Method Acting สุดยอดการแสดง หรือแค่ข้ออ้างของพวกไม่ได้เรื่อง [ Viewfinder : Mads Mikkelsen ]
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 26 เม.ย. 2022
- Method Acting สุดยอดการแสดง หรือแค่ข้ออ้างของพวกไม่ได้เรื่อง
ร่วมเป็น TeamViewfinder กันได้ที่นี่ครับ:
/ @scoopviewfinder
#MadsMikkelsen #MethodActing #Viewfinder - บันเทิง
' จิม แครี่ ' หน้ากากเทวดา ขอลาพัก th-cam.com/video/yuimt_syTCg/w-d-xo.html
ມັນກໍມີຂໍ້ດີ ຂໍ້ເສຍ
ຄືກັນກັບ ການເປັນ ຮ່າງຊົງ...
#ພະລັງອັນຍິ່ງໃຫຍ່ມາພ້ອມພາລະອັນໃຫຍ່ຍິ່ງ.
#SeriesThePriceOf
ป๊า Mad แกแสดงดีแทบจะทุกบทที่เล่นอยู่แล้วงะ ตอนเปลี่ยนเป็นแกก็เลยทำใจยอมรับได้ ถึงจะไม่อยากให้เปลี่ยนก็เถอะ เพราะป๊าเดปป์ไม่ควรจะเสียบทไปแต่แรก แต่เรื่องอารมณ์ความลึก ความเลือดเย็น ความจิต ความกวน ป๊า Mad แกได้จริงๆ เห็นหน้าแกก็รู้แล้วว่าชั่วล้านเปอร์เซนท์ 🤣
ผมว่า Method Acting เหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนั้นๆ แล้วมันจินตนาการภาพไม่ออก เช่น ให้ลูกคุณหนูที่ทั้งชีวิตเรียนจบมาจากฝรั่งเศส มาแสดงบทแม่ค้าส้มตำ ถ้าแค่สอนวิธีการตำส้มตำ ใครๆ ก็สอนได้ แต่ถ้าจะให้แสดงดูเป็นธรรมชาติ มันก็ควรจะตำจนชำนาญ จนแบบคนที่ดูรู้สึกได้เลยว่า เออนี่แหละแม่ค้าส้มตำแถวบ้านกู เป็นแบบนี้เลย อันนี้การนำ Method Acting เข้ามาใช้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ครับ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอก แต่ถ้าเป็นคนจินตนาการสูงและเคยผ่านตาในบทที่ต้องแสดงมาบ้าง Method Acting ก็ไม่จำเป็น
+1ครับชอบความเห็นนี้มากๆพูดแยกแยะให้เห็นภาพเลย
เปรียบเทียบได้เข้าใจมากเลยครับ
@@arthuraniki6379 ขอบคุณครับ
เมื่อไหร่วิน ดีเซลเค้าจะออกจากบทซักทีคับ ผมเห็นแกเล่นเรื่องไหนก็คล้ายๆกันหมด สงสัยแกยังไม่หลุดคาแรคเตอร์5555
หลังจาก fast x จบแกก็หลุดแล้ว
ต้องบอกว่าแสดงแข็งแต่ดันเข้ากับบทมากกว่าครับ
ครูเงาะ สวัสดีครับ
@@sufanzy6239 ไม่ต้องครูเงาะครับ ป้าข้างบ้านผมก็แสดงดีกว่าวิน555
ชอบๆ เม้นท์นี้
เข้าบท เมื่อสั่ง action ออกจากบทได้ เมื่อสั่ง cut อันนี้ต่างหากที่เรียกว่า มืออาชีพจริงๆ ยิ่งสวิชได้เร็วยิ่งมืออาชีพมากๆ คนที่อินจนเกินควบคุมได้ ถามว่างานออกมาดีมั้ย มันอาจจะดี ดูอิน ดูเข้าถึง เล่นเก่ง แต่มันไม่มืออาชีพเลย
แดเนียล เดย์ลูวิส นี่สุดๆ
ตัวอย่างที่ชัดก็โรแวน แอตคินสัน พอแกแสดงเป็นมิสเตอร์บีนก็เข้าถึงบทอย่างดีมากพอจบก็ออกจากบทบาททันที
@@newsappa49 ใช่ครับ แถมพอออกจากบทบาทแล้วแกจะกลับมาเป็นคนซีเรียส จริงจังกับงานเบื้องหลังมากๆ ผมเป็นคนทำงานพวกนี้ กำกับงานอะไรต่างๆก็ชอบดูการทำงานของโรแวนเป็นตัวอย่างของคำว่ามืออาชีพ ทำนเราเชื่อได้ว่านั่นคือมิสเตอร์บีน เชื่อว่านั่นคือธรรมชาติ คือเขาจริงๆ จนลืมคำว่าโรแวนแอคคินสันไปเลย
การเข้าบทและออกได้สำหรับผมคือ Professional มาก ยิ่งรุ่นใหญ่ๆเข้ากล้องโดนสั่งaction เข้าบทเลยเป็นอะไรที่โครตเท่
