ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
เคยซิ่วตอนปี 3 ค่ะอยากเรียนดนตรีแต่ดันคิดว่าเรียนบัญชีดีกว่าดนตรีเล่นเองก็ได้ สรุปเรียนบัญชีได้ 2 ปีร้องไห้บ่อยมากค่ะ ก็ย้ายปี 3 ไปดนตรีแบบเทียบโอนมหาวิทยาลัยเดียวกัน(ต่างจังหวัด) เรียนไปได้ปีนึงรู้สึกว่ามากรุงเทพดูจะไปได้ไกลกว่าเพราะว่าไม่ได้อยากเล่นกลางคืนตลอดไป เลยตัดสินใจซิ่วมาเรียนดนตรีที่กรุงเทพค่ะ ความคิดเราตอนนั้นคือถ้าเรียนอีกปีก็จบแล้วส่วนอีกความคิดคือถึงแม้จะปีเดียวก็ไม่อยากเสียเวลาเลยตัดสินใจซิ่วค่ะ สรุปตอนนี้รู้สึกดีมากๆที่ซิ่วมาเพราะมันมีความสุขมากกกไม่ว่าจะจบมาทำงานตรงสายไหม แต่ตอนที่เรียนอยู่มันดีมาก แล้วที่ได้เพิ่มมาคือถ้าไม่มาเรียนที่ใหม่สาขาใหม่คงไม่ได้ความรู้ในหลายๆเรื่องที่เราไม่รู้จริงๆไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะเสิร์ชหาได้ยังไงเพราะไม่รู้ว่ามันมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย แล้วก็ได้เรื่องคอนเนคชั่น แล้วตอนนี้ก็กำลังทำเพลงของตัวเองด้วยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่สายกับความชอบด้วยนะคะ อันนี้แค่มาเล่าประสบการณ์ว่าทำไมเราเลือกแบบนี้
เรื่องปรึกษาตอนต้น ขึ้นอยู่กับฐานะ+สภาพทางบ้านด้วย ถ้าที่บ้านโอเคที่จะให้ซิ่วก็ซิ่วเลย แต่ถ้าเป็นเรา เราจะเรียนให้จบปี4เพื่อเอาวฒิปริญญาตรี เพราะถ้าหากน้องอยู่ในสภาวะที่บ้านมีปัญหาการเงินหรือโดนที่บ้านบีบบังคับให้ทำงานก่อน ก็ยังสามารถใช้วุฒิป.ตรีที่เราได้ไปสมัครงานก่อน งานบางที่ก็มีทั้งใช้วุฒิป.ตรี และไม่ใช้วุฒิก็มี บางคนก็เลือกเวย์ที่จะเรียนไปละก็ทำงานด้วย เช่นไปเรียนป.ตรีภาคพิเศษ ซึ่งเรียนเสาร์ อาทิตย์ วันธรรมดาก็ทำงาน แต่เอาตรงๆถ้าไม่นับบางสาขาที่จำเป็นจะต้องบังคับจบวุฒินี้มาเท่านั้น บางอย่างมันก็สามารถเรียนข้างนอกได้อะเนอะ แถมเผลอๆลงคอร์สเรียนระยะสั้นประหยัดเวลากว่าไปเรียนใหม่ทั้ง 4 ปีด้วย ช่วงระหว่างนี้ก็พยายามค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร แต่ถ้าเจอแล้วก็ยินดีด้วยนะ สู้ๆ ❤❤
เห็นด้วยกับความคิดนี้ค่ะ คิดเพิ่มหน่อยถ้าไม่ได้ต้องรีบทำงานและไม่ได้เครียดจนจะกระทบกับชีวิตนี่ก็คิดว่าเรียนจบไว้ดีกว่า เพราะ ไม่รู้อนาคตอาจได้กลับมาใช้ความรู้นี้อีก ซึ่งก็เก็บมาตั้ง 3 ปีแล้ว มันเสียเวลาไปแล้ว3ปี และไม่อยากให้มองว่าอยุเยอะแล้วต้องรีบเรียนจบทำงาน เพราะ เราทำงานและเรียนไปด้วยได้ และขนาดทำงานจริงๆแล้วก็ยังต้องศึกษาความรู้เรื่อยๆค่ะ ส่วนถ้าสนใจสิ่งอื่นๆก็ค่อยๆเรียนเพิ่ม ค้นหาตัวเองได้เรื่อยๆ
สำหรับผมในวัย35ปี คือไม่ช้านะครับ รู้ตัวว่าอะไรใช่ไม่ใช่สำหรับตัวเองน่ะดีแล้วครับ น้องต้องทำงานกับสิ่งที่เลือกอีกครึ่งชีวิตครับเลือกให้ใช่ สนุกกับมัน แล้วจะมีความสุขครับทั้งนี้มันมีรายวิชาที่โอนหน่วยกิตได้ครับ น้องไม่เสียเวลาไปซะหมดสำหรับสิ่งที่เรียนไปแล้วหนอกครับพี่เป็นกำลังใจให้ครับ
พิมพ์ไป ลบไป คำถามนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมได้ทบทวนตัวเองไปด้วยจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน...พี่ไม่มีคำแนะนำอะไรที่จะช่วยน้องได้เลย พี่มีแค่ประสบการณ์มากมายที่เคยผ่านมา และพี่ก็มีคำถาม อยากจะถามน้อง คือ น้องจะรู้ตอนจบของหนังได้ยังไงถ้ายังไม่ได้ดู น้องจะรู้ตอนจบของเรื่องราวใดๆได้ยังไงถ้าน้องไม่ได้อ่าน น้องจะเลือกดูเอง อ่านเอง ไปจนถึงตอนสุดท้ายแล้วก็มีความสุขไปกับชีวิตของตัวเอง หรือ จะฟังสปอยจากคนอื่นแล้วเอาใช้ น้องทำได้ทุกอย่างที่น้องอยากทำและไม่มีใครมีสิทธิ์มาตัดสินน้อง ชีวิตไม่มีถูกไม่มีผิด.ส่วนตัวพี่อยากขึ้นเขาพี่ก็จะลุยป่า อยากไปเกาะพี่ก็จะลงน้ำ เขียนตำนานด้วยตัวเองแล้วเอาไว้ไปเล่าให้ใครสักคนฟัง มันมีความสุขดีนะ ว่ามะ
เค้าแพล่มอะไรเค้าวะ
ต้องดูก่อนว่าสิ่งที่เราอยากเปลี่ยนมันตรงข้ามกันมากมั้ย? เช่นพวกสายเฉพาะทาง แพทย์ วิศวะ เป็นต้น แต่ถ้าไม่ต่างมาก และสายที่เรียนอยู่ก็กลางๆ ก็เรียนให้จบค่ะ เพราะจบมาไม่จำเป็นต้องทำงานในสาขาของตัวเองเสมอไปค่ะ เช่นเราจบการท่องเที่ยว ทุกวันนี้เป็นแอดมินบริษัทอาหาร เพื่อนจบมาสายเดียวกัน ทุกวันนี้ทำบัญชี ตั้งแต่จบมาไม่เคยได้เป็นไกด์เลย
ส่วนตัวคิดว่าคนไทยติดเรื่องอายุกันมากเกินไปว่าต้องจบอายุเท่านี้ ทำงานตอนอายุเท่านี้ ไม่มีใครสายเกินเรียนค่ะ ถ้าไม่ติดเรื่องครอบครัวว่าทำไมต้องซิ่ว เรียนจะจบแล้วทำไมไม่เรียนต่อให้จบ ถ้าไม่ติดเรื่องครอบครัว เชียร์ให้ซิ่วค่ะ ความสุขตลอดชีวิตที่ต้องอยู่กับสายอาชีพที่ไม่ชอบไม่มีความสุขมากกว่าเริ่มเรียนใหม่อีก 4 ปี😊🥰
กำลังหาอะไรดูอยู่พอดีเลยค่ะคุณเนส ! ❤*มุมมองสำหรับคำถามต้นคลิปนะคะ*คิดว่า ไหน ๆ ก็ปี 3 แล้ว อยากให้เรียนจนจบค่ะ แล้วถ้าอยากเรียนอะไรค่อยเรียนใหม่ได้วุฒิ 2 อันไปเลยในกรณีที่อยากเปลี่ยนสายการเรียนนะคะเพราะความคิดของเราไม่แน่นอนค่ะ ไม่อยากให้เสียโอกาสทางใดทางหนึ่งแต่ก็แล้วแต่การตัดสินใจของน้องนะคะ เพียงแค่ให้ความเห็นเท่านั้น ชีวิตเราเป็นของเราค่ะ 😊
ส่วนตัวผมคิดว่าความชอบของคนเราเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอครับ ลองเรียนให้จบก่อนแล้วลองทำงานนั้นดู น้องอาจชอบก็ได้ครับ ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนครับ ดูอย่างที่ตอนแรกน้องสมัครเรียนสาขานี้มาเพราะคิดว่ามันคือทางที่ใช่แล้ว แต่สุดท้ายน้องก็บอกว่ามันไม่ใช่ เพราะน้องได้ลองศึกษามันจนรู้สึกว่าไม่ชอบ คือพี่อยากจะบอกว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนครับ ถ้าน้องซิวไปเรียนสาขาใหม่ก็ใช้ว่าน้องจะชอบมันแบบแน่นอน รักมันแน่นอน น้องอาจไม่ชอบแล้วก็อยากเลือกทางใหม่อีกก็เป็นได้
ส่วนตัวถ้าถึงมาปี 3-4 แล้วไปต่อไหวเรียนให้จบก่อนถือเป็นสกิลเราที่เอาไว้ใช้ในอนาคตได้ครับ ส่วนถ้าเกิดสนใจอยากทำสายอื่นจริงๆหลายๆสายไม่ต้องเรียน ป.ตรี ผมเห็นคนเรียนเสริมและฝึกเยอะๆจนแสดงให้ที่บริษัทเห็นว่าเราทำงานได้แต่อาจเหนื่อยกว่าคนที่เรียนสายตรงๆมา อาจไปต่อ โท หรือ ตรี ใหม่อีกรอบก็ไม่เสียหาย ปล.ความเห็นส่วนตัวของคนที่ไม่เคยซิ่วและพึ่งเรียนจบแบบเกือบตุยมานะครับ 5555
ก็รู้เลยเรียนมาเพื่ออะไร อ๋อเรียนมาเพื่อทราบ
@@sleepingfish3ขอบคุณครับ
เสียดายที่สุดคือชีวิตวัยรุ่นในช่วงเรียนนี่แหละ 😢
😊😊😊
คิดเหมือนกันค่ะ เพราะส่วนตัวค่อนข้างให้ค่ากับเวลา ยอมเสียอีกแค่1ปีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของเวลา4ปีดีกว่า แต่ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ไม่สามารถตั้งใจเรียนจนจบปี4ได้จริง ๆ เป็นเราก็อาจจะออกไปเรียนที่ตัวเองสนใจเรียนค่ะ แฮปปี้กว่า
สำหรับเรื่องต้นมหาลัย ในตอนนี้มันต้องยึดติดกับคำว่าปริญญาให้น้อยลง ปัจจุบันมีมหาลัย สถาบันที่มีCertificate ที่สามารถนำมาใช้ประกอบการทำงานได้ เราก็เจอเหตุการแบบนี้ พึ่งมารู้สึกตัวเต็มๆตอนปี 3 แต่เราเรียน 5ปี เพราะเรียนครุ แต่เราก็ไปหาข้อมูลมาว่าจะซิ้วไหมหรือยังไง จนได้ข้อสรุปมาว่า ให้ดูปัจจัยเราก่อนว่ามีทรัพยากรด้านเวลา การเงิน ในระดับไหน สรุปเราเลยเรียนให้จบ 5 ปีไปควบคู่กับการเรียนเอาใบรับรองหลักสูตรการศึกษา 2ปี ไปด้วย (เหนื่อยกว่าเดิมแต่เราคิดแล้วว่ามันคุ้มค่ะ)
สำหรับต้นคลิป เค้าจบทำงานมาแล้วสองปี ทำงานไม่ตรงสายที่เรียนมาด้วย🥲ส่วนตัวนี่คิดว่าอยากให้เรียนให้จบค่ะเรียนมาสามปีแล้ว ส่วนถ้าเจอทางที่ชอบลองหาเรียนเสริมดูก็ได้ หรืออาจจะต่อโทก็เป็นอีกทางเลือกนึงได้นะคะ แต่ถ้าส่วนตัวน้องคิดว่าที่เรียนอยู่ไม่ใช่จริงๆ เรียนต่อไปไม่ไหว แล้วรู้สึกไม่โอเคกับตัวเองจริงๆ ก็ซิ่วเลยค่ะ อายุเรายังเลข 2 ต้นๆ ลองผิดลองถูกได้อีกเยอะ อาจจะเริ่มงานช้าหน่อย แต่ก็มองว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ทางน้องเลือกน้าา อันนี้เป็นอีกนึงคอมเม้นที่ให้คำแนะนำ น้องอาจจะผ่านมาเจอแล้วลองปรับกับความรู้สึก แล้วก็ตัวน้องเองด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ🩷
เป็นปัญหาที่เราคิดไม่ตกเหมือนกันค่ะ เราเรียนฟิล์มด้วยความคิดที่ว่าก็ชอบพอเรียนได้ ที่ตอนนั้นไม่ได้เลือกคณะที่รักจริงๆเพราะว่ามันเรียนหนักการเเข่งขันสูงจนคิดไปว่าไม่อยากทำให้สิ่งที่ชอบกลายเป็นสิ่งที่ตัวเองเหลียดเลยเลือกเรียนคณะที่ชอบเป็นอันดับสอง เรียนมาสามปีดร๊อปตอนโควิดไปอีกหนึ่งปี จริงๆควรเรียนจบได้เเล้วด้วยซ้ำ มาปีนี้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เลือกเรียนมันไม่มีความสุขเอาซะเลย เลยเลือกที่จะลาออกเเล้วรอสมัครเรียนปีหนึ่งใหม่อีกที่ รอบนี้ไปเลือกเข้าคณะที่ชอบจริงๆรักที่จะทำมันจริงๆค่ะ มันอาจจะเสียเวลาไปมากกว่าคนอื่น แต่เราจะมีความสุขที่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบจริงๆค่ะ เคยคิดเหมือนกันว่าอีกไม่กี่ปีก็จบเเล้วค่าเทอมก็ไม่ใช่ถูกๆ อีกปีเดียวก็จะไม่ลำบากพ่อเเม่เเล้ว แต่บางคนก็ทนได้บางคนมันก็เกินกว่าที่เราจะทนเรียนต่อไปไหวค่ะ เพราะงั้นเราอยากให้คุณเลือกเรียนสิ่งที่คุณชอบจริงๆ ไม่ต้องไปกลัวค่ะ ถ้าย้ายภายในมหาลัยบางทีมันโอนวิชาที่เราเคยเรียนแล้วไปได้ไม่ต้องเรียนซ้ำได้นะคะ ต้องลองเช็คดู เป็นกำลังใจให้นะคะ
เราเรียน ปวส.การตลาด จบมาเป็นนักเขียนเฉย เขียนได้5ปีแล้วค่ะ มีความสุขทุกวันที่ได้ทำงาน ต่างจากงานก่อนหน้ามากๆ(ที่เสียเวลาไปตั้ง6ปี) เราไม่มีความรู้เรื่องซิ่วจะแนะนำน้องๆ แต่อยากแนะนำให้น้องๆหาตัวเองให้เจอเร็วๆว่าชอบอะไร ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน จะได้ไม่เสียเวลาเหมือนพี่ สู้ๆจ้า
แม่ของ ted bundy ในตอนแรกอยากยกลูกของตัวเองให้ครอบครัวอื่นอุปการะ แต่พ่อกับแม่(ตายายของ ted) ได้รับ ted มาเลี้ยงที่บ้านของตัวเอง ted จึงคิดว่าแม่คือพี่สาวค่ะ ไม่ใช่น้องสาว
น่าจะเพราะใช้คำว่า sister มั้ง เลยแปลได้ทั้งพี่สาวน้องสาวรึเปล่า
ผมก็คิดแบบนั้น
จากต้นคลิป ตอนนี้อยู่ปี4และอีก1เทอมจะจบ ยังคิดอยู่เลยว่าไม่อยากเรียนสายนี้แล้ว แต่มาจนจะสุดทางเลยไปไหนไม่ได้ สำหรับคนที่ยังสับสน เราอาจจะไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตมากนัก แต่ถ้าการซิ่วมันไม่ได้เกินกำลังทรัพย์หรืออะไรก็แล้วแต่ เราว่าไปเลือกสิ่งที่เราชอบจริงๆดีกว่า มันน่าจะอยู่กับมันได้โดยไม่ต้องเครียดอ่ะ สู้ๆค่ะ ทางนี้ก็สู้อยู่🥲
ช่องพี่เนสเป็นช่องเดียวเลยที่ผมดูแบบไม่สคริปดูแม้กระทั่งอินโทรแบบไม่ข้าม และดูไม่เคยเบื่อสักคลิป เป็นช่องนึงที่ยกให้เป็นนัมเบอร์วันในใจไปเลย ทำคลิปที่มีคุณภาพและสนุกแบบนี้ออกมาเยอะๆเลยนะครับ เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
ในความคิดของหนูนะคะหนูเรียนการฟิกมาแต่่หนูก็มีความชอบด้านการทำขนมทำอาหารและะหนูก็อยากมีคาเฟ่อะไรประมาณนี้นะคะ หนูคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องซิ่วให้เสียเวลาหรือเสียเงินเลยค่ะ ในเมื่อเราเลือกเรียนไปแล้ววก็เรียนไปเถอะค่ะเพราะสมัยนี้ไม่ว่าจะเรียนมายังไงสุดท้ายตอนทำงานมันก็อาจจะไม่ตรงกับสาขาที่เราเรียนมาก็ได้นะคะ แต่่พอเราเรียนจบได้ไปทำงานจริงๆสิ่งที่เราเรียนมามันสามารถนำไปปรับใช้กับทุกๆงานได้หมด แต่่ถ้าเรามีบ้างสิ่งที่ชอบมากกว่าที่เราเรียนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยเราก็แค่่ไปหาครอสเรียนเสริมสสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งความรู้ในห้องเรียนอย่างเดียวแล้วเพราะนอกห้องเรียนก็มีความรู้ให้เราเหมือนกัน เราไม่ควรที่จะไปเครียดกับสิ่งที่เราได้เลือกมันไปแล้ววนะคะแต่่เราควรคิดว่าทำยังไงให้เราได้ทำในสิ่งที่ชอบมากกว่าค่ะ อย่างเช่นชอบทำขนม ก็อาจจะหาเวลาว่างไปลงครอสเรียนหรือไม่ก็เปิดyoutubeก็ได้ค่ะ อย่าไปเครียดกับสิ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้แต่่จงทำในสิ่งที่เราควบคุมได้ดีกว่าค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ💖
ปัญหาเหมือนกันกันเป๊ะๆๆๆๆๆ ปี3เรียนการตลาดมา ตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ฝืนทำงานจนอายุ28 ตอนนี้ตัดสินใจหาตัวเองจนเจอ แล้วกัดฟันสอบกลับมาเรียนใหม่(ตอนนี้เรียนทันตแพทย์) มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ครับสำหรับเด็กในประเทศนี้ มันยากตั้งแต่การค้นหาตัวเองให้เจอในวัย18 แล้ว และสิ่งที่ยากกว่าคือการค้นหาตัวเองเจอในวัยที่สังคมดีกรอบว่า อายุเท่านี้ต้องทำอะไร มีอะไร มันยากมากจริงๆ ที่จะลืมกรอบเหล่านี้อะ ใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเองและคนรอบข้างนานมาก รวมทั้งหาลู่ทางนานมากว่าจะมีกำลังทรัพย์พอค่าเรียนใหม่มั้ย ลองทบทวนตัวเองดูดีๆครับ ถ้าเจอสิ่งที่ใช่กว่า แล้วทุนไหว ก็ไปเลยครับ อาชีพที่เหมาะกับตัวเองเองมันสำคัญมากๆกับการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ครับ
จากใจคนที่เคยอยากซิ่วตอนอยู่ช่วงปี3 เราแนะนำให้น้องเรียนจนจบค่ะ (เราจบสายวิทย์คณิต ไปเรียนภาษาจนจบ และสอบเข้าวิศวะใหม่)เพราะถ้าต่อให้น้องลาออกและสอบติดของปีนี้(รุ่น67)เท่ากับว่าน้องจะไปอยู่ปี1ในขณะที่เพื่อนอยู่ปี4และกำลังจะจบ (แต่ก็ลองลงสอบเล่นๆดูคะแนนตัวเองก็ได้นะ)แนะนำให้รอสอบจริงจังของรุ่น68(ปลายปีหน้า)น้องอาจจะหนักหน่อยในส่วนที่ทั้งต้องทำโปรเจคจบ และอ่านเตรียมสอบเข้าใหม่ แต่ในช่วงเวลานั้นแหละคือช่วงที่น้องจะได้คิดทบทวนตัวเองอีกทีด้วยว่าอนาคตในอีก1ปี2ปี4ปีข้างหน้า น้องจะกำลังทำอะไรอยู่สู้ๆและเป็นกำลังใจให้นะ ขอให้เรียนจบได้ด้วยดี และสอบติดสาขาที่อยากเรียนหรือได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ❤❤
ก็เรียนเพิ่มอีกใบ เลือกในสิ่งที่คิดว่าอยากทำ แต่พอได้เรียนไปสักพัก นั่นแหละผลลัพท์ ว่าควรทิ้งสิ่งที่เลือกตอนแรก หรือว่าเดินต่อในสิ่งหรือเลือกตอนแรก หรืออาจจะจบ2ใบไปเลยก็ได้ แต่อย่างสุดท้ายอาจจะเหนื่อยมากขึ้นมาหน่อย แต่ก็มีคนทำแบบนี้เยอะเหมือนกัน อย่างเช่นเพื่อนของเรา
เล่าเรื่องรุ่นพี่ที่เป็นตำนานของมอเราให้ฟัง พี่คนนี้เรียนมาแทบจะทุกคณะในมอแล้ว ถามว่าเรียนเยอะขนาดไหน เยอะขนาดที่รุ่นน้องของพี่คนนี้เรียนจนจบป.เอกจนมาเป็นอ.ที่คณะเรา รุ่นพี่คนนี้ก็ยังเรียนอยู่ เราเข้าไปก็ยังเจอเขาไปเรียนอยู่เลย เราคิดว่าจะทนเรียนต่อไปอย่างน้อยก็มีปริญญาติดมือ แล้วไปหาประสบการณ์เพิ่มข้างนอก หรือว่าจะซิ่วไปคณะที่อยากทำจริงๆตอนนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการเสียเวลาหรอก อย่างน้อยก็ยังได้ความรู้มา ไม่แน่สมมติว่าถ้าซิ่วไปแล้วคณะนู้นอาจจะไม่ชอบอีกก็ได้ เราว่าคนเราสามารถเรียนรู้ได้เรื่อยๆอยู่แล้ว อย่าเอาอายุมากำหนดเลย อายุเท่านี้ควรมีนั่น ควรมีนี่ เราคิดว่าเลือกทางไหนก็ไม่มีอะไรเสียหาย สู้ๆเด้ออ
สำหรับมุมมองนี่ เป็นคุณแม่แล้วและลูกกำลังจะเข้าวัยรุ่น มองว่าถ้าเด็กเจอตัวเองแล้วอยากจะเปลี่ยนก็ทำเลย มันไม่ใช่การเสียเวลามันคือประสบการณ์ที่เรียนมา3ปีทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่ คือถามตัวเองแล้วแน่ใจแล้วว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่ต้องไปต่อค่ะ เปลี่ยนเลยใช้มุมมองนี้กับความสัมพันธ์เช่นกัน ถ้าไม่มีความสุขที่จะเดินต่อไป ก็จบและเดินออกมา ชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่จะต้องอยู่กับสิ่งที่ทำให้เราไม่มีความสุขค่ะ
ส่วนตัวนะคะ จะดรอปทันทีค่ะ เพราะเอาเวลาไม่กี่ปีมาแลกกับทั้งชีวิตก็ต้องเลือกทางที่ตัวเองจะต้องมีความสุขที่สุด ยกเว้นว่าอาชีพที่อยากทำจริงๆไม่จำเป็นต้องเรียนจบโดยตรงแต่สามารถฝึกสกิลเพิ่มเองได้ ไปลงเวิร์คชอปอะไรเองได้ อันนี้ก็คงจะเรียนให้จบแล้วไปหาลู่ทางอีกทีค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นไปอแดปต์กับข้อจำกัดของชีวิตด้วยนะคะ กางมาเลยว่าทางออกเรามีทางไหนบ้าง ทางไหนเหมาะสมที่สุด (จากคนเคยซิ่วและยังซิ่วอยู่นะคะ หลายปีแล้ว แหะๆ ซิ่วไปทำงานไปค่ะเลยยาก แนะนำถ้าซิ่วอ่านหนังสืออย่าหางานทำไปด้วยนะคะ)
ในฐานะอาจารย์และคนที่เรียนปี 1 มา 3 ครั้งนะครับ ถ้ารู้ตัวว่าไม่เหมาะ ไม่มีความสุขกับสิ่งที่เรียน ซิ่วเลยครับ เพราะถ้าหมดไฟแล้ว มันจะเรียนในระดับที่ยากขึ้นแบบทุกข์ทรมานทั้งคนสอนและคนเรียนแต่ก็นั่นแหละครับ มันมีหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้การซิ่วมันไม่ใช่สิ่งที่คิดจะทำก็ทำได้เลย ไม่ว่าจะเรื่องการซัพพอร์ตของคนในครอบครัว ความอายที่ไม่จบพร้อมเพื่อน บลาๆๆๆ ถ้าคิดจะซิ่วก็ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ด้วยครับ ถ้าคิดว่ารับไม่ได้ การทำงานไม่ตรงสายก็อาจจะเป็นทางเลือก ก็ต้องหาวิธีหางานที่ตรงกับความชอบจริงๆ กันอีกทีครับ
ส่วนตัวเราอยากแนะนำให้เลือกดรอปไปเลยค่ะ เพราะส่วนตัวเคยต้องทนทำสิ่งที่คิดว่าชอบมาหลายปีค่ะถึงตอนนี้จะหลุดพ้นมาแล้วแต่ระหว่างทางมันหนักมากๆ ร้องไห้ทุกวัน มีความสุขแค่ตอนอยู่กับเพื่อนพอทนมาจนจบเพิ่งรู้ว่าตัวเองเอาสุขภาพจิตเข้าไปแลกมาหลายปีจนถึงปัจจุบันสภาพจิตยังไม่ค่อยดีขึ้น แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเองยังไหวยังไม่เสียสุขภาพจิตก็สามารถไปต่อได้ค่ะแล้วค่อยเริ่มใหม่กับในสิ่งที่อยากทำอีกครั้ง อย่างน้อยๆ เรียนไป8ปีมีปริญญา2ใบทำให้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นค่ะ แต่ทั้งหมดที่พูดมาต้องอยู่บนพื้นทางของเงินค่ะ คิดว่าถ้าทางบ้านซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายได้เต็มที่แนะนำให้ซิ่วเลยค่ะ แต่ถ้าซัพพอร์ตได้แค่พอประมาณแนะนำให้เรียนให้จบแล้วทำงานก่อนสักพักแล้วกลับมาเรียนในสิ่งที่ชอบอีกครั้งค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของเรื่องนะคะ😊❤
ผม เป็นคนหนึ่งที่ เรียนแบบให้จบไป ทั้งที่มีความสามารถ อีกแบบ หนึ่ง แต่ไปเรียน อีกอย่างหนึ่ง ตอนเรียนก็ คิดเหมือนน้องและอาจารย์ เห็น ความสามารถ ชวนมาเรียนเอกที่ตัวมีความสามารถนั้น แต่ด้วยความไม่อยากเสียเวลา และไม่อยากทิ้งเพื่อนๆ ก็ เรียนเอกที่ตัวเองไม่เห็นว่าจะหาเงินได้ เพื่อความไม่ งง ผมมีความสามารถ ด้านโปรแกรมเมอร์ เขียนโปรแกรม เป็น ตังอายุ 14 เพราะความที่เพื่อน้อย และคุยกัยใคร ไม่รู เรื่อง เลยชอบอยู่กับคอม แต่ตอนไปเรียน มหาลัย ดันเบื่อคอม ไปเลือกเรียนจิตวิทยา อ่ะกลับ ตอนเรียนจบจิตวิทยา แต่รุ่นพี่ เอกคอมชวนไปทำงานด้วย เลยทำงาน เป็น โปรแกรมเมอร ์มาตั้งแต่นั้น มาจนปัจจุบันเกือบ 20ปี แหละ แต่ไปไม่ถึงจุดสูงสุด เพราะว่าสู้ คนจบตรงไม่ได้ และ เมืองไทย ส่วนใหญ่ยังดูที่วุฒิ อยู่ เลยทำให้ ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ จะย้ายสายไปทำงา่นในสายที่จบมาก็ ทำไม่ได้ แล้ว เพราะ ว่า ไม่มีประสบการณ์ด้านนั้น แล้ว ถ้ายอนเวลากลับไปได้ จะย้ายเอกตั้งแต่อาจยร์ สายคอมมาชวนให้ย้าย แล้ว ผมไม่มีคำแนะนำอะไรเพราะว่า ถ้าน้องทำตามคำแนะนำ ของใครก็ ตามแล้วไม่ดีขึ้นมา น้องก็ จะโทษคนนั้น อีก แต่ที่เขียนไหวเพื่อน้องอ่าน ผมจะบอกว่า ลองเอาประสบการณ์ ของผม และท่านอื่นไปประมวล และตัดสิ้นใจดู ดีกว่า ถ้า พลาดขึ้นมาจะได้ ไม่เสียใจมากเพราะมันเป็นการตัดสิ้นใจของเราเองไม่ได้ ทำตามใตร
