แบงก์ชาติตอบแล้ว ทำไมเศรษฐกิจขยายตัวต่ำ-เงินเฟ้อติดลบแต่ กนง. ไม่ลดดอกเบี้ย | THE STANDARD WEALTH
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 14 ม.ค. 2024
- แบงก์ชาติ หรือ ธปท. ชี้แจง ยืนยันอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% ‘เหมาะสม’ ชี้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวไม่ได้เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ย แต่มาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เตือนการลดอัตราดอกเบี้ยมีทั้งต้นทุนและความเสี่ยง ติดตามรายละเอียดได้ในไฮไลต์นี้
ติดตามรายการ Morning Wealth ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-08.00 น. ทาง Facebook และ TH-cam ของ THE STANDARD WEALTH
------------------------------------
กดติดตาม และ กดกระดิ่ง: bit.ly/3WScbkk
ติดตาม THE STANDARD WEALTH ในช่องทางอื่นๆ
Website: www.thestandard.co/wealth
TikTok: / thestandardwealth
Blockdit: www.blockdit.com/thestandardw...
Facebook: / thestandardwealth
Twitter: / standard_wealth
Instagram: / thestandardwealth
#ธปท #ดอกเบี้ย #หนี้ #TheStandardWealth #การลงทุน #ลงทุน
ปัญหาส่วนใหญ่คือ ตอนกู้ดาว์นน้อยกู้เยอะ ถ้าดาว์นเยอะกู้น้อยมันก็ไม่มีปัญหาแล้ว ก่อนกู้หยิบเครื่องคิดเลขมาคำนวนสักนิด สิ่งมหัศจรรย์สิ่งที่ 8 คือดอกเบี้ยทบต้น อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกอยู่ฝั่งกินดอกเบี้ย หรือจ่ายดอกเบี้ยละ
ธปท.รู้ดีว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าความเป็นจริงมานาน อัตราเงินเฟ้อ1%กว่าผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งผมซื้อของโดยเฉพาะหมวดอาหารต้นปี66กับปลายปี66ขึ้นโดยเฉลี่ยเกิน10%คนไทยมีค่าใช้จ่ายเป็นอาหารประมาณ50% เงินเฟ้อเกิน 5%แน่นอนและไม่ใช่สินค้าอื่นไม่ขึ้น ขึ้นกันหมด ดังนั้นดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมควรเป็น 6% ไม่ควรเอาใจคนเป็นหนี้ และรัฐบาลเกินไป ควรสนับสนุนให้คนออมเงินและสะสมทุน
ของมันต้องมี เก็บเงินไว้ทำไม นี่คือตรรกะของคนรุ่นใหม่
เหมือนแบงค์ชาติอยู่คนละโลกกับเศรษฐกิจจริง อย่ามัวแต่งมผิดงมถูก แบงค์พาณิชย์จูงจมูกแบงค์ชาติโดยไม่รู้ตัว การส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบายมันควบคุมไม่ได้ เวลาขึ้นดอกเบี้ย แบงค์ขึ้นตาม ยกแผงอย่างไว แต่เวลาลดดอกเบี้ย บางแบงค์ไม่ค่อยจะลดตาม อันนี้เข้าใจได้ว่าแบงค์ต้องหากำไร แต่คนควบคุมนี่เหมือนเด็กเรียนมหาวิทยาลัยทำการบ้านเสร็จก็กลับบ้านนอน งกๆแต่กับข้อมูลวิชาการ ขาดความเข้าใจกับการส่งผ่านต่อภาคประชาชนอย่างจริงจัง
