Gap year หยุดพักเพื่อก้าวกระโดด สวัสดีกครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องของ Gap Year การดรอปเรียนหรือการหยุดในสิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้นะครับผ่านไปสักประมาณปี 2 ปีแล้วกลับมาทำใหม่ การหยุดไปนั้นเพื่อที่จะค้นหาความหมายของชีวิตตัวเองเพื่อดูความสามารถของตัวเองเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆนะครับ แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยแล้วก็หลายๆคนอาจจะมีมุมมองที่ไม่ดีต่อมันคือเราจะดรอปเรียนไปทำไมเสียเวลาเดี๋ยวตามเพื่อนไม่ทันนะครับ หรือเราจะหมดไฟในการจะเรียนต่อหรือเปล่า เรากลับมาเรียนเราจะสู้เขาไม่ได้เราจะตามหลังเขาเราจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าหรือเปล่านะครับ วันนี้ผมอยากจะเอามุมมองที่มันเป็นมุมมองด้านใหม่มาให้ทุกๆท่านฟังดูนะครับแล้วการทำ Gap Year การดรอปเรียนต่างๆบางครั้งอาจจะเป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตท่านไปทั้งชีวิตเลยก็ได้นะครับ พบกับผมนะครับ นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอด และวิกฤตบำบัดนะครับ
2️⃣ คุณเคยเป็นคนที่มีความคิดเด็กๆไหมว่าตอนเด็กๆเรามีความคิดอยากจะเป็นหมอ เป็นตำรวจ เป็นนักออกแบบ บางคนอยากเป็นนักกีฬา บางคนอยากเป็นนักร้องนักแสดงนะครับ แต่บางทีพอมาถึงชั้นม. 6 แล้วคุณจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อถึงตอนนั้นบางทีความชอบของคุณกับสิ่งที่คุณต้องเข้าไปเรียนมันไม่เหมือนกัน บางคนอยากเป็นดาราแต่ว่ามันเป็นไม่ได้ก็เลยต้องไปสอบเข้าคณะอะไรสักอย่างหนึ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม บางคนก็ไม่รู้เรียนตามเพื่อนไปก่อน หรืออันนี้พ่อแม่บอกให้เรียนก็เรียนไปก็ได้ไหนๆเราก็ไม่รู้เราจะเรียนอะไรนะครับ เคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหมครับ? ผมเชื่อว่าหลายคนเลยทีเดียวนะครับที่มีความรู้สึกแบบนี้ ดังนั้นในคนพวกนี้การที่เราหยุด ถอยออกมา เพื่อศึกษาค้นคว้าตัวเอง อาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราสามารถก้าวกระโดดไปไกลในชีวิตเลยก็ได้นะครับ ที่ประเทศแถบสแกนดิเนเวียมันเป็นเรื่องปกติเลยที่หลังจากจบ ม. 6 แล้วเขาจะต้องทำ Gap Year กันนะครับ แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นครับไม่ใช่เรื่องแปลกเลยมหาวิทยาลัยที่อเมริกา Ivy League ดังๆ เช่น Harvard University นี้นะครับ ท่านสอบได้แล้วเขาจะให้โอกาสท่านเลยว่าท่านไปทำ Gap Year มานะครับตามสบายเลยไปทำ Gap Year มาเรายังให้ที่เรียนท่านเหมือนเดิมแต่ท่านไปทำ Gap Year มาก่อน รู้ไหมครับว่าเขาให้โอกาสตรงนี้ไปทำไม ทำไมเขาไม่เอาท่านมาเรียนให้จบๆไป? ➡️เพราะว่าเขารู้ไงครับว่าคนที่ทำ Gap Year จะมีโอกาสได้เห็นปัญหาของโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า คือมีความโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงนะครับ เห็นปัญหาที่แท้จริง แล้วเวลากลับมาเรียนมันจะมีไฟ มีความมุ่งมั่น รู้ว่าปัญหาคืออะไร รู้ว่าเรียนแล้วจะเอาไปทำอะไร ความรู้ที่ได้มาจะเอาไปแก้ปัญหาได้อย่างไร และมีความมั่นใจมุ่งมั่นในการขวนขวายหาคำตอบมากขึ้นนะครับ นี่คือเหตุผลที่ทาง Ivy League ของอเมริกาให้อนุญาตเด็กที่สอบเข้ามาได้ทำ Gap Year นะครับ ทีนี้สมมุติว่าเราเป็นคนนึงแหละที่เราต้องการทำ Gap Year
4️⃣ 🔆วางแผนเพื่อดูซิว่าความสามารถที่เรามีอยู่ตอนนี้มันมีอะไรบ้างนะครับ มันสามารถใช้ในชีวิตจริงได้หรือเปล่านะครับ แล้วก็มันสามารถที่จะเอาไปต่อยอดตรงไหนได้บ้าง 🔆รวมทั้งเราต้องพัฒนาทักษะอะไรบ้างบางทีบางคนออกมาเราต้องพัฒนาทักษะในการพูด เราต้องพัฒนาทักษะในการลงทุน พัฒนาทักษะในการเขียนโปรแกรม ทำ TH-cam ทำอาหารหรืออะไรสักอย่างหรือหัดพูดภาษาต่างประเทศ มันเป็นทักษะที่เราจำเป็นจะต้องสร้างมันขึ้นมานะครับ ดังนั้นถ้าเราไม่ออกมาแล้วลองลุยงานอะไรสักอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงเราจะไม่มีทางรู้ว่าทักษะที่เรามีอยู่มันเพียงพอหรือยังนะครับ มันก็เหมือนกับการที่เราได้เจอข้อสอบแบบทดสอบเล่นๆยังไม่ใช่สอบใหญ่นะครับ ทดสอบเล่นๆหมายความว่าเวลาคุณเจอข้อสอบครั้งแรกคุณจะรู้ว่ามีเรื่องนี้ที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน เหมือนเราทำ Pre Test นะครับ เรื่องนี้ก็น่ารู้ เรื่องนั้นทำไมเรายังไม่เข้าใจทั้งๆที่เราคิดว่าเราเข้าใจแล้ว การที่คุณมี Gap Year มันจะทดสอบตรงนี้คุณนั่นแหละนะครับ จะเหมือนเป็น Pre Test ว่าเราจะต้องเตรียมตัวยังไงเพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นนะครับ
5️⃣ ดังนั้นเรื่องของเงินเป็นอันดับแรก เรื่องของความสามารถที่เราต้องศึกษาตัวเอง แล้วก็ความสามารถที่เราอยากจะทำเพิ่มเติมนะครับ อันที่สามคุณต้องรู้ว่ากิจกรรมอะไรที่สามารถทำให้คุณดีขึ้นได้เพราะว่าเวลาที่คุณจบ Gap Year แล้วคุณกลับไปเรียนต่อมันจะต้องมีคำอธิบายให้กับสถานศึกษาที่เขาจะรับคุณเข้าไปเรียนว่าคุณทำ Gap Year แล้วคุณได้อะไร ถ้าคุณออกไปแล้วคุณอยู่เฉยๆมันก็ไม่สมเหตุสมผลถูกไหมครับ จะอบอกว่าฉันขอหยุดไปพักสักปีนึงเหนื่อยแล้วนะครับ อันนี้ไม่ได้นะครับ มันต้องหยุดไปเพื่อเหตุผลอะไรสักอย่างนะครับ อย่างที่อเมริกาก็จะมีบางคนที่อยากจะเข้า Harvard Medical School ซึ่งเข้ายากมากๆนะครับแต่เขาก็ยินยอมทำ Gap Year 1 ปี เพื่อที่จะมาทำวิจัยกับอาจารย์แพทย์ที่นี่ เขาสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทำและก็ตีพิมพ์งานวิจัยออกไปอันนี้ก็จะสามารถทำให้เขาสามารถเข้ามาเรียนใน Harvard Medical School ได้ เก่งอย่างเดียวไม่พอนะครับ จะต้องมีความมุ่งมั่นด้วย บางคนก็ใช้เวลาตรงนี้เป็นอาสาสมัครตามที่ต่างๆ ผมเคยเห็นที่อเมริการทำ Gap Year แล้วก็ไปอยู่ตามประเทศที่มีความยากจนต่างๆนะครับ แล้วไปดูวิถีชีวิตชาวบ้าน ไปช่วยเขาสร้างบ่อน้ำทำสาธารณสุข ศึกษาปัญหาต่างๆ รวมทั้งช่วยเก็บงานวิจัยต่างๆพวกนี้ก็ทำให้เขาสามารถเห็นปัญหาของโลกใบนี้จริงๆ และคนพวกนี้เวลาที่จบ Gap Year ของเขาจะมีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่และมองเห็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมากเลย เพราะแต่เดิมมันเป็นมุมมองของเด็กอย่างเดียวหรือไม่ก็มุมมองของพ่อแม่หรือครูหรือคนรอบข้างที่คอยป้อนให้เราว่ามันมีเรื่องนี้นะเขาสอนเราแบบนี้ แต่เวลาคุณออกไปโลกแห่งความเป็นจริงคุณคือครูของตัวเอง คุณต้องสอนตัวเอง คุณอยากเรียนพิเศษคุณก็ต้องเรียนพิเศษด้วยตัวเอง มันจึงเป็นการที่ทำให้คุณมีความเติบโตอย่างเร็วเลยนะครับ อย่างไรก็ตามเราจะต้องมีการวางแผนเพราะว่าการเติบโตแบบนี้มันต้องมาจากตัวเราเองนะครับเพราะมันไม่มีใครช่วยแล้วนะครับ อันนี้จึงเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์
การมีข้อจำกัดเรื่องการเงินแล้วออกมาก่อนที่จะเรียนต่อ ก็เป็นช่วงที่เราสามารถทำ Gap year ได้เช่นกัน และถ้าเราวางแผนให้ดีๆ เราก็จะได้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้มากครับ