มีเพื่อนผม เรียนจนจบปี 4 รู้ตัวเองว่าไม่ชอบงานที่ทำตอนฝึกงาน เริ่มกลับไปเรียน ป ตรี ใหม่ กับงานที่ชอบ เริ่มทำงานตอนอายุ 26 กลายเป็น happy กับการทำงานมากกว่า แต่ถ้า เป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้วุฒิ หลังเรียนจบฝึกฝนแล้วสมัครงานก็ได้
พี่จบตรี-โท บริหารธุรกิจ พอไปทำงานได้ซัก 2-3 ปี ไม่ชอบ เลยไปเรียนสายกฎหมาย ตรี-โท เนติ สุดท้ายตอนนี้ทำงานกฎหมาย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตอนเรียนหรือทำงานบริหารธุรกิจเป็นเรื่องเสียเวลาอะไรนะคะ ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีไปคนละแบบ มีคนมากมายในสังคม ที่จบสายนึง ทำงานสายนึงหลังจากทำงานสายกฎหมายมาหลายปี ชอบมั๊ย ก็ไม่ได้ชอบมากมายขนาดนั้นนะ 55555 ถ้ามีลู่ทางดีๆ น่าสนใจ ก็อาจจะเปลี่ยนแนวอีก
อย่างแรกเลย แนะนำให้ฝึกงานครับ ตอนเรียนกับทำงานจริงต่างกันมาก ที่เรียนแล้วชอบ ทำงานจริงอาจจะไม่ชอบก็ได้ไปลองขอเค้าฝึกงาน แต่คุยกับเค้าดีๆ อย่าให้เค้าเอาไปชงกาแฟ ถ่ายเอกสารพอเรารู้ตัวเองแล้วค่อยมาคิดว่าจะไปต่อไหม ที่เหลือก็ตามที่คอมเม้นอื่นๆบอกเลยครับ
โดยส่วนตัว คำตอบคือ ถ้าสิ่งที่อยากทำ มันเป็นสกิลพิเศษ อย่างเช่นทำอาหาร อันนี้เรียนสิ่งที่เรียนอยุ่ให้จบ แล้วไปเรียนสกิลเพื่อเอาใบเซอร์มารับรองทีหลัง เดี๋ยวนี้มีหลายอาชีพที่ไม่ต้องเรียนมาสายตรง แต่ถ้าคุณเรียนเพิ่มมีใบเซอ เราสามารถใช้ใบเซอร์นั้นสมัครงานได้ แต่ถ้าสิ่งที่อยากทำเป็นอาชีพเฉพาะทางที่ต้องมีการศึกษารายละเอียดทั้งหมด เช่น หมอ อันนี้เด็กต้องชั่งใจเองว่าจะยอมทิ้งเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แล้วลงเรียนใหม่ แต่สิ่งที่ต้องเพิ่มคือถ้าหากเรียนใหม่ เมื่อถึงเวลานึงพบว่าตัวเองชอบสายงานที่เรียนใหม่ แต่สกิลไม่ถึง จนซิ่วออกมา เราจะเสียใจมั้ยที่ทิ้งทางนั้นมามั้ย ถ้ารู้สึกเสียใจ เรียนอีก 1 ปีให้จบ อย่างน้อยเราก็มีปริญญารับรองแล้ว และหากสิ่งที่ชอบสามารถเรียนคู่กันไปได้ อย่างเพื่อนเรียนครุศาสตร์ แต่พอถึงปี 3 รุ้สึกว่าตัวเองชอบงานทนาย เขาก็ลงเรีบนนิติศาสตร์ในมหาลับเปิดคู่กันไป ปัจจุบันอยุ่บ้านเป็นทนาย อย่าลืมว่าเราไม่มีสิทธิ์ตัดสินเขา เราบอกถึงคำปรึกษา แล้วให้เขาตัดสินใจด้วยตนเอง เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเขา
เราเรียนจบไอที ทำงานกราฟฟิค ไม่ตรงสายค่ะ เริ่มทำงานตามสายที่เรียนจบไปเรื่อย แล้วฝึกฝนกราฟฟิคเอง ตอนนี้ทำงาน มีความสุขดี มีคอนเนคชั่นในสายงานดีค่ะ ใช้เวลาหลายปีมากกว่าช่วงชีวิตในเวลาเรียน อยากให้น้องเรียนให้จบ ไว้ไปเรียนสายอาชีพนั้นๆ เรียนเอาใบเซอร์เพิ่ม ยังไงที่เราเรียนจบมา เราได้โอกาสดีดีในชีวิตอนาคต ได้คอนเนคชั่นดีดีในอนาคตแน่นอนค่ะ แม้ว่าจะไม่ตรงสาย
ผมประสบการณ์ตรง ซิ่ว 2 รอบ รวมเสียเวลา 3 ปี (ที่แทบไม่ได้อะไร) สุดท้ายจบมาด้วยวุฒิศิลปศาสตร์แต่ก็ยังไม่ได้อยากทำตรงสายอยู่ดี สุดท้ายไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นเพิ่ม 2 ปี จบมาจะหางานทำ ติดช่วงโควิดอีก งานหายากมาก ต้องกลับไทย จบที่อายุ 30+ ต้องมาสานธุรกิจที่บ้านต่อ (ซึ่งไม่อยากทำ) แต่ก็เป็นเบาะเซฟรอดตัวไปได้ถ้าย้อนมองกลับ 3 ปีที่หายไป เป็นอะไรที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการสั่งสมประสบการณ์ ความรู้เพิ่มเติม การหางานต่าง ๆ เป็นลูกโซ่เลย ผมไม่รู้ว่าที่น้องเรียนอยู่คือด้านไหน และจริง ๆ อยากไปเรียนด้านไหน ถ้าสิ่งที่อยากย้ายไปเรียน ไม่ได้เป็นเฉพาะทางมาก ๆ ที่ต้องเรียนปริญญาเท่านั้น แนะนำให้เรียนต่อให้จบอันเดิมให้เร็วที่สุด แล้วหาโอกาสเรียนต่อในด้านที่สนใจครับ แต่ถ้ารู้ว่าสิ่งที่เราชอบจริง ๆ เป็นเฉพาะทางที่ต้องใช้วุฒิปริญญาเท่านั้นก็รีบลุยเลย อย่ารอช้า (เสริมว่าควรจะต้องเรียนให้ดีด้วยนะครับ เพราะเสียเวลาถึง 3 ปี ไม่มีประสบการณ์ทำงาน ถึงเวลาหางานจริง ถ้าเราไม่เก่งและถ้าคู่แข่งเยอะ ลำบากอยู่ครับ)
หลายๆคนจบอีกคณะทำงานอีกคณะก็ยังมี ส่วนตัวก็เชื่อในตัวเองเสมอว่าคนเรามีความสามารถมากกว่าหนึ่งอย่างค่ะ และคนเราไม่จำเป็นต้องสนใจแค่อย่างเดียว เป็นกำลังใจให้นะคะ
อันนี้ตอบคำถามตามประสบการณ์นะครับ ผมเรียนจบแอนิเมชั่นมาแล้วมีความรู้สึกแบบน้องเค้าเลย แต่ไม่คิดที่จะซิ่วแล้ว เนื่องจากไม่อยากไปเริ่มอะไรใหม่ๆ เพราะจะเริ่มใหม่ให้ไปหาในที่ทำงานเลย เพราะการทำงานถึงแม้จะจบสาขาไหนมาก็ตาม ทุกคนคือ 0 อาจจะมีบวกลบบ้างศึกษาจากงานจริงเอา แล้วหาความรู้เพิ่มเติมต่อยอดในการทำงานครับ อย่างน้อยการมีใบปริญญาก็เป็นเครื่องการันตีส่วนนึงถึงแม้บางงานเค้าจะไม่สนวุฒิเลย
ถ้าเรียนสายที่ความต้องการแรงงานในตลาดสูง เงินดี และเกรดก็ไม่แย่ อยากให้เรียนให้จบค่ะ แล้วค่อยไปเรียนเสริมไม่ก็ต่อตรีหรือโทในสายที่ชอบเอาทีหลังก็ได้ การเรียนในสิ่งที่ชอบมันอาจมีความสุขกว่าก็จริง แต่ถ้าเรียนอยู่ในสายงานที่ได้เปรียบในการหางานก็อยากให้อดทนเรียนให้จบดีกว่าค่ะ เพราะก็เรียนมาจนปี 3 แล้ว แม้สุดท้ายเราอาจเลือกทำงานไม่ตรงสายก็ตาม ลองศึกษาเพิ่มเติมและทบทวนตัวเองดีๆน้า
ส่วนตัวแล้วเจอปัญหานี้เหมือนกัน ตอนนี้เราเองก็อยู่ปี4 เราเรียนสายที่ไม่ได้ตั้งใจจะเรียนตั้งแต่ม.ต้น เพราะเรื่องที่เรียน พอเข้ามาเรียนจริงๆแล้วมันเหนื่อย ไม่สนุก แถมยังท้อ แต่ก็ถีบตัวเองประครองเกรดเอาไว้ เนื่องจากติดภาระทุน เราเลยพยายามยื่นฝึกงานข้ามสาย แต่ก็ยาก เพราะเราไม่มีผลงานอะไรเลย แต่ก็ได้รับโอกาสในหลายๆที่ รับเข้าฝึกงาน ซึ่งเรามองว่าจบมาเราก็สามารถทำงานอะไรที่ไม่ใช่สายที่เราจบมาได้ และยังมีหลายๆที่เปิดรับ เพียงแต่เราควรจะหาตัวเองให้เจอว่าเราชอบอะไร อยากทำอะไรก็มุ่งไปในสิ่งนั้น มันจะมีความสุข และสามารถทำมันได้นานกว่าสิ่งที่ไม่ชอบ
คงต้องขึ้นอยู่กับฐานะทางบ้าน และความพร้อมของใจเราด้วยนะคะ การซิ่วไปเรียนสิ่งที่ชอบ สิ่งที่เป็นเป้าหมายไม่ผิดเลยค่ะ แต่การเริ่มเรียนใหม่ น้องน่าจะพอนึกออกว่าต้องปรับตัวอะไรบ้าง เพื่อนใหม่ ที่ใหม่ พร้อมๆกับที่เราจะได้รับรู้ว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบแล้ว ทำงานกันแล้ว ถ้าใจเราพร้อมรับได้ ก็ลุยไปตามที่ใจอยากเลยค่ะอยากให้ลองดูก่อนค่ะว่าสิ่งที่ชอบมีคอร์สที่เรียนเพิ่มเติมได้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติมั้ย อาจเป็นแนวทางให้เราไปประกอบอาชีพต่อไปได้ และสิ่งที่เรียนอยู่จนใกล้จะจบอาจใช้ในการต่อยอดอาชีพนั้นๆโดยที่ไม่ต้องเริ่มใหม่ก็ได้ค่ะ
ส่วนตัวปี2ค่ะเรียนครุศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่ไม่ได้มีในหัวเลยค่ะแต่พ่อแม่อยากให้เข้าข้าราชการเลยเรียนค่ะ เลยเลือกเรียนครุศาสตร์ศิลปะ มีแต่ควาทชอบล้วนๆเลยค่ะ😅จากใจคนเรียนไม่ตรงควาทต้องการของตัวเอง เราจะเรียนให้จบส่วนสิ่งที่อยากทำไว้เป็นงานอดิเรกค่ะเช่น เค้าชอบเสื้อผ้า ขนม ของออนไลน์เลยคิดว่าสอนเด็กไปด้วยมีงานอดิเรกเป็นการขายของไปด้วยค่ะพี่ปี3เค้าคิดว่าอย่าถอยเลยค่ะ เอาตรงๆเลยเสียเวลาและเสียทรัพย์มากๆอย่าเอาความย่อท้อมาเสี่ยงกับอะไรที่ไม่แน่นอนเลยค่ะ สู้ๆนะคะ✌🏻✌🏻
ส่วนตัวแล้วคิดว่ามี2ทาฃเลือกค่ะคืออดทนให้จบหรือหนุดพักซักปี เชื่อได้ว่ามีไม่น้อยค่ะที่เรียนมาจนถึงปี3-4แล้วรู้สึกว่าไม่อยากไปต่อ คล้ายกับชีวิตการทำงานค่ะ พอเข้าปีที่3-4มันจะหมดไฟ เริ่มถามตัวเองแล้วว่าจะอยู่ต่อหรือไปหาแนวใหม่ดีจากประสบการณ์ส่วนตัว การมีปริญญาไว้กับตัวยังไงก็ดีกว่า ไม่มีอะไรเสียเปล่า ทักษะอื่นๆมันมีคอร์สสั้นๆสอนเยอะมากนะคะ ลองสมัครดูก็ไม่แย่นะ ถือว่าเราได้มีโอกาสได้ทำ
เอาตามประสบการณ์เลยนะ ทำงานไม่ได้ตรงกับสายเหมือนกัน แต่คนเรามีสกิลติดตัวได้มากกว่า 1 ตอนเรียนเลือกเรียนสิ่งที่ชอบไปเลย โฟกัสเฉพาะตอนนี้ ฝันอะไรอยากตามฝันตามไปให้สุด ถ้าวันหน้าสิ่งที่ชอบสิ่งที่มุ่งมั่นมันตัน มันไปต่อไม่ได้ หันไปหาสกิลรองแล้วสะสมสกิลเพิ่ม ส่วนตัวจบการตลาด ชอบนำเสนอ ชอบขาย ชอบเม้ามอย จบมาได้ทำงานอย่างที่หวังได้ไปเจอลูกค้า ได้นำเสนอสินค้า ขายโน่นขายนี่ตื่นเต้นกับการทำยอด จนผ่านไประยะหนึ่งภาวะรอบข้างทำให้ไปต่อในสายงานนี้ไม่ได้ กลายเป็นคนเครียดเอาแต่คิด หลีกเลี่ยงเจอคน ไม่เข้าสังคม เกลียดคนเยอะๆ จนต้องออกจากที่เดิม แล้วหาอะไรใหม่ๆ ทำ แต่พอจะมีสกิลรองในด้านไอทีอยู่บ้าง เลยเปลี่ยนไปทำงานสายไอที แล้วหาความรู้เพิ่มในสายงานนี้พัฒนาตัวเอง ตอนนี้ก็ยังทำงานสายไอทีอยู่ มีบ้างที่ไปหาเงินแบบขายออนไลน์ใช้สกิลการคุยลูกค้าในอดีต คุยกับลูกค้าผ่านแชทแทนการออกไปหาเหมือนเมื่อก่อน ชีวิตทำงาน สำคัญที่สุดคือสกิลและการพัฒนาตัวเอง
1:21 ถ้าจะจบแล้วไม่ชอบ แต่ยังเรียนไหว เรียนจนจบก็ดีนะคะคิดว่า แล้วไปเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบ คิดว่าอายุไม่ใช้น่าใช่ปัญหาเสมอไปค่ะมันมีหลายปัจจัยกว่านั้น ส่วนตัวนี่ก็เป็นเด็กซิ่วค่ะ แต่แปลกหน่อยเรียนคณะเดิมแค่เปลี่ยนมหาลัย แต่แม้ต่างกรณีกันแต่สิ่งที่จะบอกคือการยอมสละเวลาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็คุ้มที่จะเสี่ยงนะคะ
ตอนนี้อยู่ปีสามค่ะ เห็นคนดรอปๆซิ่วๆบ่อย เรียนๆอยู่คนที่อายุจบไปนานแล้วก็เยอะการซิ่วหรือจบแล้วมาเรียนตรีอีกใบ คือแสนชินชาไปแล้ว🥲
ส่วนตัวก็เคยเจอสถานการณ์แบบน้องคนนี้ค่ะแล้ว แต่ก็เรียนจบไปแล้ว ก็ถ้าเรียนจนถึงปีสามปีสี่แล้วอยากให้ฮึบอีกหน่อยค่ะ ถ้าไหวก็ต่อ อย่างน้อยเราก็ได้สกิลสำหรับทำงานต่อค่ะ เราไม่จำเป็นต้องทำงานตรงสายก็ได้ แล้วถ้าเราพร้อมก็สามารถไปเรียนใหม่ในสายที่เราสนใจก็ได้ค่ะ มีหลายที่ที่มีคอร์สพิเศษที่ไม่จำเป็นต้องเรียนวันจันทร์-ศุกร์ด้วยค่ะ ตอนนี้ก็เรียนไปทำงานไปเหมือนกัน อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่เป็นกำลังใจให้นะคะ
เราซิ่วตอนกำลังขึ้นปี 3 ค่ะ แต่หลังจากซิ่วแล้วค่าใช้จ่ายในการเรียนที่ใหม่เราหามาจ่ายเอง เพราะที่บ้านไม่เห็นด้วย และหลังจากซิ่วแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขกับการเรียนที่ใหม่มากๆ ในขณะที่ตอนเรียนม.เดิมเรียนหนักจนน๊อคเข้ารพ. บางวันก็ร้องไห้เพราะเรียนไปก็ไม่รู้เรื่อง
บางคนมีใบปริญญา 4-5 ใบนะ ในเมื่อดั้นด้นเรียนมาแล้ว ก็เอาให้จบ แล้วเริ่มใหม่กับสิ่งที่ชอบ อย่างน้อยคุณมีสกิลหลากหลายมันทำเงินได้ทั้งชีวิต ส่วนตัวเราจบนิเทศฟิล์ม จบมาก็เป็นครูสอนว่ายน้ำ -> เป็นเซลขายคอนโด -> กราฟฟิกสื่อโฆษณา และคิดว่าคงเป็นได้อีกหลากหลายตำแหน่ง เพราะเราก็เรียนรู้ได้ทุกวัน ประสบการณ์หลังเรียนจบมีอีกเยอะ ต้องมีสกิลเยอะไว้ดีกว่า ทักษะนอกห้องเรียนก็สำคัญ ลองศึกษาไปเรื่อยๆ ดู
สำหรับต้นคลิปนะครับ:ในฐานะที่จบ ม.ปลาย ไม่ได้เรียนมหาลัย 4 ปี แล้วกลับไปเรียนใหม่ จบก็อายุ 26แล้ว1. งานที่อยากทำมันเป็นงานที่เป็นเทคนิคเชิงลึกไหม ถ้า"ใช่" ก็ซิ่วเลย /ถ้า"ไม่"ก็เรียนให้จบ แล้วหางานที่อยากทำ2. สิ่งที่ต้องมีคือ รักการเรียนรู้ การเรียนรู้สิ่งใหม่ น้องจะรู้ว่าที่เรียนมา มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต ในโลกนี้ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ3. ตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่า ชีวิตนี้ต้องการอะไร เป้าหมายชีวิต คืออะไร ถามคำถามนี้ตลอดเวลา ทุกวันทั้งหมดเป็นเพียงคำแนะนำ แต่คนที่จะตัดสินใจได้คือตัวน้องเองครับ ขอให้ยินดีโอบรับทุกการตัดสินใจ
จากประสบการณ์ของตัวเองนะคะ เรียนจบมา4ปีแล้ว มีเพื่อนๆที่ไปทำงานไม่ตรงสาย อยากให้น้องเรียนต่อให้จบปี4ค่ะ อย่างน้อยได้ใบจบเผื่ออนาคตมีเหตุให้ได้ใช้วุฒิใบนี้ และถ้าอยากเรียนอย่างอื่นให้เทคคอร์สเรียนเพิ่มเติม หรือไปเปลี่บนสายตอนต่อปโทค่ะ หรืออีกเคสคือ กลั้นใจอีกปีนึงเรียนให้จบแล้วไปต่อปตรีใหม่ แต่อันนี้ไม่ค่อยแนะนำเลย เพราะกว่าจะเรียนจบอีกรอบอายุก็น่าจะเกือบเลข3แล้วจะหางานยากค่ะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ตัดสินใจในสิ่งที่เป็นตัวเองนะคะ❤
ส่วนตัวก็จบมาทำงานคนละสาย ถ้าคณะใหม่ที่อยากเรียนไม่ใช่วิชาชีพที่เฉพาะต้องใช้วุฒิแบบหมอ เภสัช บัญชี ก็เรียนคณะเดิมเอาวุฒิก่อน แล้วค่อยมาเรียนเทคครอสเอาข้างนอกได้นะ แต่ถ้าคณะใหม่ที่อยากเรียนมันเฉพาะ ก็ซิ่วเลยค่ะ คิดซะว่า เสียเวลา 3ปี ดีกว่าเสียเวลาไปมากกว่านี้❤ สู้ๆนะงับ อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเราอยู่ปี 3 เลยค่ะ (ตอนนี้ปี 4 แล้ว)คิดว่าไหน ๆ ก็เกินมาครึ่งทางแล้วก็ไปให้จบเลยดีกว่า ถือว่าเราได้เรียนไปจนสุดทางแล้วเก็บเป็นความสามารถเพิ่มเติมเอาก็ได้ค่ะ พอจบแล้วจะไปเรียนอย่างอื่นต่อก็เอาเลย อย่างตอนนี้เราเรียนนิติแล้วรู้สึกมาตลอดว่าคงไม่ได้ทำงานด้านนี้ต่อหรือไม่ผูกกับอาชีพด้านนี้ไปตลอดชีวิตแน่ ๆ ก็พยายามเรียนให้จบไปเพราะไปเกินครึ่งทางแล้ว+ยังมีไฟอยากเรียนอยู่ค่ะความจริงเราลองคิดในกรณีคนที่เรียนหมอแล้วผ่านมา3ปีดันอยากซิ่ว อันนี้เราว่าคุ้มที่จะซิ่วเพราะการเอาชีวิตไปทิ้งกับสายงานนี้มันหลายปีจริง ๆ การย้ายไปเรียนสายอื่นมันก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าคณะที่เรียน4ปีจบไม่เหมาะกับการซิ่วนะคะ ถ้าชั่งน้ำหนักว่าซิ่วแล้วชีวิตดีกว่าก็สนับสนุนให้ซิ่วค่ะ แค่ต้องแน่ใจว่าซิ่วไปเรียนแล้วจะไม่เสียดายทีหลังแบบรู้งี้ไม่ซิ่วดีกว่า😅สุดท้ายแล้วชีวิตการทำงานของเราก็ไม่แน่นอนอยู่ดี เราอาจได้ทำงานไม่ตรงสายหรือไปเจอสายงานที่ชอบตอนทำงานก็ได้ หวังว่าความเห็นจะพอช่วยอะไรได้บ้างนะคะ แต่ถ้าไม่ช่วยก็ถือว่าอ่านเอาขำ ๆ ก็ได้ค่า😊
เราเคยเป็นแบบนี้ เรียนจบออกแบบมา จบออกมาเป็นกราฟฟิกอยู่พักนึง แล้วก็รู้สึกไม่ชอบ ก็เลยผันตัวเองมาทำสายงานอื่น แต่ตอนนี้มันตกตะกอนว่า เราชอบออกแบบโดยใช้ความคิดของเรา ไม่ใช่ทำงานตามความคิดคนอื่น ตอนนี้ก็เลยทำดิจิตอลอาร์ตขายตามเว็บ เป็นงานเสริม โดยให้คนที่ชอบงานเรา เลือกใช้งานของเราโดยตรง
เรื่องซิ่วจากที่เคยซิ่วมาก่อน ไม่แน่ใจว่ากังวลส่วนไหนอยู่ เข้าใจนะคะที่อาจจะไม่อินกับเนื้อหาในห้องเรียน อยากแนะนำว่า จริงๆแล้วไม่มีคณะไหนที่เราจะแฮปปี้100%อยู่แล้ว ทั้งตอนเรียนและทำงานต่อให้เป็นคณะที่ชอบที่สุดก้ตามต้องถามตัวเองก่อนเลยค่ะ ถ้าซิ่วไปแล้วเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนกับคณะใหม่แค่ไหน แบบอยากเรียนรู้เพื่อเอาไปประกอบอาชีพเป็นจริงเป็นจังอะไรยังไง มีลู่ทางที่ไปต่อ มีสเตปที่ชัดเจนแน่นอนมั้ย สมมติว่าจะไปเรียนหมอ จบแล้วทำงานรพรัฐใกล้บ้านศึกษาการทำงาน เวลา สภาพแวดล้อมละโอเค ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะสู้สุดจริงๆ ลองให้คะแนนชั่งน้ำหนักดู ถ้าคิดว่ามันดีกว่าคณะเดิมมากๆ อันนี้เชียร์ให้ซิ่วนะคะ ไม่ต้องเสียดายกับสิ่งที่ผ่านมา เลือกอนาคตที่อีกหลายสิบปีที่เราต้องใช้ชีวิตดีกว่าค่ะ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ลองหาข้อมูลเยอะๆ แล้วคุยกับตัวเองอีกที ถ้าอยากได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคณะทั้งสองเพิ่มเติมแนะนำว่าอย่าลืมถามอาจารย์จากคณะนั้นๆ เพราะส่วนใหญ่ท่านจะรู้อนาตคนักศึกษาจากรุ่นพี่ปีก่อนๆที่จบไปว่าเป็นยังไงบ้าง อาจจะเคลียข้อกังวลเราได้ อยากให้มองระยะยาวนะคะเรื่องใบประกอบวิชาชีพ ถ้าคณะไหนมีแนะนำเอาอันนั้นค่ะ ถ้ามีทั้งคู่ก็ไม่ต้องพิจารณาก็ได้ค่ะ ถ้าไม่มีทั้งคู่ลองหาข้อมูลดูว่าเราจะฝึกสกิลในคณะใหม่เองได้มั้ย อาจจะไม่ถึงกับงมหาเองทุกอย่าง คอสเรียนเองเยอะแยะค่ะ จะได้เซฟเวลาชีวิต การเรียนในมหาลัยโดยตรงก็มีข้อดี แต่บางสายงานการเรียนเพิ่มเองระหว่างทำงานก็ไม่ได้หนักหนา หรือแย่เสมอไปนะคะ ไม่แน่ตอนทำงานอาจจะมีโอกาสได้เรียนรู้จากหน้างานจริงด้วยซ้ำเพราะจริงๆแล้วการเปลี่ยนสายงายในหลายๆสายก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ /ส่วนตัวเรียนวิศวะแต่ก็ได้ลองทำเซล ทำมาร์เกตติ้งฉ่ำเลยค่ะ สนุกดีถ้าคณะที่จะย้ายไปคล้ายๆกัน ส่วนใหญ่จะโอนหน่วยกิตที่เรียนไปแล้วมาแทนหน่วยกิตที่จะเรียนได้นะคะ เผื่อว่าจะไม่ต้องเรียนเต็มๆอาจจะร่นระยะเวลาเรียนได้ค่ะ ลองถามทางมหาลัยดูนะคะอีกอย่างที่สำคัญเรื่องแบบนี้ถ้าไม่ได้หาเงินส่งตัวเอง ก็ควรปรึกษาคนสนับสนุนก่อนตัดสินใจเพราะเค้าต้องดูแลเราอีกหลายปี เค้าโอเคมั้ย สุดท้ายไม่ว่าจะตัดสินใจยังไงก็ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีนะคะ นี่ไม่ใช่การตัดสินใจสุดท้ายในชีวิต ต่อไปจะมีทางแยกอีกเยอะ ขอให้โชคดีกับทุกจังหวะชีวิต เป็นกำลังใจให้นะคะ❤
เราก็เป็นคนหนึ่งที่อยากซิ่วตอนปี3 ตอนนั้นคือเครียดมากรู้เลยว่าไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นเลย แต่ก็เรียนจบรับปริญญาเรียบร้อยสุดท้ายจบมาไม่ได้ทำงานตรงสาย ปัจจุบันทำออนไลน์ ขายของตลาดนัดและออกแบบชุดให้แบรนด์เสื้อผ้ามีบางนิดหน่อยที่จะใช้สิ่งที่เรียนมา มาใช้ในการทำงาน ส่วนเหตุผลที่เลือกเรียนต่อเพราะ... 1.เสียดายเวลาเพราะอีกแค่ 1 ปีก็จบแล้ว2.เสียดายเงินที่ลงเรียนไป กว่าจะหาได้แค่ละบาทมาเรียนมันไม่ง่าย3.อยากให้แม่เห็นเราเรียนจบปริญญาตรี เพราะนั้นคือของขวัญที่แม่อยากได้มาตลอด ไม่งั้นคงไม่ทำงานขายของหนักขนาดนี้เพื่อส่งเรียนสูงๆ- ถ้าให้ตอบเเบบโลกสวย ไม่มีภาระหน้าที่อื่นรออยู่หรือคนที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ซิ่วแล้วเรียนใหม่ตามที่คุณเนสบอกตอนแรก การทำในสิ่งที่รักแน่นอนว่าเราจะทำมันได้ดีกว่าแน่แต่แน่นอนว่าจะต้องเสียเวลาทั้ง3ปีไปโดยเปล่าประโยชน์ และต้องรอให้ตรงรอบที่มหาลัยเปิดอีกถึงจะเรียนได้- ตอบแบบไม่โลกสวยเลยนะ ทุกอย่างเราสามารถมาต่อยอดได้หลังเรียนจบ เพียงแค่มีเงิน+ความมุ่งมั่นจริงๆเพราะในช่วงนี้สิ่งเร้ามันเยอะ ทั้งสังคมที่เปลี่ยนไป การงาน และปัจจัยอื่นๆ เช่นในคลิปคุณเนสบอกว่าอยากไปเซฟ ในปัจจุบันนี้คอร์สเรียนเซฟมีเยอะไปให้เลือกเรียน แถมยังสามารถทำงานควบคู่ไปด้วยได้ เมื่อเรียนเสร็จอาจจะเปิดร้านอาหารเป็นงานหลักหรือเสริมควบคู่งานประจำได้ เท่ากับรายได้จะหาได้มากกว่า 1ทางแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเองว่าจะไปทิศทางไหน เพราะสุดท้ายเราก็เป็นแค่คนให้คำปรึกษาเรื่องที่เคยผ่านมาแล้วเท่านั้น
ส่วนตัวคิดว่าซิ่วตอนไหนก็ไม่ผิดค่ะ แต่ถ้าบางทีมันอาจจะแค่ความคิดชั่ววูบแบบตอนที่กำลังทำธีสิสงี้ถ้าแบบนั้นแนะนำให้ดรอปไปก่อน พอมีไฟก็ค่อยกลับไปค่ะ ส่วนตัวยังไงก้อต้องปรึกษาครอบครัวก่อนค่ะว่าพร้อมให้เราซิ่วไหม บางบ้านไม่พร้อม ฝืนเรียนไปก่อนจนจบก้ิได้ค่ะ เพราะเวลาจบไป น้อยมากที่จะได้ทำงานที่ตัวเองชอบค่ะ เราจบกราฟิกนะ แต่ที่นี่กดเงินเดือนมาก เผลอๆไม่อยากรับทำงานด้วยซ้ำ จนต้องฝืนช่วยทำงานสายอื่นด้วย เช่นธุรการ บัญชี อีกมากมาย
เพิ่งได้ฟังคลิปนี้ เราเรียนจบภาพยนต์ แต่ปัจจุบันก็ทำงานในครัวเหมือนกัน จะตอบน้องทันไหม เรามองว่า ถ้า ปี สามแล้ว ก็ ไหนๆก็ไหนๆ เรียนให้จบและค่อยเรียนต่อสายคหกรรมต่อก็ได้ เพราะกาฟฟิคดีไซน์ ทำเป็นฟรีแลนด์ตอนที่เรียนต่อสายคหกรมม ได้อยู่แล้ว ก็เลย แนะนำให้เรียนต่อให้จบ แต่ดีมากเลยนะที่น้องเจอตัวเองในตอนเรียน เราไม่รู้ตัวเลยว่าเราไม่เหมาะกับสายหนัง จนทำงาน สู้ๆนะ!
