ฅนติดเล่า Podcast ตอน มหันตโทษแห่งรักของพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 14 ต.ค. 2023
- ฅนติดเล่า Podcast ตอน มหันตโทษแห่งรักของพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์
เรื่องราวของคดีความอันอื้อฉาวที่สุดครั้งหนึ่งของฝ่ายใน ในแผ่นดินรัชกาลที่๕
การลักลอบมีความสัมพันธ์ที่อุกอาจระหว่างเจ้านายสตรีชั้นสูง กับชายหนุ่มในผ้าเหลือง
จุดจบและผลกระทบต่อความเป็นไปในสังคม ที่หลายคนไม่เคยรู้
ติดตาม “ฅนติดเล่า” ได้ทุกช่องทาง
ทางเพจ ฅนติดเล่า web. profile.php?...
ทาง TH-cam ฅนติดเล่า Podcast www.youtube.com/@podcast9371/...
ทาง TikTok khontidlaw / khontidlaw
ขอบพระคุณทุกการติดตาม และความคิดเห็นนะครับ
เข้าใจเจ้านายที่ต้องมาตัดสินโทษแบบนี้กับพี่สาวของท่าน ขณะเดียวกันก็สงสารพระองค์หญิงมากๆ ท่านคงเป็นคนไม่เข้มแข็งพอกับเรื่องความรัก และไม่ทันกับคารมผู้ชาย
ส่วนตัวแล้วชอบประวัติศาสตร์ไม่ว่าเวลาจะแปลเปลี่ยนไปมากเเค่ไหน ประวัติศาสตร์ยังคงมีมนต์สเน่ห์และมนต์ขลังเสมอ
รักพระพุทธหลวง ร.5 ❤❤❤❤❤
นายโตนี่ไม่ได้รักหรอก แต่หวังสูง หวังสบาย
ไล่เรียงฟังทุกเทปเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณปิงปองทำเทปสาระดีๆแบบนี้มาอีกเยอะนะคะ จากใจคนรักประวัติศาสตร์ค่ะ 😊 ขอบพระคุณที่สร้างสรรค์สื่อดีๆในยูทุปแชนแนลค่ะ🙏
เข้าใจเลนที่พระธิดาร.5 ต้องโสดทุกพระองค์เพราะไม่มีผู้ใดเหมาะท่านต้องรักษาพระเกียรติ
ใช่ความรักหรือเปล่าไม่รู้ เจ้านายฝ่ายในถูกปิดกันเรื่องการมีคู่ พลาดพลั้งไปก็ต้องมหันตโทษ น่าสงสารเหลือเกิน ท่านอ่อนต่อโลกไม่ทันเล่ห์ผู้ชายได้ทั้งนายทั้งบ่าว
ชอบฟัง เสียงอ่านไพเราะได้จังหวะพองาม👍👍🥰
เด็กผู้ชาย คนนั้น ต่อมามีขุนนาง รับไปเลี้ยงเป็นลูก เรียนหนังสือ และ เป็นแพทย์ทหารบก จนได้เป็นเจ้ากรม
ต้นสกุลอะไร
พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ทรงมีพระโสทรานุชา (น้องชายร่วมมารดาเดียวกัน) คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพรหมวรานุรักษ์ (พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์) ต้นราชสกุล "เกษมสันต์ ณ อยุธยา" กับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ มนุสฺสนาโค เปรียญ ๕) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 10 และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารองค์ที่ 3 ด้วยครับ
ขอบพระคุณที่กรุณาให้ข้อมูลนะครับ
ขอบคุณมากค่ะที่เรียบเรียงบรรยายทุกเรื่องราวในประวัติศาสตร์เข้าใจง่ายสุดยอดเลยค่ะ
ขอบพระคุณที่กรุณาติดตามนะครับ
เคยได้ฟังมาบ้างค่ะ แต่ไม่ละเอียดเท่านี้
เรื่องนี้ฟังแล้วไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี ปะปนไปหมด
ขอบคุณนะคะ ❤❤❤❤❤
ขอบคุณแอดมินที่ลงให้ค่ะ❤❤❤❤
ถ้าทิดโต เป็นคนในบังคับอังกฤษ สนุกแน่
สวัสดีค่ะคุณปิงปอง รอฟังทุกวันค่ะ
ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครทราบใช่มั้ยคะ ว่าลูกชายท่านที่คลอดออกมาไปไหน
มีหลายข้อมูลครับ ที่ผมพอค้นเจอประมาณนี้นะครับ
ข้อมูลแรกบอกว่า มาเรีย ลอฟตัส หญิงต่างด้าวในสยาม เขียนหนังสือกราบบังคมทูลถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื้อหาระบุว่าไม่อยากให้พระเจ้าแผ่นดินประหารเจ้าหญิงพระองค์นี้ และขอรับบุตรของหม่อมยิ่งไปเลี้ยงเป็นบุตรของตนเอง รวมทั้งแสดงความเห็นว่าการลงโทษผู้หญิงตามธรรมเนียมไทยนั้นเป็นการกดขี่ผู้หญิงให้อยู่ตัวคนเดียว ทำเหมือนว่าผู้หญิงไม่มีชีวิตจิตใจ เจ้านายสยามตอบกลับความเห็นของนางว่าพระเจ้าแผ่นดินตัดสินโทษประหารโดยผ่านที่ปรึกษาในพระองค์ หาใช่ใช้เพียงอารมณ์
