ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
มันขายไปแล้วตั้งแต่ยอมแบ่งปันผลประโยชน์ใต้ทะเลอ่าวไทยให้เขมร นายกคนไหนทำไว้ต้องชดใช้ให้ประเทศไทย
สวัสดีครับ การสร้าง MOU-44 มีข้อเสียอยู่ที่เป็นหลักฐานว่าเป็นสิ่งระเมิดหมิ่นพระบรมราชโองการ ในราชกิจจานุเบกษา ๑ มิถุนายน ๒๕๑๖. แต่มีข้อดีคือก่อให้เกิดการเสียสิทธิอธิปไตยของประเทศที่เรียกว่าไทยพร้อมทั้งทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดินในเขตที่ MOU-44 กำหนดไว้แล้วนั้นโดยไม่ต้องเสียชีวิตทหารทั้งสองประเทศแม้แต่คนเดียว. เกิดข้อบ่งชี้ว่ารัฐบาลไม่มีความฉลาดปน ขาดสำนึกถึงบุญคุณแผ่นดินถิ่นกำเนิดชีวิตตนและครอบครัวกล้าขายชาติขายแผ่นดินของประชากรร่วมยุคร่วมชาติที่มีชีวิตอยู่ปัจจุบันและผู้เกิดใหม่ในอนาคต. เป็นเบื้องต้น. ถ่านหินอายุยิ่งมากยิ่งดี น้ำมันก็ทำนองเดียวกัน เป็นสิ่งที่ไม่เสียถ้าไม่มีพลังงานภายนอกเข้ากระทำ.
อย่าถามว่าใครคิดขายชาติ ถ้าจะว่าไปชี้เรียงตัวกันได้เลย
รัฐบาลไทยทุกรัฐบาล นักวิชาการ ผู้รู้ และทหารไทย ไม่เคยบอกความจริงให้ประชาชนไทยได้รับทราบเลย มีแต่คนออกมาบอกว่า เขมรขีดเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเล อ้างสิทธิตามอำเภอใจ ไม่ยึดหลักกฏหมายสากล หรือ อย่างนี้อย่างโน้น...เป็นต้น ในความเป็นจริง สนธิสัญญาสยาม- ฝรั่งเศส ไม่สามารถอ้างได้ว่า ฝรั่งได้ยกเกาะกูด ทั้งเกาะ ให้แก่สยาม ได้เลย ถ้าจะเป็นเกาะทั้งหลาย ที่อยู่ระหว่างใน้แหลมสิง จนถึงเกาะกูด นั้นเป็นของสยาม ใช่ ทั้งสองประเทศ ก็ได้อ้างถึง สนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศษ ค.ศ. 1907 และสสนธิสัญญา Unclos 1982 ในการกำหนดเขตแดนทางทะเล เช่นกัน ซึ่งฝ่ายไทย อ้างข้อความในข้อ 2 ของสนธิสัญญาฉบับนี้ ที่ระบุว่า ...กรุงฝรั่งเศส ยอมยกดินแดนฝั่งสาย เขตร์ตราด และเกาะทั้งหลายที่อยู่ใต้แหลมสิงลงมาจนถึงเกาะกูด ให้กรุงสยาม... ส่วนฝ่ายกัมพูชา ไม่ได้จู่ๆ ขีดเส้นแบ่งเขตทางทะเลแบบมั่ว ๆ มากินพื้นที่เกาะของคนอื่นตั้งครึ่งหนึ่ง โดยไม่มีหลักฐานอ้างอิงเลย ประเทศไหนเขาจะยอมรับ โดย กัมพูชา ใน ค.ศ. 1972 ได้อ้างข้อตกลงในสัญญาว่าด้วย การแบ่งเขตร์แดนสยาม-ฝรั่งเศษ ที่แนบท้ายสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศษ ฉบับนี้ ที่ระบุว่า ...