ตัวเลขน้ำมันเครื่องหลัง W 30 40 มันทนความร้อนได้แค่ 100 องศาหรือ อย่างนี้ก็บรรลัยสิครับ
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 16 ก.พ. 2024
- ตัวเลขหน้า W คือทนความหนาวเย็นเท่าไรที่ไม่เสียค่าหนืด เช่น 5w ก็ทนอากาศหนาว 20-30 องศาเซลเซียส น้ำมันเครื่องไม่สูญเสียความหนืด ส่วนตัวเลขหลัง W คือค่าความหนืดเมื่อเครื่องยนต์ร้อน แล้วความหนืดมันจะสูญเสียไปที่ 100 องศาเท่านั้นหรือ อย่างนั้นพวกรถความร้อนน้ำมันเครื่องเกิน 100 องศาเซลเซียสก็บรรลัยสิครับ
- ยานยนต์และพาหนะ
ตัวแรกเป็นองศาที่จะเริ่มทำงานปกติอุณหภูมิเมืองไทยเกิน5องคาอยู่แล้วส่วนตัวหลังคือความหนืดของน้ำมันรถใหม่ใช้แค่30ถ้ทเก่าหน่อยก็40อย่าชี้นำให้เข้าใจผิด สารเคลือบอะไรๆไม่จำเป็นต้องใช้หรอกยิ่งรถใหม่ๆห้ามใช้เลยใส่เข้าไปมีแต่ผลเสีย
ลุงตอบคำถามได้ดีมาก ตรงทุกข้อแต่อยากจะเสริมสัก 5 ข้อ
1) การวัดความหนืดจะวัดที่ 0 กับ 100 องศา
2) อุณหภูมิใช้งานของเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 70 - 90 องศา ขึ้นอยู่กับวาล์วน้ำของรถแต่ละห้อ
ให้เปิดให้นำ้หล่อเย็นผ่านที่เท่าไร
3) ดัชนีความข้นใสคืออัตราการเปลี่ยนแปลงความหนืด 0w จะมีดัชนีความข้นใสดีกว่า 10w หมายถึง ที่
0 องศา ก็ไม่ข้นเกิน และที่ 100 องศา ก็ไม่ใสเกิน จึงหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ดีทุกย่านอุณหภูมิ จะ
สังเกตว่าเลขยิ่งน้อยราคายิ่งแพง เพราะเขาต้องเติมสารแอดดิทีฟมากกว่า(สารปรับปรุงคุณภาพ)
4) ส่วนน้ำมันเครื่องที่ไม่มี w เลย แย่สุด คือ ขณะที่ 0 องศา ก็ข้นมาก และที่ 100 องศา จะใสเกิน
5) แต่การรับรองมาตรฐานน้ำมันเครื่องก็สำคัญ ปัจจุบันนิยมมาตรฐานของอเมริกา(SAE) การรับรองที่ถูกต้อง จะต้องมีเครื่องหมายโดนัท หรือ สตาร์บรัช ที่ข้างแกลลอนน้ำมันเครื่องด้วย หากไม่มีเครื่องหมายดัง กล่าวอาจไม่ได้มาตรฐานก็เป็นไปได้ แต่หากมั่นใจในยี่ห้อก็ไม่ต้องสนใจอะไร ปัจจุบันแกลลอน
น้ำมันเครื่องในศูนย์บริการรถทั้งญี่ปุ่น เยอรมัน หรือ ศูนย์บริการอิสระตามศูนย์การค้า ฯ ก็ไม่เห็นจะมี
เครื่องหมายดังกล่าว เผลอๆบางแห่ง ใช้แบบถัง 200 ลิตรก็มี แถมเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ซะด้วย
ค่า Viscosity จะวัดที่ 40c กับ 100c ครับ อีกค่าคือ Pour Point จะวัดว่าน้ำมันเครื่องตัวนั้นๆจะไหลได้ที่อุณหภูมิต่ำสุดเท่าไหร่
@@MXdeFunk ขอบคุณครับ ข้อมูลแน่นดี ผมลองหาอุณหภูมิที่เขาใช้วัด พบว่า ค่าสูงอยู่ที่ 100 ส่วนค่าต่ำมีหลายค่า ของ API ไม่มั่นใจ แล้วแต่ปีคศ. ด้วย แต่ของ ISO ขึ้นอยู่กับ ISO 1, ISO 32 or ISO 64
@@01032505 หลักๆจะมี ASTM ของอเมริกากับ DIN ของฝั่งยุโรปครับ จะวัดค่า Viscosity ที่ 40c กับ 100c ค่าที่วัดได้พวกนี้ ผู้ผลิตจะเอาไปใส่ไว้ใน Product Datasheet
ขอบคุณทั้งสองท่านสำหรับความรู้ด้านวิชาการที่เกื้อหนุนกันและกัน ❤
พูดวนไปวนมาจนสับสน ไม่จับประเด็นว่าเก่าควรใช้อะใร ใหม่ควรใช้อะใร...ให้เข้าใจง่ายๆ
ใช้ภาษาได้ใจมากครับถึงอารมณ์ดี
ความรู้มากครับ ..เพราะที่ผ่านมารู้เพียงแค่ค่าหลัง 30-40-50 นั่นเป็นค่าความหนืดของน้ำมัน ไม่เคยรู้ถึงอุณหภูมิของน้ำมัน
เบอร์ 20..30…ข้อดี ความหนืดใสไปตอนเช้า หรือหน้าหนาวออกตัวได้ดีไม่ต้องอุ่นเครื่องนาน..ใสลื่นวิ่งดีมีส่วนช่วยประหยัดน้ำมัน
..ข้อเสียวิ่งไปไอระเหยมีมากน้ำมันเครื่องก็จะพร่องต่ำกว่าขีดวัดน้ำมันเครื่อง
…เบอร์ 40 มาตรฐานเมืองไทยเมืองร้อน เกรด SAE40 ซีลแหวนลูกสูบได้ดีมีกำลังอัด ทำให้แรงบิดไม่ตกขึ้นเขาลงห้วยเดินทางไกลพุ่งทะยานไปไม่ต้องกลัวน้ำมันเครื่องพร่องด้วยการระเหยเดือดเป็นไอ
.. เลือกใช้ได้ตามใจชอบ เบอร์ใสต้องขยันตรวจวัดน้ำมันเครื่ิอง ควรมีกระป๋องเล็ก(1ลิตร)สำรองเติมเก็บไว้ท้ายรถด้วยก็ดี)
.. ซิตี่ที่บ้านใช้เบอร์ใส หมื่นโลเปลี่ยนที แต่วิ่งไปหกพันโล น้ำมันเครื่องพร่องไปเยอะ
.. รถห้าหกปี หรือแสนโล ควรอัพเปลี่ยนเป็นเบอร์หนืดขึ้น หนืดหน่อยแต่เสียงเครื่องแน่นขึ้นเร่งติดเท้าดีแรงบิดไม่ตก