อีกข้อมูลบอกว่า หลวงเทววงศ์วโรประการ (แสน) เจ้ากรมในกรมหลวงเทววงศ์วโรประการ รับเป็นบิดา เมื่อเติบโตจึงได้รับราชการเป็นนายพันตรีหลวงศักดาพลรักษ์ (เสข) ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารบก ต่อมาได้รับพระราชทานนามสกุลในรัชกาลที่ 6 ว่า “ธรรมสโรช”
แต่ก็มีข้อมูลที่โต้แย้ง โดยมีหลักฐานสำคัญที่สุดที่แสดงว่า พันตรีหลวงศักดาพลรักษ์ หรือต่อมาเลื่อนขึ้นเป็นพลตรีพระยาวิบุลอายุรเวท มิใช่บุตรของหม่อมยิ่งและอ้ายโต ก็คือในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ แสดงประวัติของท่านไว้ว่า พลตรีพระยาวิบุลอายุรเวช (เสข ธรรมสโรช)เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ส่วนหม่อมยิ่งตั้งครรภ์เมื่อพ.ศ. 2429 สามปีหลังพระยาวิบุลฯ เกิด พูดอีกทีคือตอนบุตรชายหม่อมยิ่งคลอดออกมา หลวงศักดาพลรักษ์หรือพระยาวิบุลอายุรเวท อายุ 3 ขวบแล้ว
เรื่องนี้ก็เลยยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดนักครับ แต่ถ้าใครมีหลักฐานเพิ่มเติมก็เอามาแบ่งกันได้นะครับ จะขอบพระคุณมากเลยครับ
@@podcast9371 ขอบคุณค่ะ
แสดงว่า สมัยรัชกาลที่ 4 นิยมกินหมากอยู่ ทำให้ฟันดำ..😁😄
มีคำถามตามมาเลยค่ะ ว่าลูกชายท่านชะตาชีวิตเป็นอย่างไร
มีหลายข้อมูลครับ ที่ผมพอค้นเจอประมาณนี้นะครับ
ข้อมูลแรกบอกว่า มาเรีย ลอฟตัส หญิงต่างด้าวในสยาม เขียนหนังสือกราบบังคมทูลถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื้อหาระบุว่าไม่อยากให้พระเจ้าแผ่นดินประหารเจ้าหญิงพระองค์นี้ และขอรับบุตรของหม่อมยิ่งไปเลี้ยงเป็นบุตรของตนเอง รวมทั้งแสดงความเห็นว่าการลงโทษผู้หญิงตามธรรมเนียมไทยนั้นเป็นการกดขี่ผู้หญิงให้อยู่ตัวคนเดียว ทำเหมือนว่าผู้หญิงไม่มีชีวิตจิตใจ เจ้านายสยามตอบกลับความเห็นของนางว่าพระเจ้าแผ่นดินตัดสินโทษประหารโดยผ่านที่ปรึกษาในพระองค์ หาใช่ใช้เพียงอารมณ์
อีกข้อมูลบอกว่า หลวงเทววงศ์วโรประการ (แสน) เจ้ากรมในกรมหลวงเทววงศ์วโรประการ รับเป็นบิดา เมื่อเติบโตจึงได้รับราชการเป็นนายพันตรีหลวงศักดาพลรักษ์ (เสข) ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารบก ต่อมาได้รับพระราชทานนามสกุลในรัชกาลที่ 6 ว่า “ธรรมสโรช”
แต่ก็มีข้อมูลที่โต้แย้ง โดยมีหลักฐานสำคัญที่สุดที่แสดงว่า พันตรีหลวงศักดาพลรักษ์ หรือต่อมาเลื่อนขึ้นเป็นพลตรีพระยาวิบุลอายุรเวท มิใช่บุตรของหม่อมยิ่งและอ้ายโต ก็คือในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ แสดงประวัติของท่านไว้ว่า พลตรีพระยาวิบุลอายุรเวช (เสข ธรรมสโรช)เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ส่วนหม่อมยิ่งตั้งครรภ์เมื่อพ.ศ. 2429 สามปีหลังพระยาวิบุลฯ เกิด พูดอีกทีคือตอนบุตรชายหม่อมยิ่งคลอดออกมา หลวงศักดาพลรักษ์หรือพระยาวิบุลอายุรเวท อายุ 3 ขวบแล้ว
เรื่องนี้ก็เลยยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดนักครับ แต่ถ้าใครมีหลักฐานเพิ่มเติมก็เอามาแบ่งกันได้นะครับ จะขอบพระคุณมากเลยครับ
ถ้างั้นแล้วพระยาวิบูรอายุรเวชมีมารดาคือใครจึงจะได้แก้ไขว่าไม่ใช่บุตรหม่อมยิ่ง
พระองค์ชายที่ทำผิดเป็นมหันตโทษคือ...
