ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
สาธุ สาธุ สาธุครับ
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุครับผม
สาธุครับพระคุณเจ้า
นอ้มกราบสาธุครับ
กราบสาธุค่ะ🙏🙏🙏
กราบสาธุค่ะ
[๑๖] บุคคลพึงเห็นบุคคลใดผู้มักชี้โทษ เหมือนบุคคลผู้บอกขุมทรัพย์ มักกล่าว ข่มขี่ มีปัญญา พึงคบบุคคลผู้เป็นบัณฑิตเช่นนั้น เพราะว่าเมื่อคบ บัณฑิตเช่นนั้น มีแต่คุณที่ประเสริฐโทษที่ลามกย่อมไม่มี บุคคล พึงกล่าวสอน พึงพร่ำสอนและพึงห้ามจากธรรมของอสัตบุรุษ ก็บุคคลนั้น ย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษทั้งหลาย แต่ไม่เป็นที่รักของ พวกอสัตบุรุษบุคคลไม่ควรคบมิตรเลวทราม ไม่ควรคบบุรุษอาธรรม์ ควรคบมิตรดี ควรคบบุรุษสูงสุด บุคคลผู้อิ่มเอิบในธรรมมีใจ ผ่องใสแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข บัณฑิตย่อมยินดีในธรรมที่พระอริยเจ้า ประกาศแล้วทุกเมื่อ ก็พวกคนไขน้ำย่อมไขน้ำไป พวกช่างศรย่อมดัด ลูกศร พวกช่างถากย่อมถากไม้บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกฝนตน ภูเขา หินล้วน เป็นแท่งทึบย่อมไม่หวั่นไหวเพราะลมฉันใด บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะนินทาและสรรเสริญ ฉันนั้น ห้วงน้ำลึกใสไม่ ขุ่นมัว แม้ฉันใด บัณฑิตย์ทั้งหลายฟังธรรมแล้วย่อมผ่องใส ฉันนั้น สัตบุรุษทั้งหลายย่อมเว้นในธรรมทั้งปวงโดยแท้ สัตบุรุษทั้งหลายหาใคร่กามบ่นไม่ บัณฑิตทั้งหลายผู้อันสุขหรือทุกข์ถูกต้องแล้ว ย่อมไม่แสดง อาการสูงๆ ต่ำๆ บัณฑิตย่อมไม่ทำบาปเพราะเหตุแห่งตน ไม่ทำบาป เพราะเหตุแห่งผู้อื่น ไม่พึงปรารถนาบุตร ไม่พึงปรารถนาทรัพย์ ไม่พึง ปรารถนาแว่นแคว้น ไม่พึงปรารถนาความสำเร็จแก่ตนโดยไม่ชอบธรรม บัณฑิตนั้นพึงเป็นผู้มีศีลมีปัญญา ประกอบด้วยธรรม ในหมู่มนุษย์ ชนผู้ที่ถึงฝั่งมีน้อย ส่วนหมู่สัตว์นอกนี้ย่อมเลาะไปตามฝั่งทั้งนั้น ก็ชน เหล่าใดแล ประพฤติตามธรรมในธรรมอันพระสุคตเจ้าตรัสแล้วโดยชอบ ชนเหล่านั้นข้ามบ่วงมารที่ข้ามได้โดยยาก แล้วจักถึงฝั่ง บัณฑิตออกจาก อาลัยแล้ว อาศัยความไม่มีอาลัยละธรรมดำแล้วพึงเจริญธรรมขาว บัณฑิต พึงปรารถนาความยินดียิ่งในวิเวกที่ยินดีได้โดยยาก ละกามทั้งหลายแล้ว ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล พึงชำระตนให้ผ่องแผ้ว จากเครื่องเศร้าหมองจิต ชนเหล่าใดอบรมจิตด้วยดีโดยชอบ ในองค์แห่งธรรมสามัคคีเป็น เครื่องตรัสรู้ ชนเหล่าใดไม่ถือมั่น ยินดีแล้วในการสละคืนความถือมั่น ชนเหล่านั้นมีอาสวะสิ้นแล้วมีความรุ่งเรืองปรินิพพานแล้วในโลก ฯ ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ สุตตันตปิฎกขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบทอุทาน-อิติวุตต-สุตตนิบาตหน้าที่ ๑๘-๑๙ ข้อที่ ๑๖
ສາທຸ
Sathu Sathu Sathu Ka, 感謝🙏🙏🙏
สาธุค่ะ🙏🙏🙏
สาธุครับ
สาธุ🙏
นมัสการ ครับ ท่าน
สาธุ
น้อมกราบสาธุครับ
❤❤❤
ท่าน ครับ กระจาย อัญญะ มัญยา ให้ สานุศิษย์ ฟัง หน่อย ครับ ท่าน
น้อมกราบสาธุพระอาจารย์ครับ
กราบนมัสการพระอาจารย์
อนุโมทนาสาธุครับ
กราบสาธุๆๆๆพระอาจารย์คึกฤธิ์วัดป่านาพง
