จากใจ gen X ปลายๆ เกือบ gen Y เข้ามาฟังแล้วก็เข้าใจเด็ก gen Z มากขึ้น เขาก็น่าเห็นใจจริงๆ นะ เกิดมาก็ถูกเปรียบเทียบแล้วเพราะชีวิตทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์แต่เกิด แล้วเงินเดือน(โดยเฉพาะในไทย) เด็กจบใหม่วันนี้ ฐานเงินเดือนเท่าเราที่จบใหม่ 20 ปีที่แล้ว แต่ ณ วันนั้นทองหมื่นกว่าบาทอ่ะ นึกออกไหม การแต่งงานมีครอบครัว ซื้อบ้านใดๆ มันเกินเอื้อมสำหรับคน gen Z มากกว่าเดิมหลายสิบเท่า เขาเลยค่อนข้างจะ live for today เพราะบางทีวางแผนอะไรนานๆ โลกมันเปลี่ยนไวเกินแผนที่เขาวางไว้ซะอีก มันเลยต้อง agile กับทุกเรื่องในชีวิต
GEN Z ค่าเฉลี่ย ความฉลาดทางอารมณ์(EQ) ความอดทน กาลเทศะสัมมาคารวะ ต่ำที่สุดแล้วในบรรดาทุก GEN ที่ผ่านมาก เค้าคิดว่าเค้าเก่ง (เก่งกว่ามนุษย์ต่างดาวแล้วมั้ง) 😅
@@myheroallhero3822ผมเห็นความเห็นแนวๆนี้ ซึ่งน่าแปลกใจที่ไม่ค่อยมีคนคิดนะว่า gen z ที่เป็นแบบนั้นมันก็เกิดจากการเลี้ยงดู การสั่งสอน จากgen ที่อ้างตัวเองแข็งแกร่ง และสภาพแวดล้อม สังคมที่หล่อหลอมgen z มาก็เป็นสิ่งที่ gen คุณเป็นคนควบคุมและสร้างมา แต่ผมกลับเจอแต่ความเห็น1มิติ แค่ว่า gen z แม่ง week กว่าgenชั้นว่ะ และแบ่งแยก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชั้นด้วย มันทำให้ผมแปลกใจว่ามุมมองที่มองgen z ที่พวกเขากล่าวหาว่าแย่ เขามองอะไรกันแน่แล้วต้องการอะไร หรือแค่ต้องการสร้างชนชั้นและความภาคภูมิใจเฉยๆ
ส่วนตัวคิดว่าสิ่งหนึ่งที่สังคมดูจะลืมไปเวลา discuss เรื่องเจน z คือ แม้แต่เจน z ที่โตที่สุดตอนนี้ยังพึ่ง mid-20s เอง (ถ้าเอาเกณ์ 1997 หรือเกณฑ์ post-9/11) ยังไม่ neck-deep into adult life ด้วยซ้ำ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติมากถ้าเจน z ตอนนี้จะ whiny ในหลายๆ เรื่อง ก็มันพึ่งเป็นผู้ใหญ่ทำงานในสังคมกี่ปีเอง เจน z จะยังมีอุดมคติ มีความแข็งกร้าว มีความอ่อนแอ มีความอ่อนต่อโลกในบางเรื่องก็ไม่แปลก ยิ่งถ้ามองจากมุมมองเจน B หรือเจน X ที่ตกตะกอนหลายๆ เรื่องในชีวิตได้แล้ว เราคิดว่าเจน z ยังเปลี่ยนแปลงได้อีก เพราะสุดท้ายชีวิตจะยัดบทเรียนอีกมากให้เรา ใครจะไปรู้ว่ากว่าเจน z จะอายุเท่าเจน x ในตอนนี้ชีวิตจะสอนอะไรมันบ้าง แล้ววิธีคิดมันจะเปลี่ยนยังไงบ้าง
มีส่วนจริงครับ จากคนที่เกิด1999 นึกถึงประโยคนี้ “Hard times create strong men, strong men create good times, good times create weak men, and weak men create hard times.” เป็นวัฏจักร เป็นธรรมดา
As a patient suffering from depression, I don't understand why mental health diseases are often viewed as unreasonable excuses to not reach full potential, especially at work, while other diseases which also make people unable to do things in life as well are not criticized the same way as mental health diseases. This could be a question to let all others in this community rethink about the people like me as well.
ไม่แปลกที่ Gen อื่นที่เชื่อนักหนาว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะจะมอง Gen Z เป็นตัวตลกเพราะบริบทของยุคสมัยต่างกัน Boomer, X, Y เชื่อว่าการอดทนทำงานหนักคือหนทางสู่ความสำเร็จของชีวิต ลองเปลี่ยนมาสตาร์ทชีวิตในยุคของ Gen Z สิ ทุกอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ต้อง Agile ต้อง Disrupt ตัวเองตลอดเวลา หากไม่เข้าใจก็หวังเพียงว่า Gen อื่นจะมี empathy ในเรื่องนี้
ดิฉันเป็นคน gen x ที่มีลูกอยู่ gen z ฟังแแล้ว ชอบ episode นี้มากเลยค่ะ.. ชอบทุก topic ย่อยๆที่นำมาคุยกัน เหมือนนั่งอยู่ในใจแม่ gen x ที่กำลังสงสัยความรู้สึกตนเองกับลูกวัย gen z ตอนแรกคิดว่าเรารู้สึกไปเอง หรือ เราคิดไปเองรึป่าว? เพิ่งเขัาใจมากขึ้น ถึงที่มาที่ไป..ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น..ขอบคุณพิธีกรทั้งสอง gen ที่แบ่งปันประสบการณ์และความคิดที่แตกฉาน..ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
สิ่งที่หลายๆคนลืมคิดที่สำคัญมากๆคือ Gen Z คือเจนที่โตมากับความสะดวกสบายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ technology พัฒนาจากหน้ามือเป็นหลังมือในช่วง 10ปีนี้เอง พวก gen y/x ไม่ได้ซึมซับเทคโนโลยีพวกนี้ตั้งแต่เกิด เค้ามา reskill ตอนโต มันต่างกับคนที่โตมากับเทคนั้นจริงๆตั้งแต่วัยเด็ก ไม่มากก็น้อยทุกอย่างตั้งแต่ social media/ smartphone/ vape ทุกอย่างรวมกันมันมีผลต่อการตัดสินใจ และการคิดแน่นอน และผมเชื่อว่าถ้าคน gen x หรือ y เกิดมากับเทคโนโลยีเดียวกันตั้งแต่วัยเด็ก ผมว่าทุกคนก็น่าจะมีปัญหาเดียวกันกับ gen z คือความสบายมันทำให้เราไม่ดิ้นรน หรือไม่ได้สอนให้เราดิ้นรน และพอเจอแรงกดดันอะไรมันก็รู้สึกหนักไปหมดเลย เพราะตั้งแต่เกิด ความดิ้นรนของเด็กรุ่นใหม่มันไม่มีความจำเป็น สัญชาตญาณการเอาตัวรอดไม่เคยถูกขัดเกลา ควรมอดทนก็ต้องน้อยมากๆเทียบกับสมัยที่ไม่ได้สบายเท่านี้ โดยสรุปผมมองว่ามันไม่เกี่ยวกับ gen มันเกี่ยวกับสภาพสังคมและ technology ที่เค้าเติบโตมาใครเกิดมาในยุคนี้ก็จะเป็นเหมือนกันได้หมด
จากใจ Gen Z (พ่อแม่เจน X) - Gen Z ไม่เชื่อใน loyalty to a company อยู่แล้ว ถ้าไม่ชอบก็ไม่อยู่แค่นั้น - หลายคนมีข้อจำกัดเรื่องสภาพของตัวเอง แต่หลายๆครั้งก็เป็น Self-diagnosis แทนที่จะวินิจฉัยและแก้ปัญหาจริงๆ - หลายคนยอมหักไม่ยอมงอ เรื่องบางเรื่องเป็นแค่ความคิดต่างกันมองข้ามกันได้แต่ดันมาทำให้เป็นปัญหาขนาดที่เหม็นหน้ากันในที่ทำงาน - ทั้งนี้ Not all Gen Zs are like this. Many of them do have valid reasons for those “excuses”.
คิดง่ายๆหว่านผลอะไรก็ได้แบบนั้นแหละ มี gen z ได้ ก็เพราะ gen ก่อนๆนั้นแหละ จะว่าไม่อดทนก็เพราะ gen ก่อนๆอดทนมาก่อน ทำทุกอย่างจนทุกวันนี้มันมีทางเลือก(ก็ถือว่าพัฒนาขึ้น) gen z เกิดมาก็อยู่ในยุคที่มีคำว่า พัฒนานอย กำลังพัฒนา พัฒนาแล้ว ก็เพราะ gen ก่อนๆที่ทำไว้ก่อน ถ้ามีการอบรมสั่งสอนที่ดีก็คงไม่มีคำว่าเด็กยุคนี้สมัยนี้หลอก เพราะ gen z ก็ถูก gen ก่อนๆอบรมสั่งสอนมาจากสถาบันครอบครัว โรงเรียน และ ระบบสังคมที่ gen ก่อนสร้างมาทั้งดีและไม่ดี
gen z เกิดจากผลของการถ่ายทอดความต้องการของ gen x และ gen y บางคน มีคำพูดหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ gen x คือ ลูกต้องไม่ลำบากเหมือนเรา gen x จะลำบากควบคู่กับ baby boom จึงได้เตรียมความสะดวกสะบายให้ลูก ทั้งความสะดวกสะบายในบ้าน และโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ แต่เมื่อลูกสบาย และงอแงต่อปัญหา กลับมองว่าลูกไม่มีความอดทนเหมื่อนที่ตนเองผ่านมา
Gen z เกิดปี 2002 โตมากับพ่อแม่ที่เป็น Boomer ปลายๆ (พ่อแม่มีเราตอน 30 ปลายๆ) โตมาแบบกึ่งๆโบราณกึ่งๆสมัยใหม่ เลยจะรู้สึก cringe รึไม่ fit in กับคนเจนเดียวกัน เห็นด้วยกับการที่คนในสังคมควร concern กับ mental health ในขณะเดียวกันก็ไม่โอเคที่คนป่วยจิตที่ไม่ยอมรักษารึคนที่เออาการมาอ้างไปทำไม่ดีกับคนอื่นรึเอามาเป็นข้ออ้าง
Gen Z ก็ไม่มีความอดทนจริงๆละ เข้ามาทำงานแปปๆ ก็ลาออกบอกว่าไม่ชอบไม่ถูกจริต จะไปทำงานที่เป็นเจ้านานยตัวเอง พอไม่รุ่งแล้วก็โวยวาย จนงงว่าต้องการอะไรในชีวิตกันแน่
จากที่ได้คุยกับน้องๆ หลายๆคนนะครับ ผมได้รับรู้มาอย่างหนึ่งว่า เขารับฟังสิ่งต่างๆของ x และ y นะครับ แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์อะไรที่ออกมาใหม่ น้องๆรุ่นนี้จะไม่เอาวิธีการเดิมๆกลับมาทำ โดยไม่จำเป็น ผมคุยกับน้องๆในที่ทำงาน บอกไปว่าเออพี่เคยทำมาแบบนี้แล้วมันได้ผลแบบนี้ เขาไปลองทำดูเขาทดลองทำครับ แต่เหมือนกับว่าเขาหาเจอข้อบกพร่องบางอย่าง เขาเลยมองข้ามวิธีการของคน gen x y ไป และข้อเสนอวิธีใหม่เข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าทำงานกับ gen babyboomer ทั้งวิถีคิดและการใช้ชีวิตมันต่างกันมาก ในฐานะผมเป็นคน gen x ละกัน ความสามารถในการวิเคราะห์และหาผลลัพธ์เด็ก gen z สามารถทำได้เร็วมากครับ แต่จะขาดเรื่องความเสถียร จากที่สังเกตดูน้องๆ เนื่องจากบริบทและสังคม แม้สภาพสิ่งแวดล้อมที่เขาต้องเจอ มันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เด็กรุ่นนี้เลยต้องทำอะไรให้เร็วและตามทันอยู่เสมอ เพราะเด็กๆเหล่านี้ไม่อยากล้มเหลวในการใช้ชีวิตครับ ถ้าอย่างในรุ่นผม การล้มเหลวในการใช้ชีวิตก็คือความผิดของเราเองอันนี้เราต้องยอมรับได้ แต่เรื่องนึงสำหรับเด็ก gen z แล้ว เขามองว่าเขามีเวลามากกว่า เขาสามารถลองผิดลองถูก เพื่อป้องกันการล้มเหลวในชีวิต แต่น้องๆผมนั้นบอกว่า เขาสามารถล้มเหลวได้เร็วเท่าไหร่เขาก็จะลุกได้เร็ว จากที่ได้คุยกับน้องๆมาทั้งหมดที่ผมได้รับรู้นะครับ เด็กรุ่น gen z เขาเรียนรู้จากความล้มเหลวของ baby boomer ,X,Y เขาถึงไม่อยากเป็นอย่างนั้นครับ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
boomer work hard แล้ว gain hard จะสภาวะเงินเฟ้อช่วงแรกหลัง 1972 ทุกคนได้ประโยชน์จากการผลิตเงินเพิ่มในช่วงนั้น เม็ดเงินหมุนไวมาก ทำแล้วได้ของจริง คนเจนนั้นถึงเชื่อในการ word hard แต่แัจจุบัน การ work hard มันต้อง targeting ถูกจุด และช่องทางแคบลง ส่วนแบ่งของ monetary spreading เล็กลงมาๆ ใครหาเจอคือ ไปเลย
สำหรับคน Gen เก่าที่เอาแต่ว่าคน Gen ใหม่ โดยไม่สนใจหาเหตุผลนะครับ อย่าลืมนะว่า Gen X Gen Y ให้กำเนิด, เลี้ยงดู, อบรม Gen Z เขาคงไม่เกิดจากอากาศธาตุ แล้วทำมาหาเลี้ยง และอบรมสั่งสอนตัวเองตั้งแต่ทารกแน่ ๆ ใครกันนะ ที่แต่งแต้มผ้าขาวผืนนี้จนบางทีเละเป็นขี้ แล้วก็เอาแต่โทษว่าเป็นผ้าที่ไม่ดี
ไม่ว่าโลกใบนี้จะเปลี่ยนไปกี่ยุคกี่สมัย ความอดทน มันจะต้องมีในหมู่คนที่ต้องเอาชีวิตรอดเสมอ บทเรียนที่สำคัญที่ gen z ต้องได้เรียนรู้ในอนาคตคือความอดทน เพราะคิดว่าทุกอย่างมันได้มาโดยง่าย มองทุกอย่างว่าง่าย ถ้าไม่ง่ายก็เลือกไม่ทน
ในฐานะคน Gen Y ที่ทำงานร่วมกับทั้ง Gen Z และ X ผมรู้สึก Gen X กับ Z ไม่ต่างกัน Gen X ไม่ได้ดีไปกว่า Gen Z เลยแค่อายุมากกว่า เรื่องมากเรื่องน้อย อดทนไม่อดทนมันเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลครับ ขอให้เด็กๆน้องๆGen Z ปรับตัวให้ได้ก้าวข้ามอุปสรรคไปให้ได้นะครับ อุปสรรค์ที่ยิ่งใหญ่คือใจตัวน้องๆเอง พยายามเข้าครับ
So Gen Z basically have too many options and got depressed about it. I am a Gen Y its been rough for me too, the trick is pick one thing and embraces whatever little shitty thing happens along the way and once you started this journey you don’t stop until you become successful.
Gen Y สิ่งอำนวยความสะดวกเยอมาก มันทำให้เด็กยุคนี้ความอดทนน้อยเพราะเค้าจะเลือกแต่สิ่งสบายๆ ระหว่างตอนเที่ยงต้องออกไปกินข้าว แต่อากาศมันร้อน บางคนยอมที่จะอดมากกว่าจะออกไปร้อนๆแล้วไปกินข้าว
มองว่าอยู่ที่การเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กๆ การชี้แนะและให้คำปรึกษา โดยเฉพาะเวลาเขามีคำถาม ในเมื่อแต่ละ gen ส่งมอบความรับผิดชอบที่หละหลวม, gen หลังๆจะเปราะบางทางจิตใจมาก แล้วก็ไปโตกับ social online เรียนรู้แต่สิ่งที่ชอบและออกแรงต้านกับสิ่งที่เกลียด ตรงๆ เป็นพวกอ่อนไหวง่ายครับ
ผมเป็นคน gen เก่า ที่ต้องดูแลทำงานกับเด็ก gen z หลายๆคน สิ่งที่เรียนรู้ในการทำงานกับเด็ก gen z คือ ต้องเข้าใจคน gen z ก่อน พอเข้าใจแล้วก็ปรับตัวเราให้เข้ากับเด็กๆ เพราะผมคิดว่ารุ่นเก่าอย่างเราเดี๋ยวเราก็เกษียนเดี๋ยวก็ตายกันแล้ว ยังไงก็ต้องทำงานกับ เด็ก gen z ให้ได้ เด็ก gen z มักจะชอบทำงานอะไรเร็วๆ เสร็จไว เราก็ต้องหาทางทำงานร่วมกันให้ได้
บางคนที่อคติกับ Gen z เพราะ เอือมละอาจาก gen เดียวกัน การใช้ชีวิตในยุคนี้ Gen z ไม่ง่ายนะคับ เพราะมันไม่ใช่แค่ Hard skill soft skill แบบ Gen ก่อนแล้ว ยุคนี้มัน multi มากๆ มากๆจนเหนื่อยมากๆ Gen เก่าก็ความสามารถสู้ Gen z ไม่ได้ แต่ดันกดดัน และคาดหวัง แม่งทุกอย่าง แล้วก็หันมา โทษ Gen z แบบนั้นแบบนี้ ใช้ชีวิตในยุคนี้นี่ยาก
Gen z ในสายตาผมน่ะพวกเขาเรียนรู้ ปรับตัวกับเทคโนโลยีได้เร็ว มีความรู้และความสนใจในเรื่องเทคโนโลยีที่ค่อนข้างสูง สังเกตจากการเกิดใหม่ของช่องยูทูป จะมองงานเกี่ยวกับสตีมเมอร์หรืองานถ่ายวีดีโอเป็นงานในฝัน คล้ายพ่อแม่พี่น้องเราที่บ้างที่อาจมองว่า หมอ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการจะเป็นงานที่ดี ยั่งยืน สำหรับพวกน้องเขาก็เหมือนเรา แต่จุดเปลี่ยนสำคัญมันอยู่ที่ในยุคของ gen นี้มันเป็นยุคที่การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นเร็ว การแข่งขันสูง น้องไม่ได้สู้กับยุคแต่กำลังสู้กับคน gen เก่าๆ ที่มีประสบการณ์และความรู้ในการเอาตัวรอดที่สูงกว่า ในขนาดที่ gen อื่นๆสุดเดือดในการยอมแพ้นั้นสูงแต่ของ gen z เมื่อเจองานหรืออุปสรรคจะใหญ่หรือเล็ก ใจเขาจะค่อยๆยอมแพ้อย่างช้าๆ เป็น gen z ที่จะไม่ฟังการสอนจากคน gen เก่าๆ คุณสอนเขาปัด ด้วยหัวคิดใหม่พวกเขาจะมองว่าคุณนั้นล้ำหลัง หลายโอกาสหลายครั้งคนเจนนี้จะทำให้งานมันยากขึ้นเพราะอยากลองสิ่งใหม่ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทันทีแต่ลืมบริบทของงานหรือสังคมที่อยู่ว่ามันพยายามพัฒนาแค่พยายามพัฒนา ข้ออ้างที่สูง ผมมองว่ามันเกิดจากการที่ตัวเขาชอบเปรียบตัวเอง หรือคิดไปเอง อย่าง เด็กคนหนึ่งมองไปที่เด็กอีกคนที่เป็นนักวิ่งและพูดว่า โถ่ เพราะมึงตัวใหญ่ หรือๆ บางคนอาจมองไปที่คนตัวเล็กและบอก เพราะมึงตัวเล็กไง ธรรมดาที่มึงจะชนะ ขออ้างของเขามันคือการปลอบใจตัวเอง คล้ายๆกับการที่คน gen เก่าๆอ้างบุญนั้นล่ะ ไม่เน้นพยายามเน้นอ้างเน้นบุญแทน
ฉันหัวจะปวดเวลาอยู่กับ Gen Z คนอื่นทำได้10อย่าง นี่อะไรทำได้ไม่เท่าเขาเรียกร้อง แถมมีโรคอะไรเยอะแยะ เหมือนเป็นแผนที่วางไว้อย่างดี เจออย่างเยอะ สำออยสำอาง
จากใจ gen X ปลายๆ เกือบ gen Y เข้ามาฟังแล้วก็เข้าใจเด็ก gen Z มากขึ้น เขาก็น่าเห็นใจจริงๆ นะ เกิดมาก็ถูกเปรียบเทียบแล้วเพราะชีวิตทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์แต่เกิด แล้วเงินเดือน(โดยเฉพาะในไทย) เด็กจบใหม่วันนี้ ฐานเงินเดือนเท่าเราที่จบใหม่ 20 ปีที่แล้ว แต่ ณ วันนั้นทองหมื่นกว่าบาทอ่ะ นึกออกไหม การแต่งงานมีครอบครัว ซื้อบ้านใดๆ มันเกินเอื้อมสำหรับคน gen Z มากกว่าเดิมหลายสิบเท่า เขาเลยค่อนข้างจะ live for today เพราะบางทีวางแผนอะไรนานๆ โลกมันเปลี่ยนไวเกินแผนที่เขาวางไว้ซะอีก มันเลยต้อง agile กับทุกเรื่องในชีวิต
ผมเจน Z ที่ทำงานแลเว ขอบคุณที่เข้าใจคนับ ผมบอกเลยว่ายากมากที่จะตั้งตัวได้ในยุคนี้เพราะโลกเป็นวัฏจักรขาลงผลเลยทำให้เศรษฐกิจโตไม่บูมเท่าฝั่งขาขึ้น ต้องวางแผนเกมรับสะมากกว่า แล้วของเกมรับต่อเงินเฟ้ออย่างที่ดินและทองซื้อได้ยากจริงครับ ขนาดกัดฟันทำงานเงินเดือนหลักแสนในไทยยังรู้สึกเหนื่อยจนอยากจะถางผิงแบบจีนเลยครับ
น่าสมเพชมากกว่า ถามจริง มีรุ่นไหนชีวิตมันง่ายบ้างเหอะ ขี้แพ้ๆๆ
มาแอบดูพวกขี้แพ้ ถามจริงมีรุ่นไหนชีวิตมันง่ายบ้าง มีแต่ข้ออ้างของความล้มเหลว
มันมีรุ่นไหนที่สบายบ้าง 😂😂😂😂 แค่เมื่อก่อนแพ้แล้วอดตาย แต่ตอนนี้แพ้แล้วมีคนโอ๋ไง สบ้าย
ใครเปรียบเทียบบ้างครับ?
ส่วนตัวคิดว่า genZ คือ gen ที่มีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น การพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ การเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้พวกเขาไม่ต้องทนแบบยุคหลังสงครามโลก แต่พวกเขาจะกลายเป็น genที่ต้องเปลี่ยนตัวเองให้เร็ว ก้าวหน้าให้เร็ว และไม่หยุดนิ่ง ล้าสมัย
อนาคตจะยิ่งเป็นโลกที่คนสำเร็จมีน้อยลงเรื่อย ๆ และกระจุกขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากเมื่อก่อนไม่ต้องสำเร็จก็แฮปปี้ได้ ฝากเงินธนาคารได้ตั้ง 4-7% คู่แข่งไม่เยอะ เดี้ยวนี้ความรู้ธุรกิจทุกคนรู้ คนทำเยอะแรงกดดันแตกต่างกัน
GEN Z ค่าเฉลี่ย
ความฉลาดทางอารมณ์(EQ)
ความอดทน
กาลเทศะสัมมาคารวะ ต่ำที่สุดแล้วในบรรดาทุก GEN ที่ผ่านมาก
เค้าคิดว่าเค้าเก่ง (เก่งกว่ามนุษย์ต่างดาวแล้วมั้ง) 😅
@@myheroallhero3822ผมเห็นความเห็นแนวๆนี้ ซึ่งน่าแปลกใจที่ไม่ค่อยมีคนคิดนะว่า gen z ที่เป็นแบบนั้นมันก็เกิดจากการเลี้ยงดู การสั่งสอน จากgen ที่อ้างตัวเองแข็งแกร่ง และสภาพแวดล้อม สังคมที่หล่อหลอมgen z มาก็เป็นสิ่งที่ gen คุณเป็นคนควบคุมและสร้างมา แต่ผมกลับเจอแต่ความเห็น1มิติ แค่ว่า gen z แม่ง week กว่าgenชั้นว่ะ และแบ่งแยก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชั้นด้วย มันทำให้ผมแปลกใจว่ามุมมองที่มองgen z ที่พวกเขากล่าวหาว่าแย่ เขามองอะไรกันแน่แล้วต้องการอะไร หรือแค่ต้องการสร้างชนชั้นและความภาคภูมิใจเฉยๆ
@@myheroallhero3822อันนี้จริงเลยครับเห็นด้วย คือเค้าคิดว่าตัวเองเก่งฉลาดกว่าคนอื่น บางคนก็จริงฉลาดกว่าเจนก่อนๆอีกหรือบางคนก็แค่อีโก้ไปเอง แต่ที่เป็นแทบทุกคนเลยของเจนนี้เลยคือ eq ความอดทน มารยาท คือต่ำแบบสุด คือ iq กับ eq สวนทางกันไปเลย
@@myheroallhero3822ค่ะ ลักษณะนิสัยเจนคุณก็แสดงออกมาผ่านคอมเมนต์เรียบร้อยแล้ว
คร่าวๆในสายตาเรา
เจน B ทำไงให้มีชีวิตรอด
เจน X-Y ทำไงให้ชีวิตมั่งคั่ง
เจน Z ทำไงให้ชีวิตมีความสุข
คงเป็นวิวัฒนาการ
ตอนนี้ Y อย่างผมอยากมีความสุขละครับ รู้สึกท้อกับการที่พ่อแม่ห้ามให้ลาออกจากงานที่เกลียดเหลือเกิน มีการสั่งห้ามลาออกจนกว่าจะ 60 ด้วยจ้า เอาดิๆ
ไม่หรอก เจนyปลงกับชีวิตทุกคน
@@poplatj1708 เป็นคำตอบที่ สั้นแต่ อธิบายชีวิตเจน Y ได้ ชัดเจนมากครับ...
ส่วนตัวคิดว่าสิ่งหนึ่งที่สังคมดูจะลืมไปเวลา discuss เรื่องเจน z คือ แม้แต่เจน z ที่โตที่สุดตอนนี้ยังพึ่ง mid-20s เอง (ถ้าเอาเกณ์ 1997 หรือเกณฑ์ post-9/11) ยังไม่ neck-deep into adult life ด้วยซ้ำ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติมากถ้าเจน z ตอนนี้จะ whiny ในหลายๆ เรื่อง ก็มันพึ่งเป็นผู้ใหญ่ทำงานในสังคมกี่ปีเอง เจน z จะยังมีอุดมคติ มีความแข็งกร้าว มีความอ่อนแอ มีความอ่อนต่อโลกในบางเรื่องก็ไม่แปลก ยิ่งถ้ามองจากมุมมองเจน B หรือเจน X ที่ตกตะกอนหลายๆ เรื่องในชีวิตได้แล้ว เราคิดว่าเจน z ยังเปลี่ยนแปลงได้อีก เพราะสุดท้ายชีวิตจะยัดบทเรียนอีกมากให้เรา ใครจะไปรู้ว่ากว่าเจน z จะอายุเท่าเจน x ในตอนนี้ชีวิตจะสอนอะไรมันบ้าง แล้ววิธีคิดมันจะเปลี่ยนยังไงบ้าง
มีส่วนจริงครับ จากคนที่เกิด1999 นึกถึงประโยคนี้ “Hard times create strong men, strong men create good times, good times create weak men, and weak men create hard times.” เป็นวัฏจักร เป็นธรรมดา
นี้คือ 1 ในคน Gen Z คอนเฟิร์มว่าคน Gen นี้ไม่ทนจริงๆ ซึ่งแล้วแต่คนว่าทนมากทนน้อย ส่วนตัวถ้าเราปรับ แก้ เปลี่ยนแปลงที่ตัวเราแล้วความ TOXIC นั้นยังอยู่ นี้ก็ไม่ทน เพราะถือว่าเราเข้ากับวัฒนธรรมแบบนี้ไม่ได้ การเอาตัวเองออกจากตรงนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
จริงๆครับ ผมgenZยังคิดเหมือนกันเลย
หยิงหยางครับน้อง ทุกอย่างมีขาวกับดำ วันนึงน้องสัก30-40 จะเข้าใจ ตอนพี่20ต้นๆ พี่ก็ไม่เข้าใจ เห้ยยย ทำไมต้องแบบนั้น ทำไมต้องแบบนี่ว่ะ เงินเดือนต้องเท่านั้น ความมั่นคงต้องแบบนี้ดิ ที่นั้นยังให้ได้เลย ไม่งั้นออก!!!! อันนั้นเรามองในมุมพนง. พอวันที่มาเป็นเจ้าของ โห้วววว ไอเชี่ยยย รู้สึกขอโทษเจ้าของที่เราเคยจะต่อยเลย เขาเป็นได้ดีกว่าที่เราเป็นอีก 5555 สุดท้ายที่บ.พี่ รุ่นน้องgen z ลาออกกันบาน อยากให้ใจเย็นนิดนึง ลองถอยออกมาดูว่า เห้ย เราได้อะไรนอกเหนือจากความรู้บ้าง อีกอย่างจิตใจมนุษย์ไม่เคยพอ เราคิดว่า เห้ย กูต้องได้start 30K แบบบ.เพื่อนกูวววอ่ะ แต่ถ้าเขาให้ พอทำไปเรื่อยๆ จะด้วยเหตุใด เช่น เห็นเพื่อนบ.นู้นได้ตำแหน่งดี งานเยอะเลยคิดว่ากูต้อง50Kในปีนี้ หรือไลฟ์ขายของ สตรีมเกม ทำยูทูป บราๆๆๆ คนต้องดูกูเป็นหมื่นเป็นแสน ใจเย็นนนนน มันต้องใช้เวลา มีรุ่นน้องคนนึงมาถาม ไลฟ์แล้วคนดูแค่2-3คน พี่ก็เลยบอกว่ามันจะแปลกกว่าไหม? ถ้าไลฟ์เดือนเดียวและคนดูเป็น1000 เป็นหมื่น คนดูมันจะมาจากไหน!! เขารู้จักเราหรอ 5555 มึงไม่ใช่แน็กชาลี จบ สรุปเลิกไลฟ์ เวรแท้😅 สุดท้าย น้องคิดว่าคำว่าอดทนและขยัน มีไว้ทำไม? เครๆๆ พี่เคยโดนย้อนแล้วพี่จะทนทำไม?? อื้ออ ไงก็ลองเอาไปนอนคิดดู แต่จากปสก.พี่ พี่ไม่เคยเจอคนรวยที่อดทนต่ำ พี่ไม่เคยเจอคนรวยที่ไม่ขยัน เอาในชีวิตเราเนี่ย อย่าไปฟัง Socialมาก มัน Marketing มัน Copywrite กัน จากเด็กติดยาสู่เศรษฐี ไอเชี้ยยยย กูนั่งนึกเพื่อนกูคนไหนติดยาชีวิตเหี้ยทุกคน กูรอวันที่เพื่อนที่ติดยาจะเป็นเศรษฐีสักคน กูจะได้ไปท่วงตังที่มันยืมกู ทบต้นทบดอกอยู่😂😂😂 จากเด็กเกรสู่เจ้าของ... เพื่อนกูคนไหนเกเร ถ้าบ้านมันไม่รวยอยู่แล้ว ชีวิตก็เหี้ย บางคนบ้านรวย ผลาญหมด เอาไปคิดแบบนี้ดู เวลาเห็นAds หรือโฆษณาแบบนี้นะ สุดท้ายพี่อาจจะผิดทั้งหมด แต่พี่ยังชีวิตดี มีเงิน มีรถ มีบ้าน หนี้=0 มีเงินเก็บหลายหลัก พี่ก็คิดว่าก็น่าจะดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ถูกต้องไม่มากก็น้อยแหละ
เห็นด้วยค่ะ
ถ้าปรับตัวแล้ว ยังเจอ toxic อันนี้น่าเห็นใจครับ แต่ผมเจอ แบบไม่ปรับตัว ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง พูดไม่ได้ พูดแล้วก็จะน้อยใจ 😅
@@24sep-j1i นั้นแหละค่ะจุดเริ่มต้นความ Toxic ค่ะ ไม่ว่าเจนไหนๆคนแบบนี้ก็มีค่ะ และขอบอกเลยว่าคนแบบนี้ Gen Z เยอะมากๆค่ะ มั่นเกินแต่บอบบางไม่ไหว 🤣🤣🤣 สต.ไม่ถูกกับคนเหล่านี้มากค่ะ 🤣
ผมก็gen z ต้องคิดแบบstoicเท่านั้นคือทางรอด สู้เต็มที่เหนื่อยก็พัก บริหารเงินให้เป็น ไม่สร้างภาระเพิ่ม ไม่งั้นก็เป็นข้ออ้างทั้งชีวิต
Seneca เยี่ยมเลยครับ
Stoic มันทำให้เรา ignore สุขภาพจิตเนี่ยดิ
ความคิดดีเยี่ยม
@@GlitchBoy-ws5in ก็อย่าไปคิดถึงมันดีแล้วพอคิดแล้วก็เป็น พอไม่คิดก็เห็นทำอะไรๆได้เหมือนคนปกติอยู่นะ คิดมากฟุ้งซ่านไปเองจนเครียดแล้วสารในสมองยิ่งเปลี่ยน ยิ่งจะผิดปกติไปเรื่อยนะ การหลอกสมองมันช่วยเรื่องการรักษาได้ต่างๆได้ดีเลยทีเดียวนะผมว่า เพราะผมเคยเห็นคนเป็นอัลไซเมอร์นอนติดเตียงเป็นสิบปีแล้วลุกขึ้นมาเดินได้เหินใช้ชีวิตได้เกือบชั่วโมงนี่แหละ ผมเลยคิดว่าการ ignore มันช่วยได้ ในทางเกี่ยวกับศาสนาก็รู้สึกว่าจะมีสอนอยู่นะเรื่องแบบนี้
@@GlitchBoy-ws5inเป็นซึมเศร้าอยู่แต่ดีขึ้นเพราะ Stoic ค่ะ คิดว่าเป็นเฉพาะบุคคลไป
หัวข้อนี้เรื่องใหญ่เลยนะคะ
จริงๆ คิดว่าน่ามาจากสังคมที่เปลี่ยนไป พ่อแม่ การเลี้ยงดู social คุณครู เพื่อนๆ ทำให้เค้า sensitive มากๆ ไหนจะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปทุกๆอย่างอีก เข้าใจกันให้มาก คุยกันเยอะๆ นะคะ ทุกคนมีปัญหาในมุมมองของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ❤
As a patient suffering from depression, I don't understand why mental health diseases are often viewed as unreasonable excuses to not reach full potential, especially at work, while other diseases which also make people unable to do things in life as well are not criticized the same way as mental health diseases. This could be a question to let all others in this community rethink about the people like me as well.
เราgenY แต่เป็นตัวกลางระหว่างgenXกับgenZ พยายามยืดหยุ่นตามโลกปัจจุบัน แต่บางสถานการณ์ก็พยายามstrictตามกฎเกณฑ์ที่โลกสร้างมา พยายามเป็นตัวเอง แต่ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม จึงเป็นgenที่เป็นซึมเศร้ากันเยอะ ทั้งกล้าไปรักษาและไม่กล้าไปหาหมอบ้าง รู้สึกว่าเป็นgenที่มีconflictในตัวเองพอสมควรค่ะ
"ทำไมต้องทน" ลึกๆ ของทุกคนน่าจะเป็นความรู้สึกนี้ ซึ่งไม่ได้แปลว่าผิด แต่วิธีการ การปรับตัว อาจจะไม่สอดคล้องเพราะเรามีข้อมูลใหม่ๆ เข้ามาเร็วมาก ยังไม่ทันทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง ก็มีชุดความรู้ใหม่มาอีกแล้ว ยกตัวอย่าง โรคซึมเศร้า ใครบ้างไม่เศร้า ใครบ้างไม่มีปัญหา ใครบ้างไม่ทุกข์ ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปได้ เมื่อมองย้อนกลับมาก็จะเข้าใจมากชึ้น ว่าเออ เราไปยึดติดกับอะไรหลายๆอย่างที่ไม่ควร แต่ยุคนี้สร้างตัวตนให้ทุกสิ่ง การยอมรับการมีตัวตนของมันแบบยังไม่เข้าใจถ่องแท้ กลายเป็นปัญหา ที่นี้ก็เป็นซึมเศร้ากันเต็มบ้านเต็มเมือง (ยกเว้นคนที่มีปัญหาด้านเบรนเคมีคอลจริงๆ) การปล่อยให้ตนเองเศร้านานเกิน ก็ทำให้เคมีในสมองผิดเพี้ยนได้
ยุคก่อนๆ จะไม่ค่อยมีคำถามนี้แต่จะเป็นคำถามว่า "เราเกิดมาทำไม" ซึ่งสะท้อนชัดว่า ยุคก่อนๆ เราต้องการ การขยายตัวทำให้สังคมเน้นหนักไปที่ส่วนรวม ว่าบุคคลจะออฟเฟออะไรสู่สังคมบ้าง แต่ปัจจุบันความเป็นปัจเจกสูงขึ้น ทำให้จุดยืนเปลี่ยน ผู้คนสนใจว่าตนเองจะได้อะไร มากกว่า สังคมจะได้อะไร
คนยุคก่่อนใช้ความ ทน เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่นคง คนที่ไม่ทนในยุคก่อนจะถูกกำจัดให้ตกต่ำหมดอนาคต และนำโอกาสรอดมาเพิ่มให้คนที่ทนได้
แต่เมื่อคนยุคก่อน สั่งสมความมั่นคงเอาใว้มากพอให้คนรุ่นนี้ได้เป็นชนชั้นกลางอย่างชิวๆไม่มีทางตกต่ำเป็นชนชั้นล่างแล้ว คนรุ่นนี้ก็ควรจะเลือกไม่ทนและเปลี่ยนแปลง นั่นคือการเสี่ยงเพื่อคว้าโอกาสครับ ทั้ง2รุ่นไม่มีใครผิดถูก คนรุ่นก่อนอยากให้รุ่นนี้ทนต่อไปอีก เพื่อให้ระบบมันกำจัดคนไม่ทนทิ้งไปอีก จะได้มั่นคงยิ่งยิ่งยิ่งขึ้นไปอีก แต่เพียงแค่นั้นมันไม่สามารถเติมเติมคนรุ่นใหม่ที่ได้รับความมั่นคงทางชนชั้นกลางมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว มันก็ต้องเสี่ยงเท่านั้น จะได้เลื่อนชนชั้นกลางเป็นคนรวย ไอ้ชนชั้นกลางที่มีเงินเก็บเยอะแต่ไม่ได้เสพสุขกับทุนนิยม มันเติมเต็มรุ่นเขาไม่ได้แล้ว
พวกเจนนี้ถ้ามันจะทำอะไรคือมันทำจริงจังเป็นบ้าเป็นหลังเลยนะเอาจริงๆ แต่บทจะไม่ทำคือไม่ทำอะไรเลย สุดทุกทางคนเจนนี้ ขอแค่ให้โอกาสให้เวลาและให้ใจเขาหน่อย รับรองว่าคุณจะได้คนฝีมือดีอายุน้อยมาทำงานด้วยแน่นอน ผมพิสูจน์มาแล้วว่าจริง!!