😄😄😴😴 🫧🧼🧽🚙🧺🎞️ ขอบคุณค่ะ Tany สำหรับ 💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚 Have a wonderful & happiness moment time together with an adorable Rosy ค่ะ ☕️⭐️🧜♀️🇺🇸 🐶💋💋💋💋💋💋🩺👨⚕️🌹🌹🌹🌹🌹🌹🌸🌸🌸🌸🌸🌸
คลิปนี้ ผมหล่อ เท่ห์มากค่ะ... เด็กสมัยนี้ Gap year เยอะ... แต่เด็กบางคน คิดมาก คิดว่า Gap year แสดงว่าตัวเอง ไม่เก่ง เหมือนอย่างที่อาจารย์ ว่าแหละ เขาไม่เหมาะ... ดีจัง มาเล่าเรื่องโน้นนี่ให้ฟัง
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ Gap year หยุดพักเพื่อก้าวกระโดด เรื่องนี้สำหรับคนไทยอาจเห็นเป็นเรื่องแปลกไม่เข้าใจมีมุมมองที่ไม่ดีคือหยุดทำไมเสียเวลาเดี๋ยวไม่ทันเพื่อนกลับมาเรียนก็จะไม่ได้ถูกมองไปในแง่ที่ไม่ดีอายุก็มากขึ้นแก่เกินไปที่จะเรียน Gap year คือการ ดรอปเรียนหรือการหยุดในสิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้ผ่านไปสัก 1-2 ปี แล้ว กลับมาทำใหม่ การหยุดไปนั้นเพื่อที่จะหาความหมายชีวิตตัวเองเพื่อดูความสามารถของตัวเองเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆ วันนี้อาจารย์หมอได้เอามุมมองที่เป็นมุมมองด้านใหม่มาให้ฟังดู ซึ่งGap year บางครั้งอาจเป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตเราทั้งชีวิตเลยก็ได้ Gap year หมายความถึงการเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาแล้วแต่ก่อนที่เข้าไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้นในการทำอย่างอื่นแล้วสุดท้ายค่อยไปเลือกว่าเราจะเรียนอะไรจะเข้ามหาวิทยาลัยหรือจะไปทำอย่างอื่นต่อการดรอปเรียนก็จะคล้ายกันแต่ที่ประเทศไทยนั้นมีความหมายว่าเราสอบไม่ผ่านหรือคะแนนออกมาไม่ดีหากปล่อยไปอาจได้เกรดไม่ดี หรือความหมายอีกอย่างคือหากเราจบปริญญาตรีแล้วทำงานหาประสบการณ์เสียก่อนค่อยมาเรียนต่อป.โท มันจะได้ประโยชน์มากกว่าจบป.ตรีแล้วต่อป.โททันที แต่หากคนไหนมีเป้าหมายชัดเจนคือรู้ว่าตัวเองว่าชอบอะไรรู้ตัวเองว่าต้องเรียนต่ออะไรและไม่มีปัญหาในการเรียน ก็ไม่ต้อง Gap year สามารถเข้าเรียนต่อในสิ่งที่ต้องการได้เลย Gap year จะตอบโจทย์และมีประโยชน์กับคนที่ไม่แน่ใจตัวเองไม่รู้ตัวเองว่าชอบอะไร เรียนไปทำไม จะเอายังไงกับชีวิตดี ดังนั้นการที่เราหยุดหรือถอยออกมาเพื่อศึกษาค้นคว้าเองอาจเป็นโอกาสที่ทำให้เราสามารถก้าวกระโดดไปไกลในชีวิตเลยก็ได้ ประเทศในแถบสแกนดิเนเวียนั้น หลังที่เรียนจบม.6 แล้วจะต้องทำGap year กัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเขา และมหาวิทยาลัยในอเมริกาIVY League ดังๆ เช่น Howard University หากสอบได้จะให้ไปทำ Gap year ก่อนโดยยังได้ที่เรียนเหมือนเดิม เหตุที่ให้ไปทำGap year เพราะจะมีโอกาสได้เห็นปัญหาของโลกในความเป็นจริง เห็นปัญหาที่แท้จริง เวลามาเรียนจริงๆจะมีไฟ มีความมุ่งมั่นรู้ปัญหารู้ว่าเรียนแล้วจะเอาไปทำอะไร แก้ปัญหาอย่างไรจะได้มุ่งมั่นในการเรียนต่อไป แต่ก่อนที่จะทำGap year จะต้องมีการวางแผนอันแรกคือวางแผนเรื่องเงิน หางานทำ จะอยู่อย่างไร เรื่องของความสามารถที่เราจะต้องศึกษาตัวเองและความสามารถที่เราจะต้องทำเพิ่มเติมพัฒนาทักษะต่างๆเช่นทักษะในการลงทุน ทักษะในการพูด ทักษะการเขียนโปรแกรม ยูทูป ทำอาหารเป็นต้น สามต้องดูว่ากิจกรรมอะไรที่ทำให้เราดีขึ้นได้เพราะเราต้องตอบคำถามสถานศึกษาให้ได้ว่าทำGap year แล้วได้อะไร คนเรานั้นเก่งอย่างเดียวไม่พอจะต้องมีความมุ่งมั่นด้วย การทำGap year นั้นทำให้เห็นปัญหาเห็นโลกแห่งความเป็นจริง เป็นครูของตนเอง และเมื่อจบออกไปแล้วจะมีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่ มองเห็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิม การวางแผนควรวาง แผนเป็นปี แล้วหลังจากนั้นซอยแผนย่อยๆเช่น3 เดือนแรกต้องทำอะไรบ้างและทุก3 เดือน จะทำอะไรบ้าง ในเรื่องต่างๆแล้วหากเราไปในที่เราไม่เคยไปก็ต้องระวังในเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก หากจบ Gap year มาได้จะทำให้เราค้นพบตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ก้าวกระโดดได้ไกล ดิฉันขอขอบ พระคุณ อาจารย์หมอเป็นอย่างสูงค่ะ
นั่นเป็นสิ่งที่ต้องคิดหาทางเองครับ ต่างประเทศก็เจอปัญหาแบบเดียวกันกับที่ไทย คนต่างประเทศที่ทำ Gap year ก็ต้องขวนขวายหารายได้เอง และที่นี่พ่อแม่ไม่ได้ให้เงินลูกเลยด้วยครับ ดังนั้นสิ่งที่คุณคิดว่าต่างประเทศจะมีเงินก้อนให้เด็กทำ Gap year มันก็ไม่เป็นแบบนั้น แต่มักเป็นความคิดติดหัวคนไทยที่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศจริงๆมากกว่าครับ
Gap year หยุดพักเพื่อก้าวกระโดด
สวัสดีกครับ
วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องของ Gap Year การดรอปเรียนหรือการหยุดในสิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้นะครับผ่านไปสักประมาณปี 2 ปีแล้วกลับมาทำใหม่ การหยุดไปนั้นเพื่อที่จะค้นหาความหมายของชีวิตตัวเองเพื่อดูความสามารถของตัวเองเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆนะครับ แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยแล้วก็หลายๆคนอาจจะมีมุมมองที่ไม่ดีต่อมันคือเราจะดรอปเรียนไปทำไมเสียเวลาเดี๋ยวตามเพื่อนไม่ทันนะครับ หรือเราจะหมดไฟในการจะเรียนต่อหรือเปล่า เรากลับมาเรียนเราจะสู้เขาไม่ได้เราจะตามหลังเขาเราจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าหรือเปล่านะครับ วันนี้ผมอยากจะเอามุมมองที่มันเป็นมุมมองด้านใหม่มาให้ทุกๆท่านฟังดูนะครับแล้วการทำ Gap Year การดรอปเรียนต่างๆบางครั้งอาจจะเป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตท่านไปทั้งชีวิตเลยก็ได้นะครับ
พบกับผมนะครับ นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอด และวิกฤตบำบัดนะครับ
1️⃣
สำหรับการทำ Gap Year ในต่างประเทศจะหมายความว่าคุณเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาแล้วนะครับแต่ก่อนที่คุณจะไปเข้ามหาวิทยาลัยคุณใช้เวลา 1 ปีหรือมากกว่านั้นในการทำอย่างอื่นแล้วสุดท้ายค่อยไปเลือกว่าเราจะเข้ามหาวิทยาลัยหรือเราจะไปทำอย่างอื่นต่อนะครับ การดรอปเรียนก็จะคล้ายกันนะครับแต่แน่นอนว่าการดรอปเรียนที่ประเทศไทยหลายๆครั้งเราจะคิดถึงการที่เราได้คะแนนไม่ดี สอบไม่ผ่านถ้าเกิดว่าเราปล่อยไปเดี๋ยวเราอาจจะได้เกรดไม่ดีดังนั้นเราดรอปไปเลยดีกว่าแล้วค่อยไปจัดการเรียนเอาใหม่นะครับนี่คือเป็นหนึ่งในความหมายที่บางคนใช้ หรืออีกอันนึงซึ่งหลายคนคุ้นกว่าแล้วคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ที่ตรงกับเรามากที่สุดก็คือเวลาที่เราเรียนจบปริญญาตรีแล้วหลายๆครั้งเราจะแนะนำว่าคุณไปทำงานหาประสบการณ์ซะก่อนแล้วค่อยมาเรียนปริญญาโทมันจะได้ประโยชน์มากกว่าการที่คุณจบปริญญาตรีปุ๊บก็ตอบปริญญาโททันทีนะครับ
ถามว่าการทำแบบนี้มันเหมาะกับใคร แล้วมันได้ประโยชน์ยังไงดีกว่านะครับ?