.. ส่วน W แล้วแต่จะเลือก เพราะไทยไม่ใช่เมืองหนาว 0-10-15-20 W
รถแคปดีเซล20ปีใช้ตัวไหนดีเรียงแพง-ถูก
แต่ มันเหลวเกินไปนะครับ รถดีเซลคอมมอนเรล ต่ำกว่า5w จะเหลวมากความเหลวมากฟิล์มก็จะบางไปด้วยครับ ถ้ารถวิ่งเกิน 1แสนขึ้นไป ผมมองว่า ไม่แนะนำเลย เสียงเขก ก๊อกๆ แก๊กๆจะตามมา เพราะ ฟิล์มมันบางมาก
*เมืองไทย/เมืองร้อน แนะนำ ดูตัวหลังเป็นหลักครับ ไม่เกินแสนเบอร์30 เกินแสนเบอร์40 หรือจะใช้เบอร์ 30 ถึง 3แสนก็ไม่เป็นไรครับ
** แนะนำให้เปลี่ยนตามระยะ วิ่งเกินล้านกม. ก็ยังดี
แรกๆผมก็1หมื่น2หมื่นโลเปลี่ยนทีตอนอายุรถยังไม่เยอะ แต่ตอนนี้3-4 เดือนเปลี่ยนทีรถใช่อาทิตย์ละ300 โล ไม่ใช่เงินเหลืออะไรครับ แต่เสีย3-4เดือนเปลี่ยน2000 ดีกว่าให้เครื่องมีปัญหาเสียหลายหมื่นครับ
ผมใช้เบอร์10w30 ตลอดเปลี่ยนทุก9000 โล
ผมเป็นคนใช้รถไม่เร็วคับ120 ยืนพื้น วิ่งไปแสนห้า กว่าคับ รถ7ปีคับ น้ำมันเครื่องคาสตรอลคับ รถผมดีแม็กคับ
รถผมเบนซินใช้top tec4600 5w 30 ความร้อนคงที่105 โอเคไหมครับ
รถผมcrv g3ใช้น้ำมันเครื่องฮอนด้า 0w20 พอจะไปรอดมั้ยคับ
ขออนุญาตนะครับ น้ำมันเครื่องของ Liqui Moly มีหลายรุ่นมากครับ บางทีดูแล้วน่าสับสน ต้องแบ่งตามชนิดของมันครับ คือแบบธรรมดา และก็กึ่งสังเคราะห์ และก็สังเคราะห์100% ซึ่งราคาก็แตกต่างกันตามคุณภาพที่สูงขึ้นแต่ราคาก็ไม่ได้ทิ้งกันมาก ที่สำคัญก็ต้องสังเกตดีๆครับว่าที่ต้องการจะนำไปใช้มันมีสเป็กแบบไหน เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซิลหรือดีเซลหรือสามารถใช้ได้ทั้งสองอย่าง ถ้าจะให้ดีก็ทำการบ้านนิดนึงครับเข้าไปหาข้อมูลใน data sheet ของแต่ละรุ่นที่เราจะเลือกใช้ว่าเราชอบแบบไหน ขอบอกตามตรงครับว่าบ้านเรามันเป็นเมืองร้อนและมันก็ร้อนมากเมื่อรถต้องติดอยู่กลางแดด ฉะนั้นค่าอุณหภูมิน้ำมันเครื่องตัวหลังนั้นสำคัญมาก สำหรับรถรุ่นเก่าเลขยิ่งสูงยิ่งดีครับ ยี่ห้อที่พอวางใจได้ก็มี Mobil 1 ซึ่งราคาก็เอาเรื่องอยู่ครับและก็ต้องดูดีๆซื้อจากร้านค้าที่ไว้วางใจได้เพราะถ้าราคาดูต่ำผิดหูผิดตาน่าตะปบต้องระวังน้ำมันปลอมกันด้วยครับ ขอบคุณครับผม
ใด้ความรู้ครับ
ผมขับcity,เลขไมล์140000โล
ผมใช้เชลล์ฟิวลิฟ 5 w30
ก็ดีคับ ลื่น ถือว่าดีเลย
ทำใม ผม ยิ่งฟัง ยิ่ง งง ที่ว่า ทนความร้อน ที่ 230 องศา ก็ไม่ใช่ ละ ที่ 230 องศาที่ว่า ไม่ใช่ว่า น้ำมันคงสภาพ นะ แต่ เป็นความร้อนที่ น้ำมันเครื่อง จะติดไฟ ได้
มาฟัง จะเอาความรู้ แต่ยิ่งฟัง ยิ่ง งง กว่า เดิม
7,000 โล น้ำมันเครื่อง อากาศเมืองไทยร้อนจัด ดำปรื๋อ แล้วครับ
บางเดือน อากาศร้อน ใช้กลางวันเยอะ เคยลากใช้ถึง หมื่นโล
เหมือนขับ น้ำเปล่า ในเครื่อง ไม่หล่อลื่น😂
อย่าลืม รถติดหนัก แต่กิโล ไม่วิ่งตามเครื่อง ทำงานตลอดเวลา รถติด
สงสัยว่า..ถ้าอยากให้น้ำมันไปเลี้ยงเครื่องไวๆ ทำไปดูเลขหน้าทำไม ลดเลขหลังลงดีกว่าชัดเจนเร
ใช้ ปตท 10w30 รภจะยี่สิบปีแล้ว วันศุกร์จาดยุดยา เข้ากรุงเตพ ตีเข้าระยองต่อ วันอาทิตย้อนกลับเหมือนเดิม แล้วก็วิ่งในยุดยาทุกวัน ยี่ห้ออะไรผมไม่กลัวๆร้านขายราคาไม่เท่ากัน เหมือนซื้ออะไหล่ มันถามแท้ไม่แท้ กุก็ดูไม่ออกอันไหนเทียมแท้😅
❤❤❤
Ptt ไดนามิค คอมมอลเรล10w30 ตัวนี้สุดจริง 7ลิตรราคาแค่750บาท ผมเอามาใช้กับรถเบ็นซิน1.6 ใช้ได้2รอบ ใช้มา15ปี เครื่องยนต์ยนต์ฟิตมากน้ำมันเครื่องแทบไม่ยุบหายเลยรอบเปลี่ยนถ่าย6-7พันโล
ผมใช้เชลล์เฮลิกส์5w30..7ลิตรเปลี่ยนครั้งล่ะ4,275฿ของเขาดีจริง😂😂😂😅😅😅สุด..ยอดดดดด😂😂
เมื่อวานวันนี้กับพรุ่งนี้ลาซาด้ามีโปร ฟูริโอ๊ะ 15w40 ดีเซลคอมมอลเรล ป๋องม่วง6+1ลิตร ราคาแค่630รวมส่งของมาส่งให้ผมแล้ว ตัวใหนได้โปรผมสั่งหมดตัวนี้ผมก็เอามาใช้กับรถเบ็นซินสลับกับ ปตท.บ้างตามโอกาสครับ
ผมจะเอาลิ้นจุ่มชิมก็เกรงใจร้าน ของแท้รสชาติจะเค็มๆมันๆ....... ของปลอมจะเค็มๆเปรี้ยวๆครับ 😄😄😄
