ทำไมบาปบุญไม่ใช่แก่นธรรม ระดับภูมิธรรมคืออะไร? EP9
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 29 ต.ค. 2021
- #พุทธธรรม #EP9 อธิบายความเข้าใจ #ภูมิธรรม ตามระดับความเข้าใจ #ความจริงแท้ เป็น 5 ระดับใหญ่คือ
A #โลกุตระ ความจริงแท้ อริยบุคคล
B #จริยธรรม ดี/ชั่ว ผู้มีจิตสำนึก
C #ศีลธรรม บาป/บุญ ผู้ทรงศีล
D #มารยาท จารีต คนมีมารยาท
F #พิธีกรรม จินตนาการ พิธีกร
ขออภัย ผมพูดว่า "มารยาท" แต่สะกด มรรยาท ในสไลด์
![SpokeDark / Talk: อาจารย์ลอย ชุนพงษ์ทอง กับวิทยาศาตร์แห่งการระลึกชาติ [ร่วมกดJOINสนับสนุนเราหน่อยนะ]](/img/n.gif)
ผมบอกได้คำเดียวครับว่าผมชอบคลิปเเบบนี้มากกกๆเลยค้าบบบมีน้อยมากที่จะหาคลิปเเบบนี้ได้ครับผมบอกเลยๆ😊💗
นับถือ
เห็นจริงตามคลิปนี้ทุกประเด็น..ในความคิด..ศาสนาพุทธ เป็นแนวทางดำเนินชีวิตให้เป็นสุขได้จริง..เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ ตามหลักทฤษฏี "จิตวิเคราะห์" ชอบค่ะ ทุกวันนี้ ดิฉัน ถูก คนอื่นๆ ที่นับถือพุทธ ว่า เป็นคนนอกคอก..เพราะไม่ชอบ พิธีกรรม..มักจะช่วยเหลือ ผู้ที่ยากไร และเด็ก ไม่หวังชาติหน้า รู้สึกเพียง อิ่มใจกับการได้ช่วยเหลือเด็ก อย่างเงียบๆ ค่ะ
สาธุๆๆ
ช่วยเหลือเงียบๆดีที่สุดแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ ช่วยเหลือต่อไปครับ
การพ้นทุกข์มีอยู่จริง
เยี่ยมเลยครับ
ดีครับส่งสัยชาติที่แลัวคุณจะเป็นฝรั่ง ยอกๆ
เมื่อเข้าถึงโลกุตตระแล้ว ตอนนั้นไม่เหลือความมีตัวตนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีผูู้ที่เข้าถึงค่ะ อจ🙏
ขอบพระคุณอาจารย์ทุกๆท่านที่ชี้แนะแนวทางของโลกุตตระธรรมครับ 🙏
ผมนี่แหละ มีโลกุตระ75% แล้ว
พอจะเขียนเห็นอันนี้ก่อนผมนี่หยุดเลย
@@user-tl3wg4md7j อาตมัน ของพราหมณ์เป็นอัตตา เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง (เทวดา) ยังต้องกลับมาเกิดอีก ดำเหมือนแสงมืด โลกมืด เกิดมาก็สอน ธรรมะแบบหลับตา =ผิด (ถ้าเชื่อแบบพระพุทธเจ้า เป็นอนัตตา วิญญาณ แตกสลาย สว่างเหมือนแสง ไม่เกิดอีก)
@@failogy เคยถึงแล้ว ปี2545 อบรมใจ และกายมาตลอด
โลกุตระธรรม และนิพพาน มีอยู่จริง แต่ไม่มีผู้เข้าถึง แปลว่า เมื่อเข้าใจอย่างแท้จริงแล้ว เข้าสู่สภาวะ ศูนย์ตา ว่างปล่าว จากสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา จึงไม่มีใคร บรรรลุอะไร ไม่มีใครเข้าถึงอะไร ถูกให้มครับ ขอให้อาจารย์และครอบครัว ประสบแต่ ความสุข ความเจริญ ทั้งทางโลก และ ทาง ธรรม ขอบคุณครับ
ฟังอาจารย์ลอยพูดเปิดโลกกว้างจริงๆค่ะ ยอมรับความแตกต่างของผู้อื่น บนโลกไม่มีใครเหมือนกันไปซะทุกคน แค่มองว่าทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกันจึงเท่าเทียมกันหมด แล้วไม่ตัดสินคนอื่นตามที่ได้รับความเชื่อที่เราเชื่อมา อันนี้ทำได้ยาก คือถ้าคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นแล้วตัดสินว่าดีชั่ว เป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ คนเจ๋งจริงๆ จะไม่ตัดสินคนอื่น แต่มนุษย์เราชอบตัดสินว่าสิ่งที่รักเป็นสิ่งที่ดีเสมอ สิ่งที่เกลียด เป็นสิ่งที่เลวเสมอ ถ้าเฉยๆไม่รัก ไม่เกลียด ก็จะเฉยๆกับทุกอย่าง หรือเจอสิ่งที่แย่มา ก็คิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ แล้วปล่อยวางไป เข้าใจว่านิพพาน หมายถึง เวลาทุกข์มากๆถ้ามีสติจึงจะมองเห็นธรรม เวลาทุกข์ก็มองเห็นทุกข์ เรียนรู้ว่าทุกข์เป็นแบบนี้ พยายามเข้าใจ แล้วเรียนรู้ที่จะปล่อยวางไปเองในที่สุดค่ะ เวลาสุขก็เข้าใจมองเห็นว่าสุข ปล่อยวางกับชีวิตไป ว่าสภาวะต่างๆ อยู่กับเราไม่แน่นอน จึงปล่อยวาง แล้วทำให้รู้สึกว่า ทุกสิ่งเป็นแค่แรงกระตุ้นเท่านั้น ถ้าไม่เอาใจไปยึดติด จิตใจจะแข็งแกร่งมากๆ ไม่ค่อยหลงไปกับอะไรง่ายๆ อาจจะมองเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นเช่นใด การไร้สภาวะ ไร้ซึ่งความรู้สึก ก็ไร้ซึ่งตัวตนในแบบของเราค่ะ
อันนั้นเป็นแนวคิดคอมมิวนิสต์ครับ สมัยพุทธกาลก็มีแนวคิดเรื่องสุญญตา แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นมิจฉาทิฐิ
นิพพานเป็นบรมสุขครับ
นาทีที่ 14.08 - 14.17 เป็นตัวเองที่ผ่านมาค่ะ ยึดติดครูอาจารย์จนวิพากษ์คนอื่น เอาตำราทฤษฎีหักล้าง ทั้งๆทีื่ตนเองปฏิบัติไม่ถึงไหน แต่หลังจากปฏิบัติมากขึ้น ทั้งนั่งสมาธิ ดูกาย ดูจิต ทาน ศีล ระยะหลังๆ ใจเปลี่ยนไปเองค่ะ ยอมรับความแตกต่าง เข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น เป็นผู้ฟังที่ดีได้มากกว่าเดิม และเมื่อดู คลิปพุทธธรรม อาจารย์ ep1-ep8 หลายๆรอบ .จะได้ข้อธรรมเพิ่มขึ้นทุกรอบ อาจารย์คงผ่านการปฏิบัติอย่างลึกซึ้งนะคะ จึงอธิบายพุทธธรรม ได้อย่างถึงแก่น ขอบพระคุณอาจารย์อย่างที่สุดค่ะ
#พระพุทธศาสนา
ถ้าย่อให้สั้นเหลือเพียงแค่ประโยคเดียวก็คือ
“ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา”
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
หลักสำคัญก็คือกฏแห่งกรรมให้หวังผลจากการกระทำเป็นกฏธรรมชาติ
อนัตตาจึงเป็นหัวใจของพระพุทธ
อริยสัจสี่ - อมตะธรรม
สุดท้ายก็เหลือแค่ความว่างเปล่า สละทิ้งทั้งบุญและบาป
ทางสู่โลกุตรธรรม
1.ไม่ทำบาปทั้งปวง, 2.ทำกุศลให้ถึงพร้ม, 3.รักษาใจให้ผ่องใส
บาปบุญไม่ใช่แก่นก็จริง แต่แยกออกจากแก่นไม่ได้เลยครับ
สา...ธุ
โลกุตรธรรมคือละบุญละบาป แต่ให้ทำบุญเพื่อเป็นเสบียงบุญต่อยอดให้ถึงพระนิพพาน แต่ไม่ยึดบุญค่ะ