เมื่อมีการแบ่งเส้นเขตแดนทางทะเล ให้ขีดเส้น จากหมุดพรมแดนบนบก คือ หลักที่ 73 แล้วขีดเส้นลงไปในทะเล โดยเล็งไปที่จุดสูงสุดของเกาะที่อยู่ในพื้นที่พรมแดน และอยู่ใกล้ชายฝั่งที่สุด กล่าวคือ ยอดเขาสูงสุดกลางเกาะกูดนั้นเอง ซึ่งเส้นนี้ ใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างไทย และกัมพูชาฝั่งจังหวัดตราด และเกาะกง ส่วนการอ้างกฏหมายทะเลของ Unclos 1982 ทั้งสองฝ่าย จึงลากเส้นของลงไปในทะเลจากชายหาดของตนเอง 200 ไมล์ทะเลเช่นกัน แต่อ่าวไทยแคบ มีความกว้างไม่ถึง 400 ไมล์ทะเล ทำให้้ต้องทับซ้อนกันโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อพิจารณาข้อความในข้อ 2 ของสนธิสัญญานั้น กัมพูชามีข้อโต้เถียงว่า ..เกาะทั้งหลายที่อยู่ใต้แหลมสิงจนถึงเกาะกูด...นั้น ไม่ได้หมายความว่า ยกเกาะกูด ทั้งเกาะ ให้แก่กรุงสยาม แต่อย่างใด เพราะคำว่า ...จนถึงเกาะกูดนั้น ...ต่างจาก คำว่า ..รวมทั้งเกาะกูด...หมายถึง ...มาจนถึงชายหาดฝั่งเหนือ หรือ จุดใด จุดหนึ่งของเกาะก็เป็นได้ เพราะเกาะกูดมันถอดยาวลงมาทางใต้ ถ้าจะยกเกาะกูดให้ฝ่ายสยามทั้งเกาะแล้ว ทำไมจึงมีข้อตกลงกันในสัญญาว่าด้วยการแบ่งเขตร์ ที่ให้ขีดเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเล โดยเล็งไปที่จุดสูงสุดของเกาะกูด ล่ะ...เช่นเดียวกับ ตัวอย่างว่า ..มีระยะทางจากสระแก้ว จนถึงกรุงเทพฯ... จะหมายความว่า ถึงกรุงเทพฯ ฝั่งไหน เป็นฝั่งเหนือ หรือ ใต้ เพราะกรุงเทพฯ มันใหญ่ แล้วเมื่อมีข้อตกลงที่ให้ขีดเส้นทางทะเล ผ่านจุดสูงสุดบนเกาะกูด นั้น ก็หมายถึง จากภูเขาสูงสุดของเกาะลงมาทางใต้ ต้องเป็นดินแดนกัมพูชา เพราะข้อตกลงนี้ ไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้ เนื่องจากไม่สามารถขยับเขยื้อน หรือเปลี่ยนแปลงยอดเขาสูงสุดบนเกาะกูดได้ เมื่อทั้งสองประเทศ ต่างคนต่างอ้างสนธิสัญญาฉบับนี้ จึงตีความอย่างไร ก็เป็นแบบนี้ แต่ประชาชนธรรมดาก็เข้าใจ ไม่ต้องผู้เชี่ยวชาญหรอก เพียงแต่ฝ่ายไทยแกล้งทำไม่เข้าใจ ไม่บอกความจริงประชาชน ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ สุดท้ายก็ต้องนำขึ้นให้ศาลโลกตีความ และตัดสินให้ เพื่อให้มีความชัดเจน ในการขีดเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลก่อน คอยเจรจาแบ่งผลประโยชน์เฉพาะพื้นที่ทับซ้อนจริงๆ ฝ่ายกัมพูชา เขาทราบเรื่องนี้ดี ผู้เกี่ยวข้องฝ่ายไทยก็ทราบเรื่องนี้ดีเช่นกันแต่พยายามลากเรื่องให้ยาวยืด ดังนั้น ประชาชนคนไทย จึงควรรับทราบเรื่องนี้ด้วยเพื่ออนาคต เมื่อจะต้องแบ่งเกาะกูดให้กัมพูชา ครึ่งหนึ่ง สามารถยอมรับความจริงได้ อยากให้ทุกคนไปอ่านรายละเอียดเนื้อหา สนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศษ 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดน แนบท้ายสนธิสัญญา อีกครั้ง แล้วทำความเข้าใจ ให้มากขึ้น