ลองใช้voltronic c+ bllue ของเยอรมันดูครับ ค่าความหนืดอยู่ที่0w 20 ถึง5w30 เป็นนมคเกรดพรีเมี่ยม ของเยอรมัน ทนความร้อนได้สูง ใช้แล้วเครื่องเงียบขึ้น ลื่นสุดๆ กรุ๊ปนํ้ามัน เป็นกรุ๊ป4+5 (pao+ester) ผสมด้วยโบรอนเซรามิกด้วยจึงทนความร้อนได้สูงกว่านมคทั่วไป ราคาลิตรละ900 ใส่ได้เครื่องเบนชิน และดีเซล รับรองว่าเยี่ยมมากๆนครับ ใช้แล้วจะติดใจครับ😊😊😊
แค่5/30ป.ต.ทก็หรุแลัวไทยก็พอ
ไม่ต้องเยรมันหรอกของไทยมีโรงกลั่นเองห้องแลปก็มีพอแลัว
อย่าดูถูกของไทย
ผมใช้อยู่ครับไส่ ลีโว้ 2.8 วิ่งส่งน้ำเกลือ ร พ วิ่งสี่ปีแล้ว 560.000 กิโลเคลื่องยังเงียบไม่มีไอออกเลย
@@user-nz7jt6fx9l ไม่ดูถูกแต่ไม่ใช้ของ ปตท ครับ
@@user-nz7jt6fx9lเหอะๆ เอาปตท.มาเทียบกับVoltronicเลยเหรอครับ ไม่ต้องตัว C+ Blue หรอก เอาแค่พวกมีเบอร์ของ Voltronic 5W-30, 5W-40 GT ปตท.ก็สู้ไม่ได้แล้ว เคยใช้ ปตท. 0W-40 ตัวท็อป ลากไปแค่ 7,000 โล ก็อืดแล้วต้องถ่ายทิ้ง เทียบกับ Voltronic 5W-40 GT ลากไปยัน 10,000 โล ยังลื่นอยู่เลย จะบอกให้นะ น้ำมันเครื่องอ่ะคุณภาพมันตามราคาครับ
ผมว่าคนขายหรือเจ้าของอู่ก็ยังไม่รู้ลึก
จิงคับ
เท่าที่ทราบเลขตัวหน้ายิ่งน้อยความข้นใสของน้ำมันก็จะยิ่งน้อยเวลาเครื่องยนต์เริ่มทำงานน้ำมันจะขึ้นไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆได้ไวกว่าจะช่วยลดการสึกหรอได้ดีกว่าสำหรับเลขตัวหลังควรใช้ตามสเป็คของรุ่นนั้นๆแต่เมื่อไหร่ที่น้ำมันเครื่องเริ่มหายและควันเริ่มมีขาวๆให้เห็นก็ให้ขยับเบอร์ขึ้นไป
น้ำมันเครื่องยังไม่หายครับ ใช้ 30 ไปก่อน
อุณหภูมิในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ เกือบ 2,500 องศาฯ และอุณหภูมิที่กระบอกสูบ ประมาณ 320 องศา แต่ที่เราเห็น 80-100 องศา เป็นอุณหภูมิที่วัดจากหม้อน้ำ น้ำมันเครื่อง กับน้ำยาหล่อเย็นจึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนก่อนระยะที่กระป๋องผลิตภัณฑ์บอกมา เช่น 10000 กิโลเมตร ต้องเปลี่ยนก่อนเสมอ เพื่อนคุณภาพที่ดี และเครื่องยนต์จะมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
น้ำมันเครื่องมันไม่ได้สัมผัสความร้อนตรงๆในห้องเผาไหม้
จริงครับถ้าน้ำร้อนมากก็เปลี่ยนเบอร์อุณหภูมิวาล์วน้ำให้ลดลงมา
Flash point 232 องศา จัดว่าต่ำครับ ยี่ห้ออื่น สูงกว่านี้
ค่า Flash point ยิ่งสูง ไอยิ่งน้อย
232 นี่สูงมากละ Flash Point คือจุดวาบไฟ เกี่ยวอะไรกับไอเยอะไอน้อย อยากรู้ว่าทำมันเครื่องตัวไหนละเหยเยอะหรือน้อยดูค่า Noack
0w-20 มันเป็นค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องเกรดรวม คือมีความหนืดที่เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ เย็น (W=winter) และร้อน ตามมาตรฐาน SAE มันไม่ได้บอกว่าน้ำมันคุณภาพดีหรือไม่เลย ฮอนด้าก็ใช้ 0W-20 มานานแล้วเพื่อการประหยัดน้ำมัน ที่ศูนย์ก็เติม 0W-20 ทุกที ใช้มา แสนกว่าโลละ เร่งไปถึง red line หลายครั้ง ก็ยังไม่เป็นไร รถใช้งานมันปรกติไม่ใช่รถแข่ง ใช้ตามคู่มือรถ เปลี่ยนตามคู่มือรถ รับรองไม่มีทางพัง
ผมเคยใช้อยู่หลายครั้ง แรกๆเครื่องแน่นดี แต่นานๆเหวนตายไม่มีแรง ต้องรื้อทำไหม่ เพราะมันเครือบแหวนด้วย
มันก็คือหัวเชื้อแบบเจือจางไงครับ
ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแค่ 10w-30 แล้วใส่ ceratec มันจะดีกว่า เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 5w-30 ไหมครับ
Ceratec ตามสเปกเคลมว่าจะเคลือบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้ที่ระยะประมาณ 50,000 กม ส่วนตัวมองว่าใส่ Ceratec กับ 10W-30 น่าจะดีกว่า แต่ต้องเป็นน้ำมันเกรดเดียวกันกับ 5W-30 นะคร้บ
ผมใช้รถซิตี้ ลองใช้ลิคิด โมลี่ แกลลอนเขียว 0W20
เปนไงบ้างครับ
@@nattaphon4365 น้ำมันใหม่ มันก็ไหลลื่นเป็นธรรมดาครับ ต้องรอดูในช่วง 5000-7000กม ว่าจะมีผลอะไรบ้าง สี เสียง และอัตราการกินน้ำมัน ถ้าเปรียบเทียบกับน้ำมันเครื่องที่ใช้ก่อนหน้านี้ Voltronic 0w20 ดีมากเลยครับ ผมถ่ายออกเมื่อตอน 10000กม.