กราบสาธุคะ เมื่อเริ่มเห็น พระธรรม พระธรรมวินัย มีเกิดปรากฏขึ้น ก็เริ่มเห็นแล้วว่า พระธรรม พระธรรมวินัย เป็น สังขตธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าจะต้องมี เกิดปรากฏ และเห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ อตัมมยตา นั่นเองคะ การเกิดปรากฏขึ้นของ อตัมมยตา คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ บุคคลพวกที่ 4 สั่งสมสุตตะ และ ปฏิบัติตามธรรมวินัย เปรียบเหมือน เมฆฝนที่คำราม และ ฝนตก ผู้ที่นำ สาวกภาษิต มาบอกต่อ อตัมมยตา จึงยังไม่เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ สาวกภาษิต คือ ความเห็นของ ทุกท่านทั้งหลาย ซึ่งจะแตกต่างจาก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เพราะ สาวกภาษิต ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ ไม่มีธรรมที่เป็นเหตุ และ ไม่มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อมีศรัทธาใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ การนำสาวกภาษิตมาบอกต่อ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ บุคคลพวกที่3 ที่เปรียบเหมือน เมฆฝนที่ไม่คำราม และ ฝนไม่ตก นั่นเองคะ บุคคลพวกที่3 ที่เปรียบเหมือน เมฆฝนที่ไม่คำราม และ ฝนไม่ตก เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่จะเกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ บุคคลพวกที่4 สั่งสมสุตตะ และ ปฏิบัติตามธรรมวินัย ที่เปรียบเหมือน เมฆฝนที่คำราม และ ฝนตก บุคคลพวกที่4 เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ นั่นเองคะ ก็รอจนกว่าจะมาสั่งสมสุตตะ และ ปฏิบัติตามธรรมวินัย บุคคลพวกที่4 จึงจะเปลี่ยนจาก ธรรมที่เกิดแต่เหตุ มาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ นั่นเองคะ ถ้ายังบอกต่อ สาวกภาษิต ก็เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของบุคคลพวกที่3 นั่นเองคะ
สาธุ สาธุ สาธุครับ
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุครับผม
สาธุครับพระคุณเจ้า
นอ้มกราบสาธุครับ
กราบสาธุค่ะ🙏🙏🙏
กราบสาธุค่ะ
[๑๖] บุคคลพึงเห็นบุคคลใดผู้มักชี้โทษ เหมือนบุคคลผู้บอกขุมทรัพย์ มักกล่าว
ข่มขี่ มีปัญญา พึงคบบุคคลผู้เป็นบัณฑิตเช่นนั้น เพราะว่าเมื่อคบ
บัณฑิตเช่นนั้น มีแต่คุณที่ประเสริฐโทษที่ลามกย่อมไม่มี บุคคล
พึงกล่าวสอน พึงพร่ำสอนและพึงห้ามจากธรรมของอสัตบุรุษ
ก็บุคคลนั้น ย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษทั้งหลาย แต่ไม่เป็นที่รักของ
พวกอสัตบุรุษบุคคลไม่ควรคบมิตรเลวทราม ไม่ควรคบบุรุษอาธรรม์
ควรคบมิตรดี ควรคบบุรุษสูงสุด บุคคลผู้อิ่มเอิบในธรรมมีใจ
ผ่องใสแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข บัณฑิตย่อมยินดีในธรรมที่พระอริยเจ้า
ประกาศแล้วทุกเมื่อ ก็พวกคนไขน้ำย่อมไขน้ำไป พวกช่างศรย่อมดัด
ลูกศร พวกช่างถากย่อมถากไม้บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกฝนตน ภูเขา
หินล้วน เป็นแท่งทึบย่อมไม่หวั่นไหวเพราะลมฉันใด บัณฑิตทั้งหลาย
ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะนินทาและสรรเสริญ ฉันนั้น ห้วงน้ำลึกใสไม่
ขุ่นมัว แม้ฉันใด บัณฑิตย์ทั้งหลายฟังธรรมแล้วย่อมผ่องใส ฉันนั้น
สัตบุรุษทั้งหลายย่อมเว้นในธรรมทั้งปวงโดยแท้ สัตบุรุษทั้งหลายหาใคร่กามบ่นไม่ บัณฑิตทั้งหลายผู้อันสุขหรือทุกข์ถูกต้องแล้ว ย่อมไม่แสดง
อาการสูงๆ ต่ำๆ บัณฑิตย่อมไม่ทำบาปเพราะเหตุแห่งตน ไม่ทำบาป
เพราะเหตุแห่งผู้อื่น ไม่พึงปรารถนาบุตร ไม่พึงปรารถนาทรัพย์ ไม่พึง