ตอนจบม.6เรายังไม่รู้ว่าชอบอะไรถนัดอะไรอยากทำงานอะไรในอนาคต เลยดรอป2ปีไปทำงานหาประสบการณ์ ปีนี้เลยตัดสินใจจะเรียนแพทย์และบริหารระหว่างประเทศเพราะคิดว่ายังไงอนาคตก็ไม่ตกงานแน่ๆ และถ้าอนาคตไม่ได้อยากทำงานเป็นหมอเราก็ไปทำอย่างอื่นได้ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงแต่เราเลือกเรียนในสายที่คิดว่าสามารถลื่นไหลทางอาชีพได้ อาจจะเรียนหนักกว่าเพื่อน จบช้ากว่าเพื่อน เรื่องอายุเราไม่ได้แคร์ขนาดนั้น เรื่องเรียนเหนื่อยเราวางแผนไว้แล้วว่าต้องทำยังไงให้เรียนควบคู่กันแล้วเราจะไม่ขิต555
ช่องเล่าเรื่องดีๆแบบนี้ ผมไปอยู่ที่ไหนมา พึ่งติดตามและดู ฟังเพลินและสยองมากๆครับ
เราเป็นคนนึง ที่เรียนป.ตรีเกี่ยวกับการแพทย์ และจบมาด้วยวุฒิที่เกี่ยวกับแพทย์ วิทยาศาตร์บัณฑิต แต่ ตอนนี้ทำงานและชอบเกี่ยวกับการตลาด และยังคงทำอยู่ ซึ่งตอนแรกเราชอบด้านการแพทย์มาก แต่พอเรียนแล้วมันไม่ใช่ แค่อยากเรียนเพื่อรู้ แต่ไม่ได้อยากทำงานสายนั้น เราเลยเลือกเรียน ไปก่อน แต่พอจบมาได้ทำงานไม่ตรงสาย เกี่ยวกับการขาย เราก็ชอบ จึงใช้วิธีการศึกษาเพิ่มเติม การเรียนรู้ใหม่ๆ และประสบการณ์ ที่มันต้องใช้วุฒิก่อนถึงจะได้เรียนรู้ เรามองจุดนี้อ่ะ เรารู้สึกเสียดายเรื่องการเงิน และเวลา ถ้าเป็นเราอยู่จุดนั้น เราจะเลือกเรียนจบก่อน เพราะอีกนิดเดียว และไปศึกษาเพิ่มเติมเอาค่ะ เพราะการเรียนมันไม่สายไป ยังไงก็สู้ๆนะคะ ❤
ในฐานะที่ ลาออกจาก มหาลัยตอนขึ้นปี 4 แล้วมาเริ่มเรียนใหม่ กับคณะที่ตัวเองอยากเรียนจริงๆ รู้สึกว่าไม่เสียดายเลยครับ แต่น้องต้องอธิบายเหตุผลให้คุณพ่อ คุณแม่ ฟังให้เข้าใจให้ได้ ว่าเพราะอะไรจึงตัดสินใจแบบนั้น (นี่ยังไม่รวมคนรอบข้างนะ ที่จะคอยมาถาม และคิดไปต่างๆนานา ตอนแรกคิดว่ารับมือได้ หลังๆ แทบไม่อยากเจอใคร เพราะรำคาน และอึดอัดมาก) แต่เอาจริงนะครับ ถ้าน้องไม่ได้อึดอัดจนเรียนคณะนี้่ต่อไปไม่ได้ เรียนให้จบครับ แล้ว กลับไปเรียนต่อในคณะที่อยากเรียนใหม่ ดีกว่าครับ จบช่วง 21-22 ยังมีเวลาเรียนใหม่ แล้วค่อยทำงาน หรือจะทำงานไปเรียนไป ยังได้เลยครับ
สำหรับผมที่ ตัดสินใจออก เพราะอึดอัดกับสิ่งที่กำลังเรียนอยู่ ณ ตอนนั้นครับ เลยตัดสินใจแบบนั้น โชคดีที่ คุณพ่อ คุณแม่ เข้าใจ
สำหรับคำตอบเรื่องเป้าหมายการเรียนต่อขออนุญาตตอบตรงนี้นะคะพอดีว่า ลืมรหัสดิสคอร์ดไปค่ะ , คำถามนี้เจอบ่อยมากจากน้องๆที่มาดูดวง อยากให้มุมมองลองทบทวนนะคะอย่างแรก คนเราไม่เหมือนกัน ความชอบมันเปลี่ยนกันได้ตลอด และไม่ผิดที่เราจะทดลองไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอ ทีนี้มุมมองการเรียน หากสาขานั้นๆมันมีแยกเช่น เรียนกอร์ดองเบลอ , เรียนเป็นเชฟจากเครือสาขาอื่นๆในเครือสายอาหาร แล้วตรงสายกว่าน้องเรียนแล้วชอบอันนี้ก็ถือว่าดีค่ะประเด็นนึงสำคัญๆเลยคือเรื่องของบัทเจทด้วย ที่ตกลงกับทางบ้านได้มั้ย? เพราะตรงนี้นะสำคัญเรื่องการไปต่อระดับนึงค่ะ1. หากวุฒิใกล้จบแล้ว แต่ใจชอบทางอื่น ถ้าเป็นไปได้ทนอีกนิดแล้วเอาวุฒิก่อนได้ค่ะ และถ้าสิ่งื่อยากเรียนมีแยกจริงๆอย่างที่ยกตัวอย่างสายอาหาร ก็ค่อยพาตัวเองไปต่อยอดค่ะ(ถ้าบัทเจทถึง)2. คุยกับทางบ้าน อันนี้สำคัญมาก หากทางบ้านโอเคก็ดีไปค่ะ หากพ่อแม่ไม่ยอม หรือมีเงื่อนไขทางการเงินอันนี้จะมีผลทันที3. หากกรณีน้องซิ่วมาเลย มันจะมี2มุมมองอีกคือ- เรียนแล้วชอบ - เรียนแล้วไม่ชอบอีก ไม่ว่าจะแบบไหนเท่ากับตั้งต้นใหม่ทั้งหมด ทันจะย้อนไปที่ข้อ1 ว่าที่นั่นพอจะมีเรียนเป็นเฉพาะทางไปเลยรึเปล่า4. สถานะการณ์ระหว่างเรียน (หากซิ่วมีผลค่ะถ้ายังไม่ได้มีรายเอง) เช่นการเจ็บป่วย , อุบัติเหตุ , หรือเรียนแล้วไม่ชอบแล้ว , หรือสถานการณ์ทางการเงิน 5. วิชาชีวิตค่ะ , ในหลายๆมุมเจอน้องๆขอไปฝึกงานตามที่ต่างๆเป็นปีๆมากขึ้น เช่น ทำผู้กำกับ น้องเค้าไปลองขอฝึกงานกับโปรดักชั่นเจ้านึง1ปี ด้วยเหตุผลว่าพอฝึกเสร็จ ก็จะได้มีงานทำไปเลย(ไม่ว่าจะจากโปรดักชั่นหรือหาเอง) เพราะงานส่วนใหญ่จะรับที่คนมีประสบการณ์เลยจะได้เปรียบกว่าทีนี้วิชาชีวิตทางเลือกจะเยอะค่ะ เช่น ระหว่างเรียน น้องไปฝึกงานกับสิ่งที่อยากทำได้ค่ะ หรือถ้าเอาดีๆเลยอาจทำพอร์ตโปรไฟล์ต่างๆ ชิงทุนต่างประเทศ หรือเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศได้ค่ะ ระยะเวลาสั้นกว่าไทย แต่มันจะ shortcut ให้น้องได้เจอตัวเอง เปลี่ยนบรรยากาศด้วย6. อยู่กับปัจจุบันก่อนค่ะ อย่าเพิ่งคิดถึงการทำงานยาวๆ เพราะทุกวันนี้คนเรามีหลายอาชีพมากๆในเวลาเดียวกัน ที่เปลี่ยนความรักความชอบ(เช่นพี่เอง เอา hobbies มาทำงาน) มีเยอะแยะมากเลยค่ะ ที่บางอย่างเป็นเรื่องของเวลา หากน้องชอบจริงๆในสิ่งที่อยากเป็นแต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ แค่เพียงวันนึงน้องพร้อม อาจจะได้กลับไปเรียน ไปลอง หรือมีทริคจากสิ่งที่สะสมมา ถ้ามันยังใช่อยู่มันจะมีเวลาที่เหมาะสมของมันโดยไม่กดดันตัวเองและเครียดกับสิ่งยังมาไม่ถึงค่ะ มันจะบั่นทอนตัวเองเหมือนกันเลย 7. คล้ายๆข้อ5วิชาชีวิต คือความรู้ที่หาได้นอกตำราค่ะ เพราะมันไม่มีสูตรตายตัวจริงๆ (สมมติยังอยู่ในโลกอาหารอยู่นะ) น้องเรียนท่องเที่ยวมาแต่ชอบอาหาร น้องอาจจะไม่ชอบในบางกระบวนการขั้นตอนการสอน แต่น้องมารู้ตัวทีหลังว่าน้องชอบขั้นตอนการปรุง การหาวัตถุดิบ พอเรียนจบน้องอาจจะลองมีโอกาสทำบล็อกเกอร์สายเดินทางหาวัตถุดิบมาปรุงเล่าเรื่องจากทั่วโลกก็ได้ค่ะ แค่เรายังได้อยู่กับสิ่งที่รัก และยังได้เจอตัวเองในเวอร์ชั่นอื่นๆหรือบางคนอยากเป็นนักฟุตบอล พอไปลองเทสทำทุกอย่างแล้วไม่ได้จริงๆ ในเมืองนอกมีสายเกี่บวกับการบริหารทีมฟุตบอล ซึ่งจบมาแม้น้องไม่ได้เป็นนักบอลแต่ยังได้อยู่ในสายงานนี้ได้ค่ะ.ดังนั้นไม่ว่าใครกำลังตัดสินในซิ่วอยู่ , ค้นหาตัวเอง , ลังเล ลองเอามุมมองตรงนี้ไปทบทวนนะคะ ทุกอย่างมันไม่สายมันมีเวลาที่เหมาะสมของมันไม่ว่าจะกี่ปีถ้าใจน้องยังรัก , ขอให้โชคดีนะคะ มีอะไรทักมาที่เพจได้เลยเน้อ เดี๋ยวคุยเป็นเพื่อนจ้า
อยากให้ถามตัวเองก่อนค่ะว่าอยากทำอะไร ทำงานแบบไหน มีความสุขกับสิ่งที่เรียนอยู่หรือไม่ จากนั้นค่อยมาดูว่าสิ่งที่ต้องการเรียน/งานในอนาคตนั้นจำเป็นต้องเรียนมหาลัยฯไหม ถ้าจำเป็นก็มองเรื่องสภาพการเงิน เวลา หรือปัจจัยอื่นๆสำหรับเรียนมหาลัยฯต่อค่ะ เพราะสุดท้ายสิ่งที่คุณเลือกหรือตัดสินใจต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรับสถานการณ์ของคุณในตอนนั้นแน่นอนค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ❤
ของเราคือขอแชร์ประสบการณ์แทนแล้วกัน เพราะเคสเหมือนเรามากเรารู้ตัวเองว่าไม่ไหวตอนขึ้นปี2แล้ว ตอนนั้นตัดสินใจขอแม่ซิ่ว แต่แม่ไม่ให้ซิ่วเพราะเสียเวลา แล้วตอนนั้นเราเองก็หลงทางด้วย ไม่รู้จะเลือกทางไหนดีถ้าซิ่วไปอีก เลยยอมเรียนต่อให้จบ แต่รู้แน่ๆว่าจบไปไม่เลือกเส้นทางนี้แน่นอน ระหว่างทางมันทรมานมาก ยิ่งช่วงปี3 เป็นปีที่เรียนเยอะและหนักคือเราแทบตาย (คิดจะตายด้วย) แต่สุดท้ายผ่านมาได้ ความรู้สึกคือ กุเรียนมาทำไม เรียนไปก็ไม่ใช่อยู่ดี แล้วผลข้างเคียงคือไม่ใช่แค่เราไม่สนใจจะทำงานนี้ เราจบภาษานึงมา พอเราได้ยินภาษานั้น เรารู้สึกพะอืดพะอมอยากอ้วกทุกวัน คือเห็นหรือฟังภาษานั้นไม่ได้เลยช่วงครึ่งปีแรกที่เรียนจบมาอะ (ตอนนี้ผ่านมาปีนึงแล้ว เริ่มดีขึ้นมาหน่อย)ส่วนความรู้สึกเราตอนนี้คือ ถ้าเรารู้ว่าอยากไปทางไหนตอนนั้น เราจะซิ่ว เพราะเรียนจบมาก็ไม่ได้ใช้ สู้เสียเวลาอีก2-3เรียนใหม่ไปเลยดีกว่า พอจบมาตอนนี้คือหลงทางไปหมด วุฒิที่มีก็ไม่อยากใช้ สุดท้ายคืออยู่ช่วยงานที่บ้านไปก่อนไม่ได้ไปไหนซัดทีเพราะหลงทางอยู่..ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่า..1. ถ้าทนเรียนจนจบคือต้องแลกกับสุขภาพจิต จะยอมแลกมั้ย เรียนจบเอาไปทำงานหาเงินก่อนช่วงแรกๆ หาลู่ทางใหม่ได้ค่อนเปลี่ยน มีหลายคนที่ทำงานไม่ตรงที่จบมาเหมือนกัน2. ถ้าซิ่ว รู้แล้วหรือยังว่าจะไปต่อทางไหน3. ยอมเสียเวลาได้ไหมถ้าซิ่ว เพราะมันต้องเริ่มใหม่หมดเลยนี่ปี3แล้ว4. หรืออยากมีวุฒิไว้ติดตัวก่อน เสียเวลาอีกหน่อยเรียนเอาอีกวุฒิก็ได้ลองถามตัวเองดูก่อนอันดับแรก
ถ้าไม่มีปัญหาทางด้านการเงินเราแนะนำว่าซิ่วเลยค่ะ เพราะเราก็ซิ่วตอนปี 3 เหมือนกัน เรารู้เลยว่ามันรู้สึกยังไง พอซิ่วมาแล้วเราโล่งใจ สบายใจมาก ๆ แต่ก็อาจจะท้อบ้างเพราะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ปี 1 แต่เราชอบกว่าตอนที่ต้องทนเรียนอยู่คณะเก่านะ ถึงจบช้ากว่าเพื่อนก็ไม่เป็นไรนะคะไม่ต้องกลัวว เพราะนี่มันชีวิตเรา เราสามารถเลือกเองได้ว่าเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน บางคนบอกว่าทนเรียนอีกปีสองปีเดี๋ยวก็จบ แต่สำหรับเรากว่าจะผ่านไปแต่ละวันมันทรมานมากแค่ให้ทนอีกอาทิตย์เดียวเราก็ไม่ไหวแล้ว เราว่ามันไม่เสียเวลาเลยสักนิด เพราะที่ผ่านมาเราก็ได้ความรู้จากคณะเก่า มันไม่ได้หมายความว่าถ้าเราซิ่วไปอีกคณะแล้วเราจะต้องทิ้งความรู้ที่เคยได้มานี่คะ ก็ถือว่าได้ความรู้ติดตัวมาปรับใช้กับทางใหม่ ๆ ในอนาคตเราว่ามันมีทางไปต่อแน่นอน
ถ้าในมุมมองเรานะ เราเรียนคณะบริหารธุรกิจมาได้ 1 ปีแล้วรู้สึกว่าเราเรียนม่ไหวและไม่ใช่แนวของเราเลยปรึกษาเพื่อนว่าเอาไงเพื่อนเลยแนะนำให้เราย้ายไปเรียนนิเทศแทน ซึ่งเราก็โทรไปปรึกษาที่บ้านและเลือกทำเรื่องย้ายคณะ ซึ่งก็ต้องใช้เวลประมาณ 1 เทอมเพื่อทำเรื่องย้ายคณะอะ แต่ถ้ากลับมาที่คำถามตอนแรกเราว่าถ้าเราเรียนไป 3 ปีแล้วเรายังไหวเราคงเรียนให้จบแต่จะเก็บวิชาที่เราชอบไปด้วยเป็นการเสริมอะ แต่ถ้ากลัวว่าต้องไปทำงานในวุฒิที่เราไม่ได้ตั้งใจไว้เราอาจจะเรียนเก็บปริญาตรโทในสายที่เราชอบไปด้วยเลยนะ
จากคนจบมาในวิชาที่รู้ตัวตอนเรียนว่าไม่ชอบ ถ้าใกล้จบให้เรียนไปจนจบ นึกถึงคนส่งเรียนด้วยแต่ถ้าที่บ้านไม่ว่าก็แล้วแต่ แต่ถ้าเพิ่งเรียนปีแรกแล้วไม่ชอบก็เปลี่ยนเลยเรียนจบไม่จำเป็นต้องทำงานตรงสายที่เรียน อยากทำงานอะไรยุคนี้อยู่ที่ความตั้งใจล้วนๆ แต่ปริญญาที่จบสายที่ไม่ชอบอาจจะไปต่อสิ่งที่อยากทำได้ค่ะ อาจจะมีประโยชน์กับเราได้เยอะ ตอนเรียนรู้ว่าไม่ชอบที่เรัยน แต่เรียนได้ ทำงานได้ แต่ใจเราก็อยากทำย้างอื่น
ให้คำแนะนำในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ซิ่วหลายปี ตามหาตัวเอง กว่าจะลงตัวในระดับนึงนะคะ อยู่ที่ทางครอบครัวเลยค่ะ ว่าเขาโอเคไหม ตรงๆเลยก็คือเขาส่งเราเรียนค่ะ แต่ถ้าส่งตัวเองเรียนก็เอาตามสะดวกได้เลย ตัวเราทางครอบครัวโอเคค่ะ เลยได้มีโอกาสค้นหาตัวเอง ไม่ได้สวยหรูอะไรหรอก เครียดเยอะเลย แต่เพราะทำงานไปด้วย พวกท่านเลยโอเคค่ะ แต่ถ้าทางครอบครัวไม่โอเค เพราะก็ส่งมาจะจบแล้ว ก็อดทนเรียนจบไปก่อน มีงานมีเงินค่อยมาเริ่มความฝันตัวเองได้ค้ะ ไม่สาย แค่ต้องอดทนหน่อย❤
ส่วนตัวเป็นคนซิ่วมาเหมือนกันนะ เรียนถึงปี 4 แล้วด้วยนะ แต่ตัดสินใจซิ่ว เพราะที่เรียนมามันไม่ใช่ทางเราเลยจริง ๆ ฝืนจนมาถึงปี 4 แล้วแต่อยู่ ๆ ถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไปทำไมนะ เราไม่ได้อยากเรียนอันนี้ด้วยซ้ำแล้วอีกอย่างไม่มีความสุขเลย พอหลังจากคิดได้ก็ซิ่วเลยย้ายมหาลัยเริ่มปี 1 ใหม่เลย ตอนนั้นคือ ปี 1 อายุ 23 เอาจริง ๆ ถ้ากลัวว่าจะเสียเวลาแนะนำว่าให้โอนหน่วยกิตตัวพื้นฐานมาเลย ตอนมาเริ่มเรียนปี 1 แบบโอนหน่วยกิตมาก็คือเหมือนเราเรียนแค่วิชาของสาขาที่เราเลือกเลย มีเวลาให้เราไปทำไรอย่างอื่นด้วยแถมไม่เสียเวลาไปเรียนพื้นฐานที่เราเคยเรียนมาแล้วใหม่ เรียนจบมาก็หางานตรงตามสายที่เรียนมาก็จริง แต่เพิ่งมารู้ตัวว่าอยากเรียนภาษาเพิ่มอีก เราก็หาเรียนเสริมเอาาา ทำงานไปด้วย ลงเรียนคอสภาษาไปด้วย ตอนนี้คือสนุกมากกกก อยากบอกว่าเอาจริง ๆ อย่าไปเครียดกับเรื่อง เรียนอะไรมาแล้วต้องทำงานตามนั้นเลย โลกเรากว้างมากกก โอกาสมีเยอะมากกกกก ลองดูก่อนก็ได้ ผิดเราก็เริ่มใหม่ได้ ทำตามใจตัวเองหน่อยยย อย่ากดดันตัวเองมากไปน้าาาาาา
เพิ่มเติม ตอนนั้นที่ซิ่วคือแพ่อแม่เรายังส่งเรียนไหวนะ แต่เราก็พยายามหาทุนมาช่วยตลอดเหมือนกันนนน ถ้าไม่มีใครซัพพอร์ท พี่อยากให้น้องวางแผนดี ๆ ก่อน ออกไปทำงานเก็บเงินแล้วกลับมาเรียน หรือหาทุนดูก็ได้นะ
ส่วนตัวไม่รู้เลยว่าตัวน้องอาจจะอดทนจนมันสุดทางตอนปีสามพอดีก็ได้ค่ะ หรือเจอเรื่องอะไรแย่ๆ มาจนไม่ไหวก็ได้ เพราะตัวเราเองก็เป็นคนนึงที่ซิ่วออกมาช่วงปีสองจะขึ้นปีสาม ตอนนั้นมันรู้สึกไม่ไหวจริงๆ โดนบังคับจากที่บ้านให้มาเรียน สังคมเพื่อน ทนจนมันเหมือนสุดทางจริงๆ เลยออก แต่ถ้าถามตอนนี้มองย้อนกลับไปไม่เสียใจเลยค่ะ ถึงจะเรียนช้ากว่าคนอื่น จบไม่พร้อมกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีมีงานที่ดีเจอสังคมที่ดี เลือกทางที่เราแฮปปี้คือดีต่อตัวเราที่สุดแล้วค่ะ เพราะฝืนไปก็ต้องดูสภาพจิตใจตัวเองด้วยนะคะ ยังไงก็เลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรานะคะ อ่านเป็นแนวทาง ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นะ
ส่วนตัวไหนๆก็ปีสามแล้ว เรียนให้จบไปเลยก็ได้นะคะ มีวุฒิมีสกิลกันเหนียวไว้ก่อน ถ้ามีคนซับพอร์ตพอก็เรียนต่อด้านอื่นอีกก็ได้ ส่วนตัวก็ไม่ได้ทำงานตรงสายไม่ได้ทำงานที่ชอบขนาดนั้น แต่ก็ทำไปก่อนมีทุนแล้วไปเรียนเสริมหรือจะเรียนเก็บเก็บวุฒิตัวอื่นอีก อย่างน้อยถ้าหากเราลองไปทำอย่างอื่นแล้วคิดว่าไม่ใช่ก็ยังกลับมาทำสายเดิมได้อยู่
มันต้องลองไปดูงานอาชีพที่เราอยากทำคะ ไปคลุกคลีกับคนที่ทำอาชีพนั้นๆคะ เข้าไปดูเนื้องานที่อาชีพนั้นๆต้องทำจริงๆคะ อย่ามโนไปเอง 😅จากประสบการณ์พี่ เคยจะซิ่วไปคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์คะ ตอนนั้นคะแนนถึงด้วยคะ แต่ลองไปสอบตรงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม. ลาดกระบังคะ ต้องขอขอบคุณอาจารย์ที่ฉลาดออกข้อสอบให้นักเรียนได้เห็นภาพของงานจริงๆคะ หลังออกห้องสอบมา ใจมันบอกเลยอาชีพนี้ไม่ใช่อย่างที่เราคิด ไม่ชอบคะ ไม่ไปต่อคะ ได้ค้นพบตั้งแต่ตอนสอบเข้าเลย อาจารย์เก่งจริงๆ ออกข้อสอบได้ดีมาก ไม่รู้ว่าอาจารย์เป็นใครแต่ ขอขอบคุณอาจารย์มากคะ
ตอนนี้เราอายุ 30 มีความเห็นว่า ต้องคิดให้ดีว่าอยากไปทำงานอะไร เช่น งานราชการ บางตำแหน่งต้องจบรัฐศาสตร์เท่านั้นก็มี บางงานคณะเดียวกันแต่คนละสาขาก็ไม่ได้ ก็คือดูก่อนว่าอยากไปทำงานอะไร แล้วเขารับโดยใช้วุฒิไหน สาขาไหนค่ะในมุมเรา คือน้องมาปี 3 แล้ว น่าเสียดายเงินที่จ่ายไปแล้ว อีกปีเดียวก็จบ เราคิดว่า เรียนไปก่อน แล้วค่อยไปเรียนตรีอีกใบ หรือเรียนโทในสายที่เราอยากไปทำ ก็ถือไว้เลยตรี 2 ใบ หรือ ตรี 1 โท 1ชีวิตมันไม่แน่ วันนี้ไม่ชอบ แต่ในอนาคตมันอาจเป็นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ก็ได้ ยิ่งสายดิจิตอลอาร์ต กราฟฟิก พวกคอม ยังไงก็หางานได้ แต่ส่วนมาต้องทำผลงานไว้ให้เขาดูเวลาสมัครงาน
สวัสดีค่ะปกติไม่ค่อยจะคอมเมนต์อะไรแต่ว่าเราเป็นเหมือนน้องที่มาปรึกษาเลยค่ะคือลาออกตอนปี3จะขึ้นปีสี่เพราะมารู้จริงๆว่าไม่ได้ชอบสิ่งที่เรียนเลยสักนิดถ้าตอนปี1ปี2ก็ยังพอไหวแต่พอเริ่มเรียนปี3ถึงรู้ว่าไม่ใช่ทางจริงๆ หลายๆคนบอกว่าอดทนเรียนให้จบอีกปีไม่ได้เหรอสำหรับเราคือจะให้เรียนต่ออีกแค่วันเดียวก็ไม่ไหวแล้วค่ะเลยปรึกษาคุณพ่อกับคุณแม่จริงๆเคยคุยกับคุณแม่ตั้งแต่ปี2แต่คุณแม่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ออกจนสุดท้ายเพิ่งมาคุยแล้วเข้าใจกันตอนปี3ค่ะ สำหรับเราเรารู้สึกว่าต่อให้เสียเวลาซิ่วหลายปีก็ยังคุ้มเพราะอนาคตเรายังมีอีก20+ปี เรารู้ว่าการที่จะซิ่วออกมามันมีพริวิเลจระดับหนึ่งทั้งเสียเวลาทั้งเสียเงินเสียโอกาสการทำงานแต่ถ้ารู้สึกว่าสิ่งที่เรียนอยู่ไม่ใช่ทางแล้วรู้สึกว่าไม่ไหวจะเรียนกับมันแล้วจริงๆแนะนำให้ดรอปไม่ก็ลาออก(บางคณะถ้าจะสอบบังคับลาออก) สุดท้ายแล้วไม่ว่าน้องจะเลือกทางไหนก็ขอให้ทางที่น้องเลือกเป็นทางที่ดีของน้องนะคะสู้ๆค่ะ❤
จากที่ผ่านมาเคยเป็นเหมือนน้องช่วงตอนปี 3 จะเข้าปี 4.....ส่วนตัวเราพยายามเรียนให้จบก่อนค่ะเพราะมันมาไกลมากแล้ว อาจเพราะตัวเรากำลังเงินของครอบครัวไม่ได้มากเราเลยไม่อยากที่จะลำบากครอบครัวแล้ว ส่วนสิ่งที่เราอยากทำถ้ามันเป็นสิ่งที่สามารถสร้างสกิลเองได้โดยไม่ต้องเรียน เราก็จะพยายามหาทางทำสิ่งนั้นทีหลัง แต่ถ้าเป็นสายสกิลที่ต้องเรียน เราจะหางานทำแล้วหาหลักสูตรป.ตรีอีกใบ อารมณ์เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย อาจจะเป็นมหาลัยที่ไม่ต้องเข้าเรียนหรือเลือกเรียนในวันที่เราไม่ได้ทำงาน