➡️ถ้าเกิดคุณเป็นคนที่มีเส้นทางในชีวิตที่ชัดเจนมาก รู้ตัวว่าตัวเองชอบอะไรนะครับ รู้ตัวว่าต้องเรียนต่ออะไร ไม่มีปัญหาในการเรียนนะครับอันนี้ Gap Year อาจจะไม่ค่อยเหมาะสำหรับคุณเท่าไหร่นะครับ คุณก็อาจจะสามารถตรงเข้ามามหาวิทยาลัยแล้วก็เรียนต่อในสายที่คุณต้องการเลยก็ได้ ถ้าเกิดคุณเป็นคนที่เรียนปริญญาตรีจบแล้วเข้าใจชัดเจนว่าปัญหาที่โลกในขณะนี้ต้องการคือการแก้ปัญหาตรงไหนนะครับ ตลาดงานต่างๆมีความต้องการอย่างไร แล้วคุณรู้ว่าคุณจะต้องเรียนอะไรเพื่อที่จะตอบโจทย์สิ่งเหล่านั้นแบบนี้คุณไม่ต้องหาประสบการณ์ครับคุณสามารถต่อปริญญาโทเข้าไปตรงๆเลยได้นะครับ อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่แน่ใจ คุณตอบตัวเองไม่ได้ว่าคุณชอบอะไร? คุณตอบตัวเองไม่ได้ว่าคุณจะเรียนไปทำไม? คุณตอบตัวเองไม่ได้ว่าแล้วฉันจะยังไงต่อกับชีวิต? พวกนี้บางที Gap Year การดรอปเรียนอาจจะมีประโยชน์สำหรับคุณนะครับ
2️⃣
คุณเคยเป็นคนที่มีความคิดเด็กๆไหมว่าตอนเด็กๆเรามีความคิดอยากจะเป็นหมอ เป็นตำรวจ เป็นนักออกแบบ บางคนอยากเป็นนักกีฬา บางคนอยากเป็นนักร้องนักแสดงนะครับ แต่บางทีพอมาถึงชั้นม. 6 แล้วคุณจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อถึงตอนนั้นบางทีความชอบของคุณกับสิ่งที่คุณต้องเข้าไปเรียนมันไม่เหมือนกัน บางคนอยากเป็นดาราแต่ว่ามันเป็นไม่ได้ก็เลยต้องไปสอบเข้าคณะอะไรสักอย่างหนึ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม บางคนก็ไม่รู้เรียนตามเพื่อนไปก่อน หรืออันนี้พ่อแม่บอกให้เรียนก็เรียนไปก็ได้ไหนๆเราก็ไม่รู้เราจะเรียนอะไรนะครับ เคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหมครับ? ผมเชื่อว่าหลายคนเลยทีเดียวนะครับที่มีความรู้สึกแบบนี้ ดังนั้นในคนพวกนี้การที่เราหยุด ถอยออกมา เพื่อศึกษาค้นคว้าตัวเอง อาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราสามารถก้าวกระโดดไปไกลในชีวิตเลยก็ได้นะครับ ที่ประเทศแถบสแกนดิเนเวียมันเป็นเรื่องปกติเลยที่หลังจากจบ ม. 6 แล้วเขาจะต้องทำ Gap Year กันนะครับ แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นครับไม่ใช่เรื่องแปลกเลยมหาวิทยาลัยที่อเมริกา Ivy League ดังๆ เช่น Harvard University นี้นะครับ ท่านสอบได้แล้วเขาจะให้โอกาสท่านเลยว่าท่านไปทำ Gap Year มานะครับตามสบายเลยไปทำ Gap Year มาเรายังให้ที่เรียนท่านเหมือนเดิมแต่ท่านไปทำ Gap Year มาก่อน
รู้ไหมครับว่าเขาให้โอกาสตรงนี้ไปทำไม ทำไมเขาไม่เอาท่านมาเรียนให้จบๆไป?
➡️เพราะว่าเขารู้ไงครับว่าคนที่ทำ Gap Year จะมีโอกาสได้เห็นปัญหาของโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า คือมีความโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงนะครับ เห็นปัญหาที่แท้จริง แล้วเวลากลับมาเรียนมันจะมีไฟ มีความมุ่งมั่น รู้ว่าปัญหาคืออะไร รู้ว่าเรียนแล้วจะเอาไปทำอะไร ความรู้ที่ได้มาจะเอาไปแก้ปัญหาได้อย่างไร และมีความมั่นใจมุ่งมั่นในการขวนขวายหาคำตอบมากขึ้นนะครับ นี่คือเหตุผลที่ทาง Ivy League ของอเมริกาให้อนุญาตเด็กที่สอบเข้ามาได้ทำ Gap Year นะครับ ทีนี้สมมุติว่าเราเป็นคนนึงแหละที่เราต้องการทำ Gap Year
3️⃣
เรารู้ว่ามันได้ประโยชน์ แล้วเราจะทำยังไงนะครับ?
➡️คุณจะรู้อย่างหนึ่งเวลาที่คุณทำ Gap Year โอเคผมบอกว่าฉันจะทำตอนนี้จบ ม. 6 แล้วฉันจะหยุดปีนึง หรือบางคนเรียนมหาวิทยาลัยไปแล้ว 3-4 ปีแล้วจะหยุดปีนึงนะครับหรือบางคนเรียนหมอปี 5 ไม่เอาแล้วดรอปปีนึงแล้วค่อยกลับมาว่ากันนะครับ
🔆ข้อแรกนะครับ ตอนแรกที่คุณหยุดไปใหม่ๆที่คุณยังไม่วางแผน คุณจะแคว้งมากเลย บางคนจะรู้สึกว่าสบายดี ฉันก็อยู่บ้านมีพ่อแม่เลี้ยงฉันก็จะทำอะไรก็ได้สบายใจนะครับ แต่ผ่านไปสักพักนึงมันจะเริ่มรู้สึกไม่ได้แล้วเรารู้สึกไม่มีประโยชน์ ดังนั้นก่อนที่เราจะทำ Gap Year เราต้องมีการวางแผนว่าเราจะทำอะไรบ้างนะครับ
เราจะวางแผนยังไง?
