ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
กราบสาธูคะ
แยกระหว่างจิต กับ ความคิดโดยมีสติเป็นตัวรู้
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุครับ
น้อมกราบสาธุธรรมอันประเสร็จเจ้าคะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ🙏🙏🙏ฟังแล้วเข้าใจดีเจ้าค่ะ
สาธุสาธุสาธุอนุโมธามิค่ะ
น้อมกราบสาธุธรรมค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
แจ่มแจ้ง ขอน้อมบูชา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
🙏🙏🙏สาธุครับ...
ขอบคุณที่ได้ฟังธรรมที่ดีค่ะ
มีท่านใดรู้บ้างว่าดอยแจ่มแจ้งอยู่ที่ใดของ อ.ภูเรือค่ะ
สาธุอนุโมทนาบุญด้วยน่ะเจ้าค่ะ
สาธุธรรม บุคคลใดสำรวมระวังจิต บุคคลนั้นจะพ้นจากเครื่องผูกของมาร🙏🙏🙏
สาธุ ครับ
กราบ อนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุๆๆค่ะ
การฟังเทศน์นั้นไม่ยากแต่ยากที่การปฏิบัติให้หลุดพ้น
สาธุเจ้าค่ะ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
🙏💗🙏💗🙏 💗🙏💗🙏 💗🙏 ' ขอบคุณท่านพ่อสุญโญ ' ที่สื่อสารคลื่นความคิด จากจิตเดิมแท้สู่มวลมนุษย์โลก
เริ่มต้นที่จิตเดิมของเราแล้วเราจะเอาจิตเดิมมาจากไหนตอนก็เพิ่งเริ่มต้น จะให้วางสติอย่างไร
สาธุค่ะ
สาธุบารมี, นะโมเต ปุริสา.ชุณฌาห์.ภันเต ภะคะวาอิติปิโส ภะคะวา สิทธธัตถะโคตะโม นามะภะคะวา สมาธิปัญญาคุณะสัมปันโน,ผู้ปิดนรก 109 เปิดสวรรค์ สอนเคารพตั้งแต่เกล็ดงู.มุดทะเลทรายฉกหน้าผาก ในนิมิต นั่นเอง,สาธุ บารมี ขอให้จริงๆๆๆ
น้อมกราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
กราบสาธุคะ อยากรู้สภาวะจิตหนึ่งคะหลวงพ่อ
อยากรู้ก็ปฏิบัติธรรมสิครับ
"ธรรม หลวงปู่ดุลย์"
เข้าภูมิโสดาบันได้ ก็รอดแล้ว พระตถาคตตรัสไว้ ห้าสิบกว่านัยยะ พุทธวจน คำใครจะประเสริฐเท่าคำ พระองค์ คงหามิได้
ฟังมาแล้วทิ้งจะเจอจอตเดิม
ขอแสดงความคิดเห็นนะครับพระพุทธองค์ ท่านคาดการณ์ไว้เมื่อ 2,500 กว่าปี ก่อนท่านจะปรินิพพานว่า ยิ่งนานวันเข้า คำสั่ง-คำสอน ของท่านต้องมีการบิดเบือน และเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน น้อยท่านนักที่จะสามารถอธิบายการบรรลุหลักธรรมะที่ท่านทรงค้นพบได้อย่างถูกต้อง ท่านจึงทรงสอนหลักธรรมะไว้บทหนึ่ง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ใช้เทียบเคียง เป็นหลักยึดเพื่อความถูกต้อง นั่นคือบทกาลามสูตร กล่าวไว้ดังนี้อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมาอย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมาอย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลืออย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรกอย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมานอย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผลอย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้วอย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้ เป็นครูของเราท่านคณาจารย์ทั้งหลายที่ท่านบรรลุถึงหลักธรรมมะ ท่านไม่สามารถอธิบายถึงหลักธรรมะเหล่านั้นให้เข้าใจได้ ท่านจึงใช้คำสมมุติเพื่อเรียกแทน ไม่ว่าจะเป็น จิตเดิมแท้, จิตหนึ่ง, ใจ หรือ จิตดั่งเดิม ล้วนเป็นคำสมมุติของหลักธรรมมะที่ท่านคณาจารย์เหล่านั้นได้เข้าใจ ซึ่งเป็นคนละความหมายกับคำว่า "จิต"ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาให้เข้าใจก่อน คำว่า "จิต" กับ "สมาธิ" มีรากศัพท์มาจากภาษาอินเดียโบราณจิต แปลว่า การรับรู้สมาธิ แปลว่า การสังเกตุการทำสมาธิทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง, การเดิน,การนอน, การยืน หรือ การทำอริยาบทต่างๆ ล้วนเป็นการทำเพื่อการสังเกตุ สังเกตุอะไร สังเกตุจิต(การรับรู้) สังเกตุการรับรู้ปัจจัยต่างๆที่มากระทบส่วนต่างๆของร่างกาย และทำใหเกิดความรู้สึกต่างๆ สรุปลงที่ ชอบ กับ ไม่ชอบ แล้วสิ่งนั้นก็ดับไป สังเกตุจนกว่าจะรู้ เข้าใจและยอมรับว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่ใช่เรา ตัวตนความเป็นเราไม่มี พระพุทธองค์ท่านทรงสอนไว้ในหลัก ขันธ์ 5 เมื่อขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา ตัวเราไม่มี เราจึงพ้นทุกข์ ไม่หลงกับสุข ความหมายของนิพพานจึงเกิด สาธุ สาธุ ครับ 🙏ปล.นิพพานอยู่กับเราตลอดเวลา เพียงแต่โดนความเป็นเราบดบังอยู่
คำว่าสังเกตนะ..คือสติสัมปชัญญะตัวเดียวครับ..ฝึกสติเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ปัญญาแก่กล้าขึ้นมาได้..ธรรมะทุกอย่างจบที่สติตัวเดียว..