คุณลอยครับ ผมติดตามคุณมาสักพักนึงแล้ว ก็ได้ความรู้อยู่พอประะมาณ แต่เนื้อหายังไม่ตรงประเด็น และยังไม่ชัดเจนพอ เรื่องสิ่งที่พุทธองค์ทรงค้นพบในคืนวันตรัสรู้ แท้จริงแล้วเราเอาปากมาพูดไม่ได้ หากอยากจะพูด เราจึงต้องปรุงแต่งคำพูดออกมาจากความคิด นี่คือประเด็นที่ผมอยากสื่อ การคิดปรุงแต่งเพื่อพูด จึงเป็นสิ่งที่รู้เห็นได้ยาก เนื้อหาในคำสอนมิได้มีอยู่จริงมันเป็นสังขารธรรม ที่พุทธองค์ทรงขมวดไว้ในตอนท้ายเสมอ เนื้อหาในพระไตรปิฏกเปรียบเสมือนนิทานหลอกเด็กให้นอนหลับ เราจะเล่าหรือปรุงแต่งเรื่องราวอะไรก็ได้เพื่อให้เด็กเขาหลับ พระไตรปิฏกก็เป็นเรื่องหลอกเช่นกัน แต่หลอกให้ผู้มีปัญญาสูงสุดมาเพื่อ พ้นเกิด พ้นตาย แค่นั้นเอง โดยมิได้มีเนื้อหาให้เราเห็นตัว ธรรมะสูงสุดมันพูดไม่ได้ แต่ปรุงแต่งเล่าอะไรก็ได้ ฉะนั้นแล้วธรรมะสูงสุดคือ ความเข้าใจที่ถูกต้องจนถึงที่สุด หรือ หมดความสงสัยนั่นเอง สังสัยเรื่องอะไรก็ไม่ทราบ เพราะธรรมะสุงสุดไม่มีหัวข้อหรือเรื่องอะไรให้สงสัย เราเกิดมาพร้อมกับอาการ รู้ อยู่เสมอ รู้ อะไรก็ไม่ทราบ แต่ รู้ ว่ายังไม่ตาย ข้ามภพข้ามชาติโดยไม่เคยขาดสาย สุดท้ายแล้ว เรื่องของเหตุและผลมันยอมกันไม่ได้ ธรรมะสุงสุดมันจึงอยู่ นอกเหตุเหนือผล โดยประการทั้งปวง.
ผมว่าธรรม ยากอธิบาย ยื่งฟังยื่งหาประเด็นยื่งไม่เจอ แต่commentนี้ พอเข้าใจขอบคุณนะครับ จะทราบกี่ทฤษฎี ถ้าทำไม่เป็นก้อ ไม่มีทางไป
ความจริงแท้ไม่มีชื่อเรียก ไม่มีภาษา เราเอาภาษาทางโลกซึ่งเป็นสิ่งสมมุติ เป็นสิ่งปรุงแต่ง ไปอธิบายสิ่งจริงแท้ ยิ่งอธิบาย ยิ่งหลงทาง
มันเป็นการสรุปครับ หลายอย่างที่พูดในคลิป มีรายละเอียดยิบย่อยึกลงไปอีกมากมาย บางที่ฟังแล้วมันจะขัดๆ เหมือนไปไม่สุด แต่ถ้าจะเอาสุด บางประโยคอธิบายเป็นชั่วโมงก็ไม่จบ
อ.ลอยพูดถึงเฉพาะส่วนที่สำคัญและมนุษย์สามารถเข้าใจได้ครับ ผมว่าอ.สอนชัดและตรงประเด็นนะ อยู่ที่ว่าผู้ฟังลดทิฐิลงและยอมรับฟังได้หรือปล่าว
อย่าไปคิดอะไรให้มันเกินความจำเป็น เช่น ค้นหาว่าอะตอม ประกอบด้วยอะไร เราเพียงแค่รู้ว่า ความจริงของชีวิตเรานี้มันคืออะไร? และอะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าหรือเป็นประโยชน์สูงสุดในการเกิดมาของเรานี้? เท่านี้ก็พอแล้ว ถึงรู้มากไปกว่านี้มันก็ไม่ได้อะไร มีแต่จะทำให้ปวดหัวเสียเปล่าๆ
ปัจจุบันพิธีกรรมมันเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากมาย แม้แต่หน่วยงานราชการยิ่งยึดติดเรื่องเหล่านี้มาก ถ้ามองในแง่เศรษฐกิจประชาชน และภาครัฐเสียเงินไปกับเรื่องเหล่านี้มากมายน่าจะหลายหมื่นล้านต่อปี เอาแค่นายก หรือรัฐมนตรีก่อนเข้ารับตำแหน่งยังต้องมีการดูฤกษยาม ต้องเสียเงินในการปรับฮวงจุ้ยห้องทำงาน หรือแม้แต่ปรับฮวงจุ้ยที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเองก็มีให้เห็นบ่อยๆ ยังมองไม่เห็นว่าเราจะหลุดพ้นจากเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร
ฮวงจุ้ยคือเรื่องของพลังงานและธาตุทั้ง 4 ที่มีผลต่อร่างกายและชีวิต
หลักบางอย่างอาจมีผลกับชีวิต(บ้าง) แต่ไม่ใช่สาระสำคัญสุดของชีวิตครับและเป็นอุปสรรคต่อการปล่อยวางความยึดติดได้ครับ ตามระดับภูมิธรรมในคลิปเลยครับ
ผมเชื่อว่าความเชื่อบางอย่างเปลี่ยนได้ตามยุคสมัยครับ อันไหนเตือนได้ก็เตือนแต่ควรเตือนแบบกัลยาณมิตรครับ พิธีกรรมถ้าไม่ได้งมงายขาดปัญญาผมก็ไม่ได้แย้งนะครับ
แค่ทำตามหน้าที่ ไม่ต้องยึดติดครับ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เปรียบเสมือนน้ำที่ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมครับ
มนุษย์ก็เป็นก็ทำของมันแบบนั้นแหละ
ให้ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าท่านสอนอะไร
ผมไปอยู่ไหนมา ช่องทรงคุณค่าขนานนี้ไม่เคยเห็น อาจารย์พูดได้เข้าใจง่าย ผมเชื่อว่าคนที่เข้าใจตามที่อาจารย์พูดมาทุกคลิปสามารถ เห็นจริง เข้าถึงจริงได้เลย
ผู้มีความรู้ทางธรรม ทางศาสนาพุทธมีมาก แต่เทคนิคการนำมาถ่ายทอด เป็นแบบเดิมๆ จึงไม่ดึงดูดภายในจิตใจ ที่สนใจอยู่ก่อนแล้ว ออกมา มาเจอ คลิบอาจารย์ทันสมัยและ ทันยุค ตรงประเด็นตรงใจ เป็นไปได้จริงตามคำสอนพระพุทธเจ้า สาธุค่ะ
โลกุตระมีอยู่ 4 ระดับครับอาจารย์ แต่ว่าอาจารย์บอกว่าไม่มีคนเข้าถึง นิพพานมีอยู่2แบบครับ เป็นอรหันต์แล้ว นิพพานยังมีชีวิต นิพพาไม่มีชีวิต เป็นอรหันต์แล้วไม่เข้าถึงได้ยังไงครับอาจารย์ .โลกุตระรดับโสดาบัน แค่โมหะ2(ติทธิวิจิกิจฉา)ทีไม่มี คนเหล่านั้น ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอยู่
ในพระไตรปิฎก
ในขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ธาตุสูตร พระพุทธเจ้ากล่าวถึงนิพพานธาตุ 2 ประเภท คือ
✅ 1.สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสมีเบญจขันธ์เหลือ
❌ 2.อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ
✅สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ หมายถึง นิพพานโดยที่อินทรีย์ 5 ยังคงอยู่ จึงยังเสวยสุขและทุกข์อยู่เมื่อประสบกับประสบอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์
✅สอุปาทิเสสนิพพาน นิพพานยังมีอุปาทิเหลือ,ดับกิเลสแต่ยังมีเบญจขันธ์เหลือ คือ นิพพานของพระอรหันต์ผู้ยังมีชีวิตอยู่,
~นิพพานในแง่ที่เป็นภาวะดับกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ
❌อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ หมายถึง นิพพานทั้งดับภพและเวทนาได้สิ้นเชิงแล้ว
ในพระวินัยปิฎก ปริวาร สมุฏฐานสีสสังเขป ระบุว่าอนิจฺจา สพฺพสงฺขารา ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา นิพฺพานญฺเจว ปณฺณตฺติ อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา (สังขารทั้งปวงที่ปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา พระนิพพานและบัญญัติ ท่านวินิจฉัยว่าเป็นอนัตตา)
❌อนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานไม่มีอุปาทิเหลือ ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ คือ สิ้นทั้งกิเลสและชีวิต หมายถึง พระอรหันต์สิ้นชีวิต,
~ปรินิพพานในแง่ที่เป็นภาวะดับขันธ์สิ้นภพ
มีแต่ขันธ์ห้า ที่เกิดขึ้นและดับไปโดยอาศัยเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งเป็นตัวตนบุคคล
จึงไม่มีใครเข้าถึงนิพพานถาวร
@@playartise5263 เค้าน่าจะหมายถึง ไม่มีคนสัตวบุคคลใดที่เข้านิพพาน มีแต่สภาพธรรมะ ที่เป็นอสังขตธรรม ไม่มีการเกิด เสื่อม ดับมั้งครับ
มองอีกมุม..อย่างน้อย ก็ยังมีคนอีกมายที่เข้าใจในพุทธศาสนา..(ถึงคนเหล่านั้นอาจไม่แสดงตัว)..สาธุ..
