ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ฟังเข้าใจพระไตรปิฎกได้เพราะมี พอจ.เป็นผู้บอกสอนให้เข้าใจในเรื่องต่างๆ ประโยชน์จากการฟังธรรมคือจิตโน้มเข้าไป น้อมเข้าไป โอนเข้าไปสู่... ไหลลงไป บ่าลงไป หลากลงไปสู่...กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ
น้อมกราบสาธุในธรรมทานครับ
อันนี้ยังไม่ได้ญาณ แค่ขยันศัทธา แม้ไม่นั้งสมาธิ เราจะทำอะไรก็ตาม ถ้าความคิดอกุศล เข้ามา ก็ละทิ้งมันทันที่ บางที่คิดว่ามันไร้สาระ ไม่น่าสนใจ เหมือนมองแล้วผ่าน แค่เริ่มก็อัศจรรย์ละ สาธุครับ
สาธุ ถูกต้องแล้ว ทำไปเรื่อยๆ จะอัจศจรรย์ ยิ่งกว่านี้อีกเยอะ
ใช่ครับ
ทำตามคำสอนธรรมวินัย ของพระพุทธเจ้าเจ้าเท่านั้นอย่าคิดเองท่านทั้งหลาย พระอาจารย์กล่าวคำของพระพุทธเจ้า
สาธุ สาธุ สาธุ
นอ้มกราบสาธุเจ้าค่ะ
สาธุ พระอาจารย์ เป็นผู้เปิดธรรมที่ถูกปิด เป็นผู้ที่หายาก
ผมยังเป็นผู้พอใจในสุขอยู่
ไม่ใช่ธรรม ที่ถูกปิด นะ เราไม่ได้ ฟังเองต่างหาก ละ
อันไหนที่พระพุทธเจ้าปิดไว้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านไม่เปิดเผย ก้อควรจะปิดไว้หลวงปุ่พุทธทาสท่านได้บอกไว้ว่า...#กลัวมาที่สุดคือกลัวคนพระนำธรรมที่มันละเอียดอ่อนมาเปิดเผย#สิ่งที่ท่านกลัวก้อเกิดขึ้นแลัว...เพราะมันเหมือนดาบสองคม ถ้าใช้เปนก้ดี ถ้าไม่มีปันยาก้อหลงทาง...#พูดแบบนี้คงไม่เข้าใจ พระที่นี้ก้อสอนให้พระจับมือถือแขนโยม(ไม่เชื่อลองไปเชิทดูที่กูเกิลสิ คำว่าพระคึกฤทธิ์จับมือสีกาฝรั่ง)ถามว่าผิดมากไหมก้อไม่ผิดแต่ไม่เหมาะ ถ้าไม่มีความกำหนัดก้ไม่ผิดมาก แล้วจะรุ้ได้ไงว่าพระไม่กำหนัด พระก้อคน #โด่ไม่รุ้ล้มมันก้ต้องมีแน่ พระพุทธเจ้าท่านเลยกั้นเอาไว้กลัวมันจะเลยเถิด#ขนาดกั้นพระยังพาสีกาเข้ารร.เลย กลัวไม่จับมืออย่างเดียว กลัวจับอย่างอื่นมากกว่านั้น
ใช่หายากพระแบบนี้ พระดีๆเขาไม่ทำกัน ไปจับมือถือแขนโยมฝรั่ง คงอยากเปนเจ้าลัทธิใหม่กะมัง ไม่ได้โจมตีดอก
อนุโมทนาสาธุ
อนุโมทนา แก่สาวกตถาคตที่ยกธรรมอันประเสริฐของตถาคตขึ้นกล่าว ขึ้นแสดง เพื่ออนุเคราะห์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย. สาธุ
สาธุคะอนุโมทนาบุญสาธุคะ
ตถาคเต เอกนฺตคโต อภิปฺปสนฺโน เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียวและขอน้อมกราบแทบเท้ามนัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล พระอริยเจ้าผู้เป็นหนึ่งในรัตนะ 5 แก้วห้าประการ ที่หายากได้ที่สุดในโลก พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล และคณะสงฆ์วัดนาป่าพง มีอุปการะคุณอย่างสูงต่อมหาชน ที่ได้เปิดธรรมที่ถูกปิด ให้โอกาสพวกเหล่าปุถุชนที่ยังไม่เคยสดับคำของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เป็นผู้ที่ได้สดับ และได้ให้ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมไปสั่งสมสุตตะ พึ่งตนพึ่งธรรมประพฤติธรรม สมควรแก่ธรรม ประพฤติชอบ ปฎิบัติชอบ และหยั่งลงมั่นต่อตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว ให้ได้ก้าวพ้นจากอบาย ทุคติ วินิบาต นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย. สาธุ!
สาธุค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์ อนุโมธนาสาธุครับ
สาธุค่ะ เข้าใจมากขึ้นสวดอานาปานสติประจำแต่บางครั้งต้องฟังขยายความด้วยรักและศรัทธาในพระตถาคต
ขอนอบน้อมกราบสาธุๆๆในคำสอนอันประเสริฐของพระตถาคตเจ้าค่ะ และขอนอบน้อมกราบนมัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าค่ะ ขอนอบน้อมกราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์ กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
อนุโมทนาสาธุครับ🙏🙏🙏
น้อมกราบพระอาจารย์สาธุๆๆครับ
น้อมกราบสาธุสาธุค่ะ🙏🙏🙏
กราบนมัสการสาธุๆๆค่ะ
น้อมกราบ.พระอาจารย์.ขอรับฝึกมาหลายเดือนตอนนี้รู้สึกดีนั่งได้นานขึ้นขอรับ
การมีธรรมตถาคตอยู่ในโลกเป็นความสุขของโลก. สาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
น้อมมกราบสาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาเจ้าค่ะ
อนุโมทนาสาธุ🙏🙏🙏😍😍😍
สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณครับ พระอาจารย์
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณครับ.
กราบสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาในพระธรรมคำสอนค่ะ
🙏🙏🙏🪷 กราบสาธุ พอจ เจ้าค่ะ
น้อมกราบในพระธรรมเทศนาเจ้าค่ะ
น้อมกราบขอบพระคุณ พระอาจารย์ผู้มีอุปการะคุณเป็นอันมากครับ
น้อมกราบ ครับ🙏🙏🙏🙇♂️🙇♂️🙇♂️
สาธุสาธุสาธุค่ะ
กราบนมัสการเจ้าค่ะ
สาธุสาธุสาธุ ครับ
กราบอนุโมทนาสาธุ
เบาสบายใจจิตใจมากเลยค่ะ...ชอบนั่งสมาธิ
โยนิโสมนสิการ วิตก วิจารณ์ กราบขอบพระคุณครับพระอาจารย์
จะเข้า สัมมาสมาธิ ฌานทั้ง 4ด้วย สติปัฏฐาน 4 ด้วย อานาปานสติ ★ อานาปานาติ แบบ หนึ่ง ★ พุทโธวาท 👁️👁️👁️👁️ --- ปริมุขขัง สติ----♥“ ดำรงสติเฉพาะหน้า มั่น แลอยู่“♥ ★แบบ มีสติ กั้นกระแส กาม★เพราะวิสัย ปุถุชน จิตเบา ตั้งแต่กุมารย่อมธรรมดาเคยชิน กับ *จิต แบบ กามาวจรจิต* (กาม + อวจร + จิต) ↓↓↓↓↓↓↓↓↓↓↓ทำความเข้าใจ ความหมายของคำคือ --- (จิต) ที่ยังข้องอยู่ในกาม (1) (สังกัปปะราคะ) ที่ท่องเที่ยวอยู่ในกามภพ.(2) (ภาวะทางใจ คือ สังกัปปะราคะ)คู่ตรงข้ามกับ สังกัปปราคะ ที่ตรัสว่าคือ กามของคนเรา อารมณ์อันวิจิตรในโลก หาใช่ กามไม่ (พุทโธวาท)คือ สัมมาสังกัปปะ (มรรคองค์ที่ 2)คือ สังกัปปะ ที่ไม่เนื่องกับ สังกัปปราคะ🧐เบื้องต้น แรกก้าวของก้าวแรกของ ฝึกแค่ ★ ดำรงสติเฉพาะหน้ามั่น แลอยู่★ยังไม่ต้องเลยไปอื่น ตามอานาปานสติสูตร ที่ตรัสว่า .... หรือ ตาม เสียง ชี้แนะใดๆ จิตที่หมักหมมแช่อิ่มเคยชินอย่างยิ่งในนันทิความเพลินแบบ สภาพธรรมคำว่า กามาวจรจิต จะ ดิ้น ส่าย ดุจคำว่า ปลาดิ้นลงน้ำผู้แรกฝึก ♥ ก็ รีบมี สติ กั้นกระแส ปลาดิ้นลงน้ำ เสีย ให้ได้♥ โดยไม่ต้อง วิปัสสนึก คิด ตามเสียงใดๆ รวมทั้ง เสียงตามพระสูตร ★ ในการฝึกเบื้องต้นนี้คือ มี สัมปชัญญะ หลังจากสติกั้น กระแส กามาวจรจิต (ปลาดิ้นลงน้ำ)--- กลับมารู้สึก (มีเวทนา) --- ดำรงสติเฉพาะหน้ามั่น แลอยู่ (ปลาไม่ดิ้นลงน้ำ)↑↑↑↑↑↑↑มี “สติ + สัมปชัญญะ“ ชักเย่อ(ชักคะเย่อ tug-of-war.)จิต ที่เคยชินกับ กามาวจรจิตกลับมา -- ดำรงสติมั่น แลอยู่ ---ว่างจาก ความเคยชินดังกล่าว↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑ทำบ่อยๆ เนืองๆ ซ้ำๆ คือ อาตาปี สติมา สัมปชาโนพอกพูน ความเคยชินใหม่ว่างจาก กามาวจรจิต+ อิทธิบาท 4↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑นี้คือ อานาปานสติ แบบหนึ่งที่ เสนอ กลั่นจากประสบการณ์ปฏิบัติอานาปานสติหมายเหตุรู้มาก ไม่ควร ยากนานรู้น้อย ไม่ควรพลอยรำคาญ🧐เมื่อสามารถ มีสมาธิ คือ จิตเคยชินใหม่จางคลายจาก ความเคยชินเดิม (ปลาดิ้นลงน้ำ คือ กามาวจรจิต)จึง เจริญ ตามที่ตรัสต่อมาตาม อานาบรรพ นั้น👏
ุพทไป
กราบ สาธุ สาธุ สาธุครับ🙏🙏🙏
เวลาเรานั่งสมาธิ เราจะคิดว่าเราตาย พยายามไม่คิดอะไร สมองว่างเปล่า รู้แค่ลมหายใจ จิตกุศลกับอกุศลมันจะตีกัน จิตที่ทรามมันจะตามหลอกหลอนเราเวลาเรานั่งสมาธิ ซึ่งมันยากมาก แต่ก็พยายามฝึก บางทีถ้าจิตที่เป็นอกุศลมันกำลังจะคิด เราจะภาวนาสัมมาอะรหังและพิจารณาถึงการเกิดดับ ภาวนา ดังอยู่ดับไปเป็นธรรมดา แต่เราก็รับรู้ พร้อมกับลมหายใจ จากนั้นก็ไม่คิด คือในหัวจะไม่คิดอะไร พอไม่คิดจิตจะเริ่มนิ่ง และรู้เฉพาะลมหายใจ น่างกายเหมือนมันไร้ตัวตน เหมือนอยู่ในอวกาศ 555 ใครเป็นอย่างเราบ้าง
ชุ่มชำมากครับ เย็นมากครับ ปิติและสุขขนลุกพองขนาดฤดูร้อนนะ555 นั่งสลับเดินนอน8ชั่วโมง แอร์ไม่ต้องพัดลมไม่ต้อง
กราบสาธุๆค่ะ
❤❤❤❤น้อมกราบเจ้าค่ะ❤❤❤
สาธุค่ะ
สาธุ ครับ
สาธุครับ🙏🙏🙏
กราบสาธุครับ
สาธุๆๆค่ะ
กราบสาธุคับผม
กราบสาธุค่ะ
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ🙏🌹
กราบสาธุคะ อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา การเกิดปรากฏขึ้นของ อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ วิริยะ(ศรัทธา>วิริยะ)>(วิริยะ>สติ)>(สติ>สมาธิ)>(สมาธิ>ปัญญา)>(ปัญญา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น...)การเกิดปรากฏขึ้นของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้น การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาวาจา/สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน/การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสังกัปปะ ฌาน1 เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ฌาน2 นั่นเองคะ
กราบสาธุคับ
สาธุครับ
กราบสาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะพระอาจารย์
พระพุทธเจ้า
ไปขอพี่ บี ที่วัดพระบาทนํ้าพุ ดูได้ ว่าคนอาศัยพระพุทธศาสนาหากินจะไปที่ไหน
มีสัทธา ในพระพุทธองค์
สุขอันเกิดจากสมาธินั้น เราควรจะกระทำให้มาก เจริญให้มาก ใช่ใหมครับพระอาจารย์
ก็มีส่วนใช่ครับ แต่สุขจากสมาธิ ก็เป็นสิ่งที่ต้องปล่อยวาง เหมือนกัน
@@sunmaskeds.b6135 ชาวบ้านแบบเรา เต็มที่เลยถ้าปฎิบัติ เราจะฌานแค่ไหนครับ 1-2ใช่ไหมครับ
@@user-on4xm1zh7y ปุถุชนทั่วไปสามารถทำได้ทุกฌานครับ แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน แต่สำหรับเพื่อให้เห็นการเกิดดับเพื่อให้ได้มรรคผลนิพพาน พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสว่า ใช้แค่ฌาน 1 ก็สามารถเข้าถึงมรรคผลนิพพานได้ล่ะครับ 🙏🙏🙏
@@user-on4xm1zh7y ดูตรง ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง สุตตะคือมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม มีสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง นั่นเองคะ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