ต้องรีบบรรลุทำไม แค่ตั่งใจ รักษากุศลกรรมบท40 อานาปานะสติ ตลอดชีวิต(ตลอดมีสติ) หลุดจากวิตก วิจารณ์ ก็ ปิติ สุข แล้ว รอดชัว พระพาหิยะ ไม่เห็นต้องศึกษาเยอะเลย สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ง่ายๆจบ อรหันต์
@@ตะวันพลายแสงยามแรงกินเหล้า @ตะวันพลายแสง ยามแรงกินเหล้า ครับ 🙏ในสภาวะแวดลัอมและฐานข้อมูลเดียวกัน 1+1 เท่ากับเท่าไหร่ คำตอบก็คือ 2 คำตอบว่า 2 ได้มาจากไหน ได้มาจากการสังเกตุ หรือ ได้มาจากการตัดสินใจปัญญา แปลว่า การพิจารณา, การวิเคาะห์หาเหตุ และผลสติ แปลว่า การตัดสินใจสัมปชัญญะ แปลว่า ระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาสติปัญญา จึงแปลว่า การตัดสินใจโดยพิจารณาอย่างมีเหตุ มีผลและ สติสัมปชัญญะ ก็จะแปลว่า การตัดสินใจที่ระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาในพระไตรปิฎก มีบันทึกคำสอนของพระพุทธองค์อยู่บทหนึ่ง เป็นบทสรุป ธรรมมะทุกอย่างล้วนเป็นอนันตา คำกล่าวนีัท่านพุทธทาสภิกขุ ได้พิสูจน์ และยืนยันด้วยตัวท่านเองแล้ว ว่าทุกอย่างล้วนเป็นอนันตา เป็นเช่นนั้นจริง สาธุ สาธุ ครับ 🙏
@@udomsapauamdoung6917ครับ 🙏ต้องยอมรับในตัวของแต่ละบุคคล มีพื้นฐานด้านปัญญาที่แตกต่างกัน การรับรู้และการพิจารณา ย่อมเข้าใจต่างกัน มีช้าบ้าง เร็วบ้างเป็นธรรมดาของมนุษย์ เด็กแรกเกิดจะสร้างยานอวกาศบินไปนอกโลกเลย คงเป็นไปได้ยาก ต้องสั่งสมข้อมูลและประสบการณ์ เมื่อเติบใหญ่ถ้าตั้งใจจริงก็อาจจะมีโอกาสสร้างยานอวกาศนั้นได้สักว่ารู้ สักว่าเห็น ภิกษุทั้งหลายได้รับรู้มาเหมือนๆกัน แต่จะเข้าใจความหมายที่แท้จริง เพื่อหลุดพ้นนั้นต่างกันพระอานนท์ ท่านก็ได้รับรู้มาแบบนั้นเช่นกัน แต่กว่าท่านจะเข้าใจในคำสอนนั้น ต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของท่านกว่าจะเข้าใจ พื้นฐานความรู้ของบุคคลที่ต่างกัน การที่บุคคลนั้นแสวงหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่ไม่เข้าใจนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่พึงกระทำ เป็นสิ่งดีงาม ควรแก่การสนับสนุน แต่กับบุคคลที่มีพื้นฐานด้านความรู้ที่ดี เข้าใจง่าย เรียนรู้เร็ว และคิดว่าบุคคลอื่นทำไมถึงช้ากว่าตน บุคคลนั้นเป็นได้เพียง บุคคลที่เรียนรู้และเข้าใจได้เร็ว แต่กับมองไม่เห็นทิฐิในตน ที่ทำให้คิดเข้าข้างตนเอง ยกตนเองว่าเป็นแบบนั้นเพียงเข้าใจคำสอนที่พระพุทธองค์ท่านทรงสั่งสอนไว้ แบบที่เข้าใจจริงๆด้วยตนเอง ก็จะรู้ว่าไม่มีสิ่งใดต้องให้บรรลุ ไม่มีสิ่งใดต้องให้รักษา สุข-ทุกข์ ล้วนไม่ใช่เรา รู้เท่าทันความต้องการที่เกินจำเป็น ก็จะดับแล้วซึ่งกิเลส ไม่ใช่เข้าใจเพราะได้ยินมาจากคณาจารย์หลายๆท่านที่สั่งสอนกันมาผิดๆ รับรู้และปล่อยผ่าน ไม่ยึดติด คิดเอาเองให้ปฎิเสธสิ่งนั้นๆแต่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น พระพุทธองค์ท่านจึงทรงให้พระสูตร กาลามสูตร เพื่อให้บุคคลที่หลงผิดได้ไว้ใช้พิจราณา สาธุ สาธุ ครับ 🙏
แสดงได้ดีมากครับ ^^แต่ความหมายของสมาธิเนี่ย สังเกตุ กับ ตั้งมั่นพระศาสดาจะให้นัยยะไปทางตั้งมั่นมากกว่านะครับสังเกตุเนี่ยมันกระบวนการมากกว่า
🌸🙏🏻🌸
กราบสาธุค่ะ เท่าที่ตกผลึกได้ด้วยตัวเองคือ จิตมี 2 ตัว ตัวแรกคือจิตผู้รู้หรือสตินั่นเอง จิตตัวที่สองคือจิตเจตสิกหรือจิตตัวที่คิดปรุงแต่งนั่นเอง การจะแยกจิตระดับนี้ได้จะต้องผ่านสภาวะธรรมจนถึงขั้นกายไม่มีก่อน เมื่อกายไม่มีก็เข้าถึงอารมณ์ปรมัต จะรับรู้กายแค่เพียงอารมณ์ของธาตุสี่ คือดิน น้ำ ลม ไฟ จะไม่มีความเป็นเราเพราะกายไม่มีแล้ว เมื่อมีอารมณ์มากระทบจิตผู้รู้ก็รับรู้เพียงแค่อาการของธาตุสี่แค่นั้น จิตเจตสิกก็จะไม่มีการคิดหรือปรุงแต่งไดๆอีก สภาวะจิตก็ว่างนเสวยนิพพานอารมณ์อยู่ข้างใน