ไม่ข้ามโฆษา ช่วยค่าน้ำครับ
Yarisผม ความร้อนน้ำมันเครื่อง 115องศาขึ้นไปคับ ยิ่งวิ่งยาวๆถึง140องศาเลยคับ ส่วนobd2 ถ้าค่าน้ำมันเครื่องที่แสดงมานั้น น้อยกว่าอุณหภูมิน้ำ3องศาตลอดคือค่าหลอกคับ แนะนำเกจlufi ดูน้ำมันเกียร์กับน้ำมันเครื่องได้
อันนี้มีปัญหาแล้วไหมครับ เช็คน้ำยาหล่อเย็น เช็คสภาพหม้อน้ำด้วยนะครับ
@@vintunerracing ยังปกติดีคับ รถผมyarisปี21คับ ความร้อนหม้อน้ำอยู่ที่91องศานิ่งๆคับ ส่วนความร้อนน้ำมันเกียร์cvt ถ้าวิ่งยาวๆก็ขึ้น90-110องศา วิ่งอยู่ประมานนี้
ผมใช้X1-R กับ 5w 40 Shell
แต่เบอร์20 เอาจริงไม่เหมาะกับอากาศร้อนๆคับ อย่างน้อย5w-30น่าจะดีกว่า
มิน่าล่ะครับ น้ำมันเครื่อง เกรด 0w-20 มันถูกกว่า 5W-30 เพราะความเขื่อนี้ ผมใช้ ทั้ง 2 รู้สึกว่า 5W-30 กินน้ำมันกว่าครับ และเครื่องยนต์ก็ทำงานปรกติเหมือนกัน
ไม่เกี่ยว อยู่ที่เครื่องยนต์แต่ละรุ่น ระยะ Clearance ภายในเครื่อง
ผมตอบคนข้างบนครับ ในกรณีที่ใช้ได้ทั้ง 2 สำหรับฮอนด้าช่างข้างนอกชอบบอกให้ใช้ 5W-30 แต่คู่มือบอกใช้ 0W-20 ก็ใช้ทั้ง 2 อันได้ครับ เพราะ ตัวหน้าบ้านเรามันเย็นไม่ถึงอยู่แล้ว
@@dallasboy1 ผมก็ตอบเมนต์บนครับ
แสดงว่าฟังไม่จบทั้งคลิป 0w 5w 10w มีข้อแตกต่างกันชัดเจนครับ... ช่างที่ไม่ได้ศึกษาก็มักจะบอกว่าประเทศไทยอุณหภูมิไม่ติดลบไม่จำเป็นต้องดู น้ำมันเครื่องรถแข่งยังต้องใช้ 5w-50 เลยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อและราคาด้วย
ดูแต่อุณหภูมิน้ำ
อุณหภูมิที่ฝาสูบ กับห้องเผาไหม้ที่น้ำมันต้องกวาดผ่านแหวน ดุเดือดกว่านั้นเยอะ
ชอบกันจังเบอร์ 20 ศูนย์ว่าดี ดีสำหรับศูนย์เวลาพัง ได้ตังนะ
เบอร์สูง เป็นอย่างไร มอเตอร์ไซค์เขารู้ดี
ว่ากันแล้ว เอามา Blindtest แล้วบอกได้นี่ เหลือเชื่อ
นิสสันมาสตัวแรก เกียร์ ธรรมดา ใช้ 0w20 ใช้มาหลายยี่ห้อ วิ่งมา สามแสนเก้าหมื่น ก็ยังไม่กินน้ำมันเครื่องเลย ไปเหนือจดใต้ แต่เปลี่ยนทุก 6000-8000โลนะ
@@user-fn4cu6kf3j FD ผมปกติเปลี่ยนศูนย์ตลอด รู้สึกเวลาเร่งเครื่องจะมีเสียงดังมากๆเลย เปลี่ยนไปใช้ หอย 0w-40 ผมว่าเงียบกว่าเดิมเยอะ รถ 170kโล
@@user-fn4cu6kf3j March รถอีโค่คาร์ แถมไม่ได้ใช้รอบสูง มันไม่ได้เห็นผลเร็วขนาดนั้นหรอกครับ ประเด็นมันไม่ใช่การกินน้ำมันเครื่อง แต่มันคือการหล่อลื่นและชั้นฟิล์มที่ปกป้องเครื่องยนต์ ลองขับรถพวกที่ใช้รอบสูงดูแล้วจะรู้ครับว่าอาการมันออก เสียงเขก เสียงวาล์วมาหมด ไหนจะอากาศร้อนประเทศไทยอีก 0W-20 เหลวเป็นน้ำเลย มันสู้พวกเบอร์สูงกว่านี้ไม่ได้หรอกครับ
ร้านเฮียปู อยู่แถวไหนครับ บก.