จดจ่อ อยู่กับลมหายใจเข้าออก
สาธุ
เคล็ดลับครับ รู้ลมหายใจ อานาปานสติ
เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค ที่เจริญสมาธิ 9 ระดับ ปลายทาง อานาปานสติ คือ การละนันทิ ใน รูปขันธ์ นั่นเองคะ ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็จะเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ นั่นเองคะ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ ใช้การเจริญอานาปานสติ เป็น เสาเขื่อนเสาหลัก เมื่อมาถึงปลายทาง อานาปานสติ ก็คือ ละนันทิใน รูปขันธ์ นั่นเองคะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นผู้มีอำนาจมากมีอนุภาพมากจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์
🙏🙏🙏
🙏🧡💙🙏🧡💙🙏🧡💙
🙏🙇🙇🙇
ธรรมใดที่พระอาจารย์ได้รู้เห็นแจ้งแล้วขอธรรมนั้นจงสำเร็จแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ สาธุค่ะ🙏🙏🙏
มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ
ขอนอบน้อมในคำสอนของพระศาสดาซึ่งพระอาจารย์นำมาสาธยายเพื่อนำไปปฏิบัติตามธรรมสมควรแก่ธรรมด้วยความศรัทธายิ่ง สาธุ สาธุ ส
คนที่วิจารณ์ เค้าไม่เก็ทเรื่องจิตเกิดดับค่ะ 😊 ถ้าไม่เก็ทเรื่องนี้แล้ว จะไม่สามารถยอมรับความจริงข้ออื่นได้เลย
วิจารณ์สาวกของพระพุทธเจ้า คติที่ได้คือเปตรตลอดกัปหรือนรกตลอดกัป
เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ จะมีผู้ที่ฟังด้วยดี และ จะมีผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ที่ตำหนิ ผู้ที่นำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ ก็คือ การตำหนิ ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ที่เจอมาก็มี พวกติดตำราเป็นพวกรู้จำไม่รู้จริง ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่เป็นมรรคไม่เป็นผล เมื่อพิจารณาความเห็นเหล่านี้ ก็คือเป็น สาวกภาษิต นั่นเองคะ เพราะ ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ ไม่มีธรรมที่เป็นเหตุ และ ไม่มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ นั่นเองคะ คำกล่าวแบบนี้เป็นการกระทำทาง วาจา ที่เป็นกรรมดำมีวิบากดำ พูดโกหก พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ นั่นเองคะ พูดเพ้อเจ้อ คือ เป็นคำพูดที่โปรยประโยชน์ทิ้งเสียแล้วนั่นเองคะ
ใช่เลยครับ น้องเป็นสาวกที่แท้จริง เพราะน้องมีสุตต น้องรู้กฏอิทัปปัจยตาและปฏิจสมุปบาต ขอให้น้องสำเร็จมรรคผลในเร็ววันด้วยเทริญ สาธุๆๆครับ☺️☺️
@@sura7678 เมื่อเห็น ตถาคตภาษิต จะทำให้เกิดการใคร่ครวญธรรมได้เร็วขึ้นนั่นเองคะ เพราะพระพุทธเจ้าท่านจะบอก ธรรมที่เป็นเหตุ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ยกตัวอย่าง การกระทำทาง วาจา ที่เป็น กรรมดำมีวิบากดำ พูดโกหก พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ที่ตำหนิ ผู้ที่นำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ พวกติดตำรา เป็นพวกรู้จำไม่รู้จริง ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่เป็น มรรค ไม่เป็น ผล ความเห็นแบบนี้คือ สาวกภาษิต เป็นความเห็นที่เป็นการ พูดโกหก พูดโกหก เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นการ พูดยุยงให้เขาแตกกัน ถ้ายังไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ การพูดยุยงให้เขาแตกกันก็จะยังไม่เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ ก็จะเป็นเพียงการ พูดโกหก เท่านั้นนั่นเองคะ เมื่อมีผู้ที่เห็นด้วยกับความคิดเห็นแบบนี้ ก็จะกลายเป็น พูดยุยงให้เขาแตกกัน เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นการ พูดคำหยาบ นั่นเองคะ เพราะ เป็นการ พูดโกหก พูดยุยงให้เขาแตกกัน นั่นเองคะ จึงเป็นวาจาที่ชั่วหยาบ พูดคำหยาบ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เห
พูดคำหยาบ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นการ พูดเพ้อเจ้อ นั่นเองคะ คือ เป็นคำพูดที่โปรยประโยชน์ทิ้งเสียแล้วนั่นเองคะ เมื่อเห็นคนมาตำหนิ พุทธวจน ก็จะเห็น ตถาคตภาษิต คือ เห็น พูดโกหก เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น นั่นเองคะ ก็จะเห็นว่า การพูดโกหก มีหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เองคะ ถ้ามีคนเห็นด้วยกับคนที่ตำหนิ พุทธวจน ก็จะทำให้เห็นว่า พูดยุยงให้เขาแตกกัน เป็นแบบนี้นี่เองคะ เป็นการ พูดคำหยาบ เป็นการ พูดเพ้อเจ้อ เห็น ตถาคตภาษิต คือ เห็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ
สอนได้สองแบบครับ1 มีประสบการณ์ตรงจากการฝึกได้ผล ก็บอกตามประสบการณ์ที่มี2 ถ้าไม่มีประสบการณ์ตรง ก็อ้างอิงครูบาอาจารย์ อ้างอิงตำรา ถ้ารอให้ต้องฝึกสำเร็จเองทุกเรื่องจึงค่อยสอน ศาสนาก็คงไม่อาจสืบต่อมาได้ยาวนาน เพราะผู้ฝึกสำเร็จถึงฌานมีน้อยอีกทางคือถ้าไม่มีผู้สอนที่ฝึกสำเร็จเลย มีแต่ผู้สอนที่อาศัยอ้างอิงตำราครูบาอาจารย์เท่านั้น ศาสนาก็คงไม่อาจสืบต่อมาได้ยาวนานเช่นกัน เพราะฝึกแล้วติดขัดตรงไหนแก้อย่างไรก็แนะนำกันยาก* สำหรับคนที่พยายามฝึก ถ้ามีเรื่องทานเรื่องศีล วางภาระครอบครัวการงานก่อน ไม่กังวล มีเวลาและสถานที่พอจะฝึกได้ แต่ฝึกมาหลายครั้งแล้วยังไม่เห็นความแตกต่างว่านั่งสมาธิกับไม่นั่งแตกต่างกันตรงไหนอย่างไร ขอให้เริ่มที่พื้นฐานกำลังสติก่อนนะครับ สำรวจตัวเองง่ายๆว่า เราขี้กลัว ขี้ใจร้อน ขี้ตกใจ บ้าจี้ ขี้สะดุ้ง ขี้เผลอ ลืมบ่อย คิดเพลิน ขี้ง่วง ขี้ลุ้น ขี้เบื่อ สมาธิสั้น ซึมเศร้า อัดอั้น บางครั้งมีภาพมีเสียงมีคำอะไรต่างๆติดหูติดหัวอยู่เรื่อยๆเอาไม่ค่อยออก บางคนถอนหายใจเห้อๆได้ทั้งวัน ไม่มีอะไรถูกใจหรือไม่สดใสเลย บางคนชอบระบายความรู้สึกบ่อยๆ บางคนอินกับเรื่องราวต่างๆง่าย เป็นแบบนั้นบ้างหรือไม่ครับ ถ้าใช่บ่อยๆหรือหลายเรื่อง มีทุกวันนั่นบ้างนี่บ้าง แสดงว่าเราอยู่ในกลุ่มที่กำลังสติอ่อนทำให้ฝึกได้ยากครับ (แต่ไม่แปลกอะไร เพราะคนเราก็เป็นแบบนี้กันเกินครึ่งแค่เป็นในอาการในรูปแบบต่างกัน บางเรื่องยากสำหรับคนอื่นแต่เรารับมือได้ก็เหมือนสติไว ความจริงเราอาศัยความคุ้นชินด้วยไม่ใช่ใช้กำลังสติเพียวๆ) แบบนี้ควรฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันให้สามารถตามทันอาการคิดก่อนแล้วค่อยฝึกสมาธิต่อยอดไปครับ
* การใช้เพียงความคิดตามหลักตรรกะไม่ใช่ทางออกของเรื่องนี้ เพราะความเข้าใจธรรมในศาสนาพุทธระดับสมาธิภาวนา เป็นเรื่องของอาการรู้ด้วย ไม่ใช่แค่อาการคิดอย่างเดียว* เวลาคุณเจ็บ คุณไม่ต้องคิดก่อนว่าฉันเจ็บร่างกายก็รับรู้อาการเจ็บเองได้ ความคิดว่า เจ็บ ทั้งที่เป็นอาการอย่างเดียวกันแต่ฝรั่งอังกฤษเรียก Pain ก็ไม่ตรงกันกับเรา คุณรู้จักว่าเป็นความเจ็บเพราะเอาไปเทียบกับความจำคือย้อนอดีตไปแล้วจึงเรียกได้ตรงกับที่คนไทยเรียกกัน คุณอาจคิดว่าเจ็บแบบนั้นแบบนี้ เจ็บมากเจ็บน้อยก็เพราะเกิดการตัดสินให้ค่าให้ราคา เจ็บแล้วอาจขยับออกจากตรงนั้นก็เกิดอาการตัดสินไปในอนาคตว่าถ้าอยู่ที่เดิมอาจเจ็บอีก เป็นกิเลสความกลัวและหนีความทุกข์ที่ฝังอยู่ในสัญชาติญาณ จึงตอบสนองเร็วมากๆจนคนทั่วไปไม่สามารถรู้สึกตัวได้ทัน แต่ผู้ที่ฝึกได้กำลังสติละเอียดว่องไวถึงระดับฌานสามารถตามรู้ได้ทัน* เมื่อคุณคิดว่าจะเลิกคิดเรื่องไหนก็ยังเป็นเพียงเกิดอาการคิดเรื่องนั้นซ้ำไปอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่อาการที่จิตเลิกสนใจเรื่องนั้นแล้วความคิดจืดจางไปตามธรรมชาติของอาการคิด ดังนั้นไม่มีทางลัดสำหรับเรื่องนี้ครับ ต้องฝึกแบบสร้างพื้นฐาน ทาน ศีล ภาวนา อย่างฆราวาส หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างพระ ไปตามสถานภาพตามลำดับครับ อย่างน้อยฝึกรู้สึกอาการของร่างกายได้บ่อยทุกนาที เกิดกำลังสติไวพอที่จะรู้สึกตัวทันทุกครั้งเมื่อเกิดอาการพอใจไม่พอใจ หรือถ้ารู้สึกตัวทันเมื่อเกิดอาการคิดเปรียบเทียบก็ยิ่งดี จึงจะเป็นพื้นฐานให้ฝึกสมาธิได้ผลง่ายขึ้นครับ* สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้ฌาน ฌานเป็นเรื่องไม่อาจใช้ความคิดทั่วไปเข้าถึงได้ เพราะอาการสติสัมปชัญญะในอารมณ์ฌานมีกำลังความละเอียดว่องไวถึงขนาดที่ แค่รับรู้กระแสสัญญาณประสาท ก็สามารถละความสนใจไปได้ตั้งแต่ต้นทาง (ยังไม่ทันเชื่อมโยงกับความจำย้อนอดีตเกิดอาการนึกเทียบเคียงว่าคืออะไร ยังไม่ทันเกิดอาการแปลความหมายคิดเชื่อมโยงเป็นเรื่องราว ยังไม่ทันเกิดอาการคิดตัดสินถูกผิดดีชัวเหมาะควร ยังไม่ทันเกิดอาการคิดคำนวนให้ค่าให้น้ำหนักราคา ยังไม่ทันเกิดอาการชอบไม่ชอบพอใจไม่พอใจ ยังไม่ทันเกิดอาการอารมณ์หยาบๆอยากได้ไม่อยากได้โกรธดีใจเสียใจ ยังไม่ทันเกิดอาการทางกายภาพมีน้ำตาตัวสั่นตัวเกร็งหน้าแดงหน้าเขียว) จึงไม่อาจปรุงแต่งทั้งย้อนอดีตหรือล้ำอนาคต เพียงรับรู้แค่เป็นสิงหนึ่งในปัจจุบันขณะแล้วจืดจางไปในปัจจุบันขณะ * ฌานเป็นหนึ่งในอจินไตย 4 แต่ไม่เป็นอจินไตยสำหรับผู้เคยได้ฌาน (เมื่อเป็นอจินไตย ก็ต้องระวังเรื่องเสี่ยงต่อการอวดอุตริมนุสสธรรมด้วย)
@@radhanasiriตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง สุตตะคือมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม มีสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง นั่นเองคะ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
