ภิกษุณีไทย บนความท้าทายพระธรรมของพุทธองค์ โดย อ.สมฤทธิ์ ลือชัย I ประวัติศาสตร์นอกตำรา EP.96
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 29 ส.ค. 2021
- พุทธบริษัท 4 อันได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา คือปัจจัยของการดำรงอยู่ หรือสูญสลายของพุทธศาสนา นี่เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้หากพระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว
น่าสนใจอย่างยิ่งที่สังคมไทยยังไม่เปิดกว้างสำหรับการเกิดขึ้นของหนึ่งในพุทธบริษัท 4 นั่นคือการบวชของผู้หญิงเพื่อเป็น "ภิกษุณี"
แท้จริงแล้วแก่นแท้ของศาสนาพุทธ มองมิติเรื่องหญิง-ชาย มีความแตกต่างกันอย่างไร ในการเข้าถึงพระธรรมของพระพุทธเจ้า
ฟังการวิเคราะห์ในมุมมองของ อ.สมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการอิสระ ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนา
"พระพุทธเจ้าค้นพบอริยะสัจเพื่อให้มนุษย์ดับทุกข์ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้เพื่อให้บุรุษดับทุกข์ แต่ให้มนุษย์ดับทุกข์" รู้สึกซาบซึ้งกับประโยคนี้ของอาจารย์มากค่ะ ได้ยินแล้วน้ำตามันไหลเอง ขอบพระคุณมากค่ะ🙏🏻
มนุษย์ครับ ถูกครับ
สาธุค่ะ
สาธุสาธุ
@@tunthagornnanchotipong8509 ใใใใใใ
ผู้หญิงไม่ใช่เพศที่พึงบวช ตายห่าแล้วมาเกิดเป็นผู้ชาย แล้วค่อยบวช พุทธองค์ไม่มีประสงค์ให้บวชตอนแรกแล้ว อีกอย่างเพราะภิกษุณีขาดศูณย์ไป เอาง่ายๆก่สงฆ์ไทยไม่ยอมรับ มึงมองตอนแรกๆดิการออกบวชคือผู้ชาย เช่นออกบวชเป็นฤษีชีไพร จะตะแบงทําไม
นอกเหนือจากเนื้อหาที่น่าสนใจ ทุกเทปที่มีอาจารย์สมฤทธิ์ อาจารย์จะแต่งตัวเข้ากับเนื้อหาทุกครั้ง ทำให้คนดูสนุกไปกับคอสตูม
มันไม่รู้เรื่องเอาเรื่องสิทธิสัตรีมาพูด
ประทับใจเทปนี้อยู่อย่าง ตรงที่มีบุรุษเพศเป็นกระบอกเสียงแทนสตรีเพศ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
เราเป็นคนหนึ่งที่ถ้ามีโอกาสอยากบวชภิกษุณี อาจจะบวชไม่สึกเลย เราอยากบวชเพื่อพ้นทุกข์ และ บวชตอบแทนพระคุณให้บุพการี เราคิดว่าผู้หญิงเองก็สามารถบวช หรือ สร้างบุญใหญ่ให้พ่อให้แม่อาศัยเกาะได้ ไม่จำเป็นเฉพาะผู้ชายที่เรียกว่าเกาะชายผ้าเหลือง
เราตั้งใจเลยล่ะว่าถ้าวันใดที่พ่อแม่จากเราไป เราจะบวชให้พ่อแม่ บวชจริงจัง ตั้งใจเลย เราอาจจะไม่มีชายผ้าเหลืองให้เกาะ แต่มีชายผ้าขาวก็ได้ แต่ถ้าประเทศเรามีให้บวชภิกษุณีก็ดีค่ะ
ถูกใจค่ะ ปัจจุบันวัดใกล้ร้างมาก ถ้าบุรุษไม่บวช ทำไมไม่ส่งเสริมสตรี เพื่อทำนุบำรุงศาสนาต่อไป
ขอบพระคุณมากเลย ค่ะ ที่ทำมาให้ดู เป็นความรู้ที่อยากได้ คำอธิบายมานานแล้ว ขอบพระคุณด้วยใจเลย 🙏🙏
สมัยผมเรียนมัธยมระบุเรื่องดังกล่าวในตำราเรียนด้วยครับ ตอนนั้นผมรู้สึกเสียใจและคิดว่าทำไมแม่เราถึงบุญน้อยเลยเกิดเป็นผู้หญิง ซึ่งผมว่าประเทศเราควรปฏิรูปเรื่องความเท่าเทียมของมนุษย์ได้แล้วครับ
กราบขอบพระคุณ อ.สมฤทธิ์ ลือชัยมากค่ะ 🙏🏾 ขออนุโมทนาด้วยค่ะ🙇🏽♂️
ขอบคุณอาจารย์มากๆครับ ปลดล็อคความคิดของชาวพุทธไทยเลยทีเดียว ในเรื่องเพศ, พระวินัยvs.พระธรรม
ประทับใจคำปิดรายการของอจ.มาก สุดยอดครับ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
ขอบคุณคลิปดีๆมีประโยชน์และความรู้มาก🙏🙏🙏
อ.สมฤทธิ์ อธิบายได้แจ่มแจ้ง ชัดเจนทุกประเด็น
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและความรู้เรื่องภิกษุณีนะครับอาจารย์
อธิบายได้ชัดเจนดีมากเลยค่ะ เข้าใจง่าย
เหมือนอาจารย์จะตั้งธงเอาไว้มากไปครับ
ส่วนที่จะดูน่าเชื่อถือ ก็เลยกลับพลิกผันไปเสีย
คือพูดถึงแต่ข้อที่จะซัพพอร์ตสิ่งที่ต้องการ
แล้วไปโจมตีสิ่งที่ขัดขวางความคิดตน
โดยไม่จัดกลุ่ม จัดลำดับความสำคัญของข้อมูลเลยครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ผิดพลาดข้อไหน หรือสิ่งที่อาจารย์สมฤทธิ์พูดไม่ถูกต้องแย้งได้ครับ
ในความเห็นของผม ผู้พูดแค่แสดงความคิดเห็นที่เป็นปัจเจก ไม่สามารถไปหักล้างพระธรรมวินัยที่ได้รับการยอมรับและสืบทอดมานับ 1000 ปีได้ เถรวาท กับมหายาน เป็น นานาสังวาส ไม่ร่วมสังฆกรรมกันอยู่แล้ว ภิกษุณีฝ่ายมหายาน จะเข้ามาขอยัติจตุตถกรรม ในสงฆ์เถรวาท เคยมีมั๊ย ถ้ามีอ้างหลักฐานมาเลย จะได้รู้กัน
@@kampanartpoldara
สรุปการบวชนี่ยึดใน "นิกาย"
หรือเราบวชด้วย "พระธรรมวินัย"
ครับผม
@@fahviradhammajari5620อะไรมาก่อนศรัทธา พระวินัยคือคำสั่ง ละเมิดมีโทษ พระธรรมคือคำสอนคำแนะนำ 2 สิ่งนี้อยู่คู่กัน จึงเรียกรวมกันว่า พระธรรมวินัย คุณศรัทธาอะไร ไตร่ตรองด้วยสตื ปัญญา คำตอบจะปรากฎเป็นลำดับ และเป็นเหตุเป็นผลเชื่อมโยงกัน การเกิดนิกายที่หลากหลาย เพราะความเห็น ความรู้ ความเข้าใจในพระธรรมวินัย หรือการแปลความตีความที่ไม่ตรงกัน เกิดการวิวาทถกเถียง หาข้อยุติไม่ได้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสแนะนำให้ทั้ง 2 ฝ้าย ต่างปฏิบัติตามที่ตนเข้าใจ แบบต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างก็รังเกียจซึ่งกันและกัน ไม่อยู่ร่วมกัน ไม่ฉันร่วมกัน ไม่ร่วมสังฆกรรม ซึ่งเรียกว่า "นานาสังวาส" ผมคงแนะนำได้เท่านี้ ที่ 0:07 เหลือคงต้องพึ่งสติปัญญาและความเพียรของคุณเอง ที่จะต้องศึกษาค้นคว้า ถ้าสนใจ ใส่ใจในเรื่องศาสนาจริงๆ
ขอบคุณมากครับ อาจารย์ข้อมูลความรู้ดีมาก สาธุสาธุสาธุครับ.
ขอบคุณครับ สำหรัยข้อมูลดีๆที่มีประโยชน์ครับ
ขอบคุณสำหรับ EP. นี้ครับ
คนไทย มีความรู้เรื่อง ภิกษุณี น้อยมาก ขอบคุณ ครับ
สาธุ. ให้คณะผู้ทำ
จงประสพความสุขความเจริญ...เจริญพร...
เถรวาทคือการรัษาคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ให้ครบถ้วนที่สุด
คำสอนที่เป็นพระวินัยกำหนดไว้ชัดว่าภิกษุณีต้องบวชด้วยภิกษุณีแล้วมาบวชต่อโดยภิกษุถึงจะสมบูรณ์การกำหนดขั้นตอนไว้เช่นนี้พระองค์ทรงเล็งเห็นปัญหาเรื่องเพศที่จะเกิดขึ้นใน
อนาคตจึงกำหนดขั้นตอนให้
รอบคอบก่อนจะรับใครเข้ามาให้วงการพุทธเถรวาทพระองค์ไม่ได้ริดรอนสิทธิของสตรีดังจะเห็นได้จากให้มีอุบาสิกาได้และอุบาสิกาก็บรรลุธรรมได้เหมือนกัน ปัจจุบันภิกษุณีเถรวาทรูปสุดท้ายได้เสียชีวิตไปร้อยกว่าปีแล้วการกำเหนิดภิกษุณีใหม่จึงไม่สามารถมีได้ตามที่พระวินัยกำหนดไว้ ดังนั้นถ้าหากไปยกเลิกหรือแก้ไขพระวินัยเดิม
ที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้จะทำให้คำสอนอันทรงคุณค่าถูกทำลายไปเพียงเพื่อสนองความต้องการของตัณหาโดยใช้สิทธิทางเพศมากล่าวอ้าง ถ้าต้องการบวชเป็นภิกษุณีจริงๆก็ยังมีพุทธมหายานให้บวชได้และบรรลุธรรมได้เหมือนกันทำไมจึงมุ่งมาบวชของหินยานทั้งๆที่พระวินัยห้ามเหมือนจงใจจะลบล้างคำสอนเดิมของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราชาวพุทธแท้ควรจะรักษาคำสอนเดิมไว้ชั่วชีวิต
พระวินัยบวชได้ครับ
ในพระวินัยระบุไว้ชัดเจน
สาธุเจ้าค่ะ ขอภาวนาให้ดิฉันใด้บวชเปนภิกษุณีสงฆ์ ด้วยเถิดในชีวิตนี้...🙏🙏🙏
ผมว่า ผู้หญิงบวช สละมากกว่าผู้ชาย
เพราะผู้หญิงนั้นอยู่ยากและมีทุกข์มากกว่า เช่น ประจำเดือน ดังนั้น ถ้าสละได้และตัดสินใจว่าจะบวชได้ ถือว่ายิ่งใหญ่จริงๆครับ
ไม่จริงหรอก ผญทิฐิเยอะกว่าผชเยอะ ยกตัวอย่างมาสารพัด อะไรก็ตาม แต่ความจริง การนั่งนิ่งๆ สงบปากคำก็ยากกว่าผช ผญเป็นเพศทีโฮโมนปั่นป่วนกว่าผชเยอะ
@@patsharapongkomasathit6175 ใช่ๆ อันนี้เคยศึกษามา เขาบอกแบบนี้จริงๆ และจากที่เคยเจอคนใกล้ๆตัว สุดจริง
@@mefha5211 ผมเห็นมาเยอะยกตัวอย่าง เอาหี.หี ชอบบอกว่าห.ีเหนือกว่าผช ทั้งปจด ทั้ง มีลูก ผญ ทรมารกว่าผช ไม่พ้นคำว่าหีซักที
แต่ความจริงคือ เวลาจะโดนฆ่า ผชสามารถ นิ่งได้มากกว่าผญ เช่น นารันทา พระโดนมุสลิมฆ่าหมดวัดแบบนิ่งๆ ทิเบตเผาตัวเองนิ่งๆ หรือ พอเข้าป่า เจอเสือโดนเสือทำร้าย ผช ทำใจได้ดีกว่า ผญก็มีคนจิตใจเท่า แต่มันทำได้ยากและมีน้อย
@@mefha5211 ผญ มักมาพร้อมกับคำเรียกร้องเสมอ เช่น
พระผช ธุดง พร้อมเจออันตราย
แต่พอเป็นผญ เริ่มตั้งคำถามและว่า ถ้าผญเข้าป่าอันตรายแค่ใหน
ส่วนตัวผมมองว่า ผช ผญ ถ้าบวชพระเข้าป่า อันตรายเท่ากัน
ผมพูดถึงคนที่สละได้ครับ และแน่นอนไม่ว่าชายหรือหญิงหากสละได้ถือว่าเยี่ยมทั้งนั้น ส่วนคนที่สละไม่ได้ ไม่ว่าชายหรือหญิง ก็คือคนทั่วไป มีกิเลส ทั้งนั้นครับ ขออภัยด้วยนะครับหาก พูดไม่ตรงประเด็น.. และขอบคุณข้อมูลที่แลกเปลี่ยนครับ🙏🙏😁😁
ความปลอดภัยของภิกษุณี..นี่เรื่องใหญ่อีกอย่าง เธอ อยู่เพียงลำพังได้ยาก ..ดูจะกังวนและห่วงใยไปหมด..ควรจะหาข้อกำหนดที่ให้เธอ มีความปลอดภัยสูงก็จะดี...