อนันดาเคยพูดทำนองนี้เลยใน ขุนพันธ์ 1 ครับ
ถ้าจะให้นับถือ ขอนับถือคนที่ใช้วิธีนี้ตอนอยู่เฉพาะหน้ากล้อง แล้วปิดตอนผู้กำกับสั่งคัทดีกว่า ลองนึกถึงสภาพคนที่อยู่ในกองถ่ายที่ปกติต้องเหนื่อยอยู่แล้ว ยังต้องมาเหนื่อยเกินความจำเป็นเพราะพฤติกรรมบ้าๆ บอๆ ของนักแสดงที่ไม่ยอมปิดโหมดนี้ตอนสั่งคัทอีก ลองคิดสภาพถ้าเราต้องทำงานร่วมกับที่นิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้เกือบทั้งวัน
นอกจาก Method acting ก็พวกนักแสดงที่อีโก้สูงจัด คนทั้งกองถ่ายต้องตามใจแถมก่อเรื่องสารพัดจนทำงานไม่ได้ก็มี
สรุปตอนผลงานออกมาบ้างสิ นั้นคือวิธีการไปถึงเป้าหมายที่ต่างกันก็เท่านั้น ผู้กำกับบางคนก็เทคยับจนนักแสดงไม่ไหว ช่างไฟช่างแต่งหน้าก็ไม่ได้อยู่หน้ากล้อง แน่นอนมันยากที่พวกเขาจะรับได้ แต่เราพูดถึงการแสดงแบบนี้มันดีหรือเปล่า ก็โฟกัสในภาพที่เราเห็นพอ แม้เขาเป็นดารานิสัยห่วยๆ แต่เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม หรือจะเอาดารานิสัยดีแต่เล่นเป็นตอไม้ก็คิดเอานะ
การเทคนิคเเบบที่ว่ามันทำให้เข้าถึงอารมณ์ได้ดีกว่าจริงๆเเหละ เเต่ผมว่าคนที่สามารถ ในการอยู่หน้าฉาก กับหลังฉาก เป็นอะไรคนละคนกันทันทีหลังเข้าฉาก มันเป็นอะไรที่น่าชื่นชมกว่า นี่คือมืออาชีพจริงๆ ในความคิดผมนะ
method acting ใช่ครับข้อเสียมันก็มี แต่ข้อดีก็มีเช่นกัน สำหรับผมนะผมคิดว่าการแสดงแบบ method acting มันทำให้นักแสดงเข้าถึงบทนั้นๆมากๆ และหนังมันก็ออกมาดีตลอดเกือบทุกเรื่อง มันบงบอกหนังแสดงคนนั้นๆทุ่มให้กับบทบาทกับหนังเรื่องนั้นมากๆ แต่มันก็ยังมีข้อเสียอีกหลายอย่าง มันมีเส้นบางๆกั้นอยู่กับคำว่าบ้าอยู่นะ
ມັນກໍມີຂໍ້ດີ ຂໍ້ເສຍ
ຄືກັນກັບ ການເປັນ ຮ່າງຊົງ...
#ພະລັງອັນຍິ່ງໃຫຍ່ມາພ້ອມພາລະອັນໃຫຍ່ຍິ່ງ.
#SeriesThePriceOf
ไม่ได้ แสดงถึงความทุ่มเทอะไรหรอก แค่คนที่โตจนแก่ แต่แยกแยะอะไรเป็นจริงไม่ออก แค่นัันเอง (ความเห็นส่วนตัว)
@@oregon6417 ส่วนตัวพ่องพิมพ์ในเน็ต🌚
@@oregon6417 คิดงั้นจริงดิ พ่อแม่ไม่ส่งเรียนเหรอ
ไม่เกี่ยวเลยครับ ดูอย่างโรแวนแอคคินสันดิ ตอนเขาเป็นมิสเตอร์บีน เขาทุ่มเทมาก เข้าถึงบทบาทนั้นมากๆ แต่พอผกกสั่งคัท เขากลายเป็นโรแวน ที่กลับมาปกติเหมือนคนคนนึง แถมทุ่มเทมากๆ ซีเรียสมากๆกับงาน ในฐานะที่ผมเป็นคนนึงที่กำงานกำกับ ตัดต่อ ผมบอกเลยว่า สุดท้ายแล้วเขาเอาแค่หลังผกก.สั่งแอคชั่นครับ นั่นคือสิ่งที่ผู้ชมผู้บริโภคจะได้เห็นนักแสดงและบทบาทของเขา หนังเขาไม่ได้เอาเบื้องหลังมาใส่นะคุณ มันใช้แค่สิ่งที่ผกก.ต้องการผ่านเลนส์กล้องเท่านั้น ที่เหลือนั่นไม่จำเป็น เปรียบง่ายๆเหมือนคุณเป็นตำรวจ ตอนนอกเวลางาน ตอนคุณใส่เสื้อยืดรองเท้าแตะ เดินตลาดนัดแล้วมีชาวบ้านขับรถผ่านไม่ใส่หมวกกกันนอค คุณจะเดินเข้าไปตักเตือนเขาไหม เดินไปเขียนใบสั่งหรอ มันไม่ได้ เพราะคุณไม่ได้มีหัวโขน มีบทบาทหน้าที่ตรงนั้นแล้ว ฉะนั้นหน้าที่นั้นจะตกเป็นของตำรวจคนอื่นที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ .
ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าเกิดใช้ Method Acting แล้วไม่รบกวนใคร อยู่แค่ในงาน อันนั้นผมว่า อันนั้นน่ะมืออาชีพ ยิ่งถ้า action-cut ออกบทได้เลยนี่แหละมือโปร ถึงเรียกได้ว่า "เป็นนักเเสดง" แต่ถ้าต้องไปกวนทีมงานคนอื่น ทำงานช้า-ลำบาก ผมว่า ดูเป็นข้ออ้างในการก่อกวน มากเกินไป ดูไม่มืออาชีพ
ไม่ว่าคุณ จะแสดงเข้าถึง'ตัวละครนั่นๆ ขนาดไหน (ส่วนตัว)ผมคิดว่า ถ้าคุณเป็น #มืออาชีพจริงๆ ไม่น่าทำใครเดือดร้อน (โดยตั้งใจ)ครับ
เราเคยเรียนการแสดงค่ะ แต่เป็นละครเวทีนะ เราไม่ถึงกับ Method acting เพราะรู้สึกตัวเอง sensitive เกิน เวลาร้องเพลงมิวสิคัล เราทำความรู้สึกตัวละคร เข้าใจสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญ อย่างเช่นตัวละครบทแม่ที่สูญเสียลูก เราไม่เคยมีลูก แต่เราสามารถร้องไห้ได้ทุกครั้งที่ร้องเพลงนี้ บางทีออกจากบทไม่ได้ หลังซ้อมร้องเพลงยังนั่งร้องไห้อยู่ก็มี ถ้า method คือตุยแน่เปนซึมเส้าชัวร์ๆ
มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียนั่นล่ะ
ซึ่งเหตุการณ์ส่วนมาก ความวุ่นวายส่วนใหญ่ หรือปัญหาที่เกิดตามมา
มันเกิดจากการที่นักแสดงไปทำลายเส้นแบ่งระหว่างบทกับชีวิตจริง แยกแยะไม่ได้ และถลำลงไปลึกจนเกินไป
ใช่ มันไม่เป็นมืออาชีพ ถ้าจะใช้ Method acting แล้วมันส่งผลเสียในการทำงานร่วมกับผู้อื่นก็ไม่ควรจะเอามาใช้นะคะ
Method acting กับคนอีโก้จัดแล้วทำให้คนเดือดร้อนมันมีเส้นแบ่งบางๆอยู่
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า Heath Ledger ใช้ Method acting จริงๆไม่ใช่ครับ เขาแค่เตรียมตัวก่อนเข้าบทเฉยๆ เก็บตัวในห้องก่อนเข้ากองถ่าย พอสั่งคัทปุ๊บเขาสับสวิชต์จาก Joker เป็น Heath แบบร้อย% เหมือนปกติเลย
เคยคิดเหมือนกันเวลาที่อ่านเจอว่านสด.คนนั้นๆ พยายามเข้าถึงการแสดงจนไม่อยากหลุดจากคาร์แรคเตอร์แม้แต่ในชีวิตจริง จนบางครั้งก็เป็นการที่ทำให้ทีมงานทำงานลำบากขึ้น มันทำให้เรารู้สึกไม่ดีกับนสด.คนนั้นๆไป เพราะเราเห็นเบื้องหน้าว่าการแสดงออกมาดีแต่เบื้องหลังทำทีมงานผกก.วุ่นวายทั้งกองแบบนั้นก็ไม่โอเคเหมือนกัน
ชอบเฮียแกในบท ฮานนิบาล มากเลยอยากให้ทำภาคต่อจริงๆ
เรียนจบการแสดงมาค่ะ ครูเคยบอกอย่าเอาตัวละครออกมาใช้ในชีวิตจริง หากคัตแล้วควรต้องจูนเอ้าออก
มันเจ๋งละแต่ก็ทำยากและอันตรายมาก
เพราะต้องเหมือนสวมบทนั้นตลอดเวลา
ตัวอย่างก็ฮีท เลดเจอร์สุดท้ายต้องเสียเขาไปเพราะอยู่ในบทjokerนานเกินไปจนหลังจากหนังจบแล้วเจ้าตัวยังหลุดพ้นไม่ได้
แต่กับบางคนที่ฝีมือไม่มากพอการใช้การแสดงแบบนี้มันกลายเป็นเรื่องแย่หรือไ่วยก็ได้
man on the moon คือสุดยอดภาพยนตร์ ไม่ใช่แค่การแสดงที่ยอดเยี่ยม แต่มันคือบทที่ยอดเยี่ยมและบทสรุปที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ตอนจบที่สามารถอธิบายทั้งหมดจองหนังได้เลย