พูดเองบอกเองจะเป็น สาวกภาษิต นั่นเองคะ ก็จะกลายเป็น บุคคลพวกที่ 3 ไปฟังสาวกภาษิต ทำให้มีศรัทธา ใน สาวกภาษิต เปรียบเหมือน เมฆฝนที่ไม่คำราม และ ฝนไม่ตก สมาธิที่เกิด ก็จะเป็น อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ นั่นเองคะ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ถึงจะเป็น สัมมาสมาธิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองคะ ถ้าเป็น อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ก็คือ สังโยชน์ รูปราคะ นั่นเองคะ ทำให้มาตำหนิ พุทธวจน ตำหนิ สัมมาสมาธิ ที่พระอาจารย์ นำมาบอกสอน นั่นเองคะ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ คือ สังโยชน์ รูปราคะ นั่นเองคะ ละสังโยชน์ รูปราคะ ตามพระสารีบุตร อะไรไม่เคยมีก็มีมา และ ดับไปเป็น ธรรมดา นั่นเองคะ ละด้วยการ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
นั่งนานร่วม3ชม. แล้วจิตหลุดไปอยู่ตรงกลางหน้าอก ไม่รับรู้ถึงตา, หู, จมูก, ลิ้น, กายคือมองไปข้างบนเข้าใจว่าเป็นหัวอยู่ข้างบน แล้วหมุนตัวเองภายในรอบๆตัวเราได้ อยากทราบว่าเป็นสภาวะของอะไรครับ
มีสติ อยู่กับกาย ให้รู้ตัวว่ากำลังหายใจอยู่
กำลังเข้า สัญญาเวทย์ตนิโรธ
รูปณาน 4 อรูปฌาน 4 ต่อด้วยสัญญาเวทยิตนิโรธ หรือนิโรธสมาบัติเป็นการดับไปของ ความรับรุ้ความรุ้สึกทั้งหมด นั้นคือกำลังไกล้ นิพพานคับถ้าเห้นใจกลาง ร่างกาย แล้วปัญญาเกิดว่าร่างกายไม่ช้ายตัวเรา ถ้าหลุดมาจากตรงนั้น คือนิพพานคับ
เเล้วออกมาจากสมาธิยัง ติดในรสอร่อยไหมยังนินทาคนอื่นไหม ยังอยากได้อยากมีไหมถ้ายังมีความรู้สึกพวกนี้ จิตไปกลุดอยู่กลางหน้าอกก็ไม่มีประโยช
จำอารมณ์นี้ให้ได้ครับ พยายามกลับไปจุดนี้ให้ได้บ่อยๆ เมื่อเข้าแล้วออกมาแล้ว เอามาพิจารณาขันธ์5เลยที่มากลางอกนี้ยังไม่เรียกว่าจิตหลุด ถ้าจิตอยู่ที่เดียวเรียกว่าจิตมารวมตัว ไม่แน่ใจว่าขึ้นต้นด้วยหมวดไหน อาณา หรือกสินจิตเดิมทีมีดวงเดียว แต่มายึดขันธ์5 จึงแตกตัวไปตามเซลล์ประสาท ในหมวดอถิญญา จะทำทุกอย่างเพื่อให้จิตรวมเป็นหนึ่งเดียวถ้าจิตหลุด หรือถอดจิต จะออกทางหน้าผากตัวเองหมุนภายใน เป็นปิติ บางทีรู้สึกแรงเหมือนมันจะหมุนเป็นลูกข่างเลย มักหมุนไปทางซ้าย ทางขวาผมไม่เคยเจอ
สาธุเจ้าคะะ
ถ้าณาน 1ไม่ถูก ก้ไม่มีทางถึงณาน 4 ณาน 1 ปฐมณาน ประกอบด้วย วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข และ เอกัคคตา ผมอธิบายให้ฟัง เมื่อเราเห็นสภาวะธรรมการเกิดดับ ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และ เราก็วิตก วิจารณ์ ในภาวะธรรมนั้นมันเกิดมันดับ ของมันเอง ไม่ช้ายตัวเรา ไม่ช้ายอำรานของเรา ก็ก็จะเกิด ปีติ และสุขเกิดขึ้นในณาน ส่วน เอกัคคตา หมายถึง จิตที่เป็นอารมณ์เดียว ไม่ปรุงแต่ง ถ้าไม่มีสภาวะเหล่านี้ แสดงว่า ไม่ใช่ณาน1 แค่ไม่อยากให้หลงทาง เพราะทุกคนก้อยากจะพ้นทุกข์
เอาที่สบายใจครับนิเอาทาจากพระไตรปิฏกนะเนี่ย
@@tuwewdaeaw7835ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง สุตตะคือมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม มีสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง นั่นเองคะ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง เส้นทางของพวก ปฏิผล สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ
ก็คือ กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเองคะ เป็น ตถาคตภาษิต ดูตัวอย่าง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็น ตถาคตภาษิต เมื่อมีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงมีพระธรรม พุทธวจน เมื่อมีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงมีพระสงฆ์ มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ เมื่อไม่มีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระธรรม ไปฟังสาวกภาษิต ทำให้มีศรัทธาใน สาวกภาษิต เมื่อไม่มีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระสงฆ์ ไม่มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม
ไปถึงแค่รู้สึกว่าตนเองไร้อวัยวะแขนขาเองครับ จะพยายามเพียรให้มากครับ🙏
ตอนนี้พระอาจารย์ไปไหนครับท่านใดรู้ รบกวน บอกหน่อยนะครับ
ระวังการเทศน์ทุกครั้งควรแบ่งรับแบ่งสู้ว่าฉันว่าตามตำราเพราะเกิดไม่ทันกันทั้งนั้น อย่าเดา จะบาปน้อยหรือไม่บาปเลย
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านกำหนดสมาธิทุกครั้งในการพูดเพื่อไม่ให้พลาดแม้แต่คำเดียว จะทำให้รู้จัก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ
ตอนนี้สามารถพิสูจน์ได้แล้วคะว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ พระพุทธเจ้าท่านบอกเส้นทางไว้ให้รู้ตามอย่างนี้คะ มีความทุกข์จึงแสวงหาทางพ้นทุกข์ มีกัลยาณมิตร เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น เข้ามาฟังพุทธวจนนั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ
ขอบคุณครับ
การเข้าฌานของจิตจะยากกว่าการเข้าชานรถทัวร์..การเช้าชานรถทัวร์ง่ายกว่า
หลวงพี่คึกฤทธิ์ท่านต้องมาบอกด้วยประสบการณ์ตัวเองซิ แล้วมาอิงพระท่านในตำรา ว่าแต่ท่านหลวงพี่เข้าถึงฌาณ4หรือยังละคับท่าน
ปกติเข้าฌาน1เค้าเข้ากันยังไงแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเข้าฌานได้แล้ว ?
@@ekanongboonsiri4680 นั่งแล้วฌานจะเข้าเองนะครับ จะรู้ว่าฌานที่เท่าไรฟังที่คลิปบ่อยๆครับ
อย่าปรามาสพระเลยครับ ถ้าไม่ชอบก็เลื่อนผ่านใปเลย คนดีเค้าไม่พูดเรื่องของคนอื่นในทางที่ไม่ดีครับ
สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ
@@ekanongboonsiri4680เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ก็อยู่ที่ว่าเดินเส้นไหน สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง สุตตะคือมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม มีสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง นั่นเองคะ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
หนูนั่งสมาธิถ้านั่งทุกวันประมาณสองนาทีก็จะไม่รูสึกว่ามีแขนขาแล้ว ไม่มีพุทธโธแล้วเวลานั่งสมาธิไม่ว่านานแค่ใหนก็ไม่เคยเป็นเหน็บชา แต่ถ้านั่งพับเพียบธรรมดาสิบนาทีก็เป็นเหน็บแล้วคะ ครั้งหนึ่งเคยเห็นร่างกายบวมเหมือนอึ่งอ่างคะพระอาจารย์ สักพักก็กลายเป็นฟองอากาศเริ่มจากด้านล่างกัดกินจนไม่มีร่างกายเหลือเลย ไม่มีอะไรเลยจริงๆ นึกในใจไม่มีอะไรเลยจริงๆสักพักกลับมารู้สึกตัว ไปต่อไม่เป็น ก็เลยออกจากสมาธิ อย่างงี้คืออะไรคะพระอาจารย์
มาเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง คือ สุตตะ คือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ปลายทางเป็น ปัญญา สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 มีหลายทาง ปลายทางดูที่ ปัญญา ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็จะได้คำตอบนั่นเองคะ ได้คำตอบจาก ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ
เคยฟังคลิปหนึ่งที่โยมถามอาการสภาวะการปฏิบัติ ซึ่งฟังแล้วโยมกำลังเข้าถึงฌาน 3-4 แต่ท่านกลับตอบไปเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ยังพูดเรื่องรูปแบบอยู่เลย ทำให้ทราบชัดได้ว่า ปฐมฌานท่านก็ไม่ทราบอาการ เป็นเรื่องที่แปลกมาก แต่ปัจจุบันก็ไม่สามารถทราบท่านได้ ว่าท่านเข้าใจหรือยัง
ฟังบ่อยๆซิครับ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้นะครับ ฟังบ่อยๆซ้ำๆ ทำไหมผมฟังผมเข้าใจครับ
สนใจเเค่ว่าตัวเราเข้าใจรึยังก็พอ
รู้ได้อย่างไรว่าถึงชาน3-4ครับ
ดูหลายๆคลิปซิครับ พระท่านก็เอาคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องฌานมาตอบใว้เยอะแยะ นะครับ
คนเมนท์..ไม่รู้...ฟังเค้าเล่าแล้วจะแยกออกได้งัย..อันไหนจริงอันไหนเท็จ...รู้อาการได้งัย .ว่าอันนี้ฌาน3อันนี้ฌาน4
อาจารย์ใดสอนท่านถึงได้มั้วมากแบบนี้ฟังแล้วคงไปไกลแล้ว
ด้วยความเคารพครับ ที่ถูกต้องทำยังงัยครับ
พระท่านก็บอกอยู่ว่าพระพุทธเจ้าตรัส แล้วถ้าผิด แบบไหนถึงจะถูกล่ะท่าน❓️ เพราะผมก็ไปเช็คในพระไตรปิฎกมันก็ตรงกันนะ ผมว่าคุณเองมากกว่าที่เรีนมาผิด😮💨
กล่าวตู่
ผมฟังก็เข้าใจดี เป็นที่ตัวคุณอคติเองรึป่าว
ก็บอกเลยว่าเป็น พระพุทธเจ้า นั่นเองคะที่บอกสอนไว้ให้รู้ตาม ต้องเจริญ สัมมาสมาธิ คะ ถึงจะเป็นการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ที่เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เส้นทางพระพุทธเจ้าท่านก็บอกไว้ใน พุทธวจน แบบชัดเจนแล้วนั่นเองคะ ไม่ต้องสงสัยเลยคะว่า ไม่ได้เดินตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้นั่นเอง เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา ต้นทางคือ สุตตะ คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ปลายทางเป็น ปัญญา สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ต้องเดินตามทางนี้จึงจะมี สัมมาทิฏฐิ เห็นถูก เห็น สัมมาสมาธิ ฌาน 1234 เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เดินตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้คะ ถึงจะเป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ซึ่งเป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ถ้าเดินคนละทาง และ มาตำหนิ คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การตำหนิ พระพุทธเจ้า นั่นเองคะ ซึ่งเป็น สังโยชน์ วิจิกิจฉา และ สังโยชน์ มานะ นั่นเองคะ
ขอถามข้อคิดเพิ่มเติมครับ สภาวะธรรมนี้หมายความรวมถึงฤาษี พราหมณ์ ที่สามารถเข้าถึงฌาณ(โลกีย์) 1-4 ด้วยใช่มั้ยครับ และถ้าอ.เล่าถึงประสบการณ์ตรงของตนเองที่สัมผัสมาด้วย น่าจะทำให้เห็นภาพมากขึ้นนะครับ ถ้ามีลิงค์ที่พระอ. เล่าถึงประสบการณ์ตรงของตนเองด้วย ช่วยส่งลิงค์ให้ด้วยนะครับ ยอมรับว่าท่านอ. พูดอธิบายธรรมจากพระโอษฐ์นี้แล้วเข้าใจเห็นภาพขึ้นมาก
@Ariya Thammachart การปรามาสภิกษุหากเกิดว่าท่านเป็นอริยะสงฆ์ ผลของกรรมคืออนันตริยกรรม ถือเป็นกรรมหนักมีโอกาสไปอบายสูงมากเลยนะครับ เพราะเหตุนี้อย่าปรามาสภิกษุในธรรมวินัยนี้อย่าเสี่ยง อย่าเอาสนุกปากดีกว่า ได้ไม่คุ้มเสียครับ