ชื่นชม อจ ขอบคุณครับ
อาจารย์อธิบายชัดเจนมากครับ
พระวินัย = หมวก
พระธรรม = หัว
ทำหมวกใหม่ให้เข้ากับหัวใหม่ ไม่ใช่ ทำถากหัวใหม่ให้เข้ากับหมวกเก่า
เดี๋ยว!! คุณจะเเก้พระวินัยหรอ?
พระวินัยกระโหลก
พระธรรมสมอง
พวกไม่มีกระโหลก
ผู้หญิงไม่ต้องบวชก็บรรลุพระโสดาถึงอรหันต์ได้ ผู้ใดที่จะพ้นทุกข์ ใช้พระธรรม ๓๗ องค์ มีศีลสมาธิปัญญาเบื้องต้นมีความเชื่อศรัทธา ทุกคนทุกเพศทุกวัยมีสิทธิพ้นทุกข์ได้
แล้วผู้ชายบวชทำไมครับ
ทำไมไม่ให้ปฏิบัติธรรมเพื่อ
บรรลุธรรมเฉยๆ
เข้าใจแล้วคร่า เข้าใจลึกซึ้งแล้วคร่า เจตนาสำคัญที่สุด ไม่ใช่เพศ สาธุ สาธุ
ขอบคุณท่านอาจารย์
เหตุผลท่านอาจารย์
แจ่มแจ้งมากครับ
ผมเป็นคนนึงที่นับถือพุทธนิกายมหายาน …. ในหลักคำสอนของพุทธมหายานคือ ถ้าต้องการจะบรรลุนิพพานได้ก็เปรียบได้ดั่งทุกสรรพชีวิตกำลังเดินเรือข้ามสมุทรแห่งวัฏสงสารพร้อมกันหมด ถึงจะไปสู่เป้าหมายคือนิพพาน ดังนั้น ในฝ่ายมหายานจะมีพระโพธิสัตว์ ที่เป็นความเชื่อในเรื่องของสตรีเพศด้วย ทั้งจากตำนานองค์หญิงเมี่ยวซ่านของจีน ซึ่งทางฝ่ายมหายานก็ยอมรับในสตรีเพศและยกย่องให้เป็นพระโพธิสัตว์ สามารถออกบวชได้ในพุทธศาสนา ….. ท้ายนี้ผมว่าปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไปศาสนาก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตามการดำเนินชีวิต ไม่ว่าชายหรือหญิง ก็ควรจะอนุโลมให้บวช เพื่อความสบายใจ เพื่อนิพพาน เป็นที่ตั้งไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องเพศแต่กำเนิดเท่านั้น
ท่าอ้างยุคสมัยเปลี่ยนไปต้องเปลี่ยนต่อไปคำสอนแท้ๆก็จะเปลี่ยนไปตามกิเลสของคน คนสมัยนี้มีแต่อ้างว่าตนประเสริฐแล้วทั้งนั้น
@Yin Linหากได้ศึกษาจนเข้าถึงพระธรรมแล้ว จะเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตแบบฆราวาส เพราะเต็มไปด้วยกิเลสความวุ่นวาย และอยากหลีกเร้นไปอยู่ในสถานที่สงบ การปรับเปลี่ยนให้หญิงได้ออกบวชเพื่อช่วยสนับสนุนให้ง่ายต่อการบรรลุธรรม....แล้วใยต้องกีดขวางผู้ที่ต้องการบรรลุธรรม .....เปรียบเหมือนการกีดกันหญิงห้ามเข้าโรงเรียน ทำให้หญิงขาดความรู้ ขาดโอกาสในการพัฒนาตน... ส่วนการบวชในญี่ปุ่นเป็นการหย่อนยานในพระวินัยมากเกินไป ซ้ำยังถือกิเลสกามเป็นที่ตั้ง
ศาสานพุทธไม่มีนิกาย มีแต่หลักคำสอน มาแบ่งกันเองหลังพุทธองค์นิพพานไม่ถึง 50 ปี แล้วสิ่งที่พุทธองค์พบ มันมีมาก่อนพุทธองค์ มันมีมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์แรกแล้ว พุทธองค์ไม่ใช่คนสร้างมันขึ้นมา แล้วโลกนี่ไม่มีพระเจ้า ไม่มีเทพ มีแต่ธรรมชาติ / โลกคู่ขนาน พุทธองค์องค์แรก พบตั้งแต่โลกนี่ยังรู้จักคำว่าวิทยาศาสตร์เลย
@@user-mh9jj9gd4u นี่ขนาดท่านมีมติไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ รักษาไว้ให้คงดังเดิมแล้วนะ
คนสมัยนี้ยังพากันพูดว่าเป็นเรื่องแต่งเสริมขึ้นกันเองบ้าง เป็นเรื่องแต่งกันเเอาเองบ้าง พระพุทธเจ้าไม่มีจริงบ้าง เป็นต้นเลยครับ
รับชมครับอาจารย์ ชอบมากครับ
กราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ
กราบเรียนทีมงานค่ะ
เดี๊ยนมีความประสงค์อยากทราบชื่อเพลงบรรเลงประกอบรายการมากค่ะ เพราะมาก ขอความกรุณาด้วยนะคะ กราบขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เรียนคุณพี่ด้วยความเคารพค่ะ หลายท่านก็อยากทราบชื่อเพลง แต่ไม่ได้บอกว่าช่วงไหนของสารคดี ทีมงานก็ตอบไม่ถูก เพราะใช้หลายเพลงมากในแต่ละตอน
ต่อไปทีมงานกำลังจะจัดทำรายชื่อเพลงทั้งหมด ใส่ไว้ให้ในช่อง description เพื่อความสะดวกของทุกท่านในการค้นหาเพลงต่อไปนะคะ
ต้องขออภัยในความไม่สะดวกทุก ๆ ท่าน ก่อนหน้านี้ด้วยนะคะ
..อาจารย์ครับ ความจริงมีหลายระดับครับ ความจริงของพุทธองค์คืออริยสัจ พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้หลักธรรมแล้วนำหลักธรรมสอนแก่สงฆ์สาวก กล่าวคือพุทธองค์ทรงสอนหลักธรรมตามแก่สภาวะธรรมของผู้นั้น ซึ่งสภาวะธรรมจะไม่เกี่ยวว่าเป็นชายหรือหญิง แล้วพระสงฆ์ ทำอย่างพระพุทธองค์ไม่ได้ หน้าที่ของพระสงฆ์ คือปฏิบัติตามหลักธรรมแล้วนำหลักการที่ปฏิบัติได้มาสอนคนทั่วไป สาเหตุที่พระสงฆ์บวชผู้หญิงไม่ได้เพราะร่างกายผู้หญิงไม่มีสภาวะธรรมในการบวช เพราะผู้หญิงตกไข่และให้กำเนิดได้ คือสภาวะธรรมชาติร่างกายผู้หญิงถือพรมจรรย์ไม่ได้ ถ้าไปถือหลักธรรมก็ยิ่งกรรมหนักครับ ดังนั้นเราเอาเหตุการณ์พระพุทธองค์ทรงบวชพระน้านางมาเทียบไม่ได้โดยเด็ดขาด
..อย่างที่อาจารย์อธิบาย พ.ศ. 250 พระนางสังฆมิตรา มารดาเจ้าชายสุมิตร ปฐมกษัตริย์แห่งสุวรรณภูมิ ทำไมพระนางบวชเป็นภิกษุณีได้ แต่ลูกชายเป็นปฐมกษัตริย์แห่งสุวรรณภูมิ แต่พิธีบวชภิษุณีในสุวรรภูมิกลับทำไม่ได้ จริงๆๆ บวชภิกษุณีได้ครับแต่ต้องบวชที่ ศรีลังกา และผู้บวชต้องไม่มีประจำเดือนแล้ว การบวชภิษุณีและการทำสังคายนาพระไตรปิฎก ต้องทำที่ ศรีลังกา เท่านั้นเพราะที่นั้นมี อัฐิธาตุพระมหินและพระสังฆมิตรา (บุตรเจ้าชายอโศกและพระนางเวทิสา) อยู่ที่ศรีลังกา
อาจารย์พูดได้ดีมากค่ะ คิดเหมือนกันกับอาจารย์เลยค่ะ
สาธุสาธุสาธุ
สนับสนุน และเห็นด้วย กับอาจารย์ ครับ ด้วยเหตุผล ประโยค สุดท้าย
เรื่องพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้แล้วมารมาผจญ เรื่องบุตรีพญามารไม่ใช่เรื่องการเหยียดเพศนะครับ แต่เป็นเพราะสิ่งที่ฉุดรั้งบุรุษที่สุดคือสตรี และของมนุษย์ที่สุดคือการกลัวตาย เพราะงั้นสองด่านสุดท้ายของพระพุทธเจ้าก่อนจะตรัสรู้ คือการยั่วยุจากสตรี และขู่ด้วยความตาย ต่างหาก
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ใช่
และเป็นเพียงบุคลาธิษฐาน อุปมาธิษฐานเท่านั้น ทำไมไม่อ้างนางผุสดี พระนางสิริมหามายาเสียเลยหละ อย่างหนึ่งคือ เพศแม่ตามสรีระเป็นเพศให้กำเนิด ไม่ใช่สืบพันธุ์ คนที่ว่าอาจารย์ท่านยกหลักสิทธิว่าเป็นวิทยาศาสตร์ ลืมสัจจะความจริงแล้วหรือ? ธรรมชาติให้ผู้หญิงเป็นเพศกำเนิด พุทธองค์จึงทรงไม่อ่อนไม่แข็งตามสัญชาตญาณ นิพพานบรรลุได้บริษัท๔ เมื่อขาดวงศ์ จะสมมติเพื่อ...?