อินกับบุคลิกของ mads มากครับ ยิ่งบทฮันนีบาล มีคาเร็กเตอร์ที่โดดเด่นมากเลย
คอนเทนนี้ดีมากครับ ผมขอชมเลย
คลิปคุณภาพสูง สาระล้วนๆ ขอบคุณครับ
วิธีการแสดง มีหลายแบบ แต่สำคัญคือ แสดงให้ดีตอนอยู่หน้ากล้อง เมื่อสั่งคัตแล้ว จะดิ่งตามหรือจะกลับมาเป็นตัวตนเดิม ก็แล้วแต่จะเลือก แต่สำหรับผม แบบหลังคือยากกว่านะ
และต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนระหว่างการทำงาน
รู้สึกว่าวิธี Method Acting มันสุดเกินไปใช้พลังกาย พลังใจไปเยอะมาก จนไม่รู้ว่าผลที่ได้มันคุ้มกับที่ทำรึป่าว ส่วนนี่ชอบการแสดงของโรแวน แอตคินสันมากๆ เค้ามืออาชีพมากๆ ตอนเด็กๆดูก็นึกว่านิสัยเค้าเป็นมิสเตอร์บีนจริงๆเลยค่ะ ครั้งแรกที่รู้ว่าโรแวนจบวิศวะออกซ์ฟอร์ดเราช็อคมาก 😂
สำหรับผมเป็นอะไรที่โครตเท่
สรุปได้แรงและเจ็บมากๆครับ
ใช่ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้เม้ดตอด นักแสดงเก่งจริงๆเขาสามารถแสดงได้หมดแหละ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปดำดิ่งอะไรขนาดนั้น เสียเวลาชีวิต เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ
ต้องยอมรับก่อนว่า จอนนี่ เดป ทำบท กรินเดลวัลไว้ดีมาก ในขณะที่บทไม่ได้ดี บทยังไม่ชัดเจน ถ้าให้คนใหม่มาเเสดงห่วยกว่าเขาก็คงไม่มาหรอก เขาต้องดูอยู่เเล้วว่าคนเก่าทำไว้ดีขนาดไหน เขาต้องพยายามอย่างมาก เหมือนทำให้นักแสดงมีไฟใหม่ๆ มีความท้าทายใหม่ๆครับ ต้องยอมรับทำได้ดีทั้งคู่มาดูครับ
มันคือการเข้าถึงบท แต่เราก็ต้องก้าวกลับออกมาให้ได้ ดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด บางทีเป้าหมายเดียวกัน แต่เราใช้วิธีไปถึงมันได้ต่างกัน ผลงานคือเครื่องพิสูจน์ มีใครว่าเข้าถึงแล้วเล่นได้ห่วยบางมั้ยละ
บอกไม่ให้ผู้ชมตัดสิน แต่คลิปนี้เหมือนจะตัดสินไปแล้วนะครับ จริงๆ แล้วการอ้างว่านักดนตรีขี้เกียจซ้อมแล้วบอกว่ามันคืออารมณ์กับสไตล์มาเป็นข้ออ้าง บลาๆๆ ช่วงท้ายคลิป...ผมจะบอกอย่างนี้ครับว่า "ผลงานมันจะพิสูจน์ตัวมันเอง" ว่าถ้ามันห่วย มันก็คือวิธีการที่ได้ผลงานนั้นมันห่วย แต่ถ้าผลงานเยี่ยมยอด มันจะมาจากวิธีการที่ห่วยได้เหรอครับ? สรุปแบบนี้จะสวยกว่านะพี่ป๋อง
เค้าน่าจะหมายถึง นักดนตรีที่ผลงานห่วย แต่มาอ้างว่าไม่เข้าถึง อารมณ์ศิลปิน
สรุปพี่เขาคือลุงป๋อง เดอะช็อคจริงๆใช่ไหมคะ
ถูก ตามนั้น แค่พูดดักคอคนฟังไว้เฉยๆ
@@user-xd6gz7eh6l ไม่ใช่ครับ เขาชื่อจีน ลองไปหาดูในช่องได้ครับ
สงสัยนักแสดงThe Flash แกคงอินจัดคิดว่าไปก่อเรื่องแล้วค่อยวิ่งย้อนเวลารึป่าว555
ตอนท้ายคลิปพูดสรุปดีมากครับ
Acting มันคือการกระทำเป็นตัวละคร พอมาสวมคำเรียกแบบไทยๆว่าคือการแสดง ความหมายเลยออกมาเบาบางลง mathod acting มันก็แค่การกระทำแทนตัวละครอย่างมีแบบแผนเท่านั้น ไม่มีแบบไหนดีไม่ดีกว่ากัน
ถ้าบ้าแล้วคนอื่นไม่เดือดร้อนก็โอเค
เช่นโจ๊กเกอร์จาเล็ตสินะ 5555
@@1amwalle อันนั้นเห็นบอกเอาหนูตายไปให้ฮารี่