ใครถืออะไรก็เรื่องของใคร..ช่างมัน😁😁
ขอบคุณครับอาจารย์
คลิปนี้เข้าใจชัดเจนครับ
"สิ่งใดๆก็ตาม ผู้ที่เข้าใจอย่างถ่องแท้มักจะอธิบายได้สั้นและเข้าใจง่าย"
การเข้าถึงนิพพานนั้นต้องทำลายตัวตนก่อนจึงจะสามารถหลอมรวมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลเพื่อเข้าถึงนิพพานได้ จึงไม่เหลือความเป็นใคร จึงไม่มีผู้ใด
ไม่เข้าใจ (จริงๆ) ต้องทำลายตัวตน ยังไง อธิบายหน่อย ขอวิธี
@@user-xn4qk7hn2q ตัวตนมันเป็นแค่ความรู้สึกนึกคิดครับ ร่างกายมันก็เกิดและดับตามธรรมชาติ มันไม่ได้รับรู้ว่าใครเกิด หรือว่าใครตาย มนุษย์เองที่ไป บรรญัตติมันขึ้นมา ว่ามีตัวตน ว่าเป็นของตน
@@zunzeed6189 พอเจ็บ ก็ยังเห็นว่าความเจ็บนั้นเป็นของกู มีกูเป็นผู้เจ็บอยู่
@@user-xn4qk7hn2q ที่จริงคำว่า ทำลาย นี่ก็จะเป็นปัญหาได้เหมือนกัน เลยมีคนมุ่งไปทำลาย และมีคนทำลายได้แล้ว ก่อให้เกิดตัวตนหรือผู้รู้ขึ้นมา ซึ่งในการปล่อยวางตัวตนหรือปล่อยวางอุปาทานขันธ์ห้า หลวงพ่อชาอุปมาตัวอย่างหลังจากที่ฝรั่งถามว่าศาสนาพุทธสอนอะไร ท่านหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้ววางลง บอกว่าแค่นี้เอง ....จะเรียกว่าปล่อยวางหินลงก็ได้หรือทำลายความยึดมั่นว่าหินในมือคือของเราก็ได้ ย้ำว่า ทำลายความเห็นผิดนั้นลง เพราะการเห็นว่ามีตัวเราของเราในโลกนี้่จริงๆ เมื่อมีสุขทุกข์ก็เห็นว่าเรามีเราเป็น มีเราที่ทำกรรม และจะมีเราต้องใช้กรรม มีเราๆๆ นี่แหล่ะ ปัญหาใหญ่ จัดอยู่ในคำว่า ทุกข์ และทุกข์ในใครทุกคนไม่ว่าเรืองอะไรก็ตาม มีผลมาจากต้นเหตุนี้ทั้งหมดคือ เห็นว่ามีเรา การปฏิบัติธรรมทั้งหมดจึงมุ่งเป้าหมายเพื่อจัดการความเห็นผิดนี้ให้เป็นถูกเสีย ส่วนวิธีปฏิบัติอันนี้เริ่มยาวไปที่ตอบในนี้ ลองศึกษาได้จากแหล่งความรู้มากมายครับ
@@zunzeed6189 สภาวะไร้ตัวตน คือสภาวะไม่มีตัวตน 😼😼
ขอบคุณครับ ที่มอบ ความรู้ ล้วนๆ เพียว ๆ ให้ กับทุกท่าน ตรรกะที่นำ มาอธิบาย ยาก ที่ จะ ปฏิเสธ ว่า ไม่ใช่ ไม่จริง รวมถึง ความนิยามต่าง ๆ ที่ นำมาเสนอ หาตัวอย่างเปรียบเทียบ ให้ ภาพ ได้ ชัดเจ็น เข้าใจง่าย มี ฉาก หลายตอน ที่ชอบ จนยาก ที่จะยกตัวอย่าง มาบอก สรุป คือ ถ้าใครฟังไม่เข้าใจ ฟัง หลาย ๆ รอบ แล้ว จะ บรรลุ เข้าถึง ธรรมมะ ที่อาจารย์ นำมาอธิบายได้ Greetings from Bangkok.
เพื่อนผมจนหนี้ท่วม ยาไส้แทบไม่พอ แต่ต้องใส่บาตรทำบุญทีละเยอะ เฝ้าเพ้อบน FB ให้บุญส่งผลไวๆ เหมือนกับลงทุนเล่นหวยบุญยังไงยังงั้น
ทำบุญช่วยด้านจิตใจไม่ให้เพ้อเจ้อ แต่รายนี้คงไม่ได้กุศลจิต
ขอบพระคุณครับท่านอาจารย์ ... ผมอยากให้ท่านอาจารย์ มารื้อระบบการศึกษา การปกครองประเทศไทยจังเลยครับ อนาคตลูกหลานไทยเราอาจจะไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ..
มาให้อาจารย์ลอยรื้อคนเดียวไม่ไหวหรอกครับ 😁 เพราะพวกคนที่มีอำนาจในเมืองไทยไม่อยากเห็นคนเก่งๆ
สังเกตุมั้ย 50 ปี 60 ปีที่ผ่านมา
คนดีดี คนเก่งๆยุยาก โดนสกัดหมด
ไม่ยัดเข้าคุก ก็ฆ่าตาย บางคนรู้ตัวก็ต้องหนีออกนอกประเทศไป
ประไทยถึงไม่ค่อยเจริญไง
ยิ่งตอนนี้ศาสนาพุทธกำลังถูกโดนกระทำจากผู้มีอำนาจ
อาจารย์ลอยให้ความรู้แบบนี้ดีแล้วครับ 😀
ผมไม่รู้นะครับว่าคุณอายุเท่าไหร่ แต่ผมอายุ 23 ผมยังชอบฟังเรื่องแบบนี้และคิดว่าดูทุกคลิปของอาจารย์ และเช่นเดียวกันผมก็คิดว่ายังมีคนรุ่นใหม่อีกหลายคนเป็นแบบนี้ ผมเลยคิดว่าคนรุ่นใหม่ไม่หน้าห่วง แต่กับกันคนแก่หรือคนโบราณน่าห่วงมากปัญหาคือ
( ไม่รู้ ว่าตัวเอง ไม่รู้ )
คิดว่าตัวถูกไปเสียทุกอย่าง
ไม่ถูกใจ เท่ากับ ไม่ถูกกฏหมาย ครับ
@@user-qw1ct9mo4r ใช่ครับ ผมชอบฟังคลิปท่านอาจารย์ลอยมาก 1. สั้น และสรุปได้กระชับเข้าใจง่าย 2.ไม่มีโฆษณา 3.ไม่มีเสียงตลกโปกฮา น้ำเสียงท่านอาจารย์ราบเรียบสม่ำเสมอ 4. โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับหลักธรรม ผมว่าท่านอาจารย์ลอยเข้าใจและรู้ลึกถึงแก่นของพุทธแท้ๆ ที่แม้แต่มหาเถรสมาคมหรือพระผู้ใหญ่บางท่านยังไม่สามารถสื่อสารออกมาได้...
