ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์ที่เป็นห่วง และให้กำลังใจนะคะ เราไม่รู้หรอกนะว่า คำว่า "ทรมาน" ของแต่ละคนมันคือแค่ไหน แต่เราสำหรับเรา การโดนเพิกเฉย การเหลือเป็นเศษ และอื่นๆที่ไม่ได้เล่าไปในคลิป โดนแบบนี้ซ้ำกันทุกวัน มันค่อนข้างกระทบจิตใจมาก แต่ถ้าดูจนจบคลิปจริงๆ จะรู้ว่าเราแก้ไขสถานการณ์ยังไงบ้าง เราเข้าหาคนอื่น เราปรับตัวอะไรยังไงบ้าง หลายๆ คอมเม้นอาจจะบอกว่า work life balance เป็นแค่เรื่องตลก แต่เราสำหรับเรา ที่เราเชื่อมั่นในคำนี้ เพราะเราเคยทำงานหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล เราคิดว่า เงินหามาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่สุขภาพทีเสียไปไม่สามารถเรียกคืนได้ เราจึงให้ความสำคัญกับคำนี้มาก สุดท้ายนี้ เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องราว เมื่อ 3 ปีก่อนค่ะ ปัจจุบันนี้เราทำงานที่เรามีความสุข มี work life balance ตามที่เราต้องการ สิ่งที่ผ่านมาก็นับประสบการณ์ที่มีประโยชน์ ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี แต่มันก็คือสิ่งทีทำให้เราได้เรียนรู้ และเติบโตขึ้นค่ะ😊
@@rumaon เอ้า ก็ work life balance คือการทำให้ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวมีความสุขไม่ใช่หรอ แล้วที่เขาอยากเลิกงานตรงเวลามันก็ไม่ใช่ความผิดอะไร กลับกัน การที่เขาได้รับสารว่าเลิกงานเท่านี้ แต่เอาเข้าจริงเจออีกอย่าง แล้วเลิกงานดึก บ้านก็อยู่ไกล กว่าจะเดินทางกลับบ้าน กว่าจะจัดแจงตัวเองจนเข้านอน มันเหนื่อยไง เจ้าตัวเขาก็พูดว่ามันไม่โอเค ซึ่งมันขัดกับหลัก work life balance ในแบบของเขาไง คือบรรทัดฐานแต่ละคนมันไม่เท่ากันอยู่แล้ว การที่จะเอาสิ่งที่คุณคิดอย่างเดียวมาเปรียบเทียบกับคนอื่นไปซะทุกอย่างมันไม่ได้ คุณคิดว่าคนที่ทำงานเกินเวลามีความสุข มันก็มี แต่คนที่ไม่โอเคกับการไม่ได้เลิกงานตรงเวลา ก็มีเยอะไง เราไม่ใช่fcช่องนี้ แต่สนใจหัวเรื่องก็เลยเข้ามาดู เราก็เข้าใจในมุมมองของเขานะ และรู้ด้วยว่าเด็กจุฬามีการแข่งขันสูงขนาดไหน แต่เราว่าจริงๆเจ้าตัวเขาไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่ละคนการเลี้ยงดูมันไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมุมมอง คุณควรมองโลกให้กว้างกว่านี้ อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจนเกินไป เราไม่รู้นะว่าคุณไปพิมพ์อะไรก่อนหน้านี้ ถึงมีคนมารุมมว่า แต่จากคอมเม้นท์ที่คุณแสดงความเห็นอยู่นี่ เราก็ว่าไม่โอเคเหมือนกัน ....สุดท้ายนี้การบอกว่าตัวเองเคยทำงานหนักแล้วป่วย ไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจหรือมาพูดโอ้อวดอะไรเลย แต่ก็สู้ๆนะ ถ้ามีความสุขกับสิ่งแบบนั้นก็ทำต่อไป
@@rumaon สรุป คุณก็ยังตอบผมไม่ได้ ฮ่าๆถ้าคุณเป็นหัวก็เชิญเอาลูกน้องขยันทำงานไปเถอะ แต่การขยันอย่างเดียวแต่ไม่มีประสิทธิภาพมันก็ไปต่อไม่ได้ คุณก็รอดูเองละกัน
ใช่ครับพูดถูก 1.ทรมานของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนล้วนมีขีดจำกัดในตัวเอง ซึ่งคนรับฟังก็ไม่ควรมาเกทับ เกทับเพื่ออะไรให้ ให้ตัวเองดูสูงขึ้นหรอ หรือว่า ชอบที่จะชนะว่าเราทรมานกว่า? 2.WLB เป็นเรื่องซีเรียส เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายเรา ยิ่งสมัยนี้ผมเชื่อว่าคนคนนึงจะทำงานไม่แค่งานเดียว ส่วนตัวผมมองว่า วัฒนธรรมญี่ปุ่นพวกรุ่นพี่อะ ไร้ค่ามาก จะแก่แค่ไหนแต่สมองหรือการควบคุมอารมณ์ไม่เป็นเหมือนเด็ก ผมก็ไม่นับถือนะ ผมมีรุ่นน้องแต่เขาเก่งละฉลาดในการพูดคุยมาก คนแบบนี้ถึงจะน่านับถือ
@@nidnoitongmee5362 มันก็แค่ประสบการณ์ของเขารึเปล่าอ่ะ มันเป็นอดีตเขามีสิทธิที่จะบ่นไหมอ่ะ ?ถ้าเขาอยู่ที่ใหม่ ที่มี Work life balance ดีกว่าเดือนเงินสูงกว่า ทำไมเขาถึงจะบ่นถึงที่เก่าไม่ได้ ?แล้วไอการให้ลูกน้องมาทำงาน 12 ชั่วโมงแทบทุกวัน ไม่เคยคิดรึไงว่า งานอาจไม่มีคุณภาพ
@@pppd4953 เขาพิมพ์ว่าอะไรหรอคะเหมือนเขาจะลบเม้นหนีไปแล้ว
ประเทศญี่ปุ่นก็เหมือนนาฬิกาหรู ภายนอกดูสวยงามมาก แต่ถ้าเปิดดูภายในมันไม่ได้สวยอย่างที่คิด คุณจะเห็นฟันเฟืองเต็มไปหมด และเฟืองเหล่านั้นไม่เคยหยุดทำงาน
เปรียบเทียบดีมาก
แต่เรามองว่าฟันเฟืองมันมหัศจรรย์และสวยงามมากเลยนะ (หมายถึงเฟืองจริง ๆ )
สเน่ห์ของนาฬิกาคือฟันเฟืองกลไกการทำงานของมัน ภายนอกดูดีเพราะภายในงดงามมีประสิทธิภาพ☺️
@@สุภาวดีสร้อยสุวรรณ-ผ7ท จริงที่สุดครับ เพราะภายในทุ่มเทมาก ภายนอกจึงออกมาดี
@@Rpjpond ใช่ครับผมก็ชอบความปราณีตและงดงามของเฟือง แต่ในเชิงเปรียบเทียบถ้าเรากลายเป็นเฟืองที่ทำงานอยู่ในนั้น มุมมองจะเปลี่ยนแน่ๆ
ญป เป็นคนที่บ้าเชื้อชาติ เค้าไม่ได้ friendly อย่างที่แสดงออกค่ะ เค้าแค่ต้องแสดงว่าเป็นคนดีมีนำ้ใจแต่ลึกๆคือ เหยียดนะ เราทำงานกับคน ญป มา 15 ปี ก็ปรับตัวได้ คบแค่เรื่องงาน อย่าไปให้ใจหรือจริงจังอะไรมาก แต่เรื่องทำงาน คือ ดี มีระเบียบ และมาตรฐาน และหนักมาก คนที่ไม่ชอบทำงานหนัก จะไม่ชอบ 55 ส่วนเรื่องเลิกงานเป็นเรื่องปกติค่ะ ถ้าหัวหน้าไม่ลุก ก็ไม่ควรกลับ ถ้ารับจุดนี้ไม่ได้ ไม่ควรทำงานกับบริษัท ญป ค่ะ เพราะจะมีผลกับการประเมิน จ้า btw น้องเก่งมากค่ะ 👍👍👍
หัวหน้าไม่อยากรีบกลับบ้างหรอครับ
คุณ@kanyathon koshay..# คุณเก่งมากที่คิดและวิเคราะห์เป็น(คงเป็นเพราะคุณทำงานกับคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน และเราก็เช่นเดียว และคิดแบบเดียวกับคุณค่ะ)
ดูมาเมืองไทยเวลาเที่ยว น่าจะเหยียดผู้หญิงกลางคืนเป็นแค่ของเล่นเลยหละ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ไม่แปลกใจว่าทำไมแทบทั้งประเทศอวยฝรั่งแต่พูดฝรั่งแทบไม่เป็น
สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ต้องการความรับผิดชอบต่อส่วนรวมสูงมาก ( ในใจคิด-รู้สึกยังไงคนละประเด็นกันนะ) คนที่ปรับตัวได้ก็ยินดีด้วย และก็ไม่ใช่ความผิดของคนที่รู้สึกไม่ถูกจริตกับสังคมแบบนี้เช่นกัน ทุกเชื้อชาติมีทั้งคนดีและไม่ดีเคยร่วมงานกับคน ญป. อยู่ประมาณ 2 ปี 2 ที่ทำงาน เจอทั้งแบบดีและไม่ดี แบบไม่ดีเขาจะมี กลุ่มคน ญป. ของเค้า และจะมองว่าเราอยู่ในเลเวลที่ต่ำกว่า เช่น รุ่นพี่ ผญ. ไทยที่ทำงานด้วยกันโดน ผช. ญป. ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ผจก. ให้กดชักโครกให้ตอนเช้า หลังๆ ก็หาวิธีเอาตัวรอดจนได้ 😅เน้นว่าคนญี่ปุ่นก็เป็นคนปรกติเหมือนทุกเชื้อชาติมีดี-ไม่ดีปะปนกัน อาจจะเป็นที่จังหวะชีวิตเราว่าจะเหวี่ยงคนแบบไหนเข้ามาในชีวิตมากกว่า 😂
สำหรับคนไทย ญี่ปุ่นน่าเที่ยว น่าอยู่ระยะสั้น ไม่ได้น่าทำงาน หรืออยู่ระยะยาว ปล การทำงานจริงหนักและหักเหลี่ยมเฉือนคมกว่านี้เยอะ การเลิกงานสองทุ่ม-ตีสองเป็นเรื่องปกติมาก งานจริงมีกรอบเวลา ลค ไม่สนหรอกว่าคุณจะเหนื่อย ถ้าคนออกแบบจบงานไม่ได้ คนอีกเป็นร้อยก็ทำงานต่อไม่ได้ เท่ที่น้องเล่ามา บอกเลยว่าโคตรชิล
สู้ไทยก็ไม่ได้ หน้างานทำไปก่อน แบบตามมาทีหลัง หน้างานมาเร่งแบบด้วยทำแบบไวๆ หน่อย ทุ้ย ระบบ
@@workhardplayharder4924 พยายามเรียนรู้หน่อย ว่าญี่ปุ่นก็มีมุมเสียในระบบต่าง ๆ ของเขาอยู่เหมือนกัน อย่าพยายามกลบข้อเสียจากประเทศที่ตัวเองรัก ด้วยการแซะเรื่องอื่นของไทยเลย มันอนาถใจ
จริงที่สุด
@@tonygooog1887 ปกติของพวกเบียวอนิเมะครับคลั่งญี่ปุ่น ญี่ปุ่นดีทุกอย่าง สมบูรณ์แบบ ต่อให้มีคนมาแชร์ประสบการณ์มันก็จะเกทับแล้วบอก ดีกว่าประเทศไทยงั้นงู้นดูประเทศตัวเองก่อน
@@pololotusayasaki9791 เห็นด้วยครับ
ผมเป็นลูกครึ่งคนญี่ปุ่นครับ คุณแม่ผมเป็นคนญี่ปุ่นและผมจะเข้าใจดีกับสังของเขา ถ้าคุณแม่ผมบอกว่าเจอกัน 7:00 น ผมต้องมาก่อน30 นาทีครับในโรงเรียนญี่ปุ่นเด็กนักเรียนจะเป็นคนที่ทำความสะอาดในห้องนักเรียนห้องน้ำและครัวครับ เขาสร้างวินัยให้คนมีความทนทานและเป็นคนที่มีประโยชน์กับสังคมครับประเทศเขามีระเบียบเพราะประชาชนเขาลงทุนกับงานและประเทศของเขาด้วยครับ สิ่งที่คุณกำลังบ่นว่าเป็นสิ่งที่เหนื่อยสำหรับคุณเป็นสิ่งที่ปกติสำหรับเขา ผมให้คุณแม่ดูวีดีโอนี้ เขาบอกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนญี่ปุ่นครับ เขาไม่เห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าเหนื่อยครับ แต่ถ้าจะให้คุณพ่อที่เป็นคนไทยดูวีดีโอนี้เขาก็จะบอกว่าเหนื่อยมากแต่คุณพ่อก็จะยอมรับว่าเขาขี้เกียจครับ เอาเป็นว่าwork ethicระหว่างสองประเทศไม่เหมือนกันครับ