น้องๆ Gen Z เป็นคนเก่งนะครับ เรียนรู้ไว ปรับตัวไวมาก
แต่อยากเพิ่มความ "ให้เวลาตัวเองหน่อย" บางครั้งรีบเกินไป รอไม่ได้
งานหลายอย่างคุณภาพมันต้องการความ constancy ด้วย
ทำได้อ่ะ เราเห็นน้องทำได้แล้ว แค่ความคงที่ ความ stable ของคุณภาพงานมันต้องใช้เวลาพิสูจน์เหมือนกัน
หลายคนมองว่าตัวเองทำได้แล้ว ไม่ให้ task ใหม่สักที ลาออกดีกว่า
หลายครั้งเราก็ต้องรีบหยิบยื่นให้ทำ เพราะกลัวน้องออก ความคงที่ยังไม่ได้
พอน้องทำแล้วเฟล ก็ลาออกไปเองเหมือนกันอยู่ดี
😢❤️🔥 ถูกใจเม้นนี้
ปัญหามันไม่ได้มาจากตัวเด็กที่ใจร้อน มันมาจากสภาพแวดล้อมที่หลอมสมองให้ต้องไว้อยู่ตลอดเวลา ช้าอด ช้าตามไม่ทัน
@@lugi107 เข้าใจเลยครับ น้องๆเจน Z คือสภาพแวดล้อมสังคมตอนนี้คือต้องเร่งจริงๆ
เคยฟังน้าเน็คบอก ยุคนี้เป็นยุคสมัย real time ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงทุกวินาที แต่เราก็มีคำถามว่า เราจะวิ่งตามคนอื่นให้ทันในทุกวินาทีเลยเหรอ เรากำลังแข่งกับใคร หรือแม้แต่ เราต้องการในชีวิตกันแน่ บางคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่งจนลืมไปแล้วว่าจะวิ่งไปไหน มองหาเส้นชัยตัวเองไม่เจอ
@@lugi107แล้วจัดการงานด้วยความรับผิดชอบของตัวเองยังไง
เมื่อเทียบกับรุ่นอาม่า เขามาจากเมืองจีน มาแรกๆทนนอนที่แคบๆ ใช้แรงงาน ไม่ใช่เงินฟุ่มเฟือย เลยเก็บตังค์ สร้างตัว แต่ไม่มีท้อ ไม่เคยพูดว่าซึมเศร้าเลย เพราะแกพูดภาษาไทยไม่ได้
ฉันกำลังจะอิน เจอพูดภาษาไทยไม่ได้เข้าไป 😅😅😅 อันนี้ได้👍👍👍
ลึกซึ้งมากค่ะ
🤣
รุ่นนั้น เค้ากลัวอดตาย ถ้ามัวแต่ซึมเศร้า จะไม่มีกิน ไม่มีอยู่
@@นาโอโตะดาเตะ ยุคนั้นซึมเศร้าเป็นว่าเล่นเพราะปัญหาชีวิตแต่ละวัน
เพิ่งเคยเจอช่องนี้ คลิปสนุกมาก้ลย พิธีกรเคมีเข้ากันแล้วคุยสนุกมาก ฟังแล้วสมูทเพลินมากเลย มีอะไรใหม่ๆ ฟังก่อนนอนแล้ววว 😁✌🏻🫶🏻
เพราะการแพทย์สมัยนี้กับสมัยก่อนต่างกันสมัยก่อนไม่เข้าใจซึมเศร้าคืออะไร ไม่รู้วิธีรักษาคิดว่าต้องหายเองก็เลยทน แต่สมัยใหม่เรารู้จักกันเเล้ว รู้ว่าตัวเองป่วยก็ต้องไปรักษา
รู้ว่าป่วยก็ต้องไปรักษาไม่ใช่มาอดทน สุดท้ายทนจนเป็นหนัก
gen เป็นแค่การวัดช่วงยุคเวลาที่ต่างกันในการเกิด ตัวแปรที่เอามาวิเคราะห์ได้ก็คือสภาพสังคมและการสอนสั่งในตอนนั้นเมื่อคนเราโตมาก็จะเป็นการตกผลึกของสภาพสังคมในยุคก่อนหน้านั่นเอง และที่สำคัญ มนุษย์เกิดมาต่างกัน ขนาดแฝดยังสามารถมีนิสัยมีสุขภาพต่างกันได้สุดขั้ว แล้วเราจะมาใช้ช่วงปีในการเกิดตัดสินคนเป็นล้านอ่านะ เอาแค่เด็กเจนเดียวกันแต่เกิดต่างพื้นที่กันก็ต่างกันมากแล้ว ความหลากหลายทางสังคมมันซับซ้อนกว่าเรื่องแค่นี้เยอะครับ
ไม่แปลกที่ Gen อื่นที่เชื่อนักหนาว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะจะมอง Gen Z เป็นตัวตลกเพราะบริบทของยุคสมัยต่างกัน Boomer, X, Y เชื่อว่าการอดทนทำงานหนักคือหนทางสู่ความสำเร็จของชีวิต ลองเปลี่ยนมาสตาร์ทชีวิตในยุคของ Gen Z สิ ทุกอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ต้อง Agile ต้อง Disrupt ตัวเองตลอดเวลา หากไม่เข้าใจก็หวังเพียงว่า Gen อื่นจะมี empathy ในเรื่องนี้
Tell me you are gen z without telling me you are gen z
bros stop watching fate or jjk series
to using phrases like that @@arpkan
@@arpkan :D
@@arpkan Not only Gen Z But other Gen after this will be the same and will be get harder and harder. It's structural problem not just 1 Gen problem
เจน Z นี้ติดสบายจนเคยตัวไง จอกอะ ถ้านี่เรียกเปลี่ยนเร็ว แสดงว่าไม่เคยศึกษายุคเปลี่ยนจากอนาล็อคเป็นดิจิตอล เรียกได้ว่าเรียนจบปุ้บความรู้ตกรุ่นระดับเลิกใช้ปั้บ เอาแค่การตลาด จากหน้างานเป็นดิจิตอล เปลี่ยนชนิดแบบไม่มีกรณีศึกษา ต้องหาเองกันระดับรายวันรายวัน จากเดิมที่เป็นแผนรายไตรมาศ นี่แค่น้ำจิ้ม สมัยนี้อย่างหวาน
โดยส่วนตัวมองว่า GenZ โดนหล่อหลอมให้แข่งกันตลอดตั้งแต่สมัยเด็ก โดนเป่าหูว่าต้องเรียนโรงเรียนดีๆ สอบเข้าคณะดีๆ มหาลัยดีๆ ชีวิตจะได้สบาย ไม่ค่อยมีเวลาเล่นสนุกตามวัย เหมือน Gen ก่อนหน้า พอเข้าสู่สังคมทำงานแล้วชีวิตมันไม่ได้ง่ายตามที่หวัง เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกันคนอื่นในโซเชียล ต้องเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงให้เร็วเพื่อเเข่งกับคนอื่น จนทำให้รู้สึกเครียดได้ง่าย
มียุคไหนมันไม่แข่งกันบ้าง ติดสบายจนเคยตัวมากกว่า 😅
จุ๊ๆ ไม่เข้าใจก็อย่าพึ่งสรุปเอาเอง@@workhardplayharder4924
@@workhardplayharder4924จริงค่ะ
ยุคหลังสงครามโลกไม่หนักกว่าหรอครับ ติดอ้างไปเรื่อย
Gen X เรื่อยมาก้เป็น แค่ไม่มีใครออกมาโทษสิ่งรอบข้าง หรือ เรียกร้องให้รอบข้างปรับตัวตามตัวเอง 😅 อยากอยู่สูง ก้ต้องปีนป่าย แข่งขัน ขยัน มุมานะ หนัก เอา เบาสู้ จะมา work life balance แล้วรอให้ตัวเองขึ้นสูง ก้รอไปจนตายแหละ ครับ (นอกจากคุณเกิดมารวยมาก หรือเป็นลูกจเจ้าสัว อันนั้นเปนเคสพิเศษ ตรรกะ ธรรมดา เอามาใช้ไม่ได้ พ่อแม่เขา เตรียมมาเยอะกว่าคนปรกติ)😅😅
ไม่ขออะไรกับ gen z เลยนอกจากแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออก เป็นอินโทรเวิร์ท อยากได้พื้นที่ส่วนตัว ไม่อยากคุยกับใคร แต่คนอื่นเขาต้องติดต่อเรื่องงานกับคุณไง เขาก็ไม่อยากไปยุ่งกับคุณค่ะ แต่เขาต้องติดต่อเรื่องงานค่ะ คุยกันไม่เกินครึ่งชม.ก็จบแล้ว อิดออดเป็นวันๆ สรุปงานไม่เดิน ป่วยจะลาก็ไม่ว่าแต่งานด่วนงานสำคัญเนี่ยฝากงานต่อคนอื่นด้วย ไม่ใช่จะป่วยก็หายไปทั้งวัน งานด่วนเก็บไว้กับตัวเอง ไม่ส่งต่อใคร ติดต่อก็ไม่ได้ แล้วทีมต้องมารับหน้าลูกค้าโดยที่ไม่มีข้อมูลอัพเดทเพราะคนทำปิดช่องทางติดต่อหมด วันต่อมาโดนด่า นอยไปบ่นลงโซเชียลว่าที่ทำงานเชี่ยมาก ไม่โปร คนป่วยคนเดียวก็ทำงานต่อไม่ได้ เอ้า ก็งานอยู่กับคุณอ่ะ ไม่ส่งต่อใครเขาจะทำต่อยังไง รับมาสามคน อินโทรเวิร์ตไปสอง มั่นหน้าแต่ไม่ได้ทำงานเก่งอะไรอีกหนึ่ง ชอบทำงานง่ายๆให้มีปัญหา มีปัญหาก็ไม่ถามแล้วก็ไม่ทำต่อด้วย รอให้มีคนถามก่อนถึงบอก รออะไร แทนที่งานจะเสร็จแต่เช้า สรุปต้องทำโอทีแล้วมาบ่นว่าไม่อยากทำโอที จริงๆนะ ทำไมคน gen นี้ชอบทำตัวเองให้มีปัญหาแล้วโทษอย่างอื่น คือบางทีก็ทำตัวเองมั้ยอะ 😒
เจอบ่อยคือ เรื่องทิ้งงาน ทั้งที่ตอนนี้ Gen Z มีโอกาสได้งานสุดๆ แต่คนที่รับมาทำงานบ่นกันเป็นแถบ คือ ทิ้งงาน ไม่มาทำก็ไม่บอก หายไป ไม่สน ไม่แคร์ แบบนี้ก็แย่เกิน พอตอนสมัครก็บอกทำได้ เสียโอกาสคนอื่น
😂
อ่อน
@@narutoddz เสร่อ
@darkshama13
ดิฉันเป็นคน gen x ที่มีลูกอยู่ gen z ฟังแแล้ว ชอบ episode นี้มากเลยค่ะ.. ชอบทุก topic ย่อยๆที่นำมาคุยกัน เหมือนนั่งอยู่ในใจแม่ gen x ที่กำลังสงสัยความรู้สึกตนเองกับลูกวัย gen z ตอนแรกคิดว่าเรารู้สึกไปเอง หรือ เราคิดไปเองรึป่าว? เพิ่งเขัาใจมากขึ้น ถึงที่มาที่ไป..ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น..ขอบคุณพิธีกรทั้งสอง gen ที่แบ่งปันประสบการณ์และความคิดที่แตกฉาน..ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
สิ่งที่หลายๆคนลืมคิดที่สำคัญมากๆคือ Gen Z คือเจนที่โตมากับความสะดวกสบายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ technology พัฒนาจากหน้ามือเป็นหลังมือในช่วง 10ปีนี้เอง พวก gen y/x ไม่ได้ซึมซับเทคโนโลยีพวกนี้ตั้งแต่เกิด เค้ามา reskill ตอนโต มันต่างกับคนที่โตมากับเทคนั้นจริงๆตั้งแต่วัยเด็ก ไม่มากก็น้อยทุกอย่างตั้งแต่ social media/ smartphone/ vape ทุกอย่างรวมกันมันมีผลต่อการตัดสินใจ และการคิดแน่นอน และผมเชื่อว่าถ้าคน gen x หรือ y เกิดมากับเทคโนโลยีเดียวกันตั้งแต่วัยเด็ก ผมว่าทุกคนก็น่าจะมีปัญหาเดียวกันกับ gen z คือความสบายมันทำให้เราไม่ดิ้นรน หรือไม่ได้สอนให้เราดิ้นรน และพอเจอแรงกดดันอะไรมันก็รู้สึกหนักไปหมดเลย เพราะตั้งแต่เกิด ความดิ้นรนของเด็กรุ่นใหม่มันไม่มีความจำเป็น สัญชาตญาณการเอาตัวรอดไม่เคยถูกขัดเกลา ควรมอดทนก็ต้องน้อยมากๆเทียบกับสมัยที่ไม่ได้สบายเท่านี้ โดยสรุปผมมองว่ามันไม่เกี่ยวกับ gen มันเกี่ยวกับสภาพสังคมและ technology ที่เค้าเติบโตมาใครเกิดมาในยุคนี้ก็จะเป็นเหมือนกันได้หมด
ก็คือเจน Z ติดสบายจนเคยตัว
@@workhardplayharder4924 ผมเจน Z ครับ ใช่เลยครับสบายจนเคยตัว และตอนโตผมก็จะทำให้สบายกว่าเหมือนเดิม ด้วยความแนวคิดของเจนนี้แหละ อยากตัดภาพไป 20 ปี แล้วดูจังว่าเด็กๆพวกนี้เอามาเทียบกันแบบเป็นรุ่นๆกับเจนเก่าๆเอาจริงใครจะ succeed กว่า gen นี้คงเสือนอนกินเลยคับ ผมว่าผู้ใหญ่ให้เค้าอยู่ในที่ของเค้าไปเจนเราต้องหาที่อยู่ให้ตัวเองให้ได้ ไม่งั้นก็ต้องไปฝืนในสังคมคนเก่าๆ ผมเองเลือกจะไม่ทำงานที่ไม่สนุกเด็ดขาด (ตั้งแต่ 18 ไม่เคยสมัครงานประจำ) หาเงินลงทุนเองจนตอนนี้ผมอายุ 23 ออกหาเงินเองตั้งแต่ 18 รายได้ได้มากว่าผู้ใหญ่หลายตนรอบตัวมามาตลอด ขอแนะนำนะเพื่อนๆ ออกมาลุยในทางที่สบายใจมันไปได้ไกลจริงๆเว้ย เพราะความกล้าและความไม่อยากลำบากนี่แหละคับทำให้ผมมีทุกวันนี้
จาก gen y ตอนที่ได้ยินคำว่า burnt out พร้อมความหมายแล้วรู้สึกว่าตรง คือ
เป็น ความรู้สึกที่เหนื่อยมากๆกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เหนื่อยมาก ไม่มีแรงไม่มีใจที่จะทำ ทำให้ศักยภาพที่ทำอยู่ลดลงอย่างชัดเจน
เกือบๆที่จะเป็นซึมเศร้าหรือมีความซึมเศร้าอยู่แล้วแบบน้อยๆ แต่ยังควบคุมตัวเองให้ทำต่อไปได้
สิ่งที่ต้องการคือแค่นอนเฉยๆ อยากพีกแบบพักผ่อนจริงๆ นอนโง่ๆให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ใจคิดว่า ถ้าได้พักเพียงพอ พลังทางกาย และใจอาจจะค่อยๆกลับมาเอง
เพราะงั้น เราเชื่อว่า การที่ไม่มีคำเรียก ไม่ได้แปลว่าคนไม่ได้เป็น
แต่ก่อนหน้านี้ ความสำคัญทางความรู้สึก หรือจิตใจอาจจะไม่สำคัญเท่ากับเรื่องอื่นๆในสังคม
-
นอนโง่ๆ ทำให้พลังใจในการทำงานกลับมาฟูได้จริงครับ
คำเรียกสมัยก่อน = ขี้เกียจสันหลังยาว ไม่ก็ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่ก็ โง่แล้วอยากนอนเตียง
จากใจ Gen Z (พ่อแม่เจน X)
- Gen Z ไม่เชื่อใน loyalty to a company อยู่แล้ว ถ้าไม่ชอบก็ไม่อยู่แค่นั้น
- หลายคนมีข้อจำกัดเรื่องสภาพของตัวเอง แต่หลายๆครั้งก็เป็น Self-diagnosis แทนที่จะวินิจฉัยและแก้ปัญหาจริงๆ
- หลายคนยอมหักไม่ยอมงอ เรื่องบางเรื่องเป็นแค่ความคิดต่างกันมองข้ามกันได้แต่ดันมาทำให้เป็นปัญหาขนาดที่เหม็นหน้ากันในที่ทำงาน
- ทั้งนี้ Not all Gen Zs are like this. Many of them do have valid reasons for those “excuses”.
X Y ก็ไม่ได้มีloyaltyครับ แต่ปัญหาคือถ้าออกแล้วบ.อื่นให้เงินเดือนมากเท่านี้มั้ย
เรื่องความสำเร็จด้วยค่ะ พอเราเห็นคนสำเร็จและสุขทุกวันบนโซเชียล เราดันเศร้าเอง เจนนี้เลยซึมบ่อยมาก รู้สึกทำไม่ได้ ป่วยใจ ไม่อยากทำอะไร depressed
ขออนุญาตปรับทุกข์เลยครับ ในฐานะหัวหน้างาน น้อง gen z ลางานบ่อยมากจริง นิดๆหน่อยๆก็ลาป่วยแล้วครับ สมัยรุ่นผมทำงานปีแรกๆไม่กล้าลางานเลยครับ เกรงใจพี่ซีเนียร์ พักร้อนก็ไม่กล้าใช้จนหมด เด็กสมัยนี้เอะอะก็ลา แล้วเงื่อนไขก็เยอะมาก มาบอกเราว่าบริษัทสมัยนี้เค้า wfh กันละพี่ พอให้ลองสัปดาห์นึง แต่ละวันแทบไม่มีอะไรมาส่ง ปริมาณงานเหมือนทำงานแค่วันละชั่วโมง พอให้กลับมาทำออฟฟิศก็บ่นว่าเราเชย เรื่องงานก็ใช่ว่าจะเก่ง ตรงส่วนพื้นฐานที่ควรจะทำเป็นจากการเรียนมหาลัย พอเราฝากให้ทำก็ทำไม่ได้ แล้วมาพูดใส่เราอีก ว่าอันนี้พี่มีหน้าที่ต้องสอนครับ พอจะพาทีมออกไปคุยงานละทิ้งไว้คนเดียวก็ไม่ได้ บอกว่าเหงา ขอไปด้วย ทั้งที่ส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบก็ยังไม่เสร็จ ปวดหัวมากครับ น่าจะเชื่อเจ้านายแต่แรก แกถามผมแต่แรกแล้วว่าจะให้ผ่านโปรแน่หรอ ไอ่เราก็รู้สึกว่ามีเด็กรุ่นใหม่บ้างแล้ว energy ในทีมจะดี สรุปก็ได้มาแค่เรื่องนั้นจริงๆ ท้อใจมากครับ
สงสารแทนเลยครับ เป็นตัวอย่างของรุ่นใหม่ที่แย่และอีโก้สูงสุดๆ
อันนี้เป็นที่บุคคลรึเปล่าคะ พอดีคุณไปเจอคนไม่มีความรับผิดชอบ 😅
@@saralchana5063 เป็นกันถ้วนทั่วครับ ไม่ใช่เฉพาะบุคคล
@@saralchana5063 เป็นไปได้ครับ คนนี้อาจจะเด็กมากด้วยครับ งานประจำแรกของเค้าเลยครับ
แล้วจะมีสวัสดิการให้ลาทำไม ถ้าจะเอาน้องเขามาบ่น ถ้าลาตามสิทธิ์เขาก็ไม่ผิดนิ ถึงจะลาบ่อย แต่ถ้าเกินสิทธิ์ก็อีกเรื่อง
พอไม่พูดอะไรเลย ก็คงถูกมองว่าดื้อเงียบแทน ใช้ชีวิตต่อไปละกันเนอะ ถ้ายังไงก็ถูก judge อยู่ดี
ไม่พูดเลยไม่ใช่เรื่องดี เพราะการสื่อสารที่ดีทำให้ทุกอย่างมันราบรื่น แต่ก่อนพูดก็ต้องคิดให้ดีว่ามันจริง มันถูกกาละเทศะ มันไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น และรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง
การสื่อสารสำคัญนะ สมัยนี้คนขาดการสื่อสารที่ดีต่อกัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างที่คุณบอกนั่นแหละ
ก็ทำงานอยู่บ้านไปสิ
การทำงานในองค์กร
ทักษะสำคัญคือการสื่อสาร
ทักษะการเข้าสังคม
เพราะเราไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของทีม
ทักษะการพูดหายไปไหม นำเสียงและคำพูดมันไม่ถูกหูคนที่โตกว่า อันนี้ควรแก้ไขให้ปรับตัวก่อน ไม่ใช่เงียบแล้วทนๆไป ท่าทีในการพูดกับคนที่โตกว่ามันเป็นอย่างไร ให้คนที่โตกว่าวิจารณ์เราหน่อยนะ
คนที่เป็น Introvert จะมีพลังเมื่อได้อยู่กับตัวเอง จะหมดพลังได้ง่ายเมื่อเข้ากับคน Extrovert แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเอา MBTI เป็นข้ออ้างไปเสียหมดนะฮะ
คิดง่ายๆหว่านผลอะไรก็ได้แบบนั้นแหละ มี gen z ได้ ก็เพราะ gen ก่อนๆนั้นแหละ จะว่าไม่อดทนก็เพราะ gen ก่อนๆอดทนมาก่อน ทำทุกอย่างจนทุกวันนี้มันมีทางเลือก(ก็ถือว่าพัฒนาขึ้น) gen z เกิดมาก็อยู่ในยุคที่มีคำว่า พัฒนานอย กำลังพัฒนา พัฒนาแล้ว ก็เพราะ gen ก่อนๆที่ทำไว้ก่อน ถ้ามีการอบรมสั่งสอนที่ดีก็คงไม่มีคำว่าเด็กยุคนี้สมัยนี้หลอก เพราะ gen z ก็ถูก gen ก่อนๆอบรมสั่งสอนมาจากสถาบันครอบครัว โรงเรียน และ ระบบสังคมที่ gen ก่อนสร้างมาทั้งดีและไม่ดี
ความคิดเห็นส่วนตัว รับฟังความเห็นต่างอย่างมีสติ
gen z เกิดจากผลของการถ่ายทอดความต้องการของ gen x และ gen y บางคน
มีคำพูดหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ gen x คือ ลูกต้องไม่ลำบากเหมือนเรา gen x จะลำบากควบคู่กับ baby boom จึงได้เตรียมความสะดวกสะบายให้ลูก ทั้งความสะดวกสะบายในบ้าน และโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ แต่เมื่อลูกสบาย และงอแงต่อปัญหา กลับมองว่าลูกไม่มีความอดทนเหมื่อนที่ตนเองผ่านมา
Gen z เกิดปี 2002 โตมากับพ่อแม่ที่เป็น Boomer ปลายๆ (พ่อแม่มีเราตอน 30 ปลายๆ) โตมาแบบกึ่งๆโบราณกึ่งๆสมัยใหม่ เลยจะรู้สึก cringe รึไม่ fit in กับคนเจนเดียวกัน
เห็นด้วยกับการที่คนในสังคมควร concern กับ mental health ในขณะเดียวกันก็ไม่โอเคที่คนป่วยจิตที่ไม่ยอมรักษารึคนที่เออาการมาอ้างไปทำไม่ดีกับคนอื่นรึเอามาเป็นข้ออ้าง
เห็นด้วยเลยค่ะ ถ้าป่วยจริงๆก็ควรไปรักษา ไม่ใช่ทำเพียงเเค่กล่าวอ้าง หรือใช้ประโยชน์คำ เพื่อเอาเปรียบคนอื่น
หัวข้อดีมากครับ เนื้อก็ดีมากๆ และเสียดายมากเพราะข้อจำกัดในการใช้ภาษาซึ่งบอกตามตรง กลุ่มคนที่เค้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ ส่วนมากเจอภาษาอังกฤษก็หนีแล้ว มีซัพให้หน่อยจะดีขึ้นครับ ปล.ผมฟังออกทุกคำนะครับ ติชมเพื่อการพัฒนา
Gen Z ก็ไม่มีความอดทนจริงๆละ เข้ามาทำงานแปปๆ ก็ลาออกบอกว่าไม่ชอบไม่ถูกจริต จะไปทำงานที่เป็นเจ้านานยตัวเอง พอไม่รุ่งแล้วก็โวยวาย จนงงว่าต้องการอะไรในชีวิตกันแน่
คุณเจนไหนคะ
เค้าขอเงินคุณกินข้าวหรอครับ
มันก็เหมือนคำว่า เด็กสมัยนี้ อะครับ ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการเหมารวม แถวนี้มีผู้ใหญ่แบบนี้เพียบเลยครับ
ก็เขากำลังพูดในภาพรวม มันก็ถูกแล้ว
ผมไม่เคยเเยกนะ ไม่สนด้วยเรื่องgen ใครจะ a-z ผมไม่เเคร์เลย
พฤติกรรมมันควรพิจารณาเป็นรายบุคคลไป
อย่างผมไปทำงานในบริษัทนึงในกทมเนี่ย มันจะไปเเยกนิสัยเเบบgenไม่ได้เลย
คนเรามันมีหลายอย่างที่ส่งผลต่อนิสัยมากกว่ายุคที่เกิดซะอีก
เเละค่อนข้างรำคาญ เอาจริงๆผมรำคาญเเม่งเเทบทุกเจนนั่นเเหละ ยิ่งใครมาจำเเนกว่าตัวเองเจนไหนคนนั้นเจนไหนนี่น่ารำคาญสุดๆ
สันดานคนเรามันเปลี่ยนตามอายุด้วย ยิ่งโตขึ้นยิ่งเห็นโลกมากขึ้นยิ่งเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
จากที่ได้คุยกับน้องๆ หลายๆคนนะครับ ผมได้รับรู้มาอย่างหนึ่งว่า เขารับฟังสิ่งต่างๆของ x และ y นะครับ แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์อะไรที่ออกมาใหม่ น้องๆรุ่นนี้จะไม่เอาวิธีการเดิมๆกลับมาทำ โดยไม่จำเป็น ผมคุยกับน้องๆในที่ทำงาน บอกไปว่าเออพี่เคยทำมาแบบนี้แล้วมันได้ผลแบบนี้ เขาไปลองทำดูเขาทดลองทำครับ แต่เหมือนกับว่าเขาหาเจอข้อบกพร่องบางอย่าง เขาเลยมองข้ามวิธีการของคน gen x y ไป และข้อเสนอวิธีใหม่เข้ามา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าทำงานกับ gen babyboomer ทั้งวิถีคิดและการใช้ชีวิตมันต่างกันมาก ในฐานะผมเป็นคน gen x ละกัน ความสามารถในการวิเคราะห์และหาผลลัพธ์เด็ก gen z สามารถทำได้เร็วมากครับ แต่จะขาดเรื่องความเสถียร จากที่สังเกตดูน้องๆ เนื่องจากบริบทและสังคม แม้สภาพสิ่งแวดล้อมที่เขาต้องเจอ มันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เด็กรุ่นนี้เลยต้องทำอะไรให้เร็วและตามทันอยู่เสมอ เพราะเด็กๆเหล่านี้ไม่อยากล้มเหลวในการใช้ชีวิตครับ
ถ้าอย่างในรุ่นผม การล้มเหลวในการใช้ชีวิตก็คือความผิดของเราเองอันนี้เราต้องยอมรับได้
แต่เรื่องนึงสำหรับเด็ก gen z แล้ว เขามองว่าเขามีเวลามากกว่า เขาสามารถลองผิดลองถูก เพื่อป้องกันการล้มเหลวในชีวิต แต่น้องๆผมนั้นบอกว่า เขาสามารถล้มเหลวได้เร็วเท่าไหร่เขาก็จะลุกได้เร็ว
จากที่ได้คุยกับน้องๆมาทั้งหมดที่ผมได้รับรู้นะครับ เด็กรุ่น gen z เขาเรียนรู้จากความล้มเหลวของ baby boomer ,X,Y เขาถึงไม่อยากเป็นอย่างนั้นครับ
(เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
เป็นตามที่กล่าวมาค่ะ เราเห็นตัวอย่างผลลัพธ์ของวัยก่อนหน้าแล้ว ไม่อยากเป็นแบบนั้น เลยต้องทำให้ชีวิตมี balance ที่สมดุล และสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในระดับนึง
การได้เห็นคนวัยเกษียณที่ทำงานประจำทั้งชีวิตหลากหลายคน บางทีวางแผนอย่างดี ก็ยังลำบาก ก็ต้องคอยเอาเปรียบคนอื่น
หรือยิ่งคนไม่วางแผนอะไร สู้ทำแต่งานหนัก แต่ไม่คิดหาเงินให้มากขึ้น สุดท้ายต้องขอเงินลูกใช้จ่ายหลังเกษียณ ทรัพย์สมบัติมรดกก็หาทางขายเพราะต้องเอามากินใช้ ไม่มีความสามารถการต่อยอดในสิ่งที่มี และไม่เปลี่ยนแปลงอะไรในทางที่ยั่งยืน เราเลยรู้สึกว่า ถ้ายังไหลไปตามคำนองต่อไป ชีวิตลูกหลานจะเป็นยังไงต่อ เราล่ะ จะเป็นยังไง เป็นแบบพวกเขารึเปล่า
พอเล็งเห็นตรงนี้ เราก็มองกลับมาที่ตัวเองค่ะ เราไม่อยากมีชีวิตแบบพวกเขา ไม่อยากเบียดเบียนใคร และอยากมีสุขภาพกายกับจิตที่ดี
ถ้าสุขภาพกายเราดี การทำงานก็มีประสิทธิภาพ จิตเราก็ดีตาม พอจิตดี คนรอบข้างก็ลดโอกาสต้องรับความเป็นพิษจากเรา
อันคือนี้เจนzที่มีคุณภาพค่ะ และฉลาดค่ะ ที่เราเจอคือตรงกันข้ามที่คุณเจอ555555
ผม genX ผมก็เปลี่ยนเป็น work life balance เนื่องจากเห็นรุ่นพ่อทำงาน work hard, no play แล้วท่านเสียใจที่ไม่ได้balance