ทำไมถึงอยากให้อนคตของลูกหลานไปไกล ?
เพราะตามหลักการพ้นทุกข์ทางพระพุทธศาสนา
จะต้องไม่มีลูกหลาน การมีลูกหลานก็เท่ากับ
สร้างกองทุกข์ขึ้นมา ทำให้มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่จบไม่สิ้น
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ครับ อาจารย์ ที่ได้ ชี้ให้เห็น แก่น ธรรม
ให้ ปล่อยวาง ในสิ่งที่ไม่ จำเป็น
ในการ ดำเนิน ชีวิต และ เน้นการ
พัฒนา จิต ซึ่ง เป็น คำสอน ของ
พระพุทธ องค์ ........สาธุ..
_ตามรอยพุทธเจ้า_
สุดยอดจริงๆครับ อ.ลอยที่นำเอาเรื่องสัจธรรมหรือจิตวิญญาณที่ยากยิ่งมาทำให้ง่ายแก่การทำความเข้าใจหรือสัมผัสได้ นี่เเหละคือครูที่แท้จริง ขอบคุณครับ
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ ช่วยทำคลิปเกี่ยวกับพุทธธรรมเยอะๆนะครับผมดูทุกคลิป ในความคิดของผมเป็นคลิปที่ทรงคุณค่าสำหรับผมและใครหลายๆคน หลายคลิปที่ผ่่านมาทำให้ความคิดผมกระจ่างขึ้นเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เด็กผมก็โดนปลูกฝังเรื่องของความเชื่อ ต่างๆนานา ในใจลึกๆผมก็สงสัยหลายๆอย่าง เพราะรู้สึกขัดแย้ง ไม่สมเหตุสมผล ได้มาเจอคลิปของอาจารย์ช่วยปลดล็อคตอนนี้ผมรู้สึกเบาความคิด สบายใจ ชื่นใจสุดสุด
ก่อนที่สภาวะจะเป็นโลกุตระหรือนิพพานอันถาวรนั้น จะต้องผ่านขั้นตอนการเป็นอนัตตามาก่อนแล้วเมื่อเป็นอนัตตาสภาพของความเป็นตัวตนนั้นหมดไปโดยสิ้นเชิง จึงอยู่ในสภาวะล้วนๆไม่มีสัตว์บุคคล ดังนั้นจะมีผู้เข้าถึงได้อย่างไรในเมื่อไม่มีตัวตน แต่สภาวะนิพพานถาวรหรือโลกุตระเป็นสภาวะที่เหนือจากการเกิดแก่เจ็บตายดังนั้นสภาวะนี้จึงมีอยู่อย่างถาวร มีในไม่มี ไม่มีในมี เป็นในไม่เป็น ไม่เป็นในเป็น
จริยธรรม
เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นต้น
คนที่บ้านก็สอนได้👍
อย่าเพิ่งทิ้งจริยธรรม
นี่เป็นเรื่องของความคิดของคุณลอย ควรศึกษาพระไตรปิฎกมากกว่านี้ค่ะ
พูดถูกหมดเลยครับ บวชหรือไม่บวช ก็สำเร็จได้หมด
ช่องที่ทรงคุณค่าที่สุด พหูสูต ทั้งทางโลก และ ทางธรรม
ขอบคุณที่มีคนอย่างอาจารย์ลอยคับ
อีก ไม่ นาน ครับ
สำหรับแต่ละคน
คงใช้เวลาต่างกัน ไม่มากไม่น้อย
กว่ากันสักเท่าไร
เดี๋ยวก็คงได้รู้เห็นเองแหละ
จะตายแล้ว สูญ
หรือ
ตายแล้ว ไม่สูญ
ใครเชื่อ ก็ รักษา ศีล 5 และ กรรมบท 10 เยอะๆ
ใครไม่เชื่อ จะละเมิด หรือ ไม่ละเมิด
ก็ตามใจ
เดี๋ยวไปลุ้นชีวิตหลังความตายกัน
จะเป็นแบบไหนกันแน่
โชคดีมีสุขกันทุกคนครับ
การได้เกิดเป็นมนุษย์นี้ย่อมเป็นที่ปรารถนาของอบายสัตว์ผู้เคยทำกรรมชั่ว เมื่อเสวยผลของกรรมชั่วรู้ผลของกรรมชั่วแล้ว ย่อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“หากข้าพเจ้ากลับได้ความเป็นมนุษย์แล้ว จะไม่ประมาท ไม่ตระหนี่ จะสั่งสมทาน สั่งสมกุศลให้มาก จะเว้นจากความชั่วอันเป็นเหตุให้มาสู่อบายอีกเป็นต้น”
“โอหนอ ขอเราพึงได้ความเป็นมนุษย์ ขอพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพึงเสด็จอุบัติในโลก ขอเราพึงได้นั่งใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นพึงทรงแสดงธรรมแก่เรา และขอเราพึงรู้ทั่วถึงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเถิด”
ขอบคุณมากๆคับที่ย่อยข้อมูลมหาศาล อธิบายเป็นคำและภาษาที่เข้าใจง่าย แถมยังแฝงคำอธิไว้ซึ่งเป็นปริศนาธรรม
โลกุตระหรือนิพพานอันถาวร มีอยู่จริง แต่ไม่มีใครเข้าถึงได้ นั้น อาจไม่ใช่ความจริงค่ะ ประโยคนี้เหมือนมีการตัดสินไปแล้วว่าไม่มีใครเข้าถึงได้
ถูกจนไม่ว่าจะถูกยังไงครับ 💖💖💖💖
เยี่ยมมากครับ ท่านอาจารย์ลอย ท่านใช้จัดการกระบวนการทางความคิดที่เป็นจุดเด่นของท่าน เรียบเรียงเรื่องทำให้ง่ายต่อผู้สนใจธรรมแท้ๆ ชื่อเสียงและ ความสามารถของท่าน จะปลุกคนให้ตื่นขึ้นอีกหลายๆคน ส่วนปริศนาธรรม ผมไม่ขอตอบนะครับผม
เหตุผลที่ผมไม่ตอบเพราะว่า เมื่อหาคำตอบแล้ว จะคนส่วนหนึ่งซึ่งครุ่นคิด และ ตอบไม่ได้ เมื่อเขาหาคำตอบไม่ได้เขาจะปล่อยปัญหาที่ครุ่นคิด และในขณะที่เขาปล่อยสิ่งที่คิดอาจมีบางคนเอะใจเมื่อเห็นสภาวะบางอย่างที่หยุดคิดหาคำตอบ พอหยุดแล้ว มันจะมาสภาวะของความว่างปรากฎขึ้นมาจากการไม่คิดอยู่ อาจทำให้คนที่มีอินทรีย์แกร่งกล้าเขาตื่นขึ้นมาเองได้
@@chalerychulamanee4643 เพราะ"หยุด" จึง"พบ" สาธุธรรมครับ🙏
มันยากตรงต้องเอาภาษาที่เราสมมุติขึ้น
ไปอธิบายสิ่งที่ไม่ใช่ภาษา
ยากขึ้นไปอีกก็ตรงที่ภาษาที่เราสมมุติขึ้น
เราก็ยังเข้าใจไม่ตรงกัน
สิ่งสำคัญของคลิปอาจารย์ช่วงแรกที่ผมรู้สึกคือ
การปรับสมมุติให้ตรงกัน
รอติดตามตอนเหนือสมมุติครับ