ท่ารั้ว เชียงใหม่ พิมพ์ gps ว่า wp oil plus
แชร์ประสบการณ์ ใช้แต่ 0W-40 shell helix ultra ตอนนี้ไมล์ 150,000 2.8 GD ยังสมรรถนะเหมือนวันแรกๆที่ซื้อรถครับ
เบอร์ท้าย 40 เหมาะสำหรับเมืองไทยมากที่สุด
หนืดเกิน ฟังเสียงเครื่องได้ ต้องเร่งมากขึ้น เปลืองน้ำมัน (ยกเว้นเครื่องหลวม) ผมใช้ -30 ตลอด เพราะเข้าศูนย์เป็นหลัก
@@onceuponatimeinutube6340 ผมใช้เบอร์ 40 ตั้งแต่ 20,000 กิโลแรก 0-10,000 โลแรก ติดรถ 1-2 หมื่น เบอร์ 30 ของศูนย์ หลังจากนั้น ใช้ 40 มาตลอด เพราะเครื่องยนต์ ภายใน ร้อนมาก อุณหภูมิเครื่องยนต์ บางคนยังไปดูหม้อน้ำเลย แต่ที่ใช้เบอร์ 40 เพราะว่าบ้านเราอากาศร้อน เบอร์ 30 ก็ใช้ได้ แต่พอน้ำมันเครื่องเริ่มร้อน มันจะเสียค่าความหนืดลง เป็นไปไม่ได้ ที่จะร้อนแค่ 80-90 หรือ100 องศา น้ำมันเครื่อง ใช้หล่อลื่นและป้องกันแกนเทอโบ น้ำมันที่ตัวท้ายต่ำ จะหล่อลื่นดีในช่วงแรก พอร้อน จะไม่หนืดและคุณสมบัติในการเป็นฟิล์มจะลดลงเมื่ออุณหภูมิสูง เทอร์โบ หมุนเป็นแสนรอบต่อนาที คิดว่าน้ำมันเครื่องเบอร์ 30 เมื่อร้อนแล้วค่าความหนืดลดลงฟิล์มบางลง จะไปป้องกันการสึกหรอยังไงกับแกนเทอโบที่หมุนแสนรอบ/นาที เลยพอมีให้เห็นบ้าง ว่ารถบ้านใช้น้ำมัน 30 ตลอด จะเปลี่ยนในหรือนอกศูนย์ เทอร์โบ จะหลวม แต่ก็ไม่ใช่ทุกคัน ส่วนตัวผมใช้ 40 พอวิ่งสักพักมันมีความร้อนในตัวน้ำมัน มันเสียค่าความหนืดลง ก็อาจจะหนืดมาเท่าตัว 30 การปกป้องย่อมดูกว่า และไอน้อยกว่าชัดเจนครับ ส่วนตัวนะ
@@onceuponatimeinutube63400w-40 ไม่ได้หนืดอย่างที่คิดครับ
แต่ถ้า 15W-40. อันนี้หนืด และขับรถรู้สึกได้เลย
FD ผมใช้หอยเหมือนกัน เครื่องเงียบกว่า 0w-20 เยอะ ปกติเปลี่ยนของศูนย์ตลอด รถ 170k โล
ผมใช้ D MAX ปี49 คอมมอเรลพอวิ่งได้ 260,000โล ผมใช้ทุกเบอร์ 40 ซีดี 15-30W 15-40W 20--50w ปัจุุบัน347,000โล เครื่องใช้งานปกติครับ
ป่านนี้ ซีลฝาวาล์ว ซีนเบ้าหัวฉีด ซีนแป๊บหัวฉีด เยิ้มหมดแล้วมั้งครับ
@@vintunerracing บำรุงรักษาตลอดเวลา17ปี "คติเตือนใจผม รถถ้าเรารักเขาๆก็รักเราครับ"
พี่ปูเกือบไม่ได้พูด ไมค์ที่พี่ปูก็ไม่มี แทบไม่ได้ยินเสียงพี่ปูเลย
ปรับปรุงหน่อยก็ดีนะ
รถผมใช้มั่วเลยครับเบอร์40อันตรายไหมครับ
รถไหม่ๆเบอเดิมพอครับ 30
ข้อความ กับการทดลองให้เห็นต่างกัน เอาเปรียบเทียบพร้อมกันเลย ว่า ตัวไหน จะไหลเร็ว เรื่องอากาศหนาว เราไม่ได้เจออยู่แล้ว ถ้ามันแตกต่างมาก บริษัทผลิตรถยนต์ ต้องแนะนำแล้ว
บางจาก 5w30 แพรตตินั่ม flash point 215 ใช้ดีมากครับ
เสียบ obd2 เลยครับ เเล้วเหยีบ ที่สภาพอากาศ และความเร็วคงที่ 1xx km/h ดูครับยิ่งทางไกล ลากยาวสัก 6 ชม. ยิ่งดีไม่จอดพัก (พักเเค่ติดไฟแดง น่าจะเห็นชัด เปิดแอร์เบอร์เดิม)
ผมขยับขึ้น เดิมผม 0w20 ศูนย์ ตอนนี้ขยับขึ้นมา 10w40 รถ 80,xxx กม. ความร้อนน้ำมันเครื่องผมว่าต่างกันครับ 5 - 6 องศาครับ ได้ กม. เพิ่ม จาก 0w20 ได้ 17.4 km/l หลังใช้ 10 w 40 ได้ 18.7-18.9 km/l
ลมยาง ขนาดยัง คนขับคนเดียวไม่มี เพิ่ม ครับ
รู้สึกว่าดีขึ้น เครื่องเงียบกว่า เล็กน้อย
อันนี้ที่ความรู้สึกครับ แต่ที่วัดจากobd2 นี้ได้ตัวเลข เทียบกันครับ รุ่นที่ใช้ ts zero (obd2)
น้ำมันที่ใช้วิ่งประจำ ตั้งแต่ใช้รถ E20 ครับ
ผมชอบดูคลิปฝรั่ง ช่องpiotr tester 😂😂😂ไม่รู้ ว่าfake ไหมน่ะ เค้าทดสอบน้ำมันเครื่องหลายเบอร์ หลายยี่ห้อ การสึกหรอ และความร้อนกับโหลดที่กระทำ แต่ก็ดีน่ะ
อธิบายผิดแล้วครับ
1. จุดแข็งตัว คือ 0 องศานะครับ ไม่ใช่100องศา นาทีที่0.55
555555
0wดีกว่า5wยังไง ง่ายๆเลยคือ base oil ของ0wมีการใช้สัดส่วนของน้ำมันสังเคราะที่สูงกว่าในราคาที่เท่ากัน
100 องศานี่ น้ำเป็นน้ำแข็ง งงหว่า
แปลAPI ซิ😂😂😂