@@poomlapeesuwranwrong5274 ข่าวปลอมเจ้าตัวบอกเเล้วว่าไม่เคยทำครับไอที่เอาหนู เาเลือดหมูไปมให้เพื่อนนักเเสดงน่ะ
@@rgb2873 อออ ครับ
@@1amwalle จาเร็ตแกทำไรบ้างครับ ตกข่าว รบกวนทีครับ
ส่วนตัวมองว่าแสดงจนคนเชื่อได้คือเก่ง(แต่นี่ดูอะไรก็ได้ถ้าไม่ใช่เล่นส่งๆจนต้องคิดว่าเงินค่าตัวได้บาทสองบาทหรอ ซึ่งก็ยังไม่เจอ (อยู่แล้วแหละ)) เล่นปกติก็ไม่เสียหาย ไม่เดือดร้อนคนอื่นได้ยิ่งดี
ที่สำคัญคือ คนร่วมงานต้องไม่เดือดร้อน หรือได้ผลกระทบครับ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือผลงานที่ออกมา โดยที่ทุกคนทำงานออกมาไหลลื่นที่สุด
โชคดีที่คนใช้เทคนิคMethod Acting มันไม่ได้เล่นบทฆาตกร ไม่งั้นคงได้เห็นคนในกองถ่ายตายแน่ๆ 😂
ผมว่าไม่กล้าหรอก และอาจเป็นอะไรที่พิสูจน์ว่ามันไม่ได้อินหรือลงลึก จริงๆ 55555
ดีมากๆครับ
สำหรับคริสเชี่ยน เบล ไม่ต้องมาบอกเลยว่าข้ออ้างไหม คนนี้สุดจริง
ไม่รู้สิ แต่ผมคิดว่ามันคือการทุ่มเทแบบสุดๆนะ เพราะหนังเรื่องที่นักแสดงเอก Method Acting คนดูอย่างเราๆรู้สึกได้ถึงตัวตนของตัวละครว่ามันมีอยู่จริง ผมชอบนะ
ผมว่าเค้าคงสนุกแระ นักแสดงที่ทำได้แบบสุดๆ เค้าคงเป็นพวกชื่นชอบการแสดงและรู้สึกสนุกกับมันทุกครั้งที่ได้ทำ แม้ว่ามันจะดูทรมานหรือส่งผลร้ายแค่ไหนแต่เมื่อเรารู้สึกสนุกบางทีมันก็ไร้ค่าหมดแระ
เสียงหัวเราะพี่นี่ 5555555555. แต่เสียงพี่เหมือนลุงป๋องเดอะช็อคจริงๆๆๆๆนะ
หม่อมน้อยเคยอธิบาย มันศือศิลปะ มันคือธรรมะ ดึงตัวตนตัวเองออกไป เอาตัวตนตัวละครใส่แทน ช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านตัวตน มันจะมี"ความว่าง" หม่อมน้อยคือธรรมะ
มันมีผลกับจิตใจสุดๆ
แดเนียล แรดคลิฟฟ์ น่าสงสารสุด แกพยายามจะออกจากคาแรกเตอร์แค่ไหน คนก็จดจำแกในแฮร์รี่😅
Jim Carrey คือโครตสุดในสายนี้เลย และ กองถ่าย ก็ ปั่นป่วนไปหมด
ว่าจิมแครี่สุดแล้ว เจออาร์ตตัวพ่ออย่าง มารอน แบนโด ไปนี่แบบปวดหัวทั้งกอง
@@beltajanejane8176 ไม่เคยรู้เลยว่าmarlon ป่วนขนาดนั้นเลยหรอ5555
@@SL-vk3bi ไม่อ่านบทตอนแสดง ต้องให้นักแสดงเอาสคลิปยาว ๆ มาแปะที่ตัว ... มาถ่ายทำหนังแต่ขุนตัวเองให้อ้วนทั้งที่ผู้กำกับไม่ได้ต้องการให้อ้วน ... ถ่ายทำหนังเอาคนแคระมาประกอบฉากทั้งที่ผู้กำกับไม่รู้เรื่องอะไร ... ลองดูคับยังมีวีรกรรมอีกเยอะ
@@beltajanejane8176 โฮ้ ป่วนมากนะ555 คือเล่นๆม่แค่ผู้กำกับฉันเองแต่ฉันเท่านั้น เหมือนไม่จำเป็นต้องเชื่อทุกอย่างผู้กำกับ
เคยได้ยินว่าเรื่อง last tango in Paris brandoได้เสนอผู้กำกับฉากrapeแล้วก็rapeจริงๆ โดยไม่ได้บอกให้นักแสดงหญิงรู้เลย ในเรื่องผู้หญิงก็ตกใจและกลัวจริงๆ จนหนังแสดงผู้หญิงเป็นตราบาปตลอดเลยนิ อันนี้ไม่ดีเลย
ขอบคุณพี่จีนที่รวบรวมความเห็นหลายๆ คน หลายๆ ด้าน มานำเสนอค่ะ
อยู่ที่ใครจะมอง จะทำอะไรเพื่อการเเสดงก็ทำ เเต่ขอเเค่ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็พอ