boomer work hard แล้ว gain hard จะสภาวะเงินเฟ้อช่วงแรกหลัง 1972 ทุกคนได้ประโยชน์จากการผลิตเงินเพิ่มในช่วงนั้น เม็ดเงินหมุนไวมาก ทำแล้วได้ของจริง คนเจนนั้นถึงเชื่อในการ word hard แต่แัจจุบัน การ work hard มันต้อง targeting ถูกจุด และช่องทางแคบลง ส่วนแบ่งของ monetary spreading เล็กลงมาๆ ใครหาเจอคือ ไปเลย
ครั้งแรกที่ฟังรายการนี้ นอกจากหาเนื้อดี แต่ที่แปลกใจคือ ภาษาอังกฤษฟังง่ายมาก ทั้งที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยๆ ชื่นชมครับ
ใหโอกาสน้องๆ gen z แยอะมากๆ แต่ไม่ไหวจริง จนองค์กร มีปัญหา ตอนนี้เลยถ้าไม่เฉพาะทางจริงๆ ไม่เอาเลย
ไม่อ้างก้ได้นะ ให้พวกคนแก่ลงจากตำแหน่งซะแล้วออกไปนอนอยู่กับบ้านแทนซะสิ เราจะได้สอนให้รู้บ้างว่าเวลาเราทำสิ่งเดียวกันกลับคืนพวกเขาแล้วจะเป็นยังไง แล้วบอกว่าพวกคุณมีประสบการณ์มามากแล้วเอาตัวรอดกันได้ เมื่อเราถืออำนาจเหนือกว่าได้แล้ว เราจะดูแลพวกคุณอย่างดีซึ่งพวกคุณคงเดาได้ว่าการดูแลอย่างดีที่พวกคุณทำเขาดูแลกันยังไง ประสบการณ์ที่มากจะตอบได้อยู่แล้วว่าคุณจะไม่ยอมให้เด็กเหนือกว่า แล้วจะอ้างอะไรก็ได้เช่นประสบการณ์ยังน้อย ทรัพยากรที่มีจำกัดคุณจะเตรียมไว้ให้ลูกหลาน แต่นั่นมันแค่ลูกหลานคุณไม่ใช่ลูกหลานคนทั้งประเทศ รุ่นใหม่มีความทะเยอทะยาน เพราะรู้ว่าเรามีสภาพทุกวันนี้ก็พวกที่แก่แล้วตายไปแล้วมันก่อไว้ มีสภาพเป็นอย่างทุกวันนี้เพราะความมักง่ายเห็นแก่ตัวของคนยุคก่อน ที่บอกไง้ตลอดว่า เรื่องของอนาคตก็ให้เด็กๆมันจัดการไปส่วนตัวเองใช้พลังมามากแล้วของไปสุขสบายก่อนตายกันทั้งนั้น และนั่นคือสภาพที่เกิดขึ้น และคนแก่ในเวลานี้ก็จะมีความคิดนึงว่า อดทนไต่เต้ามาตั้งนานเริ่มจากรากฐานก็ควรได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับไปบ้างไม่ใช่หรือ แล้วมันผิดที่ระบบมั้ยล่ะ อย่าโทษคนรุ่นใหม่เพื่อปกปิดการที่ควรต้องโทษตัวเองของคนยุคก่อน แต่ก่อนเสื่อผืนหมอนใบ จากรถเข็นก็สร้างธุรกิจตามตึกแถวได้ เดี๋ยวนี้มีแต่คนแข่งกันขาย แต่เจ้าใหญ่ครองส่วนแบ่งตลาด ต่างชาติครองผลกำไรตามส่วนแบ่งลงทุน แล้วคนเพิ่งเกิดไร้ทุนจะไปเอาทุนไหนมาเติบโตแข่งจากระบบที่พิมพ์แบงค์ออกมาจากอากาศนี้ ก็ในเมื่ออำนาจการพิมพ์แบงค์ไม่ได้อยู่ในมือคนรุ่นใหม่ แต่การใช้หนี้พวกนั้นตกอยู่กับคนรุ่นถัดๆไปทั้งหมด
สำหรับคน Gen เก่าที่เอาแต่ว่าคน Gen ใหม่ โดยไม่สนใจหาเหตุผลนะครับ
อย่าลืมนะว่า Gen X Gen Y ให้กำเนิด, เลี้ยงดู, อบรม Gen Z
เขาคงไม่เกิดจากอากาศธาตุ แล้วทำมาหาเลี้ยง และอบรมสั่งสอนตัวเองตั้งแต่ทารกแน่ ๆ
ใครกันนะ ที่แต่งแต้มผ้าขาวผืนนี้จนบางทีเละเป็นขี้ แล้วก็เอาแต่โทษว่าเป็นผ้าที่ไม่ดี
ตรรกะ Gen Z โดยแท้เลยแบบนี้ อ้างเก่ง ไม่เคยโทษตัวเอง ตัวเองไม่ดี ยังไปโทษพ่อแม่อีก
อ้างอีกละ พอเขาว่าให้ บอกถูกสอนไม่ดี ขี้อ้างจริงๆ😂😂😂
จากงานวิจัย นิสัยส่วนใหญ่จะได้มาจาก เพื่อนที่โรงเรียน จากพ่อแม่แค่อายุตั้งแต่ 3 - 8 คือเข้าประถม นิก็ฟังเพื่อนมากกว่าพ่อแม่แล้ว ผมก็เป็น
โดยส่วนตัวจากที่เจอมาเจน z ส่วนใหญ่ปรับตัวเร็ว ช่างสงสัยในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้แต่ถ้าไม่ใช้คือไม่เอาเลย หาวิธีทุ่นแรงเก่งแบบใช้เครื่องมือใหม่ มาทำให้งานไวขึ้น แต่ข้อเสียคือ พอทำไม่ได้แบบติดปัญหา คือแม่งไม่ทำเลยไม่กะจะ หาความรู้เพิ่มเลย ต้องรอป้อนให้ บ้างคนก็งานที่ออกมาไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้พอโดนด่าโดนว่าก็น้อยใจออกไป เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง เกินไป แบบขอหยุดทั้งที่งานตัวเองยังไม่เสร็จ แล้วต้องลำบากคนอื่นมาทำให้ แต่พอโดนโยนงานบ้างโวยวาย แล้วก็อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นบางคนหรือป่าวคือขี้อ้างโทษแทบทุกอย่างนอกจากตัวเอง และข้อต่อรองเยอะ (จากคนเจน y จร้า)
@@mrmix854ก้แปลว่าพ่อแม่เลี้ยงห่วยไง ถึงซึมนิสัยได้แค่ 3-4ปีแรกที่เกิด
น่าจะไม่รู้จักกระบวนสังคมประกิต ลองหาอ่านดูได้ครับ
ยอมรับและนับถือเลยว่าGen Y นี่แหละครับที่ยังพอมีความเข้าใจและพยายามปรับตัวให้เข้ากับคน Gen Z แถมยังเป็นคนคอยเชื่อมGen Z ให้กับ Gen ก่อนหน้าอีก
ส่วนตัวมองว่า แต่ละ gen จุดที่ต่างกันมากๆ คือ วิธีการประสบความสำเร็จ ในแต่ละยุคสมัยต่างกัน ทางเลือกในชีวิตก็ต่างกัน การให้คุณค่าในสิ่งที่ทำก็ต่างกัน ความคาดหวังในชีวิตก็ต่างกัน รวมถึงบ้างครอบครัวก็มีผลกับการคาดหวังที่ส่งผลต่อเด็กๆ และใช่แต่ละรุ่นก็จะมองเห็นจุดอ่อน ของรุ่นก่อนหน้า และรู้สึกอึดอัด อยากเปลี่ยนแปลง /// หนทางเดียวที่ดีที่สุดกับทุกรุ่นคือ อย่าคาดหวัง (ลองคิดถึงตอนทุกรุ่นยังเด็ก เราส่วนใหญ่ก็จะกดดันกับการคาดหวังของพ่อแม่ หรือ ใครก็ตาม)
แต่พ่อแม่ไม่เข้าใจ ความสำเร็จของพ่อแม่คือ ลูกฉันต้องทำงานมั่นคง จนอายุ 60 ให้ใช้เงินตอนแก่ เพ้อเจ้อ
@@kira555007 จริงค่ะ ถูกที่สุด ตอนพี่จบใหม่ๆก้อกดดันให้สอบราชการ ทะเลาะกันรุนแรงเลย ไม่ใช่อาชีพนี้ไม่ดีแต่เรารู้ตัวว่าเราไม่เหมาะกับแบบนี้ ถ้าเราเป็นคนชอบแหกกฎนี้คงไม่ใช่เลย //จนโควิด เชคชีวิตชุดใหญ่ ความคิดก้อเปลี่ยนอีกรอบ 55อย่างน้อยควรมีอาชีพหรือช่องทางทำเงินสัก 3 ทาง, อาชีพราชการก้อไม่แย่ถือว่าเป็นอีกทางที่นิ่ง แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก้อทุ่มเทให้ดีที่สุด ถามว่าเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมจากทุกงานที่ทำบ้าง //ส่วนพ่อแม่ ก้ออาจบอกว่าให้เวลาเราหน่อย ถ้าเขาเห็นว่าเราเอาชีวิตรอด และดูไปต่อได้เขาคง ลดความห่วงลง...ค่อยๆคุยนะค่ะ เพราะเขาห่วงนั้นละ
อย่าว่าแต่ gen z เลย gen y อย่างผมก็ท่าจะไม่ดีล่ะ ฝืนทำงานตามคำสั่งบัญชาการของพ่อแม่ จนเครียดลงกะเพาะ กรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องเฟ้อ เพียบจ้า อายุ 32
หัวข้อน่าสนใจค่ะ อยากให้ discuss เรื่อง gaslighting กับ guilt-tripping ด้วยได้ไหมคะ
ปีนี้ผมเองจะ39ละ กลับมองว่าจริงแล้วหลายเรื่องที่เด็กยุคนี้แสดงออกมา ตอนเราอายุเท่าเค้าเราก็รู้สึก ก็คิด แค่เราทนอยู่ และ พยายามมองว่ามันคือเรื่องปกติ หลายเรื่องนะที่เด็กยุคนี้มาเป็นคนพูดมันออกมาแทนเราในอดีต
❤ใช่ครับ
ทำไม topic นี้ถึงไม่ชวนนักจิตวิทยามานั่งคุยด้วยกันล่ะคับ น่าจะช่วยให้เห็นมุมมองของคนที่เค้าอยู่ในสายอาชีพที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่ิงนี้โดยตรง
เพราะตั้งใจให้พวกคนแก่ๆอคติเด็กมาด่าเจนแซดไง
54 minutes and I never heard the word RESPONSIBILITY and ACCOUNTABILITY. Thats the problem!
จริงมาก ฟังแล้วขัดใจ ถ้าจะเรียกร้องก็ต้องรู้จักรับผิดชอบด้วย
ไม่ว่าโลกใบนี้จะเปลี่ยนไปกี่ยุคกี่สมัย ความอดทน มันจะต้องมีในหมู่คนที่ต้องเอาชีวิตรอดเสมอ บทเรียนที่สำคัญที่ gen z ต้องได้เรียนรู้ในอนาคตคือความอดทน เพราะคิดว่าทุกอย่างมันได้มาโดยง่าย มองทุกอย่างว่าง่าย ถ้าไม่ง่ายก็เลือกไม่ทน
Gen z มีพื้นฐานที่ดี แต่ก้มีข้อเสียในข้อมูลที่มีเยอะมากไป ไม่มีคนช่วยกรอง จึงอ่อนไหวและสับสนได้ง่าย ถ้าตั้งหลักได้จะไปได้ไกลมาก เอาใจช่วยครับ
อยากให้พูดถึงGenอื่นๆในEPถัดๆไปด้วยค่ะ ความเห็นของGenอื่นๆ ต่างGen ต่างมุมมอง
เห็นทางออกยากขึ้น รับรู้ข้อมูลเยอะเกินจนรู้ปลายทางว่าแย่แน่ ๆ แทบทุกเรื่องในชีวิต สุดท้ายก็เริ่มเครียด พอเครียดมากก็บ่น พอย่นก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เหนื่อย เก็บกด วนไป 😂
ในฐานะคน Gen Y ที่ทำงานร่วมกับทั้ง Gen Z และ X ผมรู้สึก Gen X กับ Z ไม่ต่างกัน Gen X ไม่ได้ดีไปกว่า Gen Z เลยแค่อายุมากกว่า
เรื่องมากเรื่องน้อย อดทนไม่อดทนมันเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลครับ
ขอให้เด็กๆน้องๆGen Z ปรับตัวให้ได้ก้าวข้ามอุปสรรคไปให้ได้นะครับ อุปสรรค์ที่ยิ่งใหญ่คือใจตัวน้องๆเอง พยายามเข้าครับ
จริงๆเจนไหนก็เป็นได้หมดนะ โรคซึมเศร้า เบิร์นเอาท์อะไรพวกนี้ แต่ Gen Z จะเสียเปรียบ Gen อื่นก็ตรงที่อาจจะขาดประสบการณ์ชีวิต เหมือนเกมส์ที่เลเวลเขายังน้อยอยู่แล้วต้องมาตบกับบอส ฝีมืออาจจะมีเยอะ แต่ค่าพลังโจมตีตั้งรับยังน้อย พลาดทีเดียวเลยเกมส์ ขณะที่เจนอื่นอาจไม่มีฝีมือดีเท่า แต่พลังเยอะเลยทนมือทนตีนได้นานกว่า
ยังไงก็สู้ๆละกัน ทุกเจนนั่นล่ะ
Quitter ก็ดีกว่าทนอะไรที่มันไม่ใช่นานๆ คนที่รู้ตัวเองรู้ลิมิตความสามารถมีข้อได้เปรียบเสมอ ไม่ใช่ว่าgen zไม่ทน แต่แค่ไม่อยากใช้คำว่าทนกับอะไรที่มันไม่คุ้มค่าแค่นั้นเอง
ผม Gen Z ผมตลกที่ผู้ใหญ่บอกทำไมไม่ทน ส่วนผมปัญหาอยู่ที่งานแก้ได้ปัญหาอยู่ที่คนและระบบแก้ยากแล้วทำไมต้องทนมีที่ที่อยู่ได้อีกเยอะ 🤷
ประเด็นอยู่ที่ระยะเวลามากกว่า บางคนยังไม่ผ่านโปรก็ออกแล้วก็มี มันก็คงไม่แปลกถ้าเทียบกับประสบการณ์ของ เจนก่อนๆ
จุดยืนต่างกันมันก็มองคนละอย่าง
@@ToNyEar เทียบประสบการณ์คนทำงานกับคนเริ่มงาน ?