ผ่อนแต่ดอก ต้นทุนก็เยอะตามดอกเบี้ย กำไลแทบไม่มี ช่วยประชาชนหน่อยเถอะ แบงค์ชาติต้องเข้าใจประชาชนด้วย
จุดประสงค์ นกม. มองตัวเอง ต่างกับ คนที่มองประเทศเป็นสาระสำคัญ
ถ้าลดตอนนี้ ต่างชาติจะมองว่าแบ้งค์ชาติถูกการเมืองแทรกแซง นายกมีอะไรก็ชอบมาโพสต์ความเห็นลงโซเชียล ให้ดีควรไปคุยหลังไมค์เงียบๆ ไม่ใช่มากดดันแบ้งค์ชาติออกสื่อแบบนี้
ทำไมจะวิจารณไม่ได้ครับ ธปท ยังวิจารณ์นโยบายรัฐบาล เค้าวิจารณ์แต่ก็สั่งอะไรไม่ได้ นี่กลับเป็นการแสดงให้ทุกฝ่ายเห็นว่า ธปท เป็นอิสระจริงๆ
สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ดอกเบี้ยเกินเงินเฟ้อไปแล้ว หนี้เสียมีแต่จะเพิ่ม พวกคุณๆ ท่านๆ ไม่เดือดร้อน มันต่างกับคนที่หาเช้ากินค่ำ นะครับคุณท่าน
@@user-re3vs3xw6xคนอื่นไม่เท่าไหร่ นายกไม่ควรอย่างยิ่ง
@@TUKTA205 ไม่สามารถออกความเห็นนโยบายทางการเงินที่ไม่ถูกต้องได้ แต่ต้องรับผิดชอบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แบบนี้มันแฟร์กับเค้าไหมครับ? และการแสดงความคิดเห็นนี้ทาง ธปท ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามนะครับ? ยังคงดำรงความอิสระเป็นอย่างยิ่ง ในสหรัฐฯเอง ไบเดนก็ยังมีแนะนำเฟดนะครับ
รีดเลือดกับปู ผ่อนไม่ไว้ ก็ยึดเอาไปขายต่อ ฟันจมเขี้ยว 2 เด้ง
ผมเชื่อแบงค์ชาติมากกว่ารัฐบาลครับ
เข้าใจ BOT นะ เพราะต้องดูสเถียรภาพของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ไม่ให้เกิดวิกฤตแบบต้มจำกุ้ง ฯลฯ ส่วนนักการเมืองก็ต้องหาเสียงตามปกติ
ส่วนตัวมองว่าเหตุผลที่BOTให้ดูไม่ค่อยsolid เช่น ที่บอกว่าการที่ลดดบ.ตอนนี้จะกระตุ้นให้ปชช.สร้างหนี้แล้วลดทอนศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต แต่ผมกลับมองว่าการที่แบงค์ชาติไม่ยอมลดดบ.ในเวลานี้ก็เป็นการบั่นทอนศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในเวลานี้และในอนาคต ทำไมถึงยังให้ปชชแบกรับต้นทุนทางการเงินที่สูงในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอยู่ ยอมรับมาดีกว่าว่าที่ตรึงดบ.นโยบายแบบนี้เพราะกลัวเงินเฟ้อที่จะสูงจากนโบบาย10000บาทของรัฐ
3:21
ปล่อยน้อยๆคนและเก็บดอกแพงๆ ที่เหลือไม่ต้องกู้ เพราะไม่มีความสามารถจ่ายดอกเบี้ยแพงๆได้ คนฝากให้ดอกน้อยๆส่วนต่างดอกเบี้ยมากๆๆๆๆ ผลประโยชน์ แบงก์หรือปชช. ธปท.อย่าทำมึนๆๆๆๆๆๆๆๆ!
นักการเมืองเข้าไปยุ่ง หรือควบคุมหน่วยงานใด. หน่วยงานนั้นจะเจ๊งตลอด... แบงค์ชาติเขาต้องมีอิสระในการบริหารไม่ให้ใครเข้ามาแทรกแซงได้....