เราไม่ได้ซิ่วค่ะ แต่เราเปลี่ยนเอกตอนปี 3 ทำให้เราไปเริ่มต้นใหม่และใช้เวลาเรียนในมหาวิทยาลัย 7 ปี ความเห็นเราคือเรียนให้จบ 4 ปีก่อนค่ะค่อยไปต่อยอดสิ่งที่เราชอบจริง ๆ เพราะส่วนตัวถ้าแก้ไขได้ คงจะฝืนเรียนให้จบไปก่อนดีกว่า เหมือนเป็นใบรับประกันของชีวิต ถือซะว่าจะเรียนเอาปริญญาอีกใบที่ตรงใจจริง ๆแต่เข้าใจน้องนะคะ เวลาที่เรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้วมันจะไม่แฮปปี้มาก ๆ พี่ก็เคยเป็น แต่เนื่องจากน้องใกล้จบแล้วพี่ว่าด้นต่อไปให้จบ มันอาจจะทรมานใจแค่ 1 ปี แต่การกลับไปเริ่มต้นใหม่เหมือนพี่ น้องจะถามตัวเองตลอดเวลาอีก 4 ปีว่า "เฮ้ย ฉันเรียนให้มันจบได้ตอนนั้น ถึงไม่ชอบ แต่อย่างน้อยก็จบมั้ยวะ" เพราะเมื่อจบมาแล้วมันคืออิสรภาพแบบหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเลือกทำในสิ่งที่ต้องการจริง ๆ ได้ค่ะ ส่วนตัวเราก็ทำงานตรงกับสายที่จบมาบ้างไม่ตรงบ้างค่ะ จบเอกภาษาไทย (ย้ายจากเอกฝรั่งเศส) เคยทำงานสำนักพิมพ์ นักข่าว เลขา ประสานงานวิจัย ผจก.โครงการ ฯลฯ สกิลที่มีติดตัวและต้องใช้ตลอดคือด้านภาษาค่ะ
ส่วนตัวผมคิดว่า เรียนให้จบไปก่อน ให้มีใบผ่านทางไปก่อน บริษัทส่วนใหญ่จะมองความรับผิดชอบมากกว่า คนที่โลเล ชอบก็อยู่ ไม่ชอบก็ออก ผมคิดว่าน้องต้องผ่านจุดนั้นไปก่อน แล้วหลังจากนั้น อาจจะช่วงว่างงานหรือทำงานก็แล้วแต่ น้องหาเวลาศึกษาสิ่งที่ตอนนั้นน้องสนใจ แล้วก็วางแผนหาลู่ทาง หาคอนเน็คชั่น ว่าถ้าหากสนใจสายที่เราไม่ได้เลือก ต้องเริ่มจากจุดไหน เช่นสนใจงานตัดเย็บก็เริ่มจากงานตัดเย็บพื้นฐาน สนใจด้านอาหารก็เริ่มจะเป็นลูกมือ สั่งสมประสบการณ์แล้วไต่ขึ้นไปใหม่ มันอาจจะมีคำถามจากเพื่อนร่วมงานล่ะ แต่ให้ใช้ประสบการณ์พิสูจน์ตัวเอง ดีด้วยซ้ำ เพราะคุณจะกลายเป็นคนที่มีศักยภาพหลายอย่าง บริษัทส่วนใหญ่ล้วนชอบคนที่มีความสามารถหลากหลาย แทนที่จะทำได้เพียงสิ่งเดียว แต่อย่าเหลิงล่ะเพราะความทนงานก็สำคัญ ทำ2-3เดือนเปลี่ยนงาน ต่อให้เก่งแค่ไหน เขาก็จะขาดความเชื่อมั่น เช่นตอนนี้ น้องไม่ควรยอมแพ้ในสิ่งที่เลือก ทำมันให้สำเร็จก่อน แล้วค่อยเลือกเพิ่มเข้ามาก็ยังไม่สาย สู้ๆครับ 😊
ชอบที่สุดคือ ed gein ในตำนาน ตัดหนังหน้ามาทำเป็นหน้ากาก ไม่ได้สนับสนุนเขานะ แค่ชอบเวลาตอนดูหนังแล้วฆ่าโหดๆแบบนี้
ไม่ต้องกลัวเสียเวลา ถ้ามีต้นทุนเรียนใหม่ ถึงเวลาทำงานจริง เริ่มทำตอนอายุเท่าไรไม่มีผลหรอก ถ้าเราทำงานที่เราไม่ชอบเริ่มทำเร็วก็จริง พอไม่มีความสุขในการทำงาน ก็ไปหางานใหม่ ก็เริ่มใหม่อยู่ดี แต่ถ้าฐานะทางการเงินไม่ค่อยดีก็ต้องเอาให้จบ แล้วทำงานก่อน ค่อยเรียนเสริม จบก็เปลี่ยนงานที่เราชอบ
หวังว่าน้องจะได้มาอ่านนะ เพราะเราประสบการณ์ตรงกับน้องเลย ทั้งซิ่ว ทั้งสายงานกราฟิก ตอนผมซิ่ว ผมซิ่วจากมหาลัยทั่วไป ไปยังมหาลัยที่ดังเฉพาะด้านอาร์ทนั้นๆ ซึ่งซิ่วเสียเวลา 2 ปีด้วยกัน โดยย้ำว่าเป็นการซิ่วเพื่อเลือกคณะและเอกเดิมเลย แต่เปลี่ยนที่เรียน เพียงเพราะแค่ต้องการตอบโจทย์ชีวิตตัวเองว่่า ต้องจบมหาลัยที่เฝ้าฝันให้ได้ และทำให้พ่อแม่ได้ภูมิใจเป็นหลัก และความเข้มข้นของวิชาการของมหาลัยใหม่เป็นส่วนเสริม จนเพื่อนรอบตัวตอนนั้นหลายคนก็ไม่เข้าใจว่าผมจะซิ่วทำไม ผลที่ได้จากการซิ่วคือเรามีเวลาช่วงมหาลัยในการค้นหาตัวเองนานขึ้นกว่าคนอื่นมาก ผมได้มีเวลาไปรับงานฟรีแลนซ์ต่างๆ รู้จักตัวเอง จนสุดท้ายทุกวันนี้ประกอบอาชีพด้านอาร์ทมาร่วม 10 ปีแล้วก็เป็นผลจากการซิ่วเพื่อได้มีเวลาหาตัวเองเพิ่มขึ้น แต่งานด้านอาร์ทที่ทำก็ดันไม่ตรงสายกับสิ่งที่ยอมซิ่วร่ำเรียนมาอยู่ดีครับทั้งหมดนี้จะบอกเลยว่า ไม่มีอะไรผิดถูกเลย ข้อดีของการซิ่วคือ เราจะมีเวลาค้นพบตัวเองมากขึ้น มีวิชาการที่แน่นขึ้นแนวความคิดในการเรียนและทำงานเราจะจริงจังได้มากขึ้น และเราจะมีคอนเนคชั่นของเพื่อนทั้งสองมหาลัยมากขึ้น(คอนเนคชั่นจำเป็นมากๆ สำหรับสายงานฟรีแลนซ์หรือการสมัครงาน) มีความรู้ควบคู่ทั้งสองสายงาน แต่ถ้าไม่ซิ่วเราก็เรียนรู้นอกเวลาได้เยอะแยะ มีคนรอบตัวผมมากมายที่เก่งมากๆ ในงานที่ทำโดยจบไม่ตรงสายงานเลยซักนิดครับ แต่ต้องขยันและต้องจริงจังกับมันทุกคนเก่งได้เท่ากันครับมหาลัยผมเป็นสถานที่รวมตัวของเด็กซิ่วครับ ผมซิ่ว 2 ปี ว่าแก่แล้ว เจอซิ่ว 4 ปีก็มีอยู่ครับ
ตอนที่อยู่ปี2 อาจารย์เล่าให้ฟังว่ามีพี่ปี3คนนึงมาปรึกษาเรื่องดรอปเรียนเพราะรู้สึกไม่ใช่แนวทางของตัวเอง อาจารย์ก็เลยถามว่าในระหว่างที่เรียนมา3ปีมีวิชาที่ชอบบ้างไหม วิชาที่คิดว่าตัวเองทำได้ดีที่สุด ถ้ายังมีอยู่ก็เรียนให้จบเลย เรียนมา3ปีแล้ว เสียดายเวลามากๆ ถ้าจะเริ่มใหม่ก็ยิ่งจะเสียดาย สู้เราเรียนจบแล้วไปเรียนสิ่งที่เราชอบที่หลัง แล้วเอาสิ่งที่เราเรียนตอนป.ตรีมาเป็นความรู้ต่อยอดต่อในอนาคตได้ ใครที่กำลังท้อก็สู้ๆนะคะ ตัวหนูเองตอนนี้ขึ้นปี3แล้ว ปีหน้าก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะฝึกงานในพาร์ทไหนของธุรกิจอุตสาหกรรม กำลังเครียดๆอยู่เหมือนกันค่ะ😅
ตอบคำถามน้องก่อน สำหรับเราที่เคยมีประสบการณ์พอเรียนไปใกล้จบแล้วพบว่าไม่อยากทำงานสายนี้ แต่เราชอบตอนเรียนมากเลยนะคะชอบมากกก เราเรียนต่อค่ะสุดท้ายจบมาก็ได้วุฒิ ถ้าไม่อยากทำงานสายนี้ก็ไม่ต้องทำ ไปเรียนเสริมเอาความสามารถอื่น หรือไม่ก็เรียนอีกใบไปเลย อันนี้ในกรณีที่ชอบที่เรียนอยู่แค่ไม่อยากทำงานสายนี้นะคะ แต่ถ้าเรียนแล้วไม่มีความสุขมันฝืนมันทุกข์ก็ซิ่วเลย คำตอบมันไม่มีถูกผิดหรอกค่ะ เงื่อนไขชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเรียนแล้วสนุกใจเราอยากให้น้องเรียนให้จบไปก่อน แล้วค่อยไปเรียนที่อยากเรียนทีหลัง คนเรามันต้องเลือกสายเรียนตั้งแต่อายุยังน้อยมันไม่แปลกที่จะยังไม่ค้นพบตัวเอง อย่างน้อยก็ก็รู้ตัวตอนนี้ว่าไม่ชอบทางนี้อยากไปทางอื่น แปลว่าเริ่มค้นพบตัวเองแล้ว อย่าเอาอายุมากดดันตัวเองมากเลยค่ะ คนเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอด
อยู่ที่ความมุ่งมั่นของน้องนะ ถ้าไม่ชอบแล้วเริ่มสิ่งใหม่ได้ดี ซิ่วเลยค่ะ ขนาดเพื่อนพี่เรียนจบมาไม่ชอบ นางไปเรียนต่ออีกสายใหม่อีกใบ โดยเริ่มปี 1ใหม่ ตอนนี้ก้หางานและมีความสุขกับการทำงานได้ ถ้าเรามุ่งมั่น เริ่มตอนนไหน ก็ไม่สำคัญ แต่เราจะประสบความสำเร็จในแบบของเราค่ะ
คำถามต้นคลิป สำหรับผมใบปริญญามันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่มันคือใบเบิกทางในการทำงาน ผมจบป.ตรี ตอนนี้อายุ28 ปัจจุบันมีบ้าน3หลัง รถยนต์2คัน มอไซค์4คัน ซึ่งไม่ได้ทำงานตรงกับสายที่เรียนมาเลยคับ บ้างคนพึ่งจะค้นหาตัวเองเจอหรือประสบความสำเร็จตอนอายุ40/50ก็มีเยอะ ดูสังคมรอบข้างตัวเอง ปรึกษาคนรอบข้าง ค่อยๆคิดคับ ไม่มีคำว่าสาย✌🏻
สำหรับต้นคลิปครับ สำหรับผมผมให้เวลาค้นหาตัวเองแค่ช่วงปี 1 เท่านั้น ถ้าจะซิ่วต้องเป็นช่วง 1 ปีแรก ถ้าเรียนมาถึงขนาดปี 3 แล้ว ก็ควรเรียนให้จบหางานทำให้ตรงสาย แล้วหาความสุขจากส่วนอื่นก่อนในช่วงแรกพอตั้งตัวได้แล้ว ค่อยออกมาหาสิ่งที่ตัวเองต้องการครับ
ทางนี้เรียนอยู่ปี 2 ค่ะ อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มาก แต่อยากแสดงความคิดเห็น เผื่อสามารถช่วยได้นะคะ สมมุติถ้าสามารถอดทนเรียนต่อไปได้จริง เราเชียร์ให้เรียนต่อให้จบค่ะ แล้วค่อยไปเรียนต่อสาขาที่อยากเรียนอีกรอบ เพราะถ้าซิ่วยังไงก็ต้องเริ่มเรียน เริ่มสอบใหม่หมด แต่หลักๆควรปรึกษาที่บ้านค่ะ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน เลือกทางไหนก็โอเคหมดเลยค่ะ แต่ถ้ามีก็ต้องคิดดีๆค่ะ สำหรับเราการทำงานไม่จำเป็นต้องรักในสิ่งที่ทำก็ได้ค่ะ ขอแค่ไม่เกลียดมันจนทำให้เราทุกข์ก็เพียงพอแล้วค่ะ เราเองก็ประสบปัญหาไม่รู้ว่าตัวเองชอบในสิ่งที่เรียนไหมจนชีวิตเป๋ไปช่วงนึง แต่สุดท้ายก็คิดได้ค่ะว่ามันไม่เป็นไรที่เราจะไม่ชอบในสิ่งที่เราทำ แค่ไม่ทรมานก็พอ สุดท้ายให้มันเป็นวิชาชีพที่สามารถใช้หาเงินเลี้ยงชีพเราได้ก็โอเคแล้วค่ะ แล้วพอหาเงินได้ค่อยไปเรียนต่อก็ได้ค่ะ ไม่มีใครแก่เกินเรียน และทุกคนต้องเรียนรู้วิชาใหม่ๆตลอดชีวิตอยู่แล้ว ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ไม่ใช่ทุกคนที่ซิ่วไปเริ่มใหม่ได้ โดยเฉพาะถ้าคิดว่าครอบครัวต้องรับภาระค่าใช้จ่ายแล้วยิ่งต้องคิดดีๆครับแต่ถ้ามีทางเลือก มีเวลา มีเงิน ที่บ้านซัพพอร์ตได้ การซิ่วก็ถือว่าตอบโจทย์อยู่ครับ (ก็ลองปรึกษาคนในครอบครัวดู)แต่ถ้าไม่มีทั้งเงิน ไม่มีทั้งเวลาให้มาเริ่มใหม่ แนะนำเรียนจบ ทำงานหาเงินเรียนสกิลในส่วนที่ตัวเองสนใจ ในส่วนที่ตัวเองชอบดีกว่าครับหลังจากนั้นก็หาสายงานที่ตัวเองชอบก็ยังไม่สายครับ ตราบใดที่ยังไม่ปิดการเรียนรู้ตัวเอง 🙂
ไม่สาย เพราะว่าเคยมีน้องรหัสที่ซิ่วจากปี 4 มาเข้าปี 1 ใหม่ เพราะความรู้สึกที่ถ้าฝืนไปก็ไม่ได้อะไร สู้เริ่มใหม่กับสิ่งที่ชอบดีกว่า ส่วนตัวผมนะ ถ้ายังไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการเงินสำหรับการเริ่มเรียนใหม่ ก็เรียนเถอะครับ แต่ถ้าการเงินไม่ไหว อาจจะต้องหา Parttime เสริมระหว่างเรียน ส่วนนึงเพราะ จบมาแล้ว แต่อายุเยอะ เวลาหางาน พวก HR เขาอาจจะหาคนที่มีประสบการณ์ (ยกเว้น ม.ดัง อาจไม่กระทบเท่าไหร่)
วางแผน และหาความรู้เพิ่ม มาสเตอร์ในสิ่งที่ชอบ เป็นทักษะเสริม หาที่อบรมหาใบรับรอง ช่วยยืนยันความสามารถ ไม่จำเป็นต้องซิ่ว แต่หาตัว พลัสให้ตัวเอง น่าจะดี
ในฐานะที่ซิ่วมา3รอบ ผมแนะนำเรียนต่อตรีใบนั้นให้จบครับ วิชาที่ชอบหรืออยากจะเรียน ให้ไปเรียนเป็นตรีใบที่2แทน หรือถ้าสาขาที่ตัวเองสนใจที่รามคำแหงมี ก็ให้ไปสมัครเรียนที่รามคู่ไปแทนครับ อายุมีผลต่อการสมัครงานจริงครับสิ่งที่ชอบกับ สิ่งที่เอาทำงานหาเลี้ยงชีวิตได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเดียวกันครับ เว้นแต่บ้านจะมีเงินมีช่องทางไว้แล้ว
ตอบคำถามต้นคลิป อันดับแรกนะครับ เช็กดูว่าที่บ้านส่งเราเรียนต่อได้ไหม "นี่สำคัญมาก ๆ" จากพี่ชายคนนึงที่มีโอกาสส่งน้องเรียนได้ "ครั้งเดียว" แล้วน้องเรียนไปไม่มีความสุขเลยให้ เลือกว่าดรอปแล้วไปเรียนใหม่ ด้วยการกู้เรียนและหางานทำเพื่อหาค่ากินค่าห้องช่วยกัน และนั่นจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เรียนในสิ่งที่เลือก หรือจะดรอป แล้วออกไปหาเรียนเป็นครอสเสริมเอา แต่ก็ต้องหาเรียนเองอยู่ดี และม่ก็ทนเรียนให้จบแล้วจบมาค่อยไปเรียนเสริม แต่ก็หาเงินเรียนเองอีกนั่นล่ะ น้องเลือกดรอปแล้วไปเรียนเสริมเป็นครอสครับ เริ่มจากการไปเรียนที่ศูนย์ก่อน และทำงานไปด้วย ทำงานได้ระยะหนึ่งก็เอาเงินตรงนั้นไปลงครอสอีกที แต่ถ้าที่บ้านไม่ลำบากอะไร ก็สนับสนุนฝั่งให้ดรอปครับ การอดทนเรียนไปก็สูญเปล่า วิชาชีพเราก็ได้มาครึ่งทางแล้ว ไม่น่ามีอะไรเสียหายเรื่องอายุ
16:15 Jr. ในชื่อของ John Wayne Gacy คือ ‘junior’ - ฝรั่งถ้าตั้งชื่อลูกผู้ชายตามคนเป็นพ่อจะมีคำว่า ‘junior’ อยู่ท้ายหลัง แล้วคนเป็นพ่อจะมี ‘Sr.’ (Senior) ติดมาด้วย เพื่อจะได้บงบอกว่าใครลูกใครพ่อ 👍🏻👍🏻👍🏻
ถ้าใจเราไม่อยู่แล้ว เรียนไปก็ไม่มีความสุข ไม่มีใครแก่เกินเรียนด้วย ถ้าไม่มีใครว่าเราก็ไปตามฝันตามเส้นทางของเรา ต่อให้จบมาจะไม่ได้ใช้ แต่เวลาและการใช้ชีวิตระหว่างเรียนมันก็สำคัญนะ เรียนที่เรามีความสุขดีกว่า
จำไว้ต้องเรียนให้จบก่อน สิ่งที่ชอบสามารถมาเลือกทำทีหลังได้ง่ายกว่า ห้ามผิดพลาดช่วงจังหวะนี้เด็ดขาด จะมีอะไรเกิดขึ้นเยอะมาก พยายามทำทุกอย่างให้สำเร็จเป็นอย่างๆไปอย่าพยายามทำอะไรค้างทิ้งไว้ในช่วงวัยนี้ พี่เตือนด้วยความหวังดีจากคนล้ม
เป็นกำลังใจให้นะแล้วแต่หนูตัดสินใจ ถ้าแนะนำเรียนจบไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย อาจจะรู้สึกเสียเวลาแต่คอนเน็ตชั่นในมหาลัยที่ได้กลับมาจากรุ่นน้องรุ่นพี่อาจารย์เพราะจบ ลองนึกถึงตอนประถม มต้น ก็ได้ ระหว่างคนไปกลางเทอม หรืออยู่ๆหายไปแทบไม่มีใครจำได้หรือนึกถึงออกเลย ค่อยๆตัดสินใจนะ
เรามีเพื่อนที่ลาออกไปเรียนที่ตัวเองชอบตอนปี3 ส่วนตัวเรียนต่อจนจบ ทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ทำได้ ความชอบคือเรียนเสริม ทำงานอดิเรกหรืองานเสริม
เรียนไปให้จบก่อนค่ะ แล้วสกิลต่างๆที่จะใช้ในการทำงานที่รักที่ชอบค่อยไปเรียนเสริมเอา อย่างน้อยมันก็ไม่เสียเวลาค่ะถ้าให้ไปเริ่ม1ใหม่มันจะเสียเวลามากๆ มันมาถึงขนาดนี้แล้ว จากใจเด็กชิ่วตอนจบปี2 แล้วทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำงานอย่างที่เรียนจบมา ในการทำงานมาใช้สกิลที่เรียนเสริมหลังจากเรียนจบทั้งนั้นเลยค่ะ
เล่าสนุกมากค่ะ ฟังเพลินเลย❤️❤️
สำหรับเราเราคงจะเรียนต่อให้จบเลยอ่ะ อย่างที่บอกว่าบางทีแม้เราจะเรียนอีกสายนึง แต่ไปทำงานมันอาจจะไม่ได้ตรงสายเสมอไปไง แล้วถ้าสมมุติว่าเราซิ่วไปเรียนคณะอื่น แล้วเกิดไม่ชอบขึ้นมาอีก กลายเป็นว่ามันเสียเวลาชีวิตมาก ๆ เพราะกว่าจะเรียนจบก็ต้องใช้เวลา 4 ปีเลย สรุปเสียเวลาไปหลายปี
จริงๆคนไทยติดการถีบให้เด็กต้องโตในวัยทำงานเลยโดยไม่ได้ปูพื้นฐานมาว่าเราสนใจหรือมีเวลาหาตัวเองเท่าไหร่ ถ้าเป็นต่างประเทศวัย24-25 ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้วต้องโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว เพราะด้วยสวัสดิการคนแก่บ้านเค้าดีด้วย พ่อแม่เลยไม่ได้มาบังคับว่าต้องเลี้ยง สำหรับเรา เราว่าการซิ่วไปเรียนใหม่มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะ การเริ่มต้นในวัยนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร มันต้องขึ้นอยู่กับที่บ้านเค้ามากกว่าว่าโอเคมั้ย ที่บ้านพร้อมมั้ยอยากให้เค้าลองคุยกับที่บ้านดูก่อนมากกว่าเราให้คำแนะนำได้แค่นิดหน่อยแหละยังไงก็ต้องคุยกับคนในครอบครัวดู
ความคิดเห็นเกี่ยวกับคำถามต้นคลิปนะคะ ขอแยกเป็น 2 ประเด็นดังนี้1. ถ้าน้องรู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบสิ่งที่เรียนอยู่เลย ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ยิ่งเรียนมีแต่จะบั่นทอนจิตใจ พี่ให้แนะให้ซิ่วทันที อย่าเอาสุขภาพจิตตัวเองไปแลกค่ะ2. แต่ถ้าน้องอยู่ในจุดที่ก็พอเรียนได้ ไม่ถึงกับขนาดบั่นทอนจิตใจ ก็ขอแตกเป็นอีกหลายๆ กรณี2.1 หมดแพชชั่นกับคณะเดิม แต่ยังไม่มีแพชชั่นใหม่ > ไม่แนะนำให้ซิ่วค่ะ การอยู่กับสิ่งเดิมๆ นานๆ จะเกิดความรู้แบบนี้เป็นปกติมาก ถ้าจบมาทำงานไม่ตรงสายเป็นเรื่องปกติมาก2.2 เกิดแพชชั่นใหม่ (ต้องแน่ใจจริงๆ ว่าอยากจะอยู่กับสิ่งนั้นไปนานๆ ไม่ได้เป็นแค่ความสนใจชั่วครู่) ลองศึกษาดีๆ ว่าการที่เราจะทำอาชีพนั้น มันจำเป็นต้องเรียนจบปริญญาตรีในสาขานั้นเท่านั้นหรือเปล่า? หรือสามารถมาลงคอร์สเรียนสั้นๆ ก็ทำได้ จบไม่ตรงสายทำได้ไหม? ถ้าทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องจบสาขาเฉพาะจริงๆ (เช่นอยากเป็นหมอ ต้องเรียนคณะแพทย์เท่านั้น) อันนี้แนะนำให้ซิ่วไปเรียนตามที่อยากเรียนเลยค่ะ ไม่ต้องเสียดายเวลาสุดท้ายขอฝากข้อคิดจากประสบการณ์นะคะ : ตอนที่ยังเรียนอยู่ เราก็วาดหวังว่าจะได้ทำงานตรงสาย ได้ทำงานที่รักและมีแพชชั่นกับมันไปตลอดชีวิต แต่ความเป็นจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น แม้แต่งานที่เราชอบก็มีวันที่เราเบื่อ หมดแพชชั่น ไม่อยากทำ เพราะฉะนั้นให้คิดว่า งานคือสิ่งที่เอาไว้หาเงินเลี้ยงชีพเท่านั้นก็พอค่ะ ถ้างานไม่ได้แย่เกินไป บั่นทอนจิตใจเกินไป เราพอทำได้ ได้รายได้เพียงพอ นี่ก็โอเคแล้ว
สำหรับบ้านนี้..ลูกชายจบ ปวส.อิเลค.....แล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ปีนี้เลยเริ่มเรียน บริหารปี1ใหม่....ไม่เป็นไร....แต่...ต้องช่วยแม่หาค่าเทอมนะ❤
เรียนมา 3 ปีแล้ว ถ้าคุณจะซิ่วไปเรียนที่อื่น หรือไปเรียนคณะหรือสาขาที่คุณชอบก็สามารถทำได้ จะไปเริ่มเรียนปี 1 เริ่มต้นที่ไหนก็ได้ไม่มีปัญหาแต่สิ่งที่คุณไม่สามารถเริ่มใหม่หรือเรียกคืนได้คือเวลาที่ผ่านไปแล้ว 3 ปี ตอนนี้คุณอายุ 20 ต้น ๆ อาจจะยังไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะเข้าใจเรื่องเวลาเรียกคืนมาไม่ได้ถ้าเป็นตัวผมเอง เมื่อขึ้น ปี 4 นอกจากการเรียนในสาขา/คณะที่ผมอาจไม่ชอบ ผมก็จะเรียนรู้ในสิ่งที่ผมชอบจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความรู้และแก้เบื่อในที่สิ่งที่เรียนในปี 4เมื่อเรียนจบปี 4 แล้ว (ในสิ่งที่ไม่ชอบ) และต้องการเพิ่มพูนในสิ่งที่ผมชอบ ผมก็อาจจะเริ่มเรียนต่อ ป.โท ต่อไป หรือถ้าไม่มีทุนทรัพย์พอ ผมก็จะหางานในสายที่ผมเรียนจบมา ซึ่งถ้าจบ ป. ตรีได้ การเรียนรู้เรื่องงานก็ไม่ยากเกินไป เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนมากกว่า
ดูช่องนี้+กินข้าว = เพลิน+อร่อยขึ้น?