ผมใช้งานรถตามปกติทั่วไปก็ใช้ตามที่บริษัทรถแนะนำ พอเลขไมล์ 150000 กม. ค่อยดูอาการเครื่องยนต์ค่อยเพิ่มค่าความหนืดตัวหลัง ถ้าใช้งานหนักหรือซิ่งบ่อย ตีนโหดคงไปที่สังเคราะห์ร้อย% ส่วนแบรนด์ไหนนั้นก็อาศัยถามจากคนที่ใช้รถมาก งานหนักหรืออู่รถที่ขายน้ำมันหลายแบรนด์ ก็มีที่เข้าดูการทดสอบน้ำมันเครื่อง คุณสมบัติต่างๆของสารเพิ่มประสิทธิภาพ กรุ๊ฟน้ำมันที่ผู้ผลิตผสม …อย่ากังวลมากครับ เริ่มใช้ตามบริษัทกำหนดแทบทั้งหมดก็เริ่มที่กึ่งสังเคราะห์แล้วเพิ่มเลขความหนืดตามอายุ สภาพเครื่องและการใช้งาน จนถึงเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์100%ตามกำลังเงินและความพอใจ รถคันไหนเริ่มใช้สังเคราะห์100%เลยก็สันนิษฐานว่ารถแพง รถแรงสมรรถนะสูง ซีซีน้อย รีดเครื่อง ใส่เทอร์โบว์ โมดิฟายด์เพิ่ม รอบจัด ความร้อนสูง
บ.ก.ครับของผมเป็นรถ4×4ตัวเก่าอายุยีสิบปีสเป็คเครื่องมันให้ใช้ได้สามเบอร์คือ 10w30 เบอร์40 และสุดท้าย15w40รถวิ่งมาแสนหกหมื่นโลตอนนี้ผมใช้15w40ของโมบิลอยู่จำเป็นต้องเติมสารเลือบในเครื่องใหมครับ
ผมขอตอบแทนนะครับ ไม่จำเป็นครับ แต่แนะนำใช้ 10w40ดีกว่า 15w40ครับ เน้นใช้ยี่ห้อดีๆ และเปลี่ยนน้ำมันเครืาอง กรองน้ำตามระยะสม่ำเสมอ
ใช้15w40นี่แหละถูกต้องแล้วรถเก่าของผมRodeoรถ30กว่าปีถ้าใช้10w40ไอระบายจะเยอะนำ้มันเครื่องซึมตามซีลต่างๆส่วนหัวเชื้อไม่จำเป็น
@@user-sq3bb6qq1o ใช่15w40 ยังมีน้ำมันซึมออกมาจามซีลอยู่มั้ยครับ
@@weerasao6978 มีแต่น้อยมากเมื่อเทียบกับ10w40ๆซึม10หยดแต่15w40ซึมหยดเดียวประมาณนี้
เมื่อ40ปีก่อนก็เติมกันมั่วทั้งยี่ห้อ&ความหนืดรถก็ใช้จนบัดนี้
สมัยนี้ใส่มั่วไม่ได้นะ ทั้งเทคโนโลยี กับเทอโบ เพราะรถสมัยนี้มันมี ใส่น้ำมันเบอร์ผิด เทอโบพัง น้ำมันเครื่องหายบ่อย กินกำลังเครื่อง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงขึ้น สึกหรอไว มันทำให้พังได้เลย ต้องใช้ตามคู่มือแนะนำ
😂😂😂wคืออะไรย่อมาจากคำอะไร😂😂😂มันคือน้ำมันมัลติเกรด ใช้ทำไมแพงๆประเทศไทยหิมะไม่ได้ตกเย็นขนาดต้องใช้w ต้องแยกให้ออกความหนืดและคุณภาพน้ำมันมาตราฐานUSA. ความหนืดก็ดูที่SAE คุณภาพน้ำมันดูที่API 😂😂😂
Yarisผม ความร้อนน้ำมันเครื่อง 115องศาขึ้นไปคับ ยิ่งวิ่งยาวๆถึง125องศาเลยคับ
ดูจากอะไรหม้ออุณหภูมิปกติอยู่ที่85-90c น้ำมันเครื่องมันจะร้อนอะไรขนาดนั้นมันฮิตแล้ว
@@user-rp2sv5cj4p ความร้อนน้ำมันเครื่องถ้าดูจากเกจถูกๆ ค่าที่ได้จะเป็นค่าหลอกคับ สังเกตง่ายๆความร้อนน้ำมันเครื่องจะน้อยกว่าอุณหภูมิหม้อน้ำอยู่ 3 องศา ตลอดเวลา ถ้าเป็นเกจlufi x1ค่าที่ได้จะเป็นค่าความร้อนจริงๆของน้ำมันเครื่อง ขับรอบสูงๆความร้อนน้ำมันเครื่องมี 130 องศาขึ้นไป ชึ่งก็เป็นเรื่องปกติคับ
ที่เหนขึ้นเขาชัน ต้วมเตี้ยม90 นึว่าหมดแรง_มันอาจร้อน120 องศา เลยไม่เร่ง เปนได้_สังเกตหลายเที่ยว (เขาปัก ขึ้นไปโคราช
55 เก่งกว่าบริษัทผลิตรถอีก
ใช้รถตั้งแต่อายุ20กว่าปีปัจุบัน50กว่าแล้วใช้น้ำมันเครื่องและเกียตามเสป็คของรถรุ่นนั้นๆคันแรกฮีโร สต้าด้าโฟวีลนิสสันบิ็กmฝาแดง ดีแมกซ์3.0เทอโบโฟวีล รีโว่4ปต.ตัวสูงผมไม่เคยใชสารอะไรและไม่เคยมีปัญหหาเครื่องและเกียเลยผมบรรทุกยางกาแฟทุเรียนหลักพันกก.ทุกคันแต่ผมไม่ค่อยได้วิ่งเร็ว80-120เป็นส่วนมากถ่ายของเหลวตามระยะทางสวนมีเนินบ้างไม่เคยคิดจะใช้สารอะไรพวกนี้แต่มันก็คงน่าจะดีสำหรับผมมันเปลืองเงินโดยไม่ใช่เหตุ
ผมวีโก้ 07 3แสนว่าโล ใช่ 5w30w ตลอดคับ
รถผมฟอร์ดเรนเจอร์
ใช้ 5w30 สังเคราะห์100 ตลอดทั้งสองคัน
เบอร์20สำหรับอากาศเมืองไทย ไม่เหมาะเลย ผมใช้เบอร์40 ใช้มาตั้งแต่ไมล์50000โล ตอนนี้36xxxxแล้ว เครื่องยังปกติดี
การทำงานของน้ำมันเครื่องไม่ได้ขึ้นอยู่กับอากาศภายนอกเป็นหลักครับ เพราะอุณหภูมิในห้องเผาไหม้สูงหลายร้อยองศา ส่งผ่านความร้อนจากเครื่องลงน้ำมันเครื่อง ระดับ ใกล้ 80-90° แล้วไปผ่านระบบหล่อเย็น หม้อน้ำ ระบายความร้อนส่วนเกินออกไป รักษาระดับความร้อนที่เหมาะสม 80-90° รถเมืองหนาวจึงมีหม้อน้ำเล็ก มาใช้บ้านเราพังเพราะระบายไม่พอ
การที่คุณใช้เบอร์ 40 เครื่องไม่พังหรอก แต่ที่คุณเสียไปโดยไม่รู้ตัวคือ รถจะเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าปรกติ วิ่งอืดกว่าปรกติ เพราะน้ำมันหนืด เครื่องหมุนยากขึ้น สมมติว่าปรกติคุณใช้เบอร์ 40 วิ่งได้ 14 กม/ลิตร ถ้าใช้เบอร์ 20 อาจจะได้ 15 กม/ลิตร เสียไปโดยไม่รู้ตัวหรือไม่เข้าใจถ่องแท้