ขอตอบนะคะ การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ถ้าเป็น ปุถุชน ผู้ไม่ได้สดับ เมื่อเป็น ฌาน 4 ก็จะเป็น อิทธิปาฏิหาริย์ และ อาเทสนาปาฏิหาริย์ นั่นเองคะ ก็คือมีสังโยชน์ รูปราคะ นั่นเองคะ ถ้าเป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ให้ดูตรง ปัญญา นั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา ต้นทาง คือ สุตตะ คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ปลายทางเป็น ปัญญา ฌาน 4 นั่นเองคะ เป็นเส้นทางการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ของพวก ปฏิผล นั่นเองคะ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ส่วนเส้นทางของพวก ปฏิมรรค มีหลายทาง เป็นการเจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นฌาน 4 ก็ให้ดูที่ ปัญญา นั่นเองคะ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ต้องเจริญ สัมมาสมาธิ เท่านั้นคะ ถึงจะฟังคลิปนี้เข้าใจ เพราะเป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ
@@ariyathammachart4249ยังไม่ได้เจริญ สัมมาสมาธิ นั่นเองคะ ถึงไม่เข้าใจใน สัมมาสมาธิ สุตตมยปัญญา เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ก็จะเห็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ
จะต่างกันตรง ปัญญา ฌาน 4 แค่นั้นเองคะ ถ้าเป็น สัมมาสมาธิ ปัญญา ฌาน 4 จะเป็น สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ผู้ที่เจริญสัมมาสมาธิ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก นั่นเองคะ ในส่วนของปุถุชน เป็นปัญญา ฌาน 4 ที่เป็น อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ซึ่ง อริยบุคคล ก็สามารถทำได้นั่นเองคะ ในส่วนของ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปุถุชนทำไม่ได้นั่นเองคะ ต้องเป็นผู้ที่ได้สดับ ใน ตถาคตภาษิต เท่านั้นที่ เจริญสัมมาสมาธิ นั่นเองคะ
@@ariyathammachart4249พระอาจารย์ท่านเห็น ลิขสิทธิ์ทาง ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ของพระพุทธเจ้า ว่า ต้องมีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต เท่านั้นถึงจะเป็นการ เจริญอริยมรรคมีองค์แปด ท่านรู้จัก ตถาคตภาษิต แล้ว ท่านรู้จัก สาวกภาษิต แล้ว นั่นเองคะ
อยากเข้าฌาน๑ - ๔เป็นบ้างเจ้าค่ะ สาธุค่ะ
เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกทางไว้ให้รู้ตามนั่นเองคะ สุตตมยปัญญา ต้นทางคือ สุตตะ คือ มี ศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา ปลายทางเป็น ปัญญา สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก ก็จะเห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม เห็นถูกอย่างนี้คะ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ตรวจสอบความก้าวหน้าด้วยอินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ คือ ละอารมณ์ได้ดุจกระพริบตา ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค นั่นเองคะ ปลายทางเป็นปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ศีล สมาธิ ปัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ
นั่งไปสักพักเมื่อจิตสงบ มีตากระตุก มีหมอกขาวมัวไปหมด ใจสั่น จิตเกิดปิติ สุขมากๆ อาการถือว่าปรกติไหมคับ
ไม่น่าปรกติครับ มันจะมีหมอกได้อย่างไรครับ ปรุงแต่งแล้วครับ ฟังพุทธวจนะ เยอะๆครับ มรรคสมาธิ ฟังแล้วนำมาใคร่ครวญครับ.
ปกติครับ แต่ทำได้แค่ ไม่สนใจๆๆ แล้วเพ่งในอารมณ์กรรมฐานหมวดที่ฝึกครับ มันจะกระตุก จะสั่น จะอะไรเรื่องของมัน
@@mekajit กรรมฐาน ไม่ใช่สมาธิครับ คำแต่งใหม่ครับ
ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ รับรู้ลมหายใจเข้าออก ละนันทิจิตหลุดพ้น จะเห็น สังโยชน์ รูปราคะ นั่นเองคะว่า หน้าตาสังโยชน์ รูปราคะ ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตาม หน้าตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง สังโยชน์ คือ เครื่องร้อยรัด สัตตานัง ไว้ใน สังสารวัฏ นั่นเองคะ
🙏🙏🙏🧎♂️
น้อมกราบพระอาจารย์ท่านผู้มีอุปการะคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุรับแล้วได้แล้วขอบพระคุณพระจ้าค่ะบันทึกการเข้าใจ
น้อมจิตกราบอนุโมทนาสาธุธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยเทอญสาธุๆๆค่ะ🙏🙏🙏🌷
ก็พระพุทธเจ้าสอนไงอยู่ในพระไตยปิฏกแล้วไครเก่วกว่าตถาคตนะ
กราบสาธุ🙏🙏🙏⚘ท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์
พระพุทธเจ้าทรงบอกแนวทางเหมือนท่านพูดแต่พระผู้ปฏิบัตสิของจริงสอนได้ลึกซึ้งแต่เข้าใจง่ายเช่นสานพระอาจารย์มั่นนั้นสิรู้จริงล้วนแต่พระอริยเจ้าทั้งนั้น ร9ไปกราบทุกองค์
1ถึง4ยากไหมครับ
ถ้าเป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ก็ไม่ยากคะ ความยากอยู่ที่ สังโยชน์ วิจิกิจฉา คือ ความสงสัยลังเลใน มรรค และ ปฏิปทา สังโยชน์ วิจิกิจฉา มันขวางทางจริงๆคะ เส้นทางตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตาม ไม่ยากจริงๆ คือ มีเหตุปัจจัยถูก เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อเป็นผู้ที่ได้สดับ ใน ตถาคตภาษิต แล้ว เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็นเหตุปัจจัย ทำให้มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเจริญ สัมมาสมาธิ จึงเป็น สัมมาสังกัปปะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาสังกัปปะ เส้นทางการเจริญ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ของพวก ปฏิผล สุตตมยปัญญา เป็น ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ต้นทางเป็น สุตตะ ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ปลายทางเป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ สุตตมยปัญญา ต้นทางเป็น สุตตะ เลือกมา สังขตธรรม เป็น ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าบอกว่า มีอยู่นะ สังขตธรรม คุณสมบัติ เกิดปรากฏ เสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ สังขตธรรม เป็น ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้อย่างนี้คะ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเจริญ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 สุตตมยปัญญา จึงเป็น สัมมาสังกัปปะ เมื่อมาถึงปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก นั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิบริบูรณ์ นั่นเองคะ
ฝากถามท่านคึ หน่อยสิ พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่ไหน ห้ามตอบว่า กุสินารา และต้นรังคู่...ท่านจะตอบว่าอะไร
รู้ไปเพื่ออะไร
ถ้าคุณถามพระอริยเจ้าท่านตอบได้แน่นอน
มันก้อมีเหตุผลของมันที่อยากรุ้ เราคงไม่ถามลอยๆ ถามโดยไม่มีจุดหมายหรอก ไม่เหมือนคุนวันๆหาสาระไม่ได้ เพราะคำถามนี้มันยุ่ในข้อสอบนักธรรมชั้นตรี ชึ่งไม่ค่อยมีใครตอบได้ หลายปีมาละ ตั้งแต่คุนยังไม่เกิด คุนมันไม่รุ้อะไรหรอก รุ้แต่หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แน่จริงเอาชีวิตตัวเองตอนนี้ เดียวนี้ให้รอดก่อนเถิด. ค่อยจะอยากรุ้เรื่องคนอื่น
@@dharmanoblemonk6059 ออใช่ผมคงถามพระอริเยอะสินะ ไม่ใช่อริยะเจ้า ขออภัย
@@user-yd5zf4mb9dก็ผมถึงอยากรู้นี่งัยว่ารู้ไปแล้วได้ประโยชน์อะไรเผื่อผมจะได้ฉลาดแบบคุณบ้าง
พูดในตำราใครๆก็พูดได้ท่าน แต่ทำได้หรือยังละ สอนไปก็เท่านั้นแหละถ้ายังไม่ลิ้มรสมัน..อีกอย่างคนธรรมดายังมีกิเลสหนาจะสอนฌานซะเเล้ว ตาย เกิดอีกกี่ชาติจะได้เข้าฌาน...อีกนาน
ทำได้หรือไม่ได้ คุณรู้ได้ไง ท่านกำลังเผยแพร่ธรรมะ มันหน้าที่ท่าน มันก็ดีอยู่แล้ว ดีกว่าหลายๆคนบนโลก จะเริ่มปฏิบัติมันก็ต้องมาเรียนปริยัติก่อนป่ะ ส่วนใครจะทำได้มากน้อยมันก็เรื่องของแต่ละคน สรุปคือให้สนใจตนเอง ทำหน้าที่ตนเองนะครับ
โถขนาดท่านเอาคำพระพุทธเจ้ามาบอกสอนคุณยังไม่เข้าใจเลย จะหวังอะไรได้เล่าจากคำของสาวกที่แต่งเอง
ทำเหตุอย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้น
แล้วมันมีใครที่เอาในตำรามาพูดให้มหาชนฟังมั่งมั้ยคับ ❓️ เห็นมีแต่คิดเองเออเองมีแต่ความคิดเห็นส่วนตัวทั้งนั้นที่เอามาสอน ไม่เห็นมีใครเอาคำของพระพุทธเจ้ามาบอกมาสอนเหมือนท่านพระอาจาร์คึกฤทธิ์เลย ผมว่าพระท่านก็ทำถูกแล้วนะที่เอาคำสอนของพระศาสดามาเผยแผ่🙏🙏🙏
อย่างน้อยท่านก็อยู่ในพรมจัน เเละบวชตลอดชีวิต ส่วนคุณละทำอะไรที่ทำได้ยากมั้ง สัมมาทิฐิคุณนยังไม่มีเลย
๙ึท🐱🐱🐱🐱
![[TH] VCT Masters Shanghai Playoffs DAY 4 // 100T vs GEN | G2 vs TH](http://i.ytimg.com/vi/UkTGSxdCUQw/mqdefault.jpg)
ฟังเข้าใจพระไตรปิฎกได้เพราะมี พอจ.เป็นผู้บอกสอนให้เข้าใจในเรื่องต่างๆ ประโยชน์จากการฟังธรรมคือจิตโน้มเข้าไป น้อมเข้าไป โอนเข้าไปสู่... ไหลลงไป บ่าลงไป หลากลงไปสู่...กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ
น้อมกราบสาธุในธรรมทานครับ
อันนี้ยังไม่ได้ญาณ แค่ขยันศัทธา แม้ไม่นั้งสมาธิ เราจะทำอะไรก็ตาม ถ้าความคิดอกุศล เข้ามา ก็ละทิ้งมันทันที่ บางที่คิดว่ามันไร้สาระ ไม่น่าสนใจ เหมือนมองแล้วผ่าน แค่เริ่มก็อัศจรรย์ละ สาธุครับ
สาธุ ถูกต้องแล้ว ทำไปเรื่อยๆ จะอัจศจรรย์ ยิ่งกว่านี้อีกเยอะ
ใช่ครับ
ทำตามคำสอนธรรมวินัย ของพระพุทธเจ้าเจ้าเท่านั้นอย่าคิดเองท่านทั้งหลาย พระอาจารย์กล่าวคำของพระพุทธเจ้า
สาธุ สาธุ สาธุ
นอ้มกราบสาธุเจ้าค่ะ
สาธุ พระอาจารย์ เป็นผู้เปิดธรรมที่ถูกปิด เป็นผู้ที่หายาก
ผมยังเป็นผู้พอใจในสุขอยู่
ไม่ใช่ธรรม ที่ถูกปิด นะ เราไม่ได้ ฟังเองต่างหาก ละ
อันไหนที่พระพุทธเจ้าปิดไว้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านไม่เปิดเผย ก้อควรจะปิดไว้
หลวงปุ่พุทธทาสท่านได้บอกไว้ว่า...