หากมีผญอยุ่ใกล้พระ พระเกินครึ่งจะตบะแตก
@@patsharapongkomasathit6175 ผมว่างั้น อาจมีคู่ผัวเมียคุมวัดก็ได้ถ้าพวกมารศาสนาคิดจะหากินในผ้าเหลือง
เห็นด้วยกับ อาจารย์ทุกประการครับ
ผมมองว่า ปัญหาเรื่องสรีระร่างกายเป็นอุปสรรค์สำคัญต่อการลดน้อยถอยลงของจำนวนภิกษุณีครับ
ประทานโทษ ท่านลองคิดถึงสภาพภิกษุณีวัยสาวออกเดินธุดงค์ที่ต้องเสี่ยงกับการถูกประทุษร้ายทางเพศเอาเถอะครับ การปักกรด การอยู่กุฏิเพียงลำพังในวัดป่า หรือเวลาที่ภิกษุณีมีรอบเดือนขณะปฏิบัติกิจ สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญทั้งสิ้นครับ ไหนจะสรงน้ำ เข้าห้องน้ำ โกนผมต่างๆอีก
และถ้าต้องมาอยู่วัดเดียวกันกับภิกษุชาย หากฝ่ายใดควบคุมจิตใจไม่อยู่ ความวุ่นวายมันจะทวีขึ้นเป็นเท่าตัว จนพากันมัวหมองต้องสึกไปจนหมดแน่นอนครับ
ชอบค่ะชอบฟังและศึกษาติดตามนะคะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
การบวชภิกษุณี ตามพระธรรมวินัยต้องสืบทอดของสงฆ์ทั้งสองฝ่าย แค่เท่าที่ผมศึกษามารู้สึกว่าภิกษุณีจะขาดการสืบทอดไปช่วงหนึ่ง แต่มายุคหลังเห้นมีการการบวชให้อยู่ ผมรู้สึกว่ามันขัดๆขืนๆอยู่ครับคงต้องไปค้นในหาหลักพระธรรมวินัยบัญญัติ ข้อกำหนดการบชวชีภิษุณี..
ภิกขุนีไม่เคยขาดจากโลกนี้ เพียงแต่เรียกเขาว่า แม่ชีทำทิฏฐิอันเป็นมิจฉา และยังมีคนอวดดีไม่ให้บรรพชาอุปสมบทภิกขุนีอีกด้วย เพราะ มัน เก่งกว่า เก่งเกินพุทธเจ้า นรกเป็นที่ไปนั่นเอง.
@@ananyathata8960 311ข้อปราชิก8สังฆาทิเสท17อนิยต2นิคสัคคี30ปาจิตตีย์166ปฏิเทสนียะ8เสขิยาวัต75อธิกรสมถ7 แถมต้องฟังธรรมจากภิกษุอย่างเดียวแสดงธรรมเองไม่ใด้แม้แต่ภิกษุบวชใหม่วันเดียวก็ต้องเครารพ ลดจะยอมลดทิฏฐิมานะใด้จริงรึ และต้องทำแบบเคร่งคัดอยู่ใต้อำนาจสงฆ์ตลอดทนได้หรือ ไปใหนมาใหนไม่สามารถอยู่ปราศจากสงฆ์ใด้ อย่าว่าเก่งกว่าพระสงฆ์แล้วถูกปิดกั้นไม่ให้มีการบวชเลย พทุธการพระพุทธเจ้าทรงตั้งกฎบัญญัติใว้แล้วศึกษาลึกๆดูแล้วก็คือพระพุทธไม่ปราถนาให้มีภิกษุณีในคณะสงฆ์เลย แต่ทนการลบเล้าของพระแม่เลี้ยงไม่ใหวจะอนุญาติให้ท่านอานนท์บวชให้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้รู้อนาคตกาลเบื้องหน้าหมดแม้หญิงบวชแล้วบรรลุธรรมก็ตามแต่ต่อไปในกาลข้างหน้าจะเกิดปัญหาร้ายแรงหลังพุทธปรินิพานไปแล้วยากที่จะแก้ไขใด้ หลักธรรมจิงไม่ใช่บวชหรือไม่บวชขอแค่ศีล5-8-10ก็ไปนิพานใด้หมด ทุกวันนี้เห็นมีแต่สาวๆสวยบวชภิกษุณีถ่ายรูปลงเฟสแสดงธรรมะยกภูมิกันเต็มไปหมด ขนาดผมเองยังแอบมองเลยสวยๆทั้งนั้นปากแดงแก้มแดงหน้าขาวไสไม่การปฏิบัติครับครีมกับแอปมากกว่า แต่ก็ดีนะบวชใด้บวชกันไปเลยผมเอาแค่แอปมองก็พอ555สวยสวย...
@@adminnapat7889 นั่นเป็นการอธิษฐานปรารถนาเป็นองค์ปฐมภิกขุนีของพระนางมหาปชาบดีโคตมี.และพุทธองค์ทรงตั้งครุธัมม๘เพื่อกั้นมิให้ภิกขุนีผู้ที่ได้รับการอุปสมบททีหลังภิกขุมิให้ล่วงละเมิดถือตนก้าวล่วงภิกขุ เพราะผู้บวชก่อนย่อมถึงความเจริญก่อนจึงต้องห้ามไว้เรียกว่าครุธัมม๘ ให้ถือเสมือนภิกขุที่พุทธองค์บวชให้นั้นเปรียบดั่งพี่ชาย เพื่อปกป้อง,สั่งสอน,แนะนำน้องหญิง. แต่....นั่นจะคั้งได้รับการญัติแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ก่อนจึงจะสั่งสอนภิกขุนีได้ด้วย เฉพาะครุธัมม๘ เท่านั้น นอกเหนือจากนั่นจะมีข้อ อาบัติคือปาฏิโมกข์ภิกขุ , ปาฏิโมกข์ภิกขุนี ซึ่งเหมือนกัน๑๕๐ข้อสิกขาบทเรียกว่า สาธารณะ นอกนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งภิกขุ จะมีธัมมวืนัย๒๒๗สิกขาบท ภิกขุนีมี๓๑๑สิกขาบท.ยังมีให้เราศึกษาอีกมากมายถ้าอยากรู้ต้องขวนขวายเองเพราะการเขียนการแปลมักเป็นในทางเข้าข้างตัวคนเขียนคนแปลเสียส่วนมาก ถ้าจะศึกษาให้รู้ต้องอดทน และทนอด ด้วยตนเองอย่างแน่วแน่จะมีกลุ่มเยอะแยะมากมาย ก็ต้องอดทนฟัง ทนอดตอนที่คาบลูกคาบดอกอย่าเอาอารมณ์ตนด่วนตัดสิน เพราะหนังสือ ตำรา มักเขียนตามทิฏฐิบุคคลปุถุชน ต้องแยกแยะจดจำอย่าด่วนเชื่อหรือไม่เชื่อเลย ต้องฟัง, อ่านเขียน, ท่องให้มาก ทำได้ไหมล่ะ.แค่นี้คงถอดใจแล้วสินะ ถ้าอยากรู้ไว้แลกเปลี่ยนแบ่งปันกันก็ได้ หลังไมค์ เขียนมายาวมากแล้ว. สา....ธุ.เจริญธัมม.
@@ananyathata8960 เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าทำตามวินัยที่ท่านกำหนดครับอย่าเก่งกว่าท่านคิดเองเออเองว่าภิกษุณีไม่เคยหายแต่เรียกว่าชีศึกษาดีๆก่อนครับเดี๋ยวคนไม่รู้เค้าเชื่อ
@@user-bt6oq1xq9r แล้วชีใชาคำสั่ง,คำสอนของพุทธเจ้ารึเปล่า?แล้วใคร?!?!?กันแน่เก่งกว่าเก่งเกินพุทธเจ้า. คุณรู้ยังไง? แค่เชื่อตาม"เขาวัว เขาควาย"มันพูดมา อย่าอวดดีกว่าพุทธะเลย..นรก...สถานเดียวเป๋นที่ไป มัคคแรกก็มิจฉาทิฏฐิแล้ว ปุถุ=หนาาาาาา
นอกตำราแท้จริง ดีงามครับ
พูดมีเหตุผลมากค่ะ สาธุ🙏🙏🙏
สาธุให้บุคคลประเภทนอกตำราเหรอ ตลก 5555
ขอให้รายการช่วยเอาความคิดเห็นอีกด้านมาเสนอได้ไหมครับ เพื่อที่ให้ผู้ชมรายการได้คิดตามครับ
ขอชมรายการดีมากๆๆๆๆๆๆ ชมมากกกก
เป็นการพูดที่ดี ครับ แต่อย่างไรก็ยึดพระวินัยเป็นหลัก การบวชในสงฆ์สองฝ่าย นั้นถูกต้อง ที่สุด แม้ในวีดีโอยังบอกให้เห็นว่าการบวชภิกษุณีไม่ตรงตามพระวินัยเลย ปวัตตินี(อุปัชฌาย์) บวชได้ ปีเว้น ปี และ บวชได้ครั้งล่ะคนเท่านั้นต่อปี
แต่ในวีดีโอบวชครั้งล่ะ2 คน พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามบวชก็จริง แต่เราต้องยึดพระวินัย (ซึ่งเถรวาทตกลงว่าไม่เปลี่ยน) อย่ามาทึกทักเอาว่าท่านทำผิดเพราะผู้ทำสังคายนาเป็นพระอรหันต์ ท่านย่อมรู้อยู่ มีเหตุมีผล มองเห็นอนาคต จริงๆควรจะอ่านแล้ววิเคราะห์ให้ดีก่อนครับ แน่นอนทุกคนเข้าถึงธรรมบรรลุธรรมได้ แต่อยู่ว่าปฏิบัติหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ทำจะเอาอะไรมาได้
พระวินัยไม่เคยห้ามผู้หญิงบวชเช่นเดียวกันครับ ส่วนถ้าไปอ่านในพระวินัยให้ชัดก็จะเห็นว่าการบวชผู้หญิงให้เป็นภิกษุณี (เริ่มจากสามเณรีก่อน) ภิกษุณีในฐานะปวัตตินีมีหน้าที่ถามอัตตรายิกธรรมแต่เพียงเท่านั้น ! ดั้งนั้นถ้าผู้หญิงกล้าหาญที่จะตอบอัตตรายิกธรรมได้ก็จบไม่ต้องให้ปวัตตินีมาถาม สามารถบวชในสงฆ์ฝ่ายเดียวได้เลย
ดีมากเลยค่ะ เคยได้ยินอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งพูดว่าชาติหน้าขอให้เกิดเป็นผู้ชายจะได้ตรัสรู้ เลยคิดว่าแล้วเป็นผู้หญิงทำไม่ได้หรอหลักของพุทธที่แท้จริงคืออะไร ไม่น่าจะใช่เพศมั้ย พอมาเจอคริปนี้กระจ่างเลยจ้า รักแค่เปลือกแต่ไม่เข้าถึงแก่นแท้ แถมอาจารย์เหล่านั้นก็ยังไปสั่งสอนคนอื่นอีกมายมายน่ากลัวจิงๆ