ต้นตอสร้างความเหลื่อมล้ำเลย ดอกเบี้ยที่คนรวยกับคนจนกู้ ก็ไม่เท่ากัน
ก็ไม่ต้องปรับดอกเบี้ยนโยบายแค่ปรับดอกเบี้ยเงินกู้
ฝาก0.3-1.6แต่ปล่อยกู้7-12% เรื่องจริงหนี้ครัวเรือน16.2ลลบ.ลดดอกกู้1% แต่ไม่ลดดอกฝาก เงินเพิ่มมาในระบบก็ประมาณ1.6แสนล้าน/ปี ลด2%ก็3.2แสน
คือปรับลดให้คนกู้รายเก่า ส่วนคนใหม่ก็เข้มงวดขึ้น
ทำได้ถ้าจะทำ ส่วนต่างยังอีกเยอะ ไปดูกำไรทั้งระบบที่2.2แสนล้านก็ไก้คำตอบ
ตอนเซ็นสัญญากู้เงิน บอกอะไรก็ได้ พอมีปัญหาบอกขอลดดอกเบี้ยหน่อยจ้า
ขึ้นไปอีกเลยขึ้นเยอะๆเลยเศรษฐกิจกำลังขาขึ้น เหตุผลที่อ้างก็ดี ขึ้นอีกเลย
FED ขึ้นดอกเบี้ย ทรัมป์ก็ด่า
แต่ FED เขาไม่สนจ้า
เค้าเงินเฟ้อเจ้านาย
คนโวยเพราะส่วนต่างดอกเบี้ยฝากกับกู้มันเยอะต่างหาก ฝากเงินที่ไหนดอก 2.5% บ้าง ตันแค่แสนเดียวไม่เอานะ
หนักจริงๆ ผ่อน 8,000 เคยได้ต้นครึ่งนึงตอนนี้ได้ 1,500😢😢😢
ควรขึ้นเฉพาะสร้างหนี้ใหม่ ไม่เหมา
ส่งบ้านตัดแต่ดอก ตัดต้นกี่บาท
เงินเฟ้อติดลบ คือ เงินฝืด นั้นเอง ทำไมไม่พูดปัญหาเงินฝืดบ้างครับ ตอนนี้ ไม่ใช่ปี 40 ครับ
พอฟังทั้งสองฝ่าย ผมมองว่าbot มองกว้างกว่าฝ่ายรัฐนะ เค้ามองทุกด้านจริงๆถ้าเทียบกันกับสิ่งที่คุณกิตติรัตน์เคยออกมาพูด ฝ่ายรัฐส่วนใหญ่เค้าจะมองแค่เศรษฐกิจกับปัญหาที่กำลังแก้คือเรื่องหนี้ แต่botมองไปถึงโครงสร้างเลย พูดง่ายๆคือถ้าจะให้แก้ปัญหาก็ควรแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ที่ปลายเหตุ
คิดแบบแบงค์ชาตินี่แหละ ต้นตอของความเหลื่อมล้ำ
@@changetheworld3439 เป็นต้นตอยังไงเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ
การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจครับ ไม่งั้นลำบากทุกหย่อมหญ้าแน่นอน
@@user-re3vs3xw6x ผมถึงได้บอกว่าbot มองไปทุกด้านไงครับ มันต้องควบคู่กันไปแบบที่คุณบอกจริงๆ
@@changetheworld3439 ผมว่าคุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับหน้าที่ของแบงค์ชาติอยู่น่ะครับ แบงค์ชาติมีหน้าที่ค่อยกำกับดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินภายในประเทศ ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่บริหารภาพรวมเศรษฐกิจและการเงินภายในประเทศ โดยรัฐบาลมักจะดำเนินนโยบายแบบ aggressive เน้นการกระตุ้นและการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนแบงค์ชาติจะดำเนินนโยบายแบบ conservation เน้นความมั่นคงและความปลอดภัยของเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งทั้งสองจะเหมือนเหรียญสองด้านที่คอยรักษาสมดุลระหว่างกันครับ
ไม่ลดดอกเบี้ย ก็ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากสิ เหตุผลอะไรทำไมไม่ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากตามกันด้วย
บีบเงินไปอุดตลาดหุ้น ที่มีความเสี่ยง
1ในเหตุผลหลักที่มีส่วนทำให้การมีลูกในยุคนี้คือหายนะ(ของชนชั้นกลาง เรทเงินเดือนกลางๆ) 30-40ปีข้างหน้าจะเก็บภาษีจากใคร เจ้าสัวจะเอาเงินมหาศาลมาจากไหนในเมื่อลูกค้าลดลง รายได้ต่อปีจะพอรันอภิมหาโครงสร้างซังกะบ๊วยที่สร้างไว้หรือเปล่า ท่าจะแย่สงสัยต้องรีบตุย
อย่าตามฝ่ายการเมือง
แต่
ไม่ขึ้นดอกเบี้ย
แต่ให้คงที่6เดือน
แล้วค่อยลด5สต.