🌀อันแรกนะครับคุณต้องวางแผนเรื่องการเงินก่อนเลย คุณจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ปีนึงโดยที่คุณไม่ขอตังค์พ่อแม่ได้ยังไงนะครับ ที่อเมริกาจะมีการวางแผนว่าเราจะต้องไปทำงานที่นั่นที่นี่ บางคนก็มีทำ Work & Travel อันนี้เคยได้ยินใช่ไหมครับมีคนไทยมาทำ Work & Travel หลายคนเลยทีเดียวนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันที่เราจะต้องหารายได้เพื่อที่จะเอาไปสนับสนุนในกิจกรรมที่เราต้องการทำ
4️⃣
🔆วางแผนเพื่อดูซิว่าความสามารถที่เรามีอยู่ตอนนี้มันมีอะไรบ้างนะครับ มันสามารถใช้ในชีวิตจริงได้หรือเปล่านะครับ แล้วก็มันสามารถที่จะเอาไปต่อยอดตรงไหนได้บ้าง
🔆รวมทั้งเราต้องพัฒนาทักษะอะไรบ้างบางทีบางคนออกมาเราต้องพัฒนาทักษะในการพูด เราต้องพัฒนาทักษะในการลงทุน พัฒนาทักษะในการเขียนโปรแกรม ทำ TH-cam ทำอาหารหรืออะไรสักอย่างหรือหัดพูดภาษาต่างประเทศ มันเป็นทักษะที่เราจำเป็นจะต้องสร้างมันขึ้นมานะครับ ดังนั้นถ้าเราไม่ออกมาแล้วลองลุยงานอะไรสักอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงเราจะไม่มีทางรู้ว่าทักษะที่เรามีอยู่มันเพียงพอหรือยังนะครับ มันก็เหมือนกับการที่เราได้เจอข้อสอบแบบทดสอบเล่นๆยังไม่ใช่สอบใหญ่นะครับ ทดสอบเล่นๆหมายความว่าเวลาคุณเจอข้อสอบครั้งแรกคุณจะรู้ว่ามีเรื่องนี้ที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน เหมือนเราทำ Pre Test นะครับ เรื่องนี้ก็น่ารู้ เรื่องนั้นทำไมเรายังไม่เข้าใจทั้งๆที่เราคิดว่าเราเข้าใจแล้ว การที่คุณมี Gap Year มันจะทดสอบตรงนี้คุณนั่นแหละนะครับ จะเหมือนเป็น Pre Test ว่าเราจะต้องเตรียมตัวยังไงเพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นนะครับ
5️⃣
ดังนั้นเรื่องของเงินเป็นอันดับแรก เรื่องของความสามารถที่เราต้องศึกษาตัวเอง แล้วก็ความสามารถที่เราอยากจะทำเพิ่มเติมนะครับ อันที่สามคุณต้องรู้ว่ากิจกรรมอะไรที่สามารถทำให้คุณดีขึ้นได้เพราะว่าเวลาที่คุณจบ Gap Year แล้วคุณกลับไปเรียนต่อมันจะต้องมีคำอธิบายให้กับสถานศึกษาที่เขาจะรับคุณเข้าไปเรียนว่าคุณทำ Gap Year แล้วคุณได้อะไร ถ้าคุณออกไปแล้วคุณอยู่เฉยๆมันก็ไม่สมเหตุสมผลถูกไหมครับ จะอบอกว่าฉันขอหยุดไปพักสักปีนึงเหนื่อยแล้วนะครับ อันนี้ไม่ได้นะครับ มันต้องหยุดไปเพื่อเหตุผลอะไรสักอย่างนะครับ อย่างที่อเมริกาก็จะมีบางคนที่อยากจะเข้า Harvard Medical School ซึ่งเข้ายากมากๆนะครับแต่เขาก็ยินยอมทำ Gap Year 1 ปี เพื่อที่จะมาทำวิจัยกับอาจารย์แพทย์ที่นี่ เขาสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทำและก็ตีพิมพ์งานวิจัยออกไปอันนี้ก็จะสามารถทำให้เขาสามารถเข้ามาเรียนใน Harvard Medical School ได้ เก่งอย่างเดียวไม่พอนะครับ จะต้องมีความมุ่งมั่นด้วย บางคนก็ใช้เวลาตรงนี้เป็นอาสาสมัครตามที่ต่างๆ ผมเคยเห็นที่อเมริการทำ Gap Year แล้วก็ไปอยู่ตามประเทศที่มีความยากจนต่างๆนะครับ แล้วไปดูวิถีชีวิตชาวบ้าน ไปช่วยเขาสร้างบ่อน้ำทำสาธารณสุข ศึกษาปัญหาต่างๆ รวมทั้งช่วยเก็บงานวิจัยต่างๆพวกนี้ก็ทำให้เขาสามารถเห็นปัญหาของโลกใบนี้จริงๆ และคนพวกนี้เวลาที่จบ Gap Year ของเขาจะมีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่และมองเห็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมากเลย เพราะแต่เดิมมันเป็นมุมมองของเด็กอย่างเดียวหรือไม่ก็มุมมองของพ่อแม่หรือครูหรือคนรอบข้างที่คอยป้อนให้เราว่ามันมีเรื่องนี้นะเขาสอนเราแบบนี้ แต่เวลาคุณออกไปโลกแห่งความเป็นจริงคุณคือครูของตัวเอง คุณต้องสอนตัวเอง คุณอยากเรียนพิเศษคุณก็ต้องเรียนพิเศษด้วยตัวเอง มันจึงเป็นการที่ทำให้คุณมีความเติบโตอย่างเร็วเลยนะครับ อย่างไรก็ตามเราจะต้องมีการวางแผนเพราะว่าการเติบโตแบบนี้มันต้องมาจากตัวเราเองนะครับเพราะมันไม่มีใครช่วยแล้วนะครับ อันนี้จึงเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์
สวัสดีค่ะคุณหมอ🙏😍 ตอนลูกสาวได้เวลาสอบเข้ามหาลัยแต่ลูกบอกจะทำ Gap Year ดิฉันร้องไห้เสียใจมากคิดว่าลูกต้องเสียเวลาไปหนึ่งปี แต่ลูกบอกต้องการหยุดเพราะไม่รู้จะเรียนอะไรต่อ ในที่สุดดิฉันก็ยอมถึงขนาดพาลูกไปเที่ยวเมืองไทยหนึ่งเดือน พอกลับมาลูกเครียดอีกเหมือนตัวเองล้มเหลวไม่มีค่าเพราะหยุดเรียนต่อ แต่หลังจากนั้นลูกก็มาทำงาน Summer ที่ทำงานดิฉันและหายเครียด จนในที่สุดคิดได้ว่าอยากเรียนอะไร และมีความมุ่งมั่นดีมาก ปัจจุบันจบทันตแพทย์เปิดคลีนิคของตัวเองมาหลายปีแล้ว มาคิดดูถ้าตอนนั้นดิฉันบังคับให้ลูกเรียนต่อ เขาอาจเรียนไม่จบก็ได้เพราะยังไม่ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบ😊
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะสำหรับคลิปเรื่อง Gap year และขอแสดงความยินดีกับยอดผู้ติดตาม 5.97 แสนคนแล้วค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอธนีย์
Gap year คือการเว้นช่วงระยะเวลาก่อน หรือหลังชีวิตมหาวิทยาลัย
เพื่อออกไปแสวงหาตัวตน ค้นหาตัวเอง เรียนรู้โลกผ่านประสบการณ์ชีวิต ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหาเงิน ท่องเที่ยว เป็นอาสาสมัครตามที่ต่างๆ การได้ช่วยเหลือผู้อื่นก็เป็นคุณความดีอย่างหนึ่ง ตลอดจนการเรียนรู้เก็บเกี่ยวทักษะต่างๆ
เพื่อที่จะได้รู้ว่า เราต้องการที่จะเรียนต่อในด้านใด ต้องการทำงานในด้านไหน ก่อนเข้าสู่การทำงานจริง
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอแทน
ขอให้คุณหมอและครอบครัว
มีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขมากๆนะคะ
🏡🌻🌻🌻🧡🌻🌻🌻🏕
🌈คลิปนี้ เหมือนฟังอาจารย์แนะแนว "การค้นพบตนเองด้วย gap year"
คุณหมอแนะนำ แนะแนว เกียวกับการศึกษา การฝึกตนเอง คราใด
ภายใต้คำพูด แฝงการให้แรงบันดาลใจทีดีมาก นี้เป็นเสน่ห์ของทุกคลิปค่ะ
FC คุณหมอไม่จำกัดอายุจริงๆครับ
วัยเรียนก็เข้ามาฟังได้ ขอบคุณมากครับ
ตอนเราไปทำงานได้สักพัก 😊 แล้วเราลาออกไปเรียนต่างประเทศค่ะ พวกคนใน classที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานคือเขาจะ share อะไรไม่ได้มากค่ะ ส่วนเราเรียนแล้วสนุก ครูถามก็ตอบได้ มั่นใจกว่าคนไม่มีประสบการณ์ค่ะ และสิ่งที่ได้เรียนรู้มากๆคือ การจ่ายตลาด ทำอาหารเอง วางแผนจัดการวัตถุดิบที่อยู่ในตู้เย็น ไม่ให้เสียทิ้ง 😊การไปต่างประเทศสำหรับเราคือ เปิดโลกเลยค่ะ คุณหมอ พอกลับมาทำงาน แล้วมีความมั่นใจมากขึ้น และไม่กลัวคนต่างชาติแล้วค่ะ 😊