@@nomadx1704 ใช่ครับ เพราะเค้าผ่านมาแบบนั่นเค้าก็เทียบแบบนั่น คุณผ่านมาอีกอย่างคุณก็เทียบอีกอย่าง คุณเห็นเลข 6 จากมุมคุณ แต่เค้าเห็นเลข 9 จากมุมเค้า
@@ToNyEar 5555
@@ToNyEar เลอะเทอะแค่ทำกับไม่ทำรับหรือไม่รับแค่นั้น
คหสต.(not all) เรื่องเสพติดการเป็นซึมเศร้าคือคิดมาตลอดเลยว่าโคตรจริงเลย เราก็gen z และก็รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คนคิดว่าตัวเองเป็นซึมเศร้ากันได้ง่ายขึ้นมาก แบบไม่แน่ใจว่าเป็นจริงไหมแต่ก็ปักใจเชื่อไปก่อนแล้วว่าเป็น พอปักใจไปแล้วก็ทำให้
คิดวนไปวนมาจนทำให้เป็นขึ้นจริงๆ หรือบางคนก็ดูพยายามอยากที่จะเป็น เหมือนบางทีหาเหตุผลให้ความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเศร้าหรือรู้สึกหม่นแบบนี้นะ “นี่เราเป็นอะไรของเรา” มันสับสนกับความรู้ตัวเองไม่รู้จะตอบตัวเองยังไง แล้วการคิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าไปเลยมันเหมือนหาทางออกให้ความสับสนของตัวเองได้ แบบอย่างน้อยก็สบายใจแล้ว ที่ได้รู้ประมาณว่าที่เราเศร้า เราดาวน์คงเพราะเราเป็นซึมเศร้าสินะ ประมาณนี้
เราเองก็เกือบๆแบบมีภาวะเศร้า แต่ก็พยายามทำความเข้าใจกับความรู้สึกตัวเอง ทบทวนตัวเองบ่อยมากรวมถึงพยายามหาทางออกให้ตัวเองตลอดจริงๆ จะพยายามเอาตัวเองออกจากความคิดที่ว่าเราเป็นซึมเศร้า เป็นโรคแน่ๆ เพราะยิ่งคิดมันจะยิ่งดิ่งและก็เข้าใกล้โรคมันไปเรื่อยๆ เอาจริงก็อยากคิดว่าเป็นไปเลยจบๆ แต่เราก็คิดว่าคนที่เขาเป็นจริงๆเขาหนักกว่าเรามากๆและเขาควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ซึ่งเรายังไม่ได้เป็นถึงขั้นนั้น เรายังควบคุมตัวเอง ยังใช้ชีวิตได้ดีอยู่ ยังมีความสุขได้แม้จะไม่ทุกวันแต่ก็มีความสุขได้อยู่ ก็เลยไม่กล้าคิดเลยว่าตัวเองเป็น กลัวเป็นการเข้าใจผิดของตัวเองและเอาโรคมาแอบอ้างโดยไม่รู้ตัว อีกอย่างคือแล้วมันจะเป็นการดูถูกคนที่เขาเป็นจริงๆไหม
คิดหนักมาก เถียงกันกับจิตใจและหัวสมองตัวเอง
ทุกวี่ทุกวัน ช่วงนั้นลำบากจริงๆ
แต่...มันผ่านมาแล้ว เราผ่านจุดนั้นมาได้แล้ว
ขอบคุณทั้งตัวเองที่ไม่ไหลตามอารมณ์ตัวเองตอนนั้นและขอบคุณคนรอบข้างดีๆตอนนี้ที่เป็นแรงผลัก
ดันให้เราช่วยเอาตัวเองออกมาได้
นั้นแหละก็เลยคิดว่าอาจจะมีอีกหรือเปล่า คนที่ไม่ถึงขึ้นเป็นโรคแต่เอาตัวเองออกจากความรู้สึกว่าตัวเองเป็นไม่ได้แบบเราในตอนนั้นแล้วก็ไหลตามอารมณ์ ตามความคิดของตัวเองไปเรื่อยๆ
เราก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองผ่านมาแล้ว เก่งมากแล้ว
จนสามารถไปวิจารณ์คนอื่นได้ เพราะเรื่องแบบนี้มันก็ค่อนข้างละเอียดอ่อน คนที่คิดว่าตัวเองเป็นและเป็นจริงๆก็มี ซึ่งถ้าแบบนี้มันก็ดีเลยที่เรายังรู้ตัวเอง หรือบางคนเป็นโรคจริงๆแต่ไม่รู้ตัวเองก็มีเหมือนกัน แต่สิ่งที่เราพยายามจะสื่อคือคนที่ไม่ถึงขึ้นเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆแต่กำลังปักใจเชื่อว่าตัวเองเป็นแบบเราเมื่อก่อนนั้น มันไม่เป็นผลดีกับตัวเองเลย เราอาจจะเศร้าแค่ช่วงนี้ หรือบางช่วงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นการศึกษาเกี่ยวกับโรค ไปหาผู้เชี่ยวชาญหรือไปรับการตรวจกับแพทย์จึงสำคัญมากจริงๆ ซึ่งบอกก่อนเลยว่าเราก็ไม่แน่ใจอีกว่าความคิดของตัวเองถูกต้องมากน้อยขนาดไหน เราก็ไม่ได้มีหลักการกับเรื่องตรงนี้มาก แค่แสดงความคิดเห็นตามที่พอประสบพบเจอมา ถ้ามันผิดพลาดประการใดก็ขอโทษไว้ก่อนจริงๆค่ะ แลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ เราอยากรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องนี้เลย👏🏻🥹
ให้เขาได้ทำงานที่ตัวเขารัก อย่าให้ต้องทนทำงานที่ไม่ชอบ ทำงานด้วยเหนื่อยมาก เหมือนไม่คิดอะไรเลย ทำแค่ให้เสร็จๆ จบๆ ไปวันๆ อยากให้เขาลาออกสักที
ความจริงคือมันไม่มีน้ำบ่อหน้าอีกแล้วในยุคสมัยนี้ แต่คนที่จะประสบความสำเร็จได้ มันต้องมีความอดทน พยายาม และพัฒนาตนเองเสมอ ถึงจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ ไม่ใช่ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ ถ้าคิดว่า ตัวเองมีทางเลือกมากนัก ก็ต้องค้นหาตนเองให้ชัวร์ วาดเส้นทางนี้เลือกนั้นตอบโจทย์เรา เพราะชีวิตนี้มันแสนสั้น เราจะมีเวลาลองผิดลองถูกอีกนานสักเท่าไหร่ กว่าที่จะลงหลักปักฐานให้ชีวิตมั่นคงได้จริงๆ
คิดว่าทุกเจนของมนุษยชาติ เป็นทั้งหมด แค่ไม่รู้จักไม่มีชื่อเรียก เลยไม่สามารถรับรู้เท่าทันอาการของตนเอง
ผมโง่ภาษาอังกฤษ แล้วไม่มีคำบรรยายแทนเสียง ผมฟังไม่รู้เรื่องเลยเศร้ามาก
ธรรมชาติมนุษย์ไม่ชอบเป็นผู้แพ้..ถ้าเด็กยุคใหม่คิดว่าตัวเองป่วยแบบนั้นแบบนี้..แสดงว่าเขามีปัญหาจริงๆมันต้องการปกป้องตัวเอง..ถ้าทำซ้ำๆมันจะกลายเป็นจริงๆ....ก่อนรู้ตัวเองเมื่อก่อนชอบโทษตัวเองบ่อยเพื่อทำให้ตัวเองสบายใจ ทำไปบ่อยๆ เริ่มการเป็นคนท้อง่าย หันไปชอบอยู่คนเดียว ทำไปนานๆ มองโลกมันไม่น่าอยู่..ปรับความคิดตัวเองใหม่ การมองโลกดีขึ้น
บอกให้ครอบครัว เลิกบังคับลูก ให้เป็นนู่น เป็นนี่ เป็นนั่น ก่อนเนอะ
So Gen Z basically have too many options and got depressed about it. I am a Gen Y its been rough for me too, the trick is pick one thing and embraces whatever little shitty thing happens along the way and once you started this journey you don’t stop until you become successful.
ทำซัพแปลเวลาพูดอังกฤษให้หน่อยเหอะ กฤษคำไทยคำ พอพูดกฤตรัวรัวกลับ ไม่แปลไม่ย้อนอีก ปรับปรุงหน่อยครับ
คนไทยสมัยก่อนไม่ได้ใช้ burn out แต่อาจจะใช้ เบื่องานจนจะอ้วกละ อยากลาออกแล้ว เมื่อไหร่จะเกรียณ ประมาณนี้
สมดุล การค้นหาชีวิต/การทดลองทำ
ความสุข ระยะยาวส่วนมาก ลงทุนมากกว่า
ก่อนเปลี่ยนงานใดๆ จบงานปัจจุปันก่อน
ส่วนใหญ่ปัญหาทางใจมันปัจเจกต้องเข้าใจตัวเอง
เรา gen Y รู้สึกชอบคุยกับน้องๆ gen Z มากกว่า X เยอะเลย เวลาคุยงานกับพี่ๆที่ทำงานแล้วเพลีย 😂😅
จริงจังกับปัญหาเรื่องไร้สาระมากไป แต่ไม่สนใจที่จะแก้ปัญหาสำคัญในชีวิต มีสังคมในโลกโซเชียลชี้นำชีวิตมากเกินไป
เช่นอะไรเหรอครับ จริงจังกับเรื่องไร้สาระ
@@lukeschwazkii2924 อย่างเช่นใช้เวลาช่วยเพื่อนแก้ปัญหาทะเลาะกับแฟน บางคนหมดเวลาไปเยอะมากคะกับสิ่งพวกนี้ื ใช้เวลาหมดไปกับปัญหาไอดอลของตัวเอง สนทนากันในเรื่องพวกนี้หลายชั่วโมงมล้วนเป็นเนื่องไร้สาระทั้งนั้นคะ😀
@@lukeschwazkii2924 ข้ออ้าง ข้อแก้ตัวที่ทำให้ไม้สำเร็จ แต่ไม่คิดว่าจะทำยังไงถึงสำเร็จได้ 🎉
@@workhardplayharder4924 อ่านคำถามผมอีกรอบ
@@lukeschwazkii2924 อืม ไม่รู้สิ เถียงคนในอินเตอร์เน็ตมั้ง
Gen Y สิ่งอำนวยความสะดวกเยอมาก มันทำให้เด็กยุคนี้ความอดทนน้อยเพราะเค้าจะเลือกแต่สิ่งสบายๆ ระหว่างตอนเที่ยงต้องออกไปกินข้าว แต่อากาศมันร้อน บางคนยอมที่จะอดมากกว่าจะออกไปร้อนๆแล้วไปกินข้าว
ก่อนหน้าจะมีคำว่าเบิร์นเอาท์ มันก็มีแค่การอธิบายว่ารู้สึกเหนื่อยมาก ไม่อขากทำอะไรเลย อยากนอนมั้งคะ…
โดนสอนว่าให้ทำอะไรเต็มที่เหมือนกันค่ะ เรียนก็ตั้งใจเรียน เล่นก็ตั้งใจเล่น นอนก็ตั้งใจนอน อะไรแบบนั้น 55 แต่ถ้าถามว่าตั้งใจแบบใส่สุดบ้าพลังอะไรขนาดนั้นมั้ยก็ไม่นะคะ แต่เราจะมีความระมัดระวังมากขึ้นในการทำอะไร… คิดว่าเป็นค่านิยมสมัยนั้นค่ะ ส่วนการบาลานซ์คือกลายเป็นเรื่องของบุคคลไป ไม่มีใครสอนให้บาลานซ์…
น้องนักศึกษามาฝึกงานที่ทำงาน ภาษาอังกฤษพูดคล่องมากสำเนียงเหมือนเจ้าของภาษา มีความมั่นใจ แต่มารยาทน้อยมาก อยู่ในออฟฟิตที่พนักงานหลากหลายวัย ทำงานกันอย่างตั้งใจ แต่ตัวเองคุยเล่นกันเสียงดัง หัวเราะกรึ๊ดกร๊าดไม่มีความเกรงใจ เดินสวน หน้าเชิดแทบจะชนพี่ๆพนักงานอยู่ ไม่ค่อยอ่อนน้อมถ่อมตน
เข้าใจgenZนะ แต่บางอย่างก็ต้องควรมีกาลเทศะนะคะ เช่นที่เราเจอ ไม่ใช่มาสมัครงานปุ๊บจะออกก็ออกปั๊บไม่บอกหัวหน้างานอะไรเลยแบบนี้ก็เกินไปไม่สวัสดีเข้าใจได้ จะลาก็ลา
ผมเคยทำงานกับคน gen z บางคนเป็นเหมือนที่คุณพูดเปี๊ยบเลย
ปกคลิปแบบ...😂 เปิดใจหน่อยนะทุกคน ส่วนตัวเรา Gen Z เกิดในยุคที่ทุกอย่างพร้อมจริง แต่ว่าความคาดหวังในตัวเองก็สูง ความกดดันสูง ไม่แปลกที่จะเครียด มีปัญหาเรื่องจิตใจ แล้วในยุคที่ผ่านมาเห็นคนทำงานหนักแล้วป่วย ดังนั้นจะเอาเรื่องสุขภาพ มาเป็น priority มากกว่างาน เพราะป่วยมาทุกอย่างก็จบ งานไม่เดินนะ เอาจริงเรื่องป่วยทางใจทุกยุคเป็น แต่ไม่ตระหนัก อีกทีคือตุยไปแล้ว เพราะฉะนั้นสุขภาพกายใจ ความสุขมาอันดับแรก ต้องดูแลดีๆ ทุก gen มีปัญหากันอยู่แล้ว ลองศึกษาข้อมูล แล้วเปิดใจ แล้วจะเข้าใจพฤติกรรม Gen Z นะ
แล้ว Gen Z เคยศึกษาข้อมูล แล้วเปิดใจ เข้าใจพฤติกรรม Gen อื่นหรือเปล่า
@@nutkanok8860ใช้แร้วพวกพรี่ๆgenอื่นอุตส่าห์ปี้กันเพื่อให้เป็นทาสระบอบทุนนิยม ปี้กันเพื่อให้ลูกเป็นขี้ข้า กับโลกเห้ๆ ต้องเห็นใจพรี่ๆgenอื่นเขาหน่อย😍
@@nutkanok8860 อ่านประวัติศาสตร์
ดีมากเลยครับ เสียดายไม่มี ซับ ให้กลุ่มคนพิการได้อ่าน
เราในฐานะgenz แต่ที่บ้านคือบ่มเพาะให้ทนทุกอย่าง ที่บ้านเราไม่สามารถบ่นได้เลย ไม่สามารถป่วยแล้วบอกว่าเป็นโรคอะไร ที่บ้านจะพูดว่าปัญญาอ่อน สำออย เพราะเคยพูดแนวๆนี้ให้ที่บ้านฟัง เราไม่สามารถบ่นได้เพราะที่บ้านจะบอกว่า เค้าทำหนักกว่านี้แค่นี้ทำไม่ได้หรอ แค่นี้ก็ไม่รู้หรอ ทำงานหนักกว่านี้ไม่ได้หรอก ทั้งๆที่เค้าก็ไม่เห็นว่าเราทำอะไรไปบ้าง เราพยายามทนได้อย่างเดียว
เหมือนกันเลยครับ มันคือการสอนที่ทำให้เด็กรู้จัก mindset ที่ดี ยิ่งเด็กยุคนี้ พอขี้เกียจศึกษาหาความรู้ก็ไปทำ onlyfans กันเยอะ เพราะมันได้เงินง่าย
มีความสามารถที่จะไม่เป็นภาระคนอื่นมั้ยละ ถ้าไม่ก็เงียบไปจนกว่าจะทำได้ 😂😂
เม้นได้สมกับเป็นมะเร็งดีครับ รู้ๆอยู่ว่าใคร
@@workhardplayharder4924 อคติชิบหาย เห็นหลายเม้นละ
@@workhardplayharder4924เขาก็ไม่ได้ขอเกิดอยู่แล้วนะครับ มันเป็นหน้าที่ของคนที่อยากให้เขาเกิดมาที่ต้องใส่ใจเขา และเลี้ยงดูเขา อย่าพิมพ์เหมือนกับรู้ว่าเขาทำไรได้บ้างสิครับ
มันไม่เกี่ยวกับเจนหรอกครับ คนขี้เกียจ ข้ออ้างเยอะ ไม่ลงมือทำ ยังไงก็ลำบากครับ.....แต่กลับกันคนขยัน หาความรู้ พัฒนาตัวเองตลอดยังไงก็ไม่ลำบากหรืออดตายหรอกครับ....ทุกเจนมันก็มีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว.... มันเป็นปัจเจกครับผม อย่าลืมว่าคนทุกเจนก็ใช้ชีวิตอยู่ใลกยุคปัจจุบันทุกคนเหมือนกันนี่ครับ
สุดท้ายคุณจะรู้ว่ารักง่นนั้นจิงๆ หรือไม่ ก็ต้องลองหรือลงมือทำ ถ้าจะคิดหรือค้นหาก่อน ก้ต้องกำหนดเวลาได้แค่ระยะนึง เพราะทำจิงๆ คุณก้อาจคิกผิดได้อยู่ดี
Burnout เราว่าหมายถึงการเบื่อหน่ายที่เราทำงานนานๆ หมดไฟ หมดแรงบันดาลใจ ก็ออกไปเที่ยว หรือ พ้กผ่อน ก็จะดีขึ้น
มองว่าอยู่ที่การเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กๆ การชี้แนะและให้คำปรึกษา โดยเฉพาะเวลาเขามีคำถาม ในเมื่อแต่ละ gen ส่งมอบความรับผิดชอบที่หละหลวม, gen หลังๆจะเปราะบางทางจิตใจมาก แล้วก็ไปโตกับ social online เรียนรู้แต่สิ่งที่ชอบและออกแรงต้านกับสิ่งที่เกลียด ตรงๆ เป็นพวกอ่อนไหวง่ายครับ
ส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดูจริงๆนะ เรายังคิดว่าการให้ลูกได้ฝึกทำงานตั้งแต่เด็ก ให้เขาไปทำงานช่วงปิดเทอมเป็นได้สร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก พออยู่ในสภาวะการทำงานที่กดดันเขาจะปรับตัวได้ง่าย ปัญหาที่เจนzเป็นอยู่ทุกวันนี้คือมาจากสังคมที่ตามใจเขามากเกินไป ไม่เคยลงสนามจริงมาก่อน พอเข้าวัยทำงานปุ๊บเลยปรับตัวกันไม่ค่อยได้มันเหมือนคนเรียบมาตลอดชีวิตอยู่ๆเข้าวัยทำงานเลยมันก็เหวอๆอยู่นะ นั่นแหละเป็นที่มาของปัญหาทั้งหมด แล้วเด็กก็เบรินเอ้ากันเป็นว่าเล่น บางทีเอาแต่ทำตัวเป็นเหยื่อแต่ไม่พัฒนาตัวเอง
การระบายได้เมื่อทนไม่ไหวกับบ้างเรื่อง แต่ถ้าเจอปัญหาเดิมๆแล้วคิดไม่ตก หาทางออกไม่ได้การบ่นอย่างเดียวดูไม่ไหว
ฟังอยู่ราว20นาที หรือผมฟังไม่เข้าใจเองหว่า......