แบงค์ชาติ อยู่ข้างฝ่่ายกินดอกเบี้ย คือ ธนาคาร บ หลักทัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อผ่อนรถ ฯ ฝ่ายเสียดอกเบี้ย คือ ผู้ซื้อ คือฝ่ายประชาชน
ไปดูต่างประเทศ
หลายๆประเทศไม่สนใจ 2.50
เน้นการทำงานผลงาน รอพร้อม ชาตินี้
ไม่ต้องทำอะไรแล้ว
ไม่ต้องพัฒนาชีวิต
ไม่ต้องเดินทาง
ไม่ต้องคิดธุรกิจ
รอพร้อม 2.50
มีคนมากมาย
ที่ต่ำกว่า 2.50
ชีวิตธุรกิจการงาน
ทำใมไปได้สวย
บางคนเดินทางไปต่างประเทศได้
*** ถึงว่าสู้ต่างประเทศเขาไม่ได้
เพราะรอ 2.50
นี่เอง
หุ้นกู้ดอกสูงปรี๊ดเลย แต่ขายไม่หมด😅
ป้องกันการสร้างหนี้เพิ่ม แต่คนที่มีหนี้อยูละครับ ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขาในช่วงที่ดอกเพิ่มสูงขึ้น บางคนไหวก็รอดไปบางคนเจอการรุมเร้าจากหลายด้าน ตั้งแต่โควิทซึ่งหนักมาก มาเจอดอกที่สูงอีก เหมือนโดนซ้ำๆเข้าไป ทางที่ดีคือหนี้ใหม่ดอกเรทสูง คนเดิมก็ต้องขึ้น แต่ขึ้นในระดับที่เขาไหวด้วย ปรับดอกที ก็ขึ้นที 0.25 สำหรับบางคนไม่หนัก แต่บางคนนี่กระอักเลยนะครับ
นักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการต้องบริหารความเสี่ยงด้วยตัวเอง ตอนที่เรากู้ยืมเราต้องเตรียมพร้อมทั้งความสำเร็จและล้มเหลว เตรียมพร้อมบริหารหนี้ ถ้าทุกคนจะให้รัฐมาช่วยบริหาร มาช่วยอุ้มหนี้ส่วนตัว ทุกคนในประเทศนึ้ก็จะอ่อนแอ เพราะคิดแต่ว่า เอาต่ะ เดี๋ยวรัฐก็จะมาช่วย แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้กับนานาประเทศ
ครับผมเข้าใจและเห็นด้วยครับรัฐช่วยได้แต่ไม่ควรเยอะ การจะเป็นหนี้ต้องมีเตรียมเผื่อไว้บ้าง แต่ด้วยความที่จาก.05รันมายัน2.5 สำหรับบางคนคงไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้
ต้องขึ้นเฉพาะหนี้ใหม่ไม่ใช่เหมารวมนกู้เก่าต้องคงไว้ครับ
รับเงินเดือนหลวง แต่เอื้อประโยชน์ให้แต่กับผู้ประกอบการ😢
ก่อหนี้เกินตัวคือ? แบงค์เป็นคนตัดสินใจเลือกลูกค้าปล่อยสินเชื่อไม่ใช่เหรอ หรือชั้นตั้งคำถามผิด
แต่ธนาคารให้ดอกเงินฝากต่ำ บีบ ให้เอาเงินเม่าไปอุดตลาดหุ้นรึ
เอาจริงๆ 2% กำลังดี 2.5% หนักเกินไปนิด
ทำไมดอกเบี้ยเงินฝากไม่ขึ้นตาม
ลดดอกเบี้ย แล้ว เกิดภาวะก่อหนี้เกินตัว...ตรรกะ "พ่อปกครองลูก" " คนรวยสอนคนจน".... อืม