ขอแสดงความยินดีค่ะคุณหมอแทน
ยอดผู้ติดตาม 5.97 แสนคนแล้วค่ะ
สถานีต่อไป 5.98 แสนคนค่ะ
ช่อง Doctor Tany ช่องคุณภาพ
ดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ
เนื้อหาหลากหลาย ประโยชน์มากมาย
ตรงจริง ชัดเจน ครอบคลุม ทุกประเด็น
ขอให้ได้ 1 ล้านซับไวๆนะคะ
🏡🍎🍇🍈🧡🍍🍊🍏🏕
ถ้ายังไม่ชัดเจนกับตัวเอง หยุดเพื่อค้นหาตัวเองและเพิ่มพูนความรู้ประสบการณ์ เพื่อต่อยอดให้ไปถึงเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ก็ดีนะคะอาจารย์ #ถ้าเป็นเมื่อก่อนพ่อแม่อาจจะไม่ยอมรับ แม้กระทั่งตัวเองก็รับไม่ได้ที่จะเรียนตามเพื่อน อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงตัวเองเลยค่ะ แต่ปัจจุบันโลกสังคมเปลี่ยนก็ไม่แปลกนะคะถ้าทำ Gap Year#ขอบคุณอาจารย์หมอมากค่ะ🥰
น่าสนใจครับอยากฟังความเห็นของหมอแทนจากเรื่องนี้มานานพอสมควรแล้ว จากมุมมองของหมอแทนที่เป็นคนเรียนเก่งและประสบความสำเร็จแทบทุกเรื่องในชีวิต ทำให้เห็นอีกมุมมองหนึ่งไปเลยครับ
ไม่แน่ใจว่าเป็นเข้าข่ายลักษณะเดียวกันหรือไม่
ถ้าเราอยากเรียนต่อทันทีแต่เราไม่มีตังค์พอ ไม่แน่ใจว่าเป็นรวมขอบเขตของ gap year หรือไม่
ตอนเรียนนิติศาสตร์
แล้วเรา ออกมาทำงานจริงฝึกงานกับสำนักงานกฎหมาย
แล้วหาประสบการณ์
ก่อนจะมาสอบทนายก่อน
จะมาเรียนเนติ
มันเป็นลักษณะเดียวกันหรือไม่
แต่นั่นมันเป็นเพราะว่า
เรามีข้อจำกัดเรื่องการเงิน
การงาน ต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และสะสมประสบการณ์
บางครั้งก็ท้อ แต่ก็ได้อีกมุมมองหนึ่งครับในการใช้ชีวิต บางครั้งการมีช่องว่างที่ไม่ได้สมบูรณ์ทันที ก็ทำให้เราเห็นแง่มุมชีวิตหลายๆอย่างและมีความพยายามมากขึ้น
ขอบพระคุณที่มาแชร์ครับ
ป.ล. เพิ่งทราบจากหมอแทนว่ามหาวิทยาลัยhavard มีการอนุญาตให้ทำgap year ได้ รวมทั้ง ivy league อื่นๆด้วย
การมีข้อจำกัดเรื่องการเงินแล้วออกมาก่อนที่จะเรียนต่อ ก็เป็นช่วงที่เราสามารถทำ Gap year ได้เช่นกัน และถ้าเราวางแผนให้ดีๆ เราก็จะได้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้มากครับ
@@DrTany ขอบพระคุณมากครับ
ยินดีกับยอดผู้ติดตาม FC5.9.7แสนคนค่ะ
❤️❤️❤️❤️❤️
💛💛💛💛💛💛💛💛💛.
💖💖💖💖💖💖💖
🚀🚀🚀🚀🚀🚀🚀🚀🚀🚀
กราบขอบพระคุณคุณหมอแทนค่ะ ได้ยินคำนี้ตั้งแต่ตอนคุณหมอ LIVE คิดอยากฟังคลิปเรื่องนี้อยู่ตั้งแต่คราวนั้น Gap Year เป็นแนวทางค้นหาความถนัดความชอบและการพัฒนาตัวเองในแบบคนรุ่นใหม่ที่มี concept ที่ดี แต่จะก้าวข้ามบรรทัดฐานแบบเดิมๆของสังคมไทย ได้ไม่ง่ายนักส่วนใหญ่ก็ยังห่วงลูกหลานว่าจะเรียนไม่ทันรุ่นตัวเอง กลัวจะขี้เกียจกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาไป แต่วันเวลาที่ผ่านไปในรุ่นต่อๆจากนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดกันได้ในวงกว้างขึ้น แต่ความตั้งใจที่ดีทางการศึกษาและประกอบวิชาชีพ ไม่ว่าจะด้วยแนวทางไหน ถือเป็นเรื่องใฝ่ดีน่าสนับสนุนทั้งสิ้น
ดีใจที่ได้ฟังมุมมองจากอาจารย์ครับ ในใจแอบอยากให้อาจารย์เล่าเพิ่มเรื่องข้อจำกัดทางด้านเวลาครับ ถ้าปีนึงมันมากเกินไป ในสำหรับบางคนที่อาจจะขัดสนหรือปฏิทินชีวิตไม่ตรงไปตรงมา ควรจะทำสัก 6 เดือน หรือ 4 เดือนครับ ถึงจะสามารถเรียนรู้และเข้าใจโลกได้และพัฒนาตัวเองไปพร้อมกันได้ครับ หรือโดยธรรมชาติและการเรียนรู้ของมนุษย์มันควรใช้เวลาเป็นหลักปีเลยไหมครับ
ส่วนตัวผมว่ามันต้องปีนึงครับ น้อยกว่านั้นยังไม่ได้ทันทำอะไรเลยครับ อาจจะมียกเว้นคนที่วางแผนดีมากๆ และชัดเจนในตัวเอง รู้ความสามารถและสิ่งที่ตัวเองบกพร่องชัดเจน แบบนี้หกเดือนก็ยังได้ครับ แต่ปัญหาคือมันไม่ค่อยมีคนที่รู้ตัวเองได้ดีแบบนั้นหรอกครับ และการทำ Gap year ก็เพื่อที่จะมาเรียนรู้ตัวเองนี่แหละครับ
@@DrTany ขอบคุณอาจารย์มากๆครับ จริงๆก็คือผมเองนี่แหละครับ ที่เสียดายเวลา ตอนนี้อยู่ช่วงรอเทรนเฉพาะทางอยู่ แต่ในใจค่อนข้างรู้แล้วว่าตัวเองชอบอะไร แต่เสียดายเวลาตามประสาการปลูกฝังแบบCommonโซนบ้านเราและยังไม่กล้ายอมรับความเสี่ยงครับเพราะสิ่งที่ผมชอบมันมีการแข่งขันสูง(ตัวผมเองมีความสนใจหลายอย่างและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำมันครับทั้ง PART ที่เกี่ยวกับ MEDICINE และนอก Field MEDICINE ครับ แต่หลายอย่างเหล่านั้นมันจะทำได้จริงๆโอกาสก็มีน้อยครับ) ตอนนี้ที่มีโอกาสกลับมาพัฒนาตัวเองทำก็ได้แค่ 4 เดือนมากสุดนี้เองครับ ในใจก็ยังรู้สึกครับว่า 4 เดือนนี่ไม่พอเลยครับ ควรจะสักปีนึง แต่ก็ยังทำอะไรมากไม่ได้ ตั้งใจไว้ว่าถ้าจบบอร์ดในไทยแล้วถึงจะค่อยทำครับ ใจนึงก็แอบกลัวว่ามันจะสายไป แต่อีกใจก็คิดว่าไม่มีอะไรสายเกินถ้าเราตั้งใจจริงครับอาจารย์ ขอบคุณสำหรับคลิปนี้นะครับ ถ้ายังไงอยากให้อาจารย์ทำคลิปมุมมองการใช้ชีวิตของแพทย์ในเวอชั่นนี้อีกนะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
ชอบที่่จะให้คุณหมอพูดวิเคราห์ ให้ความเห็นในแนวนี้ค่ะ เพราะลูกกำลังอยู่ช่วงวัยรุ่น เข้ามหาลัย กำลังหาตัวเองอยู่ 🙏👍
🙏🙏🙏 อาจารย์หมอ สอน, ให้ความรู้ได้ทุกเรื่องในชีวิตจริง มีประโยชน์ มากๆค่ะ🙏🙏🙏
สวัสดีวันจันทร์ค่ะอาจารย์ หมอ ขอบพระคุณค่ะ🙏
เรามีญาติอยู่คนหนึ่งเขาค้นหาความชอบของตนเองไม่พบเขาเสียเวลาไปห้าปีกับการย้ายคณะสุดท้ายหาไม่เจอต้องมาใช้วุฒิ ม. 6 สอบเข้าสายอาชีพจนได้อาชีพมั่นคงแต่ก็ต้องทำถ้าขืนเลือกมากอาจจะหาไม่เจอเลย ล้มเหลว เขาได้งานทำมีอาชีพมั่นคงแต่เงืนเดือนน้อย หลังจากนั้นเขาตั้งใจเรียนจนจบระดับปริญญาตรีเพื่อใช้ประกอบการเลื่อนระดับเลื่อนขั้นเงินเดือนให้สูงขึ้น มันคือประสบดารณ์ชีวิต ทุกวันนี้เขาจะแนะแนวทางคนทีหาความชอบของตนเองไม่เจอไม่วางแผนการเรียนไม่มีความมั่นใจทำให้เสียเวลาเสียเงินมากมายเป็นภาระของทางบ้าน 😀ชีวิตจะดีต้องวางแผนและเลือกในสิ่งที่ชอบและตลาดต้องการถึงจะไม่พอใจในความรู้สึกแต่ต้องปรับตัว เวลาได้งานต้องทำอย่างมีความสุข😀😀😀
สวัสดีค่ะ อ.หมอ ....gap year คล้ายๆการค้นหาตัวเองให้เจอ นำประสบการณ์ ที่ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ชัดเจน # ขอยคุณค่ะ🙏🫶💪
สวัสดีค่ะคุณหมอ คลิปนี้จะส่งให้หลานๆฟัง
❤😂🎉🎉😂❤เมื่อเป็นเด็ก ก็บ่นเมื่อไหร่จะคำ่จะมืด จะโตเป็นผู้ใยสักที เมื่อโตก็บอกว่าเฮ้ยเหนี่อยภาระโน่นก็ยากนี่ก็ อยากเป็นเด็กจัง
สวัสดีค่ะคุณหมอธนีย์ ค่ะ
ขอบคุณมุมมองด้านใหม่ จากความคิด ของ หมอ ค่ะ
คลิปใหม่มาแล้วค่ะ...