ญี่ปุ่นขี้อายมากและพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ต้องมาฝึกโซนยุโรปนะคะ คนละความรู้สึกเลย เราฝึกงานที่นอร์เวย์กลับเข้าออกตรงเวลาเป๊ะค่ะ😅 และเค้าไม่ค่อยจู้จี้ขอแค่รับผืดชอบหน้าที่ตัวเองพอ หัวหน้าก็สบายๆเหมือนเพื่อนๆกัน สงสัยอะไรก็ถามไปเลยค่ะ แถมกฏหมายบังคับห้ามอยู่เกิน1ชั่วโมงหลังเลิกงาน ถ้าเกินบริษัทต้องจ่ายโอที ซึ่งฝรั่งเคัาไม่อยากจ่ายเงิน มีแต่ไล่เรากลับบ้านเร็ว เข้าทางเราเลย🤣🤣
555ดีจัง😂❤
จริง นี่เคยทำงาน บ.นอร์เวย์ในไทย เจ้านายดีมาก ใจดี และจะขอโทษเสมอถ้าโทรหาเราหลัง 5 โมง เค้าเกรงใจมาก เสียดาย เค้าขายกิจการ ไม่งั้นคงทำงานที่นี่ไปตลอด
ญี่ปุ่นชาตินิยมค่ะเขาไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษหรอก แต่ก็พูดได้นะเราเคยเจอกับตัวไปซื้อของที่ช็อป ถามเป็นภาษาอังกฤษเขาไม่พูดด้วย แต่พาไปชี้ให้ดูแล้วเดินหนีเฉย🙉
เรื่องงานต้องยกให้ยุโรปเลยครับดีมากๆ ญี่ปุ่นเรื่องงานนี้เครียดตายได้เลย
เราว่าไม่เสมอไปค่ะ คนญี่ปุ่นพูดกันไม่ได้เพราะเรื่องไวยากรณ์ และ การออกเสียงของ2 ประเทศนี้ต่างกันมากเลยค่ะ เราเรียนญี่ปุ่นในระยะสั้นๆ +มีพื้นฐานอังกฤษกล้าพูดเลยค่ะต่างกันหลายจุด@@milanmilan9495
วัฒนธรรมคนญี่ปุ่นครับ ชาตินิยมไว้ก่อน แต่เมื่อไหร่ที่เค้ามองว่าเราเป็นเพื่อน เป็นคนที่ไว้ใจได้ เค้าจะให้หมดใจเลยครับ และยังแถมเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและกลุ่มของเค้าอีก กี่สิบปีก็ไม่เคยเปลี่ยน
เห็นด้วยครับ ดีกับผมซะจนคิดว่าชาติที่แล้วเคยไปทำดีอะไรกับเขาไว้
เข้าใจความรู้สึกเลยครับ1.ถัานั่งกันหลายๆคน ต่อให้เลิกงานแล้ว ถ้าผู้ใหญ่กว่ายังไม่ลุก อย่าคิดริอาจลุก (แต่ผมเองก็เปิดแบบไม่เกรงใจเขาเสมอ)2. เรื่องนอกในนี้ จริงที่สุดครับ ถ้าเราไม่ใช่ญี่ปุ่นไม่ว่าจะตำแหน่งไหน อายุเท่าไหร่ ภาษาญี่ปุ่นเก่งแค่ไหน ก็เปนได้แค่คนนอก ในขณะที่ ญี่ปุ่นคนอื่นเป็นผู้น้อยกว่าจะได้รับสิทธิ์มากกว่าอยู่ดี
หลังจากที่ลูกโดยไม่เกรงใจ โดนเขานินทราป่าวคะ หรือคนญี่ปุ่นเขาไม่นินทรา
@@ลู่ซือ-ซ3ต ที่เก่าผมโดนนินทา บางทีมีเหน็บแนม , แต่ที่ทำอยู่ปัจจุบันคือเลิกงานแล้วลุกได้ทันทีเลยไม่ต้องนั่งต่อเลย
@@ลู่ซือ-ซ3ต เราเคยทำพาทไทม์ โดนนินทาต่อหน้าเลยจ้าาา 🤣 ถามว่าแคร์ไหม อย่าไปแคร์ค่ะ เคยเจอหัวหน้าใหญ่ด่าค่ะ แค่เรื่องไม่รู้ว่าต้องเก็บลังตรงไหน ด่าเราเสร็จ ไปด่าหัวหน้าเราต่ออีกที เขาคงคิดว่านางอันนี้ฟังไม่ออกแน่ๆ เลยไปด่าหัวหน้าเรา 😂 และอื่นๆอีกมากมาย (นี่แค่พาทไทม์ค่ะ เป็นพาทไทม์พนักงานโรงแรมค่ะ)
@@kirasouda8778 พึ่งเจอใน ตต วันนี้เลยค่ะเขาบอกคนญี่ปุ่นนินทราต่อหน้า เป็นเราคงแบบท้อเลยไปต่างบ้านต่างเมือง ยังไปถูกเจ้าบ้านด่าอีก
@@ลู่ซือ-ซ3ต เท่าที่เราเจอนะ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยชอบเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ 😂 ตอนไปแลกเปลี่ยนมีคลาสนึงที่รวมหลายมหาลัย กลุ่มเรามี ญี่ จีน แคนาดา เรา(ไทย) กัมพูชา เรากับเพื่อนกัมพูชานั่งมองหน้ากันเลย ญี่ปุ่นไม่ชวนคุยด้วยเลย คงคิดว่าเราพูดไม่ได้มั้ง แต่เราก็ทำได้แต่คุยญี่กับเพื่อนกัมพูชากันอยู่ 2คน 😂 และที่เราโดนญี่ปุ่นเหยียดอีกมากมายยยยย เจอตอนสมัยไปแลกเปลี่ยน แต่คิดว่าเพราะไปเมืองเล็กๆไม่ใช่เมืองใหญ่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เลยเจอมั้งนะ 😂
ผมเป็นวิศวกรที่ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นปีกว่าเมื่อ20ปีก่อน พูดญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ตอนแรกจนพูดได้ การtreatsที่ผมได้รับต่างจากน้องมาก ผมจะปรับตัวให้เหมือนคนญี่ปุ่นหรือแทบจะทำงานหนักกว่า ดีกว่าคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ จนคนทั้งบริษัทยอมรับและมองผมเป็นคนญี่ปุ่นไปเลย ต่างกับเพื่อนคนไทยที่ไปด้วยกันที่ติดนิสัยคนไทยคือสบายๆ ทำอะไรก็ไม่จริงจัง ทำให้คนญี่ปุ่นไม่ชอบเพื่อนผมและมองเหมือนเป็นคนอีกชนชั้นนึง สังคมญี่ปุ่นชอบอะไรที่มีระเบียบวินัยนะครับ ถ้าจะไปแสดงออกตามนิสัยคนไทย จะไม่ได้รับการยอมรับ
พอเจอระเบียบวินัยหน่อย บ่นกันใหญ่คนไทย ทำงานมันต้องจริงจังหรือเปล่าน่ะ แปลกใจจัง
สังคมเค้าไม่ต้อนรับคนต่างชาติเหรอครับ ไม่แปลกพวกคนจีนชอบบอกคนญี่ปุ่นซ่อนดาบในรอยยิ้ม ยิ่งนอบน้อมยิ่งต้องระวัง ผมไม่ชอบคอมมี่จีนนะแต่ต้องยอมรับคนจีนคบง่ายกว่าเยอะ คนเกาหลีก็ไม่ต่างมองเหยียดตัเงแต่หัวยันเท้าเลยจากนั้นไม่เคยไปเหยียบอีกเลย แต่ญี่ปุ่นเที่ยวสนุก และกลับคนญี่ปุ่นที่ออกมาอยู่นอกประเทศหรือชอบเที่ยวต่างประเทศ คนพวกนี้ทัศนคติดีมากคือเบิกเนตรแล้วมุมมองกว้างไกลกว่าคนในสังคมทั่วไปของญี่ปุ่นละมั้ง ไม่แปลกที่บ้านเค้าจะมีพวกเก็บตัวกับพวกฆ่าตัวตายเยอะ สังคมเค้าโหดร้ายมาก
จีนพูดง่ายกว่าจริงครับทำงานด้วยเป็นกันเองแต่แม้งงกจัดบริษัทมีกำไรแต่ปิดบัญชีจ่ายโบนัสนิดเดียวแต่ญี่ปุ่นโปร่งใสเรื่องบัญชีโบนัสสูงกว่าทุกบริษัทต่างชาติ
แต่ถ้าเป็นต่างประเทศไปทำงานผมมองว่าญี่ปุ่นมีสวัสดิการดีกว่าทุกชาติในเอเชียครับเขาไม่ให้คนงานอยู่แบบสลัมหรอกที่พักโรงบาลพร้อม
ผมเคยไปทำงานเป็น Creative ที่ญี่ปุ่นหลายปีนะครับ (บริษัทแม่ที่ไทยส่งไป) สังคมการทำงานที่นั่น เลิกคิดเรื่อง Work Life Balance ไปได้เลย เรื่องระเบียบในการทำงาน การทำงานหนัก กลับบ้านดึก เป็นเรื่องปกติในทุกๆ วันครับ (ที่นั่นการกลับบ้านเร็วเป็นเรื่องไม่ปกติ 555) ส่วนเรื่องการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน น่าจะแล้วแต่บริษัทมากกว่า เพราะอย่างที่บริษัทผม หัวหน้า เพื่อนร่วมงานดีมาก ให้เกียรติเราเท่าเทียมหรืออาจจะดีกว่าคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ อันนี้ลองแชร์ในอีกแง่มุมนะครับ
5555 ผมก็เป็นครีเอทีฟครับ เคยทำงาน บ.ญี่ปุ่นในเมืองไทย เห็นด้วยกับเม้นนี้ และขอพูดประเด็น Work Life Balance นิดนึง ...เวลามีเด็กมาสมัครงานกับผมแล้วขอเรื่อง Work Life Balance ซึ่งมันก็เป็น iDeal ขอทุกคนอ่ะนะ ไม่ผิด แต่ผมจะรู้สึกแปลกๆว่า เอิ่ม... ตกลงAttitudeคุณเป็นไงนะ? คุณขยันมั้ย รักงานมั้ยเนี่ยะ 555แล้วสายงานประเภทนี้ มันเป็นงานอาร์ตไง จบง่ายซะที่ไหน ไม่ใช่งานบัญชี 1+1=2 ถูกต้อง จบ กลับบ้านได้ 5555
@@puriratanakorn9639บัญชีก็จบยากน่ะ ระบบภาษีเปลี่ยนตลอด เราจะเห็นว่า หลายๆ ที่ เลิกงานเร็ว แต่จริงๆ ต้องมานั่งเก็บงานอีกเป็นชั่วโมง ชาวบ้านทำงานไปข้างหน้า บัญชีคอยเก็บงานของทุกๆแผนกอยู่ข้างหลัง ซึ่งการตามงาน ตามบิลจากคนที่ไร้ความรับผิดชอบ มันเหนื่อยใจมาก อยากเบิกก็เบิก ไม่ตรงต่อเวลา ซึ่งระบบการเงิน ผิดแล้วชดเอง เราเขียนหนังสือและทำสนง.บัญชี งานบัญชีมีวันเสร็จ แต่งานครีเอทีฟ จะเสร็จวันไหนก่อน😂
จีนผลิต EV ญี่ปุ่นผลิต AV
จากที่ผมรู้มามีเรื่องเเบบว่าขยันทำงานชั่วโมงฟรีด้วยไหมครับ ประมาณว่าใครทำงานล่วงเวลาฟรี ๆ เยอะ ๆ ยิ่งดูเหมือนคนทุ่มเทให้กับบริษัท
เลิกคิดเรื่องWork life balance????? หืมมม น้องครับที่ญี่ปุ่น%Work life balance สูงกว่าเราอีกนะครับ😅
พึ่งดูน้องครั้งแรกเลย ดูจนจบเลยครับ ผมก็จบสถาปัตมาทำงานสถาปัตอยู่ที่ภูเก็ตเหมือนกัน น้องสาวน่าชื่นชมมากเลยคับ เก่งมากๆเลย เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญมากนิสัยน่ารักมากๆ วางตัวแบบว่าไม่ให้คนไทยเสียชื่อเลย ทำได้ดีมากคับสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงที่อยู่ต่างบ้านต่างเมือง ทำให้คนญี่ปุ่นรู้ว่าคนไทยน่ารักและฝีมืองานสถาปัตคนไทยก็ไม่ได้เป็นรองใครเลย เป็นกำลังใจให้นะครับ✌️
สู้ๆครับ รุ่นพี่ที่จบอักษรศาสตร์จุฬา ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นก็เข็ดกันหมดทุกคน ต่างคนต่างมีเรื่องเล่ามาแชร์กัน ประเทศญี่ปุ่นน่าจะเหมาะกับการไปเที่ยวมากกว่าไปทำงาน
ญี่ปุ่นเหมาะสำหรับ นิวเคลียร์ อีกลูก
@@สายัณห์โสดาวงษ์-พ2ห นั้นมันก็เวอร์ไปครับ มันเป็นเรื่องอ่อนไหวมากถึงการสูญเสียกกับเหตุการณ์ครั้งนั้น ผมว่าเราน่าจะเห็นอกเห็นใจผู้อื่นดีกว่า ในเมื่อคนญี่ปุ่นดีกับเราก็คนมิตรที่ดีกับญี่ปุ่นครับ 🙂
@@สายัณห์โสดาวงษ์-พ2ห ญี่ปุ่นเขาแค่มีวัฒนธรรมที่ทำให้เครียด แต่คุณน่ะ ตรรกป่วยแล้ว
ไปทำงานที่ไหน ก็ควรตระหนักรู้ก่อน ว่า วัฒนธรรม (Culture) และ บรรทัดฐาน (Norms) การใช้ชีวิตของแต่ละที่เป็นอย่างไร จึงจะสามารถปรับตัวได้เร็วไม่มีที่ไหนหรอกครับ ที่ Culture & Norms จะเป็นมาตรฐานเดียวกัน (Standardization).