ห๊ะ ตายๆๆ 40 ทำไปได้
@@dimension0157 มันแปลกตรงไหน ผมใช้5w40 ราคาก็ไม่ไดถูกกว่า5w30 ใช้มาตอนนี้เลขไมล์370000โลเข้าไปแล้ว ถ้าไม่ดีใช้ไม่ได้ วิศวกรเขาไม่ผลิตมาขายหรอกครับ ผมก็ไม่ได้โง่ อยู่กับวงการรถยนต์ มาตอนนี้ปีที่30แล้ว ไปอบรมเรื่องน้ำมันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ตั้งแต่ปี2536ทีาเริ่มทำงาน ฟังซ้ำๆไปมา เรื่อง นมค. และ ก็เป็นข่างเองด้วย
ระดับชาวบ้าน เอาง่ายๆเนื้อหาที่จำเป็นควรรู้ก็พอ
ก่อนซื้อเรียกเทคนิคของแต่ละยี่ห้อมาอธิบายนะครับ เซลแมนแต่ละยี่ห้อด้วย
วัดกันที่ 100 ไม่ใช่ได้แค่ 100 ศึกษาเยอะ ๆ
อย่าเชื่อมาก รถตู้ผม ใช้น้ำมันเครื่องถูกๆ บางจาก ใช้แก๊ส NGV ล้วนๆ ใช้น้ำมันแค่ตอนสตราทเครื่อง วิ่งมาแล้ว ล้านสามแสน กม. ก็ยังใช้ได้ดี
5000 กม.เปลี่ยนที ยุบไป ครึ่งลิตร เป็นเรื่องปกติ
เปลี่ยน 5000 โลก็ดีแล้ว แต่หายทีละครึ่งลิตรนี่ไม่ใช่ละ
ถ้ารถเกินแสนโลใช้ตัวไหนดีครับ ผมใช้5W30มานานแล้วครับ ตอนนี้แสน3ครับ
ส่วนตัวดูตามสเปคคู่มือรถ ยัง 30 และยังชอบ 30 แต่ถ้ารถ สามแสน กม.แล้ว ลองขยับไป 40 แล้วลองดูว่าอืดขึ้นไหม กินน้ำมันขึ้นไหม ถ้าไม่ ก็จะลองใช้ 40 ได้ครับ
ถ้าน้ำมันไม่หายก็ 30 ต่อครับ ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปใส่หนืดกว่านี้ ภาระเครื่อง
ผมใช้ liquid moly มาเป็น10ปี 5w. /30 (4600)กับ crv g4 top awd ( ถือน้ำมัน เข้าศูนย์ ตั้งแต่ถังแรกที่เปลี่ยนจนทุกวันนี้ ) น้ำมันเกียร์ 40000 กำลังจะลด เหลือ 20000 โลเปลี่ยน วิ่งทางไกลประจำ กทม /เลย
อุณภูมิ ในเครื่องยนต์ทั่วไป จะไม่เกิน 85.รุ้มาก ฉิบหายมาก ใช้มา 30ปีแล้วไม่มีปัญหา.
ใช่ เซล สังเคาะห์ 100%
5w-30 สั่งเคาะห์100
กับ
0w-40 สังเคาะห์100
บอกเลยครับ
0w-40 ลื่นๆพอกันครับ
5w-30
สรุปใช่ 0w-40 ตั้งแต่ป้ายแดง
ใช้ทั้ง revo 2.4 mu x 3.0
บอกเลยดีกว่า 5w-30 เยอะครับ
แถมไอระบายน้อยกว่า เบอร์30
สรุป สังเคาะห์100%
ดีทุกยี่ห้อ
แต่ทางที่ดีคือ 40ครับ
ประเทศไทยมันร้อนครับ
แต่ควรใช่
สังเคาะห์100%
โคตรเห็นด้วยเลยครับ บ้านเราอุณหภูมิอากาศเข้าท่อไอดี บางทีปาไป60+แล้ว
ยังมีบอกอีกว่ามาตราฐานใหม่ดี แล้วมาตราฐาน sae มันจะมีไปทำไม เดี๋ยวเอาน้ำมันเบอร์ 5w ใส่เครื่องให้เลย 😂😂😂 5w คือน้ำมันใสforklift
อันนี้ถุกต้องเลยครับ ทุกวันนี้ผมเอาถุกหน่อย 10w-40 จบเลย ผมเน้น 7พันโลเปลี่ยนที
@@suphakit_pum6891 ใช่ครับ
เมืองไทยโคตรร้อน
เบอร์ 40 คือพื้นฐาน
คงต้องเรียนรู้เพิ่มนะ เลขหลัง w เป็นเลขบอกค่าความหนืด ยิ่งหนืดมากฟีล์มน้ำมันที่เคลือบผิวชิ้นส่วนยิ่งหนา การสึกหรออาจจะน้อยกว่าน้ำมันที่หนืดน้อยกว่า แต่สิ่งที่สูญเสียไปคือ เครื่องจะหมุนยากขึ้น กินกำลังเครื่อง เปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น วิ่งอืดกว่า
ไม่ต้องเชื่อก็ได้ ลองเองได้ เอาให้ชัด ลอง w20 เทียบ w50 เลย 0-100 จับเวลาดู และ ลอง w20 น้ำมันเต็มถัง ได้ระยะกี่โล เทียบ w50 เต็มถังได้กี่โล ลองเลย ผมรับประกันเครื่องไม่พังจากระบบหล่อลื่น
วิศวกรคนสร้างเครื่องแนะนำเครื่องใหม่ให้ใช้ w20 เพราะเครื่องยังแน่น ช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนน้อย ต้องใช้ความหรือน้อย ฟิล์มน้ำมันบางๆ ถ้าใช้ w50 หนืดมาก ฟิล์มน้ำมันหนา ชิ้นส่วนเครื่องก็จะเคลื่อนที่ยาก กินน้ำมันในการหมุนเครื่อง วิ่งอืด เครื่องร้อนกว่า ไม่ต้องเชื่อถ้ายังไม่ลองเอง
@@ananpengmee3853
พวกทะเลทราย เบอร์60ครับ อากาศมันร้อน
ผมก็ยังใช้ 0w30 0w40
5w50 กินน้ำมันไม่ต่างกัน
5w50 ก็ลื่น กดคันเร่งแล้วรถไปตามเท้า
ว่าจะลอง5w60 อยู่ครับ
😊
ใช่ไอเมฆมังกรบินเปล่าที่เป็นเจ้าของผลิตพันธ์นี้555
คุณใช้เกรดไหน-30-40-50. ก็ไม่ดีดีเท่า. รักและถนม. เช่นรถเครื่องยนต์เย็นๆ. บิดกัญแจสตาร์สได้ ไปเลย. ไม่รออุณภูมิที่เหมาะอันี้อันตรายต่อเครื่องยนมากกว่า. ยิ่งเครื่องยนเทอรโบแล้วเลย