หัวข้อวันนี้ เรื่อง... Gap year หยุดพักเพื่อก้าวกระโดด
◾Gap year คือ การเว้นช่วงระยะเวลาก่อนที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เพื่อออกไปแสวงหาตัวตน ค้นหาตนเอง เรียนรู้โลกผ่านประสบการณ์ชีวิต และกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นอาสาสมัคร ทำงานหาเงิน เดินทางท่องเที่ยว ตลอดจนเรียนรู้เก็บเกี่ยวทักษะด้านต่างๆ ก่อนเข้าสู่การเรียนในมหาวิทยาลัย
◾แม้แต่มหาวิทยาลัยระดับ Top ของโลก หลายๆมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยใน IVY League อย่าง Princton University, Yale University รวมไปถึง Harvard University หรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยชั้นนำในทวีปยุโรปก็สนับสนุนให้นักเรียนที่จบไฮสคูลไปทำ Gap Year ก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
◾Gap year สำคัญอย่างไร... เป็นกิจกรรมเพื่อค้นหาสิ่งที่ตัวเองสนใจจริงๆ รวมไปถึง การออกไปทดลองทำกิจกรรมต่างๆ อาจจะเป็นการทำกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ ทำงานในต่างประเทศ หรือ การออกไปทดลองทำงาน หรือท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆที่ไม่เคยไป ทดลองใช้ชีวิตในโลกแห่งการทำงาน หรือ โลกของผู้ใหญ่จริงๆ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่โลกของการเรียนระดับมหาวิทยาลัย เมื่อจบแล้วก็จะได้ไปสู่โลกของการทำงานได้อย่างเต็มตัว
◾สำหรับประเทศไทย การทำ Gap Year อาจจะยังไม่ได้เป็นที่นิยมมาก แต่ก็เป็น Trend ที่น่าสนใจ และเป็นตัวเลือกหนึ่งให้นักเรียนมัธยมปลายได้ลองทำดู ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากมัธยมไปสู่มหาวิทยาลัย
◾อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทย อาจเป็นเรื่องที่ขัดกับความคิด ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมของสังคมไทยที่ผู้ใหญ่มักคาดหวังให้ลูกหลานต้องรีบศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น และหางานทำทันทีที่เรียนจบ หลายครอบครัวไม่อยากให้ลูกหลานเรียนช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ
◾ดังนั้น วัฒนธรรมการทำ Gap year หรือการออกไปใช้ชีวิตอย่างชาวตะวันตกจึงยังไม่เป็นที่นิยม หลายครอบครัวไม่เห็นด้วย และเห็นว่าเป็นความฟุ่มเฟือย เพราะต้องใช้เงินพอสมควร แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากทำได้และนักเรียนที่จะทำ Gap year มีการวางแผนเตรียมความพร้อมให้ดี เลือกกิจกรรมที่จะทำให้เหมาะสมเป็นประโยชน์กับตัวเอง และสังคม ก็จะได้ประสบการณ์ชีวิตที่ดี มีทักษะด้านต่างๆเพิ่มเติม ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคม รู้จักเคารพกฏ กติกาของสังคม ได้ฝึกความอดทน ฝึกความรับผิดชอบ ทำให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เข้าใจโลกแห่งความจริง พร้อมที่จะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยด้วยความภาคภูมิใจ และพร้อมที่ใช้ประสบการณ์ต่างๆที่ได้มาในการเรียนอย่างเต็มที่ จนถึงวันที่เรียนจบเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ
สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอบคุณมากค่ะที่มาแชร์เรื่องดีดีมีประโยชน์ค่ะ👍🙏🌹🌹
ขอบคุณอาจารย์ ที่มาให้ความรู้เรื่อง gap year ไม่เคยรู้จักคำนี้มาก่อน น่าจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับเด็กไทยค่ะ
ขอขอบคุณ
😊ขอบคุณอจ.หมอมากนะคะ🙏🐰
ในไทยมีหลายคน หยุดทำงาน แล้วดำรงชีพด้วยเงินพ่อแม่ มากลายกัป
บางรายใช้เงินเรียนไปเรื่อยๆ เรียนเทคคอร์สหลายวิชา แต่ก็ไม่ทำงานจริงๆจังๆเสียที บอกสนุกกับการเรียนและการพบเพื่อนในที่เรียน หรือเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ ขอเงินพ่อแม่ลงทุนแล้วสักพักก็เลิก ปิดกิจการ แล้วเปลี่ยนไปเรื่อยๆอีก เช่นเข้าไปทำงานวันเดียว เจออาจารย์สอนแล้วลาออกเลย ไม่อดทนฝึกฝนต่อ
หรือบางราย 40+ ปีแล้ว ยังนั่งๆนอนๆอยู่บ้าน ไม่ทำงานต่อ น่าจะไม่เข้าข่าย gap year เพื่อพัฒนาตนครับ ขอคำแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองหน่อยครับ ในไทยเรามีเคสแบบนี้ไม่น้อยเลยครับ ทำให้คนไข้สูงอายุเป็นกังวลมาก (คล้ายๆ M ในเรื่อง หลานม่า ครับ)
งง จะเอามาเปรียบเทียบทำไม มันคนละเรื่องกับหัวข้อที อ.หมอพูดเลย
สวัสดีค่ะ อาจารย์หมอแทน🙏😍
วันนี้มาแชร์ประสบการ์ณ การทำGap year สำำหรับต่างประเทศ คือการจบการศึกษาขั้นหนึ่งแล้ว หยุดพัก การเรียน 1-2ปี เพื่อ ดูว่าจะทำอะไร หรือเรียน อะไรต่อ ดี หาความต้องการของตัวเอง ว่าควรจะทำอะไรชอบอะไร เรียนอะไรต่อ ให้เหมาะกับตนเองส่วน ที่ไทยเหมือนหยุดเรียน เพราะเรียนไม่ดี ตอนเด็กเรา เราจะคิดว่าโตขึ้น อยากทำงาน ต่างๆ เป็นหมอ พยาบาล นักกีฬา นักร้อง นักแสดง ครู ทหาร ตำรวจ หรือ อื่นๆ บางทีชอบกับสิ่งที่เรียนนั้น ไม่ตรงกัน
จึงต้องทำ Gap yearก่อน เช่นที่มหาวิทยาลัย อาร์วาด ให้คุณหยุดเรียนเพื่อ ไตร่ตรอง ดูว่าคุณต้องการทำอะไรบ้าง ในชีวิต ต่อจากนี้ไป ความต้องการที่ว่านั้น จะทำงานอะไร ที่ชอบ ถูกใจอยากทำ และเรียนอะไรต่อไปในอนาคต แล้ว เค้าก็ยังมาเรียนต่อ ได้
การทำแกบเยียร์ นั้น ทำแล้วได้อะไร มีการ