เราเป็นคนนึงที่ชอบญี่ปุ่นมากๆ ทั้งวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยว แต่ถ้าให้ไปทำงานที่นั่นหรือกินอยู่เรียนที่นั่น เราคงไม่เอาถึงจะชอบแค่ไหนจากที่ฟังมาหลายๆคนนี่คงจะรับควากดดันของสังคมบ้านเขาไม่ไหว🥹
@@Nobitasan777 เราคงสือผิดมั้งคะ งั้นเปลี่ยนจากวัฒนธรรมเป็นพวก อาหาร เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย อะไรแบบนั้นแล้วกันเนอะ พวกที่จับต้องได้
@@junebboo858955555😁😆😅😂🤣
เข้าใจมาก เวลาไปอยู่ญี่ปุ่น ในฐานะนักท่องเที่ยวกับคนทำงานคืออารมณ์ต่างกันมากๆ เวลาไปเที่ยวรู้สึกสนุก ที่นี่น่าอยู่ แต่เวลาไปทำงาน ก็คือคนละแบบ เราแอบคิดว่าเนเจอร์ของคนแต่ละชนชั้น(ส่วนใหญ่) จะไม่ค่อยเหมือนกัน พอไปทำงานที่ ญป ไม่ใช่ว่านิสัยเค้าหรือวิธีการทำงานของเค้าไม่ดีนะ เพียงแต่ว่ามันไม่ค่อยชิน หรือไม่เข้ากับ ไลฟ์สไตล์ของเราแค่นั้นเองซึ่งถ้าเราเกิดหรือเราโตที่ ญป ก็อาจจะมองเรื่องแบบนี้้เป็นเรื่องธรรมดาก็ได้แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าคนไทยทุกคนจะมีนิสัยเหมือนกันหมด ซึ่งอาจจะมีคนที่ชอบทำงานเยอะ หรือมองว่าการทำงานล่วงเวลาไม่ใช่เรื่องเดือดร้อน ก็จะมองว่าเออสังคมการทำงานที่ ญป น่าอยู่จัง ก็ได้นะ
ทรมานวิถี บุชิโด มันโหดร้าย ทำงานจนตัวตาย กับนายเดียว รุ่งก็รุ่งกับบริษัทร่วงก็ร่วงไปด้วยกัน ญี่ปุ่นน่าเที่ยว แต่ไม่น่าทำงาน นิสัยคนไทยไม่ได้ถูกฝึกให้ก้มหัว ถวายชีวิตแบบนั้น แต่ให้ยืนด้วยลำแข็งตัวเองมากกว่า แอดทำถูกแล้ว
ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่คือร้อยล่ะเกือบทั้งร้อย จะไม่ค่อยเปลี่ยนบริษัทหรือเปลื่ยนงานกัน เพราะถ้าคุณเปลี่ยนงาน เวลาสัมภาษณ์งานที่ใหม่ แน่นอนว่าทุกที่เขาจะถามทุกที่ว่าทำไมคุณถึงออกจากงานที่เก่า และถ้าเหตุผลไม่พอฟังได้แล้วล่ะก็ เขาจะถือว่าคุณเป็นคนที่ไม่สู้งาน เป็นคนไม่เอางานเอาการ และถ้าเข้าที่โน้นได้เดือนหรือสองเดือน หรือเข้าได้ปีหรือสองปี แล้วคุณลาออกแล้วล่ะก็ ถ้าเป็นการเปลื่ยนงานแค่บริษัทเดียวหรือสองบริษัท ก็ยังพอได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นที่สามหรือบริษัทที่สี่แล้วล่ะก็ เป็นเรื่องค่อนข้างยากมากที่เขาจะรับคุณเข้าทำงาน และทุกครั้งในการเปลี่ยนไปเริ่มต้นทำงานที่บริษัทใหม่ คุณจะยุ่งยากมากสุดๆในการที่จะปรับตัวให้เข้ากับคนที่เขาอยู่มาก่อนให้ได้ พูดง่ายๆคือคุณจะต้องไปเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่ในการเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าคนเข้าใหม่ จะต้องตั้งใจทำงานแบบไปให้ดีให้ได้ เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะไปเริ่มต้นที่ไหนก็ตาม คุณจะเหนื่อยกับทุกอย่างมากกว่า จนกว่าจะปรับตัวให้เข้ากับทุกคนและทุกอย่างได้ค่ะ
นับว่าโชคดีมาก ที่ได้งานที่สามารถทำได้ ส่วนผมทำงานในไทยนี่แหละ เจองานแรก ๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงด้วยซ้ำ คลำอยู่นานสัก 2 เดือนค่อยเจอ พูดภาษาไทยได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ทำต้องลองทำเองครับ แต่ก็ผ่านมาได้นานมากแล้วแต่ยังจำได้ดี คิดเพียงว่าได้ของเล่นใหม่ ไม่เคยคิดว่าทำงานเลยจนเดี๋ยวนี้
เรื่องการทำงานผมเคยทำงานที่ ญป มาหลายปีครับ เจอหนักกว่าที่น้องเล่าอีกครับ ทั้งโดนด่า โดนใช้โหด ไม่พอใจที่เราสื่อสารไม่ได้ ปัจจุบันย้ายกลับไทยเรียบร้อย
ไป ทำงาน ประเทศ เขา เขาไม่เป็น มิตรกับเราหรอก เขาคิดว่า เรา ไป แย่งงาน คน ประเทศเขา
บางทีไม่มีอะไรทำก็ต้องฝืนให้ตัวเองดูมีอะไรทำประชุม3-4ชม.แต่มีแต่น้ำ นี่ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโดนเกาหลีกับจีนแย่งตลาดจนอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆเมื่อก่อนผมเคยเป็นล่ามบริษัทรถที่นึง รัฐบาลจะให้ทำรถไฟฟ้า แต่เค้ากลัวพาร์ทเนอร์ปรับตัวไม่ทันก็เลยไม่ผลิตตอนนี้ตลาดรถไฟฟ้าโดนเมกากับจีนเอาไปหมดละ
@@theseastarless4798 กลับกันไทยเราอวยหนักมาก เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่ง 😂
@@theseastarless4798 ทำไมเขาไม่คิดกลับกันบ้างล่ะว่าก็เพราะคนในประเทศของตัวเอง ไม่ทำงานกันหรือมีแรงงานไม่พอรึเปล่า เขาถึงเอาคนต่างชาติมาแทนที่มันยากนะ ที่คนนอกประเทศจะได้ทำงานก่อนคนในประเทศ เว้นแต่เก่งจริงๆ
โดนแบบนี้เหมือนกันครับ ตอนเข้าไปใหม่ๆใช้งานโหดมาก ทำผิดนิดเดียวด่าแบบไปฆ่าพ่อใครมา หัวหน้าแผนกมาแนวเดียวกับหัวหน้าทหารญี่ปุ่นในWW2เลยแต่พอทำงานไปปีนึงทุกอย่างดีขึ้นมากครับเพราะเราเป็นงานทุกอย่างแล้ว หัวหน้าก็พูดดีขึ้นมากๆ แต่งานก็หนักสัสเหมือนเดิม
เข้าใจเลย นี่ ทำงานวิศวกรที่ไทย แล้วโรงงานให้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น 1 ปี แล้วให้ตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อไหม.กลับบ้านครับ คิดถึงไทยมาก ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่อยู่ไทยสบายใจกว่ามากจริงจริง.สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้ครับ น้อง
อย่าอยู่เลยครับญี่ปุ่น เสียเวลาชีวิต ผมอยู่มา 6 ปีแล้ว เก็บเงินได้ยากมาก อยู่อเมริกา 2 ปี ได้แตะล้าน ยังหาทางไปเมกาให้ได้คับ ญี่ปุ่นทำงานโง่ๆ คับ ทำช้า ไม่รู้จักเวลา สร้างภาพทำงานนาน ไร้ประสิทธิภาพ นี่อาจจะเป็นระดับบริษัท หรือร้านทั่วไป บริษัทชั้นนำหรือที่มีการทำงานร่วมกับต่างชาติเยอะอาจจะต่างออกไป
ทำช้าจริง
ทั้งหมดคือ Japanese Culture ที่เจอมาไม่มีอะไรแปลกครับ เค้าก็ปฏิบัติกับเราแบบพวกไกจินนั่นหละ เรา culture shock กับสิ่งที่เป็นปกติของเค้า เราก็ควรปฏิบัติตามวิถีของเค้าครับ ไม่ถือสิทธิอะไรทั้งนั้น การกลับก่อนหัวหน้าในฐานะเด็กฝึกงาน เทียบกับพนักงานจริงๆ ผลกระทบที่ตามมามันต่างกันมากครับ
ผมทำงานกับบริษัทค่ายรถญี่ปุ่น เลิกสองสามทุ่มเกือบทุกวัน วันรุ่งขึ้นเจอนายญี่ปุ่นส่งเมล์กัน สามสี่ทุ่ม คือแบบ ชีวิตพวกเขานี่เคร่งเครียดและละเอียดกับงานมากและไม่สามารถหนี ลาออกได้ เพราะวัฒนธรรมเขาไม่เปลี่ยนงาน และอยากอยู่ไปยาวๆ สำหรับคนไทยแบบผม ผมคงทำไม่นาน เพราะอยากมีเวลาไปใช้กับครอบครัว
ส่วนตัวคิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแต่ไม่ค่อยเหมาะแก่การอาศัยทำงานและใช้ชีวิต ถึงจะเทียบว่าตอนนี้เค้าเปิดกว้างกว่ายุคก่อนก็เถอะ วิธีคิด/วัฒนธรรม/ความเชื่อหลายๆอย่างในสังคมที่เหมือนจะเปิดกว้างมากขึ้นแต่มันยังไม่เปิดขนาดนั้นในองค์กร
เคยไปฝึกงานที่มหาลัยชิบะ โชคดีมากคือเพื่อนร่วมงานชิลมากทุกคน รวมถึง Professor ที่ดูแลเรา สิ่งแรกที่ งง คือ เรามาเร็วกว่าเด็กญี่ปุ่นทุกคน และเค้าก็กลับเร็วด้วย จนแบบสิ่งที่รู้มาจากเน็ตในไทยมันไม่จริงนี่ที่ว่าตรงต่อเวลา สอง เพื่อนร่วมงานยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง และพยายามพาเที่ยวหลังเลิกงาน สามเด็กที่ทำงานร่วมกันแอบโกงรายงาน ตอนเราอ่านเราก็แนะนำเค้าไปว่าเนื้อหามันผิดนิ แต่นางก็ปล่อยเบลอสุด เลยแบบเออวัฒนธรรมไหนๆก็คงมีคนหลากหลายแบบแหละ อย่าเหมารวม