ในเรื่องเล่าตำนานพุทธของไทยยังคงเชื่อว่าผู้หญิงไม่มีวันตรัสรู้ได้ถ้าไม่เกิดเป็นผู้ชาย อีกทั้งในเถรสมาคมที่ควบคุมพระสงฆ์รวมถึงกฏหมายไทยด้วยก็ไม่ยินยอมเเละไม่เชื่อเรื่องภิกษุณีบวชได้ ที่จริงพุทธศาสนาเเต่โบราณก็มีเรื่องเล่าที่พระพุทธเจ้ากล่าวถึงเพศหญิงว่าเป็นเพศที่อิจฉาริษยา ไม่มีปัญญาเพียงพอที่จะบรรลุธรรมได้ เเละเคยกล่าวด้วยว่าศาสนาใดที่มีนักบวชหญิงศาสนานั้นจะอายุสั้นลงมาก เเม้เเต่ในญี่ปุ่นเเละในหลายๆที่ก็มีตำนานนี้ เช่นญี่ปุ่นมีตำนานว่าลูกสาวธิดามังกรต้องการบรรลุธรรม ต้องเเปลงร่างเป็นชาย ร่างนั้นจึงบรรลุธรรมได้ เเละมีตำนานอื่นๆอีกมาก ไม่เเปลกใจที่อาจารย์หญิงจะเชื่อเเบบนั้น เพราะพระเพศชายส่วนใหญ่ของไทยก็เชื่อเเบบเดียวกัน ส่วนตัวเราคิดว่าระบบควบคุมพระสงฆ์ของไทยควรเปลี่ยนเป็นsecular state เเต่ก็นั่นเเหละ ใครคุมวงการณ์สงฆ์ ใครมีสิทธิ์เเต่งตั้งพระสังฆราช ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
@CondorMan ถูกต้อง คนนี้สิรู้จริง
@CondorMan แล้วผู้ชายไม่มีกรรมหรอคะ ถ้ายึดหลักของโลกความจริงในปัจจุบันผู้ชายที่มีความริษยาและทำชั่วก็มีไม่แพ้กันไม่ใช่หรอคะ วิบากกรรมเกิดจากการกระทำของตัวบุคคลมั้ยคะไม่ใช่เพศ อันนี้คือแค่สงสัยนะคะ โลกมันดำเนินมาเกินร้อยเกินพันปีแล้ว แต่บางสิ่งบางอย่างเรายังไปยึดอยู่กับกฏของหลายร้อยปีที่แล้วอยู่จนทำให้เกิดความวิกลจริตทางสังคมมากมาย ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ จิงๆหนูเองก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรมาก ก็จะเอาไปศึกษาต่อค่ะ ขอบคุณค่า
อาจารย์พูดถูกครับ ขอบคุณอาจารย์มากครับ
อนุโมทนาสาธุ
สมัยพุทธกาลสองพันห้าร้อยกว่าปีที่แล้วยังมีประชาธิปไตยมากกว่าปัจจุบันอีกนะครับ นึกภาพการเผยแพร่คำสอนของพุทธองค์สมัยนั้นคงแทบจะเรียกว่าการปฏิวัติระบบวรรณะในอินเดียเลยนะ
ถูกต้องแล้วครับ...ภิกษุณีควรมีในไทยครับ
สาธุอ.กล่าวได้ถูกต้องแล้ว
พุทธแบบไทยๆเข้ากับใครไม่ได้
มาแต่งเองบัญหยัดเองแล้วอ้างคำพระพุทธเจ้าพวกนี้ทำสงฆ์แตกแยก
พระสงฆ์มีศีลมากกว่าคือ2700กว่าข้อไม่ใช่270สามารถไปหาข้อมูลได้ในกูเกิลได้
เป็นการตระหนี่หวงกั้นคะ และมิใช่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ ว่าบวชไม่ได้เพราะเหตุนั่นนี่ และชอบคำว่าพุทธไทยมากๆๆ
เหตุผล ที่ ท่าน อ.แสดง ในเชิงประวัติศาสตร์ น่าสนใจครับ..ทำให้มุมมองชาวพุทธ เป็นกลาง มากขึ้น.!.
แต่ธรรมชาติ ของผู้หญิงที่อยู่ร่วมกันมากๆ..ปัญหามากจริงๆ ...เพศหญิง จึงมีข้อวินัยคุมไว้..มากกว่าศีลพระสงฆ์( ที่มีแค่ 227ข้อ) ครับ
227ข้อครับ
2300กว่าคับ
ไปศึกษาพุทธวจนะดูครับ
ถ้าผู้หญิงรวมกันมากไแล้วมีปัญหามาก แล้วใครก่ออาชญากรรมมากกว่า หญิงหรือชาย
@@applecharoensri9933 ผมหมายถึง กรณีอยู่กันเป็นสังคมเล็กๆ ที่ใกล้ชิด เช่น วัดที่มีแม่ชีมากๆ, หรือมีอุบาสิกา มากๆ ร่วมกันกับพระ..ท่านลองไปใช้ชีวิตในสังคมเหล่านี้ จริงๆ แล้วสังเกตดู อย่างกรณีปัญหา ในวัดป่าปฐมชัย,อ.เมือง,นฐ. เมื่อ 4-5 ปี ที่แล้ว..ชัดเจนครับ.
ปัญหาอาชญากร เป็น คนละประเด็นที่ผมพูดถึง สังคม ที่ละเอียด-เพศสูง อย่าง สมณะ มุ่งพระนิพพานครับ
@@applecharoensri9933 คนละประเด็นครับ...ทางศาสนาพุทธ พูดถึง..
1: การรวมกลุ่ม แต่ละเพศ เป็นหมู่ หรือ สังฆะ[ในภาษาบาลี] เพื่อปกครองกันเอง ราบรื่น นานเกิน 1,000 ปี อย่างต่อเนื่องได้ เป็นต้น
2: การรวมกลุ่มทางสังคมนี้ เขามุ่งฝึกจิตสมาธิ,สติ เป็นต้น จนเข้าถึง สถาวะที่จิตมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง จะพ้นความทุกข์ใดๆ ไปตลอดนิรันดร์กาล = นิพพาน นั่นเอง.
ไม่ได้พูดถึง ปุถุชน ที่รวมกลุ่ม แบบสัตว์โลกทั่วไป ที่มุ่งกิน-เสพกาม-เกียรติยศ เป็นเป้าหมาย ครับ.
3: ลองอ่านเหตุการณ์ปรับอาบัติ พระอานนท์ในคราว ปฐมสังคายนา ในกรณีพยายามให้มาตุคามบวช เป็นภิกษุณี.
(พ ไตรปิฎก เล่มที่ 7,ข้อที่ 443)
4: ผู้หญิง ไม่อาจต้านภัย ภายในและภายนอก หากต้องอยู่ป่าเขา โดยไม่มีผู้ชายช่วยเหลือเคียงข้าง โดยลำพังครับ.
ดีไปหมด ดีจนบรรยายไม่ถูกเลยค่ะ ขอบคุณรายการที่นำเสนอหัวข้อนี้ และอาจารย์ก็อธิบายได้เห็นภาพมากๆ ดีจริงๆค่ะ ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆแบบนี้
ฟังอาจารย์แล้ว แจ่มแจ้งครับ
สาธุอนุโมทนาสาธุ🙏🙏🙏
การสำเร็จในธรรม..ไม่ควรมี..เพศ..มาปิดกั้น..เพราะผู้ที่..สำเร็จในธรรมนั้น..คือ จิตวิญญาณ..และ บุญบารมีที่ทำมาในทุกชาติ..พร้อมคำ..อธิษฐานในทุกภพทุกชาติ..ไม่เกี่ยวข้อง..ด้วยเพศใดๆทั้งสิ้น..
ก็งงว่าทำไมในไทยเห็นแค่ภิกษุแต่ไม่เห็นภิกษุณี แต่ต่างกันอย่างหนึ่งภิกษุจะถือศีล227ข้อ ส่วนภิกษุณีจะถือศีล308ข้อ โดย227ข้อจะเหมือนภิกษุอีก81ข้อเกี่ยวกับภิกษุณีโดยตรง อย่างแถวบ้านผม ผมก็เคยเห็นภิกษุณีรํปหนึ่งเดินอยู่ตามทางเท้าครับ
ภิกษุณีถือศีล 311 ข้อครับ
บวชได้แต่ถูกต้องตามหลัก ตามหลักพระธรรมวินัยหรือเปล่า
กฎเกณฑ์การที่จะบวชภิกษุณีเป็นอย่างนี้ครับ หนึ่งคนที่จะบวชภิกษุณีต้องบวชเป็นสามเณรปีก่อน 2 ปี แล้วต้องขออนุญาตพ่อแม่ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่อนุญาตก็ไม่สามารถบวชได้ ถ้ามีผัวมีลูกก็ต้องขออนุญาตลูกผัวก่อนครับ 2 เป็นสามเณรรีแล้ว 2 ปี ต้องถือสิคะมาอีก 2 ปี การถือสิกขมานานี้จะถือศีลทั้งหมด 8 ข้อ ถ้าผิดจะล่วงละเมิดไม่ได้เลยแม้แต่ข้อใดข้อหนึ่ง ถ้าผิดแม้แต่ข้อใดข้อหนึ่งที่ทำมาถือเป็นโมฆะ ถึงแม้ว่าใกล้จะครบ 2 ปีแล้วจะทำผิดข้อ 1 ที่ทำมาทั้งหมดก็เป็นโมฆะครับ ไม่สามารถบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์ได้ 3 การบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์ต้องบวชในอุโบสถ 2 อุบลสด คืออุโบสถฝ่ายภิกษุณีสงฆ์ กับอุโบสถฝ่ายภิกษุสงฆ์ มาดูฝ่ายปวัตตินีหรืออุปชาฝ่ายภิกษุณีนะครับ 1 ผู้ที่เป็นปวัตตินี
ต้องมีพรรษาไม่ต่ำกว่า 12 พรรษา
2 ต้องเป็นผู้ฉลาดดูพระวินัย 3 ต้องได้รับ ต้องได้รับอนุญาตจากภิกษุณีสงฆ์และภิกษุสงฆ์ เพื่อเป็นอุปัชฌาย์ อุปัชฌาย์ฝ่ายภิกษุณีสงฆ์ จะบวชภิกษุณีได้แค่ 2 รูปต่อปี แล้วบวชปีเว้นปี นี่คือพระวินัยที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้ครับ
และถ้าจะดูประวัติศาสตร์พุทธศาสนาที่อินเดียกับศรีลังกา ขอยืนยันว่าภิกษุณีสงฆ์หายสาบสูญไปแล้วจริงๆครับ
เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ ศาสนาพุทธหายไปจากอินเดียประมาณ 700 กว่าปี
ผมบวชอยุ่พรรษา3แล้วครับ
แต่ความรุ้ยังไม่ได้เท่ากับท่านเลยครับ...
