเราไม่เที่ยงถูกไหม ครับ
@@paderm ถูกครับ เมื่อไม่เที่ยง มีความดับ ไปเป็นที่สุด เราจึงไม่ประมาท เร่งบำเพ็ญตน
เรียนถามครับว่า ขณะนี้อะไรไม่เที่ยงบ้างแต่ละหนึ่ง และ ตัวเราไม่เที่ยงถูกไหม ครับ
@@paderm ถูกครับ
ขออนุญาญเรียนตอบเพื่อให้เข้าใจครับ ความจริงแล้ว ตัวเราไม่เที่ยงนั้นไม่ถูกต้องครับ เพราะโดยมากมักเข้าใจว่า ไม่เที่ยงคือ ตัวเราไม่เที่ยง เกิดตาย แท้ที่จริง ไม่ใช่ตัวเราไม่เที่ยง แต่เป็นธรรมที่ไม่เที่ยงเกิดขึ้นและดับไป ครับ คือ ขันธ์ห้าที่ไม่เที่ยง และ ที่กล่าวว่าเป็นธรรมที่ไม่เที่ยงเป็นอนิจจัง คือ ขณะนี้เองที่เป็นขันธ์ห้า เช่น แต่ละหนึ่ง คือ เห็นไม่เที่ยง เป็นธรรม ไม่ใช่เราไม่เที่ยง ไม่ใช่เราเห็น ได้ยิน เสียง เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง จึงจะต้องเข้าใจว่า ทุกสิ่ง สรรพสิ่ง น้ำตก ต้นไม้ ตัวเรา นั่นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ทุกสิ่งหมด (ตัวเรา น้ำตก ภูเขา)ไม่เที่ยงเพราะเป็นบัญญัติสมมติจากสิ่งที่มีจริง คือ ธรรมแต่ละหนึ่งที่ไม่เที่ยง ครับ นี่คือความละเอียดของอนิจจัง ไม่เที่ยง คือ ธรรมไม่เที่ยง ไม่มีตัวเราที่ไม่เที่ยงนั่นเองครับ ขออนุโมทนา
มีแต่ดวงจิต ที่ต้องทำให้ผ่องใสไร้มลทิน
ถ้าไม่เข้าใจว่า จิตคืออะไร และธรรมคืออะไร ก็ไม่มีทางที่จะทำให้จิตผ่องใสจากกิเลส จึงเรียนสอบถามสนทนาครับว่า จิตมีดวงเดียวใช่ไหม
สาธุครับ อาจารย์อธิบายได้ลึกซึ้งถ่องแท้
กราบสาธุฯฯครับ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุในธรรมค่ะ
กราบอนุโมทนาครับอาจารย์
อนุโมทนาสาธุธรรมะคะอาจารย์เผดิม
กราบ อนุโมทนา ค่ะ 🙏
กราบสาธุครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ🙏🌷🙏🌷🙏
โมทนาสาธุบุญค่ะ🙏🙏🙏
กราบอาจารย์เผดิมครับผมชอบมากที่อาจารย์กล่าวว่าขอนอบน้อมแด่คุณพระรัตนตรัยไม่ว่าผมจะทำบุญทานอันใดผมจะกล่าวคำนี้ถุกต้องหรือไม่ครับ
สำคัญที่สภาพจิตครับ ถ้าจิตขณะนั้นเป็กุศลขณะใดมีจิตน้อมไปในการบูชาคุณพระรัตนตรัย นั่นก็ถูกต้อง เพราะกุศลธรรมที่เกิดขึ้นกับจิตจะไม่ผิดแน่นอนครับ
กราบอนุโมทนาสาธุๆค่ะ
โลกนี้เป็นที่พักชั่วคราว เอาอะไรไปไม่ได้ ทรัพย์สมบัติ ลาภสักการะได้แล้วก็หมดไป ติดตามไปได้แค่กรรมที่เป็นบุญและบาปเท่านั้น อย่าประมาทเป็นผู้มีเวลาในการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเพราะบุคคลปล่อยขณะให้ล่วงเลยไปย่อมพากันไปนรก
มารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย พี่สาว น้องสาว ภรรยาและสามีพร้อมทั้งทรัพย์ แม้เขาเหล่านั้นต่างก็จะละทิ้งกันไป ดูก่อน พระนางอุทัย เธออย่าประมาท จงประพฤติธรรม ดูก่อนพระนางอุทัย เธอพึงทราบว่า ร่างกายเป็นอาหารของสัตว์อื่นๆ พึงทราบว่า สุคติและทุคติในสังสาระ เป็นที่พักชั่วคราว เธออย่าประมาท จงประพฤติธรรมเถิด.(อุทยชาดก)
เนื้อหาควรฟังและแชร์ดังนี้
00:25 ต้องจากไปเอาอะไรไปไม่ได้
03:20 โลกนี้และสุคติทุคติเป็นที่พักชั่วคราว
04:13 เธออย่าประมาท
07:30 สิ่งที่ได้ก็ต้องคืนเขาไปหมด
10:04 ไม่แบกโลกด้วยปัญญาทิ้งภาระไป
13:40 ไม่มีอะไรเป็นของเราโดยลึกซึ้ง
20:43 สูญจากความเป็นเราโดยนัย ๔ ที่ลึกซึ้ง
21:13 ไม่มีเราหรือใครได้รับสิ่งดีหรือไม่ดี
22:05 ไม่มีเราหรือใครทำดีหรือทำไม่ดี
22:57 ไม่มีใครตาย ธรรมเกิดธรรมตาย
23:49 ไม่มีผู้ไป ไม่มีเราหรือใครเดินทาง
24:38 ชีวิตแค่ลมหายใจไม่ประมาทกับชีวิต
30:07 กรรมที่ติดตามไปเท่านั้น
33:23 สุขทุกข์อยู่ที่ใจ
35:37 โกรธและโทษคนอื่นน้อยลงเพราะเข้าใจความจริงอนัตตา
39:12 ได้มาเพื่อติดข้อง คำสาปแช่งฤาษี
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาด้วยกุศลจิตค่ะ 🙏🏻
แล้วกรรมติดตามอะไรครับ ในเมื่อไม่มีอะไรเป็นของเรา ไม่มีเรา
@@PannapatSangkhapitak-gc6pf สะสมในจิต วิญญาณขันธ์ครับ ซึ่งกรรมมี ผลของกรรมมี แต่ไม่ใช่เราเป็น จิต เป็นธรรม เป็นรูป เป็นธรรมครับ
กราบสาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุๆๆคะ
น้อมอนุโมทนาสาธุค่ะ
ขอบคุณครับ
สาธุ
สาธุ
สาธุค่ะ
น้อมจิตอนุโมทนาสาธุค่ะ🙏🙏🙏
ประเสริฐจริงๆค่ะฟังแล้ว เข้าใจ
สาธุอนุโมทามิคะ
❤❤ชื่นชมค่ะ❤❤
กราบอนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาบุญค่ะ
กราบอนุโมทนาครัพผม
อนุโมทนา สาธุ ๆ ค่ะ
กราบสาธุค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุครับอาจารย์
ทุกวันนี้คนบ้าบุญมีเยอะมากๆ
ใช่ครับ
บ้าบุญ แย่งกันทำความดี ตามล่าฆ่าคนชั่ว คนชั่วก็ลอบฆ่าคนดีเอาคืน
รู้จักดี รู้จักชั่ว จึงเข้าไปยึดติดไม่รู้จักละทิ้ง ไม่รู้จักปล่อยวาง คิดปรุงแต่งว่า ตายไปความดีที่ทำไว้จะนำทางไปเป็นนางฟ้าเทวดาบนสวรรค์(สิ่งของที่เคยสร้างทำสะสมไว้ทั้งชีวิตตายเอาไปไม่ได้ ก็รีบบริจาคแลกเปลี่ยนฟอกให้เป็นบุญตามความเชื่อ)
สาธุครับอาจารย์
กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
สัจจธรรม จริงๆครับผม
กราบอนุโมทนา
กราบขอบพระคุณกราบอนุโมทนาค่ะ
กราบขออนุโมทนาค่ะ🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ 🙏♥️
กราบสาธุสาธุ
อนุโทนาค่ะ
โมทนาสาธุบุญด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุครับ
กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
อาจารย์ครับ สุดยอดหาที่ติไม่มีครับ มหากุศลครับ สาธุ สาธุ สาธุ
ฟังอยู่ ขอบคุณครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ
อนุโมธนาโยม..ถูกต้องแล้ว...นิรนาม.
กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์🙏🙏🙏
ขออนุโมทนาด้วยกุศลจิตค่ะ 🙏🏻
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
ยินดีในกุศลทุกประการ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
สาธุค่ะ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับ
อนุโมทนาครับ
สาธุค่ะ 13 11 66
สาธุในคำสอน
สาธุคะ🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุคะ
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ผเดิมที่เคารพอย่างสูงกราบอนุโมทนาสาธุ...🙏🙏🙏...จากนราธิวาสครับผม...🙏👍🌄🌻🌼
ที่ท่านกล่าวมานี้มันคือความจริงคะ
กราบอนุโมทนาสาธุท่านอาจารย์Padereค่ะ.
น้อบกราบสาธุในธรรมเจ้าค่ะ
กราบอนุโมทนา ท่านอาจารย์ผเดิม ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ ธรรมะของพระพุทธองค์ ละเอียดลึกซึ้ง ประโยชน์อย่างยิ่ง เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณครับท่านอาจารย์🙏🙏🙏
ฟังให้เข้าใจแล้วละตามลำดับจริงๆค่ะ กราบอนุโมทนาค่ะ
อธิบายได้ดีมากครับสาธุสาธุ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์เผดิมค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุๆ ผึ้งกดติดตามครั้งแรกค่ะ
สาธุสาธุในคำสอนของพระพุทธศาสนา
🙏🙏🙏
กราบสาธุในพระธรรมค่ะท่านอาจารย์
อนุโมทนาค่ะ
🙏 ขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างยิ่งค่ะ
สาธุในธรรมคำสอนค่ะ
🙏 ค่ อาจารย์ ดิฉันชอบฟังธรรมะมากค่ะมันทำให้ดิฉันคิดอยู่เสมอว่าเราจะเอาอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากกรรมที่ดีและไม่ดีเท่านั้นธรรมะสั่งสอนดิฉันให้ปล่อยวางค่ะขอขอบพระคุณมากค่ะท่าน🙏🙏🙏😔
อนุโมทนาสาธุ..ครับอาจารย์
กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์
สาธุ
อนุโมทนาสาธุ ในกุศลจิตที่ดีงาม สัทธา เลื่อมใสอย่างในสัตบุรุษ อ เผดิม ยี่สมบุญ
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏🌷🌷🌷
🙏
สิ่งที่อจพูดมามันก่จิงคับ ทุกชีวิตใช้ชีวิตทุกวันนี้มีหลายอย่างรวมทั้งกิเลสของมนุษยทั้งหลาย สิ่งล่อตาล่อใจสุดท้ายก่ตกยู่ในอบายภูมิ ลืมคุณงามความดี มีแต่อยากมีอยากได้กันทั้งนั้น ถ้าทุกคนหรือคนใดคนหนึ่งพร้อมใจกันพอใจในสิ่งที่มีอยู่ก่ดีนะสิคับ แต่มันได้หาเปนเช่นนั้นไม่ 😥😥😥🙏🙏🙏😇😇
คำสอนของจริงนับวันคนก็จะไม่เข้าใจ พระนักเทศน์ที่รู้จริง ๆ ก็หายาก รู้คำสอนของจริงแล้วรู้สึกเสียดาย ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะช่วยเหลือศาสนาได้ ความรู้ความสามารถและอำนาจก็ไม่พอ
พระธรรมไม่ได้แสดงให้เห็นคนที่เห็นผิด เข้าใจผิด ไม่ได้สะสมปัญญามาครับ เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกคน พระพุทธเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนคนเห็นผิดที่มีกำลังมากได้ และคนเห็นผิดย่อมมีมากกว่าอยู่แล้ว แต่พระองค์แสดงพระธรรมให้คนที่เข้าใจถูก สะสมความเห็นถูกมา เเม้เพียงเล็กน้อย มีคนเดียว พระองค์ก็เสด็จไปแสดงธรรมให้บุคคลนั้นเข้าใจ คือ บุคคลที่สะสมความเห็นถูกมานั่นเองครับ
@@paderm ขออนุโมทนาด้วยกุศลจิตค่ะ 🙏🏻
อาจารย์ครับ ผมสามารถเอาคำพูดในคลิป แปลงเป็นตัวหนังสือแล้วแจกฟรีให้คนอ่านได้มี้ยครับ คนก็มีเยอะที่ไม่ได้เล่นโชเชียล
ยินดีและอนุโมทนาครับ ที่ช่วยกันเผยแพร่ความจริง แต่อย่างไรก็ดี ขออนุญาตตรวจสอบก่อน ในการที่แปลงเป็นตัวหนังสือ ได้ช่วยกันแก้ไขตรวจทาน และ ร่วมกันเผยแพร่ให้เรียบร้อยสมบูรณ์ ส่งมาที่อีเมล balamees@gmail.com ครับ สาธุครับ
กราบอนุโมทนากับทุกท่าน
@@lalitatanzer3494พูดตรงโดยไม่เข้าใจ ก็ผิด ก็พูดตามกันไปโดยไม่เข้าใจพระธรรม ก็ไม่รู้จักพุทธวจนะ แต่อ้างพุทธวจนะ ก็ไม่ได้อะไร ก็หลงไปว่าต้องตามหลักตามฐานอย่างนี้ว่าใครพูดถึงจะถูก ก็เห็นผิดบิดเบือนว่าพระอภิธรรมไม่ใช่พุทธพจน์บ้าง กล่าวตู่พระสารีบุตรบ้าง ไม่ให้ฟังคำพระอริยสาวกบ้าง ก็ทำลายพระสัทธรรม
@@paderm ได้ครับ รวบรวมเสร็จแล้วจะส่งต้นฉบับไปให้ดูครับ
@@suchat-eu7lkอนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
สาธุครับอาจารย์ฟังแล้วทำให้ปล่อยวางได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่หมดเชื้อกิเลสเพราะสะสมมานาน
ค่อยๆสะสมปัญญาไปทีละน้อยๆ สำคัญที่ทางถูกเป็นสำคัญครับ คิดถูกแล้วว่ายังปล่อยวางไม่ได้ ครับ เพราะโดยมากเข้าใจผิด ปฏิบัติผิด ว่าทำได้ ปล่อยวางได้แล้ว ก็เป็นการคิดผิด ปฏิบัติผิด ครับ ดังนั้นการคิดถูกว่าปัญญายังน้อย กิเลสมีมาก สะสมมามาก นั่นคือตรงต่อความจริงต่อธรรม จึงไม่ประมาทที่จะฟังในหนทางที่ถูกต่อไปว่าเป็นธรรมอนัตตาต่อไป ครับ จิรกาลภาวนา การอบรมปัญญายาวนานนับชาติไม่ถ้วน ยินดีอนุโมทนาในความเห็นถูกด้วยครับ
@@paderm🙏🙏
❤
อยากให้ทำคลิปเรื่องการลอยอังคาร(กระดูก) ว่าสมควรรึไม่ เพราะบางทีก็พาทีมงานไปลอยอังคารที่กลางแม่น้ำ(อันตรายเรืออาจล่ม)และแม่น้ำก็ต้องใช้งบจ่ายค่าเดินทางไปแม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นต้น การฝังกระดูกใต้ต้นไม้ใหญ่คงจะง่ายกว่า ประหยัดกว่า ครับผม
อะไรจะสมควรหรือไม่ ก็ขึ้นกับว่าผู้ทำเข้าใจการกระทำนั้นหรือไม่ ว่าทำไปทำไม เอาไปทิ้งน้ำก็ดี เอาไปฝังโคนต้นไม้ก็ดี เดินทางลำบากก็ดี ประหยัดเงินก็ดี แล้วเข้าใจพระธรรมความจริงไหม อยู่บนเรือก็ตายได้ อยู่ใต้ต้นไม้ก็ตายได้ ประหยัดเงินทั้งชีวิต ก็ล่มจมล้มละลายได้ อะไรคือเหตุของสิ่งเหล่านี้
กราบขอบพระคุณในการแจกแจงธรรมครับ อนัตตะลัขณสูตร จริงๆ สิ้นโลกเหลือธรรม สุดท้ายคืนของๆโลกครับ
คุณพูดเรื่องเวรกรรมถูกแล้ว..อย่าพูดเรื่องปัจจัยที่เขาอยากจะทำบุญสร้างวัด..ตอนที่คุณยังไม่รู้คุณก็ทำเวรกรรมไว้ไม่รู้เท่าไร..คนใจบุญเขาอยากทำบุญด้วยปัจจัยก็ช่างเขา..ตัวบุญตัวบาบอยู่ที่ใหนคุณก็ไม่รู้..จริงมะ..
คงต้องพูดต่อไปเรื่อยๆครับ ในเรื่องพระวินัย เพราะมีคนที่เข้าใจเห็นถูกเพิ่มขึ้นครับ เพราะการเผยแพร่คำพระพุทธเจ้าถูกต้อง ด้วยจิตเมตตา เป็นบุญ ครับ ตรงกันข้าม ผู้ที่ปฏิเสธคำพระพุทธเจ้า สนับสนุนพระอลัชชี พระรับเงิน ก็คือเป็นบาป เห็นผิด ดังนั้นก็จะมั่นคงที่จะพูดต่อไป ยินดีที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในช่องนี้ครับ
วันนี้ มีคำถาม มาถามอาจารย์ผเดิมค่ะ พระโสดาบันละสังโยชน์3ได้ สักกายทิฏฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑
สีลัพพตปรามาส ๑ ..ถามค่ะ เวลาผายลมต่อหน้าคนอื่น พระโสดาบันจะไม่มีความอายใช่ไหมคะ? เพราะท่านละการยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตนได้แล้ว เพราะสักกายทิฏฐิคือการยึดถือกายที่ประชุมรวมกันเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นตัวตนเป็นเราเป็นวัตถุเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ละสักกายทิฏฐิได้ด้วยการถึงพร้อมด้วยการเห็นทุกขสัจจ์หมายถึงสภาพธรรมที่เป็นไตรลักษ์ ...ปล.ไม่ได้หมายความว่าจะดูว่าใครเป็นพระโสดาบันก็ดูตรงนี้แหละนะคะ และไม่เกี่ยวกับคนที่หน้าด้าน ผายลมไม่อายนะคะ ขอบคุณและ กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
โสดายันยังโกรธได้ อายได้ ยังติดข้องในบ้าน ในทรัพย์สิน โสดาบันเข้าใจถูกว่าไม่ใช่ตัวเรา แต่ยังคงมีกิเลสอยู่
ขออนุญาตยกข้อความในอรรถกถามหาสมัยสูตร เพื่อให้เข้าใจถูกว่า พระโสดาบันยังมีความอายเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่ยังมีโลภะ ติดข้องพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส เป็นต้น ครับเป็นปัจจัยได้ครับ เพราะ อาย ก็ต้องมีความรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งเป็นโทสะที่พระโสดาบันยังละไม่ได้ครับ(โทสะ) ไม่อยากให้รู้ เป็นต้นในเรื่องต่างๆ เพราะยังมีความติดข้องพอใจในสิ่งต่างๆครับ แม้จะละความเห็นผิดที่ยึดถือว่าเป็นเราแล้วครับ
มีเรื่องเล่าว่าที่วัดโกฏิบรรพต มีเทพธิดาองค์หนึ่งอยู่ที่ต้นกากทิงใกล้ประตูถ้ำกากทิง. ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งท่องพระสูตรนี้ภายในถ้ำ.เทพธิดาได้ฟังในเวลาจบพระสูตร ก็ได้ให้สาธุการด้วยเสียงอันดัง.
นั่นใคร ? ๆ ภิกษุหนุ่มถาม.
ดิฉันเป็นเทพธิดาเจ้าค่ะ เทพธิดาตอบ.
ทำไมจึงได้ให้สาธุการ ภิกษุหนุ่มถามอีก.
ท่านเจ้าค่ะ ดิฉันได้ฟังพระสูตรนี้ในวันที่พระทศพลประทับนั่งแสดงที่ป่าใหญ่ วันนี้ได้ฟัง (อีก) ธรรมบทนี้ท่านถือเอาดีแล้ว เพราะไม่ทำให้อักษรแม้ตัวเดียวจากคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงไว้เสียไป เทพธิดาชี้แจง.
เมื่อพระทศพลกำลังแสดงอยู่ คุณได้ฟังหรือ ? ภิกษุถามอีก.
อย่างนั้น เจ้าค่ะ นางรับรอง.
เขาว่าเทวดาเข้าประชุมกันมาก แล้วคุณยืนฟังที่ไหน ?
ท่านเจ้าค่ะ ดิฉันเป็นเทวดาชาวป่าใหญ่ ก็เมื่อพวกเทวดาชั้นผู้ใหญ่กำลังพากันมา ไม่ได้ที่ว่างในชมพูทวีปเลยมาสู่ตามพปัณณิทวีปนี้ ยืนริมฝั่งที่ท่าชัมพูโกล ถึงที่ท่านั้นก็ตาม เมื่อพวกเทวดาชั้นผู้ใหญ่กำลังพากันมา ก็ถอยร่นมาโดยลำดั แช่น้ำทะเลลึกแค่คอทางส่วนหลังหมู่บ้านใหญ่ในจังหวัดโรหณะแล้วก็ยืนฟังในที่นั้น นางบรรยายรายละเอียด.
จากที่ซึ่งคุณยืนมันไกลแล้ว คุณจะเห็นพระศาสดาหรือ เทวดา
ท่าน ! พูดอะไร ดิฉันเข้าใจว่า พระศาสดาทรงแสดงธรรมอยู่ที่ป่าใหญ่ทรงแลดูดิฉัน เสมอ ๆ รู้สึกกลัว รู้สึกละอาย.
เขาเล่ามาว่า วันนั้นมีเทวดาแสนโกฏิสำเร็จพระอรหัต แล้วคุณล่ะตอนนั้นสำเร็จพระอรหัตหรือ
ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ
สำเร็จอนาคามิผล กระมัง ?
ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ
เห็นจะสำเร็จสกทาคามิผล กระมัง
ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ
เขาว่า พวกเทวดาที่สำเร็จมรรคสามนับไม่ไค้ แล้วคุณล่ะ เห็นจะเป็นพระโสดาบันกระมัง ?
ในวันนั้น เทพธิดาสำเร็จโสดาปัตติผล รู้สึกอาย จึงพูดว่า พระคุณเจ้าถามสิ่งไม่น่าถาม (ถามซอกถามแทรก) ลำดับนั้น ภิกษุนั้น จึงกล่าวกะนางว่า เทวดา ! คุณจะแสดงกายให้อาตมาเห็นได้ไหม ?
จะแสดงหมดทั้งตัวไม่ได้หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ ! ดิฉันจะแสดงแก่พระคุณเจ้าแค่ข้อนิ้วมือ.
ว่าแล้วก็เอานิ้วมือสอดหันหน้าเข้าภายในถ้ำตามรูกุญแจ. นิ้วมือก็เป็นเหมือนเวลาพระจันทร์พระอาทิตย์ขึ้นเป็นพัน ๆ ดวง เทพธิดากล่าวว่า จงอย่าประมาทนะ ท่านเจ้าค่ะ ! แล้วไหว้ภิกษุหนุ่มกลับไป. สูตรนี้ เป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาทั้งหลายอย่างนี้ เทวดาทั้งหลายย่อมถือว่า พระสูตรนั้นเป็นของเราด้วยประการฉะนี้.(อรรถกถามหาสมัยสูตร)
@@suchat-eu7lk กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
@@paderm จากพระสูตรนี้ เทพธิดาอายที่เป็นได้แค่ พระโสดาบัน แต่ในขณะที่ ผายลม พระโสดาบันท่านไม่ได้ใส่ใจกับอาการที่ผายลมจึงไม่ได้รู้สึกอาย เพราะ จิตของท่านไประลึกที่ปรมัตถ์คืออาการไหวตึงที่กาย ของมหาภูตรูป จิตเกิดดับสืบต่อเร็วมาก ส่วนปุถุชนสติไม่เกิดระลึกที่ปรมัตถ์ แต่ มาระลึกขณะที่ผายลมแล้วจึงรู้สึกอายและขำมากมายถ้าผายต่อหน้าคนที่สนิท ขอบคุณนะคะที่ยกข้อความในอรรถกถามหาสมัยสูตร ที่ยังไม่เคยอ่านมาให้อ่านค่ะ แต่ ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระโสดาบัน ก็ไม่สามารถไปรู้จิตของท่านได้ กราบอนุโมทนาในความเมตตาของท่านอาจารย์ผเดิม ค่ะ สาธุค่ะ
@@mudamuda7427 ขออธิบายเพิ่มครับ จริงๆความอายของเทวดา ไม่ได้หมายถึง อายเพราะเป็นได้แค่เป็นพระโสดาบัน แต่มีความอายที่ไม่อยากให้รู้บอกว่าตนเองเป็นพระโสดาบัน ครับ นี่คือความอายในอรรกถาในมหาสมัยสูตร ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ ขออนุโมทนา