ทำไมไม่ลาก 12 แล้วก็12 แล้วค่อยลาก200
@@orapimchotthonglang7714 ถ้าจะตีความในลักษณะดังกล่าว MOU 44 ก็เป็นโมฆะเพราะเส้นรุ้งที่ 11 องศาตะวันออกที่ระบุในแผนที่แนบนั้นไม่มีอยู่จริง(เส้นรุ้งมีแต่องศาเหนือใต้.เส้นแวงถีงจะมีองศาตะวันออก ตะวันตก)ในเมื่อเส้นอ้างอิงในระบบภูมิศาสตร์ไม่มีอยู่จริง พื้นที่ที่ระบุไว้ก็ไม่มีอยู่จริง
ถ้าจะตีความในลักษณะดังกล่าว MOU 44 ก็เป็นโมฆะ เพราะเส้นรุ้งที่ 11 องศาตะวันออกที่ระบุในแผนที่ไม่มีอยู่จริง(เส้นรุ้งมีแต่องศาเหนือ-ใต้,เส้นแวงถึงจะมีองศาตะวันออกตะวันตก)ในเมื่อเส้นอ้างอิงในระบบภูมิศาสตร์ไม่มีอยู่จริง พื้นที่ที่ระบุไว้ก็ไม่มีอยู่จริงและทำให้MOU เกิดลักษณะที่ขัดกันในตัวเอง
ไม่ซื่อแล้วละ คิดจะแบ่งผลประโยชน์ 50:50 สัมปธานไปแล้ว 50 กว่าปี คนไทยไม่รู้เลย ปี 44 เคยนำเข้าสภาก่อนมั้ยละ มาได้ไง MOU 44 ก็ตีความว่าเป็นสัญญาเพระกระทรวงการต่างประเทศไปทำข้อตกลง ตกลงได้ไง ตามกฏหมายระหว่างประเทศ หรือตาม UNCLOS เกาะกูดไม่ได้เล็กเลยนะ อณาเขตทางทะเลเท่าไร แบบนี้คนไทยยินดีทำตามที่จะร่วมมือกับโจรมั้ย 26,000 ตารางกิโลเมตรมันใหญ่กว่า จังหวัดนครราชสีมาร่วมกับเชียงใหม่ทั้ง 2 จังหวัดเสียอีก รัฐบาลประเทศไหนในโลกใบนี้ที่เขาจะโง่ได้เท่าขนาดนี้ ถ้าไม่บอกเลิกสัญญาหรือไม่แก้กรอบข้อตกลงนี้่
ถ้าอยากรู้ว่าความจริงตืออะไร ให้ไปดูข้อกฎหมายของแต่ละเรื่อง
MOU44 ขัดกับพระบรมราชโองการของ ร.9 เรื่อง ประกาศเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย พศ. 2516
มันขายไปแล้วตั้งแต่ยอมแบ่งปันผลประโยชน์ใต้ทะเลอ่าวไทยให้เขมร นายกคนไหนทำไว้ต้องชดใช้ให้ประเทศไทย
สวัสดีครับ การสร้าง MOU-44 มีข้อเสียอยู่ที่เป็นหลักฐานว่าเป็นสิ่งระเมิดหมิ่นพระบรมราชโองการ ในราชกิจจานุเบกษา ๑ มิถุนายน ๒๕๑๖. แต่มีข้อดีคือก่อให้เกิดการเสียสิทธิอธิปไตยของประเทศที่เรียกว่าไทยพร้อมทั้งทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดินในเขตที่ MOU-44 กำหนดไว้แล้วนั้นโดยไม่ต้องเสียชีวิตทหารทั้งสองประเทศแม้แต่คนเดียว. เกิดข้อบ่งชี้ว่ารัฐบาลไม่มีความฉลาดปน ขาดสำนึกถึงบุญคุณแผ่นดินถิ่นกำเนิดชีวิตตนและครอบครัวกล้าขายชาติขายแผ่นดินของประชากรร่วมยุคร่วมชาติที่มีชีวิตอยู่ปัจจุบันและผู้เกิดใหม่ในอนาคต. เป็นเบื้องต้น. ถ่านหินอายุยิ่งมากยิ่งดี น้ำมันก็ทำนองเดียวกัน เป็นสิ่งที่ไม่เสียถ้าไม่มีพลังงานภายนอกเข้ากระทำ.