เคยซิ่วตอนปี 3 ค่ะอยากเรียนดนตรีแต่ดันคิดว่าเรียนบัญชีดีกว่าดนตรีเล่นเองก็ได้ สรุปเรียนบัญชีได้ 2 ปีร้องไห้บ่อยมากค่ะ ก็ย้ายปี 3 ไปดนตรีแบบเทียบโอนมหาวิทยาลัยเดียวกัน(ต่างจังหวัด) เรียนไปได้ปีนึงรู้สึกว่ามากรุงเทพดูจะไปได้ไกลกว่าเพราะว่าไม่ได้อยากเล่นกลางคืนตลอดไป เลยตัดสินใจซิ่วมาเรียนดนตรีที่กรุงเทพค่ะ ความคิดเราตอนนั้นคือถ้าเรียนอีกปีก็จบแล้วส่วนอีกความคิดคือถึงแม้จะปีเดียวก็ไม่อยากเสียเวลาเลยตัดสินใจซิ่วค่ะ สรุปตอนนี้รู้สึกดีมากๆที่ซิ่วมาเพราะมันมีความสุขมากกกไม่ว่าจะจบมาทำงานตรงสายไหม แต่ตอนที่เรียนอยู่มันดีมาก แล้วที่ได้เพิ่มมาคือถ้าไม่มาเรียนที่ใหม่สาขาใหม่คงไม่ได้ความรู้ในหลายๆเรื่องที่เราไม่รู้จริงๆไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะเสิร์ชหาได้ยังไงเพราะไม่รู้ว่ามันมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย แล้วก็ได้เรื่องคอนเนคชั่น แล้วตอนนี้ก็กำลังทำเพลงของตัวเองด้วยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่สายกับความชอบด้วยนะคะ อันนี้แค่มาเล่าประสบการณ์ว่าทำไมเราเลือกแบบนี้
เรื่องปรึกษาตอนต้น ขึ้นอยู่กับฐานะ+สภาพทางบ้านด้วย ถ้าที่บ้านโอเคที่จะให้ซิ่วก็ซิ่วเลย แต่ถ้าเป็นเรา เราจะเรียนให้จบปี4เพื่อเอาวฒิปริญญาตรี เพราะถ้าหากน้องอยู่ในสภาวะที่บ้านมีปัญหาการเงินหรือโดนที่บ้านบีบบังคับให้ทำงานก่อน ก็ยังสามารถใช้วุฒิป.ตรีที่เราได้ไปสมัครงานก่อน งานบางที่ก็มีทั้งใช้วุฒิป.ตรี และไม่ใช้วุฒิก็มี บางคนก็เลือกเวย์ที่จะเรียนไปละก็ทำงานด้วย เช่นไปเรียนป.ตรีภาคพิเศษ ซึ่งเรียนเสาร์ อาทิตย์ วันธรรมดาก็ทำงาน แต่เอาตรงๆถ้าไม่นับบางสาขาที่จำเป็นจะต้องบังคับจบวุฒินี้มาเท่านั้น บางอย่างมันก็สามารถเรียนข้างนอกได้อะเนอะ แถมเผลอๆลงคอร์สเรียนระยะสั้นประหยัดเวลากว่าไปเรียนใหม่ทั้ง 4 ปีด้วย ช่วงระหว่างนี้ก็พยายามค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร แต่ถ้าเจอแล้วก็ยินดีด้วยนะ สู้ๆ ❤❤
เห็นด้วยกับความคิดนี้ค่ะ คิดเพิ่มหน่อยถ้าไม่ได้ต้องรีบทำงานและไม่ได้เครียดจนจะกระทบกับชีวิตนี่ก็คิดว่าเรียนจบไว้ดีกว่า เพราะ ไม่รู้อนาคตอาจได้กลับมาใช้ความรู้นี้อีก ซึ่งก็เก็บมาตั้ง 3 ปีแล้ว มันเสียเวลาไปแล้ว3ปี และไม่อยากให้มองว่าอยุเยอะแล้วต้องรีบเรียนจบทำงาน เพราะ เราทำงานและเรียนไปด้วยได้ และขนาดทำงานจริงๆแล้วก็ยังต้องศึกษาความรู้เรื่อยๆค่ะ ส่วนถ้าสนใจสิ่งอื่นๆก็ค่อยๆเรียนเพิ่ม ค้นหาตัวเองได้เรื่อยๆ
สำหรับผมในวัย35ปี คือไม่ช้านะครับ รู้ตัวว่าอะไรใช่ไม่ใช่สำหรับตัวเองน่ะดีแล้วครับ น้องต้องทำงานกับสิ่งที่เลือกอีกครึ่งชีวิตครับ
เลือกให้ใช่ สนุกกับมัน แล้วจะมีความสุขครับ
ทั้งนี้มันมีรายวิชาที่โอนหน่วยกิตได้ครับ น้องไม่เสียเวลาไปซะหมดสำหรับสิ่งที่เรียนไปแล้วหนอกครับ
พี่เป็นกำลังใจให้ครับ
พิมพ์ไป ลบไป คำถามนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมได้ทบทวนตัวเองไปด้วยจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน...พี่ไม่มีคำแนะนำอะไรที่จะช่วยน้องได้เลย พี่มีแค่ประสบการณ์มากมายที่เคยผ่านมา และพี่ก็มีคำถาม อยากจะถามน้อง คือ น้องจะรู้ตอนจบของหนังได้ยังไงถ้ายังไม่ได้ดู น้องจะรู้ตอนจบของเรื่องราวใดๆได้ยังไงถ้าน้องไม่ได้อ่าน น้องจะเลือกดูเอง อ่านเอง ไปจนถึงตอนสุดท้ายแล้วก็มีความสุขไปกับชีวิตของตัวเอง หรือ จะฟังสปอยจากคนอื่นแล้วเอาใช้ น้องทำได้ทุกอย่างที่น้องอยากทำและไม่มีใครมีสิทธิ์มาตัดสินน้อง ชีวิตไม่มีถูกไม่มีผิด.
ส่วนตัวพี่อยากขึ้นเขาพี่ก็จะลุยป่า อยากไปเกาะพี่ก็จะลงน้ำ เขียนตำนานด้วยตัวเองแล้วเอาไว้ไปเล่าให้ใครสักคนฟัง มันมีความสุขดีนะ ว่ามะ
เค้าแพล่มอะไรเค้าวะ
ต้องดูก่อนว่าสิ่งที่เราอยากเปลี่ยนมันตรงข้ามกันมากมั้ย? เช่นพวกสายเฉพาะทาง แพทย์ วิศวะ เป็นต้น แต่ถ้าไม่ต่างมาก และสายที่เรียนอยู่ก็กลางๆ ก็เรียนให้จบค่ะ เพราะจบมาไม่จำเป็นต้องทำงานในสาขาของตัวเองเสมอไปค่ะ เช่นเราจบการท่องเที่ยว ทุกวันนี้เป็นแอดมินบริษัทอาหาร เพื่อนจบมาสายเดียวกัน ทุกวันนี้ทำบัญชี ตั้งแต่จบมาไม่เคยได้เป็นไกด์เลย
ส่วนตัวคิดว่าคนไทยติดเรื่องอายุกันมากเกินไปว่าต้องจบอายุเท่านี้ ทำงานตอนอายุเท่านี้ ไม่มีใครสายเกินเรียนค่ะ ถ้าไม่ติดเรื่องครอบครัวว่าทำไมต้องซิ่ว เรียนจะจบแล้วทำไมไม่เรียนต่อให้จบ ถ้าไม่ติดเรื่องครอบครัว เชียร์ให้ซิ่วค่ะ ความสุขตลอดชีวิตที่ต้องอยู่กับสายอาชีพที่ไม่ชอบไม่มีความสุขมากกว่าเริ่มเรียนใหม่อีก 4 ปี😊🥰
กำลังหาอะไรดูอยู่พอดีเลยค่ะคุณเนส ! ❤
*มุมมองสำหรับคำถามต้นคลิปนะคะ*
คิดว่า ไหน ๆ ก็ปี 3 แล้ว อยากให้เรียนจนจบค่ะ
แล้วถ้าอยากเรียนอะไรค่อยเรียนใหม่ได้วุฒิ 2 อันไปเลย
ในกรณีที่อยากเปลี่ยนสายการเรียนนะคะ
เพราะความคิดของเราไม่แน่นอนค่ะ ไม่อยากให้เสียโอกาสทางใดทางหนึ่ง
แต่ก็แล้วแต่การตัดสินใจของน้องนะคะ เพียงแค่ให้ความเห็นเท่านั้น ชีวิตเราเป็นของเราค่ะ 😊
ส่วนตัวผมคิดว่าความชอบของคนเราเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอครับ ลองเรียนให้จบก่อนแล้วลองทำงานนั้นดู น้องอาจชอบก็ได้ครับ ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนครับ ดูอย่างที่ตอนแรกน้องสมัครเรียนสาขานี้มาเพราะคิดว่ามันคือทางที่ใช่แล้ว แต่สุดท้ายน้องก็บอกว่ามันไม่ใช่ เพราะน้องได้ลองศึกษามันจนรู้สึกว่าไม่ชอบ คือพี่อยากจะบอกว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนครับ ถ้าน้องซิวไปเรียนสาขาใหม่ก็ใช้ว่าน้องจะชอบมันแบบแน่นอน รักมันแน่นอน น้องอาจไม่ชอบแล้วก็อยากเลือกทางใหม่อีกก็เป็นได้
ส่วนตัวถ้าถึงมาปี 3-4 แล้วไปต่อไหวเรียนให้จบก่อนถือเป็นสกิลเราที่เอาไว้ใช้ในอนาคตได้ครับ ส่วนถ้าเกิดสนใจอยากทำสายอื่นจริงๆหลายๆสายไม่ต้องเรียน ป.ตรี ผมเห็นคนเรียนเสริมและฝึกเยอะๆจนแสดงให้ที่บริษัทเห็นว่าเราทำงานได้แต่อาจเหนื่อยกว่าคนที่เรียนสายตรงๆมา อาจไปต่อ โท หรือ ตรี ใหม่อีกรอบก็ไม่เสียหาย ปล.ความเห็นส่วนตัวของคนที่ไม่เคยซิ่วและพึ่งเรียนจบแบบเกือบตุยมานะครับ 5555
ก็รู้เลยเรียนมาเพื่ออะไร อ๋อเรียนมาเพื่อทราบ
@@sleepingfish3ขอบคุณครับ
เสียดายที่สุดคือชีวิตวัยรุ่นในช่วงเรียนนี่แหละ 😢
😊😊😊
คิดเหมือนกันค่ะ เพราะส่วนตัวค่อนข้างให้ค่ากับเวลา ยอมเสียอีกแค่1ปีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของเวลา4ปีดีกว่า แต่ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ไม่สามารถตั้งใจเรียนจนจบปี4ได้จริง ๆ เป็นเราก็อาจจะออกไปเรียนที่ตัวเองสนใจเรียนค่ะ แฮปปี้กว่า
สำหรับเรื่องต้นมหาลัย ในตอนนี้มันต้องยึดติดกับคำว่าปริญญาให้น้อยลง ปัจจุบันมีมหาลัย สถาบันที่มีCertificate ที่สามารถนำมาใช้ประกอบการทำงานได้ เราก็เจอเหตุการแบบนี้ พึ่งมารู้สึกตัวเต็มๆตอนปี 3 แต่เราเรียน 5ปี เพราะเรียนครุ แต่เราก็ไปหาข้อมูลมาว่าจะซิ้วไหมหรือยังไง จนได้ข้อสรุปมาว่า ให้ดูปัจจัยเราก่อนว่ามีทรัพยากรด้านเวลา การเงิน ในระดับไหน สรุปเราเลยเรียนให้จบ 5 ปีไปควบคู่กับการเรียนเอาใบรับรองหลักสูตรการศึกษา 2ปี ไปด้วย (เหนื่อยกว่าเดิมแต่เราคิดแล้วว่ามันคุ้มค่ะ)
สำหรับต้นคลิป เค้าจบทำงานมาแล้วสองปี ทำงานไม่ตรงสายที่เรียนมาด้วย🥲ส่วนตัวนี่คิดว่าอยากให้เรียนให้จบค่ะเรียนมาสามปีแล้ว ส่วนถ้าเจอทางที่ชอบลองหาเรียนเสริมดูก็ได้ หรืออาจจะต่อโทก็เป็นอีกทางเลือกนึงได้นะคะ แต่ถ้าส่วนตัวน้องคิดว่าที่เรียนอยู่ไม่ใช่จริงๆ เรียนต่อไปไม่ไหว แล้วรู้สึกไม่โอเคกับตัวเองจริงๆ ก็ซิ่วเลยค่ะ อายุเรายังเลข 2 ต้นๆ ลองผิดลองถูกได้อีกเยอะ อาจจะเริ่มงานช้าหน่อย แต่ก็มองว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ทางน้องเลือกน้าา อันนี้เป็นอีกนึงคอมเม้นที่ให้คำแนะนำ น้องอาจจะผ่านมาเจอแล้วลองปรับกับความรู้สึก แล้วก็ตัวน้องเองด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ🩷
เป็นปัญหาที่เราคิดไม่ตกเหมือนกันค่ะ เราเรียนฟิล์มด้วยความคิดที่ว่าก็ชอบพอเรียนได้ ที่ตอนนั้นไม่ได้เลือกคณะที่รักจริงๆเพราะว่ามันเรียนหนักการเเข่งขันสูงจนคิดไปว่าไม่อยากทำให้สิ่งที่ชอบกลายเป็นสิ่งที่ตัวเองเหลียดเลยเลือกเรียนคณะที่ชอบเป็นอันดับสอง เรียนมาสามปีดร๊อปตอนโควิดไปอีกหนึ่งปี จริงๆควรเรียนจบได้เเล้วด้วยซ้ำ มาปีนี้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เลือกเรียนมันไม่มีความสุขเอาซะเลย เลยเลือกที่จะลาออกเเล้วรอสมัครเรียนปีหนึ่งใหม่อีกที่ รอบนี้ไปเลือกเข้าคณะที่ชอบจริงๆรักที่จะทำมันจริงๆค่ะ มันอาจจะเสียเวลาไปมากกว่าคนอื่น แต่เราจะมีความสุขที่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบจริงๆค่ะ เคยคิดเหมือนกันว่าอีกไม่กี่ปีก็จบเเล้วค่าเทอมก็ไม่ใช่ถูกๆ อีกปีเดียวก็จะไม่ลำบากพ่อเเม่เเล้ว แต่บางคนก็ทนได้บางคนมันก็เกินกว่าที่เราจะทนเรียนต่อไปไหวค่ะ เพราะงั้นเราอยากให้คุณเลือกเรียนสิ่งที่คุณชอบจริงๆ ไม่ต้องไปกลัวค่ะ ถ้าย้ายภายในมหาลัยบางทีมันโอนวิชาที่เราเคยเรียนแล้วไปได้ไม่ต้องเรียนซ้ำได้นะคะ ต้องลองเช็คดู เป็นกำลังใจให้นะคะ
เราเรียน ปวส.การตลาด จบมาเป็นนักเขียนเฉย เขียนได้5ปีแล้วค่ะ มีความสุขทุกวันที่ได้ทำงาน ต่างจากงานก่อนหน้ามากๆ(ที่เสียเวลาไปตั้ง6ปี) เราไม่มีความรู้เรื่องซิ่วจะแนะนำน้องๆ แต่อยากแนะนำให้น้องๆหาตัวเองให้เจอเร็วๆว่าชอบอะไร ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน จะได้ไม่เสียเวลาเหมือนพี่ สู้ๆจ้า
แม่ของ ted bundy ในตอนแรกอยากยกลูกของตัวเองให้ครอบครัวอื่นอุปการะ แต่พ่อกับแม่(ตายายของ ted) ได้รับ ted มาเลี้ยงที่บ้านของตัวเอง ted จึงคิดว่าแม่คือพี่สาวค่ะ ไม่ใช่น้องสาว
น่าจะเพราะใช้คำว่า sister มั้ง เลยแปลได้ทั้งพี่สาวน้องสาวรึเปล่า
ผมก็คิดแบบนั้น
จากต้นคลิป ตอนนี้อยู่ปี4และอีก1เทอมจะจบ ยังคิดอยู่เลยว่าไม่อยากเรียนสายนี้แล้ว แต่มาจนจะสุดทางเลยไปไหนไม่ได้ สำหรับคนที่ยังสับสน เราอาจจะไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตมากนัก แต่ถ้าการซิ่วมันไม่ได้เกินกำลังทรัพย์หรืออะไรก็แล้วแต่ เราว่าไปเลือกสิ่งที่เราชอบจริงๆดีกว่า มันน่าจะอยู่กับมันได้โดยไม่ต้องเครียดอ่ะ สู้ๆค่ะ ทางนี้ก็สู้อยู่🥲
ช่องพี่เนสเป็นช่องเดียวเลยที่ผมดูแบบไม่สคริปดูแม้กระทั่งอินโทรแบบไม่ข้าม และดูไม่เคยเบื่อสักคลิป เป็นช่องนึงที่ยกให้เป็นนัมเบอร์วันในใจไปเลย ทำคลิปที่มีคุณภาพและสนุกแบบนี้ออกมาเยอะๆเลยนะครับ เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
ในความคิดของหนูนะคะหนูเรียนการฟิกมาแต่่หนูก็มีความชอบด้านการทำขนมทำอาหารและะหนูก็อยากมีคาเฟ่อะไรประมาณนี้นะคะ หนูคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องซิ่วให้เสียเวลาหรือเสียเงินเลยค่ะ ในเมื่อเราเลือกเรียนไปแล้ววก็เรียนไปเถอะค่ะเพราะสมัยนี้ไม่ว่าจะเรียนมายังไงสุดท้ายตอนทำงานมันก็อาจจะไม่ตรงกับสาขาที่เราเรียนมาก็ได้นะคะ แต่่พอเราเรียนจบได้ไปทำงานจริงๆสิ่งที่เราเรียนมามันสามารถนำไปปรับใช้กับทุกๆงานได้หมด แต่่ถ้าเรามีบ้างสิ่งที่ชอบมากกว่าที่เราเรียนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยเราก็แค่่ไปหาครอสเรียนเสริมสสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งความรู้ในห้องเรียนอย่างเดียวแล้วเพราะนอกห้องเรียนก็มีความรู้ให้เราเหมือนกัน เราไม่ควรที่จะไปเครียดกับสิ่งที่เราได้เลือกมันไปแล้ววนะคะแต่่เราควรคิดว่าทำยังไงให้เราได้ทำในสิ่งที่ชอบมากกว่าค่ะ อย่างเช่นชอบทำขนม ก็อาจจะหาเวลาว่างไปลงครอสเรียนหรือไม่ก็เปิดyoutubeก็ได้ค่ะ อย่าไปเครียดกับสิ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้แต่่จงทำในสิ่งที่เราควบคุมได้ดีกว่าค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ💖
ปัญหาเหมือนกันกันเป๊ะๆๆๆๆๆ ปี3เรียนการตลาดมา ตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ฝืนทำงานจนอายุ28 ตอนนี้ตัดสินใจหาตัวเองจนเจอ แล้วกัดฟันสอบกลับมาเรียนใหม่(ตอนนี้เรียนทันตแพทย์) มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ครับสำหรับเด็กในประเทศนี้ มันยากตั้งแต่การค้นหาตัวเองให้เจอในวัย18 แล้ว และสิ่งที่ยากกว่าคือการค้นหาตัวเองเจอในวัยที่สังคมดีกรอบว่า อายุเท่านี้ต้องทำอะไร มีอะไร มันยากมากจริงๆ ที่จะลืมกรอบเหล่านี้อะ ใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเองและคนรอบข้างนานมาก รวมทั้งหาลู่ทางนานมากว่าจะมีกำลังทรัพย์พอค่าเรียนใหม่มั้ย ลองทบทวนตัวเองดูดีๆครับ ถ้าเจอสิ่งที่ใช่กว่า แล้วทุนไหว ก็ไปเลยครับ อาชีพที่เหมาะกับตัวเองเองมันสำคัญมากๆกับการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ครับ
จากใจคนที่เคยอยากซิ่วตอนอยู่ช่วงปี3 เราแนะนำให้น้องเรียนจนจบค่ะ (เราจบสายวิทย์คณิต ไปเรียนภาษาจนจบ และสอบเข้าวิศวะใหม่)
เพราะถ้าต่อให้น้องลาออกและสอบติดของปีนี้(รุ่น67)เท่ากับว่าน้องจะไปอยู่ปี1ในขณะที่เพื่อนอยู่ปี4และกำลังจะจบ (แต่ก็ลองลงสอบเล่นๆดูคะแนนตัวเองก็ได้นะ)
แนะนำให้รอสอบจริงจังของรุ่น68(ปลายปีหน้า)น้องอาจจะหนักหน่อยในส่วนที่ทั้งต้องทำโปรเจคจบ และอ่านเตรียมสอบเข้าใหม่ แต่ในช่วงเวลานั้นแหละคือช่วงที่น้องจะได้คิดทบทวนตัวเองอีกทีด้วยว่าอนาคตในอีก1ปี2ปี4ปีข้างหน้า น้องจะกำลังทำอะไรอยู่
สู้ๆและเป็นกำลังใจให้นะ ขอให้เรียนจบได้ด้วยดี และสอบติดสาขาที่อยากเรียนหรือได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ❤❤
ก็เรียนเพิ่มอีกใบ เลือกในสิ่งที่คิดว่าอยากทำ แต่พอได้เรียนไปสักพัก นั่นแหละผลลัพท์ ว่าควรทิ้งสิ่งที่เลือกตอนแรก หรือว่าเดินต่อในสิ่งหรือเลือกตอนแรก หรืออาจจะจบ2ใบไปเลยก็ได้ แต่อย่างสุดท้ายอาจจะเหนื่อยมากขึ้นมาหน่อย แต่ก็มีคนทำแบบนี้เยอะเหมือนกัน อย่างเช่นเพื่อนของเรา
เล่าเรื่องรุ่นพี่ที่เป็นตำนานของมอเราให้ฟัง พี่คนนี้เรียนมาแทบจะทุกคณะในมอแล้ว ถามว่าเรียนเยอะขนาดไหน เยอะขนาดที่รุ่นน้องของพี่คนนี้เรียนจนจบป.เอกจนมาเป็นอ.ที่คณะเรา รุ่นพี่คนนี้ก็ยังเรียนอยู่ เราเข้าไปก็ยังเจอเขาไปเรียนอยู่เลย เราคิดว่าจะทนเรียนต่อไปอย่างน้อยก็มีปริญญาติดมือ แล้วไปหาประสบการณ์เพิ่มข้างนอก หรือว่าจะซิ่วไปคณะที่อยากทำจริงๆตอนนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการเสียเวลาหรอก อย่างน้อยก็ยังได้ความรู้มา ไม่แน่สมมติว่าถ้าซิ่วไปแล้วคณะนู้นอาจจะไม่ชอบอีกก็ได้ เราว่าคนเราสามารถเรียนรู้ได้เรื่อยๆอยู่แล้ว อย่าเอาอายุมากำหนดเลย อายุเท่านี้ควรมีนั่น ควรมีนี่ เราคิดว่าเลือกทางไหนก็ไม่มีอะไรเสียหาย สู้ๆเด้ออ
สำหรับมุมมองนี่ เป็นคุณแม่แล้วและลูกกำลังจะเข้าวัยรุ่น มองว่าถ้าเด็กเจอตัวเองแล้วอยากจะเปลี่ยนก็ทำเลย มันไม่ใช่การเสียเวลามันคือประสบการณ์ที่เรียนมา3ปีทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่ คือถามตัวเองแล้วแน่ใจแล้วว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่ต้องไปต่อค่ะ เปลี่ยนเลย
ใช้มุมมองนี้กับความสัมพันธ์เช่นกัน ถ้าไม่มีความสุขที่จะเดินต่อไป ก็จบและเดินออกมา ชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่จะต้องอยู่กับสิ่งที่ทำให้เราไม่มีความสุขค่ะ
ส่วนตัวนะคะ จะดรอปทันทีค่ะ เพราะเอาเวลาไม่กี่ปีมาแลกกับทั้งชีวิตก็ต้องเลือกทางที่ตัวเองจะต้องมีความสุขที่สุด ยกเว้นว่าอาชีพที่อยากทำจริงๆไม่จำเป็นต้องเรียนจบโดยตรงแต่สามารถฝึกสกิลเพิ่มเองได้ ไปลงเวิร์คชอปอะไรเองได้ อันนี้ก็คงจะเรียนให้จบแล้วไปหาลู่ทางอีกทีค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นไปอแดปต์กับข้อจำกัดของชีวิตด้วยนะคะ กางมาเลยว่าทางออกเรามีทางไหนบ้าง ทางไหนเหมาะสมที่สุด (จากคนเคยซิ่วและยังซิ่วอยู่นะคะ หลายปีแล้ว แหะๆ ซิ่วไปทำงานไปค่ะเลยยาก แนะนำถ้าซิ่วอ่านหนังสืออย่าหางานทำไปด้วยนะคะ)
ในฐานะอาจารย์และคนที่เรียนปี 1 มา 3 ครั้งนะครับ ถ้ารู้ตัวว่าไม่เหมาะ ไม่มีความสุขกับสิ่งที่เรียน ซิ่วเลยครับ เพราะถ้าหมดไฟแล้ว มันจะเรียนในระดับที่ยากขึ้นแบบทุกข์ทรมานทั้งคนสอนและคนเรียน
แต่ก็นั่นแหละครับ มันมีหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้การซิ่วมันไม่ใช่สิ่งที่คิดจะทำก็ทำได้เลย ไม่ว่าจะเรื่องการซัพพอร์ตของคนในครอบครัว ความอายที่ไม่จบพร้อมเพื่อน บลาๆๆๆ ถ้าคิดจะซิ่วก็ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ด้วยครับ ถ้าคิดว่ารับไม่ได้ การทำงานไม่ตรงสายก็อาจจะเป็นทางเลือก ก็ต้องหาวิธีหางานที่ตรงกับความชอบจริงๆ กันอีกทีครับ
ส่วนตัวเราอยากแนะนำให้เลือกดรอปไปเลยค่ะ เพราะส่วนตัวเคยต้องทนทำสิ่งที่คิดว่าชอบมาหลายปีค่ะถึงตอนนี้จะหลุดพ้นมาแล้วแต่ระหว่างทางมันหนักมากๆ ร้องไห้ทุกวัน มีความสุขแค่ตอนอยู่กับเพื่อนพอทนมาจนจบเพิ่งรู้ว่าตัวเองเอาสุขภาพจิตเข้าไปแลกมาหลายปีจนถึงปัจจุบันสภาพจิตยังไม่ค่อยดีขึ้น แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเองยังไหวยังไม่เสียสุขภาพจิตก็สามารถไปต่อได้ค่ะแล้วค่อยเริ่มใหม่กับในสิ่งที่อยากทำอีกครั้ง อย่างน้อยๆ เรียนไป8ปีมีปริญญา2ใบทำให้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นค่ะ แต่ทั้งหมดที่พูดมาต้องอยู่บนพื้นทางของเงินค่ะ คิดว่าถ้าทางบ้านซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายได้เต็มที่แนะนำให้ซิ่วเลยค่ะ แต่ถ้าซัพพอร์ตได้แค่พอประมาณแนะนำให้เรียนให้จบแล้วทำงานก่อนสักพักแล้วกลับมาเรียนในสิ่งที่ชอบอีกครั้งค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของเรื่องนะคะ😊❤