ถ้าไประยะสั้น เขาจะ treat เราอีกแบบครับ ผมเคยไปที่ Kyushu University ทุกคนมากันแปดโมงกว่าไม่เกิน 9 โมง กลับกัน 4-5 ทุ่ม วันไหนเร็วหน่อยก็ 2-3 ทุ่มครับ แต่ Prof. บอกผม 5 โมงก็กลับได้(เขาไม่อยากให้เราทำงานหนัก อยากให้เราชิลๆเพราะแค่มาไม่กี่เดือน)เคยไปอีกครั้ง ที่ Osaka University ทุกคนต้องมาก่อน 11 โมง แล้ว 5 โมงก็กลับได้เลยถ้างานเสร็จ1. เรื่องเวลาเข้านี่แล้วแต่แลบวิจัย เนื้องานและ Prof. จริงๆครับ บางที่พยายามปรับให้ work-life balance2. เรื่องตรงเวลานี่เคยเจอครับ มาสายคือโดนตำหนิแน่ แต่เขาจะไม่ได้ว่าตรงๆครับ 3. เรื่องเที่ยวนี่แล้วแต่คนเหมือนกันครับ เขาก็จะพาเราไปเที่ยวบ้าง ปาร์ตี้บ้าง อย่างของผมด้วยความที่พอรู้จักกับเด็กญี่ปุ่นเพราะเขาเคยมาไทยแล้วผมพาเที่ยวเขาก็เลยพาเที่ยวบ้าง แต่ผมเห็นพี่คนไทยที่มาเรียน ป.โท ป.เอก มักจะไปกับคนไทยไม่ก็ต่างชาติอื่นๆมากกว่า เพราะคนญี่ปุ่นจะค่อนข้างปิดถ้าเราพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เว้นแต่คนที่พูดอังกฤษได้ครับปล. พี่ในแลบเขามากระซิบบอกผมว่า Prof. เขาไม่อยากให้เราทำงานหนักน่ะครับ อยากให้เราประทับใจกับการมาที่ญี่ปุ่น เผื่อเราสนใจอยากเรียนต่อจะได้มาอยู่กับเขา เขาค่อนข้างอยากได้เด็กต่างชาติมาเรียนน่ะครับ เพราะคนญี่ปุ่นเรียนต่อน้อย อยากได้คนมาช่วยทำงาน ตีเปเปอร์ ดัน ranking ของ ม.ปล.2 ตอนผมอยู่ Fukuoka รู้จักกับพี่ญี่ปุ่นคนนึงพูด eng ค่อนข้างคล่องเลยทำให้สนิทที่สุดแถมพี่แกเป็นคนกวนๆซนๆแบบชินจัง ตลกๆนิดนึง ฮ่าา วันก่อนกลับแกก็พาไปเลี้ยงครับ พร้อมบอกว่าปีหน้าจบแล้วจะไปทำงานที่ osaka ถ้ามาอีกพี่แกบอกว่าให้บอกนะ พอดี 2 ปีต่อมาผมได้มาโอซาก้า 2 เดือน จริงๆคิดถึงพี่แกมากครับแต่กลัวแกลืมผมไปละ พอดีวันก่อนจะกลับ 1 วัน ผมทักพี่เขาไปว่ามาโอซาก้า พี่แกเลยจะมาหา ทีแรกจะไปหาที่สนามบินซึ่งนั่งรถเป็นชั่วโมงเพื่อมาเจอผมไม่กี่นาที ผมเลยบอกไม่ต้องมา เปลี่ยนมาเจอกันที่แถวๆมหา'ลัยโอซาก้า ก็เลยหาไรกินกันแล้วพี่เขาก็เลี้ยงผมด้วย ปรากฏว่าพักอยู่สถานีรถไฟใกล้ๆกันเลย เสียดายไม่ได้ทักไปตอนมาวันแรกๆ ไม่งั้นพี่เขาจะพาเที่ยว พูดแล้วยังคิดถึงพี่เขาเลยครับ (แต่พี่เขาจะค่อนข้างเปิดใจคุยกับต่างชาติมากกว่า คนอื่นๆนะครับ เท่าที่ผมรู้สึก เลยคิดว่าขึ้นอยู่กับบุคคลจริงๆครับ)
ปล.3 ตอนกลับมาไทยก็เล่าให้ อ. ฟังเหมือนกัน อ. เลยบอกว่าสมัย อ. ไปเรียน(น่าจะเกือบ 30 ปีได้) พวกเขาจะแทบไม่คุยไม่ยุ่งกับ นร. ต่างชาติเลย ต่างจากสมัยนี้เปิดใจคุยกันมากขึ้นและก็อาจจะด้วยเด็กรุ่นใหม่ในรั้วมหา'ลัย พยายามพูดอังกฤษกันมากขึ้นด้วยครับ
@@dokmaisailom9953 เรามีเพื่อนคณะอีกกลุ่มนึง 4 คนไปมหาลัยจังหวัดข้างล่างโตเกียว (จำชื่อไม่ได้) เค้าเล่าให้ฟังว่าของเค้าคือเคร่งมาก ขยับตัวไม่ได้เลย ต้องรายงานเนื้อหาวิจัยทุกวัน ดูนางเครียดแบบในคลิปเลย 555 ก็เลยเข้าใจว่าไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่อยู่(3 เดือน) น่าจะอยู่ที่หัวหน้า ของเราเหรอถ้างานเสร็จนี่นั่งอ่านนิยายจ้า เค้าจะดูความคืบหน้ามากกว่า ถือว่าโชคดีที่เค้าเอางาน มากกว่าวัฒนธรรมที่ต้องแกล้งขยันต่อหน้าตลอดเวลา
@@sinj2667 จริงครับ ญี่ปุ่นนี่ขึ้นชื่อมากครับเรื่อง overload ตอนไปวิจัยเจอคนเครียดจนเป็นซึมเศร้าหรืออยู่ดีๆหายไปจากแลบก็มี 😥 คุณโชคดีมากครับ ที่แลบไม่เคร่ง 555 เราก็ว่าเราแอบโชคดี (เพื่อนเราบางคนนี่กลับสี่ทุ่ม ห้าทุ่มแทบทุกวัน)
แค่ยังไม่เจอของจริง
ของผมก็เป็นคับ ที่ญี่ปุ่นถ้ายังไม่ได้รับการสอนจากหัวหน้างาน ต่อให้ทำเป็น ซ่อมเป็น ก็ห้ามทำ ได้แค่ของบอกคนญี่ปุ่นให้ทำให้แทนโดยที่เราบอกขั้นตอน ตลกดี
เราอยู่ญี่ปุ่นมา 36ปี มาตั้งหลักปักฐาน จบพณิชยการ ที่ไทย ภาษาเลือกญี่ปุ่น ถ้าคุยไม่รู้เรื่องและมีนิสัยไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเลย อยู่ยาก เพราะต้อง สุขุมและอดทนในทุกระบบ แต่สำหรับเรา เป็นตัวตนที่แท้จริงได้สบายๆๆมากๆๆ เหมือนได้มาฝึกธรรมแบบ สมาธิ เป็นผลพลอยได้จริงๆ ไม่เรื่องมาก ในทุกสถานการณ์
โม้
ผมอยู่ไทยมีบ้านมีกินมีเน็ตอยู่กับธรรมชาติเจริญอานาปานสติบ้างเบาๆ สบายๆ ไม่แสวงหาและไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆ เกินไป ก็ มีความสุขดีครับ ทุกข์มันเกิดจากความคิด หยุดคิดได้ เป็นสุขยิ่งฯ 🌏
เข้าใจในโลกธรรม8 และ ขันธ์5 อ่อ
ชอบที่มาแชร์มากเลยครับ🥰 มีทั้งประสบการณ์ที่ดีและไม่ดี แต่ว่าสักวันนึงอยากลองทำงานที่ญี่ปุ่นเหมือนกันนะคับ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่แค่ม.ปลาย😂
ปกติญี่ปุ่นก็เป็นสังคมที่กดขี่ผู้หญิงอยู่แล้ว จบมาความรู้ดีแค่ไหนก็ต้องมาทํางานเจนเนอรัลเบ๊ในออฟฟิส ชงชากาแฟถ่ายเอกสารให้เพื่อนร่วมงานชาย แต่ยุคหลังผู้หญิงก็เริ่มไม่ยอม หวยก็มาออกที่แรงงานต่างชาติแทน
กำแพงใหญ่มาก ที่ญี่ปุ่น ที่เคยเจอคนส่วนใหญ่จะพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ หรือพูดได้ก็จะฟังยากมาก ถ้าใครได้ ญี่ปุ่นไปด้วย จะดีมากๆเลย ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์นะครับ สนุกมาก ☺️
ก็อาจจะอารมณ์เหมือน ถ้าออฟฟิตเรามี คนพม่า คนลาว คนกัมพูชา แม้ว่าจะทำหน้าที่เดียวกัน ตำแหน่งเท่ากัน แต่กลุ่มคนไทยก็คงมีคนที่ไม่เห็นเสมอกัน ผมเดานะครับ ก็คงอารมณ์เดียวกับที่คนญี่ปุ่นมองคนไทย เรื่องการเหยียดมีทุกประเทศ ทุกเชื้อชาติ แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกา ยุโรป หลายคนนี่ชอบเหยียดเลย แบบตัวเองสูงส่ง ลองคิดตามความเป็นจริงว่า ถ้ามีคนพม่า คนกัมพูชา คนดอยชนเผ่า ถ้าเรามองเป็นคนเท่ากันแสดงว่าเราก้าวข้ามเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าเรายังแบ่งแยกว่า เราเป็นคนไทย เขาเป็นคนดอยชนเผ่า เป็นคนเขมร คนพม่า แบบนั้นเราก็ไม่ต่างจากคนญี่ปุ่นที่มองไทย
เยี่ยมมากเลย รักษากฎของบริษัท พร้อมๆกับรักษาความเป็นตัวของเราไปพร้อมๆกัน ไม่เอาเปรียบบริษัท แต่ก็ไม่ให้บริษัทเอาเปรียบเราเกินไปเช่นกัน ทำจนเขาชินกับสิ่งที่ถูกต้องนี้ ว่าไปแล้วฟังดูคนญี่ปุ่นเหมือนน่าสงสารนะครับในเรื่องที่เกิดมาเหมือนได้อิสระภาพในการเป็นตัวของตัวเองน้อยกว่าเรา🥰 รักกันไว้...
ผมเคยฝีกงานและทำงานพาร์ทไทม์ที่เยอรมัน เลิกเวลาไหนก็เวลานั้นครับ ไม่มีใครต้องรอใครกับหัวหน้างานคนเยอรมันไม่มีปัญหาอะไร สั่งงานจ่ายงานเหมือนๆกัน ยิ่งเห็นเรากระตือรือล้นเขายิ่งชอบแต่ที่มีปัญหาคือกับพวกคนต่างชาติอื่นๆ อย่างพวกอิตาลี มันชอบวางอำนาจเหนือคนชาติอื่น
เคยทำบริษัทเจ้าของเปนคนเยอรมัน เข้างาน10โมงเลิกบ่าย2 งานค้างจนบ่าย2.15 เขาไล่กลับเลยส่วนคนอื่นบ่าย2ลุกกลับเลย ทำได้3ปี บริษัทปิด เสียดายมาก
เคยไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น 3 เดือน บริษัทในไทยส่งไป ช่วงปี 1999 กลายเป็นว่า เรื่องเวลาเรากับเพื่อนไปเช้ากว่าคนญี่ปุ่นตลอดทั้ง 3 เดือนซะงั้น ช่วงเช้าและเย็น จะมีช่วงเวลาทำความสะอาดบริเวณที่เราทำงาน และผลัดกันออกมานำกล่าวเกี่ยวกับข้อระมัดระวังในการทำงาน ไม่ให้เสี่ยงบาดเจ็บ .. มีคนญี่ปุ่นที่อายุเยอะบอกเราว่า คนที่นี่บางครั้งต้องเสแสร้งว่าตั้งใจทำงาน แม้ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆก็ตาม โดยแสดงออกว่าเคร่งเครียดซะเหลือเกิน เราก็เออ…มีแบบนี้ด้วยเว้ย ผิดกับนิสัยคนไทยที่ทำงานแบบสบายๆ ที้งทีาบางทีงานยาก… อันนี้ที่ผมประสบมากับตัวเองนะ…และผมว่าสังคมในบริษัทญี่ปุ่นแต่ละที่น่าจะแตกต่างกัน…
เราอยู่ไต้หวัน คนที่นี่ก็ไม่แพ้ญี่ปุ่นหมือนกัน เราก็เจอเหตุการณ์แบบนี้วนหลูปไป😂
เราเพิ่งมาที่ญี่ปุ่นได้ไม่นานในวีซ่าผู้ฝึกงาน ไม่อยากพูดเลยค่ะว่าเจอหนักเหมือนกัน ต่อหน้ายิ้มๆ แต่ลับหลังเอาไปพูดอีกอย่าง บอกเราอีกอย่าง แต่ไปพูดกับคนอื่นอีกอย่าง รวมถึงรูมเมทและรุ่นพี่คนไทยก็เข้ากับเราไม่ได้ เพียงแค่เพราะเราไม่ชอบดื่มเหล้า รู้สึกกดดันมากๆเลยค่ะตอนนี้ 😢
สุ้ๆๆน้า
ที่ญี่ปุ่นไม่มีแม่บ้านทำความสะอาดทุกคนจะต้องช่วยกันทำความสะอาดออฟฟิต เป็นเรื่องปกติ
ถูกต้องแล้วครับ ญี่ปุ่นค่อนข้างรักษาความลับ เรื่อง product ของเขา ปกติครับ ไม่ต้องเอาความเป็นจุฬาไปด้วยครับ ทิ้งไว้เลย คนไทยออกไปข้างนอก ก็เหมือนพม่าแหละครับ อย่าไปคิดว่าตัวเองเก่ง พรีเมี่ยม ต้องได้ทุกอย่างเท่ากับคนในชนชาตินั้นๆ