อย่าถามว่าใครคิดขายชาติ ถ้าจะว่าไปชี้เรียงตัวกันได้เลย
รัฐบาลไทยทุกรัฐบาล นักวิชาการ ผู้รู้ และทหารไทย ไม่เคยบอกความจริงให้ประชาชนไทยได้รับทราบเลย มีแต่คนออกมาบอกว่า เขมรขีดเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเล อ้างสิทธิตามอำเภอใจ ไม่ยึดหลักกฏหมายสากล หรือ อย่างนี้อย่างโน้น...เป็นต้น ในความเป็นจริง สนธิสัญญาสยาม- ฝรั่งเศส ไม่สามารถอ้างได้ว่า ฝรั่งได้ยกเกาะกูด ทั้งเกาะ ให้แก่สยาม ได้เลย ถ้าจะเป็นเกาะทั้งหลาย ที่อยู่ระหว่างใน้แหลมสิง จนถึงเกาะกูด นั้นเป็นของสยาม ใช่ ทั้งสองประเทศ ก็ได้อ้างถึง สนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศษ ค.ศ. 1907 และสสนธิสัญญา Unclos 1982 ในการกำหนดเขตแดนทางทะเล เช่นกัน ซึ่งฝ่ายไทย อ้างข้อความในข้อ 2 ของสนธิสัญญาฉบับนี้ ที่ระบุว่า ...กรุงฝรั่งเศส ยอมยกดินแดนฝั่งสาย เขตร์ตราด และเกาะทั้งหลายที่อยู่ใต้แหลมสิงลงมาจนถึงเกาะกูด ให้กรุงสยาม... ส่วนฝ่ายกัมพูชา ไม่ได้จู่ๆ ขีดเส้นแบ่งเขตทางทะเลแบบมั่ว ๆ มากินพื้นที่เกาะของคนอื่นตั้งครึ่งหนึ่ง โดยไม่มีหลักฐานอ้างอิงเลย ประเทศไหนเขาจะยอมรับ โดย กัมพูชา ใน ค.ศ. 1972 ได้อ้างข้อตกลงในสัญญาว่าด้วย การแบ่งเขตร์แดนสยาม-ฝรั่งเศษ ที่แนบท้ายสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศษ ฉบับนี้ ที่ระบุว่า ...เมื่อมีการแบ่งเส้นเขตแดนทางทะเล ให้ขีดเส้น จากหมุดพรมแดนบนบก คือ หลักที่ 73 แล้วขีดเส้นลงไปในทะเล โดยเล็งไปที่จุดสูงสุดของเกาะที่อยู่ในพื้นที่พรมแดน และอยู่ใกล้ชายฝั่งที่สุด กล่าวคือ ยอดเขาสูงสุดกลางเกาะกูดนั้นเอง ซึ่งเส้นนี้ ใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างไทย และกัมพูชาฝั่งจังหวัดตราด และเกาะกง ส่วนการอ้างกฏหมายทะเลของ Unclos 1982 ทั้งสองฝ่าย จึงลากเส้นของลงไปในทะเลจากชายหาดของตนเอง 200 ไมล์ทะเลเช่นกัน แต่อ่าวไทยแคบ มีความกว้างไม่ถึง 400 ไมล์ทะเล ทำให้้ต้องทับซ้อนกันโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อพิจารณาข้อความในข้อ 2 ของสนธิสัญญานั้น กัมพูชามีข้อโต้เถียงว่า ..เกาะทั้งหลายที่อยู่ใต้แหลมสิงจนถึงเกาะกูด...นั้น ไม่ได้หมายความว่า ยกเกาะกูด ทั้งเกาะ ให้แก่กรุงสยาม แต่อย่างใด เพราะคำว่า ...จนถึงเกาะกูดนั้น ...ต่างจาก คำว่า ..รวมทั้งเกาะกูด...หมายถึง ...มาจนถึงชายหาดฝั่งเหนือ หรือ จุดใด จุดหนึ่งของเกาะก็เป็นได้ เพราะเกาะกูดมันถอดยาวลงมาทางใต้ ถ้าจะยกเกาะกูดให้ฝ่ายสยามทั้งเกาะแล้ว ทำไมจึงมีข้อตกลงกันในสัญญาว่าด้วยการแบ่งเขตร์ ที่ให้ขีดเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเล โดยเล็งไปที่จุดสูงสุดของเกาะกูด ล่ะ...เช่นเดียวกับ ตัวอย่างว่า ..