#กลัวมาที่สุดคือกลัวคนพระนำธรรมที่มันละเอียดอ่อนมาเปิดเผย
#สิ่งที่ท่านกลัวก้อเกิดขึ้นแลัว...
เพราะมันเหมือนดาบสองคม ถ้าใช้เปนก้ดี ถ้าไม่มีปันยาก้อหลงทาง...
#พูดแบบนี้คงไม่เข้าใจ พระที่นี้ก้อสอนให้พระจับมือถือแขนโยม(ไม่เชื่อลองไปเชิทดูที่กูเกิลสิ คำว่าพระคึกฤทธิ์จับมือสีกาฝรั่ง)ถามว่าผิดมากไหมก้อไม่ผิดแต่ไม่เหมาะ ถ้าไม่มีความกำหนัดก้ไม่ผิดมาก แล้วจะรุ้ได้ไงว่าพระไม่กำหนัด พระก้อคน
#โด่ไม่รุ้ล้มมันก้ต้องมีแน่ พระพุทธเจ้าท่านเลยกั้นเอาไว้กลัวมันจะเลยเถิด
#ขนาดกั้นพระยังพาสีกาเข้ารร.เลย กลัวไม่จับมืออย่างเดียว กลัวจับอย่างอื่นมากกว่านั้น
ใช่หายากพระแบบนี้ พระดีๆเขาไม่ทำกัน ไปจับมือถือแขนโยมฝรั่ง คงอยากเปนเจ้าลัทธิใหม่กะมัง ไม่ได้โจมตีดอก
อนุโมทนาสาธุ
อนุโมทนา แก่สาวกตถาคต
ที่ยกธรรมอันประเสริฐของตถาคต
ขึ้นกล่าว ขึ้นแสดง เพื่ออนุเคราะห์
แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย. สาธุ
สาธุคะอนุโมทนาบุญสาธุคะ
ตถาคเต เอกนฺตคโต อภิปฺปสนฺโน
เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว
และขอน้อมกราบแทบเท้ามนัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล พระอริยเจ้าผู้เป็นหนึ่งในรัตนะ 5 แก้วห้าประการ ที่หายากได้ที่สุดในโลก พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล และคณะสงฆ์วัดนาป่าพง มีอุปการะคุณอย่างสูงต่อมหาชน ที่ได้เปิดธรรมที่ถูกปิด ให้โอกาสพวกเหล่าปุถุชนที่ยังไม่เคยสดับคำของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เป็นผู้ที่ได้สดับ และได้ให้ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมไปสั่งสมสุตตะ พึ่งตนพึ่งธรรมประพฤติธรรม สมควรแก่ธรรม ประพฤติชอบ ปฎิบัติชอบ และหยั่งลงมั่นต่อตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว ให้ได้ก้าวพ้นจากอบาย ทุคติ วินิบาต นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย. สาธุ!
สาธุค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์ อนุโมธนาสาธุครับ
สาธุค่ะ เข้าใจมากขึ้นสวดอานาปานสติประจำแต่บางครั้งต้องฟังขยายความ
ด้วยรักและศรัทธาในพระตถาคต
ขอนอบน้อมกราบสาธุๆๆในคำสอนอันประเสริฐของพระตถาคตเจ้าค่ะ และขอนอบน้อมกราบนมัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าค่ะ ขอนอบน้อมกราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์ กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
อนุโมทนาสาธุครับ🙏🙏🙏
น้อมกราบพระอาจารย์สาธุๆๆครับ
น้อมกราบสาธุสาธุค่ะ🙏🙏🙏
กราบนมัสการสาธุๆๆค่ะ
น้อมกราบ.พระอาจารย์.ขอรับฝึกมาหลายเดือนตอนนี้รู้สึกดีนั่งได้นานขึ้นขอรับ
การมีธรรมตถาคตอยู่ในโลก
เป็นความสุขของโลก. สาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
น้อมมกราบสาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาเจ้าค่ะ
อนุโมทนาสาธุ🙏🙏🙏😍😍😍
สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณครับ พระอาจารย์
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณครับ.
กราบสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาในพระธรรมคำสอนค่ะ
🙏🙏🙏🪷 กราบสาธุ พอจ เจ้าค่ะ
น้อมกราบในพระธรรมเทศนาเจ้าค่ะ
นอ้มกราบสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบขอบพระคุณ พระอาจารย์ผู้มีอุปการะคุณเป็นอันมากครับ
น้อมกราบ ครับ🙏🙏🙏🙇♂️🙇♂️🙇♂️
สาธุสาธุสาธุค่ะ
กราบนมัสการเจ้าค่ะ
สาธุสาธุสาธุ ครับ
กราบอนุโมทนาสาธุ
เบาสบายใจจิตใจมากเลยค่ะ...ชอบนั่งสมาธิ
โยนิโสมนสิการ วิตก วิจารณ์ กราบขอบพระคุณครับพระอาจารย์
จะเข้า สัมมาสมาธิ ฌานทั้ง 4
ด้วย สติปัฏฐาน 4 ด้วย อานาปานสติ
★ อานาปานาติ แบบ หนึ่ง ★
พุทโธวาท
👁️👁️👁️👁️
--- ปริมุขขัง สติ----
♥“ ดำรงสติเฉพาะหน้า มั่น แลอยู่“♥
★แบบ มีสติ กั้นกระแส กาม★
เพราะวิสัย ปุถุชน จิตเบา ตั้งแต่กุมารย่อมธรรมดาเคยชิน กับ
*จิต แบบ กามาวจรจิต*
(กาม + อวจร + จิต)
↓↓↓↓↓↓↓↓↓↓↓
ทำความเข้าใจ ความหมายของคำ
คือ --- (จิต) ที่ยังข้องอยู่ในกาม (1) (สังกัปปะราคะ) ที่ท่องเที่ยวอยู่ในกามภพ.(2) (ภาวะทางใจ คือ สังกัปปะราคะ)
คู่ตรงข้ามกับ สังกัปปราคะ ที่ตรัสว่าคือ กามของคนเรา อารมณ์อันวิจิตรในโลก หาใช่ กามไม่ (พุทโธวาท)
คือ สัมมาสังกัปปะ (มรรคองค์ที่ 2)
คือ สังกัปปะ ที่ไม่เนื่องกับ สังกัปปราคะ
🧐
เบื้องต้น แรกก้าวของก้าวแรกของ ฝึกแค่
★ ดำรงสติเฉพาะหน้ามั่น แลอยู่★
ยังไม่ต้องเลยไปอื่น ตามอานาปานสติสูตร ที่ตรัสว่า ....
หรือ ตาม เสียง ชี้แนะใดๆ
จิตที่หมักหมมแช่อิ่มเคยชินอย่างยิ่งในนันทิความเพลินแบบ สภาพธรรม
คำว่า กามาวจรจิต
จะ ดิ้น ส่าย ดุจคำว่า ปลาดิ้นลงน้ำ
ผู้แรกฝึก ♥ ก็ รีบมี สติ กั้นกระแส ปลาดิ้นลงน้ำ เสีย ให้ได้♥
โดยไม่ต้อง วิปัสสนึก คิด ตามเสียงใดๆ รวมทั้ง เสียงตามพระสูตร ★ ในการฝึกเบื้องต้นนี้
คือ มี สัมปชัญญะ หลังจากสติกั้น กระแส กามาวจรจิต (ปลาดิ้นลงน้ำ)
--- กลับมารู้สึก (มีเวทนา) ---
ดำรงสติเฉพาะหน้ามั่น แลอยู่ (ปลาไม่ดิ้นลงน้ำ)
↑↑↑↑↑↑↑
มี “สติ + สัมปชัญญะ“ ชักเย่อ
(ชักคะเย่อ tug-of-war.)
จิต ที่เคยชินกับ กามาวจรจิต
กลับมา -- ดำรงสติมั่น แลอยู่ ---
ว่างจาก ความเคยชินดังกล่าว
↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑
ทำบ่อยๆ เนืองๆ ซ้ำๆ
คือ อาตาปี สติมา สัมปชาโน
พอกพูน ความเคยชินใหม่
ว่างจาก กามาวจรจิต
+ อิทธิบาท 4
↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑↑
นี้คือ อานาปานสติ แบบหนึ่ง
ที่ เสนอ กลั่นจากประสบการณ์ปฏิบัติ
อานาปานสติ
หมายเหตุ
รู้มาก ไม่ควร ยากนาน
รู้น้อย ไม่ควรพลอยรำคาญ
🧐
เมื่อสามารถ มีสมาธิ คือ จิตเคยชินใหม่
จางคลายจาก ความเคยชินเดิม (ปลาดิ้นลงน้ำ คือ กามาวจรจิต)
จึง เจริญ ตามที่ตรัสต่อมา
ตาม อานาบรรพ นั้น
👏
ุพทไป
กราบ สาธุ สาธุ สาธุครับ🙏🙏🙏
อนุโมทนาสาธุ
เวลาเรานั่งสมาธิ เราจะคิดว่าเราตาย พยายามไม่คิดอะไร สมองว่างเปล่า รู้แค่ลมหายใจ จิตกุศลกับอกุศลมันจะตีกัน จิตที่ทรามมันจะตามหลอกหลอนเราเวลาเรานั่งสมาธิ ซึ่งมันยากมาก แต่ก็พยายามฝึก บางทีถ้าจิตที่เป็นอกุศลมันกำลังจะคิด เราจะภาวนาสัมมาอะรหังและพิจารณาถึงการเกิดดับ ภาวนา ดังอยู่ดับไปเป็นธรรมดา แต่เราก็รับรู้ พร้อมกับลมหายใจ จากนั้นก็ไม่คิด คือในหัวจะไม่คิดอะไร พอไม่คิดจิตจะเริ่มนิ่ง และรู้เฉพาะลมหายใจ น่างกายเหมือนมันไร้ตัวตน เหมือนอยู่ในอวกาศ 555 ใครเป็นอย่างเราบ้าง
ชุ่มชำมากครับ เย็นมากครับ ปิติและสุขขนลุกพองขนาดฤดูร้อนนะ555 นั่งสลับเดินนอน8ชั่วโมง แอร์ไม่ต้องพัดลมไม่ต้อง
กราบสาธุๆค่ะ
❤❤❤❤น้อมกราบเจ้าค่ะ❤❤❤
สาธุค่ะ
สาธุ ครับ
สาธุครับ🙏🙏🙏
กราบสาธุครับ
สาธุๆๆค่ะ
กราบสาธุคับผม
สาธุค่ะ
กราบสาธุค่ะ
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ🙏🌹
กราบสาธุคะ อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา การเกิดปรากฏขึ้นของ อินทรีย์5 พละ5 ศรัทธา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ วิริยะ(ศรัทธา>วิริยะ)>(วิริยะ>สติ)>(สติ>สมาธิ)>(สมาธิ>ปัญญา)>(ปัญญา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น...)การเกิดปรากฏขึ้นของ ศรัทธา เป็นศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้น การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาวาจา/สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน/การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสังกัปปะ ฌาน1 เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ฌาน2 นั่นเองคะ
กราบสาธุคับ
สาธุครับ
กราบสาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะพระอาจารย์
พระพุทธเจ้า
ไปขอพี่ บี ที่วัดพระบาทนํ้าพุ ดูได้ ว่าคนอาศัยพระพุทธศาสนาหากินจะไปที่ไหน
มีสัทธา ในพระพุทธองค์
สาธุ สาธุ สาธุ
สุขอันเกิดจากสมาธินั้น เราควรจะกระทำให้มาก เจริญให้มาก ใช่ใหมครับพระอาจารย์
ก็มีส่วนใช่ครับ แต่สุขจากสมาธิ ก็เป็นสิ่งที่ต้องปล่อยวาง เหมือนกัน
@@sunmaskeds.b6135 ชาวบ้านแบบเรา เต็มที่เลยถ้าปฎิบัติ เราจะฌานแค่ไหนครับ 1-2ใช่ไหมครับ
@@user-on4xm1zh7y ปุถุชนทั่วไปสามารถทำได้ทุกฌานครับ แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน แต่สำหรับเพื่อให้เห็นการเกิดดับเพื่อให้ได้มรรคผลนิพพาน พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสว่า ใช้แค่ฌาน 1 ก็สามารถเข้าถึงมรรคผลนิพพานได้ล่ะครับ 🙏🙏🙏
@@user-on4xm1zh7y ดูตรง ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง สุตตะคือมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม มีสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง นั่นเองคะ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
จดจ่อ อยู่กับลมหายใจเข้าออก
สาธุ
เคล็ดลับครับ รู้ลมหายใจ อานาปานสติ
เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค ที่เจริญสมาธิ 9 ระดับ ปลายทาง อานาปานสติ คือ การละนันทิ ใน รูปขันธ์ นั่นเองคะ ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็จะเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ นั่นเองคะ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ ใช้การเจริญอานาปานสติ เป็น เสาเขื่อนเสาหลัก เมื่อมาถึงปลายทาง อานาปานสติ ก็คือ ละนันทิใน รูปขันธ์ นั่นเองคะ
ตถาคเต เอกนฺตคโต อภิปฺปสนฺโน
เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว
และขอน้อมกราบแทบเท้ามนัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล พระอริยเจ้าผู้เป็นหนึ่งในรัตนะ 5 แก้วห้าประการ ที่หายากได้ที่สุดในโลก พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล และคณะสงฆ์วัดนาป่าพง มีอุปการะคุณอย่างสูงต่อมหาชน ที่ได้เปิดธรรมที่ถูกปิด ให้โอกาสพวกเหล่าปุถุชนที่ยังไม่เคยสดับคำของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เป็นผู้ที่ได้สดับ และได้ให้ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมไปสั่งสมสุตตะ พึ่งตนพึ่งธรรมประพฤติธรรม สมควรแก่ธรรม ประพฤติชอบ ปฎิบัติชอบ และหยั่งลงมั่นต่อตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว ให้ได้ก้าวพ้นจากอบาย ทุคติ วินิบาต นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย. สาธุ!