ชีวิตการทำงานจริงในไทยก็แบบนี้ครับ work life balance แค่คำสวยๆ … ยังมีโลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องเผชิญอีกเยอะ
ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นยังถือว่าหย่อนว่าในภาพรวมเลยแหละครับ
สมัยเราฝึกงานบ. ไทย คือกลับตั้งแต่ห้าโมง พอตอนจบใหม่ ก็ใฝ่ฝันถึงคำว่า work life balance แต่พอมาทำงานจิง ทุกบ.ไม่มีหรอกโอที เลิกตรงเวลา ยิ่งตอนมาทำงานบริษัท ญี่ปุ่น 2 ปี คือโดนเต็มๆค่ะ กลับดึกทุกวันน เวลาเลิกงานจิงคือ หกโมง กลับจิง สามสี่ทุ่มค่ะ หัวหน้าทำงานหนักแบบถวายชีวิต แบบยอมตายเพื่องานได้ โดนประเมินผลงานสับแหลกทุกเดิอน ตารางเวลาเละเทะ เหมือนคนเป็นซอมบี้ จากตอนสมัยเรียนต้องไปโยคะทุกเย็น พอทำงานปุ๊บคือมีแต่งาน แต่ตอนนี้ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว คือ เงินไม่มาก แต่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เพื่อนรอบตัว จบมา 5 ปีละ มี work life balance ได้คนเดียวค่ะ อยู่ บ.ใหญ่ วันหยุดเยอะ เลิกงานไม่เกินห้าโมง ไม่มีมาตามงาน เงินเดือนจุกๆ นอกนั้นคือเหมือนซอมบี้มนุษย์เงินเดือนค่ะ ชีวิตที่วาดฝัน ตอนจบกับตอนเรียนต่างกันสุดๆ ยิ่งอาชีพสถาปนิก เอาอะไรมา work life balnce คะ ตอนเรียนอาจทำได้ แต่ตอนทำงานคือคนละเรื่องเลย
ผมก็เคยทำออฟฟิศสถาปนิกช่วงนึง แต่ในไทยเลิกงานแล้วก็ไม่มีใครกลับตรงเวลานะ เลิก5โมงกลับนู้น2ทุ่มแทบทุกวัน ถ้าติดงานลากยาวถึง4ทุ่มเป็นปกติ ถ้ามีส่งงานก็ค้างออฟฟิศนอนใต้โต๊ะ
เราได้ฝึกงานที่ญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ เค้าเกรงใจเรามากแต่เราก็กดดันและกรูมมากเหมือนกัน เค้าให้เราเป็นเศษแบบคุณเลยค่ะ เด็กญี่ปุ่นต้องมีชิ้นงาน แต่เราไม่รู้เลยว่าเราต้องทำอะไรไปให้เขา ไม่บอกเลย เราไม่รู้เลยว่าสัปดาห์นั้นๆต้องเจออะไร เหมือนปิดตาตีแตงโม แล้วคนญี่ปุ่นไม่กล้าคุยจริงๆ ฝึกสองเดือนผ่านมาเดือนนึงยังอโลนอยู่เลยค่ะ55555555555
ใช้ความอดทนอย่างมาก ถ้าได้รุ่นพี่ดีก็โชคดีนะ มาเช้า ขยันเรียนรู้เร็ว ทำทุกอย่างจร้า สู้ๆๆๆ ประสพการ5ปี ภาษางูๆๆปลาๆๆ ใช้ความอดทนล้วนๆๆ😅🇯🇵
เคยทำงานกับญี่ปุ่นแท้ๆที่พม่าเป็นซับของเขาอีกที รายละเอียดต้องเป๊ะมากๆ มีคำถามกลับมาให้หาคำตอบตลอด งานตกแต่งภายในแค่ห้องเล็กๆ แต่การทำแบบ ทำเป็นปีเลยครับ เหนื่อยจริงๆ เขาเป๊ะแล้วก็ระเอียดจริงๆครับ ถ้าผมไปทำงานที่ญี่ปุ่นสงสัยจะไม่รอด เก่งมากครับที่ฝึกงานกะเขาได้ ยอมรับเลยครับ
😍ฟังเรื่องของพี่สาวแล้วต้องบอกว่าเก่งมากๆ👍😊แชร์ประสบการณ์ที่คุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยหนุ่มๆ ประเทศที่อยากไปมากๆคือญี่ปุ่นพร้อมเรียนภาษาติดตัวไปนิดหน่อย และก็ได้ไปสมใจแต่เมื่อได้ไปถึงกลับรู้สึกตกใจและไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตัวเองมโนภาพเอาไว้ แล้วภาษาที่เรียนจากเมืองไทยไปตอนนั้นคือใช้ไม่ได้เลยต้องไปเริ่มต้นเรียนใหม่ที่นู่น งานแรกที่เริ่มคือร้านอาหารเนื้อย่างเป็นเด็กหลังร้านคอยล้างถ้วยล้างชาม ขัดตระแกรงเหล็ก ก็โดนสารพัดค่ะสมัยนั้นทั้ง โดนด่าทอ ตบหัว ถุยน้ำลายใส่ ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะดูถูกคนไท่นิดๆเพราะเราเป็นต่างด้าว แต่ก็ต้องอดทนเพราะตัดสินใจมาแล้วภาษาอังกฤษสมัยนั้นคือไม่พูดกันเลยค่ะ และคนญี่ปุ่นเข้าถึงได้ยาก มีโลกส่วนตัวสูง ก็ต้องยอมรับว่าเขาชาตินิยมมากๆ คุณจะต้องทำตามวัฒณธรรมของเขาเท่านั้น อาจจะเป็นชาติที่ชาตินิยมมากที่สุดในเอเชียด้วยค่ะ คุณพ่อก็ย้ายงานไปเรื่อยๆและเกือบจะท้อใจเพราะเจอแต่บอสไม่ดีใช้แรงงานหนักค่าแรงก็น้อย จนวันนึงคุณพ่อได้เคยช่วยเหลือหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นคู่นึงเอาไว้ระหว่างเดินทางกลับอพาทเม้นท์หลังเลิกงาน ทั้งสองโดนรถชนเสียชีวิต1บาดเจ็บ1 เป็นข่าวดังจนนักข่าวท้องถิ่นตามตัวคุณพ่อเพราะมีคุณลุงท่านนึงเห็นว่ามีผู้ชายคนนึงช่วยปฐมพยาบาล และลากเขา2คนเข้าข้างทาง แต่ไม่แน่ใจว่าคนจีนหรือเวียดนามเพราะพูดญี่ปุ่นไม่ชัด แต่คุณพ่อไม่อยากปรากฏตัวเพราะวีซ่าขาดค่ะกลัวจะถูกส่งตัวกลับเพราะจะโดนแบนหลายปีเลย จนมีผู้ชายคนนึงมาตามคุณพ่อจนเจอ ซึ่งเขาเป็นพ่อของผู้หญิงที่ถูกรถชนค่ะ เขามาขอบคุณและช่วยเหลือคุณพ่อเพราะแกก็เปิดร้านอาหารเลยดึงให้คุณพ่อไปเป็นเชฟดูแลที่ร้าน แกใจดีมากๆและรักลูกน้องมากๆทั้งคนไทยคนจีน พ่อเล่าให้ฟังว่าวันนึงแกนั่งชงนมชมพู กับ ชาไทยกินหลังร้าน แล้วบอสมาขอชิมว่าน้ำอะไรแกบอกอร่อยมาก สุดท้ายที่ร้านบอสให้เพิ่มเมนูชาไทย กับ นมชมพูเลยค่ะ555 สุดท้ายพ่อได้ทำร้านอาหารในญี่ปุ่นกว่า30ปี ปัจจุบันก็ได้กลับมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นที่เมืองไทยค่ะ แค่อยากบอกว่าทุกๆที่ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี และต้องถามตัวเองว่าไลฟ์สไตล์ของเราเข้ากับวัฒณธรรมภาษา ความบีบคั้นกดดันของเขาได้หรือไม่? ต้องตอบตัวเองให้ได้ เพราะความเป็นจริงมันอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิดค่ะ อยากให้กำลังใจสู้ๆนะคะสำหรับคนที่รักญี่ปุ่น "กัมบัตเตะเนะ🇯🇵💞"
อ่านประวัติการทำงานของคุณพ่อคุณ@K−raelly# แล้ว ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลยค่ะ
@@nonghajit5986 😍ขอบคุณค่ะ💞🙏
ถ้าเค้ามองเธอแบบนอกในจริงๆเธอคงไม่ได้กลับก่อนเพื่อนด้วยซ้ำ นอกในก็ไม่ต่างอะไรกับระบบอุปถัมภ์ในองค์กรของทุกชาติ อีกอย่างเธอก็ต้องเข้าใจด้วยว่าการฝคกงานมันไม่ใช่การทำงานที่เต็มและทำในรูปแบบพนักงานที่ควรจะเป็น การรับรู้การศึกษาและมหาวิทยาลัยของต่างชาติไม่ได้เข้าถึงคนญี่ปุ่นขนาดนั้น แต่เชื่อเราเถอะไม่มีคนแบบนั้นทุกคนในองค์กรหรอก คุณจะเจอคนที่เข้าใจคุณในองค์กรเอง ถ้าคุณไม่ได้ยึดติดแค่กลุ่มคนกลุ่มงานเดิมๆ สู้ๆนะ
เข้าใจความรู้สึกดีเลยคับ เราก็เจอบ่อย นี้เป็นคนมอญนะ มาทำงานที่ไทย แต่ไม่เกี่ยวกับการงาน แต่ก็จะมีสายตากัน เพียงเพราะเราเป็นแรงงานต่างด้าว!!
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ
ญี่ปุ่นจะมองคนต่างชาติเป็นบุคคลชั้นสองค่ะรวมถึงลูกครึ่งญี่ปุ่นด้วย..เขาจะให้ความสำคัญกับคนญี่ปุ่นแท้ๆค่ะ..เป็นประเทศที่เหมาะจะไปเที่ยวแต่ไม่เหมาะจะไปอยู่ค่ะ
เหมือนกันเลยค่ะ ทำงานกับคนญี่ปุ่นเราเป็นโรคซึมเศร้าทานยาเลยค่ะ ไม่เอาอีกแล้วค่ะ
คือผมเองก็ทำงานเป็นช่างซ่อมแม่พิมพ์โลหะอยู่ญี่ปุ่นมา 7 ปี ในส่วนตัวก็ไม่เห็นจะมีอะไรมาก เพราะสิ่งที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญนั้น จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องปรกติของคำว่างาน แต่ถ้าไม่พอใจที่จะให้คนอื่นมาสั่ง ผมแนะนำได้แค่คุณต้องทำธุรกิจของตัวเองครับ อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลยครับ ตอนอยู่เมืองไทยผมทำงาน 9โมงเช้าเลิกเที่ยงคืนสัปดาห์ล่ะ7วัน เพราะเช่นนั้นมันอยู่ที่สโคปของคุณว่า คุณยอมรับงานได้แค่ไหน เพราะถ้าขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวยอ่ะนะ
ชอบความคิดของน้องน่ะค่ะ มีความรู้สึกว่าถ้าน้องเจอปัญหาแล้วพยายามหาทางแก้ไขไม่นั่งจมปลักอยู่กับปัญหาจนออกจากปัญหาไม่ได้กลายเป็นซึมเศร้าไป ขอให้น้องประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวค่ะ
เก่งมากจ้า การอยู่อาศัยค่างประเทศ คนไทยแบบเราต้องกล้าคุยกล้าพูด กล้าวิ่งเข้าหา ปัดความกลัว ความไม่กล้าทิ้ง กล้านำเสนอ พี่เคยยุญี่ปุ่นมา5 ถึง6ปี ผ่านมาหลายงาน คือฉันต้องเป็นผู้นำเขาให้ได้55555