ที่จริงอ้ายโตรู้กันกับบ่าว นัดกันให้ย่องเข้าหา ภาษาชาวบ้านคือโดนข่มขืน พอหาทางเลิกก็ไม่ยอม สงสารท่านนะเป็นเหยื่อแท้ๆ แล้วผู้หญิงอื่นมีผัวมีลูกก็ไม่กระไรนี่เอาโทษถึงชีวิต ( ตามโทษแต่ได้ลดโทษ) เกินไปมากๆ
สงสารนะคะ ไม่น่าจะลงโทษท่านขนาดนั้น แค่ถอดยศให้เป็นสามัญชนก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ลักลอบเอาผู้ชายมาเสพสังวาสในพระราชฐานชั้นในไม่รู้กี่ครั้ง ถ้าเกิดไอ้โตเป็นกบฎขึ้นมาเข้าถึงเขตที่ประทับร.5 ง่ายมาก ต้องลงโทษแบบนี้แหละ
ลูกท่านละคับเป็นอย่างไร่ต่อ
มีหลายข้อมูลครับ ที่ผมพอค้นเจอประมาณนี้นะครับ
ข้อมูลแรกบอกว่า มาเรีย ลอฟตัส หญิงต่างด้าวในสยาม เขียนหนังสือกราบบังคมทูลถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื้อหาระบุว่าไม่อยากให้พระเจ้าแผ่นดินประหารเจ้าหญิงพระองค์นี้ และขอรับบุตรของหม่อมยิ่งไปเลี้ยงเป็นบุตรของตนเอง รวมทั้งแสดงความเห็นว่าการลงโทษผู้หญิงตามธรรมเนียมไทยนั้นเป็นการกดขี่ผู้หญิงให้อยู่ตัวคนเดียว ทำเหมือนว่าผู้หญิงไม่มีชีวิตจิตใจ เจ้านายสยามตอบกลับความเห็นของนางว่าพระเจ้าแผ่นดินตัดสินโทษประหารโดยผ่านที่ปรึกษาในพระองค์ หาใช่ใช้เพียงอารมณ์
อีกข้อมูลบอกว่า หลวงเทววงศ์วโรประการ (แสน) เจ้ากรมในกรมหลวงเทววงศ์วโรประการ รับเป็นบิดา เมื่อเติบโตจึงได้รับราชการเป็นนายพันตรีหลวงศักดาพลรักษ์ (เสข) ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารบก ต่อมาได้รับพระราชทานนามสกุลในรัชกาลที่ 6 ว่า “ธรรมสโรช”
แต่ก็มีข้อมูลที่โต้แย้ง โดยมีหลักฐานสำคัญที่สุดที่แสดงว่า พันตรีหลวงศักดาพลรักษ์ หรือต่อมาเลื่อนขึ้นเป็นพลตรีพระยาวิบุลอายุรเวท มิใช่บุตรของหม่อมยิ่งและอ้ายโต ก็คือในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ แสดงประวัติของท่านไว้ว่า พลตรีพระยาวิบุลอายุรเวช (เสข ธรรมสโรช)เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ส่วนหม่อมยิ่งตั้งครรภ์เมื่อพ.ศ. 2429 สามปีหลังพระยาวิบุลฯ เกิด พูดอีกทีคือตอนบุตรชายหม่อมยิ่งคลอดออกมา หลวงศักดาพลรักษ์หรือพระยาวิบุลอายุรเวท อายุ 3 ขวบแล้ว
เรื่องนี้ก็เลยยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดนักครับ แต่ถ้าใครมีหลักฐานเพิ่มเติมก็เอามาแบ่งกันได้นะครับ จะขอบพระคุณมากเลยครับ
เห็นใจพระองท่าน
น่าสงสารพระองค์หญิงมีบุญได้เกิดเป็นลูกเจ้าแต่ไม่มีความสูขเรื่องความรัก😮😮😮😮