รู้จักสติ : ฝึกจิต ดูจิต ผิดตรงไหน? สนทนาที่ บ้าน ดร.มล.ญาศินี จักรพันธุ์ จ.เชียงใหม่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 14 เม.ย. 2023
- บันทึกการสนทนา (บางตอน) จากการสนทนาธรรมที่ บ้าน ดร.มล.ญาศินี จักรพันธุ์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ โดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ติดตามบันทึกการสนทนาต้นฉบับ (ฉบับเต็ม) ได้ที่ลิงก์นี้ : • บ้านธัมมะ_สนทนาธรรมที่... - ภาพยนตร์และแอนิเมชัน
ผู้ที่สนใจศึกษาธรรมะ ขอเชิญได้ที่ www.dhammahome.com
และ ฟังธรรมเฉพาะเสียง อ.สุจินต์ ได้จากทั่วโลก ทุกวัน 24 ชม.กดฟังลิ้งนี้ mixlr.com/dhammahome/
ที่ยูทูป [TH-cam Channel]
: ช่อง มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่ลิงก์นี้ : th-cam.com/channels/VfIbAOcRpMRLCU4bPgf1RQ.html
: ช่อง dhammahomelive ที่ลิงก์นี้ : th-cam.com/users/dhammahomelivevideos
: ช่อง dhammahometv ที่ลิงก์นี้ : th-cam.com/channels/0th6bYVYT-MlovZPSqMUKQ.html
และ ช่องรายการบ้านธัมมะ ที่ลิงก์นี้ : th-cam.com/users/poposanja
สำหรับ ผู้ที่สนใจการศึกษาและสนทนาธรรม ในภาคภาษาอังกฤษ ขอเชิญติดตามฟังธรรมและร่วมสนทนา ได้ที่ลิงก์นี้ : groups.io/g/dsg (Dhamma Study Group)
และ ฟังบันทึกการสนทนาธรรม ในภาคภาษาอังกฤษได้ที่ลิงก์นี้ :dhammastudygroup.org/dsgAudio.html
(ผู้ที่เป็นเวปมาสเตอร์ ของทั้ง ๒ เวปไซต์ ดังกล่าว คือ คุณ Jonothan และ คุณ Sarah Abbot ทั้งสองท่าน เป็นชาวออสเตรเลียและอังกฤษ ที่ศึกษาพระธรรมจากท่านอาจารย์ มานานร่วม ๕๐ ปี แล้ว
จากการที่ผมได้ฝึกฝน สายปฎิบัติกรรมฐาน มา
พบว่า ในระหว่างปฎิบัติธรรม ถ้าอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจที่ถูกต้อง การเจริญสติ ปฎิบัติโดย เริ่มต้นจาก สมาธิ จนกระทั่ง เกิดสติ จากนั้น ใช้ สติ หรือผู้รู้ รับรู้ถึงความรู้สึกทั้งกายและใจ โดยเฉพาะ ทุกๆความนึกคิดที่กำลังเกิดขึ้นในใจ โดยละสมมุติ คือ คำพูดต่างๆ ออกไป ให้รู้สึกตรงไปกับสภาวะธรรมที่ปรากฏ ให้ตรงปัจจุบัน ณ ขณะนั้น แล้วความคิดเจตสิค นั้นจะหายไปทันที เรียกว่า มีสติ รู้เท่าทัน ปัจจุบัน .......