เราแค่ยังไม่ชินกับวัฒนธรรมบ้านเขาครับ เราเคยไปทำงานที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ในโซนสแกนดิเนเวีย เราปรับตัวอยู่ประมาณสองเดือนกว่าจะเข้าที่ เข้างาน 7:00-15:00 ที่นั่นทำงานแค่7:30 พัก30นาที มีแคนทีนบุฟเฟ่ เสียตังนะ
ปกตินะครับ เพราะเริ่มงานช้า เหมือนๆบ. ญป ต่างๆ ในไทยครับ น้องปรับตัวได้เก่งครับ
ถึงจะไม่ได้ทำถาปัต แต่มาฟังคอนเทนต์แนวนี้ก็รู้สึกคิดถึงตอนมาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆทุกที จนป่านนี้ไม่เคยชินกับปัญหาที่นี่หรอกนะ ขมๆไป จะเรียกว่าชินก็ไม่เชิง เพราะในใจลึกๆยังต่อต้านเรื่องแบบนี้ แต่ไกจินอย่างเรามันเป็นคนส่วนน้อย จะออกเสียงมันก็ยาก เราเปลี่ยนอะไรเค้าไม่ได้ ทุกวันนี้เลยได้กลืนๆอยู่กับเค้า จนเค้าแยกไม่ออกไปละ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความสุขแต่พอจะอยู่ที่นี่ต่อไปวันๆได้
มันเพิ่งเริ่มครับ ของจริงหนักกว่านี้เยอะ สู้ๆ นะ ยิ่งผ่านความลำบากมากเท่าไหร่ และทนอยู่กับมันได้ จนสำเร็จ เราจะเป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ
ส่วนที่ทำงาน ลำบากๆ แค่ 1-2 อาทิตย์แล้วเลิก แบบนี้ ไม่นับนะ 555
เห็นคนเครียดจัด จนฆ่าตัวตายมาเท่าไหร่ละ ชีวิตคนมันต้องทำงานหนักขนาดนั้นเลยหรอ ถึงเวลาก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตได้แล้วมั้ง ไม่ใช่ต้องมานั่งรอคนอื่นกลับเราถึงได้กลับ
@@imwasher3812 ใช่คนทำงานต้องหนักขนาดนั้น ถ้าไม่รวยตั้งแต่เกิด หรือ โชคดีในการหาเงิน ทำใจรอได้เลยครับ
@@wanida170 เฉพาะเอเชียนั่นแหละ
@@khaschen จริง
สู้ๆ ครับ น้องที่รู้จักก็ไปทำงานในโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ติดตรงที่โอกาสในการเลื่อนตำแหน่งเงินเดือนไม่มีเพราะเขาจะกั๊กไว้ให้คนญี่ปุ่น แต่คนป่วยกลับชอบน้องเขาเพราะเป็นกันเองคอยช่วยเหลือ เห็นแม่น้องบอกว่าหากหมดสัญญาอาจะไปทำงานต่อที่ออสเตรเลียครับ ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
ประสบการ ของผม และ เพื่อนที่รู้จักต่างกันมากก กะที่เล่าเลยครับ ของผมก็ฝึกงานอยู่ญี่ปุ่นณปัจจุบัน พี่ๆที่ทำงานนี้ก็ใจดีสุดๆเลย ชอบเอาขนม ของฝากมาให้ตลอดเวลาเขาไปเที่ยวใหนมาเย็นๆเลิกงานพี่บางคนก็ชอบพาไปหาอะไรกินด้วย เขาเลี้ยงด้วยอีกต่างหากเสา อาทิตหยุดยาวก็ชอบพาไปเที่ยว ที่ต่างๆบ้านที่อยู่นี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ฟรีๆเลยจ่ายแค่ค่าน้ำ ไฟต่างๆคนญี่ปุ่นในความคิดผมก่อนมาเหมือนที่เล่าเลย แต่พอมาจริงๆผิดคาดมากคนญี่ปุ่นในมุมผมนี้โคตรน่ารักเลยนะไม่ใช่แค่บริษัท ผมทำงานนะครับ เพื่อนๆที่รู้จักด้วยเหมือนนะ หลายๆคน
ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นนี่ชอบมาก แต่พอได้ทำงานในองค์กรญี่ปุ่นคือความคิดหมดเลย ส่วนตัวไม่ค่อยชอบวัฒนธรรมองค์กรแนวนี้เลย😅
เข้าใจความรู้สึกของคนที่ลาออกงานที่ีญี่ปุ่นมาอยู่ไทยหรือยัง ไทยแลนด์น่าอยู่สุด
เราเลือกไม่ได้ว่าจะเจอปัญหามั้ย แต่เลือกวิธีตอบสนองได้ เยี่ยมจริงๆ เรื่องราวมันจริงและเป็นประโยชน์มากๆครับ ผมเป็นคนรุ่นเก่ารับชมยังได้ประโยชน์มากๆเลยครับ
จริงมากเลยค่ะอันนี้ เราเองเคยไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นมาเหมือนกัน ขนาดว่าเราเป็นเป็นบ.ที่ค่อนข้างจะไม่ได้ญี่ปุ่นมากกกอะไรขนาดนั้นนะคะเพราะประธานจบนอกมาก แต่เดือนครึ่งที่อยู่ที่นั่นคือทรมานมากจริงๆ ทั้งๆที่เลยไปเรียนนานกว่านี้ยังไม่เป็นไรเลย เราเป็นเด็กฝึกงานคนเดียวในบริษัทตอนนั้นค่ะ ออฟฟิศชั้นเดียวบ.ไม่ใหญ่มากทุกวันเรานั่งอยู่เลยเวลาเลิกงานตลอดเพราะทุกคนไม่มีใครกลับเลยแบบไม่มีลุกกลับตรงเวลาเลยจริงๆค่ะ เหมือนนาฬิกายังไม่ถึงเวลาเลิกงานอะไรแบบนั้นอะ5555 แต่ข้อนี้คือน็อตเซอร์ไพรเพราะพอรู้อยู่แล้วเราก็ไม่อะไร แค่มันลำบากใจเพราะเราไม่มีงานอะไรให้ทำแล้วจะเล่นมือถือก็ไม่ดีแน่นอนคำตอบคือนั่งเฉยๆค่ะ รอจนคนในนั้นมาถามว่าไม่กลับเหรอ กลับมั้ย เราถึงได้ลุกเก็บของเป็นงี้ทุกวันตลอดการฝึกงานเลย เรื่องคนนอกคนในอันนี้ก็เจอเหมือนกัน เราอยู่ในระดับที่พูดโต้ตอบสนทนาทั่วไปได้ค่ะ แต่ก็ยังรู้สึกว่าเค้ามีกำแพงกับเราอยู่ซึ่งมันทำให้อึดอัดมากเราไปอยู่คนเดียวแบบไม่มีเพื่อนเลย ช่วงกลางวันความจริงเราอยากออกมาหายใจหายคอคนเดียวบ้างนะ แต่ทุกคนคือกินข้าวที่บ.กันหมดเราก็ต้องอยู่กับเค้าค่ะ ทั้งวันอยู่แต่ในตึกที่แทบไม่มีใครคุยกับเราถ้าไม่จำเป็น โคตรอึดอัดเลยจริงๆ55555 คิดถึงบ้านมากตอนฝึกงานอยู่ที่นั่น
เราอยู่ออสเตรเลีย ทุกเย็นเราไล่เด็กฝึกงานกลับบ้านเอง เราบอกเด็กฝึกงานเสมอว่าพวกเทอได้เงินน้อย 4.00 pm ปะกลับบ้าน แต่เด็กฝึกงานบางคนถึงเวลาเขาก็กลับเลย ยุ่งไม่ยุ่งเพราะถึงเวลาเขาแล้วนะ
สุ้ๆๆนะผ่านมันมาแล้ว
เข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ ในความเป็นระเบียบความเรียบร้อย และมีมาตรฐานแบบญี่ปุ่น แฝงไปด้วยรายละเอียดยิบย่อย ขนบและอะไรหลายๆอย่างที่ชาวต่างชาติไม่ได้รับเป็นข้อยกเว้น ต้องทำให้ได้แบบคนญี่ปุ่น ถ้าเจ้านายหัวโบราณมากๆ ก็ปวดหัวไปอีก เป็นความกดดันแบบเงียบๆ เป็นการแบนแบบเงียบๆ แล้วคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยช่วยเหลือ ไม่ใช่เพราะไม่มีน้ำใจนะ แต่สังคมเขาไม่สอนเรื่องนี้อะ คือต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง คือเขาจะไม่โอ๋ จะแบ่งเรื่องของชั้นเรื่องของเธอสูงมาก ซึ่งมันก็โยงมาสู่เรื่องระเบียบวินัยอีก คือต้องจิตใจเข้มแข็งและด้านชาอยู่ประมาณหนึ่งถึงอยู่ได้นะ สังคมแบบปิด
เขายังเรียกเราว่าไกจินเลยค่ะที่ไปฝึกงาน จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้เชิดชูคนต่างชาติขนาดนั้น ดูได้เจ้าของบริษัทเป็นคนญี่ปุ่น แต่ของเรานี่เจ้าของนี่เป็นฝรั่งจะดีใจมากคนไทยก็แปลกคืออยากทำงานกับคนต่างชาติ ชาตินิยมของเราไม่เท่าเขา
เวลาใครถามอยากย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น เราจะบอกเสมอว่า ญี่ปุ่นเหมาะกับมาเที่ยวนะ แน่ใจจริงๆเหรอ ว่าอยากมาอยู่จริงๆ ต้องถามตัวเองมากๆ เพราะการมาใช้ชีวิต ทำงานหาเงิน มันไม่สวยหรูอย่างที่คิดนะ มันเครียด หนัก และเหนื่อยนะ ทุกที่มีข้อดี ข้อเสีย ต้องลองชั่งน้ำหนักดู ว่าเหมาะกับเรามั้ยค่ะ 😄❤️
คนญี่ปุ่น ก็คือ คนแหละค่ะ เขาเองก็พยายามอดทนกับสภาพแวดล้อมนั้น จนเคยชิน แล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสภาวะนั้นไปในตัวเข้าใจเลยค่ะว่า ทำไม เมื่อคนญี่ปุ่น ได้มาสัมผัส บรรยากาศการทำงานในไทย และการใช้ชีวิตของคนไทย เขาจึง มีความสุขมาก ผ่อนคลาย และไม่ค่อยอยากกลับประเทศ เพราะบ้านเรา มี มิตรภาพ ที่เป็นความอบอุ่นอย่างไม่มีกีดกั้น และนั่นคือ อิสรภาพจากความแบ่งแยก ในสังคม ที่เขาเติบโตกันมา จึงทำให้เขาได้พบประสบการณ์ ความสุข ในแบบที่เขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ไม่อ่ะ คนญี่ปุ่นก็ไม่ได้อยากมาไทยขนาดนั้น เขาอยากไปยุโรปเนาะ
บริษัทญี่ปุ่นในไทยก็คล้ายๆกันแหละครับ เข้างาน 8.30 ยังไงก็ควรมาถึง 8.00 ถ้ามาถึงใกล้ๆ เวลางานก็โดนมองไม่ดีแล้วครับ เวลาทำงานก็ไม่มีพูดคุย มีแบบแผนลำดับงานแต่ละวันชัดเจน ถ้าเป็นคนชอบไม่พูดคุย เงียบๆ มีความเป็นระเบียบ ก็เหมาะที่จะทำงานครับ
เราอยากแชร์ประสบการณ์ ฝึกงานที่บริษัทญี่ปุ่นในไทยมั่งจัง เราไปฝึกงานมา 1 ปีเต็มๆเข้าร่วมแทบจะทุก event ของบริษัทเลย ซึ่งเราฝึกงานเป็น พนักงาน IT Support ซึ่งผมก็รู้สึกถูกเอาเป็นเศษเหมือนกันไม่รู้ว่าเพราะอะไรอาจจะเพราะรูปร่างหน้าเราหรือป่าว ความสามารถเราก็มากกว่าเพื่อนทำได้หมดแต่เวลามีงานอะไรส่วนใหญ่จะให้เพื่อนไปแล้วปล่อยเราไว้ที่โต๊ะคนเดียว แล้วเวลาหัวหน้ามองมาก็กดดันอีกเพราะงานIT Support ไม่ใช่ว่าจะมีงานเข้าตลอด บางวันมีแค่1เคสก็มี ยังมีเรื่องอีกเยอะเลย