🙏🙏🙏
น้อมกราบอนุโมทนาบุญในพระธรรมคำสอนที่เมตตาคะ
จิตไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ใครถือเอาจิตเป็นตัวเป็นตนก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ 😁
จิตแปลภาษาชาวบ้านคือความคิดนั้นแหละ.. คุณคิดแบบไหนคุณก็เป็นแบบนั้น..ซึ่ง ในชีวีตจริงมันไม่มีใครบรรลุธรรมได้หรอก...คนไทยยึดติดทั้งนั้นแหละ.เช่นยึดติดความดี. การทําความดีของคนไทยคือการทําบุญ. .การทําบุญคือเอาเงินถวายพระ.ซื้อของถวายพระ..คือหมกมุ่นอยู่กับวัดและพระ..อย่างอื่นกูไม่สน..และนิยมมองคนอื่นที่คิดไม่เหมือนว่า.ไม่มีศาสนา.และอื่นอื่น.. พระยึดติดการมีตํ่าแหน่ง..ชิ่งดีชิ่งเด่นในวงการพระ..
@@rosewesterland3102 ความคิดเป็นสังขารไม่ใช่จิต..จิตไม่ใช่ความคิด..ความคิดไม่ใช่จิต..คิดเป็นตัวสังขารเป็นหนึ่งในขันธ์ห้า..ไปศึกษามาใหม่นะยังอ่อนอยู่มาก
@@rosewesterland3102 ไม่รู้ธรรมก็ไม่ต้องอวดรู้สอนชาวบ้านหรอก..มันอายเขาเปล่าๆ
@@rosewesterland3102 สุดท้ายเขาคือ มนุษย์ เป็นสัตว์ผู้หลงยึดขันต์5 การห่มผ้าไม่ได้ทำให้ประเสริฐขึ้น การปฏิบัติแบบสัมมาทิฏฐิตางหาก ทำให้ประเสริฐขึ้น
เคยปฏิบัติผ่านมาในอดีต เห็นจิตผ่องใส และ เศร้าหมอง มันคืออะไรครับ? ปัจจุบันก็ยังสงสัยอยู่ว่าอะไรคือตัวที่ไปเห็นจิตที่สว่างไสวและเศร้าหมองนี้คืออะไร ขอผู้รู้ตอบทีครับ และขอคำชี้แนะ
นี้แหละอาการของจิต ผ่องใสก็คืออาการของจิต เศร้าหมองก็คืออาการของจิต สังขารของจิตปรุงแต่งขึ้นมา ให้เราใช้สติทำผู้รู้ให้กิดคือผู้รู้ในอาการของจิต ความเศร้าหมองความผ่องใสเป็นแต่เพียงอาการของจิต ไม่ใช่จิต ไม่ใช่เรา เราเป็นแต่เพียงผู้ดู อาการเกิดขึ้นและดับไปและเปลี่ยนแบบใหม่เรื่อยไป เมื่อมีสติจดจ่ออยู่จะเกิดปัญญาขึ้นจากการดูจิตนี้
@@issaraphikkhu9881 ปัจจุบันผ่องใสก็ไม่มี เศร้าหมองก็ไม่มีครับ เหมือนธรรมดาๆทั่วๆไป ทำอย่างไรต่อครับอีกข้อหนึ่งครับ คำว่าสติกับสัมปะชัญญะนี้เป็นอย่างไร อ่านไปก็รู้แค่ว่าระลึกได้กับรู้ตัวแต่ไม่เข้าใจครับ ช่วยอธิบายยกความให้พอเข้าใจด้วยครับ
ตอนนี้เราอยู่ในอาการว่าง อาการว่างเป็นการปรุงแต่งของจิตอย่างนึง ดูไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเวลาอิ่มตัวจากอาการนี้ อาจใช้เวลาพอควร จากนั้นจิตจะคลายตัวและถอยมารับรู้อารมณ์ของจิตเป็นขั้นวิปัสนาของจิต....ดูไปเรื่อยๆและปฏิบัติตามแบบไปเรื่อยๆไม่ต้องคาดหวัง ทรงอยู่ในปัจจุบันไปเรื่อยๆก่อน....การรับรู้อารมณ์ต้องอาศัยสติคือความรู้ตัว สัมปชัญญะคือรู้ตัวทั่วพร้อมคือจ่อเข้าไปดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่หลงเข้าไปจับเอารมณ์มาเป็นของตน เมื่อมีผัสสะมากระทบกับอายตนะก็อาศัยสติสัมปชัญญะในการแยกแยะสิ่งเหล่านี้ก็จะเห็นเป็นแค่รูปนามที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
@@issaraphikkhu9881 ขอบคุณครับ
อยู่จังหวัดไหนครับ
ตั๋วรู้ก็คือจิตของเราไม่ใช่เหรอคะ
ตัวรู้คือสติสัมปชัญญะต่างหาก..ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะแล้วจะเอาอะไรไปรู้
@@ตะวันพลายแสงยามแรงกินเหล้า ตัวรุ้คือวิญญาณต่างหาก
ไม่รู้จักจิตทั้ง4 ไม่เข้าใจการทำงานร่วมกันของจิตทั้ง4 ก็ไม่เข้าใจ"ปฎิจจสมุปบาท" ก็ไม่สามารถดับทุกข์ทั้งปวงได้เรียกว่า "ไม่บรรลุธรรม".