ปรารถนาแว่นแคว้น ไม่พึงปรารถนาความสำเร็จแก่ตนโดยไม่ชอบธรรม
บัณฑิตนั้นพึงเป็นผู้มีศีลมีปัญญา ประกอบด้วยธรรม ในหมู่มนุษย์
ชนผู้ที่ถึงฝั่งมีน้อย ส่วนหมู่สัตว์นอกนี้ย่อมเลาะไปตามฝั่งทั้งนั้น ก็ชน
เหล่าใดแล ประพฤติตามธรรมในธรรมอันพระสุคตเจ้าตรัสแล้วโดยชอบ
ชนเหล่านั้นข้ามบ่วงมารที่ข้ามได้โดยยาก แล้วจักถึงฝั่ง บัณฑิตออกจาก
อาลัยแล้ว อาศัยความไม่มีอาลัยละธรรมดำแล้วพึงเจริญธรรมขาว บัณฑิต
พึงปรารถนาความยินดียิ่งในวิเวกที่ยินดีได้โดยยาก ละกามทั้งหลายแล้ว
ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล พึงชำระตนให้ผ่องแผ้ว จากเครื่องเศร้าหมองจิต
ชนเหล่าใดอบรมจิตด้วยดีโดยชอบ ในองค์แห่งธรรมสามัคคีเป็น
เครื่องตรัสรู้ ชนเหล่าใดไม่ถือมั่น ยินดีแล้วในการสละคืนความถือมั่น
ชนเหล่านั้นมีอาสวะสิ้นแล้วมีความรุ่งเรืองปรินิพพานแล้วในโลก ฯ
ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ สุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท
อุทาน-อิติวุตต-สุตตนิบาต
หน้าที่ ๑๘-๑๙ ข้อที่ ๑๖
ສາທຸ
Sathu Sathu Sathu Ka, 感謝🙏🙏🙏
สาธุค่ะ🙏🙏🙏
สาธุครับ
สาธุ🙏
นมัสการ ครับ ท่าน
สาธุ
น้อมกราบสาธุครับ
❤❤❤
ท่าน ครับ กระจาย อัญญะ มัญยา ให้ สานุศิษย์ ฟัง หน่อย ครับ ท่าน
น้อมกราบสาธุพระอาจารย์ครับ
กราบนมัสการพระอาจารย์
อนุโมทนาสาธุครับ
กราบสาธุๆๆๆพระอาจารย์คึกฤธิ์วัดป่านาพง
กราบสาธุคะ เมื่อเริ่มเห็น พระธรรม พระธรรมวินัย มีเกิดปรากฏขึ้น ก็เริ่มเห็นแล้วว่า พระธรรม พระธรรมวินัย เป็น สังขตธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าจะต้องมี เกิดปรากฏ และเห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ อตัมมยตา นั่นเองคะ การเกิดปรากฏขึ้นของ อตัมมยตา คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ บุคคลพวกที่ 4 สั่งสมสุตตะ และ ปฏิบัติตามธรรมวินัย เปรียบเหมือน เมฆฝนที่คำราม และ ฝนตก ผู้ที่นำ สาวกภาษิต มาบอกต่อ อตัมมยตา จึงยังไม่เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ สาวกภาษิต คือ ความเห็นของ ทุกท่านทั้งหลาย ซึ่งจะแตกต่างจาก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เพราะ สาวกภาษิต ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ ไม่มีธรรมที่เป็นเหตุ และ ไม่มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อมีศรัทธาใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ การนำสาวกภาษิตมาบอกต่อ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ บุคคลพวกที่3 ที่เปรียบเหมือน เมฆฝนที่ไม่คำราม และ ฝนไม่ตก นั่นเองคะ บุคคลพวกที่3 ที่เปรียบเหมือน เมฆฝนที่ไม่คำราม และ ฝนไม่ตก เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่จะเกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ บุคคลพวกที่4 สั่งสมสุตตะ และ ปฏิบัติตามธรรมวินัย ที่เปรียบเหมือน เมฆฝนที่คำราม และ ฝนตก บุคคลพวกที่4 เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ นั่นเองคะ ก็รอจนกว่าจะมาสั่งสมสุตตะ และ ปฏิบัติตามธรรมวินัย บุคคลพวกที่4 จึงจะเปลี่ยนจาก ธรรมที่เกิดแต่เหตุ มาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ นั่นเองคะ ถ้ายังบอกต่อ สาวกภาษิต ก็เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของบุคคลพวกที่3 นั่นเองคะ