#ขอบคุณรายการดีๆ
บวชแล้วต้องเรียนครับท่านอ่านเยอะๆครับให้ดีเรียนบาลีด้วยเลย
ภิกขุณี ต้องมีค่ะ แม้ไดโนเสาร์ เรายังอยากเห็น อยากฟื้นชีวิตเค้าคืนชีพ แต่นี่คือ พระ คือ ผู้ที่เจริญแล้ว ในสตรีเพศ ที่เคยมีในประวัติ ใยเราจึงไม่หาวิธีสืบต่อ ให้บัญญัติต่อไปว่า เราให้ความสำคัญเท่ากันทุกเพศ ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ที่บุคคลทุกเพศ ต้องการแสวงพระธรรม แบบทัดเทียม ไม่ใช่ผู้ชายเป็นพระได้อย่างเดียว ผู้หญิงเป็นเพียงชี เท่านั้น มันไม่ถูกต้องหรอก ในเมื่อเราก็รู้กันทุกคนว่า ประวัติเป็นเรื่องที่ แต่ง เติม จาก เดิม ที่เราค้นเจอใครก็ไม่รู้เขียนสืบกันมาเท่านั้น แต่หากเราสามารถปรับได้จากสิ่งที่เราเห็นกับตาในตอนนี้ แล้วมันทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้น เท่าเทียมขึ้น ก็ทำเถิดค่ะ
ยังไงผู้หญิงก็บวชเป็นภิกษุณีสงค์ ได้ครับ พิจรณาง่ายๆ คือ พุทธบริษัท 4 อันได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา คือปัจจัยของการดำรงอยู่ หรือสูญสลายของพุทธศาสนา นี่เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้
ไม่ไช่แล้วครับ คนที่จะมาบวชต้องมีภิกษุณีร่วมบวชให้ แต่สมัยนี้ไม่มีแล้ว สิ่งนี้พระพุทธเจ้ากำหนดไว้
@Yin Lin พระพุทธเจ้าท่านตรัสเป็นพระวินัยครับ ศาสนาจะมั่นคงอยู่ได้ไม่ใช่คิดเองเออเอง สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าท่านยังอยู่ ภิกษุณีพระพุทธเจ้าท่านบวชให้เอง แต่ท่านบัญญัติพระวินัยข้อนี้ขึ้นมาเพื่อให้ชนรุ่นหลังในพระศาสนาปฏิบัติตาม ใครกันแน่ซื่อบื่อ ไม่รู้จริงก็อย่าว่าคนอื่นซื่อบื่อ
@Yin Lin ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับผม
@@user-ip1kg1qm9f ภิกษุณีในศรีลังกาก็ยังมีนะครับ
@@user-ip1kg1qm9f เป็น sexist หรอคับ
การบรรลุธรรมไม่เกี่ยวกับ เพศชาย หญิง แต่ที่จะเป็นปัญหาคือการดำรงชีพ สมัยก่อนมีศึกสงคราม ถ้าสมัยนี้ไม่มีการควบคุมที่ดีก็จะเสื่อมลงเหมือนเดิม แต่แค่เป็นแม่ชีก็บรรลุธรรมได้ครับ ไม่ต้องทำให้ยากเลย
ไม่บวชก็บรรลุธรรมได้ครับ แล้วแต่ปัญญาของคน ๆ นั้นเลยครับ
ถ้ามีคาวมเห็นผิดก้ยากแล้วครับถ้าบวชเป็นภิกษุณีแล้วได้บรรลุธรรมเร็วกว่าบวชชีผมจะเห็นด้วยยุไม่เห็นต้องทำให้ยาก
@@user-sg3sq6kc7v
ที่ไม่พระบวชให้เพราะพระวัยกำหนดการบวชของผู้หญิงไว้ ต้องทำ หนึ่ง สอง สาม สี่ แต่ไม่มีการทำข้อหนึ่ง แล้วจะทำข้ออื่นได้อย่างไรครับ
ชอบครับ น่าสนใจเรื่องนี้
ยอดเยี่ยมครับ อาจารย์
การบวชภิกษุณีจะต้องยบวชด้วยสงฆ์ทั้งสองฝ่าย ภิกษุณีหายไปตั้งแต่พระพุทธเจ้าดับขันธ์ไป 500 ปี แล้วในปัจจุบันจะบวชด้วยสงฆ์ทั้งสองฝ่ายได้อย่างไร ในพระไตรปิฎกก็มี อย่าแปลงวินัยตามใจชอบ
@Aphiwit Sittichoksakunchai
ดีไม่ก้าวล่วงพระอรหันต์ที่ทำสังคายนา ว่ามีอคติกับสตรี
บวชได้ แต่ต้องทำตาม พระวินัยที่พระพุทธเจ้ากำหนด ไม่ใช่มาเออเอง ตั้งวินัยใหม่ อย่าลืมนะคำสอนและวินัยนะครับ บิดเบือนหรือแก้ไขไม่ได้นะครับ....... ไม่มีใครห้าม แต่ ต้องทำให้ถูกต้อง ...
คิดว่าผู้ชายไทยที่บวชตอนนี้ทำตามพระวินัยเคร่งครัดว่างั้นเถอะ
@@totodecochan4613 คุณพูดถูกค่ะ ก็เพราะว่ามันยากใงค่ะ ศาสนาพุทธ ถือว่ายากมากๆศาสนานึงในโลกเลยการเป็นพระ ในศาสนาพุทธ คุณลองคิดดูสิ พระภิกษุกับพระภิกษุณี จะอยู่ร่วมกันใด้ยังใง ลองคิดดูสิ เดี๋ยวก็ปี้กันนั้งมองขาขาวๆนมใหญ่ๆทุกวันมันจะทนใหวหรอ ขนาดทุกวันนี้พระยังมีข่าวปี้สีกาเลย พระศาสดาสอนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน ไม่ใด้กดขี่สตรีเพศ อย่างใด ก็เพราะว่ามันยากในการทำกิจของสงฆ์ร่วมกัน แค่นั้นเอง
@@kissmemekiss2973 ทุกวันนี้ไม่มีภิกษุณีอาตมาไม่เคยขย่มสตรีเลยว่างั้น?
อย่างกับว่าพระวินัยในไตรปิฎกคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกไว้เป๊ะงั้นแหละ กว่าจะมาถึงเรา มันถูกแปลงสารไปกี่รอบกี่รอบแล้ว อย่างงั้นทำไมจะปรับไม่ได้ ถ้าปรับไม่ได้ ไอการสังคายนาตั้งหลายครั้งก็จบ โมฆะให้หมด
บรรยายได้ดีมากๆค่ะ
บวดได้ก็อยากบวชนะคะ ❤
สาธุสาธุสาธุ
นับถืออาจารย์มากค่ะทีสามารถถกปัญหาให้เข้าใจได้ง่ายมาก ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะอาจารย์
ปัญหาคือการตีความประกาศคำสั่ง ว่าเป็นเรื่องการกดขี่ ควรดูคำสั่งให้ชัดเจนว่า เขาห้ามไม่ให้พระภิกษุไทยทำการบวชภิกษุณี ถ้าจะไปบวชจากเมืองนอกมา หรือบวชในมหายาน เขาก็ไม่ว่า เป็นความศรัทธาส่วนบุคคล แต่ในเมืองไทยแค่บอกว่ามันไม่เคยมี แล้วก็เรื่องเรียกร้องสิทธิ์ แม้แต่แม่ชีเขาก็ใช้คำนำหน้าว่านางสาวหรือนาง จู่ๆเป็นภิกษุณีมาจะมาขออะไรมากมายๆ
ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนซับซ้อน ถ้าตีความโดยใส่ความคิดเห็นลงไปก็ทะเลาะกันไม่จบครับ อดีตกาลเขาตีความพุทธพจน์ ก็ยกไว้ในฐานะลำดับชั้นอรรถกถา ฎีกา ฯ แต่ถ้าเราตีความแล้วบอกว่าเป็นเจตนาของพระพุทธเจ้าเลย ความเห็นเช่นนั้นจะอยู่ในชั้นรองลงมาอีกเยอะนะครับ
หามีการแบงแยกอย่างนี้ ก็ไม่ต้องให้ผู้หญิงเข้าวัด ไม่ต้องให้ผู้หญิงทำบุญ ไมต้องให็ผู้หญิงนับถือสาศนาพุธ มันเป็นเรืองของผู้ชายเท่านั้น แลัวพระละ อะไรจะมากมายได้ละ
เห็นด้วยครับ ไม่บวชก็บรรลุธรรม ได้ครับ
แต่ไปบวชมาจากลังกาแล้วมาอยู่ในประเทศ มหาเถรก็ไม่ชอบใจนะครับ แถมยังไม่มองว่าเป็นภิกษุณีเสียด้วย แบบนี้ปัญหาอยู่ที่มหาเถรหรือเปล่าครับ ?