ปริศนาธรรมที่อาจารย์บอก "นิพพานอันถาวรมีอยู่จริง แต่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง" ถ้ามีผู้ใดเข้าถึง แสดงว่าบุคคลนั้นยังยึดติดว่ายังมีตัวตนอยู่ แต่การเข้าถึงนิพพาน ต้องละสมมุติทุกอย่างแม้แต่ตัวตน ไม่มีเขา ไม่มีเรา เลยไม่มีใครหรือบุคคลใดที่เข้าถึงนิพพานรึเปล่าครับ
แต่จริงๆ ผมก็สงสัยว่า เราสามารถใช้ "สมมุติ" อธิบาย "วิมุตติ" ได้ไหมครับ
ความเห็นคุณดีมากเลย เป็นคำถามที่คุณน่าจะมีคำตอบในตัว
@@maneetera1190 ระดับ1-2-3ใช่ความหมายเดียวกับงามในเบื้องต้น งามในขั้นกลาง งามในที่สุดมั้ยคับ
@@maneetera1190 คุณเขียนได้ถูกต้องครับ นักปริยัติอ่านตำราต่างๆแล้วมักตีความตามกิเลสและความเข้าใจในอัตตาของตน ปัญญาจึงอยู่ระดับ1-2เป็นในระดับโลกียะเท่านั้น ซึ่งคนละอย่างกับปัญญาระดับ3ที่เป็นภาวนามยปัญญา ต้องผู้ที่ปฎิบัติถึงเท่านั้นที่จะเข้าถึงสภาวะโลกุตตระธรรมได้อย่างท่องแท้ เปรียบดังคนละโลกกันเลย ใช้ภาษาอธิบายได้ยากมากเพราะคนทั่วไปอาจตีความผิดได้ ดังนั้นบางเรื่องก็เป็นปัจจัตตัง อธิบายยากมากครับ
@@maneetera1190 ขอช่วยอธิบายหน่อยครับ การเข้าถึงปัญญาระดับสามเป็นอย่างไร ต้องปฎิบัติตัวอย่างไร และยึดถืออะไรเป็นเกณฑ์
แต่ผมคิดว่า การที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า จะตามหาหญิงคนนั้นหรือจะตามหาตัวตน ของเธอ ท่าน พูดให้คิดว่า ถ้าเรารู้ตัวตนของเราเราจะไม่ไปตามหาหญิงคนนั้นคือว่า จิต เราเคยสัมผัส จึงเกิดความชอบและกะวีกะวาดในการตามหา แต่ถ้า ละ จิต นั้นได้กลับมามอง จิต ของเรา ก็จะรู้ว่าความชอบเกิดจากจิตไปสัมผัส ฉะนั้นต้องแก้ที่จิตของเราครับหมายถึงตัวตนของเรานั่นแหละ
คุณพูดได้ถูกตามความเป็นจริงครับ สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเรื่องของโลก ผุ้ที่ถึงแล้วย่อมปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ไม่ไปตัดสินและโจษโทษใคร ส่วนผู้ทียังเป็นโลกอยู่ก็ยังคงมีตัวตนอยู่ต่อไปครับ
ในความคิดของผม ปริศนาธรรมนั้น ได้บอกแก่บุคคลทั่วไปให้รู้ว่าการดับที่แท้จริง ถาวรนั้นมีจริง แต่บุคคลควรเพียงแค่ระลึกถึง และเข้าถึงเพียงชั่วขณะได้ ก็ดีแล้ว....
โลกุตระและโลกีย์ได้เกิดมาพร้อมๆกัน แต่เราคลุกคลีกับโลกีย์มาตั้งแต่แรกจึงหลงไปกับโลกีย์ โลกีย์ไม่ใช่สิ่งไม่ดีอย่ารังเกียจ แต่โลกีย์มีความทุกข์ โลกีย์เป็นจุดรวมของอารมย์ รัก โลภ โกรธ
หลง ความเป็นกุศลและความไม่เป็นกุศล ความยึดมั่นในความดีและความชั่ว รวมแล้วเป็นการยึดมั่นถึอมั่น โลกุตตระคือการเข้าใจในสิ่งเหล่านี้แล้วก็ ออกจากสิ่งเหล่านี้ การออกจากสิ่งเหล่านี้ได้โลกุตตระก็เกิดขึ้นโดยไม่ต้องค้นหาหรือ
เข้าถึง เพราะว่าโลกุตตระเขามีของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่รู้จักเขา เขามีอยู่ในเรา โลกุตตระไม่ใช่เป็นสิ่งเหนือโลกแต่เป็นสิ่งที่เข้าใจโลก อย่าพูดถึงการไม่มีตัวตนหรือการทำลายตัวตนเพราะว่าเรายังมีตัวตน
อยู่ ถ้าอยากรู้จักโลกุตตระก็ฝึกสลัดโลกีย์ออกทีละน้อย ก็จะรู้จักโลกุตตระ ถ้าอยากรู้จักนิพพานก็ค่อยๆสลัดความรู้ออก ไม่เอานิพพานเมื่อไรจึงหลุดพ้น ถ้ายังอยากได้นิพพานอยู่ แสดงว่าเรายังถูกตัณหาความยากครอบงำอยู่ แต่ถ้าไม่ยากได้อะไรเลยนั่นคือการหลุดพ้น..
อาจารย์ครับ ที่ทิ้งท้ายไว้ว่า "โลกุตระหรือนิพพานอันถาวรมีอยู่จริง แต่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง" นี่หมายถึง เมื่อเราเข้าถึง เราก็จะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปรึเปล่าครับ แต่กลายเป็นตัวตนที่คล้ายกับการกลายเป็น A.I. ที่สามารถทำสิ่งต่างๆ โดยที่ไม่ได้ยึดถึงตัวเองอีกต่อไป ผมนึกถึง Sibyl System ในการ์ตูนเรื่อง Psycho-Pass ที่เป็นระบบปกครองสังคมอุดมคติของมนุษย์อย่างเที่ยงตรง ไม่มีความลำเอียง ถึงขนาดที่ว่าสามารถตัดสินใจทำลายตัวเองได้อย่างไม่ลังเล หากพิจารณาแล้วพบว่าตัวเองนี่แหละที่เป็นอุปสรรค์ต่อการสร้างสังคมอุดมคติ
ผมฟังคลิปนี้มา 3 รอบได้แล้วครับ ฟังครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้ว แล้วมาฟังอีกตอนนี้ ก็ยังไม่เข้าใจเกรด A สักทีว่าเข้าใจถูกรึเปล่า ว่าหมายถึง การที่สามารถตัดสินสิ่งต่างๆ จากความสำคัญ ความจำเป็น โดยไม่สนความดี ชั่ว ถูก ผิด รึเปล่าครับ แล้วระดับที่ว่าอยู่นอกกรอบของความเป็นตัวเองแล้วนี่ มันต้องไปถึงระดับไหนครับ ไปถึงระดับของการทำเพื่อมนุษยชาตินี่มากพอรึยังครับ หรือยังต้องออกจากกรอบความเป็นตัวตนของเราไปอีก เป็นทำเพื่อสรรพสัตว์ทิ้งปวง ทำเพื่อสรรพชีวิต หรือไปจนถึงระดับสากลจักรวาลที่ครอบคลุมทุกอย่าง ทั้งสิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต
ผมคิดว่าผมอยู่ที่เกรด B มาครึ่งชีวิตได้แล้วครับ มุมมองของผมน่าจะเป็นเกรด B มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ตอนนี้ผมอายุย่าง 30 แล้ว แต่ก็ยังคิดว่ามันไม่ได้ช่วยให้เข้าใกล้ หรือเข้าใจเกรด A อะไรได้เลย
ส่งการบ้าน
"โลกุตระหรือนิพพานอันถาวร มีอยู่จริงแต่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง"
เมื่อเข้าถึงแล้วย่อมไม่มี "ผู้ใด"
นี้คือแนวพุทธะแบบวิทยาศาสตร์ อ.อธิบายได้ชัดเจนมากครับ
สนุกดีครับ ชอบอ.ลอยมากครับ แต่มีความเห็นแย้งพอสมควร ผมคิดและเชื่อว่า 1. แก่นของพุทธ มี3ข้อ คือ 1.1 การละเว้นบาป(ไม่เบียดเบียน=ศีล=ความปกติสุข) 1.2 การสร้างบุญกุศล ช่วยเหลือเกื้อกูล 1.3 การฝึกฝนภาวนา( การพัฒนาตน ทั้งทางใจและทางกาย /พุทธเถรวาท มักเน้นใจแต่ละเลยกาย?) 2. พุทธ=ผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน ตื่นคือการได้สติ รู้คือมีและใช้ปัญญา เบิกบานคือผลลัพธ์แห่งการใช้สติปัญญา ศาสนาที่นับถือเทพ เหนือมนุษย์ ภายในจิตใจยอมรับการถืออำนาจเหนือ ศาสนาพุทธ เชื่อมั่นต่อสติปัญญา เหนืออำนาจ จึงให้ความสำคัญของเทพในระดับไม่มาก พระพุทธเจ้า = เจ้าแห่งสติปัญญานำมาซึ่งความเบิกบาน เมื่อเผชิญปัญหาใดๆ จะเน้นการใช้สติปัญญาแก้ ปัญหา โดยมีธรรมมะ(มีหลายความหมาย ในที่นี้หมายถึงวิธีการที่ถูกต้อง)อื่นๆ เช่นอิทธิบาท4 หรือองค์8แห่งมรรค มาช่วย 3. โลกุตระ =เหนือโลก =เป็นการมองอีกระดับที่ลึกละเอียดมากขึ้น ต่ออะไรก็แล้วแต่ หรืออาจจะมองภาพใหญ่ มากขึ้น (เปลี่ยนระดับนัยสำคัญ เพื่อให้เห็นความจริงหลายๆด้านหลายๆมุม) ถ้ากลศาสตร์นิวตัน คือโลก โลกุตระ คือ กลศาสตร์ควอนตัม หรือทฤษฎีสัมพัทธภาพ 4. จิต คือระบบนำเข้าข้อมูล +ประมวลผล+แสดงผล ระบบนำเข้าข้อมูลผ่านผัสสะทั้ง5 + คิด/จินตนาการ ระบบประมวลผล ความจำ/การคิดต่อยอด/อารมณ์/ความกล้า/การตัดสินใจ เป็นต้น การแสดงผล อาจจะออกมาในรูปพฤติกรรมการกระทำ หรือความแปรปรวนในระบบร่างกาย/จิตใจ ปัญหาความยุ่งยากในการเข้าใจในเรื่องนี้ของศาสนา พุทธเพราะศัพท์ที่ใช้ของเก่ากับของใหม่ไม่ตรงกัน 5. เวียนว่ายตายเกิด มองได้หลายระดับนัยสำคัญ ถ้าเราตาย ร่างกายและจิตใจ สลายเป็นอณูธาตุย่อยๆและพลังงานรูปแบบต่างๆ จะถูกส่งต่อไป สิ่งมีชีวิต/และสิ่งไม่มีชีวิตอื่นๆ ต่อไป เรียกว่าสูญก็ได้ไม่สูญก็ได้ ถ้ากระบวนการของจิต รูปแบบหนึ่ง เปลี่ยนเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือจุติ คือมีการ ตายจากจิตแบบหนึ่งเกิดเป็นจิตแบบหนึ่ง ตอนแรกเรารักคนๆหนึ่งมากอาจจะมีเหตุให้เคียดแค้นคนๆนั้นมากในทีหลัง นี่คือตัวอย่าง จิตจุติ ถ้าความทรงจำอัตลักษณ์สามารถ ถ่ายสู่ กายอีกกายหนึ่งได้ แบบนี้ อาจจะเป็นเวียนว่ายตายเกิดรูปแบบหนึ่ง แต่ปกติ กายและจิตของเราจะถ่ายทอดออกไปบางส่วน เรื่องนี้พูดคุยยาว ขอข้าม 6. นิพพาน เป็นสภาวะจิต ที่นิ่งแล้ว จิตถูกฝึกฝน ละกิเลสตัณหา ได้อย่างแท้จริง ปัจจัยที่ทำให้จิต จุติใหม่ ไม่มี ถ้าแค่จิตถูกฝึกฝนให้ ฝังกุศลเหนือกว่า อกุศล กิเลสตัณหาเบาบาง จิตจะไม่จุติในอบาย อาจจะแบ่ง ระดับจิตที่พัฒนาแบบชาวบ้านว่า มนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ
โลกุตระธรรม เป็นสภาวะธรรมที่มีอยู่จริง ที่ไม่ปรากฏการเกิดขึ้น เมื่อไม่มีการเกิด จึงไม่ปรากฏการดับ เป็นสภาวะของปรินิพพานที่ดับสนิท
อาจอธิบายได้จาก สภาวะจิตสุดท้ายที่ดับแบบสนิท
รอฟังคำอธิบายของอาจารย์ และการยกตัวอย่างและภาษาที่เข้าใจง่าย เช่นเดิม
จิตของพระอรหันต์อยู่ในนิพพานครับ ถ้าไปตีความว่าจิตดับ จะทำให้พระธรรมเกิดการขัดแย้งกันเอง เพราะพระพุทธองค์ไม่เคยตรัสว่า จิตดับ แต่พระองค์ตรัสว่า นิพพานเป็นบรมสุข ถ้าไม่มีจิต จะสัมผัสบรมสุขไม่ได้
เพราะเราใช้ข้อมูล ใช้ประสบการณ์ของตัวเอง ใช้สิ่งที่ตัวเองร่ำเรียนมา ในการตัดสินใจในทุกๆเรื่องเสมอ ครับ
จึงไม่มีใคร สามารถเข้าถึง โลกุตระ ได้อย่างแท้จริงครับ
ปล ชอบep มากครับ ได้ทบทวนตัวเองดีครับ ^^
ผมก็ได้คำตอบแบบนี้ครับ รอดูเฉลย
ตอบปริศนาธรรมครับ การเข้าถึงโลกุตระหรือนิพพานได้ ผู้นั้นต้องวางตัวตน เมื่อวางได้ จึงไม่มีผู้ใด ครับ
บุญ หรือบาป ความดี ความชั่ว ล้วนก่อพบก่อชาติเหมือนกัน แก่นของศาสนาคือละทั้งหมด ในข้อนี้มีแต่พระอนาคามี ที่จะต้องตัดสิ่งนี้ออกไป อย่างเราๆท่านๆ ไม่เข้าใจหรอก
@@maneetera1190 ไม่ใช่ครับ อันนี้คือสิ่งที่พระอนาคามีต้องละหมด จิตถึงจะรู้นิพพานได้ หลวงปู่มั่นท่านก็ละการอยากทำความดี นั่นคือท่านหวังพุทธภูมิเอาไว้ พอท่านละพุทธภูมิได้ จิตท่านถึงรู้นิพพาน ผมถึงบอกไงว่า ต้องถึงขั้นพระอนาคามีถึงจะเข้าใจ ในส่วนของพวกเรายังไม่ต้องละตรงนั้น เราต้องใช้ความดีเป็นบันไดขึ้นไปก่อน