แย่เลยครับตำแหน่วที่ไใ่ค่อยเจอคน คนดันมาหาเราถึงที่
จบญี่ปุ่นครับ จริงๆแล้วตอนจบ ถ้าทำงานบริษัทอเมริกันก็จบ แล้วหาโอกาสย้ายไปอยู่ยุโรปหรืออเมริกา ก็จบ แต่ก็นั่นแหละ เบื่อวิธีการทำงานแบบญี่ปุ่น มันไม่เวิร์คหรอกสำหรับสังคมปัจจุบัน เพราะมันทำให้คนไม่อยากอยู่ สุดท้ายคนก็เกิดน้อย ค่อยๆเป็นสังคมคนชรา อีกสามสิบปี คนหนุ่มสาวก็น่าจะเหลือน้อยมากกกก
คนญี่ปุ่นลงดีเทลมากกก เวลาเราจะพูดอะไรควรลงดีเทลในระดับนึงเลยค่ะ 555 เคยโดนเซนเซถามคำถามนึง เราก็ตอบสั้นๆ ปรากกฏว่าโดนถามต่อแบบยาวมากว่าเพราะอะไร ทำไม แบบไหน คือถ้าเราไม่ลงดีเทลเองเขาจะถามกลับมาแบบเยอะมาก
เคยถามคนญี่ปุ่นที่อเมริกาว่า มาอยู่ที่อเมริกาทำไม ในเมื่อประเทศตัวเองก็เป็นประเทศพัฒนาแล้ว เค้าบอกว่า เงินที่หาได้น้อยกว่าอเมริกามาก ถ้าทำงานแบบเดียวกัน และเงินที่ได้ ไม่เคยคุ้มกับความเครียดที่ได้รับ
รอทริปโยโกฮาม่าของDaisukiเลยครับ !!!ขอบคุณที่มาแบ่งปันประสบการณ์ และเล่าเรื่องราวความประทับใจนะครับคุณพี่สาว~^^
ก่อนทำงานเค้าจะออกกำลังกายก่อนเวลาทำงานเค้าจริงจังมากแต่เวลาพัก เค้าปล่อยตัว บุหรี่สูบมวนต่อมวน(แต่เค้าสูบเเค่ครึ่งตัวทิ้ง)เรื่องเวลาสำคัญมากโดยรวมมีระเบียบมากๆๆๆเค้าถึงเจริญ
ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังค่ะ เก็บไว้เป็นความรู้ ต้องกล้าที่จะทักก่อน 🥺
ที่ญี่ปุ่น ถ้าหัวหน้ายังไม่กลับจะยังกลับบ้านไม่ได้ เป็นวัฒนธรรมบ้านเค้าเลย ก่อนไปควรศึกษาชีวิตคนในประเทศเค้าดีๆ เกาหลีหนักกว่านี้อีก
เคยเรียนอยู่ห้าปี ในแลป ก็เข้มงวดประมาณนึง เข้าแลปเก้าโมง ออกแลปสองทุ่ม อาจารย์ไม่กลับ ก็กลับไม่ได้ วิธีแก้ไขคือ ขออนุญาตกลับบ้านไปอาบน้ำ กินข้าว ก่อน แล้วกลับเข้ามานั่งทำงานต่อ ค่ะ จะทำอะไร ก็ทำไป ขออย่าหนีหายออกไปจากแลป โดยไม่บอก ก็พอ อยู่กับคนญี่ปุ่นต้องทำตัวเหมือนเครื่องดนตรี คือ ขึงสายให้ตึง เสียงไม่เพี้ยน แล้วก็เล่นเพลงไปตามที่ชอบ หมายถึง เมนเทนกฏข้อบังคับ ดูแลรักษางานของส่วนรวม และมีกิจกรรมส่วนตัวที่เหมาะสม เช่น ออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน ถ่ายภาพ
แต่คนไทยบางคน เอาแต่ด่าเมืองไทย ทั้งที งานสบาย ไม่กดดันมาก ทำไปเล่นมือถือไป คุยกันไป เจ้านายยังไม่ว่า …..ใช่ ญี่ปุ่นมีวินัย ระเบียบ มีความปลอดภัย บ้านเมืองสวย แต่ ชีวิตจริงการทำงานกดดันโคตรๆ คนญี่ปุ่นมีความกดดันและความเครียดสูงในการแข่งขันการใช้ชีวิต
ประเทศที่เหมาะกับการไปท่องเที่ยว แต่ไม่เหมาะที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ ที่คุณจะเจอแน่ๆคือความเครียด มากถึงมากสุด และอื่นๆอีกมากมายจากใจคนที่เคยทำงานในบริษัทญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นคงไม่ตอบโจทย์สำหรับการไปทำงาน เหมาะสำหรับจะไปท่องเที่ยวระยะสั้นมากกว่า
ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะคะ เสียงพี่สาวน่าฟัง ฟังเพลินมาก ๆ
ผู้หญิงทำงานในญี่ปุ่นมักไม่ก้าวหน้า และเป็นปะเทศที่ทำงานเครียดทำงานมากกว่าแปดชั่วโมง ผู้หญิงมักไม่ค่อยมีความสุขอยู่ญี่ปุ่น มักจะหนีมาอยู่ไทย เคยไหมได้ยินทำงานจนตาย ชีวิตประจำวัน ดูเหมือนเงิน้ดือยเยอะแต่หีกโน่นหักนี่ก็ไม่ค่อยมีอะไรเหลือเก็บ
เอ่อ การเขียนชื่อเค้าเป็นภาษาไทยก็ดีไปอีกแบบนะ ถ้าเป็นเราเราก็ดีใจเหมือนกันถ้าได้ชื่อเราในภาษาเค้า ไม่เคยคิดมุมนี้เลย ขอบคุณที่นำมาแชร์ครับ
เพื่อนผมพึ่งย้ายกลับญี่ปุ่น เรื่องงานมันบอกว่า ตั้งแต่พนักงานลูกจ้างจนถึงระดับประธานบริษัท ต่างทำงานหนักและเหนื่อยทั้งนั้นพ่อมันเสียก่อนจะตายบอกว่า หมดเวลาสบายแล้ว กลับมาลำบากที่ญี่ปุ่นซะ ผมก็งง มันลำบากตรงไหน พอเห็นกิจวัตรประจำวันทั้งทำงานกับกลับมานอนแล้ว ถ้าให้เลือกคงอยู่แบบจนในไทยดีกว่าไปบริษัทก่อนพนักงาน ออกบริษัทหลังพนักงาน บางวันนอนในห้องทำงานเลยก็มี มีทั้งงาน ประชุม พบลูกค้า พบหุ้นส่วน ตีกอล์ฟ แบต เทนนิส ว่ายน้ำ สารพัด ทำงาน 7/7 วัน ถามวันไปว่าเคยไปเที่ยวกับพ่อก่อนแกเสียไหม มันตอบไม่เคยเลย พ่อกุทำงาน 365 วันตลอดปี พนักงานยังมีโอกาสได้พัก เสาร์อาทิตย์ แต่ระดับผู้บริหาร เห็นยิ้มแย้มสบาย แต่ภายในหนังหน้าที่ยิ้มแย้ม ต้องแบกรับทั้งกำไร ขาดทุน กิจการซบเซา ค่าแรงลูกน้อง และที่สำคัญเข้ามาวงการนี้ ยกเรื่องเวลาว่างให้กับครอบครัว ทิ้งมันไปได้เลย
เราเคยทำงาน บ ญี่ปุ่น ในไทยค่ะ HQ อยู่ที่ญป วัฒนธรรมคือใช่เลยค่ะ ทั้งโต๊ะจะเห็นกันหมดคุยอะไร นายหัวโต๊ะได้ยินกันหมด ถ้าลางาน ก็ต้องเข้ามาเคลียร์งานในวันนั้น เพราะวันต่อไปจะมีงานเข้ามาอีก ถ้าลางาน 2 วันต้องมีใบรับรองแพทย์ เคยเห็นหัวหน้าร้องไห้ด้วยค่ะ เพราะเข้าประชุมกับนาย ญป แล้วนาย ญป ถามว่างานจะเสร็จวันไหน นายบอก tomorrow เค้าก็ถามว่า Why not today? และก็มีการประชุมกันสักพักค่ะ ออกมานายคือซึมค่ะ 😮 เรื่องเลิกงาน 17.00 ไม่มีใครลุก คือจริงค่ะ เพราะนายยังไม่ลุก นายลุก 18.00 หรือ 18.30
วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน อันนี้แค่ฝึกงาน ถ้าได้assign งานจริงจังจะเข้าใจ งานวิศวกร งานสถาปนิก ไม่ค่อยรู้จัก work &life balance ความมุ่งมั่นของคนไทยขึ้นชื่อว่าน้อยในสายตาประเทศอื่น ต้องวิ่งเข้าหาโอกาศ
ผมไม่เห็นด้วยเหมือนกันนะวัฒนธรรมเลิกงานหกแล้วไม่มีใครกล้าลุก เอาจริงๆถ้างานเสร็จ ไม่ได้น่าเกลียดเลยถ้าจะลุก ในประเทศไหนก็ตาม
งงบางคนที่มาคอมเมนท์ว่าการที่เอามุมมองตัวเองมาแดกดันคนอื่น คนเรามุมมองในการใช้ชีวิตมันก็ต่างกันอยู่แล้วมั้ย มาเมนท์เอาสะใจ แล้วระบายชีวิตตัวเองหรอคะ งง
คนบางคนก็คอมเม้นแซะคนอื่นไปทุกเมื่อเช่นกัน
โดนแค่นี้บอกโคตรทรมาน แค่นี้ยังชิลล์ๆ คนญี่ปุ่น ถือ "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" ครับ ผมทำงานที่ญี่ปุ่นมา 2 ปี จนตอนนี้มาเป็นราชการในไทย บอกเลย "ทำงานที่ไทยสบายมากครับ" ไร้วินัย ไร้ระเบียบดี
ในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว โซนเอเชียตะวันออกอย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น สังคมไม่ค่อยน่าทำงาน หรือไปใช้ชีวิตอยู่
จริงมาก แต่คนไทยก็อวย ลางเนื้อชอบลางยา เห็นในคลิปคนที่เขาประสบความสำเร็จเรื่องมีผัว เรื่องทำคลิปโชว์กินข้าว ก็อยากจะเอาแบบเขา แต่ไม่รู้ว่า เบื้องหลังลึกๆ สังคม วัฒนธรรมของเกาหลีญี่ปุ่นเข้มงวด กดดัน ความเครียดสูง ผิดกับไทย ชิลๆ
คนไทยเเปลกมากเเทนที่จะเอาความรู้ที่พ่อเเม่ส่งเรียนมาพัฒนาประเทศไห้เจริญเเต่กลับอยากไปเป็นขี้ข้าเค้าพูดภาษาเค้า มันน่าภูมิใจตรงไหน.
@@wanamwiang3032 เห็นด้วยกับคอมเม้นท์หลักนะ แต่อันนี้ไม่เห็นด้วย ประเทศไม่ได้พัฒนาเพียงประชากร แต่มันอยู่ที่ภาครัฐก่อน ค่าแรง และปัจจัยต่างๆ ศึกษาเอานะคะ เพราะมันเยอะมาก สาเหตุที่เขาทำงานต่างประเทศคือสภาพแวดล้อมดี สวัสดิการ เงิน แต่มันก็มีข้อดีข้อเสียปนกันไป แต่เงินคือปัจจัยหลัก บางประเทศค่าเงินเยอะ อาหารกลางวันฟรี รถประจำทางฟรี และอีกมากมาย
@@rinnn7178 เห็นด้วยเรื่องภาครัฐนะเเต่ปัญหาตอนนี้คือรัฐบาลคิดเองไม่เป็นไง ประชาชนมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศ ไอคนที่เก่งๆก็ออกไปทำงานต่างประเทศกันหมด เหลือเเต่คนที่ไม่มีการศึกษา ประเทศต้องการคนเก่งมาขับเคลื่อน ทุกอย่างมันเริ่มที่ตัวเราหมด ถ้าคุณคิดเเต่จะออกไปทำงานต่างประเทศ หวังพึ่งเเต่รัฐบาลห่วยๆ เเล้วเมื่อไหร่ไทยจะเจริญ ญี่ปุ่นเมื่อก่อนก็เคยจนยังไม่พัฒนา เค้าลงทุนส่งลูกส่งหลานไปเรียนหนังสือถึงต่างประเทศ เมื่อจบการศึกษาเเล้ว จะใด้เอาความรู้เหล่านั้นมาขับเคลื่อนบ้านเมืองจนกลายเป็นมหาอำนาจ คิดดูนะครับประชาชนมีความสำคัญมากเเค่ไหน.