จากนั้น เรา ก็ ต้อง ประคับประคอง อารมณ์ กรรมฐานนี้ ไปเรื่อยๆ เป็น การฝึกเจริญสติ ที่ถูกต้อง
เพราะ ว่า สติ มันเกิดยาก มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไง ล่ะครับ จึงได้ เกิดการฝึกอบรม วิปัสนากรรมฐาน ที่ทาง ครูบาอาจารย์ ได้ปฎิบัติสืบทอด กันมาอย่างยาวนาน จนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็น แก่นของนิกายเถรวาทและ พระป่าของ ประเทศไทย ถ้าเราไม่ฝึกกรรมฐาน จะไม่มีทางเข้าใจแนวทางการปฎิบัติธรรมที่ถูกต้องได้เลย เพราะ สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ โดยทั่วไปแล้ว มักมีสิ่งเร้า อยู่ รอบตัว เป็น เรื่อง ปกติ
เพราะฉะนั้น สำนักปฏิบัติธรรม จึงเป็นสถานที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะมีไว้เพื่อรองรับการฝึกปฏิบัติให้กับ พูทธบริษัททั้งหลาย ให้ได้มีโอกาสเข้าถึงพระธรรม แก่นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแท้จริง
ศาสนาพุทธ จึงเป็น ศาสนา ที่ทำให้คนเราพ้นทุกข์ได้จริง เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่งมงาย และ ไม่สามารถ บรรลุได้ เพียงแค่การฟัง หากแต่ต้องการฟังให้เข้าใจในหลักการที่ถูกต้อง จากนั้น น้อมนำ มาปฏิบัติ เพื่อให้ รู้แจ้ง เป็นการ เฉพาะ ตนเท่านั้น
จากคำสอน ในนาทีที่ 15:18 " เพราะฉะนั้นใครจะไปชอกว่า มีสติ ใครทำให้มีได้ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย "
ได้ โปรด หยุด คำสอน ผิดๆ และ บิดเบือน เถิดครับ ..... มันจะทำให้เกิดความสับสน ในหมู่ประชาชน ผู้แสวงโมกขธรรม ได้ ..... สาธุ .....
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
ผู้ไม่ออกจากเรือนไม่ใช่ผู้ละและวางอัตตาโดยสมบูรณ์
ฝึกมากปฏิบัติมาก เห็นสัจจะ ธรรม พูดมาก เพราะอ่านมาก คิดมาก มโนจินตนาการ
ฝึกผิดมากปฏิบัติผิดมาก ก็ดิ่ง แยกของดีของเสียไม่ออก ยังไปนั่งอยู่ในกองของเสีย ก็มีของเสียเป็นอาหาร
@@sabbe.dhamma.anatta สัมมาทิฏฐิในความหมายคือไม่ก้าวล่วงในกิจที่ไม่ใช่ของตน ให้ผู้อื่นกระทบเสียหาย ทุกสิ่งในโลกไม่มีผิดมีถูกมีแค่จริงกับไม่จริง และ ที่สำคัญ ไม่เคยได้ยินได้อ่านจากที่ไหน ว่าพระพุทธองค์ทรงปฏิเสธสิ่งใดว่าไม่ดีไม่ถูก หรือไปรับรองว่าสิ่งใดเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ตามที่ทิฐิตนเองเชื่อว่าเป็น ธรรมชาติไม่มีสูงสุดเลยในการปฏิบัติ ต้นไม้ย่อมออกจากเมล็ด พันธุ์ โดยอาศัยธรรมชาติอื่นที่เหมาะสม เพื่อเจริญเติบโต เหมือนกัน จิตที่จะเจริญก็ต้องอาศัยสิ่งเกื้อกูลให้เติบโต บุญก็มีระดับของความสบายใจ ธรรมะที่เป็นจริงจะไม่ขัดต่อธรรมชาติ ไม่ว่าประเพณี วัฒนธรรม มีมาก่อนพุทธกาล แต่พุทธศาสนาเติบโตเกื้อกูลมากจากความเชื่ออื่นทั้งนั้น แหละการงอกงามของจิต ย่อมได้ยินธรรมตามลำดับ ว่าพระภิกษุสงฆ์ไม่รู้จักละ แต่ตนเองนั่งเบาะนุ่มสบายประดับประดาดอกไม้เครื่องหอมแสดงธรรม ขออภัยด้วยที่พูดความจริง สอนคนอื่นให้ละต้องละเป็นตัวอย่างจะน่าเชื่อถือ จริงหรือไม่