ผม เป็นคนหนึ่งที่ เรียนแบบให้จบไป ทั้งที่มีความสามารถ อีกแบบ หนึ่ง แต่ไปเรียน อีกอย่างหนึ่ง ตอนเรียนก็ คิดเหมือนน้องและอาจารย์ เห็น ความสามารถ ชวนมาเรียนเอกที่ตัวมีความสามารถนั้น แต่ด้วยความไม่อยากเสียเวลา และไม่อยากทิ้งเพื่อนๆ ก็ เรียนเอกที่ตัวเองไม่เห็นว่าจะหาเงินได้ เพื่อความไม่ งง ผมมีความสามารถ ด้านโปรแกรมเมอร์ เขียนโปรแกรม เป็น ตังอายุ 14 เพราะความที่เพื่อน้อย และคุยกัยใคร ไม่รู เรื่อง เลยชอบอยู่กับคอม แต่ตอนไปเรียน มหาลัย ดันเบื่อคอม ไปเลือกเรียนจิตวิทยา อ่ะกลับ ตอนเรียนจบจิตวิทยา แต่รุ่นพี่ เอกคอมชวนไปทำงานด้วย เลยทำงาน เป็น โปรแกรมเมอร ์มาตั้งแต่นั้น มาจนปัจจุบันเกือบ 20ปี แหละ แต่ไปไม่ถึงจุดสูงสุด เพราะว่าสู้ คนจบตรงไม่ได้ และ เมืองไทย ส่วนใหญ่ยังดูที่วุฒิ อยู่ เลยทำให้ ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ จะย้ายสายไปทำงา่นในสายที่จบมาก็ ทำไม่ได้ แล้ว เพราะ ว่า ไม่มีประสบการณ์ด้านนั้น แล้ว ถ้ายอนเวลากลับไปได้ จะย้ายเอกตั้งแต่อาจยร์ สายคอมมาชวนให้ย้าย แล้ว ผมไม่มีคำแนะนำอะไรเพราะว่า ถ้าน้องทำตามคำแนะนำ ของใครก็ ตามแล้วไม่ดีขึ้นมา น้องก็ จะโทษคนนั้น อีก แต่ที่เขียนไหวเพื่อน้องอ่าน ผมจะบอกว่า ลองเอาประสบการณ์ ของผม และท่านอื่นไปประมวล และตัดสิ้นใจดู ดีกว่า ถ้า พลาดขึ้นมาจะได้ ไม่เสียใจมากเพราะมันเป็นการตัดสิ้นใจของเราเองไม่ได้ ทำตามใตร
มีเพื่อนผม เรียนจนจบปี 4 รู้ตัวเองว่าไม่ชอบงานที่ทำตอนฝึกงาน เริ่มกลับไปเรียน ป ตรี ใหม่ กับงานที่ชอบ เริ่มทำงานตอนอายุ 26 กลายเป็น happy กับการทำงานมากกว่า แต่ถ้า เป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้วุฒิ หลังเรียนจบฝึกฝนแล้วสมัครงานก็ได้
พี่จบตรี-โท บริหารธุรกิจ พอไปทำงานได้ซัก 2-3 ปี ไม่ชอบ เลยไปเรียนสายกฎหมาย ตรี-โท เนติ สุดท้ายตอนนี้ทำงานกฎหมาย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตอนเรียนหรือทำงานบริหารธุรกิจเป็นเรื่องเสียเวลาอะไรนะคะ ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีไปคนละแบบ มีคนมากมายในสังคม ที่จบสายนึง ทำงานสายนึง
หลังจากทำงานสายกฎหมายมาหลายปี ชอบมั๊ย ก็ไม่ได้ชอบมากมายขนาดนั้นนะ 55555 ถ้ามีลู่ทางดีๆ น่าสนใจ ก็อาจจะเปลี่ยนแนวอีก
อย่างแรกเลย แนะนำให้ฝึกงานครับ ตอนเรียนกับทำงานจริงต่างกันมาก ที่เรียนแล้วชอบ ทำงานจริงอาจจะไม่ชอบก็ได้
ไปลองขอเค้าฝึกงาน แต่คุยกับเค้าดีๆ อย่าให้เค้าเอาไปชงกาแฟ ถ่ายเอกสาร
พอเรารู้ตัวเองแล้วค่อยมาคิดว่าจะไปต่อไหม ที่เหลือก็ตามที่คอมเม้นอื่นๆบอกเลยครับ
โดยส่วนตัว คำตอบคือ ถ้าสิ่งที่อยากทำ มันเป็นสกิลพิเศษ อย่างเช่นทำอาหาร อันนี้เรียนสิ่งที่เรียนอยุ่ให้จบ แล้วไปเรียนสกิลเพื่อเอาใบเซอร์มารับรองทีหลัง เดี๋ยวนี้มีหลายอาชีพที่ไม่ต้องเรียนมาสายตรง แต่ถ้าคุณเรียนเพิ่มมีใบเซอ เราสามารถใช้ใบเซอร์นั้นสมัครงานได้ แต่ถ้าสิ่งที่อยากทำเป็นอาชีพเฉพาะทางที่ต้องมีการศึกษารายละเอียดทั้งหมด เช่น หมอ อันนี้เด็กต้องชั่งใจเองว่าจะยอมทิ้งเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แล้วลงเรียนใหม่ แต่สิ่งที่ต้องเพิ่มคือถ้าหากเรียนใหม่ เมื่อถึงเวลานึงพบว่าตัวเองชอบสายงานที่เรียนใหม่ แต่สกิลไม่ถึง จนซิ่วออกมา เราจะเสียใจมั้ยที่ทิ้งทางนั้นมามั้ย ถ้ารู้สึกเสียใจ เรียนอีก 1 ปีให้จบ อย่างน้อยเราก็มีปริญญารับรองแล้ว และหากสิ่งที่ชอบสามารถเรียนคู่กันไปได้ อย่างเพื่อนเรียนครุศาสตร์ แต่พอถึงปี 3 รุ้สึกว่าตัวเองชอบงานทนาย เขาก็ลงเรีบนนิติศาสตร์ในมหาลับเปิดคู่กันไป ปัจจุบันอยุ่บ้านเป็นทนาย อย่าลืมว่าเราไม่มีสิทธิ์ตัดสินเขา เราบอกถึงคำปรึกษา แล้วให้เขาตัดสินใจด้วยตนเอง เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเขา
เราเรียนจบไอที ทำงานกราฟฟิค ไม่ตรงสายค่ะ เริ่มทำงานตามสายที่เรียนจบไปเรื่อย แล้วฝึกฝนกราฟฟิคเอง ตอนนี้ทำงาน มีความสุขดี มีคอนเนคชั่นในสายงานดีค่ะ ใช้เวลาหลายปีมากกว่าช่วงชีวิตในเวลาเรียน อยากให้น้องเรียนให้จบ ไว้ไปเรียนสายอาชีพนั้นๆ เรียนเอาใบเซอร์เพิ่ม ยังไงที่เราเรียนจบมา เราได้โอกาสดีดีในชีวิตอนาคต ได้คอนเนคชั่นดีดีในอนาคตแน่นอนค่ะ แม้ว่าจะไม่ตรงสาย
ผมประสบการณ์ตรง ซิ่ว 2 รอบ รวมเสียเวลา 3 ปี (ที่แทบไม่ได้อะไร) สุดท้ายจบมาด้วยวุฒิศิลปศาสตร์แต่ก็ยังไม่ได้อยากทำตรงสายอยู่ดี สุดท้ายไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นเพิ่ม 2 ปี จบมาจะหางานทำ ติดช่วงโควิดอีก งานหายากมาก ต้องกลับไทย จบที่อายุ 30+ ต้องมาสานธุรกิจที่บ้านต่อ (ซึ่งไม่อยากทำ) แต่ก็เป็นเบาะเซฟรอดตัวไปได้
ถ้าย้อนมองกลับ 3 ปีที่หายไป เป็นอะไรที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการสั่งสมประสบการณ์ ความรู้เพิ่มเติม การหางานต่าง ๆ เป็นลูกโซ่เลย ผมไม่รู้ว่าที่น้องเรียนอยู่คือด้านไหน และจริง ๆ อยากไปเรียนด้านไหน ถ้าสิ่งที่อยากย้ายไปเรียน ไม่ได้เป็นเฉพาะทางมาก ๆ ที่ต้องเรียนปริญญาเท่านั้น แนะนำให้เรียนต่อให้จบอันเดิมให้เร็วที่สุด แล้วหาโอกาสเรียนต่อในด้านที่สนใจครับ แต่ถ้ารู้ว่าสิ่งที่เราชอบจริง ๆ เป็นเฉพาะทางที่ต้องใช้วุฒิปริญญาเท่านั้นก็รีบลุยเลย อย่ารอช้า (เสริมว่าควรจะต้องเรียนให้ดีด้วยนะครับ เพราะเสียเวลาถึง 3 ปี ไม่มีประสบการณ์ทำงาน ถึงเวลาหางานจริง ถ้าเราไม่เก่งและถ้าคู่แข่งเยอะ ลำบากอยู่ครับ)
หลายๆคนจบอีกคณะทำงานอีกคณะก็ยังมี ส่วนตัวก็เชื่อในตัวเองเสมอว่าคนเรามีความสามารถมากกว่าหนึ่งอย่างค่ะ และคนเราไม่จำเป็นต้องสนใจแค่อย่างเดียว เป็นกำลังใจให้นะคะ
อันนี้ตอบคำถามตามประสบการณ์นะครับ ผมเรียนจบแอนิเมชั่นมาแล้วมีความรู้สึกแบบน้องเค้าเลย แต่ไม่คิดที่จะซิ่วแล้ว เนื่องจากไม่อยากไปเริ่มอะไรใหม่ๆ เพราะจะเริ่มใหม่ให้ไปหาในที่ทำงานเลย เพราะการทำงานถึงแม้จะจบสาขาไหนมาก็ตาม ทุกคนคือ 0 อาจจะมีบวกลบบ้างศึกษาจากงานจริงเอา แล้วหาความรู้เพิ่มเติมต่อยอดในการทำงานครับ อย่างน้อยการมีใบปริญญาก็เป็นเครื่องการันตีส่วนนึงถึงแม้บางงานเค้าจะไม่สนวุฒิเลย
ถ้าเรียนสายที่ความต้องการแรงงานในตลาดสูง เงินดี และเกรดก็ไม่แย่ อยากให้เรียนให้จบค่ะ แล้วค่อยไปเรียนเสริมไม่ก็ต่อตรีหรือโทในสายที่ชอบเอาทีหลังก็ได้ การเรียนในสิ่งที่ชอบมันอาจมีความสุขกว่าก็จริง แต่ถ้าเรียนอยู่ในสายงานที่ได้เปรียบในการหางานก็อยากให้อดทนเรียนให้จบดีกว่าค่ะ เพราะก็เรียนมาจนปี 3 แล้ว แม้สุดท้ายเราอาจเลือกทำงานไม่ตรงสายก็ตาม ลองศึกษาเพิ่มเติมและทบทวนตัวเองดีๆน้า
ส่วนตัวแล้วเจอปัญหานี้เหมือนกัน ตอนนี้เราเองก็อยู่ปี4 เราเรียนสายที่ไม่ได้ตั้งใจจะเรียนตั้งแต่ม.ต้น เพราะเรื่องที่เรียน พอเข้ามาเรียนจริงๆแล้วมันเหนื่อย ไม่สนุก แถมยังท้อ แต่ก็ถีบตัวเองประครองเกรดเอาไว้ เนื่องจากติดภาระทุน เราเลยพยายามยื่นฝึกงานข้ามสาย แต่ก็ยาก เพราะเราไม่มีผลงานอะไรเลย แต่ก็ได้รับโอกาสในหลายๆที่ รับเข้าฝึกงาน ซึ่งเรามองว่าจบมาเราก็สามารถทำงานอะไรที่ไม่ใช่สายที่เราจบมาได้ และยังมีหลายๆที่เปิดรับ เพียงแต่เราควรจะหาตัวเองให้เจอว่าเราชอบอะไร อยากทำอะไรก็มุ่งไปในสิ่งนั้น มันจะมีความสุข และสามารถทำมันได้นานกว่าสิ่งที่ไม่ชอบ
คงต้องขึ้นอยู่กับฐานะทางบ้าน และความพร้อมของใจเราด้วยนะคะ การซิ่วไปเรียนสิ่งที่ชอบ สิ่งที่เป็นเป้าหมายไม่ผิดเลยค่ะ แต่การเริ่มเรียนใหม่ น้องน่าจะพอนึกออกว่าต้องปรับตัวอะไรบ้าง เพื่อนใหม่ ที่ใหม่ พร้อมๆกับที่เราจะได้รับรู้ว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบแล้ว ทำงานกันแล้ว ถ้าใจเราพร้อมรับได้ ก็ลุยไปตามที่ใจอยากเลยค่ะ
อยากให้ลองดูก่อนค่ะว่าสิ่งที่ชอบมีคอร์สที่เรียนเพิ่มเติมได้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติมั้ย อาจเป็นแนวทางให้เราไปประกอบอาชีพต่อไปได้ และสิ่งที่เรียนอยู่จนใกล้จะจบอาจใช้ในการต่อยอดอาชีพนั้นๆโดยที่ไม่ต้องเริ่มใหม่ก็ได้ค่ะ
ส่วนตัวปี2ค่ะเรียนครุศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่ไม่ได้มีในหัวเลยค่ะแต่พ่อแม่อยากให้เข้าข้าราชการเลยเรียนค่ะ เลยเลือกเรียนครุศาสตร์ศิลปะ มีแต่ควาทชอบล้วนๆเลยค่ะ😅จากใจคนเรียนไม่ตรงควาทต้องการของตัวเอง เราจะเรียนให้จบส่วนสิ่งที่อยากทำไว้เป็นงานอดิเรกค่ะเช่น เค้าชอบเสื้อผ้า ขนม ของออนไลน์เลยคิดว่าสอนเด็กไปด้วยมีงานอดิเรกเป็นการขายของไปด้วยค่ะพี่ปี3เค้าคิดว่าอย่าถอยเลยค่ะ เอาตรงๆเลยเสียเวลาและเสียทรัพย์มากๆอย่าเอาความย่อท้อมาเสี่ยงกับอะไรที่ไม่แน่นอนเลยค่ะ สู้ๆนะคะ✌🏻✌🏻
ส่วนตัวแล้วคิดว่ามี2ทาฃเลือกค่ะคืออดทนให้จบหรือหนุดพักซักปี เชื่อได้ว่ามีไม่น้อยค่ะที่เรียนมาจนถึงปี3-4แล้วรู้สึกว่าไม่อยากไปต่อ คล้ายกับชีวิตการทำงานค่ะ พอเข้าปีที่3-4มันจะหมดไฟ เริ่มถามตัวเองแล้วว่าจะอยู่ต่อหรือไปหาแนวใหม่ดี
จากประสบการณ์ส่วนตัว การมีปริญญาไว้กับตัวยังไงก็ดีกว่า ไม่มีอะไรเสียเปล่า ทักษะอื่นๆมันมีคอร์สสั้นๆสอนเยอะมากนะคะ ลองสมัครดูก็ไม่แย่นะ ถือว่าเราได้มีโอกาสได้ทำ
เอาตามประสบการณ์เลยนะ ทำงานไม่ได้ตรงกับสายเหมือนกัน แต่คนเรามีสกิลติดตัวได้มากกว่า 1 ตอนเรียนเลือกเรียนสิ่งที่ชอบไปเลย โฟกัสเฉพาะตอนนี้ ฝันอะไรอยากตามฝันตามไปให้สุด ถ้าวันหน้าสิ่งที่ชอบสิ่งที่มุ่งมั่นมันตัน มันไปต่อไม่ได้ หันไปหาสกิลรองแล้วสะสมสกิลเพิ่ม ส่วนตัวจบการตลาด ชอบนำเสนอ ชอบขาย ชอบเม้ามอย จบมาได้ทำงานอย่างที่หวังได้ไปเจอลูกค้า ได้นำเสนอสินค้า ขายโน่นขายนี่ตื่นเต้นกับการทำยอด จนผ่านไประยะหนึ่งภาวะรอบข้างทำให้ไปต่อในสายงานนี้ไม่ได้ กลายเป็นคนเครียดเอาแต่คิด หลีกเลี่ยงเจอคน ไม่เข้าสังคม เกลียดคนเยอะๆ จนต้องออกจากที่เดิม แล้วหาอะไรใหม่ๆ ทำ แต่พอจะมีสกิลรองในด้านไอทีอยู่บ้าง เลยเปลี่ยนไปทำงานสายไอที แล้วหาความรู้เพิ่มในสายงานนี้พัฒนาตัวเอง ตอนนี้ก็ยังทำงานสายไอทีอยู่ มีบ้างที่ไปหาเงินแบบขายออนไลน์ใช้สกิลการคุยลูกค้าในอดีต คุยกับลูกค้าผ่านแชทแทนการออกไปหาเหมือนเมื่อก่อน ชีวิตทำงาน สำคัญที่สุดคือสกิลและการพัฒนาตัวเอง
1:21 ถ้าจะจบแล้วไม่ชอบ แต่ยังเรียนไหว เรียนจนจบก็ดีนะคะคิดว่า แล้วไปเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบ คิดว่าอายุไม่ใช้น่าใช่ปัญหาเสมอไปค่ะมันมีหลายปัจจัยกว่านั้น ส่วนตัวนี่ก็เป็นเด็กซิ่วค่ะ แต่แปลกหน่อยเรียนคณะเดิมแค่เปลี่ยนมหาลัย แต่แม้ต่างกรณีกันแต่สิ่งที่จะบอกคือการยอมสละเวลาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็คุ้มที่จะเสี่ยงนะคะ
ตอนนี้อยู่ปีสามค่ะ เห็นคนดรอปๆซิ่วๆบ่อย เรียนๆอยู่คนที่อายุจบไปนานแล้วก็เยอะการซิ่วหรือจบแล้วมาเรียนตรีอีกใบ คือแสนชินชาไปแล้ว🥲
ส่วนตัวก็เคยเจอสถานการณ์แบบน้องคนนี้ค่ะแล้ว แต่ก็เรียนจบไปแล้ว ก็ถ้าเรียนจนถึงปีสามปีสี่แล้วอยากให้ฮึบอีกหน่อยค่ะ ถ้าไหวก็ต่อ อย่างน้อยเราก็ได้สกิลสำหรับทำงานต่อค่ะ เราไม่จำเป็นต้องทำงานตรงสายก็ได้ แล้วถ้าเราพร้อมก็สามารถไปเรียนใหม่ในสายที่เราสนใจก็ได้ค่ะ มีหลายที่ที่มีคอร์สพิเศษที่ไม่จำเป็นต้องเรียนวันจันทร์-ศุกร์ด้วยค่ะ ตอนนี้ก็เรียนไปทำงานไปเหมือนกัน อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่เป็นกำลังใจให้นะคะ
เราซิ่วตอนกำลังขึ้นปี 3 ค่ะ แต่หลังจากซิ่วแล้วค่าใช้จ่ายในการเรียนที่ใหม่เราหามาจ่ายเอง เพราะที่บ้านไม่เห็นด้วย และหลังจากซิ่วแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขกับการเรียนที่ใหม่มากๆ ในขณะที่ตอนเรียนม.เดิมเรียนหนักจนน๊อคเข้ารพ. บางวันก็ร้องไห้เพราะเรียนไปก็ไม่รู้เรื่อง
บางคนมีใบปริญญา 4-5 ใบนะ ในเมื่อดั้นด้นเรียนมาแล้ว ก็เอาให้จบ แล้วเริ่มใหม่กับสิ่งที่ชอบ อย่างน้อยคุณมีสกิลหลากหลายมันทำเงินได้ทั้งชีวิต ส่วนตัวเราจบนิเทศฟิล์ม จบมาก็เป็นครูสอนว่ายน้ำ -> เป็นเซลขายคอนโด -> กราฟฟิกสื่อโฆษณา และคิดว่าคงเป็นได้อีกหลากหลายตำแหน่ง เพราะเราก็เรียนรู้ได้ทุกวัน ประสบการณ์หลังเรียนจบมีอีกเยอะ ต้องมีสกิลเยอะไว้ดีกว่า ทักษะนอกห้องเรียนก็สำคัญ ลองศึกษาไปเรื่อยๆ ดู
สำหรับต้นคลิปนะครับ:
ในฐานะที่จบ ม.ปลาย ไม่ได้เรียนมหาลัย 4 ปี แล้วกลับไปเรียนใหม่ จบก็อายุ 26แล้ว
1. งานที่อยากทำมันเป็นงานที่เป็นเทคนิคเชิงลึกไหม ถ้า"ใช่" ก็ซิ่วเลย /ถ้า"ไม่"ก็เรียนให้จบ แล้วหางานที่อยากทำ
2. สิ่งที่ต้องมีคือ รักการเรียนรู้ การเรียนรู้สิ่งใหม่ น้องจะรู้ว่าที่เรียนมา มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต ในโลกนี้ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ
3. ตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่า ชีวิตนี้ต้องการอะไร เป้าหมายชีวิต คืออะไร ถามคำถามนี้ตลอดเวลา ทุกวัน
ทั้งหมดเป็นเพียงคำแนะนำ แต่คนที่จะตัดสินใจได้คือตัวน้องเองครับ
ขอให้ยินดีโอบรับทุกการตัดสินใจ
จากประสบการณ์ของตัวเองนะคะ เรียนจบมา4ปีแล้ว มีเพื่อนๆที่ไปทำงานไม่ตรงสาย อยากให้น้องเรียนต่อให้จบปี4ค่ะ อย่างน้อยได้ใบจบเผื่ออนาคตมีเหตุให้ได้ใช้วุฒิใบนี้ และถ้าอยากเรียนอย่างอื่นให้เทคคอร์สเรียนเพิ่มเติม หรือไปเปลี่บนสายตอนต่อปโทค่ะ หรืออีกเคสคือ กลั้นใจอีกปีนึงเรียนให้จบแล้วไปต่อปตรีใหม่ แต่อันนี้ไม่ค่อยแนะนำเลย เพราะกว่าจะเรียนจบอีกรอบอายุก็น่าจะเกือบเลข3แล้วจะหางานยากค่ะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ตัดสินใจในสิ่งที่เป็นตัวเองนะคะ❤
ส่วนตัวก็จบมาทำงานคนละสาย ถ้าคณะใหม่ที่อยากเรียนไม่ใช่วิชาชีพที่เฉพาะต้องใช้วุฒิแบบหมอ เภสัช บัญชี ก็เรียนคณะเดิมเอาวุฒิก่อน แล้วค่อยมาเรียนเทคครอสเอาข้างนอกได้นะ แต่ถ้าคณะใหม่ที่อยากเรียนมันเฉพาะ ก็ซิ่วเลยค่ะ คิดซะว่า เสียเวลา 3ปี ดีกว่าเสียเวลาไปมากกว่านี้❤ สู้ๆนะงับ อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเราอยู่ปี 3 เลยค่ะ (ตอนนี้ปี 4 แล้ว)
คิดว่าไหน ๆ ก็เกินมาครึ่งทางแล้วก็ไปให้จบเลยดีกว่า ถือว่าเราได้เรียนไปจนสุดทางแล้วเก็บเป็นความสามารถเพิ่มเติมเอาก็ได้ค่ะ พอจบแล้วจะไปเรียนอย่างอื่นต่อก็เอาเลย อย่างตอนนี้เราเรียนนิติแล้วรู้สึกมาตลอดว่าคงไม่ได้ทำงานด้านนี้ต่อหรือไม่ผูกกับอาชีพด้านนี้ไปตลอดชีวิตแน่ ๆ ก็พยายามเรียนให้จบไปเพราะไปเกินครึ่งทางแล้ว+ยังมีไฟอยากเรียนอยู่ค่ะ
ความจริงเราลองคิดในกรณีคนที่เรียนหมอแล้วผ่านมา3ปีดันอยากซิ่ว อันนี้เราว่าคุ้มที่จะซิ่วเพราะการเอาชีวิตไปทิ้งกับสายงานนี้มันหลายปีจริง ๆ การย้ายไปเรียนสายอื่นมันก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าคณะที่เรียน4ปีจบไม่เหมาะกับการซิ่วนะคะ ถ้าชั่งน้ำหนักว่าซิ่วแล้วชีวิตดีกว่าก็สนับสนุนให้ซิ่วค่ะ แค่ต้องแน่ใจว่าซิ่วไปเรียนแล้วจะไม่เสียดายทีหลังแบบรู้งี้ไม่ซิ่วดีกว่า😅
สุดท้ายแล้วชีวิตการทำงานของเราก็ไม่แน่นอนอยู่ดี เราอาจได้ทำงานไม่ตรงสายหรือไปเจอสายงานที่ชอบตอนทำงานก็ได้
หวังว่าความเห็นจะพอช่วยอะไรได้บ้างนะคะ แต่ถ้าไม่ช่วยก็ถือว่าอ่านเอาขำ ๆ ก็ได้ค่า😊
เราเคยเป็นแบบนี้ เรียนจบออกแบบมา จบออกมาเป็นกราฟฟิกอยู่พักนึง แล้วก็รู้สึกไม่ชอบ ก็เลยผันตัวเองมาทำสายงานอื่น แต่ตอนนี้มันตกตะกอนว่า เราชอบออกแบบโดยใช้ความคิดของเรา ไม่ใช่ทำงานตามความคิดคนอื่น
ตอนนี้ก็เลยทำดิจิตอลอาร์ตขายตามเว็บ เป็นงานเสริม โดยให้คนที่ชอบงานเรา เลือกใช้งานของเราโดยตรง
เรื่องซิ่วจากที่เคยซิ่วมาก่อน ไม่แน่ใจว่ากังวลส่วนไหนอยู่ เข้าใจนะคะที่อาจจะไม่อินกับเนื้อหาในห้องเรียน อยากแนะนำว่า จริงๆแล้วไม่มีคณะไหนที่เราจะแฮปปี้100%อยู่แล้ว ทั้งตอนเรียนและทำงานต่อให้เป็นคณะที่ชอบที่สุดก้ตาม
ต้องถามตัวเองก่อนเลยค่ะ ถ้าซิ่วไปแล้วเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนกับคณะใหม่แค่ไหน แบบอยากเรียนรู้เพื่อเอาไปประกอบอาชีพเป็นจริงเป็นจังอะไรยังไง มีลู่ทางที่ไปต่อ มีสเตปที่ชัดเจนแน่นอนมั้ย สมมติว่าจะไปเรียนหมอ จบแล้วทำงานรพรัฐใกล้บ้านศึกษาการทำงาน เวลา สภาพแวดล้อมละโอเค ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะสู้สุดจริงๆ ลองให้คะแนนชั่งน้ำหนักดู ถ้าคิดว่ามันดีกว่าคณะเดิมมากๆ อันนี้เชียร์ให้ซิ่วนะคะ ไม่ต้องเสียดายกับสิ่งที่ผ่านมา เลือกอนาคตที่อีกหลายสิบปีที่เราต้องใช้ชีวิตดีกว่าค่ะ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ลองหาข้อมูลเยอะๆ แล้วคุยกับตัวเองอีกที ถ้าอยากได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคณะทั้งสองเพิ่มเติมแนะนำว่าอย่าลืมถามอาจารย์จากคณะนั้นๆ เพราะส่วนใหญ่ท่านจะรู้อนาตคนักศึกษาจากรุ่นพี่ปีก่อนๆที่จบไปว่าเป็นยังไงบ้าง อาจจะเคลียข้อกังวลเราได้ อยากให้มองระยะยาวนะคะ
เรื่องใบประกอบวิชาชีพ ถ้าคณะไหนมีแนะนำเอาอันนั้นค่ะ ถ้ามีทั้งคู่ก็ไม่ต้องพิจารณาก็ได้ค่ะ ถ้าไม่มีทั้งคู่ลองหาข้อมูลดูว่าเราจะฝึกสกิลในคณะใหม่เองได้มั้ย อาจจะไม่ถึงกับงมหาเองทุกอย่าง คอสเรียนเองเยอะแยะค่ะ จะได้เซฟเวลาชีวิต การเรียนในมหาลัยโดยตรงก็มีข้อดี แต่บางสายงานการเรียนเพิ่มเองระหว่างทำงานก็ไม่ได้หนักหนา หรือแย่เสมอไปนะคะ ไม่แน่ตอนทำงานอาจจะมีโอกาสได้เรียนรู้จากหน้างานจริงด้วยซ้ำเพราะจริงๆแล้วการเปลี่ยนสายงายในหลายๆสายก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ /ส่วนตัวเรียนวิศวะแต่ก็ได้ลองทำเซล ทำมาร์เกตติ้งฉ่ำเลยค่ะ สนุกดี
ถ้าคณะที่จะย้ายไปคล้ายๆกัน ส่วนใหญ่จะโอนหน่วยกิตที่เรียนไปแล้วมาแทนหน่วยกิตที่จะเรียนได้นะคะ เผื่อว่าจะไม่ต้องเรียนเต็มๆอาจจะร่นระยะเวลาเรียนได้ค่ะ ลองถามทางมหาลัยดูนะคะ
อีกอย่างที่สำคัญเรื่องแบบนี้ถ้าไม่ได้หาเงินส่งตัวเอง ก็ควรปรึกษาคนสนับสนุนก่อนตัดสินใจเพราะเค้าต้องดูแลเราอีกหลายปี เค้าโอเคมั้ย
สุดท้ายไม่ว่าจะตัดสินใจยังไงก็ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีนะคะ นี่ไม่ใช่การตัดสินใจสุดท้ายในชีวิต ต่อไปจะมีทางแยกอีกเยอะ ขอให้โชคดีกับทุกจังหวะชีวิต เป็นกำลังใจให้นะคะ❤
เราก็เป็นคนหนึ่งที่อยากซิ่วตอนปี3 ตอนนั้นคือเครียดมากรู้เลยว่าไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นเลย แต่ก็เรียนจบรับปริญญาเรียบร้อยสุดท้ายจบมาไม่ได้ทำงานตรงสาย ปัจจุบันทำออนไลน์ ขายของตลาดนัดและออกแบบชุดให้แบรนด์เสื้อผ้ามีบางนิดหน่อยที่จะใช้สิ่งที่เรียนมา มาใช้ในการทำงาน ส่วนเหตุผลที่เลือกเรียนต่อเพราะ...