@@eltheanwrothz ถูกต้อง ปัญหายังอยู่ที่มหาเถร ทั้งๆที่ภิกษุณีเหล่านั้นถูกบวชให้โดยภิกษุณีฝ่ายเถรวาทจากศรีลังกาก็ยังคงเหยียดไม่เลิก นี่ไม่ใช่คุณลักษณะของพระสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็ขอลังกามาซี มาเป็นปฐม ไม่เห็นยากเลยถ้าจะทำ สรุปแล้วหวงอำนาจ นี่ไงเขาจะไปเอาผัวฝรั่งกันหมดแล้ว แต่ถึงจะปิดกั้นยังไง ก็ปิดไม่อยู่ แล้วเพราะ สามกีบมาแรง
พุทธศาสนา เป็นเรื่องที่ยาก แม้แต่ผู้ศึกษามากก็ใช่ว่าจะเข้าใจหลักพระธรรม และพระวินัยได้อย่างถูกต้อง จึงเต็มไปด้วยข้อถกเถียงมาตลอด ยิ่งในพุทธไทย ชาวพุทธไทย พุทธพานิช สายศีล น้ำมนต์ อติและมายาคติมีเต็มไปหมด มิจฉาทิฐิก็ยากที่จะแก้ได้ พากันหนีหากจากพระธรรม พุทธวจน หลักพระธรรมมีเป้าหมายเพื่อการพ้นทุกข์ ภิกษุณี ภิกษุ หากบวชโดยมีเจตนาเพื่อให้สะดวกต่อเหตุปัจจัยในการหลุดพ้น ก็ขอให้เจริญๆ ครับ
ขอบพระคุณค่ะ
ท่านอาจารย์
ส่วนใหญ่ของคนตักบาตรก็ผู้หญิงนะครับ หากวันหนึ่งผู้หญิงตระหนักถึงสิทธิและความเหลื่อมล้ำทางเพศของพุทธไทย ถ้าพร้อมใจกันหยุดตักบาตรประท้วงล่ะบันเทิงแน่นอน อยู่ได้เพราะผู้หญิงยังมาออกกฎกดผู้หญิง
แถวบ้านผมเขาว่า กินข้าวกับเมียเขา เพราะผู้หญิงนี่งข้าวใส่บาตร
@@mefha5211 ธรรมวินัยข้อไหนห้ามไม่ให้ผู้หญิงบวช? เมื่อไม่มี แต่พุทธไทยยกสารพัดเหตุผลมาห้าม ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมคงต้องตั้งคำถามแล้วว่าห้ามด้วยฐานคิดอะไร
มีประเด็นที่ผมดูแล้วเห็นแย้งมาก ๆ นะ คือที่บอกว่า ผู้หญิงต่ำต้อย โดนเหยียดหยาม ตั้งแต่พุทธกาล แล้วบอกว่าแม้แต่เรื่องพระพุทธเจ้าผจญมาร ยังให้มารตัวพ่อ เป็นผู้ชาย และสร้างเรื่องว่าผู้หญิงเป็นมาร เป็นลูกสาวพญามาร มายั่วยวนพระพุทธเจ้า ทำไมไม่เป็นลูกชายพญามาร ผมงง คุณสมฤทธิ์มาก ทุกคนก็รู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นเพศชาย การที่ธิดาพญามาร เป็นผู้หญิง มายั่วยวนด้วยตัณหาราคะ ก็ถูกต้องแล้ว โดยไม่ต้องพิสูจน์ และทำไมพระพุทธเจ้าท่านต้องถูกยั่วยวนด้วยบุรุษ???? แล้วไปสรุปแบบกำปั่นทุบดินว่า นี่แหละเห็นว่าผู้หญิงเป็นมาร งงเลยเด้ แต่ในพระไตรปืฏกกลับมีการสรรเสริญ ภิกษุณี ผู้เป็นเอตทัคคะด้านต่าง ๆ ทางโลกใกล้ๆ ตัว ทำไมมี พระนางจิรประภา ทำไมมี พระนางจามเทวี ฯลฯ
ต่อมา พูดเรื่องร่องรอยภิกษุณีในล้านนา เป็นตุเป็นตะว่า นี่ไงมีคนปราถนาจะบวช แต่ที่เล่ามาคือ การปรารถนาที่จะเกิดและบวชในศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตย ไม่ได้หมายความว่า ปราถนาที่จะเป็นภิกษุณีในพระศาสนานี้
แล้วจากนั้นก็งง เพราะไปเรื่องเพศไม่เท่าเทียม ไปเรื่อง นรินทร์ กลึง คนขวางโลกบวชลูกตัวเอง แล้วยกว่าที่พระสังฆราชเจ้าทรงบัญญัติให้ไม่ให้มีการบวชผู้หญิง ทำให้กีดกันการเกิดขึ้นของภิกษุณี ผมก็ว่าไม่ถูกซะทีเดียวเพราะ ในดินแดนแถบประเทศไทย รวมถึงพม่าไม่มีภิกษุณี อย่างน้อย เป็นพันปีแล้ว จารึกที่พม่า ก็ไม่มีกล่าวไว้ ในสยาม หรือแม้แต่ในเขมรเอง ก็ไม่มีกล่าวไว้เช่นกัน ในเมื่อไม่มี แต่นรินทร์ กลึง อยากจะมี ในเถรวาท ไม่มี แล้วจะโยงไปเข้าการเมืองการปกครอง ทำไม
ก็มันบ้าไปแล้ว...นักวิชาการก็แบบนี้ล่ะคัฟ
งงเหมือนกันค่ะพูดจา งงไปงงมา พูดจะให้ผู้หญิงดูต่ำต้อย เหมือนว่าผู้หญิงถูกรังแก แต่ไม่ดูบริบทอย่างอื่นร่วมด้วย
แสดงว่าพระสงฆ์2-3แสนรูปในประเทศไทยท่านโง่เหรอคะ งงมาก
เห็นด้วยครับ /
เห็นด้วยครับ
ลูกสาวพญามารมายั่วยวนพระพุทธเจ้าด้วยราคะ ตันหา ต่างหาก มิใช่การเหยียดเพศครับ
อาจารย์คนนี้ไม่ว่าพูดเรื่องอะไร จะมีนัยยะแอบแฝงเสมอ ช่องนี้ก็กำลังปั้นเขาอยู่
ขอบคุณคะอาจารย์
ธรรมะของพระพุทธองค์ไม่แบ่งแยกเพศ แต่เรื่องทางโลกกิเลสล้วนๆ ผู้คิด คิดเองเอาข้ออ้างที่ตั้งขึ้นและกำหนดมาเป็นอคติกับสตรี โลกเปลี่ยนแต่พระธรรมคำสอนไม่เปลี่ยน เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ ชัดเจนทุกคำอธิบาย
ธรรมอยู่ที่การปฏิบัติได้ถูกทางและถูกต้องก็สามารถบรรลุธรรมได้ ไม่มีใครกำหนดได้ว่า ผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่สามารถทำใจให้บริสุทธิ์ได้ ผู้นั้นย่อมบรรลุธรรม
อาจารย์เป็นคนที่พูดถึงภิกษุณีฉตรสุมาลย์ อย่างน้อย ๒ ครั้งแล้ว คือคลิปนี้ และคลิปประวัติพระเจ้าตากสินไม่ได้บ้า
ซึ้งครั้งนี้เป็นการอ้างอิง ส่วนครั้งก่อนออกแนวตำหนิ
อาจารย์พูดได้ดีมากครับ ผมว่าพุทธศาสนาควรมองด้วยปัญญาเข้าไปมากกว่ามองด้วยอคติทางเพศ ผ่านมา2,500กว่าปีพระวินัยถึงแม้ว่าเป็นเสมือนศาสดาถูกผิดอย่างไรก็ควรพิจารณาแยกแยะเป็นข้อๆ สิ่งที่พุทธไทยทำล้วนถูกตีความด้วยเพศที่ถืออำนาจเพียงอย่างเดียว แม้หลายอย่างจะทำต่อๆ กันมานานก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องนะครับ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรละทิ้ง การเดินทางสายกลางเป็นแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงเลือกก่อนการบรรลุโพธิญาณสิ่งที่ตรึงมันจะขาด สิ่งที่หย่อนไป มันจะไม่งาม
พุทธเจ้าทรงเน้นเรื่องปัญญาในการศึกษาธรรมะมากกว่าใช้ข้อจำกัดทางเพศศึกษาพระธรรม
ขอโทษครับ อย่างทำให้คิดว่า พระพุทธองค์ท่านมีอคติกับสตรีเพศสิครับ
เชิญตามสบายครับ
สาธุ เจ้าค่ะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนิโย อุปสมฺปาเทตุํ แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุอุปสมบทนางภิกษุณี"
และตรัสว่า
"อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอกโตอุปสมฺปนฺนาย ภิกฺขุนิสงฺเฆ วิสุทฺธาย ภิกฺขุสงฺเฆ อุปสมฺปาเทตุํ แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สตรีผู้มุ่งการอุปสมบท ผู้อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว(ฝ่ายภิกษุณีสงฆ์) ผู้บริสุทธิ์แล้วในฝ่ายภิกษุณีสงฆ์ ไปอุปสมบทในฝ่ายภิกษุสงฆ์"
เริ่มแรกต้องบวชฝ่ายภิกษุณีสงฆ์ให้เรียบร้อยก่อน ต่อไปจึงไปบวชในฝ่ายภิกษุสงฆ์ ในเมื่อภิกษุณีท่านว่าสูญไปแล้ว ใครจะบวชให้สตรี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุอุปสมบทให้นางภิกษุณีก็จริง แต่ฝั่งภิกษุณีไม่มีแล้ว ฝั่งภิกษุจะบวชให้ได้อย่างไร
ถามว่า บวชฝ่ายภิกษุสงฆ์ก่อนไม่ได้หรือ
ตอบว่า ไม่ได้ มันขัดพระพุทธพจน์ข้างต้น
ในคัมภีร์มหาวงศ์ที่ท่านอ้างมา พระนางอนุฬาเทวีจะขอบวชที่เกาะลังกายังบวชไม่ได้เลย แม้จะมีภิกษุสงฆ์อยู่บนเกาะก็ตาม ที่ได้บวชเพราะต้องไปเชิญพระสังฆมิตาเถรีพร้อมคณะที่อินเดียมาบวชให้ก่อน แล้วฝ่ายภิกษุจึงบวชให้ตาม
ส่วนเรื่องพระโสณะและพระอุตตระประดิษฐานพระศาสนาที่สุวรรณภูมิที่ว่ามา ในอรรถกถาสมันตปาสาทิกาก็ว่าไว้ด้วยว่า "กุลธิดา ๑๕๐๐ ได้บรรพชา " ท่านกล่าวไว้แค่นี้ ใครจะใครจะไปรู้ว่าท่านพาไปบวชที่เกาะลังกาหรือขอภิกษุณีที่เกาะลังกามาบวชให้ สองพระเถระจะบวชให้ได้อย่างไรในเมื่อขัดกับพุทธพจน์ และการบวชพระต้องใช้การกสงฆ์อย่างน้อย ๕ รูปหากบวชในปัจจันตชนบท ซึ่งพระเถระมากัน ๒ รูป
ที่ว่าบวชเป็นภิกษุณีกันในปัจจุบัน บวชถูกลำดับขั้นตอนกันไหม ถ้าไม่ ก็จบข่าวนะครับ
พระวินัย กับ สิทธิเสรีภาพของสตรี
สตรีมีสิทธิ์บวช แต่ไม่ครบองค์ที่จะบวชให้ นั่นก็คือภิกษุณีที่สืบสายมาได้สูญไปนานแล้ว จึงไม่ได้รับสิทธิ์ที่จะพึงได้
เรื่อง"นิกาย"ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ ในยุคพระผู้มีพระภาคเจ้าเขาเรียกกลุ่มที่ไม่เห็นดีเห็นงามในพระธรรมวินัยว่า "นานาสํวาสก ผู้มีธรรมเครื่องอาศัยคือความเห็นต่างกัน" คือเห็นว่าธรรมที่พระองค์ตรัสไม่ใช่ธรรม วินัยที่พระองค์บัญญัติไม่ใช่วินัย เป็นต้น ฝ่ายมหายานกับเถรวาทเห็นต่างกันชัด ๆ ดูจากตัวคำสอน ส่วนมหานิกายกับธรรมยุติกนิกาย อันนี้จริงจริงแล้วเขาเรียกว่า "สมานสํวาสก มีธรรมเครื่องอยู่คือความเห็นตรงกัน" ทำสังฆกรรมร่วมกันได้ ที่ไม่ยอมทำก็เพราะมานะล้วนๆ
ท่านจะมาเอาฝั่งมหายานที่เป็นนานาสังวาสมาทำสังฆกรรมให้อุปสมบทภิกษุณีร่วมกับเถรวาทที่เป็นสมานสังวาสมันทำไม่ได้ พูดถึงตอนอยู่ปริวาสกรรมพระองค์ก็ไม่ให้อยู่ในวัดที่มีพวกนานาสังวาส เพราะวัดนั้นเท่ากับไม่มีภิกษุ
จู่ๆจะไม่เอาครุธรรม ๘ กัน จะให้ปรับเปลี่ยนวินัยบางข้อให้ตรงกับความเห็นตัวเองมันไม่ได้ เพราะบางอย่างเปลี่ยนแล้วมันเป็นเหตุให้สงฆ์แตกสามัคคี
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"ปญฺญตฺตํ ตถาคเตน อปญฺญตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ แปลว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้แสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่าตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้"
นี้เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แตกกัน
ไม่ต้องกลัวว่าพุทธพจน์ที่อ้างมาถูกดัดแปลงมาหลายยุค ถ้าเกิดพุทธพจน์ถูกดัดแปลงจริง พระเถระผู้เป็นลัชชีมีศีลในแต่ละยุคจะไม่พากันมาจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือ
การที่ทรงให้ถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้ เป็นข้อแนะนำ ไม่ใช่สิกขาบทที่ให้โทษแก่ผู้ไม่ทำตาม เมื่อถอน ๑ ข้อแล้ว ข้ออื่นๆก็จะตามมา
อย่าใช้ความความเห็นความชอบใจส่วนตัวมาหักล้างพระธรรมวินัยจนเกินไป พระศาสนามันจะเสียหาย ท่านอยู่ในแวดวงนักประวัติศาสตร์ น่าจะรู้จักกับท่านที่เป็นตั้งตัวตีฝ่ายภิกษุณีจึงพูดค่อนไปทางนั้น
น่ากลัวการก้าวล่วงพระธรรมวินัย เพื่อให้ตรงตามที่สิ่งที่ตนต้องการ
แต่ตายเมื่อกายแตก ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก
มโนกรรม วจีกรรม สำเร็จแล้ว ลง youtube คือกายกรรม
ถ้ากฎมันเขียนว่าได้ เหตุผลอะไรจะเอามาแย้งก็หมดความหมายแล้ว ใครที่ยังแย้งแสดงว่ามีอคติ
ไม่ใช่เรื่องอคติ คนที่จะมาบวชต้องมีภิกษุณีร่วมบวชให้ แต่สมัยนี้ไม่มีแล้ว สิ่งนี้พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ จะมาเออออเองไม่ได้
@@user-ip1kg1qm9f เคยอ่านพระไตรปิฏกมั้ย พระพุทธเจ้าให้ภิกษุณีบวช 2 รอบเพราะอะไร วิธีการบวชเป็นยังไง ถ้าไม่รู้ก็ไปอ่านแล้วค่อยมาพูด
ธรรมไม่มีเพศ ไม่มีขอบเขต ไม่มีหญิง ไม่มีชาย
สนับสนุนการบวชพระภิกษุณี อย่างสนิทใจครับ ผมไม่เคยมีความคิดเลยแม้สักเม็ดทรายกับเรื่องนี้ อยากให้มีวัดภิษุณีในไทยเยอะๆครับ 🙏🙏🙏
ชอบมากครับเป็นการค้นคว้าที่ดีมากผมเองก็อยากได้ยินแบบนี้... และเชื่อด้วยว่านี่คือความถูกต้องที่สุด.. ตรงกับหลักพระพุทธศาสนา.. ที่เห็นมนุษย์มีความเท่าเทียมกัน.. ความประเสริฐมาจากการปฏิบัติดี
ท่านผู้บรรยาย มีลักษณะเป็นผู้ที่ต้องการ โต้วาทะ กับพระพุทธเจ้า..