ปิติ พูดได้อย่่างไรว่า เศรษฐกิจไทยตกต่ำยาวนาน เกิดจากโครงสร้าง (นายกตู่ 8 ปี ไง) และปัจจัยภายนอก(ต่างประเทศ)
ขอถามว่า เหตุใด ประเทศอื่นโตกว่าต่อเนื่องมาหลายปี อ๋อ? เขาไม่ได้มีแบงค์ชาติ แบบไทยครับ
รัฐต้องสร้างงาน
ลดดอกเบี้ยเถอะ
แบงค๋ชาติ ดูแค่ตัวเลขอย่างเดียวไม่สนอะไรเลย คือ ปชช จะเดือดร้อน จะตายก็ช่าง ขอแต่ตัวเลขสวยๆหรอ ส่วนการกู้นั้น ใครมันจะคิดว่าแบงค์ชาติขึ้นดอกเบี้ยนนโยบายมาถึง 2.5% ซึ่งมากสุดในรอบ 10 ปี แล้วมีที่ไหนเงินเฟ้อลด แล้วขึ้นดอกเบี้ย การขึ้นดอกเบี้ย ปัจจัยหลักคือการสกัดเงินเฟ้อ แต่นี่พี่ไทยเงินเฟ้อติดลบแล้วยังขึ้นดอดเบี้ย ขนาด fed usa ยังไม่ทำแบบนี้เลย
ธปท.อ้างว่าคนจะก่อหนี้เกินตัว มันจะทำได้ยังไงครับแบงค์เล่นไม่ปล่อยกู้เลย
คนรากหญ้าหรือ SME ขนาดเล็กส่วนใหญ่กู้สินเชื่อจากกลุ่ม non-bank ครับ ซึ่งกลุ่ม non-bank พวกนี้ก็จะกู้มาจากธนาคารอีกทีนึงครับ เวลาเกิด NPL ในกลุ่ม non-bank ก็จะส่งผลโดยตรงกับธนาคารครับ ซึ่งในปัจจุบันนี้กลุ่ม non-bank ก็มี NPL สูงที่สุดในรอบ 10ปีเลยครับ
งั้นก็แปลว่าถึงจะมีหนี้เสียเยอะก็ยังกำไรมหาศาลใช่ไหมครับปีนี้@@Giggs_P.K.
@@user-ev7wv7sl5i ที่กำไรเยอะปี 66 เพราะอัตราดอกเบี้ยที่สูงทำให้ธนาคารได้กำไรจากจุดนี้ แต่ NPL ที่เกิดขึ้นมันยังอยู่ในกลุ่ม non-bank ครับ ยังไม่ได้สะท้อนมาถึงกลุ่มธนาคาร ทำให้มี gap ตรงจุดนี้ธนาคารเลยดูกำไรเยอะ ยิ่งถ้าธนาคารไหนตั้งสำรองไว้น้อยกำไรที่แสดงออกมาก็จะเยอะเช่นกันครับ แต่จากที่ดูข้อมูลมา NPL จากกลุ่ม non-bank น่าจะสะท้อนในปี 67 นี้ครับ ภาพที่เราเห็นกลุ่มธนาคารกำไรเยอะปี 66 มันเป็นแค่ภาพสั้นๆที่ NPL ยังไม่ได้แผลงฤทธิ์ครับ
อะไรๆก็สู้คนมีตังค์ที่เป็นกลุ่มของธนาคารไม่ได้หรอกเพราะเขาหากินบนความทุกข์ยากของประชาชน
การควบคุมอ้ตราดอกเบี้ยจะสูงหรือต่ำเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจเข้าใจได้ แ่ต่ทำไม่ควบคุมส่วนต่างระะหว่างเงินกู้กับเงินฝากให้ไม่ห่างกันมาก
ทั้งๆที่เป็นหน้าที่กำกับและดูแลโดยตรง
เป็นเรื่องแปลก ที่คนในชาติไม่รุ้ว่าแบงชาติ มีหน้าที่รักษาค่าเงินบาท!!
ถ้าลดดอกตอนนี้ คือ เมิงอิบอ๋ายทันทีเลยนะ😅😅😅
คนไม่รุ้มีกี่% เรื่องนี้ยิ่งสำคัญกว่า ถ้ามี 5-10% อันนี้พอไหว...