1.เสียดายเวลาเพราะอีกแค่ 1 ปีก็จบแล้ว
2.เสียดายเงินที่ลงเรียนไป กว่าจะหาได้แค่ละบาทมาเรียนมันไม่ง่าย
3.อยากให้แม่เห็นเราเรียนจบปริญญาตรี เพราะนั้นคือของขวัญที่แม่อยากได้มาตลอด ไม่งั้นคงไม่ทำงานขายของหนักขนาดนี้เพื่อส่งเรียนสูงๆ
- ถ้าให้ตอบเเบบโลกสวย ไม่มีภาระหน้าที่อื่นรออยู่หรือคนที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ซิ่วแล้วเรียนใหม่ตามที่คุณเนสบอกตอนแรก การทำในสิ่งที่รักแน่นอนว่าเราจะทำมันได้ดีกว่าแน่แต่แน่นอนว่าจะต้องเสียเวลาทั้ง3ปีไปโดยเปล่าประโยชน์ และต้องรอให้ตรงรอบที่มหาลัยเปิดอีกถึงจะเรียนได้
- ตอบแบบไม่โลกสวยเลยนะ ทุกอย่างเราสามารถมาต่อยอดได้หลังเรียนจบ เพียงแค่มีเงิน+ความมุ่งมั่นจริงๆเพราะในช่วงนี้สิ่งเร้ามันเยอะ ทั้งสังคมที่เปลี่ยนไป การงาน และปัจจัยอื่นๆ เช่นในคลิปคุณเนสบอกว่าอยากไปเซฟ ในปัจจุบันนี้คอร์สเรียนเซฟมีเยอะไปให้เลือกเรียน แถมยังสามารถทำงานควบคู่ไปด้วยได้ เมื่อเรียนเสร็จอาจจะเปิดร้านอาหารเป็นงานหลักหรือเสริมควบคู่งานประจำได้ เท่ากับรายได้จะหาได้มากกว่า 1ทาง
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเองว่าจะไปทิศทางไหน เพราะสุดท้ายเราก็เป็นแค่คนให้คำปรึกษาเรื่องที่เคยผ่านมาแล้วเท่านั้น
ส่วนตัวคิดว่าซิ่วตอนไหนก็ไม่ผิดค่ะ แต่ถ้าบางทีมันอาจจะแค่ความคิดชั่ววูบแบบตอนที่กำลังทำธีสิสงี้ถ้าแบบนั้นแนะนำให้ดรอปไปก่อน พอมีไฟก็ค่อยกลับไปค่ะ ส่วนตัวยังไงก้อต้องปรึกษาครอบครัวก่อนค่ะว่าพร้อมให้เราซิ่วไหม บางบ้านไม่พร้อม ฝืนเรียนไปก่อนจนจบก้ิได้ค่ะ เพราะเวลาจบไป น้อยมากที่จะได้ทำงานที่ตัวเองชอบค่ะ เราจบกราฟิกนะ แต่ที่นี่กดเงินเดือนมาก เผลอๆไม่อยากรับทำงานด้วยซ้ำ จนต้องฝืนช่วยทำงานสายอื่นด้วย เช่นธุรการ บัญชี อีกมากมาย
เพิ่งได้ฟังคลิปนี้ เราเรียนจบภาพยนต์ แต่ปัจจุบันก็ทำงานในครัวเหมือนกัน จะตอบน้องทันไหม เรามองว่า ถ้า ปี สามแล้ว ก็ ไหนๆก็ไหนๆ เรียนให้จบและค่อยเรียนต่อสายคหกรรมต่อก็ได้ เพราะกาฟฟิคดีไซน์ ทำเป็นฟรีแลนด์ตอนที่เรียนต่อสายคหกรมม ได้อยู่แล้ว ก็เลย แนะนำให้เรียนต่อให้จบ แต่ดีมากเลยนะที่น้องเจอตัวเองในตอนเรียน เราไม่รู้ตัวเลยว่าเราไม่เหมาะกับสายหนัง จนทำงาน สู้ๆนะ!
ตอนจบม.6เรายังไม่รู้ว่าชอบอะไรถนัดอะไรอยากทำงานอะไรในอนาคต เลยดรอป2ปีไปทำงานหาประสบการณ์ ปีนี้เลยตัดสินใจจะเรียนแพทย์และบริหารระหว่างประเทศเพราะคิดว่ายังไงอนาคตก็ไม่ตกงานแน่ๆ และถ้าอนาคตไม่ได้อยากทำงานเป็นหมอเราก็ไปทำอย่างอื่นได้ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงแต่เราเลือกเรียนในสายที่คิดว่าสามารถลื่นไหลทางอาชีพได้ อาจจะเรียนหนักกว่าเพื่อน จบช้ากว่าเพื่อน เรื่องอายุเราไม่ได้แคร์ขนาดนั้น เรื่องเรียนเหนื่อยเราวางแผนไว้แล้วว่าต้องทำยังไงให้เรียนควบคู่กันแล้วเราจะไม่ขิต555
ช่องเล่าเรื่องดีๆแบบนี้ ผมไปอยู่ที่ไหนมา พึ่งติดตามและดู ฟังเพลินและสยองมากๆครับ
เราเป็นคนนึง ที่เรียนป.ตรีเกี่ยวกับการแพทย์ และจบมาด้วยวุฒิที่เกี่ยวกับแพทย์ วิทยาศาตร์บัณฑิต แต่ ตอนนี้ทำงานและชอบเกี่ยวกับการตลาด และยังคงทำอยู่ ซึ่งตอนแรกเราชอบด้านการแพทย์มาก แต่พอเรียนแล้วมันไม่ใช่ แค่อยากเรียนเพื่อรู้ แต่ไม่ได้อยากทำงานสายนั้น เราเลยเลือกเรียน ไปก่อน แต่พอจบมาได้ทำงานไม่ตรงสาย เกี่ยวกับการขาย เราก็ชอบ จึงใช้วิธีการศึกษาเพิ่มเติม การเรียนรู้ใหม่ๆ และประสบการณ์ ที่มันต้องใช้วุฒิก่อนถึงจะได้เรียนรู้ เรามองจุดนี้อ่ะ เรารู้สึกเสียดายเรื่องการเงิน และเวลา ถ้าเป็นเราอยู่จุดนั้น เราจะเลือกเรียนจบก่อน เพราะอีกนิดเดียว และไปศึกษาเพิ่มเติมเอาค่ะ เพราะการเรียนมันไม่สายไป ยังไงก็สู้ๆนะคะ ❤
ในฐานะที่ ลาออกจาก มหาลัยตอนขึ้นปี 4 แล้วมาเริ่มเรียนใหม่ กับคณะที่ตัวเองอยากเรียนจริงๆ รู้สึกว่าไม่เสียดายเลยครับ แต่น้องต้องอธิบายเหตุผลให้คุณพ่อ คุณแม่ ฟังให้เข้าใจให้ได้ ว่าเพราะอะไรจึงตัดสินใจแบบนั้น (นี่ยังไม่รวมคนรอบข้างนะ ที่จะคอยมาถาม และคิดไปต่างๆนานา ตอนแรกคิดว่ารับมือได้ หลังๆ แทบไม่อยากเจอใคร เพราะรำคาน และอึดอัดมาก) แต่เอาจริงนะครับ ถ้าน้องไม่ได้อึดอัดจนเรียนคณะนี้่ต่อไปไม่ได้ เรียนให้จบครับ แล้ว กลับไปเรียนต่อในคณะที่อยากเรียนใหม่ ดีกว่าครับ จบช่วง 21-22 ยังมีเวลาเรียนใหม่ แล้วค่อยทำงาน หรือจะทำงานไปเรียนไป ยังได้เลยครับ
สำหรับผมที่ ตัดสินใจออก เพราะอึดอัดกับสิ่งที่กำลังเรียนอยู่ ณ ตอนนั้นครับ เลยตัดสินใจแบบนั้น โชคดีที่ คุณพ่อ คุณแม่ เข้าใจ
สำหรับคำตอบเรื่องเป้าหมายการเรียนต่อขออนุญาตตอบตรงนี้นะคะพอดีว่า ลืมรหัสดิสคอร์ดไปค่ะ , คำถามนี้เจอบ่อยมากจากน้องๆที่มาดูดวง อยากให้มุมมองลองทบทวนนะคะ
อย่างแรก คนเราไม่เหมือนกัน ความชอบมันเปลี่ยนกันได้ตลอด และไม่ผิดที่เราจะทดลองไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอ ทีนี้มุมมองการเรียน หากสาขานั้นๆมันมีแยกเช่น เรียนกอร์ดองเบลอ , เรียนเป็นเชฟจากเครือสาขาอื่นๆในเครือสายอาหาร แล้วตรงสายกว่าน้องเรียนแล้วชอบอันนี้ก็ถือว่าดีค่ะ
ประเด็นนึงสำคัญๆเลยคือเรื่องของบัทเจทด้วย ที่ตกลงกับทางบ้านได้มั้ย? เพราะตรงนี้นะสำคัญเรื่องการไปต่อระดับนึงค่ะ
1. หากวุฒิใกล้จบแล้ว แต่ใจชอบทางอื่น ถ้าเป็นไปได้ทนอีกนิดแล้วเอาวุฒิก่อนได้ค่ะ และถ้าสิ่งื่อยากเรียนมีแยกจริงๆอย่างที่ยกตัวอย่างสายอาหาร ก็ค่อยพาตัวเองไปต่อยอดค่ะ(ถ้าบัทเจทถึง)
2. คุยกับทางบ้าน อันนี้สำคัญมาก หากทางบ้านโอเคก็ดีไปค่ะ หากพ่อแม่ไม่ยอม หรือมีเงื่อนไขทางการเงินอันนี้จะมีผลทันที
3. หากกรณีน้องซิ่วมาเลย มันจะมี2มุมมองอีกคือ
- เรียนแล้วชอบ
- เรียนแล้วไม่ชอบอีก
ไม่ว่าจะแบบไหนเท่ากับตั้งต้นใหม่ทั้งหมด ทันจะย้อนไปที่ข้อ1 ว่าที่นั่นพอจะมีเรียนเป็นเฉพาะทางไปเลยรึเปล่า
4. สถานะการณ์ระหว่างเรียน (หากซิ่วมีผลค่ะถ้ายังไม่ได้มีรายเอง) เช่นการเจ็บป่วย , อุบัติเหตุ , หรือเรียนแล้วไม่ชอบแล้ว , หรือสถานการณ์ทางการเงิน
5. วิชาชีวิตค่ะ , ในหลายๆมุมเจอน้องๆขอไปฝึกงานตามที่ต่างๆเป็นปีๆมากขึ้น เช่น ทำผู้กำกับ น้องเค้าไปลองขอฝึกงานกับโปรดักชั่นเจ้านึง1ปี ด้วยเหตุผลว่าพอฝึกเสร็จ ก็จะได้มีงานทำไปเลย(ไม่ว่าจะจากโปรดักชั่นหรือหาเอง) เพราะงานส่วนใหญ่จะรับที่คนมีประสบการณ์เลยจะได้เปรียบกว่า
ทีนี้วิชาชีวิตทางเลือกจะเยอะค่ะ เช่น ระหว่างเรียน น้องไปฝึกงานกับสิ่งที่อยากทำได้ค่ะ หรือถ้าเอาดีๆเลยอาจทำพอร์ตโปรไฟล์ต่างๆ ชิงทุนต่างประเทศ หรือเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศได้ค่ะ ระยะเวลาสั้นกว่าไทย แต่มันจะ shortcut ให้น้องได้เจอตัวเอง เปลี่ยนบรรยากาศด้วย
6. อยู่กับปัจจุบันก่อนค่ะ อย่าเพิ่งคิดถึงการทำงานยาวๆ เพราะทุกวันนี้คนเรามีหลายอาชีพมากๆในเวลาเดียวกัน ที่เปลี่ยนความรักความชอบ(เช่นพี่เอง เอา hobbies มาทำงาน) มีเยอะแยะมากเลยค่ะ ที่บางอย่างเป็นเรื่องของเวลา หากน้องชอบจริงๆในสิ่งที่อยากเป็นแต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ แค่เพียงวันนึงน้องพร้อม อาจจะได้กลับไปเรียน ไปลอง หรือมีทริคจากสิ่งที่สะสมมา ถ้ามันยังใช่อยู่มันจะมีเวลาที่เหมาะสมของมันโดยไม่กดดันตัวเองและเครียดกับสิ่งยังมาไม่ถึงค่ะ มันจะบั่นทอนตัวเองเหมือนกันเลย
7. คล้ายๆข้อ5วิชาชีวิต คือความรู้ที่หาได้นอกตำราค่ะ เพราะมันไม่มีสูตรตายตัวจริงๆ (สมมติยังอยู่ในโลกอาหารอยู่นะ) น้องเรียนท่องเที่ยวมาแต่ชอบอาหาร น้องอาจจะไม่ชอบในบางกระบวนการขั้นตอนการสอน แต่น้องมารู้ตัวทีหลังว่าน้องชอบขั้นตอนการปรุง การหาวัตถุดิบ พอเรียนจบน้องอาจจะลองมีโอกาสทำบล็อกเกอร์สายเดินทางหาวัตถุดิบมาปรุงเล่าเรื่องจากทั่วโลกก็ได้ค่ะ แค่เรายังได้อยู่กับสิ่งที่รัก และยังได้เจอตัวเองในเวอร์ชั่นอื่นๆ
หรือบางคนอยากเป็นนักฟุตบอล พอไปลองเทสทำทุกอย่างแล้วไม่ได้จริงๆ ในเมืองนอกมีสายเกี่บวกับการบริหารทีมฟุตบอล ซึ่งจบมาแม้น้องไม่ได้เป็นนักบอลแต่ยังได้อยู่ในสายงานนี้ได้ค่ะ
.
ดังนั้นไม่ว่าใครกำลังตัดสินในซิ่วอยู่ , ค้นหาตัวเอง , ลังเล ลองเอามุมมองตรงนี้ไปทบทวนนะคะ ทุกอย่างมันไม่สายมันมีเวลาที่เหมาะสมของมันไม่ว่าจะกี่ปีถ้าใจน้องยังรัก , ขอให้โชคดีนะคะ มีอะไรทักมาที่เพจได้เลยเน้อ เดี๋ยวคุยเป็นเพื่อนจ้า
อยากให้ถามตัวเองก่อนค่ะว่าอยากทำอะไร ทำงานแบบไหน มีความสุขกับสิ่งที่เรียนอยู่หรือไม่ จากนั้นค่อยมาดูว่าสิ่งที่ต้องการเรียน/งานในอนาคตนั้นจำเป็นต้องเรียนมหาลัยฯไหม ถ้าจำเป็นก็มองเรื่องสภาพการเงิน เวลา หรือปัจจัยอื่นๆสำหรับเรียนมหาลัยฯต่อค่ะ เพราะสุดท้ายสิ่งที่คุณเลือกหรือตัดสินใจต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรับสถานการณ์ของคุณในตอนนั้นแน่นอนค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ❤
ของเราคือขอแชร์ประสบการณ์แทนแล้วกัน เพราะเคสเหมือนเรามาก
เรารู้ตัวเองว่าไม่ไหวตอนขึ้นปี2แล้ว ตอนนั้นตัดสินใจขอแม่ซิ่ว แต่แม่ไม่ให้ซิ่วเพราะเสียเวลา แล้วตอนนั้นเราเองก็หลงทางด้วย ไม่รู้จะเลือกทางไหนดีถ้าซิ่วไปอีก เลยยอมเรียนต่อให้จบ แต่รู้แน่ๆว่าจบไปไม่เลือกเส้นทางนี้แน่นอน ระหว่างทางมันทรมานมาก ยิ่งช่วงปี3 เป็นปีที่เรียนเยอะและหนักคือเราแทบตาย (คิดจะตายด้วย) แต่สุดท้ายผ่านมาได้ ความรู้สึกคือ กุเรียนมาทำไม เรียนไปก็ไม่ใช่อยู่ดี แล้วผลข้างเคียงคือไม่ใช่แค่เราไม่สนใจจะทำงานนี้ เราจบภาษานึงมา พอเราได้ยินภาษานั้น เรารู้สึกพะอืดพะอมอยากอ้วกทุกวัน คือเห็นหรือฟังภาษานั้นไม่ได้เลยช่วงครึ่งปีแรกที่เรียนจบมาอะ (ตอนนี้ผ่านมาปีนึงแล้ว เริ่มดีขึ้นมาหน่อย)
ส่วนความรู้สึกเราตอนนี้คือ ถ้าเรารู้ว่าอยากไปทางไหนตอนนั้น เราจะซิ่ว เพราะเรียนจบมาก็ไม่ได้ใช้ สู้เสียเวลาอีก2-3เรียนใหม่ไปเลยดีกว่า พอจบมาตอนนี้คือหลงทางไปหมด วุฒิที่มีก็ไม่อยากใช้ สุดท้ายคืออยู่ช่วยงานที่บ้านไปก่อนไม่ได้ไปไหนซัดทีเพราะหลงทางอยู่..
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่า..
1. ถ้าทนเรียนจนจบคือต้องแลกกับสุขภาพจิต จะยอมแลกมั้ย เรียนจบเอาไปทำงานหาเงินก่อนช่วงแรกๆ หาลู่ทางใหม่ได้ค่อนเปลี่ยน มีหลายคนที่ทำงานไม่ตรงที่จบมาเหมือนกัน
2. ถ้าซิ่ว รู้แล้วหรือยังว่าจะไปต่อทางไหน
3. ยอมเสียเวลาได้ไหมถ้าซิ่ว เพราะมันต้องเริ่มใหม่หมดเลยนี่ปี3แล้ว
4. หรืออยากมีวุฒิไว้ติดตัวก่อน เสียเวลาอีกหน่อยเรียนเอาอีกวุฒิก็ได้
ลองถามตัวเองดูก่อนอันดับแรก
ถ้าไม่มีปัญหาทางด้านการเงินเราแนะนำว่าซิ่วเลยค่ะ เพราะเราก็ซิ่วตอนปี 3 เหมือนกัน เรารู้เลยว่ามันรู้สึกยังไง พอซิ่วมาแล้วเราโล่งใจ สบายใจมาก ๆ แต่ก็อาจจะท้อบ้างเพราะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ปี 1 แต่เราชอบกว่าตอนที่ต้องทนเรียนอยู่คณะเก่านะ ถึงจบช้ากว่าเพื่อนก็ไม่เป็นไรนะคะไม่ต้องกลัวว เพราะนี่มันชีวิตเรา เราสามารถเลือกเองได้ว่าเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน บางคนบอกว่าทนเรียนอีกปีสองปีเดี๋ยวก็จบ แต่สำหรับเรากว่าจะผ่านไปแต่ละวันมันทรมานมากแค่ให้ทนอีกอาทิตย์เดียวเราก็ไม่ไหวแล้ว เราว่ามันไม่เสียเวลาเลยสักนิด เพราะที่ผ่านมาเราก็ได้ความรู้จากคณะเก่า มันไม่ได้หมายความว่าถ้าเราซิ่วไปอีกคณะแล้วเราจะต้องทิ้งความรู้ที่เคยได้มานี่คะ ก็ถือว่าได้ความรู้ติดตัวมาปรับใช้กับทางใหม่ ๆ ในอนาคตเราว่ามันมีทางไปต่อแน่นอน
ถ้าในมุมมองเรานะ เราเรียนคณะบริหารธุรกิจมาได้ 1 ปีแล้วรู้สึกว่าเราเรียนม่ไหวและไม่ใช่แนวของเราเลยปรึกษาเพื่อนว่าเอาไงเพื่อนเลยแนะนำให้เราย้ายไปเรียนนิเทศแทน ซึ่งเราก็โทรไปปรึกษาที่บ้านและเลือกทำเรื่องย้ายคณะ ซึ่งก็ต้องใช้เวลประมาณ 1 เทอมเพื่อทำเรื่องย้ายคณะอะ แต่ถ้ากลับมาที่คำถามตอนแรกเราว่าถ้าเราเรียนไป 3 ปีแล้วเรายังไหวเราคงเรียนให้จบแต่จะเก็บวิชาที่เราชอบไปด้วยเป็นการเสริมอะ แต่ถ้ากลัวว่าต้องไปทำงานในวุฒิที่เราไม่ได้ตั้งใจไว้เราอาจจะเรียนเก็บปริญาตรโทในสายที่เราชอบไปด้วยเลยนะ
จากคนจบมาในวิชาที่รู้ตัวตอนเรียนว่าไม่ชอบ ถ้าใกล้จบให้เรียนไปจนจบ นึกถึงคนส่งเรียนด้วยแต่ถ้าที่บ้านไม่ว่าก็แล้วแต่ แต่ถ้าเพิ่งเรียนปีแรกแล้วไม่ชอบก็เปลี่ยนเลย
เรียนจบไม่จำเป็นต้องทำงานตรงสายที่เรียน อยากทำงานอะไรยุคนี้อยู่ที่ความตั้งใจล้วนๆ แต่ปริญญาที่จบสายที่ไม่ชอบอาจจะไปต่อสิ่งที่อยากทำได้ค่ะ อาจจะมีประโยชน์กับเราได้เยอะ
ตอนเรียนรู้ว่าไม่ชอบที่เรัยน แต่เรียนได้ ทำงานได้ แต่ใจเราก็อยากทำย้างอื่น
ให้คำแนะนำในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ซิ่วหลายปี ตามหาตัวเอง กว่าจะลงตัวในระดับนึงนะคะ อยู่ที่ทางครอบครัวเลยค่ะ ว่าเขาโอเคไหม ตรงๆเลยก็คือเขาส่งเราเรียนค่ะ แต่ถ้าส่งตัวเองเรียนก็เอาตามสะดวกได้เลย ตัวเราทางครอบครัวโอเคค่ะ เลยได้มีโอกาสค้นหาตัวเอง ไม่ได้สวยหรูอะไรหรอก เครียดเยอะเลย แต่เพราะทำงานไปด้วย พวกท่านเลยโอเคค่ะ แต่ถ้าทางครอบครัวไม่โอเค เพราะก็ส่งมาจะจบแล้ว ก็อดทนเรียนจบไปก่อน มีงานมีเงินค่อยมาเริ่มความฝันตัวเองได้ค้ะ ไม่สาย แค่ต้องอดทนหน่อย❤
ส่วนตัวเป็นคนซิ่วมาเหมือนกันนะ เรียนถึงปี 4 แล้วด้วยนะ แต่ตัดสินใจซิ่ว เพราะที่เรียนมามันไม่ใช่ทางเราเลยจริง ๆ ฝืนจนมาถึงปี 4 แล้วแต่อยู่ ๆ ถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไปทำไมนะ เราไม่ได้อยากเรียนอันนี้ด้วยซ้ำแล้วอีกอย่างไม่มีความสุขเลย พอหลังจากคิดได้ก็ซิ่วเลยย้ายมหาลัยเริ่มปี 1 ใหม่เลย ตอนนั้นคือ ปี 1 อายุ 23 เอาจริง ๆ ถ้ากลัวว่าจะเสียเวลาแนะนำว่าให้โอนหน่วยกิตตัวพื้นฐานมาเลย ตอนมาเริ่มเรียนปี 1 แบบโอนหน่วยกิตมาก็คือเหมือนเราเรียนแค่วิชาของสาขาที่เราเลือกเลย มีเวลาให้เราไปทำไรอย่างอื่นด้วยแถมไม่เสียเวลาไปเรียนพื้นฐานที่เราเคยเรียนมาแล้วใหม่ เรียนจบมาก็หางานตรงตามสายที่เรียนมาก็จริง แต่เพิ่งมารู้ตัวว่าอยากเรียนภาษาเพิ่มอีก เราก็หาเรียนเสริมเอาาา ทำงานไปด้วย ลงเรียนคอสภาษาไปด้วย ตอนนี้คือสนุกมากกกก อยากบอกว่าเอาจริง ๆ อย่าไปเครียดกับเรื่อง เรียนอะไรมาแล้วต้องทำงานตามนั้นเลย โลกเรากว้างมากกก โอกาสมีเยอะมากกกกก ลองดูก่อนก็ได้ ผิดเราก็เริ่มใหม่ได้ ทำตามใจตัวเองหน่อยยย อย่ากดดันตัวเองมากไปน้าาาาาา
เพิ่มเติม ตอนนั้นที่ซิ่วคือแพ่อแม่เรายังส่งเรียนไหวนะ แต่เราก็พยายามหาทุนมาช่วยตลอดเหมือนกันนนน ถ้าไม่มีใครซัพพอร์ท พี่อยากให้น้องวางแผนดี ๆ ก่อน ออกไปทำงานเก็บเงินแล้วกลับมาเรียน หรือหาทุนดูก็ได้นะ
ส่วนตัวไม่รู้เลยว่าตัวน้องอาจจะอดทนจนมันสุดทางตอนปีสามพอดีก็ได้ค่ะ หรือเจอเรื่องอะไรแย่ๆ มาจนไม่ไหวก็ได้ เพราะตัวเราเองก็เป็นคนนึงที่ซิ่วออกมาช่วงปีสองจะขึ้นปีสาม ตอนนั้นมันรู้สึกไม่ไหวจริงๆ โดนบังคับจากที่บ้านให้มาเรียน สังคมเพื่อน ทนจนมันเหมือนสุดทางจริงๆ เลยออก แต่ถ้าถามตอนนี้มองย้อนกลับไปไม่เสียใจเลยค่ะ ถึงจะเรียนช้ากว่าคนอื่น จบไม่พร้อมกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีมีงานที่ดีเจอสังคมที่ดี เลือกทางที่เราแฮปปี้คือดีต่อตัวเราที่สุดแล้วค่ะ เพราะฝืนไปก็ต้องดูสภาพจิตใจตัวเองด้วยนะคะ ยังไงก็เลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรานะคะ อ่านเป็นแนวทาง ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นะ
ส่วนตัวไหนๆก็ปีสามแล้ว เรียนให้จบไปเลยก็ได้นะคะ มีวุฒิมีสกิลกันเหนียวไว้ก่อน ถ้ามีคนซับพอร์ตพอก็เรียนต่อด้านอื่นอีกก็ได้ ส่วนตัวก็ไม่ได้ทำงานตรงสายไม่ได้ทำงานที่ชอบขนาดนั้น แต่ก็ทำไปก่อนมีทุนแล้วไปเรียนเสริมหรือจะเรียนเก็บเก็บวุฒิตัวอื่นอีก อย่างน้อยถ้าหากเราลองไปทำอย่างอื่นแล้วคิดว่าไม่ใช่ก็ยังกลับมาทำสายเดิมได้อยู่
มันต้องลองไปดูงานอาชีพที่เราอยากทำคะ ไปคลุกคลีกับคนที่ทำอาชีพนั้นๆคะ เข้าไปดูเนื้องานที่อาชีพนั้นๆต้องทำจริงๆคะ อย่ามโนไปเอง 😅
จากประสบการณ์พี่ เคยจะซิ่วไปคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์คะ ตอนนั้นคะแนนถึงด้วยคะ แต่ลองไปสอบตรงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม. ลาดกระบังคะ ต้องขอขอบคุณอาจารย์ที่ฉลาดออกข้อสอบให้นักเรียนได้เห็นภาพของงานจริงๆคะ หลังออกห้องสอบมา ใจมันบอกเลยอาชีพนี้ไม่ใช่อย่างที่เราคิด ไม่ชอบคะ ไม่ไปต่อคะ ได้ค้นพบตั้งแต่ตอนสอบเข้าเลย อาจารย์เก่งจริงๆ ออกข้อสอบได้ดีมาก ไม่รู้ว่าอาจารย์เป็นใครแต่ ขอขอบคุณอาจารย์มากคะ
ตอนนี้เราอายุ 30 มีความเห็นว่า ต้องคิดให้ดีว่าอยากไปทำงานอะไร เช่น งานราชการ บางตำแหน่งต้องจบรัฐศาสตร์เท่านั้นก็มี บางงานคณะเดียวกันแต่คนละสาขาก็ไม่ได้ ก็คือดูก่อนว่าอยากไปทำงานอะไร แล้วเขารับโดยใช้วุฒิไหน สาขาไหนค่ะ
ในมุมเรา คือน้องมาปี 3 แล้ว น่าเสียดายเงินที่จ่ายไปแล้ว อีกปีเดียวก็จบ เราคิดว่า เรียนไปก่อน แล้วค่อยไปเรียนตรีอีกใบ หรือเรียนโทในสายที่เราอยากไปทำ ก็ถือไว้เลยตรี 2 ใบ หรือ ตรี 1 โท 1
ชีวิตมันไม่แน่ วันนี้ไม่ชอบ แต่ในอนาคตมันอาจเป็นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ก็ได้ ยิ่งสายดิจิตอลอาร์ต กราฟฟิก พวกคอม ยังไงก็หางานได้ แต่ส่วนมาต้องทำผลงานไว้ให้เขาดูเวลาสมัครงาน
สวัสดีค่ะปกติไม่ค่อยจะคอมเมนต์อะไรแต่ว่าเราเป็นเหมือนน้องที่มาปรึกษาเลยค่ะคือลาออกตอนปี3จะขึ้นปีสี่เพราะมารู้จริงๆว่าไม่ได้ชอบสิ่งที่เรียนเลยสักนิดถ้าตอนปี1ปี2ก็ยังพอไหวแต่พอเริ่มเรียนปี3ถึงรู้ว่าไม่ใช่ทางจริงๆ หลายๆคนบอกว่าอดทนเรียนให้จบอีกปีไม่ได้เหรอสำหรับเราคือจะให้เรียนต่ออีกแค่วันเดียวก็ไม่ไหวแล้วค่ะเลยปรึกษาคุณพ่อกับคุณแม่จริงๆเคยคุยกับคุณแม่ตั้งแต่ปี2แต่คุณแม่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ออกจนสุดท้ายเพิ่งมาคุยแล้วเข้าใจกันตอนปี3ค่ะ สำหรับเราเรารู้สึกว่าต่อให้เสียเวลาซิ่วหลายปีก็ยังคุ้มเพราะอนาคตเรายังมีอีก20+ปี เรารู้ว่าการที่จะซิ่วออกมามันมีพริวิเลจระดับหนึ่งทั้งเสียเวลาทั้งเสียเงินเสียโอกาสการทำงานแต่ถ้ารู้สึกว่าสิ่งที่เรียนอยู่ไม่ใช่ทางแล้วรู้สึกว่าไม่ไหวจะเรียนกับมันแล้วจริงๆแนะนำให้ดรอปไม่ก็ลาออก(บางคณะถ้าจะสอบบังคับลาออก) สุดท้ายแล้วไม่ว่าน้องจะเลือกทางไหนก็ขอให้ทางที่น้องเลือกเป็นทางที่ดีของน้องนะคะสู้ๆค่ะ❤