เมื่อไม่มีผูใดเข้าถึงนิพพานอันถาวร นิพพานอันถาวร จึงเป็นจริงเพียงการสมมุติ เท่านั้น
อันนั้นเป็นลัทธิสุญญตาครับ พระพุทธเจ้าถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิ
ท่านอาจารย์อธิบายได้สุดยอดมากครับ/นำไปใช้ประโยขน์ได้จริงๆ
ตั้งแต่เกิดมา..ไปทั้งวัด,ไปทั้งโบสถ์,..ไม่เคยรู้สึกเข้าถึงธรรม,ไม่รุ้สึกอะไร..ไปเพราะตามประเพณีงั้นๆ แต่พอฟังคลิปนี้..รุ้สึกบรรลุธรรมขึ้นมาทันที..สาธุๆๆคะอาจารย์ 🙏🙏🙏
ศึกษาจริง รู้แท้ อธิบายเข้าใจง่าย ครับ👍👍
สุดยอดของการอธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย.. FC ครับ
อาจารย์เก่งมากค่ะ รู้รอบด้านจริงๆ
ขออนุโมทนาสาธุครับ
รู้อะไรไม่เท่ารู้เท่าทันใจตน
ผมว่า
ทำดีๆไว้
มีไม่หรือไม่
ไม่มีใครรู้หรอก
แต่ ไม่เบียดเบียน ดีที่สุด
วัดส่วนมากจึงอยู่ในระดับ F กับ D ส่วนนิพพาน ไม่มีผู้ไปถึง เพราะเมื่อไปถึง ก็ไม่มีผู้นั้นเหลือเสียเล้ว เป็นสุญญัตตาสมบูรณ์แบบ เหลือแต่การไปถึง ความเป็นตัวตน นาย ก นาง ข ไม่มีอยู่ตรงนั้น ถ้ามี ก็ยังไปไม่ถึง เรียกว่า การไปถึง มี แต่ผู้ไปถึง ไม่มี
คลิปนี้ ฟังแล้ว ความรู้ยกระดับขึ้น จิตใจเย็นลง สงบ ความเป็นตัวตน ยึดติดตัวตน น้อยลงกว่าเดิม (แม้เล็กน้อย ก็รู้สึกได้ว่าดีขึ้นกว่าเดิม)
ชอบ ตรงระดับของ wisdoms มากครับ ทำให้ผมคิดถึงคำว่า ศีลไม่เสมอกันเลย 😅
อธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้ดีครับ ปล่อยขันธ์5ได้ก็หลุดพ้น แต่ก็ไม่ใช่ง่าย โดยเฉพาะจิต ไม่เกาะจิตดวงใหม่ ก็หลุดพ้นทันที นิพพาน
ขอบคุณอาจารย์มากเลยครับ ให้ความรู้ อธิบายได้เข้าใจมาก ฟังเกือบทุกตอน คริปหนึ่ง ฟังหลายๆรอบจนกว่าจะเข้าใจทั้งหมดแล้วก็ไปคริปต่อไป ผมเป็นคนชอบศึกษาชอบฟังวิชาการที่จะเอามาใช้ในชีวิตจริงตั้งแต่ฟังมาคริกอาจารย์สุดยอดมากครับขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ครับ รักเคราพอย่างสูง
รักเสมอ
โลกุตระหรือนิพพานอันถาวร มีอยู่จริงแต่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง
ดั่งเช่นพระพุทธเจ้า ที่ได้ปฏิบัติตน บำเพ็ญเพียร เพื่อจะหาวิธีการดับทุกข์หรือหลักการการหลุดพ้น พระองค์ทรงปฏิบัติและบำเพ็ญเพียร เป็นสิบๆๆชาติกว่าจะค้นพบวิธีการ หลุดพ้นและการดับไป อย่างถาวร ซึ่งการปฏิบัติและวิธีการ หรือหลักการเหล่านั้น พระองค์ทรงสั่งสอนและทรงแสดงธรรมต่างๆ ให้แก่ผู้คนทั้งหลาย
แต่น้อยคนที่จะเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ ยังมีกิเลส มากมายที่ฉุดรั้งเอาไว้
เป็นความรู้ในเชิงลึกแต่ฟังอธิบายแล้วเข้าถึงได้เลยเข้าถึงหมายความว่าเลยความเข้าใจไปแล้วดีมากๆครับทำให้การศึกษาเรียนรู้ธรรมะง่ายและถูกต้องไม่ต้องอ้อมโลกไปไกลขอบคุณมากครับอาจารย์.ติดตามๆ
ขอบคุณจากใจจริงๆครับ คำสอนของพระพุทธเจ้ายิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรื่อง
ที่หลุดพ้นไม่ได้เพราะยังละตนไม่ได้ ที่ยังละไม่ได้เพราะความกลัวไม่มีตัวตนแต่ดั้งเดิมของจิตที่สังขารขึ้น
ความลับของการหลุดพ้น คือ อย่ากลัว
ถ้ากลัว จงเพ่งพิจารณาในสิ่งที่กลัวจนเข้าใจตามความเป็นจริงของธรรมชาติ
เมื่อเข้าใจจนทะลุทุกอย่าง ปลงใจเชื่อยอมรับตามความจริงนั้นในทุกระดับ ความกลัวจะหมดไปอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อไม่กลัว จึงหลุดพ้น เป็นอิสระ
อ.ลอย สุดยอด ภูมิความรู้ เสมอ
สรุป เรื่องที่เข้าใจได้ยาก และ งงๆ
ให้ คนอย่าง ข้าฯ เข้าใจ ได้ง่ายขึ้น
กราบ ขอบพระคุณ ในความรู้
หลากหลาย ที่ อาจาร์ ได้ เมตตากรุณา
ให้ ความรู้ เสมอๆ
ยกมาจาก อ. อธิบาย โลกุตระหรือนิพพานไม่มีผู้ใดเข้าถึง เพราะจิตที่เข้าถึงต้องทิ้งตัวกูก่อน....อนถุโมทณา สาธุ สำหรับการให้ธรรมเป็นทาน
ศีลอบรมสมาธิ สมาธิอบรมปัญญา ปัญญาอบรมจิต คำสอนหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
เหมือนแก้วสารพัดนึก ขออะไรก็ได้ คนไม่มีอยากขอเรื่อยไป แต่คนที่มีกลับไม่อยากขออะไร
ขอเดามั่วๆ ตามที่ได้รู้จากเต๋า
บางทีอาจเหมือนโศลกในเซนที่ว่า หากไม่มีกระจกแล้วไซร้ ฝุ่นจะไปจับได้อย่างไร
เต๋า (โลกุตะระ/นิพพาน) คือธรรมชาติที่เที่ยงแท้ ทั้งมีรูปและไม่มีรูป ดำรงอยู่อยู่ในตัวของมันโดยที่แม้แต่คำนามก็ยังใช้อธิบายไม่ได้ ส่วนจิตเรานั้นมักจะหาสิ่งยึดเหนี่ยวและถูกสิ่งนู้นสิ่งนี้กระทบอยู่เสมอ ฉะนั้นต่อให้บางครั้งเข้าถึงเต๋า/โลกุตระ/นิพพาน แต่ก็ไม่ใช่ถาวร เพราะเรายังมีกระจกให้ฝุ่นจับ แล้วก็ต้องคอยเช็ดมันอยูเสมอ......
เดาสนุกๆครับ
นามที่เรียกขานได้ไม่ใช่นามแท้
เต๋าที่นำมาขานกันได้ไม่ใช่เต๋าที่แท้จริงครับ
สาธุ แค่คุย เกี่ยวกับ พุทธศาสนา
ทุกท่านก็ได้ บุญ แล้ว...