จะมีใครเสียหายจากการกล่าวตามความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง มีแต่คนที่เสียหายเพราะไม่ประพฤติตนตามคำสอน ทรงติเตียนภิกษุทุศีลมากมาย นี่คือความจริง เป็นทิฐิอะไรที่ไหน ธรรมะจะไปขัดอะไรกับประเพณี ในเมื่อธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ประเพณี วัฒนธรรม คือสิ่งสมมุติ ไม่ได้มีมาก่อนพระธรรม พูดอะไรมายืดยาว หาสาระแก่นสารไม่ได้เลย จะให้พระรับเงินได้หรืออะไร ก็ใครบังคับให้ไปบวชหรือ ตอนบวชบอกว่าจะละ พอเข้าไปแล้วไม่ละดันอ้างไปประเพณี ชาวบ้านติเตียนหาว่าชาวบ้านนั่งเบาะ พระด้วยกันติเตียนก็มีไม่ฟัง พวกโรคระบาดอลัชชี
@@user-ri7or7ew7s ธรรมะอยู่ตรงนี้ค่ะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ มิจฉาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ สภาพธรรมเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นค่ะ เกี่ยวอะไรกับ ประเพณี วัฒนธรรม พุทธศาสนาเติบโตเกื้อกูลมากจากความเชื่ออื่นทั้งนั้น ??เหมือนคุณกำลังบ่น คุณยังไม่รู้จักพระพุทธเจ้าเลยค่ะ 🙂 พระโสดาบันบุคคล ดับความเห็นผิดและความสงสัยในลักษณะของสภาพธรรมทั้งหลาย .ดับความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อย่างหยาบ เป็นพระสกทาคามีบุคคล .ดับความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จึงดับโทสะเป็นพระอนาคามีบุคคล เมื่อพระอนาคามีบุคคลเจริญปัญญาขึ้น รู้แจ้งอริยสัจจธรรมประจักษ์แจ้งนิพพานอีกครั้งหนึ่ง ดับอกุศลธรรมที่เหลืออยู่ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ .. ....ศึกษาธรรมะเพื่อเข้าใจ ธรรมะ ค่ะ ความเข้าใจเป็นปัญญาค่ะ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ปัญญาจะนำไปในกิจทั้งปวง ปัญญารู้ถูกรู้ผิดค่ะ เข้ามาฟังบ่อยๆนะค่ะ อนุโมทนาค่ะ
@@mudamuda7427 มิจฉาทิฏฐิเกิดเพราะเหตุและปัจจัยที่คิดว่ารู้กว่าคนอื่น คิดว่ารู้คือธรรมชาติ ต้องการให้คนอื่นยอมรับในสิ่งที่ตนรู้ ความคับแคบคับแค้นใจที่คนอื่นไม่เห็นด้วย ครับ ถูกใครก็บอกว่าถูกไม่ได้หากสิ่งนั้นไม่ถูก ไม่มีใครรับรองว่าถูกได้ แม้แต่ความคิดตน พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไม่เบียดเบียนคนอื่น เหล่าอื่นไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร
กราบนอบน้อมบูชาคุณพระรัตนตรัยอย่างมั่นคงสูงยิ่ง กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพอย่างสูง ในพระธรรมที่ได้แสดง กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะล
🙏🙏🙏
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์
สจินต์ บริหารวนเขตต์คะ และขอบพระคุณอาจารย์ มศพ ทุกท่านคะ อนุโมทนาสาธุคะ
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุสาธุสาธุใธรรมมะคำตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุธเจ้าไม่มืบุญหรีอการสสมมาแต่ปางกอ่นคงยากทื่จะเข้าใจสว่นมากไม่่เชี่อ
ทางพุทธแท้เขาเรียกว่ารูปหรือนาม.รูปก็คือหูตาจมูกลิ้นกายใจจิต.นั่นก็คือคนผู้นั้นมีชื่อว่าอย่างนั้นอย่างนั้น.ก็คือไอ้ก้อนกลายเท่านั้นแหละตาหูจมูกลิ้นกายใจนั่นแหละ.ตนนี้ไม่ทราบว่าใครมาแต่งขึ้นนะตนน่ะ