ตอนดู Man on The Moon คือ รู้สึกว่าตัวของ Andy แค่อยากจะแสดงตลอดเวลา มันคือความหลงตัวเองแบบที่ใครๆว่านั่นแหละ เค้าแค่รู้สึกว่าเค้าต้องแสดง และแสดงๆๆๆ ไม่ได้รู้จักตัวต้นเรือง แต่คิดว่านี่คือความรู้สึกที่จิมสื่อออกมา เลยรู้สึกว่ามันคือ masterpiece ของจิมเลย
ถ้า inner อารมณ์แล้ว out ไม่ได้ ผมว่ามันจะส่งผลต่อสุขภาพจิตคนแสดงเองนะครับ แน่นอนว่ามันอาจทำให้การแสดงออกมาดี แต่ก็ทำให้คนที่มำและคนรอบข้างซึมเศร้าหรือเป็นบ้าได้เลย
พี่จิม แครี่ น่าเสียดายไม่น่าพักงานเลย ชอบพี่แกมาก
ก็ทำได้ แต่อย่าให้เดือดร้อนนักแสดงที่ร่วมงานและกองถ่ายก็พอ มันต้องมีเส้นแบ่งไม่ใช่จะKeepตลอดเวลาจนเหมือนคนบ้า!!!
เก่งจริงต้องสั่งคัทได้
ผมมองอีกมุม ถ้าพรสวรรค์อย่างเดียวมันไม่พอ จะไประดับโลกได้มันต้องสู้กว่าชาวบ้านเขาอะครับ
ดูหนังของ จิม แครี่ ครั้งแรกเรื่อง Ace Ventura: When Nature Calls แล้วไม่ชอบ หลังจากนั้นก็ไม่เคยชอบหนังของ จิม แครี่ ไม่ว่าเรื่องไหน ไม่เคยอยากดูหนังที่ จิม แครี่แสดง (แต่บางครั้งจำเป็น) รู้สึกว่านักแสดงคนนี้เฟคสุด ๆ
ไร้สาระนะทำเพื่อนร่วมงานทีมงานทำงานยาก เข้าถึงตัวละครเฉพาะหน้ากล้องพอ ถ้าฝีมือดี
ไม่มีใครสามารถที่จะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราเองได้หรอก ทุกการกระทำล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจทั้งนั้น ว่าที่ทำอะไรไปชั้นก็แค่พยายาม Acting อยู่
ยกเว้นว่า มีวิญญาณของคนที่เราจะแสดงเป็นเค้ามาสิงร่างเรา หรือเป็นโรคหลายบุคลิกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อันนั้นถึงจะกลายเป็นคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์
วิญญานนี่งมงายเเล้ว ในทางการเเพทหลายบุคลิคมีจริงๆครับ ลองศึกษาการเเพทเยอะๆ
เหมือนการทำงานบริหารบ้านเมืองห่วยๆ แต่ก็เอาคำว่าคนดี กับรักชาติมาเป็นข้ออ้าง
คิดถึงเสียงพี่จีนอ่า ไม่ได้เข้ามาฟังนาน
ขอเรื่องเกี่ยวกับ แอนดี้ ฮอฟแมน คับบบ
มันก็เเล้วเเต่คนถ้าออกมาดีก็เเล้วไป เเค่บางครั้งมันมากเกิน555
ไอซ์ซึ ไงคะ คนไทยที่ใช้ Method Acting
Method acting ในเมืองไทยก็มี พี่น้อย วงพรู แล้วหนึ่ง อย่างตอนเล่นขุนพันธ์ก็มีพูดถึงอยู่ครับ
ที่ จิม แครี่ย์ โดนวิจารณ์เยอะ เพราะทำวุ่นว่ยขนาดนั้น ผลงานที่ออกมามันก็ดี.....แค่ประมาณหนึ่งอ่ะ
ตัดไปที่แดเนียล เดย์-ลูอิส มีใครกล้าตำหนิแกไหมล่ะ ก็ไม่ ถ้าคิดจะเล่นใหญ่ก็ต้องทำผลงานออกมาให้ได้ระดับนั้น
นี่ถ้ามารค์รัฟฟาโร่ใช้แมททอดแอค นี่คงกระโดดเกาะตึกเป็นอัยตัวเขียวตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาก็น่าสนุกนะ555
The grimp เล่าซ้ำหลายรอบมากนะ
พี่น้อยพรูนี่หนักเลย 555+
จริง สำหรับจิม แครี่ ผมมองว่าเกินเหตุ แอคติ้ง โอเวอร์ เกิน