จิตคือตัวรู้ ใช่ไหมคะสติคือตัวระลึก ใช่ไหมคะหลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิตโตสวนทิพย์ ท่านบอกว่าให้ท่องจิตสตินิพพาน เร็ว ให้จิตเป็นหนึ่งเดียว ธรรมลึกซึ้ง..รู้ไว้ใช่ว่าใสบ่าแบกหาม..ไตรลักษณ์ สาธุ หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก ท่านสอนว่าให้จิต วาง ว่าง เฉย ให้ได้จิตจะสบาย กราบอนุโมทนาบุญกับ พอจ.สาธุ สาธุ สาธุ
ให้ท่อง ?? หมายถึงยังไงนะครับให้ท่อง = พูด บ่น บริกรรมหรือให้ท่อง = ศึกษาไปในสิ่งเหล่านี้
ลืมธรรมะของพุทธเจ้าเลย กรรมฐาน5ที่พระพุทธเจ้าให้ผมขนเล็บฟันหนังนี่คือกาย ให้เอาจิตหรือความคิดไว้ที่นี่จะปลอดภัยจากมาร กายนี่แหละจะเป็นฐานของจิตหรือสติเรียกว่าสติปัฏฐานเป็นสติในอริยมรรคมีกายเวทนาจิตธรรมมีทางเดียวเท่านั้นที่ผู้ปฏิบัติจะเห็นธรรมได้คือต้องปฏิบัติมรรค มรรคจะรู้ได้ก็ตองอบรมก่อน ส่วนสมาธินั้นทำเพื่อหลบความวุ่นวายเป็นครั้งคราวได้
มันไม่มี จะหาที่ไหนเจอ ทำแบบนี้เสียเวลาเปล่า
ทะเลตัณหาคือกาลเวลา พ้นความหมายมั่นจึงเห็นความไม่มี byแอดมิน
ผมว่าถ้าไม่ฝึกสติให้มีกำลังก่อนก็ไม่เห็นจิตละครับ กราบๆๆ
ก็คิดแบบนี้ไงล่ะ..ถึงตายเกิดเป็นว่าเล่น
ความเพียรยังไม่ได้ กำลังสติยังไม่ถึงเลยหาไม่เจอ มันมัดรวมอยู่ด้วยกันแต่ยังหาไม่เจอเลยกลายเป็นเราที่ยังเป็นผู้หลงอยู่ทั้งดวง
บอกตัวตนคนสัตว์ไม่มี แล้วจะหาจิตที่ไหนครับ มันย้อนแย้งกันยังงัยไม่รุ หรือกระผมโง่จริงๆ
เมื่อพบความไม่มีก็นั่นแหละจิต by แอดมิน
ปฏิบัติยังไม่ถืงก็จะงงค่ะสาธุ
เมื่อโง่ก็อย่าเถียงสิ..ฟังแล้วพิจารณาไป
โลกทั้งโลกนี้มันเป็นอนัตตา..แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นอัตตาแสดงว่าเรายังโง่อยู่มาก..
@@Doichaemchaeng คำว่าจิตศาสนาไหนบัญญัติ ศาสนาพุทธไม่ใช้คำว่าจิต ตอนนี้มี ศาสนาผี พราหมณ์ พุทธ รวมเป็นศาสนาไทย รวมกันคนฟัง สับสน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ สัตว์เป็นผู้หลงยึดขันต์5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สัตว์เป็นผู้เวียนว้ายตายเกิด
น้อมกราบสาธุค่ะ
กราบสาธูๆคะ
กราบน้อมอนุโมทนาบุญเจ้าคะ สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุค่ะหลวงพ่อ
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
สาธุธรรมค่ะ
สาธุครับ
กราบท่านพ่อค่ะจิตต้องละผู้รู้จิตจะเป็นอิสระเข้าใจถูกมั้ยท่านพ่อลูกเป็นผู้มาใหม่ฝึกเรียนรู้ค่ะ
สอบถามหน่อยครับ พ่อสุญโญอยู่ไหนครับ
สาธุ.ค่ะ
จิตไม่ใช่ตัวตนแล้วจะเอาตัวตนที่ไหนให้จิตไปยึดติดได้อีกเล่าจิตเป็นเพียงลักษณะของผู้รู้ก็ได้เป็นผู้หลงก็ได้จิตไปยึดว่าติดว่ามีตัวมีตนจรึงมีภพเป็นแดนเกิดนั้นเองดังนั้นจิตผู้รู้ก็คือจิตของพระอรหันต์ตัดตัวตนรู้ทันการที่จะทำให้ไปเกิดอีกนั้นเอง
กิเลสเต็มหัวใจแต่ยังอวดอธิบายมั่วๆได้..
ขอน้อมจิตนี้กราบท่านพ่อสุญโญด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธในธรรมของท่านทื่ได้ตาสาธุสาธุ
กราบสาธูคะ
แยกระหว่างจิต กับ ความคิด
โดยมีสติเป็นตัวรู้
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุครับ
น้อมกราบสาธุธรรมอันประเสร็จเจ้าคะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
🙏🙏🙏
ฟังแล้วเข้าใจดีเจ้าค่ะ
สาธุสาธุสาธุอนุโมธามิค่ะ
น้อมกราบสาธุธรรมค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
แจ่มแจ้ง ขอน้อมบูชา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
🙏🙏🙏สาธุครับ...
ขอบคุณที่ได้ฟังธรรมที่ดีค่ะ
มีท่านใดรู้บ้างว่าดอยแจ่มแจ้งอยู่ที่ใดของ อ.ภูเรือค่ะ
สาธุอนุโมทนาบุญด้วยน่ะเจ้าค่ะ
สาธุธรรม บุคคลใดสำรวมระวังจิต บุคคลนั้นจะพ้นจากเครื่องผูกของมาร🙏🙏🙏
สาธุ ครับ
กราบ อนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุๆๆค่ะ
การฟังเทศน์นั้นไม่ยากแต่ยากที่การปฏิบัติ
ให้หลุดพ้น
สาธุเจ้าค่ะ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
🙏💗🙏💗🙏 💗🙏💗🙏 💗🙏
' ขอบคุณท่านพ่อสุญโญ '
ที่สื่อสารคลื่นความคิด
จากจิตเดิมแท้สู่มวลมนุษย์โลก
เริ่มต้นที่จิตเดิมของเราแล้วเราจะเอาจิตเดิมมาจากไหนตอนก็เพิ่งเริ่มต้น จะให้วางสติอย่างไร
สาธุค่ะ
สาธุบารมี, นะโมเต
ปุริสา.ชุณฌาห์.ภันเต ภะคะวา
อิติปิโส ภะคะวา สิทธธัตถะโคตะโม นามะภะคะวา สมาธิปัญญาคุณะสัมปันโน,ผู้ปิดนรก 109 เปิดสวรรค์ สอนเคารพตั้งแต่เกล็ดงู.มุดทะเลทรายฉกหน้าผาก ในนิมิต นั่นเอง,สาธุ บารมี ขอให้จริงๆๆๆ
น้อมกราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
กราบสาธุคะ อยากรู้สภาวะจิตหนึ่งคะหลวงพ่อ
อยากรู้ก็ปฏิบัติธรรมสิครับ
"ธรรม หลวงปู่ดุลย์"
เข้าภูมิโสดาบันได้ ก็รอดแล้ว พระตถาคตตรัสไว้ ห้าสิบกว่านัยยะ พุทธวจน คำใครจะประเสริฐเท่าคำ พระองค์ คงหามิได้
ฟังมาแล้วทิ้งจะเจอจอตเดิม
ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ
พระพุทธองค์ ท่านคาดการณ์ไว้เมื่อ 2,500 กว่าปี ก่อนท่านจะปรินิพพานว่า ยิ่งนานวันเข้า คำสั่ง-คำสอน ของท่านต้องมีการบิดเบือน และเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน น้อยท่านนักที่จะสามารถอธิบายการบรรลุหลักธรรมะที่ท่านทรงค้นพบได้อย่างถูกต้อง ท่านจึงทรงสอนหลักธรรมะไว้บทหนึ่ง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ใช้เทียบเคียง เป็นหลักยึดเพื่อความถูกต้อง นั่นคือบทกาลามสูตร กล่าวไว้ดังนี้
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา
ท่านคณาจารย์ทั้งหลายที่ท่านบรรลุถึงหลักธรรมมะ ท่านไม่สามารถอธิบายถึงหลักธรรมะเหล่านั้นให้เข้าใจได้ ท่านจึงใช้คำสมมุติเพื่อเรียกแทน ไม่ว่าจะเป็น จิตเดิมแท้, จิตหนึ่ง, ใจ หรือ จิตดั่งเดิม ล้วนเป็นคำสมมุติของหลักธรรมมะที่ท่านคณาจารย์เหล่านั้นได้เข้าใจ ซึ่งเป็นคนละความหมายกับคำว่า "จิต"
ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาให้เข้าใจก่อน คำว่า "จิต" กับ "สมาธิ" มีรากศัพท์มาจากภาษาอินเดียโบราณ
จิต แปลว่า การรับรู้
สมาธิ แปลว่า การสังเกตุ
การทำสมาธิทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง, การเดิน,การนอน, การยืน หรือ การทำอริยาบทต่างๆ ล้วนเป็นการทำเพื่อการสังเกตุ สังเกตุอะไร สังเกตุจิต(การรับรู้) สังเกตุการรับรู้ปัจจัยต่างๆที่มากระทบส่วนต่างๆของร่างกาย และทำใหเกิดความรู้สึกต่างๆ สรุปลงที่ ชอบ กับ ไม่ชอบ แล้วสิ่งนั้นก็ดับไป สังเกตุจนกว่าจะรู้ เข้าใจและยอมรับว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่ใช่เรา ตัวตนความเป็นเราไม่มี พระพุทธองค์ท่านทรงสอนไว้ในหลัก ขันธ์ 5 เมื่อขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา ตัวเราไม่มี เราจึงพ้นทุกข์ ไม่หลงกับสุข ความหมายของนิพพานจึงเกิด สาธุ สาธุ ครับ 🙏
ปล.นิพพานอยู่กับเราตลอดเวลา เพียงแต่โดนความเป็นเราบดบังอยู่
คำว่าสังเกตนะ..คือสติสัมปชัญญะตัวเดียวครับ..ฝึกสติเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ปัญญาแก่กล้าขึ้นมาได้..ธรรมะทุกอย่างจบที่สติตัวเดียว..
ต้องรีบบรรลุทำไม แค่ตั่งใจ รักษากุศลกรรมบท40 อานาปานะสติ ตลอดชีวิต(ตลอดมีสติ) หลุดจากวิตก วิจารณ์ ก็ ปิติ สุข แล้ว รอดชัว พระพาหิยะ ไม่เห็นต้องศึกษาเยอะเลย สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ง่ายๆจบ อรหันต์
@@ตะวันพลายแสงยามแรงกินเหล้า
@ตะวันพลายแสง ยามแรงกินเหล้า ครับ 🙏
ในสภาวะแวดลัอมและฐานข้อมูลเดียวกัน 1+1 เท่ากับเท่าไหร่ คำตอบก็คือ 2 คำตอบว่า 2 ได้มาจากไหน ได้มาจากการสังเกตุ หรือ ได้มาจากการตัดสินใจ
ปัญญา แปลว่า การพิจารณา, การวิเคาะห์หาเหตุ และผล
สติ แปลว่า การตัดสินใจ
สัมปชัญญะ แปลว่า ระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
สติปัญญา จึงแปลว่า การตัดสินใจโดยพิจารณาอย่างมีเหตุ มีผล
และ สติสัมปชัญญะ ก็จะแปลว่า การตัดสินใจที่ระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
ในพระไตรปิฎก มีบันทึกคำสอนของพระพุทธองค์อยู่บทหนึ่ง เป็นบทสรุป ธรรมมะทุกอย่างล้วนเป็นอนันตา คำกล่าวนีัท่านพุทธทาสภิกขุ ได้พิสูจน์ และยืนยันด้วยตัวท่านเองแล้ว ว่าทุกอย่างล้วนเป็นอนันตา เป็นเช่นนั้นจริง สาธุ สาธุ ครับ 🙏
@@udomsapauamdoung6917
ครับ 🙏
ต้องยอมรับในตัวของแต่ละบุคคล มีพื้นฐานด้านปัญญาที่แตกต่างกัน การรับรู้และการพิจารณา ย่อมเข้าใจต่างกัน มีช้าบ้าง เร็วบ้างเป็นธรรมดาของมนุษย์ เด็กแรกเกิดจะสร้างยานอวกาศบินไปนอกโลกเลย คงเป็นไปได้ยาก ต้องสั่งสมข้อมูลและประสบการณ์ เมื่อเติบใหญ่ถ้าตั้งใจจริงก็อาจจะมีโอกาสสร้างยานอวกาศนั้นได้
สักว่ารู้ สักว่าเห็น ภิกษุทั้งหลายได้รับรู้มาเหมือนๆกัน แต่จะเข้าใจความหมายที่แท้จริง เพื่อหลุดพ้นนั้นต่างกัน
พระอานนท์ ท่านก็ได้รับรู้มาแบบนั้นเช่นกัน แต่กว่าท่านจะเข้าใจในคำสอนนั้น ต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของท่านกว่าจะเข้าใจ พื้นฐานความรู้ของบุคคลที่ต่างกัน การที่บุคคลนั้นแสวงหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่ไม่เข้าใจนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่พึงกระทำ เป็นสิ่งดีงาม ควรแก่การสนับสนุน แต่กับบุคคลที่มีพื้นฐานด้านความรู้ที่ดี เข้าใจง่าย เรียนรู้เร็ว และคิดว่าบุคคลอื่นทำไมถึงช้ากว่าตน บุคคลนั้นเป็นได้เพียง บุคคลที่เรียนรู้และเข้าใจได้เร็ว แต่กับมองไม่เห็นทิฐิในตน ที่ทำให้คิดเข้าข้างตนเอง ยกตนเองว่าเป็นแบบนั้น
เพียงเข้าใจคำสอนที่พระพุทธองค์ท่านทรงสั่งสอนไว้ แบบที่เข้าใจจริงๆด้วยตนเอง ก็จะรู้ว่าไม่มีสิ่งใดต้องให้บรรลุ ไม่มีสิ่งใดต้องให้รักษา สุข-ทุกข์ ล้วนไม่ใช่เรา รู้เท่าทันความต้องการที่เกินจำเป็น ก็จะดับแล้วซึ่งกิเลส ไม่ใช่เข้าใจเพราะได้ยินมาจากคณาจารย์หลายๆท่านที่สั่งสอนกันมาผิดๆ รับรู้และปล่อยผ่าน ไม่ยึดติด คิดเอาเองให้ปฎิเสธสิ่งนั้นๆแต่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น พระพุทธองค์ท่านจึงทรงให้พระสูตร กาลามสูตร เพื่อให้บุคคลที่หลงผิดได้ไว้ใช้พิจราณา สาธุ สาธุ ครับ 🙏
แสดงได้ดีมากครับ ^^
แต่ความหมายของสมาธิเนี่ย สังเกตุ กับ ตั้งมั่น
พระศาสดาจะให้นัยยะไปทางตั้งมั่นมากกว่านะครับ
สังเกตุเนี่ยมันกระบวนการมากกว่า
🌸🙏🏻🌸
กราบสาธุค่ะ เท่าที่ตกผลึกได้ด้วยตัวเองคือ จิตมี 2 ตัว ตัวแรกคือจิตผู้รู้หรือสตินั่นเอง จิตตัวที่สองคือจิตเจตสิกหรือจิตตัวที่คิดปรุงแต่งนั่นเอง การจะแยกจิตระดับนี้ได้จะต้องผ่านสภาวะธรรมจนถึงขั้นกายไม่มีก่อน เมื่อกายไม่มีก็เข้าถึงอารมณ์ปรมัต จะรับรู้กายแค่เพียงอารมณ์ของธาตุสี่ คือดิน น้ำ ลม ไฟ จะไม่มีความเป็นเราเพราะกายไม่มีแล้ว เมื่อมีอารมณ์มากระทบจิตผู้รู้ก็รับรู้เพียงแค่อาการของธาตุสี่แค่นั้น จิตเจตสิกก็จะไม่มีการคิดหรือปรุงแต่งไดๆอีก สภาวะจิตก็ว่างนเสวยนิพพานอารมณ์อยู่ข้างใน
🙏🙏🙏
น้อมกราบอนุโมทนาบุญในพระธรรมคำสอนที่เมตตาคะ
จิตไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ใครถือเอาจิตเป็นตัวเป็นตนก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ 😁
จิตแปลภาษาชาวบ้านคือความคิดนั้นแหละ.. คุณคิดแบบไหนคุณก็เป็นแบบนั้น..ซึ่ง ในชีวีตจริงมันไม่มีใครบรรลุธรรมได้หรอก...คนไทยยึดติดทั้งนั้นแหละ.เช่นยึดติดความดี. การทําความดีของคนไทยคือการทําบุญ. .การทําบุญคือเอาเงินถวายพระ.ซื้อของถวายพระ..คือหมกมุ่นอยู่กับวัดและพระ..อย่างอื่นกูไม่สน..และนิยมมองคนอื่นที่คิดไม่เหมือนว่า.ไม่มีศาสนา.และอื่นอื่น.. พระยึดติดการมีตํ่าแหน่ง..ชิ่งดีชิ่งเด่นในวงการพระ..
@@rosewesterland3102 ความคิดเป็นสังขารไม่ใช่จิต..จิตไม่ใช่ความคิด..ความคิดไม่ใช่จิต..คิดเป็นตัวสังขารเป็นหนึ่งในขันธ์ห้า..ไปศึกษามาใหม่นะยังอ่อนอยู่มาก
@@rosewesterland3102 ไม่รู้ธรรมก็ไม่ต้องอวดรู้สอนชาวบ้านหรอก..มันอายเขาเปล่าๆ
@@rosewesterland3102 สุดท้ายเขาคือ มนุษย์ เป็นสัตว์ผู้หลงยึดขันต์5 การห่มผ้าไม่ได้ทำให้ประเสริฐขึ้น การปฏิบัติแบบสัมมาทิฏฐิตางหาก ทำให้ประเสริฐขึ้น
เคยปฏิบัติผ่านมาในอดีต เห็นจิตผ่องใส และ เศร้าหมอง มันคืออะไรครับ? ปัจจุบันก็ยังสงสัยอยู่ว่าอะไรคือตัวที่ไปเห็นจิตที่สว่างไสวและเศร้าหมองนี้คืออะไร ขอผู้รู้ตอบทีครับ และขอคำชี้แนะ
นี้แหละอาการของจิต ผ่องใสก็คืออาการของจิต เศร้าหมองก็คืออาการของจิต สังขารของจิตปรุงแต่งขึ้นมา ให้เราใช้สติทำผู้รู้ให้กิดคือผู้รู้ในอาการของจิต ความเศร้าหมองความผ่องใสเป็นแต่เพียงอาการของจิต ไม่ใช่จิต ไม่ใช่เรา เราเป็นแต่เพียงผู้ดู อาการเกิดขึ้นและดับไปและเปลี่ยนแบบใหม่เรื่อยไป เมื่อมีสติจดจ่ออยู่จะเกิดปัญญาขึ้นจากการดูจิตนี้
@@issaraphikkhu9881 ปัจจุบันผ่องใสก็ไม่มี เศร้าหมองก็ไม่มีครับ เหมือนธรรมดาๆทั่วๆไป ทำอย่างไรต่อครับ
อีกข้อหนึ่งครับ คำว่าสติกับสัมปะชัญญะนี้เป็นอย่างไร อ่านไปก็รู้แค่ว่าระลึกได้กับรู้ตัวแต่ไม่เข้าใจครับ ช่วยอธิบายยกความให้พอเข้าใจด้วยครับ
ตอนนี้เราอยู่ในอาการว่าง อาการว่างเป็นการปรุงแต่งของจิตอย่างนึง ดูไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเวลาอิ่มตัวจากอาการนี้ อาจใช้เวลาพอควร จากนั้นจิตจะคลายตัวและถอยมารับรู้อารมณ์ของจิตเป็นขั้นวิปัสนาของจิต....ดูไปเรื่อยๆและปฏิบัติตามแบบไปเรื่อยๆไม่ต้องคาดหวัง ทรงอยู่ในปัจจุบันไปเรื่อยๆก่อน....การรับรู้อารมณ์ต้องอาศัยสติคือความรู้ตัว สัมปชัญญะคือรู้ตัวทั่วพร้อมคือจ่อเข้าไปดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่หลงเข้าไปจับเอารมณ์มาเป็นของตน เมื่อมีผัสสะมากระทบกับอายตนะก็อาศัยสติสัมปชัญญะในการแยกแยะสิ่งเหล่านี้ก็จะเห็นเป็นแค่รูปนามที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
@@issaraphikkhu9881 ขอบคุณครับ
อยู่จังหวัดไหนครับ
ตั๋วรู้ก็คือจิตของเราไม่ใช่เหรอคะ
ตัวรู้คือสติสัมปชัญญะต่างหาก..ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะแล้วจะเอาอะไรไปรู้
@@ตะวันพลายแสงยามแรงกินเหล้า ตัวรุ้คือวิญญาณต่างหาก
ไม่รู้จักจิตทั้ง4 ไม่เข้าใจการทำงานร่วมกันของจิตทั้ง4 ก็ไม่เข้าใจ"ปฎิจจสมุปบาท" ก็ไม่สามารถดับทุกข์ทั้งปวงได้เรียกว่า "ไม่บรรลุธรรม".
จิตคือตัวรู้ ใช่ไหมคะ
สติคือตัวระลึก ใช่ไหมคะ
หลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิตโต
สวนทิพย์ ท่านบอกว่าให้ท่องจิตสตินิพพาน เร็ว ให้จิตเป็นหนึ่งเดียว
ธรรมลึกซึ้ง..รู้ไว้ใช่ว่าใสบ่าแบกหาม..ไตรลักษณ์ สาธุ หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก ท่านสอนว่าให้จิต วาง ว่าง เฉย ให้ได้จิตจะสบาย
กราบอนุโมทนาบุญกับ พอจ.
สาธุ สาธุ สาธุ
ให้ท่อง ?? หมายถึงยังไงนะครับ
ให้ท่อง = พูด บ่น บริกรรม
หรือ
ให้ท่อง = ศึกษาไปในสิ่งเหล่านี้
ลืมธรรมะของพุทธเจ้าเลย กรรมฐาน5ที่พระพุทธเจ้าให้ผมขนเล็บฟันหนังนี่คือกาย ให้เอาจิตหรือความคิดไว้ที่นี่จะปลอดภัยจากมาร กายนี่แหละจะเป็นฐานของจิตหรือสติเรียกว่าสติปัฏฐานเป็นสติในอริยมรรคมีกายเวทนาจิตธรรมมีทางเดียวเท่านั้นที่ผู้ปฏิบัติจะเห็นธรรมได้คือต้องปฏิบัติมรรค มรรคจะรู้ได้ก็ตองอบรมก่อน ส่วนสมาธินั้นทำเพื่อหลบความวุ่นวายเป็นครั้งคราวได้
มันไม่มี จะหาที่ไหนเจอ ทำแบบนี้เสียเวลาเปล่า
ทะเลตัณหาคือกาลเวลา พ้นความหมายมั่นจึงเห็นความไม่มี byแอดมิน
ผมว่าถ้าไม่ฝึกสติให้มีกำลังก่อนก็ไม่เห็นจิตละครับ กราบๆๆ
ก็คิดแบบนี้ไงล่ะ..ถึงตายเกิดเป็นว่าเล่น
ความเพียรยังไม่ได้ กำลังสติยังไม่ถึงเลยหาไม่เจอ มันมัดรวมอยู่ด้วยกันแต่ยังหาไม่เจอเลยกลายเป็นเราที่ยังเป็นผู้หลงอยู่ทั้งดวง
บอกตัวตนคนสัตว์ไม่มี แล้วจะหาจิตที่ไหนครับ มันย้อนแย้งกันยังงัยไม่รุ หรือกระผมโง่จริงๆ
เมื่อพบความไม่มีก็นั่นแหละจิต by แอดมิน
ปฏิบัติยังไม่ถืงก็จะงงค่ะสาธุ
เมื่อโง่ก็อย่าเถียงสิ..ฟังแล้วพิจารณาไป
โลกทั้งโลกนี้มันเป็นอนัตตา..แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นอัตตาแสดงว่าเรายังโง่อยู่มาก..
@@Doichaemchaeng คำว่าจิตศาสนาไหนบัญญัติ ศาสนาพุทธไม่ใช้คำว่าจิต ตอนนี้มี ศาสนาผี พราหมณ์ พุทธ รวมเป็นศาสนาไทย รวมกันคนฟัง สับสน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ สัตว์เป็นผู้หลงยึดขันต์5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สัตว์เป็นผู้เวียนว้ายตายเกิด
น้อมกราบสาธุค่ะ
กราบสาธูๆคะ
กราบน้อมอนุโมทนาบุญเจ้าคะ สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุค่ะหลวงพ่อ
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
สาธุธรรมค่ะ
สาธุครับ
กราบท่านพ่อค่ะจิตต้องละผู้รู้จิตจะเป็นอิสระเข้าใจถูกมั้ยท่านพ่อลูกเป็นผู้มาใหม่ฝึกเรียนรู้ค่ะ
สอบถามหน่อยครับ พ่อสุญโญอยู่ไหนครับ
สาธุ.ค่ะ
สาธุค่ะ
จิตไม่ใช่ตัวตนแล้วจะเอาตัวตนที่ไหนให้จิตไปยึดติดได้อีกเล่าจิตเป็นเพียงลักษณะของผู้รู้ก็ได้เป็นผู้หลงก็ได้จิตไปยึดว่าติดว่ามีตัวมีตนจรึงมีภพเป็นแดนเกิดนั้นเองดังนั้นจิตผู้รู้ก็คือจิตของพระอรหันต์ตัดตัวตนรู้ทันการที่จะทำให้ไปเกิดอีกนั้นเอง
กิเลสเต็มหัวใจแต่ยังอวดอธิบายมั่วๆได้..
ขอน้อมจิตนี้กราบท่านพ่อสุญโญด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ
สาธุครับ
น้อมกราบสาธในธรรมของท่านทื่ได้ตาสาธุสาธุ