เหมือนฟังแล้วก็ไม่เจอเหตุผลจริงๆ....
ว่าทำไมถึงไม่ทน?
ประมาณว่า ได้รับการ explain ว่าทำไมเปราะบาง? มากกว่าการบอกว่าทำไมไม่ทน?
ผมว่ามันคนละคำถามนะ
จริง เหมือนคนพูดอคติเอาเจนแซดมาให้พวกเจนวายเอ็กซ์มาด่า
47:36 ต้นทุนคนเรามันไม่เท่ากันค่ะไม่ใช่ว่าไม่อยากลองแต่ลองไม่ได้มากกว่า เคยคุยกับเพื่อนเรื่องนี้เหมือนกันว่าทำไมไม่ลองก่อนไม่ใช่ค่อยถอยตอนเลือกมหาลัย เพื่อนพูดว่ามันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินมาพอให้ลองผิดลองถูกอย่างบ้านเพืือนพ่อแม่ก็เตรียมเงินไว้ให้พอแค่เรียนจบใน4ปี ไม่สามารถซิ่วหรือแก็ปเยียร์ได้ เรื่องงานเองก็เหมือนกันเรามองว่าเรียนจบแล้วพักไปเที่ยวน่าจะดีกว่าแต่เพื่อนบอกไม่ได้จบแล้วต้องรีบหางานจะได้มีเงิน
ในฐานะคนที่เป็น gen Z พูดตรง ๆ ผมก็ไม่ไหวกับทัศนคติ gen Z บางคนเลย (ย้ำนะว่าบางคน) แบบบางคน ego สูงมาก งอแงง่าย ไม่มีวุฒิภาวะ ผมว่าแต่ละ gen มันมี challenge ที่แตกต่างกันนะ แต่มันไม่มี gen ไหน ทรหดหดหู่เท่า silent generation แล้ว เจอทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และภาวะเศรษฐกิจซบเซาที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่มีค่อยมีใครพูดถึงเลย เพราะคนเจนนี้เริ่มทยอยกันลงหลุมแล้ว
อีกหนึ่ง Ep ที่คุ้มค่าคุ้มเวลามากครับ ❤
ขอบคุณมากค่ะ~🌹 ได้มุมมองใหม่ ๆ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจกันมากขึ้น ๆ ดีค่ะ
ผมเป็นคน gen เก่า ที่ต้องดูแลทำงานกับเด็ก gen z หลายๆคน สิ่งที่เรียนรู้ในการทำงานกับเด็ก gen z คือ ต้องเข้าใจคน gen z ก่อน พอเข้าใจแล้วก็ปรับตัวเราให้เข้ากับเด็กๆ เพราะผมคิดว่ารุ่นเก่าอย่างเราเดี๋ยวเราก็เกษียนเดี๋ยวก็ตายกันแล้ว ยังไงก็ต้องทำงานกับ เด็ก gen z ให้ได้ เด็ก gen z มักจะชอบทำงานอะไรเร็วๆ เสร็จไว เราก็ต้องหาทางทำงานร่วมกันให้ได้
เฉพาะgenzที่เคยดูแลอยู่ ทำงานไวเร็วจริง แต่งานรวก ผิด และผิดไม่แก้ไขเอง เรียกว่ากูว่าดีแล้วถ้ามึงว่าไม่ดีก็แก้เอง ให้องค์กรมันพังก็เป็นเพราะมึงไม่แก้เอง
มันขี้หงุดหงิดปิดงำปัญหาแล้วว่ามันไม่เป็นปัญหา
ทุก gen มันก็มีอุปสรรคมีความลำบากในยุคของตัวเองหมดละครับ มีจุดเเข็งเเละจุดอ่อนตามวิถีชีวิต ไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาดที่สุดหรือเเข็งเเรงที่สุดที่มีชีวิตรอด เเต่เป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้มากที่สุดต่างหากที่จะรอดจนถึงที่สุด
บางคนที่อคติกับ Gen z เพราะ เอือมละอาจาก gen เดียวกัน การใช้ชีวิตในยุคนี้ Gen z ไม่ง่ายนะคับ เพราะมันไม่ใช่แค่ Hard skill soft skill แบบ Gen ก่อนแล้ว ยุคนี้มัน multi มากๆ มากๆจนเหนื่อยมากๆ Gen เก่าก็ความสามารถสู้ Gen z ไม่ได้ แต่ดันกดดัน และคาดหวัง แม่งทุกอย่าง แล้วก็หันมา โทษ Gen z แบบนั้นแบบนี้ ใช้ชีวิตในยุคนี้นี่ยาก
ตั้งแต่ฟังมาหลายๆข้อ ยังไม่เจออะไรที่เป็นปัญหาเลยนะ เหมือนเอาสิ่งโน้นนี้มาเอ่อออว่าเป็นปัญหาไปเอง คิดดีๆว่าจริงๆเเล้วปัญหาคืออะไร
แอบตลกถ้ามองในมุมนึง ที่เขามีปัญหาหันคือ gen x กับ gen z เหมือนพี่คนโตกับน้องคนเล็ก แล้ว gen y (คนกลาง) ก็คือโดนลืม😂😂😂
Gen z ในสายตาผมน่ะพวกเขาเรียนรู้ ปรับตัวกับเทคโนโลยีได้เร็ว มีความรู้และความสนใจในเรื่องเทคโนโลยีที่ค่อนข้างสูง สังเกตจากการเกิดใหม่ของช่องยูทูป จะมองงานเกี่ยวกับสตีมเมอร์หรืองานถ่ายวีดีโอเป็นงานในฝัน คล้ายพ่อแม่พี่น้องเราที่บ้างที่อาจมองว่า หมอ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการจะเป็นงานที่ดี ยั่งยืน สำหรับพวกน้องเขาก็เหมือนเรา แต่จุดเปลี่ยนสำคัญมันอยู่ที่ในยุคของ gen นี้มันเป็นยุคที่การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นเร็ว การแข่งขันสูง น้องไม่ได้สู้กับยุคแต่กำลังสู้กับคน gen เก่าๆ ที่มีประสบการณ์และความรู้ในการเอาตัวรอดที่สูงกว่า ในขนาดที่ gen อื่นๆสุดเดือดในการยอมแพ้นั้นสูงแต่ของ gen z เมื่อเจองานหรืออุปสรรคจะใหญ่หรือเล็ก ใจเขาจะค่อยๆยอมแพ้อย่างช้าๆ เป็น gen z ที่จะไม่ฟังการสอนจากคน gen เก่าๆ คุณสอนเขาปัด ด้วยหัวคิดใหม่พวกเขาจะมองว่าคุณนั้นล้ำหลัง หลายโอกาสหลายครั้งคนเจนนี้จะทำให้งานมันยากขึ้นเพราะอยากลองสิ่งใหม่ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทันทีแต่ลืมบริบทของงานหรือสังคมที่อยู่ว่ามันพยายามพัฒนาแค่พยายามพัฒนา ข้ออ้างที่สูง ผมมองว่ามันเกิดจากการที่ตัวเขาชอบเปรียบตัวเอง หรือคิดไปเอง อย่าง เด็กคนหนึ่งมองไปที่เด็กอีกคนที่เป็นนักวิ่งและพูดว่า โถ่ เพราะมึงตัวใหญ่ หรือๆ บางคนอาจมองไปที่คนตัวเล็กและบอก เพราะมึงตัวเล็กไง ธรรมดาที่มึงจะชนะ ขออ้างของเขามันคือการปลอบใจตัวเอง คล้ายๆกับการที่คน gen เก่าๆอ้างบุญนั้นล่ะ ไม่เน้นพยายามเน้นอ้างเน้นบุญแทน
Z ก็คือตัวอักษรสุดท้าย ดังนั้นก็เป็นรุ่นสุดท้ายก่อนที่หุ่นยนต์มาแทน
ฉันหัวจะปวดเวลาอยู่กับ Gen Z คนอื่นทำได้10อย่าง นี่อะไรทำได้ไม่เท่าเขาเรียกร้อง แถมมีโรคอะไรเยอะแยะ เหมือนเป็นแผนที่วางไว้อย่างดี เจออย่างเยอะ สำออยสำอาง
GenZ และ Alpha
จริงๆแล้วน่าสงสาร เพราะโตมากับเรื่องมโน เรื่องโกหก ที่ใช้คำปกปิดว่า คือ Content เค้าจึงทำอะไรที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง จึงมีแต่เรื่องฉาบฉวย และเปลี่ยนไปมา เอาแน่ไม่ได้
มีทางเลือกมาก เเต่ชอบเลือกอาชีพที่คนอยากทำกันหมด อย่างเช่น Social Influ ก็ไปออกัน เเย่งอาชีพกัน แล้วก็ยอมเเพ้กันไปเอง แล้วก็ไปต่อกับอาชีพอื่นยาก แล้วการเเข่งขันสูง อวดของเเพง เเล้วต่อจากนั้นจะจน แล้วตื่นมาวันนึงก็จะพบว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบสังคมเกาหลี เเข่งขันสูง ทั้งที่ความรู้ท่วมหัว เงินไม่ค่อยมี เเล้วหวังว่าจะหางานในบริษัทเป็นอาชีพมั่นคงที่สุดในที่สุด😮
EP นี้ ได้เห็นมุมมองเยอะมากๆ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของการใช้และเสพย์สื่อด้วย ลองสังเกตุได้ ว่า ไม่ว่า gen ไหนๆ พอได้ลองมาใช้ social media ก็พฤติกรรมเปลี่ยนไปจริงๆ ยกตัวอย่าง พฤติกรรมต่างๆ อย่างในเรื่องการบ่น เจออะไรมา ก็ลง social ลองสังเกตได้เลยนะคะ เป็นกันได้หมดเลย ขึ้นอยู่กับ นิสัยส่วนตัวของคนๆนั้น เพียงแต่ แต่ก่อนระบายได้แค่ต่อหน้า แต่ปัจจุบัน พอโลกมัน ออนไลน์กันหมด ก็พบเจอได้ทุกgenเลย เพียงแต่ gen Z เข้าถึงเทคโนโลยีเร็ว กว่า รุ่นก่อนก็เลย ระบายออกมารวดเร็ว
ชอบ EP นี้ สนุกมากค่ะ ฟังไปหัวเราะไปแบบเรื่องจริงผ่านจอมากๆ
พ่อแม่เลี้ยงดูก็มีส่วนแต่ผมว่ามีแค่ราวๆ30-50% ส่วนที่เหลือคือไปซึมซับมาจากสังคมภายนอก
ไม่เช่นนั้นทำไมปัญหาเจนZถึงคล้ายคลึงกันทั่วโลก มันต้องมีนัยยะสำคัญแน่นอน
เจนZเล่นไม่เอาคำสอนรุ่นเก่าเลย ถ้าเช่นนั้นคุณก็ต้องไปสร้างเองใหม่ ซึ่งถ้าออกในรูปการณ์นี้ กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางได้พวกรุ่นใหม่ต้องเจอปัญหาลำบากไปอีกราวๆ2-3เจน
Gen Z มีเสพสื่อมากไปครับ เศร้าสะสม เห็นคนอื่นเด่นดังกว่าในโลกอินเตอร์เน็ตก็นอยละ ต้องไปอ่านอิคึไก
40:00 จริงครับ การบ่นทุกอย่างมันทำให้ดูเป็นคนน่าเบื่อ แต่ก็ยอมรับว่าเคยทำเหมือนกัน