เตรียมตัว อย่างไร ช่วงหยุดไปวางแผนการใช้เงินในระหว่างหยุดได้ไหม ทำงานอะไรเพื่อเป็นค่าใข้จ่าย ทำแกบเยียร์ โดยบางคนมีทีเดินทางไปประเทศต่างๆ เพื่อ เรียนรู้ชีวิตของคน ต่างภิ่น ต่างชาติ ทำงานวิจัย วางแผนว่า อะไรคือเป้าหมาย มีชีวิตอย่างไร ช่วงพักเรียน เช่นเป็นอาสาสมัคร และการทำงานวิจัย
มีการวาางแผน 1ปี และทุกสามเดือน ทำให้ก้าว กระโดด ได้ ต้องปรึกษาพ่อแม่ ครู ให้เข้าใจเรื่องการทำแกบเยียร์ ทำความเข้าใจกับพ่อแม่ ให้ดี คนเรียนจบมาได้เงิน มากต้องเรีบนต่อเพื่อเพิ่ม เงินเดือน เอง ขอบคุณคุณหมอมาแชร์ประสบการณ์ คุณหมอค่ะ คิดว่ามีประโยชน์แน่นอน แก่ ผู้ต้องการหยุดเรียน เพื่อ ค้นหาความต้องการของตนเอง 🙏❤️🌹,
ขอบคุณค่ะอาจารย์🙏🥰
สวัสดีค่ะ คุณหมอแทน
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและคำอธิบายในคลิปนี้ค่ะ
😊🌸🍃ขอบคุณมากนะคะ🙏
สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอบคุณนะคะ😊😍😍
ขอบคุณมากๆค่ะอาจารย์ 🙏🦋🙏
ขอบพระคุณมากค่ะอาจารย์🙏
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอธนีย์ หยุดพักเพื่อการก้าวกระโดดเป็นประโยชน์กับน้องๆหลานๆวัยเรียน ผู้ปกครองได้รับฟังก็จะได้เข้าใจบุตรหลานว่าทำไมถึงหยุด อาจารย์หมอเอาประสบการย์ตรงมาเล่าดีมากค่ะ
❤ขอบคุณมุมมองจากอาจารย์หมอแทนชื่นชมค่ะเด็กจะได้มีทางเลือกมาก
ขึ้นที่สำคัญวางแผนในการเรียนถึงความต้องเกี่ยวกับตนเองได้อย่างมั่นใจคุณหมอแทนมากประสบการณ์จริงๆ😅😅😅
เสื้อ ผ้า หน้า ผม ok ครับ คุณแม่ปลื้ม🎉🎉
สวัสดีค่ะ คุณหมอ❤
เพิ่งรู้จัก Gap year จาก อ. แทน นี่แหล่ะค่ะ คนรุ่น ก่อนจะคุ้นเคย และรู้จัก แต่ พี่เปอร์ ซิ่วมา เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ เพราะ รุ่นก่อนๆ คือเรียนจนจบ ค่อย มารู้ว่า งาน ในชีวิตจริงเป็นแบบไหน
ถือว่า เป็นการ เปิดโอกาส และ นักศึกษา ก็ได้รู้จักตัวเอง จริงๆ ด้วยค่ะ
😄😄😴😴 🫧🧼🧽🚙🧺🎞️ ขอบคุณค่ะ Tany สำหรับ 💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚💚 Have a wonderful & happiness moment time together with an adorable Rosy ค่ะ ☕️⭐️🧜♀️🇺🇸 🐶💋💋💋💋💋💋🩺👨⚕️🌹🌹🌹🌹🌹🌹🌸🌸🌸🌸🌸🌸
อาจารย์ inspire มากๆครับ รอติดตามคอนเทนต์ดีๆจากอาจารย์ครับ
❤🙏สวัสดีค่ะคุณหมอ
ขอบคุณครับ
😄💐ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ💓👍👍
เย้ๆๆ5.97K🎉🎉🌹🌹☄️🍎☄️🍎☄️🍎☄️🍎☄️🍎☄️🍎☄️🍎☄️🍎☄️🍎☄️
☺️ ขอบคุณอจ.หมอแทนมากค่ะขอให้มีผู้ติดตามฟังแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆๆ นะคะ👭🧑🤝🧑ประชาชนได้รับความรู้เป็นประโยชน์
มากมายจากอจ.หมอแทนค่ะ ขอให้100ล้านวิว..ไวๆๆค่ะ🥰🎉🎉
/\__/\
( .❛ ᴗ ❛.)
つ🎀つ 🍦🍦🍦
🌺🌸🌺🌸🌺🌸🌼
สวัสดีค่ะ คุณหมอติดตามค่ะ
ชอบมากเลยครับผมกำลังมี topic กับคนรู้จักเลย ฝั่งนั้นเอาเวลาไปเที่ยว
คลิปนี้ ผมหล่อ เท่ห์มากค่ะ... เด็กสมัยนี้ Gap year เยอะ... แต่เด็กบางคน คิดมาก คิดว่า Gap year แสดงว่าตัวเอง ไม่เก่ง เหมือนอย่างที่อาจารย์ ว่าแหละ เขาไม่เหมาะ... ดีจัง มาเล่าเรื่องโน้นนี่ให้ฟัง
ผมกำลังจะสละสิทธิ์มหาลัยวันนี้ครับ ผมจะหาเงินต่อ กลับมาเรียนที่เดิม ในวันที่ผมโตและพร้อมกว่าเดิม
เคยขอทำgap year แต่ที่บ้านนึกว่าอ้างมาอยู่บ้านเฉยๆ สบายๆ ไม่ขยัน ทำงาน เหมือนพี่ๆ ก็เลยทำไม่ได้ค่ะ แต่ตัวเองก็เสียดายมากค่ะ ขอบคุณคุณหมอที่นำความคิดนี้มาแนะนำให้เป็นที่รู้จักในสังคมไทยมากขึ้นนะคะ❤❤🙏🙏
ทำไมพอหยุดดูช่องอื่น และช่องคุณหมอจะโผล่ขึ้นมาทันที 😂😂😂😂😂😂😂😂
สนับสนุนให้เด็ก ทำงาน เพราะถึงอย่างไร ตอนโตมาเขาก้อต้องทำงานกันทุกคนอยู่แล้ว
ผมก็ จะลองสอบ คณะในฝัน ปีแรกให้ติด ถ้าไม่ติดผมจะ Gap year อ่านหนังสือ รอสอบปีต่อไป
สวัสดีค่ะ คลิปนี้ตอบโจทย์ตอนนี้มากค่ะ
อยากฟังเรื่อง พัฒนาตัวเองอย่างไร ไม่ให้โดน AI แย่งงานครับ เช่นพัฒนาแนวดิ่งเป็น specialist หรือพัฒนาแนวราบเป็น generalist ขอบคุณล่วงหน้าครับ ถ้าเป็นวงการแพทย์ได้จะดีมากครับ 🙏
อันนั้นง่ายมากครับ พัฒนาตัวเองให้ใช้งาน AI เป็นไงครับ
❤
ชอบความคิดGap year นี้มากครับ
❤😂😂🎉❤หนูเป็นผู้เรียนมา๊ากๆๆๆ(เข้าไปรับรับจ้างทำรายงาน) จบๆๆทำงานๆหลายๆอย่าง เฮ้ยเบื่อๆๆ ย้ายๆๆลาออกๆ ไม่ทำงาน อยุ่ในป่าในสวนตั้งแต่ก่อนโควิด ไม่ฟุ่มเฟีอย ไม่แต่งตัว ไม่ยุ่งไม่วุ่นวายกะใคร คิดว่าหนูทำถูกไหม (ทำงานๆๆได้เงินเยอะแยะ ค่าใช้จ่ายเยอะไม่เหลืออะไร เหนื่อยวุ่นวายเปล่าๆ
คุณหมอไม่เคยเล่าเลยว่าพอเรียนจบแล้วคุณหมอทำเอกชนที่ไหนแล้วประสบการณ์ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง
คุณหมอทำเอกชนเป็นแผนกอายุรกรรมหรือเปล่าคะ
คุณหมอมีประสบการณ์หลากหลายดีจังเลยค่ะ ทั้งทำโรงพยาบาลรัฐใช้ทุนแบบหนักๆ โรงพยาบาลเอกชนแบบสบายหน่อย และไปทำงานต่อโรงพยาบาลที่อเมริกาอีก 😊 สุดยอดประสบการณ์เลยค่ะ 👍
ไม่ได้ทำอายุรกรรม แต่ทำแผนกทั่วไปครับ
_/\_ขอบคุณค่ะคุณหมอ