นักแสดงแทบทุกคนเหมือนจะเป็นนะครับ มันอินกับบทบาท นักแสดงไทยหลายคนก็เป็นคุณใบเฟิร์น ก็เคยเปิดเผยเรื่องนี้ว่าเราเวลาถ่ายนานๆจะอินกับบทจนออกจากคาแรคเตอร์ไม่ได้จนต้องไปพบจิตแพทย์
เอาจริงไปตอนดูผมพยายามหลอกตัวเองว่า จอนนี่ แสดง คือไม่อินกับการเปลี่ยนตัวระหว่างภาค คือทั้งเรื่องพยายามหลอกตัวเองว่าเป้นจอนนี่555
แล้วแต่คนจะมองครับ...แต่ผมชอบนักแสดงที่ทุ่มเท. อย่าง คริสเตียน เบล
ชื่อหัวข้อโหดจัด
แน่นอนว่าจากความสำเร็จตลอดเวลาที่ผ่านมามันบอกอยู่แล้วว่าจิมแคร์รี่ย์เขาไม่ธรรมดา แต่จากใจคนที่ไม่ได้มีความรู้ด้านการแสดงเลยอย่างผม จิมเขาก็ยังเป็นจิมอยู่นั่นหล่ะตัวตนของเขามันชัดมาก ไม่ว่าจะเล่นเป็นตัวละครไหนก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขากลายเป็นคนอื่นแต่ประการใดแต่เป็นจิมแคร์รี่ย์ในอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น
ผมนึกถึงพี่น้อยวงพรูขึ้นมาเลยครับ
เห็นต่างนะครับ จิม แคร์รี่ แอตติ้งดีนะครับ เห็นได้ชัดจากหนังแนวดราม่า อย่าง the truman show นี่ก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเป็นคนล่ะคนกับตัวละครอื่นๆในหนังคอมเมดี้ที่ฮิตๆของเขา
เห็นต่างครับ ลองดูให้ครบหมดจะรู้ว่านอกจากหนังปั่นๆ จะต่างจากบางเรื่องมากๆ ยิ่งตอนเล่นดราม่านี่ก็ไม่เหมทอนภาพจำซักนิดครับ
ตัวจริงจิมแกดูเป็นคนนิ่งๆ ซีเรียสนะครับ เคยดูแกออกรายการสัมภาษณ์
มันก็แค่กระแสของยุคนั้นที่คนปั่นกันเองว่ามันดี มันเจ๋ง ถ้าลองมาทำแบบนั้นในยุคนี้ดูเหอะ โดนไล่เหละ ไร้สาระ5555
บ้างคนก็มีภูมิคุ้มกันนะต่อให้ได้บทที่หลุดโลกขนาดไหนแต่ถ้าผู้กำกับสั่งคัทเค้าก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
ไม่ใช่ว่าการแสดงแบบMAคนจะสรรเสริญไรขนาดนั้นหรอกเพียงแค่ไปคุยว่าไม่ชอบเพราะแบบนั้นแบบนี้ก็โดนติ่งรุมด่าแล้ว อย่างผมคนหนึ่งแหละถึงไม่สนใจมันหรอกดาราคนไหนจะแสดงMethod Acting
ก็จริง คำว่านักแสดงก็ต้อง เปิดปิดการแสดงได้สิ ไม่งั้นจะเรียกว่าแสดงได้อย่างไร ส่วนหนึ่งก็คิดว่าอีโก้วัยคะนองและบรรยากาศก็มีส่วนเช่นกันที่จะทำให้คนบางคนสามารถทำอะไรก็ได้ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่านิสัยจะเปลี่ยนไม่ได้ เมื่อโตขึ้นทุกอย่างรอบตัวก็จะทำให้เข้าใจเอง อารมณ์มันก็คล้ายๆไปกินเหล้ากับเพื่อนแล้วเต้นแบบสุดเหวี่ยงทั้งๆที่ตัวจริงอาจจะขี้อายก็ได้
มีนักแสดงไทย สาย method acting บ้างไหม
พี่น้อยวงพรูไงครับ
11:37
ไม่ใช่ข่าวลือค่ะ แต่เป็นเรื่องจริงจากปากของเจ้าตัวเอง
เขาหมั่นไส้ Jim Carrey ในกองถ่ายมานานแล้ว
ไหนๆฉากนี้ก็จะได้ตบคืน ก็เลยซัดซะเต็มแรงเลย
12:08
ตอนนั้นข่าวดังมากค่ะ เราก็ดูข่าวอยู่
Lawler กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนดูข่าวไปเลย
ทั้งๆที่ Jim Carrey ถ่มน้ำลายใส่หน้า Lawler ก่อนแท้ๆ
ตอนจบแอบนึกถึง เดอะสเน็ค ที่ผกก.ให้สัมภาษณ์ใน Shifter แต่คงไม่เกี่ยวกันหรอกเนอะ