อปัญญา..
อโยนิโส มนสิการ..
มีความรู้มาก แต่มีความเข้าใจน้อย..
ประโยคสุดท้ายเขียนแทนใจมากครับ ผมก็คิดอย่างนั้น
อันนี้ทัศนคติของอาจารย์ท่านนี้ มีอีกมุมของอาจารย์อื่นไหม ประวัติศาสตร์นอกตำรา?
น่าจะมีครับ
อาจารย์กล่าวได้ชอบแล้ว ถูกตรงแล้ว
ใบไม้หนึ่งกำมือ คืออริยสัจ 4
ขอบเขตของพระพุทธศาสนา เป็นไปเพื่อความดับสนิทแห่งทุกข์
เราต้องเรียน เพื่อให้รู้ว่าหลักธรรมจริง ๆ เป็นยังไง
อันแรกเลยคือขอบเขตของพระพุทธศาสนา เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ทั้งนั้น เพื่อความดับสนิทแห่งทุกข์
จุดหมายปลายทางที่เรามาเป็นชาวพุทธ ก็เพื่อเราจะมีชีวิตอยู่โดยไม่ทุกข์
อะไรที่เกินจากเรื่องทุกข์ เรื่องเหตุของความทุกข์ เรื่องความดับสนิทของทุกข์ เรื่องวิธีปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ อันนั้นไม่ใช่พุทธแท้
สิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในพระไตรปิฎก เป็นพันปีมาแล้ว มาจากคน 2 กลุ่มเท่านั้นคือ
1.ผู้นำนักบวช
2.ผู้มีอำนาจปกครอง
สาธุสาธุสาธุค่ะ
ถ้ามองในแง่ความจริงปัจจุบันนะครับ...เมืองไทยเมืองพุทธที่มีบุรุษบวชแค่ตามธรรมเนียม...ไม่ได้เกิดจากศรัทธาที่จะบวชเอง...ที่บวชเพราะเกลียดคร้านการงานในโลกรักสบายเลยมาบวชบ้างมาสะสมทรัพย์บ้าง...มาผ่อนภาระค่าใช้จ่ายทางบ้านบ้าง...ซึ่งกิเลสตัณหายังมาเต็ม...ต่อให้ผู้หญิงได้รับการบวชได้...อยู่เมืองไทย...เมืองพุทธแต่ปาก!!ก็ไม่ปลอดภัยครับ!!...
ถ้าผู้หญิงบวช = ผู้หญิงรู้หนังสือครับ คิดดูว่าถ้าผู้หญิงรู้หนังสือในสมัยก่อนมันจะเป็นยังไง พระพุทธศาสนาสอนให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ถ้าเมื่อก่อนผู้หญิงเท่าเทียมผู้ชาย ผู้หญิงก็เป็นเจ้าพระยา เสนาบดี หรือสูงกว่านั้นได้ ผู้ชายก็จะไม่สามารถข่มเหงผู้หญิงได้ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นการเมืองของสมัยก่อนทั้งนั้น
ลุงพูดดีมากเลย 👍
อาจารย์พูดได้ดีมากครับ
ครุธรรม8พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ชัดเจน ไม่รับก็ไม่ใช่ศิษย์ตถาคต ภิกษุณีขาดหายขาดช่วงไปแล้ว จะบวชสตรี ต้องบวชในสงฆ์2ฝ่ายในเมื่อภิกษุณีขาดสูญจะอุปโลกป์เริ่มต้นบวชด้วยภิกษุฝ่ายเดียวไม่ได้ พระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นของสาธารณะแก่มนุษย์และเทวดาแต่สัตว์ทั้งหลายก็มีข้อจำกัดแห่งตน เช่น สตรีถ้าเป็นปุถุชนจะทำฌานสูงสุดได้ไม่เกินปฐมฌาน กระเทย6จำพวกไม่สามามารถบรรลุอริยมรรค-อริยผลได้ แม้ฌานโลกีย์ก็ทำให้เกิดไม่ได้ และห้ามบวช พระเจ้าจักรพรรดิต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น ท้าวจาตุมหาราชก็เป็นผู้ชาย พระอินทร์ก็ผู้ชาย พระปัจเจกพุทธเจ้าก็เป็นได้เฉาะผู้ชาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นได้เฉพาะผู้ชาย เหล่านี้เป็นข้อจำกัดธรรมชาติหาได้มีบุคคลใดจัดสรรไม่ ผู้หญิงก็ปรารถนาเป็นชายได้เมื่อทำกองกุศล หญิงกับชายไม่มีศักยภาพที่เท่ากัน จัดสรรโดยบารมีแห่งตนที่สั่งสมมา มิได้มีบุคคลใดๆคอยจัดสรร
ครุธรรม 8 ประการ ข้อ 6 พระพุทธเจ้าบัญญัติชัดเจนว่าสตรีต้องบวชจากสงฆ์สองฝ่ายใยจงใจไม่พูด แล้วยังบอกว่าครุธรรมข้อ 2 ไม่ต้องปฏิบัติตามพุทธบัญญัติก็ได้แสดงว่าจงใจปฏิเสธครุธรรมอย่างนี้เป็นภิกษุณีได้เยี่ยงไร พระไตรปิฎกมีชัดเจนว่า พระพุทธเจ้ามิประสงค์ให้มีภิกษุณีตั้งแต่ต้นมีในวินัยปิฎก จูฬวรรคภาค2 เล่ม7 หน้า441 1.ถ้าประสงฆ์ให้มีทำไม่มีตั้งแต่พรรษาแรกนี่มีในพรรษา 7 เข้าพรรษา 8 แห่งพุทธองค์ 2.พระนางปชาบดีฯทูลขอบวชกับพระพุทธเจ้าถึง 3 ครั้งทรงปฏิเสธ นางเลยให้พระอานนท์ไปทูลขออีก 3 ครั้งก็ปฏิเสธอีก พระอานนท์จึงใช้อุบายจนพระองค์ทรงยอมโดยให้นางปชาบดีฯบวชเป็นภิษุณีองค์แรกด้วยการรับครุธรรม 8 ส่วนสตรีที่มากับนาง 500 คน ทรงอณุญาติให้สงฆ์บวชเพียงฝ่ายเดียวเพราะตอนนั้นนางปชาบดีเป็นภิกษุณีรูปเดียวยังไม่มีภิกษุณีสงฆ์ หากหลังจากนี้เป็นต้นไปสตรีที่บวชต้องบวชจากสงฆ์ 2 ฝ่ายตามครุธรรมข้อ 6 นี้สามารถตอบวินัยข้อ 573-574 ได้ทันที 1.อนุญาตให้สงฆ์บวชภิกษุณีไม่มีคำว่าฝ่ายเดียว คือ สตรี 500 คนที่ติดตามนางปชาบดีฯ เท่านั้นเพราะตอนนั้นภิกษุณีองค์เดียวยังไม่มีภิกษุณีสงฆ์ 2.ต้องบริสุทธิ์ในฝ่ายภิกษุณีก่อนคือต้องบวชให้สำเร็จในฝ่ายภิกษุณีก่อน 3 ทำไมบวชในฝ่ายภิกษุณีสงฆ์จึงบริสุทธิ์ไม่พอเพราะภิกษุณีเป็นอุปปสัมปันในฝ่ายภิกษุณีฝ่ายเดียวแต่เป็นอนุปสัมปัน(อุบาสิกาทั่วไป)ในฝ่ายสงฆ์จึงต้องให้ไปขอบวชซ้ำในฝ่ายสงฆ์เพราะสงฆ์คืออุปปสัมปัน ในบทสวดปาฏิโมกข์ของพม่าและไทยตั้งแต่ พ.ศ.2190 ถึงปัจจุบันช่วงท้ายบุพพกิจบุพพกรณ์ ภิกขุณีนโมวาโทแปลเป็นภาษาพม่าและไทยตรงกันคือภิกษุณีได้หมดไปแล้ว การห้ามพระเณรรับสตรีบวชภิกษุณีไม่ได้ผิด รธน.เพราะ รธน.บัญญัติเสรีในการนับถือศาสนาแต่ไม่ได้บัญญัติเสรีในการบวช อีกทั้งไม่ผิดหลักสิทธิสตรีเพราะมิได้บอกว่าห้ามสตรีบวชแต่บอกว่าห้ามพระรับบวช ปวัตนีผู้บวชให้ธัมมะนันทะนี้ไปบวชที่ไต้หวันแล้วมาบวชซ้ำที่ศรีลังกา บวชจากมหายานแล้วมาบวชเถรวาทมันข้ามนิกาย ที่ไต้หวันมีสตรีบวชเกือบร้อยคนต่อปีผิดพุทธบัญญัติเพราะปวัตนีจะบวชให้สตรีได้ปีละคนเดียวและบวชได้ปีเว้นปี ถ้าอ้างว่าครั้งแรกไม่มีนิกายนั้นในสมัยพุทธกาล หลังปรินิพพานใช้วินัย ภิกษุและภิกษุณีหมดจากลังกา 2 ครั้ง ครั้งแรก พ.ศ.1600 จนพ.ศ.1609 ได้นิมนต์สงฆ์จากพุกาม(พม่า)ไปบวชให้มีบันทึกว่าบวชให้เป็นพระเท่านั่น ครั้งที่สอง พ.ศ.2293 ภิกษุและภิกษุณีลังกาหมดตรงกับสมัยอยุธยาได้นิมนต์สงฆ์จากสยามไปบวชให้บันทึกก็บวชให้เป็นพระเท่านั้น ภิกษุลังกาได้รจนาปาฏิโมกข์ พ.ศ.1609 ก็บอกภิกษุณีหมดไปแล้ว พระเจ้าอโศกเป็นพุทธที่เคร่งครัดทำตามพุทธบัญญัติส่งพระไปเผยแผ่ทิศละ 2 รูปเท่านั้น แม่ชีเกิดเพราะพระโสณะและพระโลกุตระได้บวชให้กุลธิดาจึงเกิดแม่ชีแต่นั้นมา บันทึกพระฟาเหียนและพระถังซ้ำจังเขียนชัดว่าฝ่ายเถรวาทเหลือแต่ภิกษุ ครูบาเจ้าบุญชุ่มท่านบวชที่พม่าแล้วมาอยู่ในไทยท่านไม่ได้สิทธิ์เท่าพระไทยท่านไม่เคยเรียกร้องเลย ธัมมะนันทะไปบวชที่ลังกามาแล้วกลับมาอยู่ไทยดันเรียกร้อง คนศรีลังการู้ว่าวัดดัมบุลละที่รับบวชภิกษุนีนั้นเป็นวัดชอบรับเงินต่างชาวชาติเป็นค่าจ้างบวชให้สตรี จึงเป็นเหตุให้มีภิกษุณีเกิดขึ้นมาแบบผิดในลังกาเป็นต้นมา สิ่งที่ธัมมะนันทะพูดไม่ตรงคือศรีลังกาคำขอบวชใช้ภาษาบาลีเช่นไทย-พม่าไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ปี 2557 ธัมมะนันทะได้ขายหน้าครั้งใหญ่ในงานสาธยายพระไตรปิฎกโลกเมืองสังกัสสะประเทศอินเดียโดยขอประทานจัดงานขึ้นเทศน์ท่ามกลางสงฆ์พอพิธีกรประกาศให้เทศน์เท่านั้นสงฆ์พม่า 50 รูปเดินออกทันทีประทานจัดงานต้องสั่งงดการขึ้นเทศน์ของธัมมะนันทะมิฉะนั้นงานล่มทันที ในจารึกหินอ่อนพันปีในพม่าและตรงกับพระไตรปิฎกไทยฉบับที่แปลโดยสมเด็จพระพันรัตน์ ตรงกับพระสีลจาระที่ศรีลังกาพรรณาเผยแผ่สั่งสอนในพ.ศ. 2484 แปลโดยท่านพุทธทาสภิกขุว่าภิกษุณีหมดไปแล้ว