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นผู้มีอำนาจมากมีอนุภาพมากจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์
🙏🙏🙏
🙏🧡💙🙏🧡💙🙏🧡💙
🙏🙇🙇🙇
ธรรมใดที่พระอาจารย์ได้รู้เห็นแจ้งแล้วขอธรรมนั้นจงสำเร็จแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ สาธุค่ะ🙏🙏🙏
มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ
ขอนอบน้อมในคำสอนของพระศาสดาซึ่งพระอาจารย์นำมาสาธยายเพื่อนำไปปฏิบัติตามธรรมสมควรแก่ธรรมด้วยความศรัทธายิ่ง สาธุ สาธุ ส
คนที่วิจารณ์ เค้าไม่เก็ทเรื่องจิตเกิดดับค่ะ 😊 ถ้าไม่เก็ทเรื่องนี้แล้ว จะไม่สามารถยอมรับความจริงข้ออื่นได้เลย
วิจารณ์สาวกของพระพุทธเจ้า คติที่ได้คือเปตรตลอดกัปหรือนรกตลอดกัป
เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ จะมีผู้ที่ฟังด้วยดี และ จะมีผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ที่ตำหนิ ผู้ที่นำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ ก็คือ การตำหนิ ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ที่เจอมาก็มี พวกติดตำราเป็นพวกรู้จำไม่รู้จริง ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่เป็นมรรคไม่เป็นผล เมื่อพิจารณาความเห็นเหล่านี้ ก็คือเป็น สาวกภาษิต นั่นเองคะ เพราะ ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ ไม่มีธรรมที่เป็นเหตุ และ ไม่มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ นั่นเองคะ คำกล่าวแบบนี้เป็นการกระทำทาง วาจา ที่เป็นกรรมดำมีวิบากดำ พูดโกหก พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ นั่นเองคะ พูดเพ้อเจ้อ คือ เป็นคำพูดที่โปรยประโยชน์ทิ้งเสียแล้วนั่นเองคะ
ใช่เลยครับ น้องเป็นสาวกที่แท้จริง เพราะน้องมีสุตต น้องรู้กฏอิทัปปัจยตาและปฏิจสมุปบาต ขอให้น้องสำเร็จมรรคผลในเร็ววันด้วยเทริญ สาธุๆๆครับ☺️☺️
@@sura7678 เมื่อเห็น ตถาคตภาษิต จะทำให้เกิดการใคร่ครวญธรรมได้เร็วขึ้นนั่นเองคะ เพราะพระพุทธเจ้าท่านจะบอก ธรรมที่เป็นเหตุ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ยกตัวอย่าง การกระทำทาง วาจา ที่เป็น กรรมดำมีวิบากดำ พูดโกหก พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ที่ตำหนิ ผู้ที่นำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ พวกติดตำรา เป็นพวกรู้จำไม่รู้จริง ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่เป็น มรรค ไม่เป็น ผล ความเห็นแบบนี้คือ สาวกภาษิต เป็นความเห็นที่เป็นการ พูดโกหก พูดโกหก เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นการ พูดยุยงให้เขาแตกกัน ถ้ายังไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ การพูดยุยงให้เขาแตกกันก็จะยังไม่เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ ก็จะเป็นเพียงการ พูดโกหก เท่านั้นนั่นเองคะ เมื่อมีผู้ที่เห็นด้วยกับความคิดเห็นแบบนี้ ก็จะกลายเป็น พูดยุยงให้เขาแตกกัน เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นการ พูดคำหยาบ นั่นเองคะ เพราะ เป็นการ พูดโกหก พูดยุยงให้เขาแตกกัน นั่นเองคะ จึงเป็นวาจาที่ชั่วหยาบ พูดคำหยาบ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เห
พูดคำหยาบ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นการ พูดเพ้อเจ้อ นั่นเองคะ คือ เป็นคำพูดที่โปรยประโยชน์ทิ้งเสียแล้วนั่นเองคะ เมื่อเห็นคนมาตำหนิ พุทธวจน ก็จะเห็น ตถาคตภาษิต คือ เห็น พูดโกหก เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น นั่นเองคะ ก็จะเห็นว่า การพูดโกหก มีหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เองคะ ถ้ามีคนเห็นด้วยกับคนที่ตำหนิ พุทธวจน ก็จะทำให้เห็นว่า พูดยุยงให้เขาแตกกัน เป็นแบบนี้นี่เองคะ เป็นการ พูดคำหยาบ เป็นการ พูดเพ้อเจ้อ เห็น ตถาคตภาษิต คือ เห็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ
สอนได้สองแบบครับ
1 มีประสบการณ์ตรงจากการฝึกได้ผล ก็บอกตามประสบการณ์ที่มี
2 ถ้าไม่มีประสบการณ์ตรง ก็อ้างอิงครูบาอาจารย์ อ้างอิงตำรา
ถ้ารอให้ต้องฝึกสำเร็จเองทุกเรื่องจึงค่อยสอน ศาสนาก็คงไม่อาจสืบต่อมาได้ยาวนาน เพราะผู้ฝึกสำเร็จถึงฌานมีน้อย
อีกทางคือถ้าไม่มีผู้สอนที่ฝึกสำเร็จเลย มีแต่ผู้สอนที่อาศัยอ้างอิงตำราครูบาอาจารย์เท่านั้น ศาสนาก็คงไม่อาจสืบต่อมาได้ยาวนานเช่นกัน เพราะฝึกแล้วติดขัดตรงไหนแก้อย่างไรก็แนะนำกันยาก
* สำหรับคนที่พยายามฝึก ถ้ามีเรื่องทานเรื่องศีล วางภาระครอบครัวการงานก่อน ไม่กังวล มีเวลาและสถานที่พอจะฝึกได้ แต่ฝึกมาหลายครั้งแล้วยังไม่เห็นความแตกต่างว่านั่งสมาธิกับไม่นั่งแตกต่างกันตรงไหนอย่างไร ขอให้เริ่มที่พื้นฐานกำลังสติก่อนนะครับ สำรวจตัวเองง่ายๆว่า เราขี้กลัว ขี้ใจร้อน ขี้ตกใจ บ้าจี้ ขี้สะดุ้ง ขี้เผลอ ลืมบ่อย คิดเพลิน ขี้ง่วง ขี้ลุ้น ขี้เบื่อ สมาธิสั้น ซึมเศร้า อัดอั้น บางครั้งมีภาพมีเสียงมีคำอะไรต่างๆติดหูติดหัวอยู่เรื่อยๆเอาไม่ค่อยออก บางคนถอนหายใจเห้อๆได้ทั้งวัน ไม่มีอะไรถูกใจหรือไม่สดใสเลย บางคนชอบระบายความรู้สึกบ่อยๆ บางคนอินกับเรื่องราวต่างๆง่าย เป็นแบบนั้นบ้างหรือไม่ครับ ถ้าใช่บ่อยๆหรือหลายเรื่อง มีทุกวันนั่นบ้างนี่บ้าง แสดงว่าเราอยู่ในกลุ่มที่กำลังสติอ่อนทำให้ฝึกได้ยากครับ (แต่ไม่แปลกอะไร เพราะคนเราก็เป็นแบบนี้กันเกินครึ่งแค่เป็นในอาการในรูปแบบต่างกัน บางเรื่องยากสำหรับคนอื่นแต่เรารับมือได้ก็เหมือนสติไว ความจริงเราอาศัยความคุ้นชินด้วยไม่ใช่ใช้กำลังสติเพียวๆ) แบบนี้ควรฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันให้สามารถตามทันอาการคิดก่อนแล้วค่อยฝึกสมาธิต่อยอดไปครับ
* การใช้เพียงความคิดตามหลักตรรกะไม่ใช่ทางออกของเรื่องนี้ เพราะความเข้าใจธรรมในศาสนาพุทธระดับสมาธิภาวนา เป็นเรื่องของอาการรู้ด้วย ไม่ใช่แค่อาการคิดอย่างเดียว
* เวลาคุณเจ็บ คุณไม่ต้องคิดก่อนว่าฉันเจ็บร่างกายก็รับรู้อาการเจ็บเองได้ ความคิดว่า เจ็บ ทั้งที่เป็นอาการอย่างเดียวกันแต่ฝรั่งอังกฤษเรียก Pain ก็ไม่ตรงกันกับเรา คุณรู้จักว่าเป็นความเจ็บเพราะเอาไปเทียบกับความจำคือย้อนอดีตไปแล้วจึงเรียกได้ตรงกับที่คนไทยเรียกกัน คุณอาจคิดว่าเจ็บแบบนั้นแบบนี้ เจ็บมากเจ็บน้อยก็เพราะเกิดการตัดสินให้ค่าให้ราคา เจ็บแล้วอาจขยับออกจากตรงนั้นก็เกิดอาการตัดสินไปในอนาคตว่าถ้าอยู่ที่เดิมอาจเจ็บอีก เป็นกิเลสความกลัวและหนีความทุกข์ที่ฝังอยู่ในสัญชาติญาณ จึงตอบสนองเร็วมากๆจนคนทั่วไปไม่สามารถรู้สึกตัวได้ทัน แต่ผู้ที่ฝึกได้กำลังสติละเอียดว่องไวถึงระดับฌานสามารถตามรู้ได้ทัน
* เมื่อคุณคิดว่าจะเลิกคิดเรื่องไหนก็ยังเป็นเพียงเกิดอาการคิดเรื่องนั้นซ้ำไปอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่อาการที่จิตเลิกสนใจเรื่องนั้นแล้วความคิดจืดจางไปตามธรรมชาติของอาการคิด ดังนั้นไม่มีทางลัดสำหรับเรื่องนี้ครับ ต้องฝึกแบบสร้างพื้นฐาน ทาน ศีล ภาวนา อย่างฆราวาส หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างพระ ไปตามสถานภาพตามลำดับครับ อย่างน้อยฝึกรู้สึกอาการของร่างกายได้บ่อยทุกนาที เกิดกำลังสติไวพอที่จะรู้สึกตัวทันทุกครั้งเมื่อเกิดอาการพอใจไม่พอใจ หรือถ้ารู้สึกตัวทันเมื่อเกิดอาการคิดเปรียบเทียบก็ยิ่งดี จึงจะเป็นพื้นฐานให้ฝึกสมาธิได้ผลง่ายขึ้นครับ
* สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้ฌาน ฌานเป็นเรื่องไม่อาจใช้ความคิดทั่วไปเข้าถึงได้ เพราะอาการสติสัมปชัญญะในอารมณ์ฌานมีกำลังความละเอียดว่องไวถึงขนาดที่ แค่รับรู้กระแสสัญญาณประสาท ก็สามารถละความสนใจไปได้ตั้งแต่ต้นทาง (ยังไม่ทันเชื่อมโยงกับความจำย้อนอดีตเกิดอาการนึกเทียบเคียงว่าคืออะไร ยังไม่ทันเกิดอาการแปลความหมายคิดเชื่อมโยงเป็นเรื่องราว ยังไม่ทันเกิดอาการคิดตัดสินถูกผิดดีชัวเหมาะควร ยังไม่ทันเกิดอาการคิดคำนวนให้ค่าให้น้ำหนักราคา ยังไม่ทันเกิดอาการชอบไม่ชอบพอใจไม่พอใจ ยังไม่ทันเกิดอาการอารมณ์หยาบๆอยากได้ไม่อยากได้โกรธดีใจเสียใจ ยังไม่ทันเกิดอาการทางกายภาพมีน้ำตาตัวสั่นตัวเกร็งหน้าแดงหน้าเขียว) จึงไม่อาจปรุงแต่งทั้งย้อนอดีตหรือล้ำอนาคต เพียงรับรู้แค่เป็นสิงหนึ่งในปัจจุบันขณะแล้วจืดจางไปในปัจจุบันขณะ
* ฌานเป็นหนึ่งในอจินไตย 4 แต่ไม่เป็นอจินไตยสำหรับผู้เคยได้ฌาน (เมื่อเป็นอจินไตย ก็ต้องระวังเรื่องเสี่ยงต่อการอวดอุตริมนุสสธรรมด้วย)
@@radhanasiriตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง สุตตะคือมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม มีสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง นั่นเองคะ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
พูดเองบอกเองจะเป็น สาวกภาษิต นั่นเองคะ ก็จะกลายเป็น บุคคลพวกที่ 3 ไปฟังสาวกภาษิต ทำให้มีศรัทธา ใน สาวกภาษิต เปรียบเหมือน เมฆฝนที่ไม่คำราม และ ฝนไม่ตก สมาธิที่เกิด ก็จะเป็น อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ นั่นเองคะ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ถึงจะเป็น สัมมาสมาธิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองคะ ถ้าเป็น อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ก็คือ สังโยชน์ รูปราคะ นั่นเองคะ ทำให้มาตำหนิ พุทธวจน ตำหนิ สัมมาสมาธิ ที่พระอาจารย์ นำมาบอกสอน นั่นเองคะ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ คือ สังโยชน์ รูปราคะ นั่นเองคะ ละสังโยชน์ รูปราคะ ตามพระสารีบุตร อะไรไม่เคยมีก็มีมา และ ดับไปเป็น ธรรมดา นั่นเองคะ ละด้วยการ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
นั่งนานร่วม3ชม. แล้วจิตหลุดไปอยู่ตรงกลางหน้าอก ไม่รับรู้ถึงตา, หู, จมูก, ลิ้น, กายคือมองไปข้างบนเข้าใจว่าเป็นหัวอยู่ข้างบน แล้วหมุนตัวเองภายในรอบๆตัวเราได้ อยากทราบว่าเป็นสภาวะของอะไรครับ
มีสติ อยู่กับกาย ให้รู้ตัวว่ากำลังหายใจอยู่
กำลังเข้า สัญญาเวทย์ตนิโรธ
รูปณาน 4 อรูปฌาน 4 ต่อด้วยสัญญาเวทยิตนิโรธ หรือนิโรธสมาบัติ
เป็นการดับไปของ ความรับรุ้ความรุ้สึกทั้งหมด นั้นคือกำลังไกล้ นิพพานคับ
ถ้าเห้นใจกลาง ร่างกาย แล้วปัญญาเกิด
ว่าร่างกายไม่ช้ายตัวเรา ถ้าหลุดมาจากตรงนั้น คือนิพพานคับ
เเล้วออกมาจากสมาธิยัง ติดในรสอร่อยไหม
ยังนินทาคนอื่นไหม ยังอยากได้อยากมีไหม
ถ้ายังมีความรู้สึกพวกนี้ จิตไปกลุดอยู่กลางหน้าอกก็ไม่มีประโยช
จำอารมณ์นี้ให้ได้ครับ พยายามกลับไปจุดนี้ให้ได้บ่อยๆ เมื่อเข้าแล้วออกมาแล้ว เอามาพิจารณาขันธ์5เลย
ที่มากลางอกนี้ยังไม่เรียกว่าจิตหลุด ถ้าจิตอยู่ที่เดียวเรียกว่าจิตมารวมตัว ไม่แน่ใจว่าขึ้นต้นด้วยหมวดไหน อาณา หรือกสิน
จิตเดิมทีมีดวงเดียว แต่มายึดขันธ์5 จึงแตกตัวไปตามเซลล์ประสาท
ในหมวดอถิญญา จะทำทุกอย่างเพื่อให้จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว
ถ้าจิตหลุด หรือถอดจิต จะออกทางหน้าผาก
ตัวเองหมุนภายใน เป็นปิติ บางทีรู้สึกแรงเหมือนมันจะหมุนเป็นลูกข่างเลย มักหมุนไปทางซ้าย ทางขวาผมไม่เคยเจอ
สาธุเจ้าคะะ
ถ้าณาน 1ไม่ถูก ก้ไม่มีทางถึงณาน 4
ณาน 1 ปฐมณาน ประกอบด้วย วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข และ เอกัคคตา
ผมอธิบายให้ฟัง เมื่อเราเห็นสภาวะธรรมการเกิดดับ ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และ
เราก็วิตก วิจารณ์ ในภาวะธรรมนั้น
มันเกิดมันดับ ของมันเอง ไม่ช้ายตัวเรา ไม่ช้ายอำรานของเรา ก็ก็จะเกิด ปีติ และสุขเกิดขึ้นในณาน ส่วน เอกัคคตา หมายถึง จิตที่เป็นอารมณ์เดียว ไม่ปรุงแต่ง
ถ้าไม่มีสภาวะเหล่านี้ แสดงว่า ไม่ใช่ณาน1 แค่ไม่อยากให้หลงทาง เพราะทุกคนก้อยากจะพ้นทุกข์
เอาที่สบายใจครับนิเอาทาจากพระไตรปิฏกนะเนี่ย
@@tuwewdaeaw7835ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง สุตตะคือมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม มีสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง นั่นเองคะ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง เส้นทางของพวก ปฏิผล สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ
ก็คือ กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเองคะ เป็น ตถาคตภาษิต ดูตัวอย่าง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็น ตถาคตภาษิต เมื่อมีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงมีพระธรรม พุทธวจน เมื่อมีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงมีพระสงฆ์ มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ เมื่อไม่มีพระพุทธเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระธรรม ไปฟังสาวกภาษิต ทำให้มีศรัทธาใน สาวกภาษิต เมื่อไม่มีพระธรรมเป็นปัจจัยจึงไม่มีพระสงฆ์ ไม่มี โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม
ไปถึงแค่รู้สึกว่าตนเองไร้อวัยวะแขนขาเองครับ จะพยายามเพียรให้มากครับ🙏
ตอนนี้พระอาจารย์ไปไหนครับ
ท่านใดรู้ รบกวน บอกหน่อยนะครับ
ระวังการเทศน์ทุกครั้งควรแบ่งรับแบ่งสู้ว่าฉันว่าตามตำราเพราะเกิดไม่ทันกันทั้งนั้น อย่าเดา จะบาปน้อยหรือไม่บาปเลย
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านกำหนดสมาธิทุกครั้งในการพูดเพื่อไม่ให้พลาดแม้แต่คำเดียว จะทำให้รู้จัก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ
ตอนนี้สามารถพิสูจน์ได้แล้วคะว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ พระพุทธเจ้าท่านบอกเส้นทางไว้ให้รู้ตามอย่างนี้คะ มีความทุกข์จึงแสวงหาทางพ้นทุกข์ มีกัลยาณมิตร เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น เข้ามาฟังพุทธวจนนั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ
ขอบคุณครับ
การเข้าฌานของจิตจะยากกว่าการเข้าชานรถทัวร์..การเช้าชานรถทัวร์ง่ายกว่า
หลวงพี่คึกฤทธิ์ท่านต้องมาบอกด้วยประสบการณ์ตัวเองซิ แล้วมาอิงพระท่านในตำรา ว่าแต่ท่านหลวงพี่เข้าถึงฌาณ4หรือยังละคับท่าน
ปกติเข้าฌาน1เค้าเข้ากันยังไงแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเข้าฌานได้แล้ว ?