แต่ถ้าไม่รุ้ 70-80% สิ่งนี้คือวิกฤตของจริง ใช่หรือไม่??😅😅😅
ใช่เลย ไม่โทษใคร
เรื่องนี้ต้องมีพื้นฐานความรู้วิชาเศรษฐศาตร์
ถ้าฟังความข้างเดียว ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นผู้ร้ายแหละน่ะ
น่าสงสารจัง
ขอให้ท่านทั้งหลายเป็นเสาหลักให้ประเทศไทย
พระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง
@@userur999zz 555 เกรียมอธิษฐาน
จริงค่ะ บางคอมเม้นคือกุมขมับ ให้อธิบายง่ายยังไงก็ดูเหมือนไม่อยากเข้าใจ มองในมุมกระเป๋าเงินตัวเองอย่างเดียว
@@TUKTA205 ไม่เข้าใจหรอก คนเป็นหนี้อยู่แล้ว ส่วนใหญ่ไม่ใช่หนี้ที่ดี และไม่ใช่คนรวย
น่าแปลกที่บางคนไม่รู้ว่าหลักการขึ้นดอกเบี้ย คือการขึ้นทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝาก ไม่ใช่ขึ้นแต่ดอกเบี้ยเงินกู้แต่ดอกเบี้ยเงินฝากไม่ขึ้น ปล่อยให้แบงค์กินกำไรส่วนต่างมหาศาล ประเทศอื่นดอกเบี้ยเงินฝากปาไป 5% กว่าแล้ว
ง่ายๆคือรัฐบาลมองว่ากำไรธนาคารสูงมากเป็นประวัติการณ์เลยคิดว่าควรลดดอกเบี้ย แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าถ้าลดดอกเบี้ยคนไทยอาจจะก่อหนี้เกินตัว
Bank ไทยกำไรโตขึ้นเท่าตัวภายในปีเดียว ปี 65 กำไร แสนล้าน ปี 66 กำไร 2 แสนล้าน ขึ้นดอกเงินกู้แข่งกับเงินกู้นอกระบบว่างั้น อ้างโน้นนี่นั่นศัพท์แสงเศรษฐกิจมาพรึ่บ สุดท้าย ปชช.ก็ตายเรียบ NPL พุ่งแน่ๆ เสร็จแล้วก็ให้ต่างชาติมาซื้อแล้วทำกำไรขูดเลือดเนื้อ ปชช.ต่อ
ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่จะสรุปได้ว่า ดอกเบี้ยนโยบายสูงเกินไปหรือไม่
แต่อย่างน้อยๆผมมองว่า คุณยังมองไม่ครอบคลุมว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายส่งผลอย่างบ้าง
ดอกเบี้ยนโยบาย ไม่ได้ส่งผลกับแค่เรื่องเงินเฟ้อ / ดอกเบี้ยฝากกู้
แต่รวมถึงด้านอื่น เช่น
1. การไหลออกของเงินการลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติ
1.1 การขาดสภาพคล่อง การเติบโต ของบริษัท ส่งผลโดยตรงต่อการจ้างงาน
1.2 ความน่าเชื่อถือของตลาดทุน, Panic buy/sell
2. อัตราการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ
2.1 เงินไหลออก เงินบาทอ่อนค่า, สกุลอื่นๆแข่งกันแข็งค่า
2.2 การนำเข้าสินค้าต่างประเทศราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ปุ๋ย ในช่วงแรก
ฯลฯ
การขึ้น หรือ การลด ดอกเบี้ย มีคนได้ประโยชน์ และก็มีคนเสียประโยชน์
แต่สิ่งที่แบงก์ชาติต้องทำคือการรักษาสมดุล รักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
ไม่ให้เกิดการกระชากที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจนต้องล้ม สูญเสียความเชื่อมั่น แล้วเกิดการล้มต่อๆกันเป็นDomino
แบงก์ชาติเลือกที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
และกลุ่มธนาคารได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนี้ ประชาชนบางส่วนเสียผลประโยชน์จากสิ่งนี้ จริง
แต่ก็มีกลุ่มธุรกิจอื่นๆด้วยเช่นกันที่ขาดไปจากการความเห็นของคุณ ผมแค่อยากจะชี้ให้เห็นว่า มันมีส่วนอื่นที่ไม่ควรมองข้ามด้วย
ทีนี้ ประเด็นของธนาคารพาณิชย์ เราก็ต้องมาถกเถียงกัน ว่าได้ผลประโยชน์เกินไปหรือไม่
มีวิธีการใดในการถ่วงดุลไหม
การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็อาจจะเป็นคำตอบจริงๆก็ได้
แต่มีวิธีอื่นอีกไหม?