บวชได้ครับ ถ้าจะบวชต้องนึกถึงอวค์ประกอบอื่น ผู้หญิงจะอยู่วัดป่าอย่างไรครับ เดินธุํงค์ได้ไหมครับ จะไปเข้าอุโบสถที่ไหน่...ต้องใช้ผ้าอนามัย เสื้อชั้นใน..จะอาบน้ำที่ไหนถ้าอยู่วัดในชนบท..สตรีต้องบวชในเมืองที่มีความปลอดสูงครับ อยู่ลำบากครับ ต้องหายามเฝ้าวัดอีก ป้องป้องตัวเองไม่ได้..เลยครับ นี้แค่ส่วนหนึ่งที่เป็นปัณหาครับ
เรามีความเห็นคล้ายๆ กันค่ะ เท่าที่หาข้อมูลมา ฟังจากผู้รู้ด้านวิชาการทางพุทธหลายทาง เราก็พยายามจับประเด็นว่า
1. แน่นอนว่า เรื่องการบรรลุธรรม การเจริญก้าวหน้าทางธรรมนั้น ไม่ถูกจำกัด ไม่ถูกแบ่งแยกด้วยเรื่องเพศค่ะ
หรือจะบอกว่า เรื่องเพศ ไม่เกี่ยวกับคุณภาพทางจิตใจ ซึ่งทุกคนสามารถฝึกฝนพัฒนาจนไปถึงที่สุดได้ค่ะ
2. ที่เป็นประเด็นปัญหา น่าจะเป็นเรื่องการดำเนินชีวิตของนักบวช ที่เป็นชายและหญิง ซึ่งต้องยอมรับว่า
ด้วยระบบร่างกายของชายและหญิงที่ต่างกัน มันทำให้มีเรื่องยุ่งยากจิปาถะที่ต่างกันไปค่ะ
อันนี้ เข้าใจได้ค่ะ เพศหญิงมีระบบร่างกายที่ส่งผลให้ต้องมีวิธีการดำเนินชีวิตอะไรที่ต่างไปจากชายค่ะ
เพราะฉะนั้น ถ้าจะใช้ชีวิตเป็นนักบวช ก็ต้องมีองค์ประกอบอะไรอื่นๆ อีกไม่น้อยค่ะ
3. เราไม่รู้เรื่องพระวินัยค่ะ แต่เท่าที่ได้ฟังจากนักวิชาการทางพุทธ
การกำหนดว่า จะบวชให้สตรีได้หรือไม่ มีเงื่อนไขยังไง มันเป็นข้อกำหนดที่เกิดขึ้นในสภาพสังคมเมื่อหลายพันปีก่อน
ซึ่งแน่นอนว่ามันต่างจากสมัยนี้ ประเด็นจึงกลายเป็นว่า อะไรที่ถูกกำหนดไว้ตามวินัย ตามกฎเกณฑ์ต่างๆ
จะปรับประยุกต์ได้บ้างมั้ยตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป???
หรือไม่สามารถยืดหยุ่น ปรับประยุกต์ได้เลย ???
แน่นอนว่า พระพุทธองค์ท่านทรงกำหนดวินัยไว้ ด้วยความประเสริฐของท่าน ด้วยปัญญาของท่าน
แต่ถ้ามองอีกด้าน พระพุทธองค์ก็สนับสนุนให้ชาวพุทธใช้สติปัญญาพิจารณาในการกระทำทุกเรื่อง
ไม่ใช่ยึดมั่นอย่างตายตัว จนไม่รู้จักใช้สติปัญญาของตนเองอย่างเหมาะสม
อันนี้ ก็ต้องให้ผู้รู้ทางกฎกติกาของสงฆ์ ต้องพูดคุยหาข้อสรุปกันค่ะ
ตัวเราเองไม่ได้ซีเรียสเรื่องจะบวชหรือไม่บวช เราเน้นเรื่องการฝึกภาวนาเป็นหลัก จะบวชหรือไม่ ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับเรา
แต่ก็เข้าใจว่า มีสตรีหลายท่าน ประสงค์ที่จะบวช ประสงค์ที่จะสร้างสังคม หรือสังฆะ ของสตรีที่ต้องการบวช
เราก็เห็นประโยชน์ค่ะ แต่ก็ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันหาข้อสรุป เพื่อจะได้จัดการให้มันเหมาะสม
แน่นอนค่ะว่า บวชหรือไม่ ก็บรรลุธรรมได้ถ้าหมั่นฝึกฝน
แต่การบวช แล้วอยู่ร่วมเป็นสังคม เป็นสังฆะ มีการเอื้อเฟื้อ เกื้อกูลกัน
ก็เป็นประโยชน์ต่อหลายท่านค่ะ เราก็เข้าใจค่ะ
สุดยอดครับ
有難う御座います。
อาจารย์ควรศึกษาประวัติศาสตร์ เพิ่ม หรือลองบวชสัก 3 พรรษา ศึกษาปุพกร ปุพกิจ ตอนภิกษุก่อนลงอุโบสถฟังปาฏิโมกข์เยอะหน่อยนะครับ
ท่านพูดผิดตรงไหน รู้ก็ควรอธิบาย ไม่ใช่ไล่ให้ไปบวช ประหนึ่งว่าข้านี้รู้ดีกว่าใครเขา
@@bambery6290 ใจเย็น ๆ ครับผม ไม่บวชก็บรรลุธรรมได้ครับ เช่น นางวิสาขา และก็อีกมากหลายท่านอยู่ครับผม
@@phairinpeangpor1530 ใช่ค่ะ นางวิสาขาเป็นถวายผ้าอาบน้ำฝน ส่วนนางสุชาดาเป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาส เป็นข้าวมื้อแรกที่พระพุทธเจ้ายอมเสวยอาหารหลังตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ
555+ อาจารย์คนที่พูดเหมือนไม่มีการศึกษาพุทธสาสนาอย่างลึกซึ่ง ก็แค่เป็นความเห็นที่เป็นแบบเปลือกๆ
@@user-pi2fx1ir6l ไม่ต้องรีบครับ "พุทธศาสนา" พิมพ์ให้ถูกก่อน จะปรามาสคนอื่นเนาะ สภาพ !!
ฝากคุณสัมฤทธิ์ ไปวิเคราะห์ อาจจะเห็นบางแง่มุม..
๑. ทำไมพระอานนท์ต้องทูลอ้อนวอนถึง ๓ ครั้งจึงยอมอนุญาตให้บวชภิกษุณี..มีอะไรแฝงอยู่..ถ้าดีจริง..ทูลขอครั้งเดียวก็เกินพอ..
๒. ทำไม อุปัชฌาย์ ภิกษุณี บวชได้แค่ปีละ ๑ รูป ๒๐ ปี ก็ได้ ๒๐ รูป..คุมกำเนิดชัด ๆ แสดงว่า พระพุทธเจ้า..ไม่ต้องการ..กรณี..ภิกษุ..บวชได้ไม่จำกัด..
แค่สองประเด็นนี้ น่าจะเป็นคำตอบว่า..พระพุทธเจ้า..ต้องการอะไร..
วิเคราะห์เอาตามความนึกคิดและความรู้สึกของตนเองปนอคติ
พระพุทธองค์ไม่ทรงอยากให้ภิกษุณีครับไม่ทรงอยากบวชให้เลยตั้งแต่ "องค์แรก"ใครดูหมิ่นพระพุทธองค์ที่ทรงเป็นสัพพัญญู "มีนรกเป็นที่ไปอย่างไม่ต้องสงสัย" ไปอ่านรายละเอียดในพระไตรปิฏก ถึงคำอธิบายว่า "จะเกิดอะไรขึ้นกับพระพุทธศาสนา ถ้ามีภิกษุณี" ..อายุไข ของพระศาสนาจะสั้นลง ครึ่งนึง" ไปอ่านให้จบ ค่อยมาแหกปากตะโกน อยากให้มีภิกษุณี ในพระพุทธศาสนา.
เด่วเขาก็จะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่พุทธพจน์พระพุทธเจ้าไม่ได้กล่าวไว้ เข่นเดียวกับที่เขาอ้างถึงกรณีที่ภิกษุณีไต้หวันไม่ยอมรับเรื่องคุรุธรรมว่าเป็นพุทธพจน์นั่นแหละ
ตอบให้น่ะครับ ข้อ 1 เลย คนที่ทูลขอบวชคือใครครับ อย่าลืมว่าคนที่ขอบวช คือ พระราชินีของแคว้นดังนั้นจะให้มาเป็นผู้ขอ มาเดินเท้าเปล่า ไม่แต่งองค์ทรงเครื่อง ท่านทำได้จริงๆใช่ไหม มากไปกว่านั้นบริบทของสตรีสมัยนั้นก็ไม่ต่างจากเมื่อ 150 ปีที่แล้วมากนัก คือ สตรีเป็นรอง แม้ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ สิ่งที่ให้พระอานนท์ทูลขอเพื่อจะได้บอกว่าผู้หญิงก็บรรลุธรรมได้ไม่ต่างจากผู้ชาย ผู้หญิงก็มีศักยภาพในทางธรรมเท่าผู้ชาย พระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญูน่ะครับถ้าทรงเห็นว่าไม่ควรก็คงจะห้ามไปเลยอย่างเด็ดขาดตั้งแต่ต้นจริงไหมครับ
ส่วนข้อ 2 พระวินัยวรรคไหนครับ
ชอบอาจารย์ครับ
ทำอะไรในสิ่งที่ดีก็ทำไปคับ
พูดดี คิดดี ทำดี ถูกต้องตามหลักจารีตประเภณีที่ถูกต้อง