ใช่ๆครับ เหมือนกันเลย
บทสรุปผมตอนจบผมสะอึกเลยฮะ ในฐานะพยายามทำเพลงแต่ไม่เคยแมส😢
เคยดู เรื่อง หลอนนอนไม่หลับ คริสเตียนเบล 😱
Mark K. เก่งจัด
สำหรับเรานักแสดงมืออาชีพตอนนี้ ยกให้ ออสการ์ ไอแซค จาก moonknight คะ เล่นเป็นคนสองบุคคลิคชัดเจน แยกออกใครเป็นใคร สั่งคัท ก็ไม่เห็นเขาจะอินอยู่กับบทเลย เราเข้าไปดูเบื้องหลังในยูทูปนี่แหละ
การทำการบ้านเกี่ยวกับการศึกษาตัวละครมันก็ดี แต่ถ้ามากไปจนรบกวนคนอื่นหรือเดือดร้อนตัวเองก็ไม่ดี
เอาเป็นว่าป๋าไหนฉันก็โอเค เพราะนางใช่ทั้งคู่และฉันก็เป็นแฟนทั้งสองป๋า
เทพจริงต้องไม่ท่องบท ฮาฮา บ้าบอจริง
method action คิดว่าในกรณีที่ต้องโฟกัสตัวละครตัวไหนตัวหนึ่งมากๆ หรือบทที่ต้องการตัวละครซักหนึ่งตัวมาเป็นคนแบกหนังทั้งเรื่องถึงจะคุ้มค่าแสดง เพราะมีทั้งทีมงานหรือนักแสดงที่ไม่อยากร่วมงานกันนักแสดงที่ใช้วิธีการนี้ เหมือนว่าทำงานกันเหนื่อยและยากขึ้น.
👍🏻👍🏻
ไม่ดีนะผมว่าแกหนังรายได้แย่ถ้าภาคสุดท้ายจริงๆคงปิดตำนานไปเลยแบบปิดฝาโรงเลยเพราะจอนี้เดฟเล่นดีเกิน แต่พี่แกมาแนวดาร์กไม่เหมาะกับบทมันเหมือนเป็นตัวละครคนละตัวไปเลยใครรู้สึกอินผมไม่อ่ะแต่เรื่องอื่นพี่แกเล่นบทโหดๆดาร์กเข้ามากไอหนังแนวนี้มันมันไม่ใช่หนังสายดาร์กเลยแม่งไม่เข้าอ่ะไอเวอเดอมอยังดูอินกว่าเลย
สำหรับผมจะ Method หรือ เป็นการแสดงวิธีไหนก็ตามไม่ควรทำให้ใครเดือดร้อนในการทำงานถ้าหากมีใครต้องมาได้รับผลกระทบในทางที่ไม่ดีในสิ่งที่คุณได้ทำอย่างตั้งใจและไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วสำหรับผมนั่นคือความไม่เป็นมืออาชีพ
เนี้ยคือนักแสดงอัจฉริยะ
เท่าที่พอจะจับสังเกตุได้
คนที่ออกมาโจมตีศาสตร์การแสดง
ส่วนมากจะเคยใช้วิธีนี้มาก่อน
มันทำให้เห็นว่า การกระทำนี้มันอาจให้ผลลัพธ์ ได้ไม่คุ้มเสีย
ทางสายกลางครับ😂❤
นึกถึง Jared Leto
Method เท่าที่ต้องการ แต่ไม่ต้องทำเกินจำเป็น
จิมแครี่ ถ้าเป็นโจ๊กเกอร์ล่ะ😂
ถ้าเอานักแสดงออสก้ามา2คน
คน1 การทำงานราบเรียบ สามารถสวิตช์อารมณ์ได้ ทุกคนhappy
คน2 วุ่นวาย น่ารำคาญ สร้างความเสียหาย
ทั้ง2มีผลงานออกมาดีทั้งคู่ ได้รับรางวัลทั้งคู่
ถามว่า ใครเรียกว่า "มืออาชีพ" กว่ากัน
คนที่1อยู่แว้ว
ผมว่า Methot acting มันสุดโต่งเกินไปจนทำให้ตัวเองหรือคนรอบข้างเดือดร้อน การจะทำอะไรให้ออกมาดีมันไม่จำเป็นต้องสุดโต่งเลย เพราะต่อให้มันออกมาดี แต่ที่สิ่งที่ต้องแลกไปผมว่าแม่งโคตรไม่คุ้ม ทั้งสุขภาพจิต สุขภาพกาย ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว เวลาที่เสียไปกับการปรับตัวกับมาปกติ คือต้องแลกทุกอย่างนี้เพื่อความอินในการแสดง ผมว่ามันก็ดูเห็นแก่ตัวและบ้าเกินไป
มาดีทั้งคลิปแต่จบไม่สวยเอาซะเลยนะครับ ถ้าคุณตัดสินคนศิลปินแบบนึั จ่อจากนี้ไป คุณจะได้รับการตัดสินการทำคลิปจากผมแน่นอนครับ หึหึหึ
เหมือนเล่น GTA V Roleplay ตอนนี้เลย
มาร์ติน พูดถูกครับ