บาปบุญต้องละนั่นเองคะเพราะเป็นภพ กามภพนั่นเองคะ เวทนาทุกข์สุข
@@user-rz4kd7bd4y ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ คำสอนของพระพุทธเจ้าพิสูจน์ได้คะ แบะท่านบอกหนทางในการเข้ามาพิสูจน์ไว้แบบชัดเจนมากใน พุทธวจน คำสอนของพระพุทธเจ้า มีเหตุ และ มีผล ท่านสอนเรื่องความไม่เที่ยง และท่านยังบอกไว้อีกว่า ตถาคตจะบังเกิดขึ้นหรือไม่บังเกิดขึ้นก็ตาม ธรรมธาตุนั้นย่อมตั้งอยู่อย่างนั้นแล้วนั่นเทียว ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท อริยมรรคมีองค์แปด ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 อริยสัจสี่ เข้ามาพิสูจน์ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะเป็นไปตาม กฏอิทัปปัจจยตาคือหัวใจปฏิจจสมุปบาท พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ เมื่อมีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงมีพระธรรม เมื่อมีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงมีพระสงค์ อริยบุคคล นั่นเองคะ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ต้องเพ่งพิสูจน์ เพื่อจะเป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตน ว่า กฏอิทัปปัจจยตาเป็นอย่างนี้อย่างนี้ตามที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ ปฏิจจสมุปบาทเป็นอย่างนี้อย่างนี้ อริยมรรคมีองค์แปดเป็นอย่างนี้อย่างนี้ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เป็นอย่างนี้อยางนี้ อริยสัจสี่ เมื่อมีทุกข์เป็นปัจจัยจึงมีสมุทัย เมื่อมีสมุทัยเป็นปัจจัยจึงมีนิโรธ เมื่อมีนิโรธเป็นปัจจัยจึงมีมรรค เป็นอย่างนี้อย่างนี้ ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์
ความไม่มีตัวตนที่แท้จริง มีแต่เกิด ดับ
ศีล....นั่นคือสิ่งต้องมี........เพื่อสมาธิ...ให้ก่อเกิดปัญญา
พบกันคือความชั่วคราว การจากลาคือความถาวร ไม่มีสิ่งใดคือความถาวร สุขกับทุกข์ล้วนเป็นความชั่วคราว ขอบคุณที่เปิดมุมมองใหม่ๆ ครับ
ความเข้าใจและข้อปฏิบัติสำคัญสุด
เคยได้ลองนั่งสมาธิฝึกไปนาน จนอยู่ครั้ง นึ่ง เมื่อ จืตหรือความรู้สึก สัมผัสถึงความสงบภาย จิตสัมผัส ถึง ความว่างเปล่าจากภายใน มุกอย่างมืดว่างเปล่า และรู้สำเป็น อิสสระจากทุกสิ่ง แบบนี้เรียกว่า เข้าถึง สุญญตาหรือเปล่าครับ
เห็นความจริงแท้ค่ะ....ว่าต้องอยู่กับปัจจุปันอย่างมีสติ.เพิ่งเข้ามาดูคลิปค่ะเป็นสัจธรรมอย่างแท้จริง🙏🙏🙏
ชอบ อ ลอยมากคับ เก่งทั้งทางโลกและทางธรรม ดีครับ ความจริงเรื่องทางพุธศาสนา บ้านเรามันแตกไปเยอะจนมั่วไปหมดแล้วบางครั้ง ก็ทำให้คนที่ไม่รู้จริง มองดูถูกศาสนาพุธไปเลยครับ เหมือนว่าศาสนาเราทำไมทำอะไรเพี้ยนๆ จุดใหญ่คือพุธบ้านเรามันไม่มี QC ที่สอนไปในทางเดียวกัน นะผมว่า ใครอยากทำอะไรก็ทำ ต่างกับศาสนาคริสต์ ที่แต่ละท้องที่ก็ยังคงเป็นแบบคำสอนเดียวกันหมดทั้งโลก ส่วนตัวผม ชอบท่านพุทธทาส เป็นที่สุด ท่านอธิบายศาสนาได้อย่างถูกต้องตรงไปตรงมานะ
ท่านพุทธทาส ท่านคงไม่ได้อยู่ในศาสนาพุธ มังครับ
ผมว่าศาสนาคริสต์ หรืออิสลาม หรือศาสนาไหนๆก็จะมีความไม่เหมือนกัน จึงเกิดนิกายต่างๆเต็มไปหมด
ทำไม่ท่านอธิบายจากมากไปหาน้อย จากข้างนอกไปหาข้างใน ทั้งๆที่ผู้ที่ปฎิบัติต้องรู้จากภายในสู่ภายนอกจากเล็กน้อยไปหามาก ผู้ปฎิบัติต้องรู้จักภายใน เพราะถ้าเข้าใจภายในตนก็จะรู้เข้าใจในธรรมชาติภายนอก
มีอยู่จริงแต่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง ก็เพราะไม่มันจำเป็นต้องบอกได้ว่าถึงหรือไม่ถึง ไม่ใช่ความจำเป็น
ดังนั้นผู้ที่เข้าถึงจึงไม่นิยามตนว่าเป็นผู้เข้าถึงหรือตัดสินผู้ใดว่าเป็นหรือไม่เป็น เพราะมันไม่มีผู้ที่ตัดสิน ตนเองก็ไม่ได้เป็น คนอื่นเป็นหรือไม่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น
มันเป็นจริงทั้งหมดเลยครับ
ที่ท่านพูดมาทั้งหมด ทำต่อไปนะครับ
โลกุตระหรือนิพพาน
มีอยู่จริงแต่ไม่มีใครเข้าถึงได้
เพราะถ้ายังมีตัวตนก็จะไม่เข้าถึงนิพพาน
ดังนั้นจึงไม่มีใคร ที่ยังมีตัวตนอยู่
สามารถเข้าถึงนิพพานได้ครับ
เพราะสักกายะทิฏฐิ ยังไม่ถูกชำระ ยังเห็นว่า มีตัว มีตน เป็นคนเป็นกู เป็น เขาอยู่
คำถามสุดท้ายที่อาจารย์ทิ้งไว้ ผมตอบตามความเห็นผมนะครับว่า สภาวะนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ ที่จะไม่เกิดทุกข์เลยในทุกขณะ เพราะธรรมชาติคือ อนัตตา ซึ่งมีทุกข์เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเราจึงเป็นเรื่องปกติที่ชีวิตเราวนเวียนอยู่กับทุกข์ แต่ จะมีเพียง เห็นแล้ว เอาไปเป็นทุกข์ และหายทุกข์ได้ เร็ว ช้า แค่ไหน
จงหลุดพ้น แล้วตื่นรู้ ✨
ชอบฟังูอาจารย์ และคิดตามได้เข้าง่าย ฟังนายยกแถลงผมยังงงเข้าใจยาก
ธรรมชาติเป็นสิ่งไม่เที่ยง ความทุกข์ก็เช่นกัน ถึงเข้าใจชีวิตและธรรมชาติก็ไม่อ่านพ้นไปจากทุกข์ได้ ทำได้เพียงเข้าใจทุกข์เท่านั้น จึงไม่มีใครที่นิพพานได้อย่างสมบูรณ์ มีเพียงการดับไปอย่างเข้าใจชีวิตเพียงเท่านั้น
บาปบุญ ช่วยส่งเสริมให้ คนเราทำดีมากกว่าทำชั่ว ทำบุญแสดงเมตตาจิตอันทำให้คนเราพ้นทุกข์ได้ จิตใจสบายขึ้น เป็นหัวใจหรือไม่ ดิฉันเชื่อเช่นนี้
"มีแต่ธรรมชาติ ล้วนๆ เท่านั้น เป็นไป"
มนุษย์เข้าถึงได้โดยจิต โลกุตระเป็นความจริงตามธรรมชาติโดยไม่ผ่านจิต จึงไม่มีผู้ใดเข้าถึง
เมื่ออยากรับรู้ความจริงตามธรรมชาติผ่านจิตมีอยู่2อย่างคือ รับรู้จากความจริงแบบชื่อๆ และความจริงจากปัญญารู้แจ้ง
การทำบุญกับภุกษุ
เป็นทานอันเลิศและสูงสุดของคนพุทธ🙏
สุดยอด ชอบมากคับ แบบกำลังใจให้ในการทำคลิปต่อไปคับท่าน
ปริศนาธรรม ที่อาจารย์ได้ทิ้งไว้ ว่า โลกุตระ มีอยู่จริงแต่ไม่มีใครเข้าถึง จากที่ฟังคลิปมาตั้งแต่ต้น ในแง่มุมของผม ..ความหมายของ โลกุตระ ก้อบอกคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้วว่า ผู้ที่ไม่สามารถทำให้เกิดทุกข์ คนเราตราบใดที่ยังมีชีวิตมีลมหายใจมีต้องมีเรื่องมีราวทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย ต่างก้อทำให้เกิดทุกข์ได้ทั้งนั้นจึงยาก..นอกจะจากว่าสิ้นลมหายใจ(ตายไป)เมื่อนั้นถึงจะได้กลายเป็น โลกุตระ
ชอบมาก
กราบขอบพระคุณครับ
ขอบคุณอาจารย์มากคะ
ถูกต้องครับ พิธีกรรม หรือธรรมเนียม
ปฏิบัติ หรือลัทธิ เป็นการกำหนดขึ้นมา
ของแต่คน แต่ละกลุ่ม องต์กร สังคม
และแต่ละศาสนา เป็นต้น ผิดถูกดีชั่ว
จริงเท็จ และเหตุผลอยู่ที่กำหนด ไปตาม
สภาวะสิ่งแวดล้อม ค่านิยมและตามยุต
ตามสมัย ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงได้ หรือ
หยวนๆได้ตามแต่กรณีย์ ถ้าใตรเคร่ง
ครัดเกินก็จะล่มสลายล่มจมลงในที่สุด
เว้นแต่เป็นหลักธรรมอันถูกต้องและ
ชอบธรรม ถ้าหย่อนยานก็ไม่ได้ผล และ
จะผ่านขึ้นไปขั้นสูงสุดคือโลกุตระ คือ
เหนือโลกเหนือ หลุดพ้นจากโลกิยะ ตัว
กูของกู(อนัตตาคือวางหรือว่างจากตัวกู
ของกู)จนก้าวสู่นิะพานคือการหลุดพ้น
จากพระพุทธราหู(พระศรรอิารืย์ตัว
จริง) สวัสดี
อธิบายเข้าใจง่ายดีมากค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ความรู้ค่ะ
โคตรเจ๋งครับ วิชานี้ยากที่สุดในโลกจริงๆ