ขอสอบถามหน่อยครับผม อนาคามี เวลามีการรับรู้ ทางตา หู จมูก ลิ้น การ ใจ ไม่ทราบว่า ยังมี ความพอใจ ไม่พอใจปรากฏอยู่ไหมครับ แต่เพียงไม่ยึดมั่นในเวทนาใดๆ หรือว่าไม่มีเลย เป็นอุเบกขาอย่างเดียวครับ
เราต้องเริ่มเข้าใจเวทนาก่อนนะครับ โดยละเอียดและถูกต้องดังนี้ครับ
เวทนาหมายถึงความรู้สึก ซึ่งแบ่งเป็น ห้าหรือสามก็ได้ หลายนัย ซึ่งความรู้สึกมี ๓ อย่าง หรือ ๕ อย่าง ถ้าแยกเป็นทางกาย กับทางใจ ถ้าไม่แยกเป็นทางกายทางใจก็มี สุข ๑ ทุกข์ ๑ อุเบกขาหรืออทุกขมสุข ไม่สุขไม่ทุกข์ ๑ นี่ไม่แยก แต่ถ้าแยกก็แยกเป็น สุข ๑ หมายความถึงความรู้สึกสบายทางกาย ทุกข์ ๑ ความไม่สบายทางกาย โสมนัส ความสบายใจ แม้ว่ากายอาจจะเป็นทุกข์ แต่ใจไม่เดือดร้อน แต่ละเอียดกว่านั้นคือ โสมนัสเวทนาสุขใจ เกิดกับจิตที่เป็นกุศลก็ได้และเป็นอกุศลก็ได้ เช่นเกิดกับโลภะ ความยินดีติดข้อง โทมนัสเวทนา ความรู้สึกไม่สบายใจ เกิดกับจิตที่เป็นโทสะ แต่ที่คนมักเข้าใจผิด คือ เรื่อง อุเบกขาเวทนา คิดว่าการเฉยๆ คือ สิ่งที่ดีเสมอครับ เพราะความจริงแล้วอุเบกขาเวทนา ความรู้สึกเฉยๆ เกิดกับจิตที่ดีได้ และที่สำคัญเกิดกับจิตที่ไม่ดีได้และโดยมากเกิดเช่นนั้นบ่อยๆ เช่นเกิดกับโลภะยินดีติดข้อง ไม่ได้ติดข้องมาก แต่ติดข้อง มีความรู้สึกเฉยๆเกิดร่วมด้วย ไปแปรงฟัน มีความต้องการจะแปรงฟัน แต่ไม่ได้ดีใจ ไม่ได้ทุกข์ใจ แต่มีความรู้สึกเฉยๆ เฉยๆ อุเบกขาแบบนั้นใจก็ไม่ดีแล้ว นี่คือความละเอียด และอุเบกขาเวทนายังเกิดกับโมหะความไม่รู้ได้ด้วย จดจ่อนิ่ง แต่ไม่รู้ความจริง คิดว่าเฉยๆไม่ปรุงแต่ง แต่ขณะนั้นก็เป็นโมหะเป็นจิตไม่ดีแล้ว ดังนั้น อุเบกขาเวทนาจึงไม่ใช่เป็นเครื่องวัดของจิตดีดีหรือมีปัญญาได้เลยครับ
ดังนั้นพระอนาคามี ไม่ติดข้องในกาม รูป เสียง กลิ่น รส แต่ยังติดข้องในภพ ก็มีอุเบกขาเวทนาทีเ่กิดกับจิตไม่ดีที่ติดข้องในภพได้ แต่ไม่มีการเกิดขึ้นของอุเบกขาเวทนาที่เกิดกับความติดข้องในกาม รูป เสียง เป็นต้นได้อีกครับ
ขอเพิ่มเติมคำว่า ไม่ปรุงแต่งเพราะมักเข้าใจผิดในคำนี้ครับ
อย่าปรุงแต่ง คำที่ใช้กันผิด และเป็นคำที่เห็นผิด นอกพระพุทธศาสนา
เพราะไม่เข้าใจธรรมทีละคำ ตามคำพระพุทธเจ้า ปรุงแต่งก็ไม่รู้ว่าคืออะไร สังขาร คือ สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้น อะไรเกิด ธรรมเกิด ไม่ใช่เราเกิด ดังนั้น เรามักข้าใจว่า อย่าปรุงแต่ง คือ อย่าโกรธ อย่าชอบ ให้เห็นเฉยๆ แต่ความจริงเมื่อใดที่ธรรมเกิด เมื่อนั้นปรุงแต่งแล้ว มีการปรุงแต่งของธรรมที่เกิดขึ้น ทั้งจิตเกิด จิตก็เป็นสังขารธรรม เป็นธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น จิตจึงเกิด ดังนั้นพระอรหันต์ไม่มีกิเลสแล้ว ไม่โกรธ ไม่ชอบ ไม่ติดข้อง แต่ก็มีการปรุงแต่งเกิดขึ้นของธรรม ดังนั้น อย่าปรุงแต่ง ก็เป็นคำผิดตั้งแต่ต้น และก็มีสภาพธรรมที่ปรุงแต่งจิต คือ เจตสิกธรรม เช่น ปัญญา ความรู้สึก(เวทนา) ปรุงแต่ให้จิตดี ไม่ดี เป็นต้น ดังนั้น พระอรหันต์ก็มีปัญญา ท่านก็มีธรรมที่ปรุงแต่ง ท่านมีความรู้สึก เวทนา จิตเกิดเมื่อไหร่ก็มีเจตสิกปรุงแต่งจิตแล้ว ดันั้นกำลังปรุงแต่งอยู่ทุกขณะ ไม่มีใครห้ามได้ แม้พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็มี