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ Gap year หยุดพักเพื่อก้าวกระโดด เรื่องนี้สำหรับคนไทยอาจเห็นเป็นเรื่องแปลกไม่เข้าใจมีมุมมองที่ไม่ดีคือหยุดทำไมเสียเวลาเดี๋ยวไม่ทันเพื่อนกลับมาเรียนก็จะไม่ได้ถูกมองไปในแง่ที่ไม่ดีอายุก็มากขึ้นแก่เกินไปที่จะเรียน Gap year คือการ ดรอปเรียนหรือการหยุดในสิ่งที่เราทำอยู่ในขณะนี้ผ่านไปสัก 1-2 ปี แล้ว กลับมาทำใหม่ การหยุดไปนั้นเพื่อที่จะหาความหมายชีวิตตัวเองเพื่อดูความสามารถของตัวเองเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆ วันนี้อาจารย์หมอได้เอามุมมองที่เป็นมุมมองด้านใหม่มาให้ฟังดู ซึ่งGap year บางครั้งอาจเป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตเราทั้งชีวิตเลยก็ได้ Gap year หมายความถึงการเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาแล้วแต่ก่อนที่เข้าไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้นในการทำอย่างอื่นแล้วสุดท้ายค่อยไปเลือกว่าเราจะเรียนอะไรจะเข้ามหาวิทยาลัยหรือจะไปทำอย่างอื่นต่อการดรอปเรียนก็จะคล้ายกันแต่ที่ประเทศไทยนั้นมีความหมายว่าเราสอบไม่ผ่านหรือคะแนนออกมาไม่ดีหากปล่อยไปอาจได้เกรดไม่ดี หรือความหมายอีกอย่างคือหากเราจบปริญญาตรีแล้วทำงานหาประสบการณ์เสียก่อนค่อยมาเรียนต่อป.โท มันจะได้ประโยชน์มากกว่าจบป.ตรีแล้วต่อป.โททันที แต่หากคนไหนมีเป้าหมายชัดเจนคือรู้ว่าตัวเองว่าชอบอะไรรู้ตัวเองว่าต้องเรียนต่ออะไรและไม่มีปัญหาในการเรียน ก็ไม่ต้อง Gap year สามารถเข้าเรียนต่อในสิ่งที่ต้องการได้เลย Gap year จะตอบโจทย์และมีประโยชน์กับคนที่ไม่แน่ใจตัวเองไม่รู้ตัวเองว่าชอบอะไร เรียนไปทำไม จะเอายังไงกับชีวิตดี ดังนั้นการที่เราหยุดหรือถอยออกมาเพื่อศึกษาค้นคว้าเองอาจเป็นโอกาสที่ทำให้เราสามารถก้าวกระโดดไปไกลในชีวิตเลยก็ได้ ประเทศในแถบสแกนดิเนเวียนั้น หลังที่เรียนจบม.6 แล้วจะต้องทำGap year กัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเขา และมหาวิทยาลัยในอเมริกาIVY League ดังๆ เช่น Howard University หากสอบได้จะให้ไปทำ Gap year ก่อนโดยยังได้ที่เรียนเหมือนเดิม เหตุที่ให้ไปทำGap year เพราะจะมีโอกาสได้เห็นปัญหาของโลกในความเป็นจริง เห็นปัญหาที่แท้จริง เวลามาเรียนจริงๆจะมีไฟ มีความมุ่งมั่นรู้ปัญหารู้ว่าเรียนแล้วจะเอาไปทำอะไร แก้ปัญหาอย่างไรจะได้มุ่งมั่นในการเรียนต่อไป แต่ก่อนที่จะทำGap year จะต้องมีการวางแผนอันแรกคือวางแผนเรื่องเงิน หางานทำ จะอยู่อย่างไร เรื่องของความสามารถที่เราจะต้องศึกษาตัวเองและความสามารถที่เราจะต้องทำเพิ่มเติมพัฒนาทักษะต่างๆเช่นทักษะในการลงทุน ทักษะในการพูด ทักษะการเขียนโปรแกรม ยูทูป ทำอาหารเป็นต้น สามต้องดูว่ากิจกรรมอะไรที่ทำให้เราดีขึ้นได้เพราะเราต้องตอบคำถามสถานศึกษาให้ได้ว่าทำGap year แล้วได้อะไร คนเรานั้นเก่งอย่างเดียวไม่พอจะต้องมีความมุ่งมั่นด้วย การทำGap year นั้นทำให้เห็นปัญหาเห็นโลกแห่งความเป็นจริง เป็นครูของตนเอง และเมื่อจบออกไปแล้วจะมีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่ มองเห็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิม การวางแผนควรวาง แผนเป็นปี แล้วหลังจากนั้นซอยแผนย่อยๆเช่น3 เดือนแรกต้องทำอะไรบ้างและทุก3 เดือน จะทำอะไรบ้าง ในเรื่องต่างๆแล้วหากเราไปในที่เราไม่เคยไปก็ต้องระวังในเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก หากจบ Gap year มาได้จะทำให้เราค้นพบตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ก้าวกระโดดได้ไกล ดิฉันขอขอบ พระคุณ อาจารย์หมอเป็นอย่างสูงค่ะ
ประสบก่อน ถึงจะรู้
ตอนเรียน เหมือนเห็นไม่หมด เหมือนอยู่ในกรง ของความรู้ ปฏิบัติยังไม่เป็น
คนแน่วแน่ มั่นคง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ค้นหาตัวเองให้เจอ มีค่ากว่าเรียนจบวิชาที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่ได้ใช้
ฝากคุณหมอ เอาเรื่องนี้มาเล่าหน่อยได้ไหมค่ะ
คุณหมอแนะนำดีค่ะ แต่ปัญหาใหญ่ของคนไทยคือ จะทำงานหารายได้อย่างไร เอาเงินที่ไหนมาใช้ ชนชั้นกลาง รากหญ้าพ่อแม่กู้หนี้ยืมสินมา หวังลูกเรียนจบแล้วมีงานทำ มีรายได้
Work and travel ไปต่างประเทศก็ต้องมีเงินค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก้อนนึง เอาเงินมาจากไหน?
ประเทศไทยเปิดโอกาสให้คนทำงาน gap year น้อย ไม่ค่อยมีงานอะไรให้ทำ ไม่เหมือนต่างประเทศ
นั่นเป็นสิ่งที่ต้องคิดหาทางเองครับ ต่างประเทศก็เจอปัญหาแบบเดียวกันกับที่ไทย คนต่างประเทศที่ทำ Gap year ก็ต้องขวนขวายหารายได้เอง และที่นี่พ่อแม่ไม่ได้ให้เงินลูกเลยด้วยครับ ดังนั้นสิ่งที่คุณคิดว่าต่างประเทศจะมีเงินก้อนให้เด็กทำ Gap year มันก็ไม่เป็นแบบนั้น แต่มักเป็นความคิดติดหัวคนไทยที่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศจริงๆมากกว่าครับ
ขออนุญาตส่งต่อนะค่ะคุณหมอขอบคุณมากๆค่ะ🙏
เพราะถึงอย่างไรเราก้อต้องทำงานอยู่ดี
จา
เห็นหนังสือ stat ของ dummie ข้างหลังอาจารย์ เล่มนี้ดีมั้ยครับ
เฉยๆครับ
ความรู้เพิ่มเติม
สมัยนี้คนไทย เรียก “gap year” เป็นคำไทยว่า ”ซิ่ว” ครับ
อันนั้นไม่ใช่ครับ ซิ่วหมายถึงเข้าเรียนคณะนึงแล้ว เรียนต่อไม่ได้ หรือไม่ชอบ เลยลาออกมาสมัครคณะอื่นครับ
@@DrTany ออ จริงด้วยครับ ผมเข้าใจผิดนี่เอง ขอบคุณมากครับ
คุณหมออ่าน Statistic ด้วยหรอครับ
อ่านบ้างครับ
หนูว่านะ บ้านเราจะทำเหมือนบ้านเขาได้ไหม จบม.6 หรือ18-19ปีทุกคนต้องทำงาน ถ้าไม่ทำ ก็เรียน100%หรือจะทำงานและเรียนไปด้วย
ต้องบอกว่าทำให้เป็นแบบนั้นทุกคนไม่ได้หรอกครับ
598(K)!…🏃🏻♂️🏎🎈✨💨💨💨💨💨💨
Kudos ka Doctor Tany! 🙂
Variety Contents that Benefit ALL.
🍎🎶🎉✨🍎🎶🎉✨🍎🎶🎉✨🍎
ถ้าตอนนี้ คุณหมอสามารถหยุดพักงานได้หนึ่งปีคุณหมออยากจะพักเพื่อไปทำอะไรไหมคะ 😊
เที่ยวไทยครับ
@@DrTanyกินของอร่อยทุกภาคเลย 😊
Good Morning ka Doctor
สงบนี่งก่อนกระโจน
ขอบคุณครับ