จากที่ผ่านมาเคยเป็นเหมือนน้องช่วงตอนปี 3 จะเข้าปี 4.....ส่วนตัวเราพยายามเรียนให้จบก่อนค่ะเพราะมันมาไกลมากแล้ว อาจเพราะตัวเรากำลังเงินของครอบครัวไม่ได้มากเราเลยไม่อยากที่จะลำบากครอบครัวแล้ว ส่วนสิ่งที่เราอยากทำถ้ามันเป็นสิ่งที่สามารถสร้างสกิลเองได้โดยไม่ต้องเรียน เราก็จะพยายามหาทางทำสิ่งนั้นทีหลัง แต่ถ้าเป็นสายสกิลที่ต้องเรียน เราจะหางานทำแล้วหาหลักสูตรป.ตรีอีกใบ อารมณ์เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย อาจจะเป็นมหาลัยที่ไม่ต้องเข้าเรียนหรือเลือกเรียนในวันที่เราไม่ได้ทำงาน
เราไม่ได้ซิ่วค่ะ แต่เราเปลี่ยนเอกตอนปี 3 ทำให้เราไปเริ่มต้นใหม่และใช้เวลาเรียนในมหาวิทยาลัย 7 ปี ความเห็นเราคือเรียนให้จบ 4 ปีก่อนค่ะค่อยไปต่อยอดสิ่งที่เราชอบจริง ๆ เพราะส่วนตัวถ้าแก้ไขได้ คงจะฝืนเรียนให้จบไปก่อนดีกว่า เหมือนเป็นใบรับประกันของชีวิต ถือซะว่าจะเรียนเอาปริญญาอีกใบที่ตรงใจจริง ๆ
แต่เข้าใจน้องนะคะ เวลาที่เรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้วมันจะไม่แฮปปี้มาก ๆ พี่ก็เคยเป็น แต่เนื่องจากน้องใกล้จบแล้วพี่ว่าด้นต่อไปให้จบ มันอาจจะทรมานใจแค่ 1 ปี แต่การกลับไปเริ่มต้นใหม่เหมือนพี่ น้องจะถามตัวเองตลอดเวลาอีก 4 ปีว่า "เฮ้ย ฉันเรียนให้มันจบได้ตอนนั้น ถึงไม่ชอบ แต่อย่างน้อยก็จบมั้ยวะ" เพราะเมื่อจบมาแล้วมันคืออิสรภาพแบบหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเลือกทำในสิ่งที่ต้องการจริง ๆ ได้ค่ะ
ส่วนตัวเราก็ทำงานตรงกับสายที่จบมาบ้างไม่ตรงบ้างค่ะ จบเอกภาษาไทย (ย้ายจากเอกฝรั่งเศส) เคยทำงานสำนักพิมพ์ นักข่าว เลขา ประสานงานวิจัย ผจก.โครงการ ฯลฯ สกิลที่มีติดตัวและต้องใช้ตลอดคือด้านภาษาค่ะ
ส่วนตัวผมคิดว่า เรียนให้จบไปก่อน ให้มีใบผ่านทางไปก่อน บริษัทส่วนใหญ่จะมองความรับผิดชอบมากกว่า คนที่โลเล ชอบก็อยู่ ไม่ชอบก็ออก ผมคิดว่าน้องต้องผ่านจุดนั้นไปก่อน แล้วหลังจากนั้น อาจจะช่วงว่างงานหรือทำงานก็แล้วแต่ น้องหาเวลาศึกษาสิ่งที่ตอนนั้นน้องสนใจ แล้วก็วางแผนหาลู่ทาง หาคอนเน็คชั่น ว่าถ้าหากสนใจสายที่เราไม่ได้เลือก ต้องเริ่มจากจุดไหน เช่นสนใจงานตัดเย็บก็เริ่มจากงานตัดเย็บพื้นฐาน สนใจด้านอาหารก็เริ่มจะเป็นลูกมือ สั่งสมประสบการณ์แล้วไต่ขึ้นไปใหม่ มันอาจจะมีคำถามจากเพื่อนร่วมงานล่ะ แต่ให้ใช้ประสบการณ์พิสูจน์ตัวเอง ดีด้วยซ้ำ เพราะคุณจะกลายเป็นคนที่มีศักยภาพหลายอย่าง บริษัทส่วนใหญ่ล้วนชอบคนที่มีความสามารถหลากหลาย แทนที่จะทำได้เพียงสิ่งเดียว แต่อย่าเหลิงล่ะเพราะความทนงานก็สำคัญ ทำ2-3เดือนเปลี่ยนงาน ต่อให้เก่งแค่ไหน เขาก็จะขาดความเชื่อมั่น เช่นตอนนี้ น้องไม่ควรยอมแพ้ในสิ่งที่เลือก ทำมันให้สำเร็จก่อน แล้วค่อยเลือกเพิ่มเข้ามาก็ยังไม่สาย สู้ๆครับ 😊
ชอบที่สุดคือ ed gein ในตำนาน ตัดหนังหน้ามาทำเป็นหน้ากาก ไม่ได้สนับสนุนเขานะ แค่ชอบเวลาตอนดูหนังแล้วฆ่าโหดๆแบบนี้
ไม่ต้องกลัวเสียเวลา ถ้ามีต้นทุนเรียนใหม่ ถึงเวลาทำงานจริง เริ่มทำตอนอายุเท่าไรไม่มีผลหรอก ถ้าเราทำงานที่เราไม่ชอบเริ่มทำเร็วก็จริง พอไม่มีความสุขในการทำงาน ก็ไปหางานใหม่ ก็เริ่มใหม่อยู่ดี แต่ถ้าฐานะทางการเงินไม่ค่อยดีก็ต้องเอาให้จบ แล้วทำงานก่อน ค่อยเรียนเสริม จบก็เปลี่ยนงานที่เราชอบ
หวังว่าน้องจะได้มาอ่านนะ เพราะเราประสบการณ์ตรงกับน้องเลย ทั้งซิ่ว ทั้งสายงานกราฟิก
ตอนผมซิ่ว ผมซิ่วจากมหาลัยทั่วไป ไปยังมหาลัยที่ดังเฉพาะด้านอาร์ทนั้นๆ ซึ่งซิ่วเสียเวลา 2 ปีด้วยกัน โดยย้ำว่าเป็นการซิ่วเพื่อเลือกคณะและเอกเดิมเลย แต่เปลี่ยนที่เรียน เพียงเพราะแค่ต้องการตอบโจทย์ชีวิตตัวเองว่่า ต้องจบมหาลัยที่เฝ้าฝันให้ได้ และทำให้พ่อแม่ได้ภูมิใจเป็นหลัก และความเข้มข้นของวิชาการของมหาลัยใหม่เป็นส่วนเสริม จนเพื่อนรอบตัวตอนนั้นหลายคนก็ไม่เข้าใจว่าผมจะซิ่วทำไม
ผลที่ได้จากการซิ่วคือเรามีเวลาช่วงมหาลัยในการค้นหาตัวเองนานขึ้นกว่าคนอื่นมาก ผมได้มีเวลาไปรับงานฟรีแลนซ์ต่างๆ รู้จักตัวเอง จนสุดท้ายทุกวันนี้ประกอบอาชีพด้านอาร์ทมาร่วม 10 ปีแล้วก็เป็นผลจากการซิ่วเพื่อได้มีเวลาหาตัวเองเพิ่มขึ้น แต่งานด้านอาร์ทที่ทำก็ดันไม่ตรงสายกับสิ่งที่ยอมซิ่วร่ำเรียนมาอยู่ดีครับ
ทั้งหมดนี้จะบอกเลยว่า ไม่มีอะไรผิดถูกเลย ข้อดีของการซิ่วคือ เราจะมีเวลาค้นพบตัวเองมากขึ้น มีวิชาการที่แน่นขึ้นแนวความคิดในการเรียนและทำงานเราจะจริงจังได้มากขึ้น และเราจะมีคอนเนคชั่นของเพื่อนทั้งสองมหาลัยมากขึ้น(คอนเนคชั่นจำเป็นมากๆ สำหรับสายงานฟรีแลนซ์หรือการสมัครงาน) มีความรู้ควบคู่ทั้งสองสายงาน แต่ถ้าไม่ซิ่วเราก็เรียนรู้นอกเวลาได้เยอะแยะ มีคนรอบตัวผมมากมายที่เก่งมากๆ ในงานที่ทำโดยจบไม่ตรงสายงานเลยซักนิดครับ แต่ต้องขยันและต้องจริงจังกับมันทุกคนเก่งได้เท่ากันครับ
มหาลัยผมเป็นสถานที่รวมตัวของเด็กซิ่วครับ ผมซิ่ว 2 ปี ว่าแก่แล้ว เจอซิ่ว 4 ปีก็มีอยู่ครับ
ตอนที่อยู่ปี2 อาจารย์เล่าให้ฟังว่ามีพี่ปี3คนนึงมาปรึกษาเรื่องดรอปเรียนเพราะรู้สึกไม่ใช่แนวทางของตัวเอง อาจารย์ก็เลยถามว่าในระหว่างที่เรียนมา3ปีมีวิชาที่ชอบบ้างไหม วิชาที่คิดว่าตัวเองทำได้ดีที่สุด ถ้ายังมีอยู่ก็เรียนให้จบเลย เรียนมา3ปีแล้ว เสียดายเวลามากๆ ถ้าจะเริ่มใหม่ก็ยิ่งจะเสียดาย สู้เราเรียนจบแล้วไปเรียนสิ่งที่เราชอบที่หลัง แล้วเอาสิ่งที่เราเรียนตอนป.ตรีมาเป็นความรู้ต่อยอดต่อในอนาคตได้ ใครที่กำลังท้อก็สู้ๆนะคะ ตัวหนูเองตอนนี้ขึ้นปี3แล้ว ปีหน้าก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะฝึกงานในพาร์ทไหนของธุรกิจอุตสาหกรรม กำลังเครียดๆอยู่เหมือนกันค่ะ😅
ตอบคำถามน้องก่อน สำหรับเราที่เคยมีประสบการณ์พอเรียนไปใกล้จบแล้วพบว่าไม่อยากทำงานสายนี้ แต่เราชอบตอนเรียนมากเลยนะคะชอบมากกก เราเรียนต่อค่ะสุดท้ายจบมาก็ได้วุฒิ ถ้าไม่อยากทำงานสายนี้ก็ไม่ต้องทำ ไปเรียนเสริมเอาความสามารถอื่น หรือไม่ก็เรียนอีกใบไปเลย อันนี้ในกรณีที่ชอบที่เรียนอยู่แค่ไม่อยากทำงานสายนี้นะคะ แต่ถ้าเรียนแล้วไม่มีความสุขมันฝืนมันทุกข์ก็ซิ่วเลย คำตอบมันไม่มีถูกผิดหรอกค่ะ เงื่อนไขชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเรียนแล้วสนุกใจเราอยากให้น้องเรียนให้จบไปก่อน แล้วค่อยไปเรียนที่อยากเรียนทีหลัง คนเรามันต้องเลือกสายเรียนตั้งแต่อายุยังน้อยมันไม่แปลกที่จะยังไม่ค้นพบตัวเอง อย่างน้อยก็ก็รู้ตัวตอนนี้ว่าไม่ชอบทางนี้อยากไปทางอื่น แปลว่าเริ่มค้นพบตัวเองแล้ว อย่าเอาอายุมากดดันตัวเองมากเลยค่ะ คนเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอด
อยู่ที่ความมุ่งมั่นของน้องนะ ถ้าไม่ชอบแล้วเริ่มสิ่งใหม่ได้ดี ซิ่วเลยค่ะ ขนาดเพื่อนพี่เรียนจบมาไม่ชอบ นางไปเรียนต่ออีกสายใหม่อีกใบ โดยเริ่มปี 1ใหม่ ตอนนี้ก้หางานและมีความสุขกับการทำงานได้ ถ้าเรามุ่งมั่น เริ่มตอนนไหน ก็ไม่สำคัญ แต่เราจะประสบความสำเร็จในแบบของเราค่ะ
คำถามต้นคลิป สำหรับผมใบปริญญามันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่มันคือใบเบิกทางในการทำงาน ผมจบป.ตรี ตอนนี้อายุ28 ปัจจุบันมีบ้าน3หลัง รถยนต์2คัน มอไซค์4คัน ซึ่งไม่ได้ทำงานตรงกับสายที่เรียนมาเลยคับ บ้างคนพึ่งจะค้นหาตัวเองเจอหรือประสบความสำเร็จตอนอายุ40/50ก็มีเยอะ ดูสังคมรอบข้างตัวเอง ปรึกษาคนรอบข้าง ค่อยๆคิดคับ ไม่มีคำว่าสาย✌🏻
สำหรับต้นคลิปครับ สำหรับผมผมให้เวลาค้นหาตัวเองแค่ช่วงปี 1 เท่านั้น ถ้าจะซิ่วต้องเป็นช่วง 1 ปีแรก ถ้าเรียนมาถึงขนาดปี 3 แล้ว ก็ควรเรียนให้จบหางานทำให้ตรงสาย แล้วหาความสุขจากส่วนอื่นก่อนในช่วงแรกพอตั้งตัวได้แล้ว ค่อยออกมาหาสิ่งที่ตัวเองต้องการครับ
ทางนี้เรียนอยู่ปี 2 ค่ะ อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มาก แต่อยากแสดงความคิดเห็น เผื่อสามารถช่วยได้นะคะ สมมุติถ้าสามารถอดทนเรียนต่อไปได้จริง เราเชียร์ให้เรียนต่อให้จบค่ะ แล้วค่อยไปเรียนต่อสาขาที่อยากเรียนอีกรอบ เพราะถ้าซิ่วยังไงก็ต้องเริ่มเรียน เริ่มสอบใหม่หมด แต่หลักๆควรปรึกษาที่บ้านค่ะ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน เลือกทางไหนก็โอเคหมดเลยค่ะ แต่ถ้ามีก็ต้องคิดดีๆค่ะ สำหรับเราการทำงานไม่จำเป็นต้องรักในสิ่งที่ทำก็ได้ค่ะ ขอแค่ไม่เกลียดมันจนทำให้เราทุกข์ก็เพียงพอแล้วค่ะ เราเองก็ประสบปัญหาไม่รู้ว่าตัวเองชอบในสิ่งที่เรียนไหมจนชีวิตเป๋ไปช่วงนึง แต่สุดท้ายก็คิดได้ค่ะว่ามันไม่เป็นไรที่เราจะไม่ชอบในสิ่งที่เราทำ แค่ไม่ทรมานก็พอ สุดท้ายให้มันเป็นวิชาชีพที่สามารถใช้หาเงินเลี้ยงชีพเราได้ก็โอเคแล้วค่ะ แล้วพอหาเงินได้ค่อยไปเรียนต่อก็ได้ค่ะ ไม่มีใครแก่เกินเรียน และทุกคนต้องเรียนรู้วิชาใหม่ๆตลอดชีวิตอยู่แล้ว ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ไม่ใช่ทุกคนที่ซิ่วไปเริ่มใหม่ได้ โดยเฉพาะถ้าคิดว่าครอบครัวต้องรับภาระค่าใช้จ่ายแล้วยิ่งต้องคิดดีๆครับ
แต่ถ้ามีทางเลือก มีเวลา มีเงิน ที่บ้านซัพพอร์ตได้ การซิ่วก็ถือว่าตอบโจทย์อยู่ครับ (ก็ลองปรึกษาคนในครอบครัวดู)
แต่ถ้าไม่มีทั้งเงิน ไม่มีทั้งเวลาให้มาเริ่มใหม่ แนะนำเรียนจบ ทำงานหาเงินเรียนสกิลในส่วนที่ตัวเองสนใจ ในส่วนที่ตัวเองชอบดีกว่าครับ
หลังจากนั้นก็หาสายงานที่ตัวเองชอบก็ยังไม่สายครับ ตราบใดที่ยังไม่ปิดการเรียนรู้ตัวเอง 🙂
ไม่สาย เพราะว่าเคยมีน้องรหัสที่ซิ่วจากปี 4 มาเข้าปี 1 ใหม่ เพราะความรู้สึกที่ถ้าฝืนไปก็ไม่ได้อะไร สู้เริ่มใหม่กับสิ่งที่ชอบดีกว่า
ส่วนตัวผมนะ ถ้ายังไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการเงินสำหรับการเริ่มเรียนใหม่ ก็เรียนเถอะครับ แต่ถ้าการเงินไม่ไหว อาจจะต้องหา Parttime เสริมระหว่างเรียน
ส่วนนึงเพราะ จบมาแล้ว แต่อายุเยอะ เวลาหางาน พวก HR เขาอาจจะหาคนที่มีประสบการณ์ (ยกเว้น ม.ดัง อาจไม่กระทบเท่าไหร่)
วางแผน และหาความรู้เพิ่ม มาสเตอร์ในสิ่งที่ชอบ เป็นทักษะเสริม หาที่อบรมหาใบรับรอง ช่วยยืนยันความสามารถ ไม่จำเป็นต้องซิ่ว แต่หาตัว พลัสให้ตัวเอง น่าจะดี
ในฐานะที่ซิ่วมา3รอบ ผมแนะนำเรียนต่อตรีใบนั้นให้จบครับ วิชาที่ชอบหรืออยากจะเรียน ให้ไปเรียนเป็นตรีใบที่2แทน หรือถ้าสาขาที่ตัวเองสนใจที่รามคำแหงมี ก็ให้ไปสมัครเรียนที่รามคู่ไปแทนครับ
อายุมีผลต่อการสมัครงานจริงครับ
สิ่งที่ชอบกับ สิ่งที่เอาทำงานหาเลี้ยงชีวิตได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเดียวกันครับ
เว้นแต่บ้านจะมีเงินมีช่องทางไว้แล้ว
ตอบคำถามต้นคลิป อันดับแรกนะครับ เช็กดูว่าที่บ้านส่งเราเรียนต่อได้ไหม "นี่สำคัญมาก ๆ" จากพี่ชายคนนึงที่มีโอกาสส่งน้องเรียนได้ "ครั้งเดียว" แล้วน้องเรียนไปไม่มีความสุขเลยให้ เลือกว่าดรอปแล้วไปเรียนใหม่ ด้วยการกู้เรียนและหางานทำเพื่อหาค่ากินค่าห้องช่วยกัน และนั่นจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เรียนในสิ่งที่เลือก หรือจะดรอป แล้วออกไปหาเรียนเป็นครอสเสริมเอา แต่ก็ต้องหาเรียนเองอยู่ดี และม่ก็ทนเรียนให้จบแล้วจบมาค่อยไปเรียนเสริม แต่ก็หาเงินเรียนเองอีกนั่นล่ะ น้องเลือกดรอปแล้วไปเรียนเสริมเป็นครอสครับ เริ่มจากการไปเรียนที่ศูนย์ก่อน และทำงานไปด้วย ทำงานได้ระยะหนึ่งก็เอาเงินตรงนั้นไปลงครอสอีกที แต่ถ้าที่บ้านไม่ลำบากอะไร ก็สนับสนุนฝั่งให้ดรอปครับ การอดทนเรียนไปก็สูญเปล่า วิชาชีพเราก็ได้มาครึ่งทางแล้ว ไม่น่ามีอะไรเสียหายเรื่องอายุ
16:15 Jr. ในชื่อของ John Wayne Gacy คือ ‘junior’ - ฝรั่งถ้าตั้งชื่อลูกผู้ชายตามคนเป็นพ่อจะมีคำว่า ‘junior’ อยู่ท้ายหลัง แล้วคนเป็นพ่อจะมี ‘Sr.’ (Senior) ติดมาด้วย เพื่อจะได้บงบอกว่าใครลูกใครพ่อ 👍🏻👍🏻👍🏻
ถ้าใจเราไม่อยู่แล้ว เรียนไปก็ไม่มีความสุข ไม่มีใครแก่เกินเรียนด้วย ถ้าไม่มีใครว่าเราก็ไปตามฝันตามเส้นทางของเรา ต่อให้จบมาจะไม่ได้ใช้ แต่เวลาและการใช้ชีวิตระหว่างเรียนมันก็สำคัญนะ เรียนที่เรามีความสุขดีกว่า
จำไว้ต้องเรียนให้จบก่อน สิ่งที่ชอบสามารถมาเลือกทำทีหลังได้ง่ายกว่า ห้ามผิดพลาดช่วงจังหวะนี้เด็ดขาด จะมีอะไรเกิดขึ้นเยอะมาก พยายามทำทุกอย่างให้สำเร็จเป็นอย่างๆไปอย่าพยายามทำอะไรค้างทิ้งไว้ในช่วงวัยนี้ พี่เตือนด้วยความหวังดีจากคนล้ม
เป็นกำลังใจให้นะแล้วแต่หนูตัดสินใจ ถ้าแนะนำเรียนจบไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย อาจจะรู้สึกเสียเวลาแต่คอนเน็ตชั่นในมหาลัยที่ได้กลับมาจากรุ่นน้องรุ่นพี่อาจารย์เพราะจบ
ลองนึกถึงตอนประถม มต้น ก็ได้ ระหว่างคนไปกลางเทอม หรืออยู่ๆหายไปแทบไม่มีใครจำได้หรือนึกถึงออกเลย ค่อยๆตัดสินใจนะ
เรามีเพื่อนที่ลาออกไปเรียนที่ตัวเองชอบตอนปี3 ส่วนตัวเรียนต่อจนจบ ทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ทำได้ ความชอบคือเรียนเสริม ทำงานอดิเรกหรืองานเสริม
เรียนไปให้จบก่อนค่ะ แล้วสกิลต่างๆที่จะใช้ในการทำงานที่รักที่ชอบค่อยไปเรียนเสริมเอา อย่างน้อยมันก็ไม่เสียเวลาค่ะถ้าให้ไปเริ่ม1ใหม่มันจะเสียเวลามากๆ มันมาถึงขนาดนี้แล้ว จากใจเด็กชิ่วตอนจบปี2 แล้วทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำงานอย่างที่เรียนจบมา ในการทำงานมาใช้สกิลที่เรียนเสริมหลังจากเรียนจบทั้งนั้นเลยค่ะ
เล่าสนุกมากค่ะ ฟังเพลินเลย❤️❤️
สำหรับเราเราคงจะเรียนต่อให้จบเลยอ่ะ อย่างที่บอกว่าบางทีแม้เราจะเรียนอีกสายนึง แต่ไปทำงานมันอาจจะไม่ได้ตรงสายเสมอไปไง แล้วถ้าสมมุติว่าเราซิ่วไปเรียนคณะอื่น แล้วเกิดไม่ชอบขึ้นมาอีก กลายเป็นว่ามันเสียเวลาชีวิตมาก ๆ เพราะกว่าจะเรียนจบก็ต้องใช้เวลา 4 ปีเลย สรุปเสียเวลาไปหลายปี
จริงๆคนไทยติดการถีบให้เด็กต้องโตในวัยทำงานเลยโดยไม่ได้ปูพื้นฐานมาว่าเราสนใจหรือมีเวลาหาตัวเองเท่าไหร่ ถ้าเป็นต่างประเทศวัย24-25 ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้วต้องโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว เพราะด้วยสวัสดิการคนแก่บ้านเค้าดีด้วย พ่อแม่เลยไม่ได้มาบังคับว่าต้องเลี้ยง สำหรับเรา เราว่าการซิ่วไปเรียนใหม่มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะ การเริ่มต้นในวัยนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร มันต้องขึ้นอยู่กับที่บ้านเค้ามากกว่าว่าโอเคมั้ย ที่บ้านพร้อมมั้ยอยากให้เค้าลองคุยกับที่บ้านดูก่อนมากกว่าเราให้คำแนะนำได้แค่นิดหน่อยแหละยังไงก็ต้องคุยกับคนในครอบครัวดู
ความคิดเห็นเกี่ยวกับคำถามต้นคลิปนะคะ ขอแยกเป็น 2 ประเด็นดังนี้
1. ถ้าน้องรู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบสิ่งที่เรียนอยู่เลย ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ยิ่งเรียนมีแต่จะบั่นทอนจิตใจ พี่ให้แนะให้ซิ่วทันที อย่าเอาสุขภาพจิตตัวเองไปแลกค่ะ
2. แต่ถ้าน้องอยู่ในจุดที่ก็พอเรียนได้ ไม่ถึงกับขนาดบั่นทอนจิตใจ ก็ขอแตกเป็นอีกหลายๆ กรณี
2.1 หมดแพชชั่นกับคณะเดิม แต่ยังไม่มีแพชชั่นใหม่ > ไม่แนะนำให้ซิ่วค่ะ การอยู่กับสิ่งเดิมๆ นานๆ จะเกิดความรู้แบบนี้เป็นปกติมาก ถ้าจบมาทำงานไม่ตรงสายเป็นเรื่องปกติมาก
2.2 เกิดแพชชั่นใหม่ (ต้องแน่ใจจริงๆ ว่าอยากจะอยู่กับสิ่งนั้นไปนานๆ ไม่ได้เป็นแค่ความสนใจชั่วครู่) ลองศึกษาดีๆ ว่าการที่เราจะทำอาชีพนั้น มันจำเป็นต้องเรียนจบปริญญาตรีในสาขานั้นเท่านั้นหรือเปล่า? หรือสามารถมาลงคอร์สเรียนสั้นๆ ก็ทำได้ จบไม่ตรงสายทำได้ไหม? ถ้าทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องจบสาขาเฉพาะจริงๆ (เช่นอยากเป็นหมอ ต้องเรียนคณะแพทย์เท่านั้น) อันนี้แนะนำให้ซิ่วไปเรียนตามที่อยากเรียนเลยค่ะ ไม่ต้องเสียดายเวลา
สุดท้ายขอฝากข้อคิดจากประสบการณ์นะคะ : ตอนที่ยังเรียนอยู่ เราก็วาดหวังว่าจะได้ทำงานตรงสาย ได้ทำงานที่รักและมีแพชชั่นกับมันไปตลอดชีวิต แต่ความเป็นจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น แม้แต่งานที่เราชอบก็มีวันที่เราเบื่อ หมดแพชชั่น ไม่อยากทำ เพราะฉะนั้นให้คิดว่า งานคือสิ่งที่เอาไว้หาเงินเลี้ยงชีพเท่านั้นก็พอค่ะ ถ้างานไม่ได้แย่เกินไป บั่นทอนจิตใจเกินไป เราพอทำได้ ได้รายได้เพียงพอ นี่ก็โอเคแล้ว
สำหรับบ้านนี้..ลูกชายจบ ปวส.อิเลค.....แล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ปีนี้เลยเริ่มเรียน บริหารปี1ใหม่....ไม่เป็นไร....แต่...ต้องช่วยแม่หาค่าเทอมนะ❤
เรียนมา 3 ปีแล้ว ถ้าคุณจะซิ่วไปเรียนที่อื่น หรือไปเรียนคณะหรือสาขาที่คุณชอบก็สามารถทำได้ จะไปเริ่มเรียนปี 1 เริ่มต้นที่ไหนก็ได้ไม่มีปัญหา
แต่สิ่งที่คุณไม่สามารถเริ่มใหม่หรือเรียกคืนได้คือเวลาที่ผ่านไปแล้ว 3 ปี ตอนนี้คุณอายุ 20 ต้น ๆ อาจจะยังไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะเข้าใจเรื่องเวลาเรียกคืนมาไม่ได้
ถ้าเป็นตัวผมเอง เมื่อขึ้น ปี 4 นอกจากการเรียนในสาขา/คณะที่ผมอาจไม่ชอบ ผมก็จะเรียนรู้ในสิ่งที่ผมชอบจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความรู้และแก้เบื่อในที่สิ่งที่เรียนในปี 4
เมื่อเรียนจบปี 4 แล้ว (ในสิ่งที่ไม่ชอบ) และต้องการเพิ่มพูนในสิ่งที่ผมชอบ ผมก็อาจจะเริ่มเรียนต่อ ป.โท ต่อไป หรือถ้าไม่มีทุนทรัพย์พอ ผมก็จะหางานในสายที่ผมเรียนจบมา ซึ่งถ้าจบ ป. ตรีได้ การเรียนรู้เรื่องงานก็ไม่ยากเกินไป เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนมากกว่า
ดูช่องนี้+กินข้าว = เพลิน+อร่อยขึ้น?