1. เราเพิ่มอัตราเงินฝากได้ไหม
2. เราเก็บเงินเข้ากองทุนมากกว่านี้ได้ไหม
ฯลฯ ผมว่าคงมีคนเก่งๆคิดวิธีการได้มากกว่าผม ผมไม่ได้เชี่ยวชาญอะไร
ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์
รังแกประชาชนในยามลำบาก แล้วรู้สึกดีมากๆสะใจดี
เพราะก้าวไกลครับ มันเป็นวิกฤติชาติ
ตอนกู้ไม่คิด คิดแต่จะอ้างความชอบธรรมเข้าตัวเองว่า ไม่ไหวแล้วนะ แล้วก็อ้างว่า ต้องกินต้องใช้ ถ้าต้องกินต้องใข้จริง ทำไมห้างทุกแห่งรถเยอะ วันธรรมดาหาที่จอดไม่มี เสาร์ อาทิตย์คนเต็มแน่นห้าง อย่าอ้างว่ามาเดินเล่นตากแอร์ เห็นซื่อของกันเยอะแยะ ทำไมรถติดกว่าเดิม ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี คนไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ ต้องอยู่บ้านครับ ย้อนแย้งกันไปหมดแล้วมาอ้างความชอบธรรมว่า ต้องกู้เพื่อสร้างอนาคต แต่ไม่เคยคิดเผื่อว่า ถ้าเศรษฐกิจแย่ ซึ่งมักอยู่นานกว่าเศรษฐกิจดี จะทำยังไง พอมีคนบอก ห้าม อดใจไว้ ก็อ้างว่า สิทธิส่วนบุคคล ความจำเป็นแต่ละคนไม่เท่ากัน
ประทานโทษนาคับ การกู้ซื้อบ้านสำหรับคนไทยเนี่ยอันนี้ก้อคือสิ่งที่คุณเรียกว่ากู้ไม่คิดด้วยรึเป่าท่านกูรู
แล้วตอนกู้ซื้อบ้านไม่ได้คิดคำนวนก่อนหรอครับว่าผ่อนจ่ายไหวไหมอัตราดอกเบี้ยเท่านี้แล้วในอนาคต ถ้าวางแผนได้ดีไม่มีอะไรต้องกลัวครับ มันจะมีปัญหาตรงกู้เกินตัวแล้วก็ไม่ได้วางแผนนี่แหล่ะ สักแต่กู้ให้ได้เท่าไหร่ก็กู้เวลาผ่านไปเป็นหนี้เสียอีก พอถึงเวลาผ่อนไม่ไหวก็ต้องมาหอนโอดครวญให้รัฐช่วยนั่นช่วยนี่ซึ่งมันไม่ควรเป็นหน้าที่ของรัฐเลย รับไม่ควรแทรกแซงกลไกตลาดใครเรียนเศรษฐศาสตร์ก็รู้กัน(เว้นแต่คุณเป็นพวก Keynesian ที่ชอบแทรกแซงเศรษฐกิจ ส่วนเรื่อง financial literacy ก็ควรเป็นเรื่องพื้นฐานที่ประชาชนหัดเรียนรู้ที่นี่ไม่ใช่ยุโรปครับไม่มีรัฐสวัสดิการคอยเลี้ยงดูต้องวางแผนและดูแลตัวเองให้ดีครับ ถ้ามัวแต่หวังพึ่งภาครัฐก็มีแต่โดนนักการเมืองเป่าหูไปทุกๆ4ปีนั่นแหล่ะ@@user-my8qe5xj9u
ทุเรียนกู้ชาติได้ครับส่งออกได้เยอะ
ต้องมองถึงความเท่าเทียมไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
เชื่อแบงค์ชาติมากกว่า
ก่อหนี้เกินตัว พูดไปได้ ..กว่าจะกู้ได้
แบงค์ชาติต้องตอบมาก่อนว่า การคงดอกเบี้ยนโยบายสูงนั้น ทำให้แบงค์กำไรสูง คล้ายค่าการตลาดของบ.ผู้ขายน้ำมัน นั้นจริงไหม
กำไรมหาศาล ใครจะโง่ลดละครับ โอกาสทำเงินสร้างกำไรมหาศาลแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆ อย่าอ้างเยอะ เรียนสูงรู้เยอะ ใช่ว่าจะพูดอะไรแล้วใครก็เชื่อ
แล้ว ทำไมไม่เพิ่มเปอร์เซนต์การคืนเงินกู้กองทุนฟื้นฟูให้เป็นอัตราที่สูงเป็นพิเศษเล่าครับ(เท่ากับลดภาระดอกเบี้ยให้กใการคลังหรืองบประมาณ) จะได้ไม่มีเศษเงินตกหล่นที่ทางเท้าหน้าแบงค์
ใช่สิ เอื้อจีนขนาดนี้ คนในประเทศจะไปสู้ยังไง