กินไข่ดิบ ระวังเสี่ยง “ซาลโมเนลลา” (Salmonella)
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 20 มี.ค. 2023
- - องค์กรอาหารและยา (FDA) มีการค้นพบว่าในแต่ลปีมีคน 30 คนที่เสียชีวิต เนื่องมาจากการรับประทานไข่ที่มีสารปนเปื้อนด้วยเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ ซาลโมเนลลา (Salmonella) ที่มีอยู่ในไข่ดิบ
- มีการวิจัยพบว่า ผู้ที่ทานไข่ดิบ ร่างกายจะดูดซึมโปรตีนได้เพียง 51 % เท่านั้น จึงแนะนำให้ทานแบบสุกมากกว่า
- การป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงในการรับประทานไข่ดิบคือ เลือกซื้อไข่พาสเจอร์ไรส์ จะทำให้ปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่สำหรับ เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ควรหลีกเลี่ยงการทานไช่ดิบ
ไข่ จัดเป็นหนึ่งในอาหารที่หาทานได้ง่าย
ไข่ จัดเป็นหนึ่งในอาหารที่หาทานได้ง่ายตามท้องตลาด อีกทั้งยังมีราคาถูก และดีต่อสุขภาพเพราะอุดมไปด้วย โปรตีนที่ดี เลซิติน ลูทีน ซีแซนทีน วิตามินบี ซีลีเนียม ฟอสฟอรัสและโฟเลต โดยปริมาณที่แนะนำคือ วันละ 1-3 ฟอง
กระแสการทานไข่ดิบ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงและเลียนแบบ มีต้นกำเนิดมาจากอาหารญี่ปุ่น โดยมีการนำไข่ดิบตอกลงไปบนข้าวทานกับซอสต่างๆ หรือการดองไข่แดงดิบด้วยการแช่ไข่แดงลงในซอสถั่วเหลืองข้ามคืน จนไข่มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลวคล้ายไข่เค็ม แล้วนำมาทานกับข้าวหรือผัก จากกระแสนี้ทำให้หลายคนอยากลอง แต่ผู้รับประทานไข่ดิบ หรืออาหารที่มีส่วนผสมจากไข่ดิบจะทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) มากกว่าคนทั่วไป
ประโยขน์ของการกินไข่ดิบ
- การรับประทานไข่ดิบก็มีประโยชน์เหมือนกับไข่ที่ปรุงสุก โดยไข่ดิบอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันดี วิตามินแร่ธาตุสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถปกป้องดวงตา เช่น ลูทีนและซีแซนทีน รวมถึงสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ไข่ดิบ 1 ฟองประกอบไปด้วยโคลีนถึง 147 มิลลิกรัมซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อทำงานของสมองที่ดี เหนือไปกว่านั้นประโยชน์ของโคลีนยังมีบทบาทต่อสุขภาพของหัวใจและตับ เนื่องจากโคลีน (Choline) เป็นวิตามินกลุ่มเดียวกับวิตามินบี ช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ป้องกันโรคหัวใจ และช่วยให้เซลล์ตับมีการเผาผลาญไขมันได้อย่างปกติ ลดการสะสมของไขมันที่ตับหรือภาวะไขมันพอกตับ
ความเสี่ยงในการบริโภคไข่ดิบ
- มีการวิจัยพบว่า ผู้ที่รับประทานไข่ดิบ ร่างกายจะดูดซึมโปรตีนได้เพียง 51 % เท่านั้น จึงแนะนำให้รับประทานแบบสุกมากกว่า
- มีคนจำนวนไม่น้อยที่นิยมบริโภคไข่ดิบ ในขณะเดียวกันองค์กรอาหารและยา (FDA) มีการค้นพบและคาดการณ์ว่ามีคนประมาณ 79,000 คนที่ป่วยเป็นโรคจากการทานอาหาร และ 30 คนที่เสียชีวิตในแต่ละปี เนื่องมาจากการรับประทานไข่ที่มีสารปนเปื้อนด้วยเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ ซาลโมเนลลา (Salmonella) ที่มีอยู่ในไข่ดิบ เนื่องมาจาก แม่ไก่บางตัวมีเชื้อ Salmonella typhimurium และ Salmonella enteritidis อยู่ในอวัยวะสืบพันธุ์
ปัจจัยที่มีอิทธิพล ส่งผลต่อการปนเปื้อนของเชื้อ ซาลโมเนลลา (Salmonella) ในไข่ได้แก่
- จำนวนของไก่หรือเป็ดในฝูง
- ความเครียดหรือกังวลของสัตว์
- อาหารที่เลี้ยงสัตว์
- การฉีดวัคซีนป้องกัน
- สุขอนามัยและความสะอาดในบริเวณที่เลี้ยง
อาการสังเกตหากติดเชื้อ ซาลโมเนลลา ( Salmonella )
- การติดเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลา อาจใช้เวลานานหลายชั่วโมงจนถึง 2 วัน จึงจะปราฏอาการของโรค เช่น ปวดท้อง ท้องเสียโดยอุจจาระอาจมีเลือดปน อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เป็นไข้ หนาวสั่น และเบื่ออาหาร
- โดยปกติแล้วอาการจะคงอยู่ประมาณ 2-7 วัน ส่วนอาการท้องเสียอาจคงอยู่ประมาณ 10 วัน อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนจนกว่าลำไส้จะกลับมาทำงานปกติ ซึ่งหากยังมีอาการผิดปกตินานเกิน 2 วัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง
คำแนะนำในการเลือกรับประทานไข่ดิบ
- ไข่ดิบนั้นมีสารอาหารที่เทียบเคียงกับไข่ปรุงสุก ทว่า การดูดซึมโปรตีนจะลดลงจากไข่ดิบ และมีความเสี่ยงจากเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ และอาจนำไปสู่การติดเชื้อ ซาลโมเนลลา (Salmonella) ได้ ดังนั้น วิธีการป้องกัน ตัวเองจากความเสี่ยงในการรับประทานไข่ดิบคือ เลือกซื้อไข่พาสเจอร์ไรส์ จะทำให้ปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่สำหรับ เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ควรหลีกเลี่ยงการทานไช่ดิบ และทางที่ดีที่สุดก็คือหันมาบริโภคไข่ปรุงสุกก็สามารถทำให้ลดความเสี่ยงต่างๆ ลงได้ และยังมีประโยชน์ที่ใกล้เคียงกัน
แหล่งที่มา : www.samitivejhospitals.com/th...
ช่องทางการติดตาม STKC
Website : www.stkc.go.th
Facebook : / stkcsociety
TikTok : www.tiktok.com/@stkcsociety?l...
TH-cam : / stkcsocietyofficial - วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี