ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
กราบนมัสการ ปุถุชนฟังแล้ว มองไม่เห็นทางเป็นอัตโนมัติกับจิตหนึ่งที่ปรุงแต่งไม่ได้เลยเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ..เจ้าค่ะ...ใช่หลายคนต้องตายไปพร้อมกับความไม่รู้
กราบแทบเท้าสาธุค่ะกราบขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ
สรุปก็คือ ไม่ว่าคำพูด หรือบัญญัติ ของผู้ที่รู้แล้ว มันคนละความหมาย คนละความรู้สึก กับผู้ไม่รู้ไปตีความหมาย มันเหมือนกับคนละเรื่องเดียวกัน แล้วคนไม่รู้จะเข้าใจได้อย่างไร คำตอบก็คือ ผู้รู้ไม่ได้เกิดจาก การคิด การทำ หรือการแสวงหา เพราะ มันจะเกิดขึ้นเอง เห็นเอง รู้เอง ก็จริง แต่สิ่งที่จะเร้า ให้เกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัย การคิด การทำ และการแสวงหา ฟังดูงงๆมั้ย งั้นจะเปรียบประมาณว่า สมมุติ มีเพชรเม็ดหนึ่งโยนลงมาบนโลกซึ่งมีเม็ดเดียว และเราจะไปหา เหมือนกับเราจะไปหาความจริงแท้ ซึ่งถามใคร ก็ไม่มีใครให้ความกระจ่างได้ มันไม่ต่างอะไรกันเลย ที่เราจะไปหาเพชรเม็ดนั้น ซึ่งยากที่จะเจอ เราจึงต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะหาให้เจอ และอันดับแรก คนที่จะหาเจอได้นั้น ต้องเป็นคนที่ชอบหา มากกว่าอยากเจอ คือการได้ค้นหาคือความสุข การเจอก็แค่กำไรนิดหน่อย ต้องมีความรู้สึกประมาณนี้ และต้องไม่ใช่ค้นหาอย่างเดียวโดนไม่ทำกิจกรรมอื่น แต่ทุกกิจกรรมที่เราทำ ในใจต้องไม่ลืมว่าเรากำลังค้นหาอยู่ เหมือนต้องตักน้ำให้เต็มโอ่งมากที่สุด เราหยุดเมื่อไรก็จะเจอเอง ฉะนั้น ในใจเราต้องคิดว่า เราจะตักน้ำโดยเราจะไม่มีคำว่าหยุด สุดท้ายหมดแรง ท้อแท้ เราก็ต้องไม่หยุด เราจะต้องเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายนี้เพื่อตักน้ำมาใส่โอ่ง จนร่างกายเป็นลม ขาดสติไป โดยที่ใจเรายังจะตักน้ำใส่โอ่งอยู่ เมื่อนั้นแหละ เพชรเม็ดนั้น จะปรากฎให้เห็นเอง ความกระจ่างแจ้ง จะเกิดขึ้นเอง เมื่อผู้ใดก็ตามสามารถเอาชนะใจตนเองได้ เพราะหัวใจที่แกร่งเท่านั้นที่คู่ควร ที่เป็นเช่นนั้น ถ้าหัวใจที่อ่อนแอแล้วไปรู้ความจริง คงแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ธรรมชาติจึงต้องคัดเฉพาะหัวใจที่ฝึกมาแล้วเป็นอย่างดีเท่านั้น จึงจะสามารถรับความจริงอันแสนเจ็บปวดนี้ได้
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุเจ้าคะ
❤ แม้แต่ความสงบ , ความเฉยๆ ก็เกิดดับ ตามเหตุปัจจัย / สักว่ารู้ความสงบ , สักว่ารู้อารมณ์เฉยๆ ......ไม่ยึดมั่นถือมั่น❤ จิตหนึ่งไม่ตกเป็นธาตุของตัณหา คือยากได้กามคุณห้า❤ จิตหนึ่งไม่ตกเป็นทาสของเวทนา คือความพอใจ ในกามคุณห้า❤ ดับวิภวตัณหา , ดับปฏิฆะ
สาธุสาธุอะนุโมทามิ
น้อมกราบอนุโมทนาค่ะ
❤🙏🙏🙏❤
สาธุขออนุโมทนาบุญโตยเน้อเจ้าสุดยอดนักรบสาวกของพระพุทธเจ้า
น้อมกราบสาธุในคะ
สาธุๆๆอนุโมทามิร่วมกับท่านด้วย
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุ
❤กราบสาธุธรรมครับ
สาธุ... ขอบคุณครับ ...
12:08🙏🙏🙏
สาธุ ที่สุดของทุกข์เป็นเช่นนี้เอง
อนุโมทนา สาธุ ครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ 💛🙏🙏🙏💛
สาธุ สาธุ ค่ะ
กราบสาธุฯฯครับ
น้อมกราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุค่ะ
🙏💗🙏💗🙏 💗🙏💗🙏 💗🙏 ' ขอบคุณท่านพ่อสุญโญ ' ที่สื่อสารคลื่นความคิด จิตตระหนักรู้สู่ผู้รู้อัตโนมัติ
สาธุ
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
สาธุเจ้าค่ะ
อรัญญา_กราบสาธุเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ กราบบูชาธรรมจากครูผู้มีปัญญาสอนสั่งชี้ทางสว่างแนวทางมืดมดมึนตึบหาทางออกไม่ได้ติดในความคิด ติดในอารมย์ ติดในสิ่งกิเลส ติดในทางบุญ ให้ได้รู้แจ้ง สาธุ ...
สาธุสาธุสาธุ
@ จิตที่บริสุทธิ์ขาวรอบ เป็นจิตล้วนๆนั้น / ไม่มีความหลงเจือปน , เป็นจิตหนึ่งที่ไม่มีความคิดปรุงแต่งเข้าไปเจือปน , เป็นอมตะธาตุ , ไม่มีมายาใดๆเข้าไปปนเปื้อน / มีความ เป็นสัมมาทิฐิอยู่โดยอัตโนมัติ / ความเป็นเราเป็นเขาไม่มีอยู่ในจิตหนึ่ง จิตเป็นผู้เห็นความว่าง ความโล่งยิ่งใหญ่ไพศาลที่ไร้ขอบเขต(สุญญตา) , สัญญาถูกเพิกถอนรูปนามที่เป็นไตรลักษณ์ทิ้งทั้งหมด / จิตพึ่งตนเอง ไม่อิงอาศัยความว่างเปล่า , ไม่อิงอาศัยไตรลักษณ์ สิ้นการแสวงหา ไม่พัวพัน ไม่เพ่งไม่จ้องเครื่องหมาย(นิมิต)ใดๆในโลก@ พุทธะคือจิตที่ทรงอยู่กับความว่าง , รู้ออกมาจากความว่าง แต่ไม่ได้ยึดความว่าง (สักว่ารู้)@ จิตหนึ่งไม่เคยแสดงตัวตน จิตมันรู้ออกมาจากความว่างเปล่า จิตหนึ่งจึงไม่เคยเกิด ไม่เคยดับ / จิตเกิดดับนั้นเป็นจิตสังขาร ที่ปะปนสัมปยุตอยู่กับนามรูป(จิตเจตสิก หรือจิตวิญญาณ)
สรุปอยู่เหนือสมมติใดๆทั้งปวง..ไม่หลงในภาษา
จิตที่ไม่ยึดติดในรูปนามนั้นแหละคือจิตแท้..
🙏🙏🙏 สาธุอนุโมทนาบุญครับ
ไม่มี ใน ไม่มี จะ คืนสู่ความว่างเปล่า คืนสู่ธรรมชาติ จิตเดิมแท้้ ๆ ❤
โมทนาสาธุๆๆๆในธรรมที่รู้แล้วนั้นด้วยครับ
กราบสาธุคะติดตามตลอดคะ
ตอนพยายาม ไม่รู้ ตอนที่รู้ ไม่ได้พยายาม....แต่จิตกำลังปราศจากความก้งวน ชนิด 100 % เพียงแวบเดียวเท่านั้น
WOW
ติดตามแล้วน่ะ
ผู้รู้อัตโนมัติ อ.อริยเจ้า
😌🙏🙏🙏😌💐💖
#จิตผู้รู้รังใหญ่ของอวิชชา อุบายวิธีละผู้รู้ " เราพิจารณาให้รู้ชัดเจน และปล่อยวางไว้ตามความจริงของมัน จะสุขก็ให้รู้ตามความจริงของมัน สุขเกิดขึ้น สุขดับไป สุขเป็นไตรลักษณ์ ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ดับไป ทุกข์เป็นไตรลักษณ์ รูปเป็นไตรลักษณ์ สัญญาเป็นไตรลักษณ์ สังขารเป็นไตรลักษณ์ วิญญาณเป็น ไตรลักษณ์ ให้เห็นว่าเป็นไตรลักษณ์ เป็นความจริงอันหนึ่งๆ รู้แล้ว ถอนตัวเข้ามา อยู่เป็นอิสระ อย่าไปยุ่ง อย่าไปแบก ไปหาม นี่เรียกว่า "ปัญญาค้นดูให้เห็นชัดเจน" เมื่อพิจารณาสิ่งเหล่านี้รอบตัวหมดแล้ว มันไม่ไปไหน สติปัญญาจะหมุนติ้วเข้าไปสู่จิต ตัวลุ่มหลงที่กลมกลืนกับ "อวิชชา" นั่นแหละ นั่นแล บ่อแห่ง "อวิชชา" แท้ บ่อแห่งความเกิดแท้ บ่อแห่งความเปลี่ยนเสื้อ เปลียนแสง เปลี่ยนภพ เปลี่ยนชาติ เปลี่ยนอยู่ที่ตรง "จิต" นั่นแหละ เอ้า สติปัญญา ค้นเข้าไป ทำลายมัน รังของ "อวิชชา" มันฝังอยู่ในจิตนี้ เมื่อแยกออกได้หมดแล้วด้วยสติปัญญา ทางฝ่ายขันธ์ก็ย้อนเข้าไปถึง "อวิชชา ปัจจะยา สังขารา" อวิชชา ปัจจะยา จริงๆ มันมาจากไหน ใครเป็นอวิชชา? ถ้าไม่ใช่ผู้ที่รู้ ซึ่งเต็มไปด้วยความหลงฝังอยู่ภายในตัวนั้น ปัญญาสอดแทรกเข้าไป พิจารณาเข้าไปให้เห็นธรรมชาตินี้ คือ อะไรกันแน่? มันก็ไตรลักษณ์ดีๆ นั่นเอง พวกกิเลสตัณหา อวิชชาจะเป็นอะไรไป ให้พิจารณาตรงนี้ ตอนนี้เรียกว่า พิจารณา "จิต" ให้เป็นไตรลักษณ์ เช่นเดียวกันไมผิด ถ้าเราาถือว่าเป็นตนแล้ว ก็เท่ากับเรากินปลาทั้งก้าง หรือกินไก่ทั้งกระดูก กินข้าวทั้งเปลือก โดยไม่เลือกเฟ้น จะเป็นอันตรายแก่ใครเล่า คิดให้ดีก่อนจะกลืนลงไป ไม่งั้นตาย เพราะก้างและกระดูกขวางคอ ที่ว่าจิตเป็นไตรลักษณ์ตอนนี้ คือ จิตมีสิ่งที่เป็นไตรลักษณ์ครอบงำอยู่นั่นเอง เราจะถือว่าจิตเป็นตนขณะนั้นไมได้ ต้องพิจารณาตรงนั้น ให้เห็นความจริงของไตรลักษณ์ ซึ่งมีอยู่ภายในจิต เราเห็นแต่ไตรลักษณ์ที่มีอยู่ตามรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่เราต้องการเห็นไตรลักษณ์อันละเอียดแห่ง "สมมุติ" ฝังอยู่ภายในจิต จึงต้องพิจารณา "จิต" เช่นเดียวกับพิจารณาอาการทั้งห้า คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เป็นไตรลักษณ์ ดูให้เห็นจริงด้วยสติปัญญา สิ่งที่มันไม่อาจทนทานอยู่ได้ ด้วยอำนาจของปัญญาผู้ทำลาย มันจะสลายตัวลงไป คือจะแตกกระจายลงไป สิ่งที่เป็นความจริงโดยธรรมชาติของตัว สิ่งนั้นจะคงอยู่ เช่น "ผู้รู้" เมือ่สิ่งจอมปลอมทั้งหลายสลายตัวลงไปแล้ว ผู้รู้นี้จะทรงตัวอยู่ กลายเป็นผู้รู้ที่บริสุทธิ์ขึ้นมา ผู้นี้ ไม่ฉิบหาย ผู้นี้ไม่เป็นไตรลักษณ์ ไตรลักษณ์ก็หมดปัญหาในขณะที่กิเลสอาสวะทั้งหมดสิ้นสุดไปจากใจ คำว่า "ไตรลักษณ์" ภายในใจจึงหมดไป เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ภายนอกก็ตาม ภายในก็ตาม รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ย่อมหมดปัญหาไป เมื่อ "อวิชชา" สิ้นไปจากใจโดยเด็ดขาดแล้ว เมื่อจิตพ้นจาก "สมมุติ" แล้ว อะไรๆ ก็เป็นความจริงไปตามๆกัน ไม่มีอะไรเป็นปัญหาตอ่ไปอีก เพราะใจไม่สร้างปัญหาให้แก่ตัวเอง เนื่องจากสติปัญญารู้รอบขอบขัดแล้วหลวงตาพระมหาบัว ณาณสัมปันโนเทศนาธรรมเรื่อง"จงพยายามเปลี่ยนเสื้อให้ทันสมัยก่อนตาย"
ยุคนี้หูทิพย์ตาทิพย์ ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต สุธีระ อริยเมตตรัยครับ
หยุดแล้ว อ.อริยเจ้า
เกือบ 20 ปีแล้วที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวพัวพันทุกวันนี้เลิกยุ่งเกี่ยวพัวพัน เลิกสงสัย เลิกแสวงหาและใช้ชีวิตตามปกติ ตามที่พระพุทธเจ้ามาโปรดและมาบอกความรู้สึก เริ่มที่จะเป็นปกติ เหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้เข้ามา มันจะแย่งเราคิดก็เรื่องของมันมันจะแย่งเราทำก็เรื่องของมันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวครัวพันทำตามที่พระพุทธเจ้าองค์นี้บอก และพยายามมองสิ่งที่ไม่มีตัวตน ฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน เริ่มจะเป็นคนเหมือนเมื่อก่อนนู้น พระพุทธเจ้าโปรด
น้อบกราบพระธรรมค่ะ
น้อมกราบสาธุในโอวาทธรรมคำสอนเจ้าค่ะสาธุสาธุสาธุค่ะ
🙏🙏🙏
ผู้รู้อัตโนมัติกับจิตหนึ่งที่ปรุงแต่งไม่ได้คือความหมายเดียวกัน ใช่มั้ยคะ
เช่นนั้นครับ💙
จิตสังขารปรุงแต่งอยู่ตลอดเป็นธรรมชาติของมันนั่นแหละครับ เราไปบังคับบัญชามันไม่ได้ แต่สำหรับผู้ที่จิตเดิมแท้ตระหนังรู้ความจริงแล้ว จิตสังขารจะปรุงอะไรมามันก็เป็นเพียงมายาสมมุตเท่านั้น ไม่ได้ให้ค่าอะไร จะเข้าไปเล่นก็ได้ หรือจะปล่อยผ่านไปไม่เล่นด้วยก็ได้ จิตที่ตื่นเหมือนคนที่รู้ตัวในฝัน ทีนี้ก็เลือกเอาเลยว่าจะเล่นหรือจะไม่เล่น เพราะฝันในชีวิตนี้มันนานกว่าฝันที่เรานอนหลับแล้วตื่น
รู้ไม่ปรุงแต่ง อ.อริยเจ้า
งงในงง
ตอนผมแยกมันโผล่งออกมาเอง-ปรากฎขึ้นทันทีทันใด-ลอยเด่นแยกขาด-สงบเวิ้งว้าง-สร้างรึคิดเอาไม่ได้เลย
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
กราบสาธุครับ
กราบอนุโมทนาเจ้าค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาบุญในพระธรรมคำสอนที่เมตตาคะ
กราบน้อมรับในธรรมคำสอนจ้าวค่ะสาธุสาธุสาธุ
สาธุสาธุอาจารย์พูดถูกแล้วพุทธภาวะธรรมภาวะสังฆพาวะคำพูดจริงทุกอย่างอยู่ในความว่างสาฟา้เมตตา
กราบนมัสการ ปุถุชนฟังแล้ว มองไม่เห็นทางเป็นอัตโนมัติกับจิตหนึ่งที่ปรุงแต่งไม่ได้เลยเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ..เจ้าค่ะ...ใช่หลายคนต้องตายไปพร้อมกับความไม่รู้
กราบแทบเท้าสาธุค่ะ
กราบขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ
สรุปก็คือ ไม่ว่าคำพูด หรือบัญญัติ ของผู้ที่รู้แล้ว มันคนละความหมาย คนละความรู้สึก กับผู้ไม่รู้ไปตีความหมาย มันเหมือนกับคนละเรื่องเดียวกัน แล้วคนไม่รู้จะเข้าใจได้อย่างไร คำตอบก็คือ ผู้รู้ไม่ได้เกิดจาก การคิด การทำ หรือการแสวงหา เพราะ มันจะเกิดขึ้นเอง เห็นเอง รู้เอง ก็จริง แต่สิ่งที่จะเร้า ให้เกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัย การคิด การทำ และการแสวงหา ฟังดูงงๆมั้ย งั้นจะเปรียบประมาณว่า สมมุติ มีเพชรเม็ดหนึ่งโยนลงมาบนโลกซึ่งมีเม็ดเดียว และเราจะไปหา เหมือนกับเราจะไปหาความจริงแท้ ซึ่งถามใคร ก็ไม่มีใครให้ความกระจ่างได้ มันไม่ต่างอะไรกันเลย ที่เราจะไปหาเพชรเม็ดนั้น ซึ่งยากที่จะเจอ เราจึงต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะหาให้เจอ และอันดับแรก คนที่จะหาเจอได้นั้น ต้องเป็นคนที่ชอบหา มากกว่าอยากเจอ คือการได้ค้นหาคือความสุข การเจอก็แค่กำไรนิดหน่อย ต้องมีความรู้สึกประมาณนี้ และต้องไม่ใช่ค้นหาอย่างเดียวโดนไม่ทำกิจกรรมอื่น แต่ทุกกิจกรรมที่เราทำ ในใจต้องไม่ลืมว่าเรากำลังค้นหาอยู่ เหมือนต้องตักน้ำให้เต็มโอ่งมากที่สุด เราหยุดเมื่อไรก็จะเจอเอง ฉะนั้น ในใจเราต้องคิดว่า เราจะตักน้ำโดยเราจะไม่มีคำว่าหยุด สุดท้ายหมดแรง ท้อแท้ เราก็ต้องไม่หยุด เราจะต้องเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายนี้เพื่อตักน้ำมาใส่โอ่ง จนร่างกายเป็นลม ขาดสติไป โดยที่ใจเรายังจะตักน้ำใส่โอ่งอยู่ เมื่อนั้นแหละ เพชรเม็ดนั้น จะปรากฎให้เห็นเอง ความกระจ่างแจ้ง จะเกิดขึ้นเอง เมื่อผู้ใดก็ตามสามารถเอาชนะใจตนเองได้ เพราะหัวใจที่แกร่งเท่านั้นที่คู่ควร ที่เป็นเช่นนั้น ถ้าหัวใจที่อ่อนแอแล้วไปรู้ความจริง คงแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ธรรมชาติจึงต้องคัดเฉพาะหัวใจที่ฝึกมาแล้วเป็นอย่างดีเท่านั้น จึงจะสามารถรับความจริงอันแสนเจ็บปวดนี้ได้
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุเจ้าคะ
❤ แม้แต่ความสงบ , ความเฉยๆ ก็เกิดดับ ตามเหตุปัจจัย / สักว่ารู้ความสงบ , สักว่ารู้อารมณ์เฉยๆ ......ไม่ยึดมั่นถือมั่น
❤ จิตหนึ่งไม่ตกเป็นธาตุของตัณหา คือยากได้กามคุณห้า
❤ จิตหนึ่งไม่ตกเป็นทาสของเวทนา คือความพอใจ ในกามคุณห้า
❤ ดับวิภวตัณหา , ดับปฏิฆะ
สาธุสาธุอะนุโมทามิ
น้อมกราบอนุโมทนาค่ะ
❤🙏🙏🙏❤
สาธุขออนุโมทนาบุญโตยเน้อเจ้าสุดยอดนักรบสาวกของพระพุทธเจ้า
น้อมกราบสาธุในคะ
สาธุๆๆอนุโมทามิร่วมกับท่านด้วย
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุ
❤กราบสาธุธรรมครับ
สาธุ... ขอบคุณครับ ...
12:08
🙏🙏🙏
สาธุ ที่สุดของทุกข์เป็นเช่นนี้เอง
อนุโมทนา สาธุ ครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ
💛🙏🙏🙏💛
สาธุ สาธุ ค่ะ
กราบสาธุฯฯครับ
น้อมกราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุค่ะ
🙏💗🙏💗🙏 💗🙏💗🙏 💗🙏
' ขอบคุณท่านพ่อสุญโญ '
ที่สื่อสารคลื่นความคิด
จิตตระหนักรู้สู่ผู้รู้อัตโนมัติ
สาธุ
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
สาธุเจ้าค่ะ
อรัญญา_กราบสาธุเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ กราบบูชาธรรมจากครูผู้มีปัญญาสอนสั่งชี้ทางสว่างแนวทางมืดมดมึนตึบหาทางออกไม่ได้ติดในความคิด ติดในอารมย์ ติดในสิ่งกิเลส ติดในทางบุญ ให้ได้รู้แจ้ง สาธุ ...
สาธุสาธุสาธุ
@ จิตที่บริสุทธิ์ขาวรอบ เป็นจิตล้วนๆนั้น / ไม่มีความหลงเจือปน , เป็นจิตหนึ่งที่ไม่มีความคิดปรุงแต่งเข้าไปเจือปน , เป็นอมตะธาตุ , ไม่มีมายาใดๆเข้าไปปนเปื้อน / มีความ เป็นสัมมาทิฐิอยู่โดยอัตโนมัติ / ความเป็นเราเป็นเขาไม่มีอยู่ในจิตหนึ่ง
จิตเป็นผู้เห็นความว่าง ความโล่งยิ่งใหญ่ไพศาลที่ไร้ขอบเขต(สุญญตา) , สัญญาถูกเพิกถอนรูปนามที่เป็นไตรลักษณ์ทิ้งทั้งหมด / จิตพึ่งตนเอง ไม่อิงอาศัยความว่างเปล่า , ไม่อิงอาศัยไตรลักษณ์ สิ้นการแสวงหา ไม่พัวพัน ไม่เพ่งไม่จ้องเครื่องหมาย(นิมิต)ใดๆในโลก
@ พุทธะคือจิตที่ทรงอยู่กับความว่าง , รู้ออกมาจากความว่าง แต่ไม่ได้ยึดความว่าง (สักว่ารู้)
@ จิตหนึ่งไม่เคยแสดงตัวตน จิตมันรู้ออกมาจากความว่างเปล่า จิตหนึ่งจึงไม่เคยเกิด ไม่เคยดับ / จิตเกิดดับนั้นเป็นจิตสังขาร ที่ปะปนสัมปยุตอยู่กับนามรูป(จิตเจตสิก หรือจิตวิญญาณ)
สรุปอยู่เหนือสมมติใดๆทั้งปวง..ไม่หลงในภาษา
จิตที่ไม่ยึดติดในรูปนามนั้นแหละคือจิตแท้..
🙏🙏🙏 สาธุอนุโมทนาบุญครับ
ไม่มี ใน ไม่มี จะ คืนสู่ความว่างเปล่า คืนสู่ธรรมชาติ จิตเดิมแท้้ ๆ ❤
โมทนาสาธุๆๆๆในธรรมที่รู้แล้วนั้นด้วยครับ
กราบสาธุคะติดตามตลอดคะ
ตอนพยายาม ไม่รู้ ตอนที่รู้ ไม่ได้พยายาม....แต่จิตกำลังปราศจากความก้งวน ชนิด 100 % เพียงแวบเดียวเท่านั้น
WOW
ติดตามแล้วน่ะ
ผู้รู้อัตโนมัติ อ.อริยเจ้า
😌🙏🙏🙏😌💐💖
#จิตผู้รู้รังใหญ่ของอวิชชา
อุบายวิธีละผู้รู้
" เราพิจารณาให้รู้ชัดเจน และปล่อยวางไว้ตามความจริงของมัน จะสุขก็ให้รู้ตามความจริงของมัน
สุขเกิดขึ้น สุขดับไป สุขเป็นไตรลักษณ์
ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ดับไป ทุกข์เป็นไตรลักษณ์
รูปเป็นไตรลักษณ์
สัญญาเป็นไตรลักษณ์
สังขารเป็นไตรลักษณ์
วิญญาณเป็น
ไตรลักษณ์
ให้เห็นว่าเป็นไตรลักษณ์ เป็นความจริงอันหนึ่งๆ รู้แล้ว ถอนตัวเข้ามา อยู่เป็นอิสระ อย่าไปยุ่ง อย่าไปแบก ไปหาม
นี่เรียกว่า "ปัญญาค้นดูให้เห็นชัดเจน"
เมื่อพิจารณาสิ่งเหล่านี้รอบตัวหมดแล้ว มันไม่ไปไหน สติปัญญาจะหมุนติ้วเข้าไปสู่จิต ตัวลุ่มหลงที่กลมกลืนกับ "อวิชชา" นั่นแหละ นั่นแล บ่อแห่ง "อวิชชา" แท้ บ่อแห่งความเกิดแท้ บ่อแห่งความเปลี่ยนเสื้อ เปลียนแสง เปลี่ยนภพ เปลี่ยนชาติ เปลี่ยนอยู่ที่ตรง "จิต" นั่นแหละ
เอ้า สติปัญญา ค้นเข้าไป ทำลายมัน รังของ "อวิชชา" มันฝังอยู่ในจิตนี้ เมื่อแยกออกได้หมดแล้วด้วยสติปัญญา ทางฝ่ายขันธ์ก็ย้อนเข้าไปถึง "อวิชชา ปัจจะยา สังขารา" อวิชชา ปัจจะยา จริงๆ มันมาจากไหน ใครเป็นอวิชชา? ถ้าไม่ใช่ผู้ที่รู้ ซึ่งเต็มไปด้วยความหลงฝังอยู่ภายในตัวนั้น ปัญญาสอดแทรกเข้าไป พิจารณาเข้าไปให้เห็นธรรมชาตินี้ คือ อะไรกันแน่?
มันก็ไตรลักษณ์ดีๆ นั่นเอง พวกกิเลสตัณหา อวิชชาจะเป็นอะไรไป ให้พิจารณาตรงนี้ ตอนนี้เรียกว่า พิจารณา "จิต" ให้เป็นไตรลักษณ์ เช่นเดียวกันไมผิด ถ้าเราาถือว่าเป็นตนแล้ว ก็เท่ากับเรากินปลาทั้งก้าง หรือกินไก่ทั้งกระดูก กินข้าวทั้งเปลือก โดยไม่เลือกเฟ้น จะเป็นอันตรายแก่ใครเล่า คิดให้ดีก่อนจะกลืนลงไป ไม่งั้นตาย เพราะก้างและกระดูกขวางคอ
ที่ว่าจิตเป็นไตรลักษณ์ตอนนี้ คือ จิตมีสิ่งที่เป็นไตรลักษณ์ครอบงำอยู่นั่นเอง เราจะถือว่าจิตเป็นตนขณะนั้นไมได้ ต้องพิจารณาตรงนั้น ให้เห็นความจริงของไตรลักษณ์ ซึ่งมีอยู่ภายในจิต เราเห็นแต่ไตรลักษณ์ที่มีอยู่ตามรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่เราต้องการเห็นไตรลักษณ์อันละเอียดแห่ง "สมมุติ" ฝังอยู่ภายในจิต จึงต้องพิจารณา "จิต" เช่นเดียวกับพิจารณาอาการทั้งห้า คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เป็นไตรลักษณ์ ดูให้เห็นจริงด้วยสติปัญญา สิ่งที่มันไม่อาจทนทานอยู่ได้ ด้วยอำนาจของปัญญาผู้ทำลาย มันจะสลายตัวลงไป คือจะแตกกระจายลงไป สิ่งที่เป็นความจริงโดยธรรมชาติของตัว สิ่งนั้นจะคงอยู่ เช่น "ผู้รู้"
เมือ่สิ่งจอมปลอมทั้งหลายสลายตัวลงไปแล้ว
ผู้รู้นี้จะทรงตัวอยู่ กลายเป็นผู้รู้ที่บริสุทธิ์ขึ้นมา ผู้นี้ ไม่ฉิบหาย ผู้นี้ไม่เป็นไตรลักษณ์ ไตรลักษณ์ก็หมดปัญหาในขณะที่กิเลสอาสวะทั้งหมดสิ้นสุดไปจากใจ คำว่า "ไตรลักษณ์" ภายในใจจึงหมดไป เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ภายนอกก็ตาม ภายในก็ตาม รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ย่อมหมดปัญหาไป เมื่อ "อวิชชา" สิ้นไปจากใจโดยเด็ดขาดแล้ว
เมื่อจิตพ้นจาก "สมมุติ" แล้ว อะไรๆ ก็เป็นความจริงไปตามๆกัน ไม่มีอะไรเป็นปัญหาตอ่ไปอีก เพราะใจไม่สร้างปัญหาให้แก่ตัวเอง เนื่องจากสติปัญญารู้รอบขอบขัดแล้ว
หลวงตาพระมหาบัว ณาณสัมปันโน
เทศนาธรรมเรื่อง"จงพยายามเปลี่ยนเสื้อให้ทันสมัยก่อนตาย"
ยุคนี้หูทิพย์ตาทิพย์ ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต สุธีระ อริยเมตตรัยครับ
หยุดแล้ว อ.อริยเจ้า
เกือบ 20 ปีแล้วที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวพัวพันทุกวันนี้เลิกยุ่งเกี่ยวพัวพัน เลิกสงสัย เลิกแสวงหาและใช้ชีวิตตามปกติ ตามที่พระพุทธเจ้ามาโปรดและมาบอกความรู้สึก เริ่มที่จะเป็นปกติ เหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้เข้ามา มันจะแย่งเราคิดก็เรื่องของมันมันจะแย่งเราทำก็เรื่องของมันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวครัวพันทำตามที่พระพุทธเจ้าองค์นี้บอก และพยายามมองสิ่งที่ไม่มีตัวตน ฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน เริ่มจะเป็นคนเหมือนเมื่อก่อนนู้น พระพุทธเจ้าโปรด
น้อบกราบพระธรรมค่ะ
น้อมกราบสาธุในโอวาทธรรมคำสอนเจ้าค่ะสาธุสาธุสาธุค่ะ
🙏🙏🙏
ผู้รู้อัตโนมัติกับจิตหนึ่งที่ปรุงแต่งไม่ได้คือความหมายเดียวกัน ใช่มั้ยคะ
เช่นนั้นครับ💙
จิตสังขารปรุงแต่งอยู่ตลอดเป็นธรรมชาติของมันนั่นแหละครับ เราไปบังคับบัญชามันไม่ได้ แต่สำหรับผู้ที่จิตเดิมแท้ตระหนังรู้ความจริงแล้ว จิตสังขารจะปรุงอะไรมามันก็เป็นเพียงมายาสมมุตเท่านั้น ไม่ได้ให้ค่าอะไร จะเข้าไปเล่นก็ได้ หรือจะปล่อยผ่านไปไม่เล่นด้วยก็ได้ จิตที่ตื่นเหมือนคนที่รู้ตัวในฝัน ทีนี้ก็เลือกเอาเลยว่าจะเล่นหรือจะไม่เล่น เพราะฝันในชีวิตนี้มันนานกว่าฝันที่เรานอนหลับแล้วตื่น
รู้ไม่ปรุงแต่ง อ.อริยเจ้า
งงในงง
ตอนผมแยกมันโผล่งออกมาเอง-ปรากฎขึ้นทันทีทันใด-ลอยเด่นแยกขาด-สงบเวิ้งว้าง-สร้างรึคิดเอาไม่ได้เลย
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
กราบสาธุครับ
กราบอนุโมทนาเจ้าค่ะ
สาธุ
🙏🙏🙏
น้อมกราบอนุโมทนาบุญในพระธรรมคำสอนที่เมตตาคะ
สาธุ
🙏🙏🙏
กราบน้อมรับในธรรมคำสอนจ้าวค่ะสาธุสาธุสาธุ
สาธุ
สาธุสาธุอาจารย์พูดถูกแล้วพุทธภาวะธรรมภาวะสังฆพาวะคำพูดจริงทุกอย่างอยู่ในความว่างสาฟา้เมตตา
สาธุ