มีระยะทางจากสระแก้ว จนถึงกรุงเทพฯ... จะหมายความว่า ถึงกรุงเทพฯ ฝั่งไหน เป็นฝั่งเหนือ หรือ ใต้ เพราะกรุงเทพฯ มันใหญ่ แล้วเมื่อมีข้อตกลงที่ให้ขีดเส้นทางทะเล ผ่านจุดสูงสุดบนเกาะกูด นั้น ก็หมายถึง จากภูเขาสูงสุดของเกาะลงมาทางใต้ ต้องเป็นดินแดนกัมพูชา เพราะข้อตกลงนี้ ไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้ เนื่องจากไม่สามารถขยับเขยื้อน หรือเปลี่ยนแปลงยอดเขาสูงสุดบนเกาะกูดได้ เมื่อทั้งสองประเทศ ต่างคนต่างอ้างสนธิสัญญาฉบับนี้ จึงตีความอย่างไร ก็เป็นแบบนี้ แต่ประชาชนธรรมดาก็เข้าใจ ไม่ต้องผู้เชี่ยวชาญหรอก เพียงแต่ฝ่ายไทยแกล้งทำไม่เข้าใจ ไม่บอกความจริงประชาชน ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ สุดท้ายก็ต้องนำขึ้นให้ศาลโลกตีความ และตัดสินให้ เพื่อให้มีความชัดเจน ในการขีดเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลก่อน คอยเจรจาแบ่งผลประโยชน์เฉพาะพื้นที่ทับซ้อนจริงๆ ฝ่ายกัมพูชา เขาทราบเรื่องนี้ดี ผู้เกี่ยวข้องฝ่ายไทยก็ทราบเรื่องนี้ดีเช่นกันแต่พยายามลากเรื่องให้ยาวยืด ดังนั้น ประชาชนคนไทย จึงควรรับทราบเรื่องนี้ด้วยเพื่ออนาคต เมื่อจะต้องแบ่งเกาะกูดให้กัมพูชา ครึ่งหนึ่ง สามารถยอมรับความจริงได้ อยากให้ทุกคนไปอ่านรายละเอียดเนื้อหา สนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศษ 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดน แนบท้ายสนธิสัญญา อีกครั้ง แล้วทำความเข้าใจ ให้มากขึ้น
ทำไมไม่ลาก 12 แล้วก็12 แล้วค่อยลาก200
@@orapimchotthonglang7714 ถ้าจะตีความในลักษณะดังกล่าว MOU 44 ก็เป็นโมฆะเพราะเส้นรุ้งที่ 11 องศาตะวันออกที่ระบุในแผนที่แนบนั้นไม่มีอยู่จริง(เส้นรุ้งมีแต่องศาเหนือใต้.
เส้นแวงถีงจะมีองศาตะวันออก ตะวันตก)ในเมื่อเส้นอ้างอิงในระบบภูมิศาสตร์ไม่มีอยู่จริง พื้นที่ที่ระบุไว้ก็ไม่มีอยู่จริง
ถ้าจะตีความในลักษณะดังกล่าว MOU 44 ก็เป็นโมฆะ เพราะเส้นรุ้งที่ 11 องศาตะวันออกที่ระบุในแผนที่ไม่มีอยู่จริง(เส้นรุ้งมีแต่องศาเหนือ-ใต้,เส้นแวงถึงจะมีองศาตะวันออกตะวันตก)
ในเมื่อเส้นอ้างอิงในระบบภูมิศาสตร์ไม่มีอยู่จริง พื้นที่ที่ระบุไว้ก็ไม่มีอยู่จริงและทำให้MOU เกิดลักษณะที่ขัดกันในตัวเอง
ไม่ซื่อแล้วละ คิดจะแบ่งผลประโยชน์ 50:50 สัมปธานไปแล้ว 50 กว่าปี คนไทยไม่รู้เลย ปี 44 เคยนำเข้าสภาก่อนมั้ยละ มาได้ไง MOU 44 ก็ตีความว่าเป็นสัญญาเพระกระทรวงการต่างประเทศไปทำข้อตกลง ตกลงได้ไง ตามกฏหมายระหว่างประเทศ หรือตาม UNCLOS เกาะกูดไม่ได้เล็กเลยนะ อณาเขตทางทะเลเท่าไร แบบนี้คนไทยยินดีทำตามที่จะร่วมมือกับโจรมั้ย 26,000 ตารางกิโลเมตรมันใหญ่กว่า จังหวัดนครราชสีมาร่วมกับเชียงใหม่ทั้ง 2 จังหวัดเสียอีก รัฐบาลประเทศไหนในโลกใบนี้ที่เขาจะโง่ได้เท่าขนาดนี้ ถ้าไม่บอกเลิกสัญญาหรือไม่แก้กรอบข้อตกลงนี้่
ถ้าอยากรู้ว่าความจริงตืออะไร ให้ไปดูข้อกฎหมายของแต่ละเรื่อง
MOU44 ขัดกับพระบรมราชโองการของ ร.9 เรื่อง ประกาศเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย พศ. 2516