ขออนุโมทนาสาธุ
ดูจิต............ดูได้ จิตมีลักษณะพิเศษคือคือมีการเรียนรู้ นั่นคือเวลาปัญญามันเกิด มันเกิดที่จิตนั่นเเหละ เเต่อยากจะให้เร็วต้องศึกษาปฎิจสมุปบาทด้วย จะให้รู้เองมันหลายโกฎชาติ ต้องฟังคำพระพุทธองคฺด้วย ดูจิตนานๆ จิตจะมีกำลังมาก เวลามองไตรลุักษณ์จะเข้าใจเด่นชัด วิปัสนาเกืดง่าย จิตนั่นเองจะสรุปผลสังสารวัฎที่เราเข้าใจด้วยจิตเอง.....มันจะวางหรือไม่ก็เเล้วเเต่มัน หากมันวางก็ทำเรื่อยๆ ...........สี่ครั้งก็พ้นวัฎฎะ
🌼🙏🙏🙏🌼
ปัจจัยทั้งหลาย มาจากไหนครับ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามคะ
กราบขออนุโมทนาค่ะ🙏🙏🙏
กราบขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยค่ะ
กราบบูชาอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ ธรรมะของพระพุทธองค์ ละเอียดลึกซึ้ง รู้ยากประโยชน์อย่างยิ่ง เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
สมองมีไว้คิดตรึกตรอง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ 🌻🙏🌻
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ🙏🙏🙏
อ. จะมาเชียงใหม่อีกไหมคะ
หลักการพื้นฐานคือ ทาน ศีล ภาวนา
ปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ ด้วยมรรคมีองค์ 8
หลักการตามลำดับขั้นคือ ทาน เป็นพื้นฐานการปรับใจ , ศีลก็ช่วยปรับปรุงพื้นฐานของใจ จากนั้นจึงใช้จิตภาวนา
การบรรลุธรรม นั้นเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยมรรคมีองค์ 8
อย่าปฏิเสธหรือห้ามการปฏิบัติเลยครับ การคิดว่าต้องเข้าใจธรรมทั้งหมดก่อนแล้วค่อยปฏิบัติ ก็เหมือนกับการต้องได้รับปริญญาก่อน แล้วค่อยเริ่มเข้าเรียน
สิ่งที่ท่านอาจารย์สอนทั้งหมดนั้น ถึงจะเข้าใจก็เข้าใจได้แค่ระดับสุตมยปัญญาและจินตมยปัญญาเท่านั้น หากจิตไม่เข้าถึงสมาธิ (สัมมาสมาธิอยู่ในมรรค 8) ก็ไม่มีวันที่จะเป็นปัญญาระดับภาวนามยปัญญาได้ ซึ่งถ้าไม่เข้าถึงภาวนามยปัญญาได้ จิตก็ยังดิบๆเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น ตายไปก็ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ดี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
การปฏิเสธการปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8 แล้วอ้างว่าต้องเข้าใจธรรมก่อน เหมือนการสอนให้ชาวพุทธต้องได้รับปริญญาจบการศึกษาก่อน ถึงจะเริ่มเข้าเรียนปี 1 ... หากสอนเช่นนี้ต่อไป มันจะเป็นการตัดตอนการปฏิบัติทิ้งเสีย ให้เหลือแค่การพูดคุยกัน นั่งคิดกัน และดูถูกเหยียดหยามผู้ที่มีความเพียรในการปฏิบัติมรรคมีองค์ 8
จิตของท่าน ท่านย่อมรู้ ว่าท่านพ้นทุกข์หรือยัง หรือยังอยู่ในระดับความคิดเท่านั้น การกล่าวตู่คำสอนและการแนะนำที่ไม่ถูกต้องนั้นจะเป็นกรรมหนัก พิจารณาให้ดีครับ
นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน "ดูกรอุตติยะ เมื่อใดแล ศีลของเธอจักบริสุทธิ์ดี และความเห็นของเธอจักตรงเมื่อนั้น เธอพึงอาศัยศีล ตั้งมั่นในศีลแล้ว เจริญสติปัฏฐาน ๔" สิ่งที่เธอแอบอ้างว่าเขาสอนว่าต้องเข้าใจธรรมทั้งหมดเป็นเรื่องที่เธอสรุปเอาเองเพราะฟังไม่เข้าใจ แล้วยังขัดแย้งกับเกสปุตตสูตร ที่ไม่มีเลยจะให้ไปสมาทานข้อปฏิบัติอะไรที่ไม่เกิดปัญญารู้ว่าดีก่อน ในที่นี้คือการเจริญขึ้นปัญญาที่เรียกว่าสติสัมปชัญญะ เพื่อเจริญสติปัฏฐาน ความเข้าใจพระธรรมเป็นเรื่องที่ต้องลาดลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ นอกจากนี้ เธอยังไม่รู้ความหมายของ สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา และภาวนามยปัญญาอีกด้วย ว่าภาวนามยปัญญา ก็คือการโยนิโสมนสิการปัญญาสองอย่างแรกนั้น ขาดหนึ่งในสองอย่างแรกนั้นไม่ได้ สุตมยปัญญา และ จินตามยปัญญา (ที่จริงหมายถึงปัญญาพระโพธิสัตว์) ไม่ใช่การใช้สมองคิดจดจำ แต่เป็นญาณที่ผุดขึ้นมารู้ชัด ขอแนะนำให้ไปตั้งใจฟังเรื่องปัญญากับศีลให้เข้าใจให้ดี จะได้ไม่ปฏิบัติผิดแล้วยังมากล่าวหาผู้อื่นเพราะตนเองขาดความรู้
มันเป็นแบบไหนครับ"สัมมาสมาธิ"
ผมล่ะอยากได้จังเลยทำไงให้ได้มา.ช่วยอธิบายทีครีบ
ฟังแล้ว ฟังอีก ฟังเท่าไรก็ไม่เข้าใจ ควรทำอย่างไร
ก็ฟังต่อไป ใช้ชีวิตต่อไป วันหนึ่ง ๆ ในชีวิต มีสภาพธรรมเกิดขึ้นมากมาย การฟังด้วยความตั้งใจ ไตร่ตรองด้วยดี ก็เป็นปัจจัยให้เกิดการระลึกศึกษาสภาพของกุศลและอกุศลในชีวิตประจำวัน เกิดความยับยั้งใจที่จะสร้างบาป พอเห็นพระ ก็เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลจิต เกิดการใส่บาตรเป็นทาน เห็นสัตว์เดือดร้อน ก็เกิดความเมตตาเข้าช่วยเหลือ ชีวิตก็ดำเนินไปตามปรกติ ไม่มีใครมาบังคับให้หายใจเข้าหายใจออก สิ่งต่าง ๆ เกิดดับเป็นไปตามเหตุปัจจัย หาความเป็นสัตว์บุคคลไม่ได้ สิ่งที่ต่างไปคือมีความระลึกรู้จักสภาพธรรมเกิดขึ้น เพราะมีการฟังธรรมด้วยดีเป็นปัจจัย ยิ่งความระลึกรู้เกิดมากขึ้น ความเข้าใจก็ยิ่งมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเข้าใจชีวิต ตามความเป็นจริง ก็เหมือนที่เขาว่า บุญเกิดเพราะความไม่หวังในผลบุญอย่างไร นี่ก็นัยเดียวกันอย่างนั้น จะต่างกันแต่มีปัญญาเกิดขึ้นเข้าใจ ในความไม่มีเราไปเป็นผู้บังคับบัญชา
มันจะเข้าใจได้ยังไง คนที่พูดก็ยังโง่ ยังหลงอยู่เลย ครับ
ฟังพุทธวจน เข้าใจง่ายกว่าครับ
@@SiripunwadeeKhientong เข้าใจผิดไง ง่าย
ถ้าอยากฟังให้เข้าใจ แนะนำให้ดู หลวงพ่ออ๊อด วัดป่าสุคะโต ท่านสอนเรื่องเดียวกันนี่แหละ แต่ถ่ายทอดได้เข้าใจง่ายกว่ามาก แม้แต่คนไม่เคยฟังธรรมมะมาก่อน ก็เข้าใจได้ไม่ยาก ลองดูในยูทูบ สอนดี ยกตัวอย่างเข้าใจแจ่มแจ้งเลย
มิจฉาสมาธิกับสัมมาสมาธิ มิจฉาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ ถ้าเป็นปัญญาจะไม่หลงทาง ปัญญาจะบอกได้เองว่า อันนี้ถูก อันนี้ไม่ถูก สติเป็นอนัตตา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาไม่ใช่แต่เฉพาะสังขารธรรมเท่านั้นที่เป็นอนัตตา แม้วิสังขารธรรม คือ นิพพาน ก็เป็นอนัตตาด้วย ถ้าไม่ได้เจอบ้านธัมมะ ปานนี้ แม้แต่คำว่า"ธรรมะ"คืออะไรก็คงยังไม่รู้ เหตุปัจจัยพร้อมเมื่อไหร่ บังคับบัญชาไม่ได้ อนัตตา สิ่งที่เคยสะสมมาเมื่อได้ยินได้ฟังอีกก็สามารถเข้าใจได้ เมื่อเข้าใจแล้วจะไม่ให้ฟังก็บังคับไม่ได้ อนัตตา ฟังบ่อยๆจนเป็นปกติ มีกำลังเมื่อไหร่ ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ กราบอนุโมทนาบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ สาธุสาธุค่ะ ด้วยความเคารพ
กราบอนุโมทนา พระธรรมคำสอน งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ไม่มีขณะไหนที่ใดจะให้ไปทำในสิ่งที่ไม่รู้ไม่เข้าใจด้วยปัญญาก่อนเลย
เริ่มเห็นยังครัยว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาเป็นความคิดนั้นมันมาจากการปรุงแต่ง
สาธุครับ
🌸🙏🙏🙏🌸
กราบแทบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ ฝึกตนก็เหมือนรื้อถอนตน ตนจะรื้อถอนตนได้อย่างไร เหมือนเอามือตนทึ้งร่างกายรื้อออกเป็นส่วน ๆ ก็แล้วสุดท้ายเหลือแต่มือใครจะรื้อมือให้ต่อเล่า อย่างนั้นแล้วถ้าตนไม่รื้อตนใครจะรื้อตนได้ แท้จริงจึงไม่มีใครรื้อถอนตนเลย มีแต่สภาพรู้ ที่รู้ชัด ในความตั้งอยู่ไม่ได้ ในความที่ต้องเสื่อมไปจากความเป็นตน รู้ชัดว่าความไม่รู้นั่นล่ะคือเหตุให้มายึดมาถือว่าเป็นตน ความรู้ชัดนี้เท่านั้นที่จะเป็นทางที่จะ ทำ ขัดเกลา ฝึก รื้อถอน สละ ละ คลาย ความเห็นผิดว่าเป็นตนขึ้นมาได้
ดูจิตก็เหมือนอคิลลีสวิ่งตามเต่า เพราะอคิลลีสยึดถือว่ามีเต่าก็จะพยายามวิ่งไปตรงที่เต่าเดินอยู่ แต่วิ่งพอไปถึงตรงนั้น เต่าก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นเสียแล้ว เพราะเต่าเดินอยู่ตลอดเวลา แต่อคิลลีสมัวยึดถือว่าเต่ายังอยู่ที่เดิมนั้น ดังนั้นต่อให้อคิลลีสวิ่งเร็วอย่างไร ก็ไม่มีทางไปถึงจุดที่เต่าอยู่ คงต้องรอให้เต่าหันมาบอกว่า เราหยุดแล้ว ท่านตะหากที่ยังไม่หยุด
สิ่งที่ตามเต่า ก็คือ ความยึดถือว่ามีเต่า มีอคิลลีส
สิ่งที่มาดับความเห็นผิด คือความเกิดขึ้นแห่งญาณว่าธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา หามีผู้ใดมาบังคับบัญชาไม่ จึงไม่มีใครเอาสติไปดับความเห็นผิด มีแต่ความรู้ตามจริงว่าไม่มีเต่าที่พักรออยู่ ไม่มีอะคิลลีสที่เพียรวิ่งตาม
ไม่มีใครไปดับ อคิลีส ดับตามเหตุปัจจัย เพราะความบังเกิดขึ้นแห่งปัญญารู้ชัดว่าไม่มีใครไปดับ
ไม่มีความเป็นเราไปเพียร "ฌาน ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาก็ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน ผู้มีทั้งฌานและปัญญานั่นแล จึงนับว่าอยู่ใกล้นิพพาน" เมื่อยังเป็นมิจฉาทิฏฐิยึดถือว่าเป็นเรา การเพ่งก็ไม่ใช่ลักขณูปนิชฌาน เพราะไม่เกิดปัญญารู้จักลักษณะของสภาพธรรม เมื่อไม่เกิดปัญญารู้ชัดในความเป็นกุศลอกุศล การเพ่งก็เพ่งด้วยมิจฉาทิฏฐิเพ่งเล็งในโลภะความติดข้อง
สาธุ กราบอนุโมทนา
🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาครับ
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวรเขตต์ที่เคารพยิ่งที่ท่านได้นำคำตรงคำจรืงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ด้วยพระปัญญาของพระองค์เองมาเผยแะร่โดยการสนทนาเพื่อให้ผู้ฟังได้คิดพิจารณาไตร่ตรองจนเกิดปัญญาคือความเข้าใจได้ด้วยตนเองค่ะ
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏🪷🪷🪷