0W= -35
5w= -30ไล่ไปเรื่อยๆครับ
เลขหลัง 20-50 คือความหนืดครับ เลขมาก หนืดมากครับ ง่ายๆตามนี้
ตามนั้นครับ❤
จริงครับใช่เลยประเทศไทยหิมะไม่ตกแต่ที่ตลกคือใช้น้ำมันเมืองหนาวหิมะตก😂😂😂😂
คนทั่วไปที้ไม่รู้ลึก ก็คิดว่าตัวเลขน้อยลื่นรถวิ่งดี แต่ก็ระเหยเร็วกว่าตัวเลขสูง สภาพอากาศเมืองไทยเบอร์ที่เหมาะสุดคือ40 แต่ผมใช้40-50เกรดSN แล้วแต่ร้านไหนจะมีขาย
SN มีขายเยอะแยะครับหาดูได้เลยครับ วันนี้ไปเก็บ SP แล้วครับ
ตกลงใครถามใครตอบ
คิดเยอะไป เกินพอดี ไม่ใช่รถสนามเลขหน้าไม่ต้องสน
ขายของ?😂 น้ำมันเครื่องมันมีฟีมเคลือบอยู่แล้ว
ใช่เลยครับ เสียตังซื้อนมค.แพงๆ แล้วยังมาเสียตังค่าลิโพให้มันอีก งง 😂😂😂 อันที่ซื้อเพิ่มที่คิดว่ามันช่วยเคลือบก็เป็นจิตวิทยา มันก็คือหัวเชื้อผสมเจือจางลงเท่านั้นเอง
5 W 30 ใช้มาจนรถจะสิบปีอยู่แล้วขับไปพม่ามา 3 รอบ เวียตนาม จีน วิ่งกันทริปละเกือบหมื่นก.ม. รถยังวิ่งดีอยู่เลย
จะขายของอย่างเดียว พูดไม่ตรง
city turbo , liqui moly 0W-20 มีรุ่น PAO ผสม ชื่อรุ่น toptec6300 ค่า ทนทานความหนืดVI:190
HRV ไม่แนะนำรุ่น 4200 ครับ เคยเติม รถอืด ครับไม่เหมาะสมกับ NA
4210 ลื่นกว่า เพราะเลขหน้าเป็น 0W แล้วมี PAO ผสมด้วย
เลขหน้าก็ควรดูด้วย อัตราการไหลตอน Cold Start อย่างเช่น 0W40 กับ 5W40 ตัวแรกอัตราการไหลทำได้ดีกว่า หมายถึงน้ำมันเครื่องจะถูกปั้มไปหล่อลื่นชิันส่วนได้ไวกว่า
อีกอย่างคือโดยทั่วไป 0W40 กับ 5W40 ตัวแรกจะมี Range ของอุณหภูมิการทำงานของน้ำมันกว้างกว่า หมายถึง Base Oil ที่นำใช้คุณภาพสูงกว่าด้วย
ดูเพื่ออะไรครับในเมื่อ 5w ก็อุณหภูมิ-25 °c แล้ว กลัวน้ำมันไม่ไหลเหรอ
@@ananpengmee3853 0W กับ 5W ที่อุณหภูมิเท่ากันอัตราการไหลก็ต่างกันละ 0W ไหลได้ดีกว่า หมายถึงตอนสตาร์ทเครื่อง 0W ถูกปั้มไปหล่อลื่นชิ้นส่วนได้เร็วกว่า พยายามศึกษาหาความรู้เยอะๆ จริงๆก็พิมพ์ไปชัดเจนตั้งแต่คอมเมนต์แรกละนะ ลองไปดูใน Product Data Sheet กับ Safety Data Sheet ด้วยก็ได้ มีข้อมูลที่ควรทำความเข้าใจอยู่
@@MXdeFunk รู้ว่า 0w กับ 5w อัตราการไหลต่างกัน แต่ใช้งานจริงมันไม่แตกต่าง ณ.อุณหภูมิบ้านเรา เหมือน เบนซิน 91 กับ 95 มีอัตราการไหลต่างกันนั่นแหละ จุดประสงค์จริงๆของ 5w ผู้ผลิตเจาต้องการบอกว่า น้ำมันจะไม่เป็นไขที่ -30° รถเมืองหนาวต้องคำนึงถึงในการเลือกใช้ ถ้าจะเอาอัตราการไหลไปเลือกที่ความหนืดโน่น คุณคิดว่า 0w40 อัตราการไหลตอนสตาร์ทจะเร็วกว่า 10w20 มั้ย
@@ananpengmee3853 น่าสงสารที่คุณอ่านภาษาไทยไม่แตกแล้วพยายามอวดภูมิ ผมยกตัวอย่าง 0W กับ 5W ในกรณีที่ค่าความหนืดตัวหลังเท่ากัน เช่น 40 เอา 10W20 มาจากไหน กรุณาย้อนกลับไปอ่านทำความเข้าใจให้ดี เรื่องอัตราการไหลต่างก็คือต่าง จะมาบอกว่าใช้งานจริงไม่ต่างได้ไงยัง?
แค่ตอนสตาร์ทเครื่องยนต์ก็หมุนไปแตะหลัก 1000 รอบต่อนาทีแล้ว อัตราการไหลห่างกันต่างกันแค่ไม่กี่ cSt มันก็มีผล
แล้วพูดถึงคุณภาพของ Base Oil ยิ่งน้ำมันตัวไหนมี Range ของอุณหภูมิกว้างเท่าไหร่ หมายถึง Base Oil มีคุณภาพดีกว่า 0W40 กับ 5W40 ตัวแรกช่วงอุณหภูมิกว้างกว่า ถ้าศึกษามาบ้าง ลองดูน้ำมันแบรนด์เดียวกัน 0W40 กับ 5W40 ตัวแรกจะเป็นตัว Top ของแบรนด์ คุณภาพดีกว่า ราคาสูงกว่า ยกตัวอย่าง Liqui Moly Leichtlauf Energy 0W40 กับ Leichtlauf High Tech 5W40 ตัวแรก Base Oil มี PAO อยู่ 25-50% ในขณะที่ตัวหลัง Base Oil เป็นแค่ Group 3
@@MXdeFunk คุณดูดน้ำเปล่ากับน้ำอัดลม คุณรู้สึกน้ำอัดลมดูดยากว่ามั้ย
ในประเทศเขตร้อนทั้งโลก มีบริษัทรถยนต์ค่ายไหนแนะนำให้ใช้น้ำมันที่เลขหน้า w ต่ำเพื่อให้การหล่อลื่นที่ดีกว่ามั้ยหรือมีบริษัทน้ำมันไหนมีการทดสอบว่าน้ำมัน 0w มีประสิทธิภาพการไหลเพื่อหล่อลื่นตอนสตาร์ทสูงกว่า 10w ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้ลึกขนาดนั้น ช่วยหาความรู้มาแบ่งปันเสริมภูมิหน่อย