อย่าปรุงแต่ง คำที่ขัดแย้งอนัตตา อธิบายผิดว่า อย่าไปโกรธ อย่าไปติดข้อง ให้อยู่กับลม ให้เฉยๆ สักแต่ว่ารู้ ไม่มีปัญญาเข้าใจอะไรเลย พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา ไปอยู่กับลม ปัญญารู้อะไร ให้เฉยๆ เฉยแล้วปัญญารู้อะไร รู้ไหมว่า ความรู้สึกเฉยๆ อุเบกขาเวทนาเกิดกับโมหะความไม่รู้ได้ เฉยๆ ไม่มีปัญญา ก็โมหะความไม่รู้ อย่าไปติดข้อง ห้ามกิเลสได้ไหม ก็ลืมความเป็นธรรมเป็นอนัตตา หนทางที่ถูก คือ เข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วว่าเป็นธรรม นี่คือหนทางละความไม่รู้และความยึดถือว่าเป็นเรา
@@paderm อธิบายได้สุดยอดมากค่ะ มีจิตก็ต้องมีการปรุงแต่ง ธรรมตา ของ ธรรมะ อริยสัจจ์ที่๑ และอริยสัจจ์ที่๒ ยากยิ่ง กราบอนุโมทนาในความละเอียด ค่ะ
สวัสดีค่ะ มีคำถามอยากถามอาจารย์ แต่ไม่เกี่ยวกับคลิปนี้นะคะ อยากรู้ว่าพระบรมสารีริกธาตุมีจริงไหม แล้วที่เขาสรงน้ำกันวัดนั้น วัดนี้ ใช่ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไหมคะ
ยากที่จะรู้ครับ สำคัญที่จิตตนที่บูชาครับ
เป็นปัญญาขั้นฟังจะเห็นจริงต่อเมื่อเห็นธรรม
พระพุทธเจ้าตรัสว่า การศึกษาอบรมปัญญาในธรรมวินัยนี้ เป็นไปตามลำดับ ไม่ก้าวกระโดดครับ
ปัญญาจึงเป็นไปตามลำดับ จึงมีปัญญที่เป็นลำดับแรก คือ สุตตมยปัญญา ปัญญาที่สำเร็จจากการฟัง และจึงมีปัญญาต่อไป คือ จินตามยปัญญา ปัญญาขั้นคิดอันมีได้จากปัญญาขั้นการฟังครับ และ เมื่อคิดพิจารณาถูก ฟังบ่อยๆเนืองๆนับชาติไม่ถ้วน เมื่อปัญญาถึงพร้อมจึงเกิดปัญญาที่เรียกว่า ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เห็นจริงรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม ก็มาจากปัญญาขั้นการฟังเป็นสำคัญ ดังนั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า การศึกษาอบรมปัญญาในธรรมวินัยนี้ เป็นไปตามลำดับ ไม่ก้าวกระโดด จึงต้องเริ่มจากปัญญาขั้นการฟังเป็นสำคัญนั่นเองครับ แต่ท่่สำคัญ ที่ทำผิดกันในปัจจุบัน คือ ไม่ฟัง หรือ ฟังผิด แล้วก็ปฏิบัติผิดครับ
คณกโมคคัลลานสูตร
ว่าด้วยการศึกษาและการปฏิบัติเป็นไปตามลําดับ
[๙๓] ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ปราสาทของอุบาสิกาวิสาขามิคารมารดา ในพระวิหารบุพพาราม กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้น พราหมณ์คณกะโมคคัลลานะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทักทายปราศรัยกับพระผู้มี-พระภาคเจ้า ตามธรรมเนียมแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ไค้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม ตัวอย่างเช่นปราสาทของมิคารมารดาหลังนี้ ย่อมปรากฏมีการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ ถือกระทั่งโครงร่างของบันไดชั้นล่างแม้พวกพราหมณ์เหล่านี้ ก็ปรากฏมีการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับการปฏิบัติโดยลําดับ คือ ในเรื่องเล่าเรียน แม้พวกนักรบเหล่านี้ ก็ปรากฏมีการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ คือ ในเรื่องใช้อาวุธ แม้พวกข้าพระองค์ผู้เป็นนักคํานวณมีอาชีพในทางคํานวณก็ปรากฏมีการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ คือในเรื่องนับจํานวน เพราะพวกข้าพเจ้าได้ศิษย์แล้ว เริ่มต้นให้นับอย่างนี้ว่า หนึ่งหมวดหนึ่ง สอง หมวดสอง สาม หมวดสาม สี่ หมวดสี่ ห้า หมวดห้าหก หมวดหก เจ็ด หมวดเจ็ด แปด หมวดแปด เก้า หมวดเก้า สิบหมวดสิบ ย่อมให้นับไปถึงจํานวนร้อย ข้าแต่ท่านพระโคดม พระองค์อาจไหมหนอ เพื่อจะบัญญัติการศึกษาโดยลําดับ การที่กระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ ในธรรมวินัยแม้นี้ ให้เหมือนอย่างนั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ เราอาจบัญญัติการศึกษาโดยลําดับ การกระทําโดยลําดับ การปฏิบัติโดยลําดับ ในธรรมวินัยนี้ได้
สรรพสิ่ง ล้วนไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับ ไปเป็นสามัญลักษณะ ตามกฎ ไตรลักษณ์
ดังนั้นใช้คำว่า สรรพสิ่ง คือ ทุกสิ่ง แต่ต้องแยกออกมาว่า แต่ละสิ่ง อะไรที่ไม่เที่ยง เรียนถามครับว่า ขณะนี้อะไรไม่เที่ยงบ้างแต่ละหนึ่ง และ ตัวเราไม่เที่ยงถูกไหม ครับ
@@paderm ถูกครับ เมื่อไม่เที่ยง มีความดับ ไปเป็นที่สุด เราจึงไม่ประมาท เร่งบำเพ็ญตน
เรียนถามครับว่า ขณะนี้อะไรไม่เที่ยงบ้างแต่ละหนึ่ง และ ตัวเราไม่เที่ยงถูกไหม ครับ
@@paderm ถูกครับ
ขออนุญาญเรียนตอบเพื่อให้เข้าใจครับ ความจริงแล้ว ตัวเราไม่เที่ยงนั้นไม่ถูกต้องครับ เพราะโดยมากมักเข้าใจว่า ไม่เที่ยงคือ ตัวเราไม่เที่ยง เกิดตาย แท้ที่จริง ไม่ใช่ตัวเราไม่เที่ยง แต่เป็นธรรมที่ไม่เที่ยงเกิดขึ้นและดับไป ครับ คือ ขันธ์ห้าที่ไม่เที่ยง และ ที่กล่าวว่าเป็นธรรมที่ไม่เที่ยงเป็นอนิจจัง คือ ขณะนี้เองที่เป็นขันธ์ห้า เช่น แต่ละหนึ่ง คือ เห็นไม่เที่ยง เป็นธรรม ไม่ใช่เราไม่เที่ยง ไม่ใช่เราเห็น ได้ยิน เสียง เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง จึงจะต้องเข้าใจว่า ทุกสิ่ง สรรพสิ่ง น้ำตก ต้นไม้ ตัวเรา นั่นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ทุกสิ่งหมด (ตัวเรา น้ำตก ภูเขา)ไม่เที่ยงเพราะเป็นบัญญัติสมมติจากสิ่งที่มีจริง คือ ธรรมแต่ละหนึ่งที่ไม่เที่ยง ครับ นี่คือความละเอียดของอนิจจัง ไม่เที่ยง คือ ธรรมไม่เที่ยง ไม่มีตัวเราที่ไม่เที่ยงนั่นเองครับ ขออนุโมทนา
มีแต่ดวงจิต ที่ต้องทำให้ผ่องใสไร้มลทิน
ถ้าไม่เข้าใจว่า จิตคืออะไร และธรรมคืออะไร ก็ไม่มีทางที่จะทำให้จิตผ่องใสจากกิเลส จึงเรียนสอบถามสนทนาครับว่า จิตมีดวงเดียวใช่ไหม
สาธุครับ อาจารย์อธิบายได้ลึกซึ้งถ่องแท้
กราบสาธุฯฯครับ
สาธุ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุในธรรมค่ะ
กราบอนุโมทนาครับอาจารย์
สาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุธรรมะคะอาจารย์เผดิม
กราบ อนุโมทนา ค่ะ 🙏
กราบสาธุครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ🙏🌷🙏🌷🙏
โมทนาสาธุบุญค่ะ🙏🙏🙏
🙏🙏🙏
กราบอาจารย์เผดิมครับผมชอบมากที่อาจารย์กล่าวว่าขอนอบน้อมแด่คุณพระรัตนตรัยไม่ว่าผมจะทำบุญทานอันใดผมจะกล่าวคำนี้ถุกต้องหรือไม่ครับ
สำคัญที่สภาพจิตครับ ถ้าจิตขณะนั้นเป็กุศลขณะใดมีจิตน้อมไปในการบูชาคุณพระรัตนตรัย นั่นก็ถูกต้อง เพราะกุศลธรรมที่เกิดขึ้นกับจิตจะไม่ผิดแน่นอนครับ
กราบสาธุค่ะ
สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาสาธุๆค่ะ
🙏🙏🙏