@@ekanongboonsiri4680 นั่งแล้วฌานจะเข้าเองนะครับ จะรู้ว่าฌานที่เท่าไรฟังที่คลิปบ่อยๆครับ
อย่าปรามาสพระเลยครับ ถ้าไม่ชอบก็เลื่อนผ่านใปเลย คนดีเค้าไม่พูดเรื่องของคนอื่นในทางที่ไม่ดีครับ
สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ
@@ekanongboonsiri4680เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ก็อยู่ที่ว่าเดินเส้นไหน สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง สุตตะคือมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม ปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม มีสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง นั่นเองคะ เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
หนูนั่งสมาธิถ้านั่งทุกวันประมาณสองนาทีก็จะไม่รูสึกว่ามีแขนขาแล้ว ไม่มีพุทธโธแล้วเวลานั่งสมาธิไม่ว่านานแค่ใหนก็ไม่เคยเป็นเหน็บชา แต่ถ้านั่งพับเพียบธรรมดาสิบนาทีก็เป็นเหน็บแล้วคะ ครั้งหนึ่งเคยเห็นร่างกายบวมเหมือนอึ่งอ่างคะพระอาจารย์ สักพักก็กลายเป็นฟองอากาศเริ่มจากด้านล่างกัดกินจนไม่มีร่างกายเหลือเลย ไม่มีอะไรเลยจริงๆ นึกในใจไม่มีอะไรเลยจริงๆสักพักกลับมารู้สึกตัว ไปต่อไม่เป็น ก็เลยออกจากสมาธิ อย่างงี้คืออะไรคะพระอาจารย์
มาเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ต้นทาง คือ สุตตะ คือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ นั่นไม่ใช่ของเรา เนโสหมัสสมิ นั่นไม่ใช่เป็นเรา นะเมโสอัตตา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ปลายทางเป็น ปัญญา สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 มีหลายทาง ปลายทางดูที่ ปัญญา ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็จะได้คำตอบนั่นเองคะ ได้คำตอบจาก ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ
เคยฟังคลิปหนึ่งที่โยมถามอาการสภาวะการปฏิบัติ ซึ่งฟังแล้วโยมกำลังเข้าถึงฌาน 3-4 แต่ท่านกลับตอบไปเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ยังพูดเรื่องรูปแบบอยู่เลย ทำให้ทราบชัดได้ว่า ปฐมฌานท่านก็ไม่ทราบอาการ เป็นเรื่องที่แปลกมาก แต่ปัจจุบันก็ไม่สามารถทราบท่านได้ ว่าท่านเข้าใจหรือยัง
ฟังบ่อยๆซิครับ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้นะครับ ฟังบ่อยๆซ้ำๆ ทำไหมผมฟังผมเข้าใจครับ
สนใจเเค่ว่าตัวเราเข้าใจรึยังก็พอ
รู้ได้อย่างไรว่าถึงชาน3-4ครับ
ดูหลายๆคลิปซิครับ พระท่านก็เอาคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องฌานมาตอบใว้เยอะแยะ นะครับ
คนเมนท์..ไม่รู้...ฟังเค้าเล่า
แล้วจะแยกออกได้งัย..อันไหนจริง
อันไหนเท็จ...รู้อาการได้งัย .ว่า
อันนี้ฌาน3อันนี้ฌาน4
อาจารย์ใดสอนท่านถึงได้มั้วมากแบบนี้ฟังแล้วคงไปไกลแล้ว
ด้วยความเคารพครับ ที่ถูกต้องทำยังงัยครับ
พระท่านก็บอกอยู่ว่าพระพุทธเจ้าตรัส แล้วถ้าผิด แบบไหนถึงจะถูกล่ะท่าน❓️ เพราะผมก็ไปเช็คในพระไตรปิฎกมันก็ตรงกันนะ ผมว่าคุณเองมากกว่าที่เรีนมาผิด😮💨
กล่าวตู่
ผมฟังก็เข้าใจดี เป็นที่ตัวคุณอคติเองรึป่าว
ก็บอกเลยว่าเป็น พระพุทธเจ้า นั่นเองคะที่บอกสอนไว้ให้รู้ตาม ต้องเจริญ สัมมาสมาธิ คะ ถึงจะเป็นการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ที่เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เส้นทางพระพุทธเจ้าท่านก็บอกไว้ใน พุทธวจน แบบชัดเจนแล้วนั่นเองคะ ไม่ต้องสงสัยเลยคะว่า ไม่ได้เดินตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้นั่นเอง เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา ต้นทางคือ สุตตะ คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ปลายทางเป็น ปัญญา สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ต้องเดินตามทางนี้จึงจะมี สัมมาทิฏฐิ เห็นถูก เห็น สัมมาสมาธิ ฌาน 1234 เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เดินตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้คะ ถึงจะเป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ซึ่งเป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ถ้าเดินคนละทาง และ มาตำหนิ คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การตำหนิ พระพุทธเจ้า นั่นเองคะ ซึ่งเป็น สังโยชน์ วิจิกิจฉา และ สังโยชน์ มานะ นั่นเองคะ
ขอถามข้อคิดเพิ่มเติมครับ สภาวะธรรมนี้หมายความรวมถึงฤาษี พราหมณ์ ที่สามารถเข้าถึงฌาณ(โลกีย์) 1-4 ด้วยใช่มั้ยครับ และถ้าอ.เล่าถึงประสบการณ์ตรงของตนเองที่สัมผัสมาด้วย น่าจะทำให้เห็นภาพมากขึ้นนะครับ ถ้ามีลิงค์ที่พระอ. เล่าถึงประสบการณ์ตรงของตนเองด้วย ช่วยส่งลิงค์ให้ด้วยนะครับ ยอมรับว่าท่านอ. พูดอธิบายธรรมจากพระโอษฐ์นี้แล้วเข้าใจเห็นภาพขึ้นมาก
@Ariya Thammachart การปรามาสภิกษุหากเกิดว่าท่านเป็นอริยะสงฆ์ ผลของกรรมคืออนันตริยกรรม ถือเป็นกรรมหนักมีโอกาสไปอบายสูงมากเลยนะครับ เพราะเหตุนี้อย่าปรามาสภิกษุในธรรมวินัยนี้อย่าเสี่ยง อย่าเอาสนุกปากดีกว่า ได้ไม่คุ้มเสียครับ
ขอตอบนะคะ การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ถ้าเป็น ปุถุชน ผู้ไม่ได้สดับ เมื่อเป็น ฌาน 4 ก็จะเป็น อิทธิปาฏิหาริย์ และ อาเทสนาปาฏิหาริย์ นั่นเองคะ ก็คือมีสังโยชน์ รูปราคะ นั่นเองคะ ถ้าเป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ให้ดูตรง ปัญญา นั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา ต้นทาง คือ สุตตะ คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ปลายทางเป็น ปัญญา ฌาน 4 นั่นเองคะ เป็นเส้นทางการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ของพวก ปฏิผล นั่นเองคะ สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ส่วนเส้นทางของพวก ปฏิมรรค มีหลายทาง เป็นการเจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นฌาน 4 ก็ให้ดูที่ ปัญญา นั่นเองคะ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ต้องเจริญ สัมมาสมาธิ เท่านั้นคะ ถึงจะฟังคลิปนี้เข้าใจ เพราะเป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ
@@ariyathammachart4249ยังไม่ได้เจริญ สัมมาสมาธิ นั่นเองคะ ถึงไม่เข้าใจใน สัมมาสมาธิ สุตตมยปัญญา เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ก็จะเห็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ
จะต่างกันตรง ปัญญา ฌาน 4 แค่นั้นเองคะ ถ้าเป็น สัมมาสมาธิ ปัญญา ฌาน 4 จะเป็น สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ผู้ที่เจริญสัมมาสมาธิ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก นั่นเองคะ ในส่วนของปุถุชน เป็นปัญญา ฌาน 4 ที่เป็น อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ซึ่ง อริยบุคคล ก็สามารถทำได้นั่นเองคะ ในส่วนของ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปุถุชนทำไม่ได้นั่นเองคะ ต้องเป็นผู้ที่ได้สดับ ใน ตถาคตภาษิต เท่านั้นที่ เจริญสัมมาสมาธิ นั่นเองคะ
@@ariyathammachart4249พระอาจารย์ท่านเห็น ลิขสิทธิ์ทาง ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ของพระพุทธเจ้า ว่า ต้องมีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต เท่านั้นถึงจะเป็นการ เจริญอริยมรรคมีองค์แปด ท่านรู้จัก ตถาคตภาษิต แล้ว ท่านรู้จัก สาวกภาษิต แล้ว นั่นเองคะ
อยากเข้าฌาน๑ - ๔เป็นบ้างเจ้าค่ะ สาธุค่ะ
เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวก ปฏิผล ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกทางไว้ให้รู้ตามนั่นเองคะ สุตตมยปัญญา ต้นทางคือ สุตตะ คือ มี ศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา ปลายทางเป็น ปัญญา สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก ก็จะเห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท เห็น สังขตธรรม เห็นถูกอย่างนี้คะ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ตรวจสอบความก้าวหน้าด้วยอินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ คือ ละอารมณ์ได้ดุจกระพริบตา ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค นั่นเองคะ ปลายทางเป็นปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ ศีล สมาธิ ปัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ
นั่งไปสักพักเมื่อจิตสงบ มีตากระตุก มีหมอกขาวมัวไปหมด ใจสั่น จิตเกิดปิติ สุขมากๆ อาการถือว่าปรกติไหมคับ
ไม่น่าปรกติครับ มันจะมีหมอกได้อย่างไรครับ ปรุงแต่งแล้วครับ ฟังพุทธวจนะ เยอะๆครับ มรรคสมาธิ ฟังแล้วนำมาใคร่ครวญครับ.
ปกติครับ แต่ทำได้แค่ ไม่สนใจๆๆ แล้วเพ่งในอารมณ์กรรมฐานหมวดที่ฝึกครับ มันจะกระตุก จะสั่น จะอะไรเรื่องของมัน
@@mekajit กรรมฐาน ไม่ใช่สมาธิครับ คำแต่งใหม่ครับ
ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ รับรู้ลมหายใจเข้าออก ละนันทิจิตหลุดพ้น จะเห็น สังโยชน์ รูปราคะ นั่นเองคะว่า หน้าตาสังโยชน์ รูปราคะ ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตาม หน้าตามันเป็นอย่างนี้นี่เอง สังโยชน์ คือ เครื่องร้อยรัด สัตตานัง ไว้ใน สังสารวัฏ นั่นเองคะ
🙏🙏🙏🧎♂️
น้อมกราบพระอาจารย์ท่านผู้มีอุปการะคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุรับแล้วได้แล้วขอบพระคุณพระจ้าค่ะบันทึกการเข้าใจ
น้อมจิตกราบอนุโมทนาสาธุธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญด้วยเทอญสาธุๆๆค่ะ🙏🙏🙏🌷
ก็พระพุทธเจ้าสอนไงอยู่ในพระไตยปิฏกแล้วไครเก่วกว่าตถาคตนะ
กราบสาธุ🙏🙏🙏⚘ท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์
พระพุทธเจ้าทรงบอกแนวทางเหมือนท่านพูดแต่พระผู้ปฏิบัตสิของจริงสอนได้ลึกซึ้งแต่เข้าใจง่ายเช่นสานพระอาจารย์มั่นนั้นสิรู้จริงล้วนแต่พระอริยเจ้าทั้งนั้น ร9ไปกราบทุกองค์
1ถึง4ยากไหมครับ
ถ้าเป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด ก็ไม่ยากคะ ความยากอยู่ที่ สังโยชน์ วิจิกิจฉา คือ ความสงสัยลังเลใน มรรค และ ปฏิปทา สังโยชน์ วิจิกิจฉา มันขวางทางจริงๆคะ เส้นทางตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตาม ไม่ยากจริงๆ คือ มีเหตุปัจจัยถูก เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อเป็นผู้ที่ได้สดับ ใน ตถาคตภาษิต แล้ว เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็นเหตุปัจจัย ทำให้มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเจริญ สัมมาสมาธิ จึงเป็น สัมมาสังกัปปะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาสังกัปปะ เส้นทางการเจริญ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ของพวก ปฏิผล สุตตมยปัญญา เป็น ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ สุตตมยปัญญา ต้นทางเป็น สุตตะ ตถาคตภาษิต มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต ปลายทางเป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ สุตตมยปัญญา ต้นทางเป็น สุตตะ เลือกมา สังขตธรรม เป็น ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าบอกว่า มีอยู่นะ สังขตธรรม คุณสมบัติ เกิดปรากฏ เสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ สังขตธรรม เป็น ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้อย่างนี้คะ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเจริญ สัมมาสมาธิ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 สุตตมยปัญญา จึงเป็น สัมมาสังกัปปะ เมื่อมาถึงปลายทาง เป็น ปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นถูก นั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิบริบูรณ์ นั่นเองคะ
ฝากถามท่านคึ หน่อยสิ พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่ไหน ห้ามตอบว่า กุสินารา และต้นรังคู่...ท่านจะตอบว่าอะไร
รู้ไปเพื่ออะไร
ถ้าคุณถามพระอริยเจ้าท่านตอบได้แน่นอน
มันก้อมีเหตุผลของมันที่อยากรุ้ เราคงไม่ถามลอยๆ ถามโดยไม่มีจุดหมายหรอก ไม่เหมือนคุน
วันๆหาสาระไม่ได้ เพราะคำถามนี้มันยุ่ในข้อสอบนักธรรมชั้นตรี ชึ่งไม่ค่อยมีใครตอบได้ หลายปีมาละ ตั้งแต่คุนยังไม่เกิด คุนมันไม่รุ้อะไรหรอก รุ้แต่หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แน่จริงเอาชีวิตตัวเองตอนนี้ เดียวนี้ให้รอดก่อนเถิด. ค่อยจะอยากรุ้เรื่องคนอื่น
@@dharmanoblemonk6059
ออใช่ผมคงถามพระอริเยอะสินะ ไม่ใช่อริยะเจ้า ขออภัย
@@user-yd5zf4mb9dก็ผมถึงอยากรู้นี่งัยว่ารู้ไปแล้วได้ประโยชน์อะไรเผื่อผมจะได้ฉลาดแบบคุณบ้าง
พูดในตำราใครๆก็พูดได้ท่าน แต่ทำได้หรือยังละ สอนไปก็เท่านั้นแหละถ้ายังไม่ลิ้มรสมัน..อีกอย่างคนธรรมดายังมีกิเลสหนาจะสอนฌานซะเเล้ว ตาย เกิดอีกกี่ชาติจะได้เข้าฌาน...อีกนาน
ทำได้หรือไม่ได้ คุณรู้ได้ไง ท่านกำลังเผยแพร่ธรรมะ มันหน้าที่ท่าน มันก็ดีอยู่แล้ว ดีกว่าหลายๆคนบนโลก จะเริ่มปฏิบัติมันก็ต้องมาเรียนปริยัติก่อนป่ะ ส่วนใครจะทำได้มากน้อยมันก็เรื่องของแต่ละคน สรุปคือให้สนใจตนเอง ทำหน้าที่ตนเองนะครับ
โถขนาดท่านเอาคำพระพุทธเจ้ามาบอกสอนคุณยังไม่เข้าใจเลย จะหวังอะไรได้เล่าจากคำของสาวกที่แต่งเอง
ทำเหตุอย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้น
แล้วมันมีใครที่เอาในตำรามาพูดให้มหาชนฟังมั่งมั้ยคับ ❓️ เห็นมีแต่คิดเองเออเองมีแต่ความคิดเห็นส่วนตัวทั้งนั้นที่เอามาสอน ไม่เห็นมีใครเอาคำของพระพุทธเจ้ามาบอกมาสอนเหมือนท่านพระอาจาร์คึกฤทธิ์เลย ผมว่าพระท่านก็ทำถูกแล้วนะที่เอาคำสอนของพระศาสดามาเผยแผ่🙏🙏🙏
อย่างน้อยท่านก็อยู่ในพรมจัน เเละบวชตลอดชีวิต ส่วนคุณละทำอะไรที่ทำได้ยากมั้ง สัมมาทิฐิคุณนยังไม่มีเลย
๙ึท
🐱🐱🐱🐱