ที่คอมเม้นไปไม่ได้บอกว่า ไม่ควรไปเรียน ทำงาน ที่ญี่ปุ่น เกาหลี หรือ ต่างประเทศอื่นๆนะ มันก็ขึ้นอยู่กับคน ส่วนดีมันมีมากกว่าส่วนที่ไม่ดีอยู่แล้ว (โดยเฉพาะเรื่องความรู้และรายได้) แต่มันก็ได้ความรู้อะไรหลายๆอย่างที่ไม่สามารถหาในประเทศได้ อาจจะมีสาเหตุต่างๆเช่น รายได้ ฝึกระเบียบ ได้ภาษา มีประสบการณ์ สามารถเอามาใช้ในไทยได้ แต่ก็นะ สภาวะแบบนี้ ถ้ามีโอกาสได้เรียน หรือทำงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ไปเถอะ แต่ส่วนตัวที่เม้นแบบนี้เพราะถ้าเลือกไปทำงานใช้ชีวิตในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ จะเลือกประเทศตะวันตก หรือใช้ภาษาอังกฤษ ก่อน เพราะเขาไม่มีธรรมเนียมอะไรฝืนๆ แปลกๆ แค่ไม่ไปทำงานสาย มีผลงานดี เสร็จตามเวลา ก็พอแล้ว
เด็กไป เหมือนเด็กไทยจบใหม่สมัยนี้ คิดมากไป เป็นการฝึกให้อดทน ไม่ควรคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป หรือคอยแต่ให้คนอื่นมาบอก น่าจะค่อยคิด ค่อยคุยไป อีกอย่าง ฝึกงานสั้นไป ไม่มีเวลาปรับตัว
ญี่ปุ่นนี่สังคมโคตรDARK ยิ่งกว่าค่ายหนังDC....นานๆจะมาแนวซีเรียส ขอบคุณสำหรับสาระครับ #応援
@@rumaon ดูจากสถิติก็รู้ละครับ ญี่ปุ่นอันดับการฆ่าตัวตายสูงมาก
@@rumaon สังคมการทำงานตรึงเครียดมาก ต้องเป๊ะทุกอย่าง ไม่สนุกเหมือนในอนิเเมะสักนิด
@@rumaon มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่เเล้วครับบ้านเมืองเขาถึงได้เจริญขนาดนี้
@@rumaon สบายครับทุกวันนี้ สิ้นเดือนมาเงินก็เดินมาเข้าประเป๋าตังเอง ไม่ต้องหาให้เหนื่อย
@@rumaon ถ้ามันเจริญจริงอ่ะ ทำไมต้องให้ทำงานดึกๆเกือบทุกวันคนเยอรมันทำงานเป๊ะทุกอย่างอ่ะ แต่เขาเลิกงานตรงเวลา
คนญี่ปุ่นที่มาทำงานที่ไทยแทบไม่อยากกลับไปญี่ปุ่นอีกเลย เช่นโรงงานที่ผมทำอยู่ คนไทยทำงานแบบสบายๆ อยากขาดงานวันไหนก็ขาด กินในเวลางานก็ได้ มาสายเป็นเรื่องปกติ แถมยังมีจัดไปเที่ยวทุกปี เมาเหล้าให้อ้วกกันไปเลย แต่ที่ญี่ปุ่นทำแบบนี้กันไม่ได้ ผู้จัดการแผนกผมที่มาจากญี่ปุ่น มาแรกๆถึงกับงง พออยู่นานไป ก็เละเหมือนกันเลยที่นี่555 เขาบอกคนไทยเป็นคนชอบสังสรรค์จริงๆ
พี่สาวเก่งมากๆค่ะ ขอบคุณที่มาแชร์นะคะ😊
เข้าใจครับ เท่าที่ผมทราบมา คนญี่ปุ่นเองก็ไม่อยากเจอสภาพการทำงานแบบนี้
ญี่ปุ่นมาเที่ยวพอค่ะ ถ้าคิดจะมาอยู่รึมาทำงานต้องคิดดีๆ คนญี่ปุ่นบางคนเห็นดูใจดียิ้มแย้ม แต่ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอเยอะค่ะ เค้าจะเป็นคนประเภทที่จะไม่ทำอะไรนอกกรอบเลย
เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะที่ญี่ปุ่น ถ้าคุณไม่เข้าพวกกับทุกคน คุณจะอยู่ได้ยากมาก เพราะเขาจะมองว่าคุณเข้ากับคนอื่นๆหรือคนส่วนมากไม่ได้แล้วล่ะก็ เขาจะมองว่าเรานั่นแหละคือตัวปัญหาค่ะ
งื้อ สู้ๆนะครับ จากใจคนทำงานไกลบ้าน กดดันมากๆ จนเราต้องแสดงให้เขาเห็นเองว่าเราทำได้นะ แต่บางทีงานที่เราทำได้เขาก็แอบโยนงานให้เราทำ กินแรงแหละแต่สุดท้ายอะไรพวกนี้ ทำให้เรากล้าพูดมากขึ้น ฮึ๊บๆคับ
ผมฝึกงานที่ ญี่ปุ่น 8 เดือน เชื่อไหม ทรมานมาก....แต่ไม่มีใครรู้หรอกเก็บไว้คนเดียวตลอดจนกว่าจะจบแต่ในใจอยากกลับบ้านตลอด..วันไหนพ่อกับแม่โทรมา ใจสั่น จากคนที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไร
ผมโสตายเลยครับ ช่วง1-4เดือนแรก ทำงานวันละ12ชม. แขนขาแทบหลุด โดนด่าทุกวัน
@@parinyasaubon2075ทำเกี่ยวกับไรหรอครับงานที่ทำ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ เป็นการแชร์ประสบการณ์ที่มีประโยชน์มากเลยค่ะ
ส่วนตัวนะครับ จากการที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นมา ทำงานกับคนญี่ปุ่นมาเยอะผมมองว่าอาจเป็นเพราะบุคลิกด้วยรึป่าว ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมกับคนญี่ปุ่นเลยครับแค่เวลางานคือจริงจัง เวลาเบรกหรือวันหยุดคือต้องสนุกให้เต็มที่ แล้วก็อย่าลืมไปโนมิไกกับเพื่อนๆในออฟฟิศด้วยนะ สำคัญมากๆ
เหมือนกันครับ ทำงานแรกๆเขาไม่กล้าคุยไม่กล้าว่า พอทำงานพลาดเขาก็ไม่กล้าพูด เพราะเขาไม่รู้ว่าคนต่างชาติพูด ญี่ปุ่นได้ พอเขารู้แค่นั้นแหละ งานพลาดมาด่ายับ55555555555
5555😂😂
อันที่เป็รเศษ เราว่าอันนี้คล้ายๆ คนไทยอยู่เหมือนกัน เหตุคงเพราะกลัวเรื่องการสื่อสารกับคนต่างชาติ ของเรา เคยมีต่างชาติมาฝึกงาน คือแบบก้อดูเค้าติ่งๆ นะ สงสารอยู่ เพราะไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง คนต่างชาติคนนั้นเค้าก้อเกร็ง ไม่กล้าพูดคุยกับคนไทย อาจจะด้วยกังวลเรื่อง cross culture กลัวการพูดที่ไม่เหมาะสม บวกกับเค้าพูดไทยไม่ได้เลย มันน่าจะคล้ายๆกัน สรุปคือจะไปฝึกงานที่ไหน เราคงต้องฝึกการเข้าหาเค้าให้เป็น ถ้าพูดภาษาเค้าได้จะดีมากๆๆ เมาท์มอยเข้าไว้ ก้อจะช่วยลดปัญหาติ่งไปได้เยอะเลย
ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์ที่เป็นห่วง และให้กำลังใจนะคะ
เราไม่รู้หรอกนะว่า คำว่า "ทรมาน" ของแต่ละคนมันคือแค่ไหน แต่เราสำหรับเรา การโดนเพิกเฉย การเหลือเป็นเศษ และอื่นๆที่ไม่ได้เล่าไปในคลิป โดนแบบนี้ซ้ำกันทุกวัน มันค่อนข้างกระทบจิตใจมาก แต่ถ้าดูจนจบคลิปจริงๆ จะรู้ว่าเราแก้ไขสถานการณ์ยังไงบ้าง เราเข้าหาคนอื่น เราปรับตัวอะไรยังไงบ้าง
หลายๆ คอมเม้นอาจจะบอกว่า work life balance เป็นแค่เรื่องตลก แต่เราสำหรับเรา ที่เราเชื่อมั่นในคำนี้ เพราะเราเคยทำงานหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล เราคิดว่า เงินหามาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่สุขภาพทีเสียไปไม่สามารถเรียกคืนได้ เราจึงให้ความสำคัญกับคำนี้มาก
สุดท้ายนี้ เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องราว เมื่อ 3 ปีก่อนค่ะ ปัจจุบันนี้เราทำงานที่เรามีความสุข มี work life balance ตามที่เราต้องการ สิ่งที่ผ่านมาก็นับประสบการณ์ที่มีประโยชน์ ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี แต่มันก็คือสิ่งทีทำให้เราได้เรียนรู้ และเติบโตขึ้นค่ะ😊
@@rumaon เอ้า ก็ work life balance คือการทำให้ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวมีความสุขไม่ใช่หรอ แล้วที่เขาอยากเลิกงานตรงเวลามันก็ไม่ใช่ความผิดอะไร กลับกัน การที่เขาได้รับสารว่าเลิกงานเท่านี้ แต่เอาเข้าจริงเจออีกอย่าง แล้วเลิกงานดึก บ้านก็อยู่ไกล กว่าจะเดินทางกลับบ้าน กว่าจะจัดแจงตัวเองจนเข้านอน มันเหนื่อยไง เจ้าตัวเขาก็พูดว่ามันไม่โอเค ซึ่งมันขัดกับหลัก work life balance ในแบบของเขาไง คือบรรทัดฐานแต่ละคนมันไม่เท่ากันอยู่แล้ว การที่จะเอาสิ่งที่คุณคิดอย่างเดียวมาเปรียบเทียบกับคนอื่นไปซะทุกอย่างมันไม่ได้ คุณคิดว่าคนที่ทำงานเกินเวลามีความสุข มันก็มี แต่คนที่ไม่โอเคกับการไม่ได้เลิกงานตรงเวลา ก็มีเยอะไง เราไม่ใช่fcช่องนี้ แต่สนใจหัวเรื่องก็เลยเข้ามาดู เราก็เข้าใจในมุมมองของเขานะ และรู้ด้วยว่าเด็กจุฬามีการแข่งขันสูงขนาดไหน แต่เราว่าจริงๆเจ้าตัวเขาไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่ละคนการเลี้ยงดูมันไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมุมมอง คุณควรมองโลกให้กว้างกว่านี้ อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจนเกินไป เราไม่รู้นะว่าคุณไปพิมพ์อะไรก่อนหน้านี้ ถึงมีคนมารุมมว่า แต่จากคอมเม้นท์ที่คุณแสดงความเห็นอยู่นี่ เราก็ว่าไม่โอเคเหมือนกัน ....สุดท้ายนี้การบอกว่าตัวเองเคยทำงานหนักแล้วป่วย ไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจหรือมาพูดโอ้อวดอะไรเลย แต่ก็สู้ๆนะ ถ้ามีความสุขกับสิ่งแบบนั้นก็ทำต่อไป
@@rumaon สรุป คุณก็ยังตอบผมไม่ได้ ฮ่าๆ
ถ้าคุณเป็นหัวก็เชิญเอาลูกน้องขยันทำงานไปเถอะ แต่การขยันอย่างเดียวแต่ไม่มีประสิทธิภาพมันก็ไปต่อไม่ได้ คุณก็รอดูเองละกัน
ใช่ครับพูดถูก 1.ทรมานของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนล้วนมีขีดจำกัดในตัวเอง ซึ่งคนรับฟังก็ไม่ควรมาเกทับ เกทับเพื่ออะไรให้ ให้ตัวเองดูสูงขึ้นหรอ หรือว่า ชอบที่จะชนะว่าเราทรมานกว่า? 2.WLB เป็นเรื่องซีเรียส เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายเรา ยิ่งสมัยนี้ผมเชื่อว่าคนคนนึงจะทำงานไม่แค่งานเดียว ส่วนตัวผมมองว่า วัฒนธรรมญี่ปุ่นพวกรุ่นพี่อะ ไร้ค่ามาก จะแก่แค่ไหนแต่สมองหรือการควบคุมอารมณ์ไม่เป็นเหมือนเด็ก ผมก็ไม่นับถือนะ ผมมีรุ่นน้องแต่เขาเก่งละฉลาดในการพูดคุยมาก คนแบบนี้ถึงจะน่านับถือ
@@nidnoitongmee5362 มันก็แค่ประสบการณ์ของเขารึเปล่าอ่ะ มันเป็นอดีตเขามีสิทธิที่จะบ่นไหมอ่ะ ?
ถ้าเขาอยู่ที่ใหม่ ที่มี Work life balance ดีกว่าเดือนเงินสูงกว่า ทำไมเขาถึงจะบ่นถึงที่เก่าไม่ได้ ?
แล้วไอการให้ลูกน้องมาทำงาน 12 ชั่วโมงแทบทุกวัน ไม่เคยคิดรึไงว่า งานอาจไม่มีคุณภาพ
@@pppd4953 เขาพิมพ์ว่าอะไรหรอคะเหมือนเขาจะลบเม้นหนีไปแล้ว
ประเทศญี่ปุ่นก็เหมือนนาฬิกาหรู ภายนอกดูสวยงามมาก แต่ถ้าเปิดดูภายในมันไม่ได้สวยอย่างที่คิด คุณจะเห็นฟันเฟืองเต็มไปหมด และเฟืองเหล่านั้นไม่เคยหยุดทำงาน
เปรียบเทียบดีมาก
แต่เรามองว่าฟันเฟืองมันมหัศจรรย์และสวยงามมากเลยนะ (หมายถึงเฟืองจริง ๆ )
สเน่ห์ของนาฬิกาคือฟันเฟืองกลไกการทำงานของมัน ภายนอกดูดีเพราะภายในงดงามมีประสิทธิภาพ☺️
@@สุภาวดีสร้อยสุวรรณ-ผ7ท จริงที่สุดครับ เพราะภายในทุ่มเทมาก ภายนอกจึงออกมาดี
@@Rpjpond ใช่ครับผมก็ชอบความปราณีตและงดงามของเฟือง แต่ในเชิงเปรียบเทียบถ้าเรากลายเป็นเฟืองที่ทำงานอยู่ในนั้น มุมมองจะเปลี่ยนแน่ๆ
ญป เป็นคนที่บ้าเชื้อชาติ เค้าไม่ได้ friendly อย่างที่แสดงออกค่ะ เค้าแค่ต้องแสดงว่าเป็นคนดีมีนำ้ใจแต่ลึกๆคือ เหยียดนะ เราทำงานกับคน ญป มา 15 ปี ก็ปรับตัวได้ คบแค่เรื่องงาน อย่าไปให้ใจหรือจริงจังอะไรมาก แต่เรื่องทำงาน คือ ดี มีระเบียบ และมาตรฐาน และหนักมาก คนที่ไม่ชอบทำงานหนัก จะไม่ชอบ 55 ส่วนเรื่องเลิกงานเป็นเรื่องปกติค่ะ ถ้าหัวหน้าไม่ลุก ก็ไม่ควรกลับ ถ้ารับจุดนี้ไม่ได้ ไม่ควรทำงานกับบริษัท ญป ค่ะ เพราะจะมีผลกับการประเมิน จ้า btw น้องเก่งมากค่ะ 👍👍👍
หัวหน้าไม่อยากรีบกลับบ้างหรอครับ
คุณ@kanyathon koshay..# คุณเก่งมากที่คิดและวิเคราะห์เป็น(คงเป็นเพราะคุณทำงานกับคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน และเราก็เช่นเดียว และคิดแบบเดียวกับคุณค่ะ)
ดูมาเมืองไทยเวลาเที่ยว น่าจะเหยียดผู้หญิงกลางคืนเป็นแค่ของเล่นเลยหละ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ไม่แปลกใจว่าทำไมแทบทั้งประเทศอวยฝรั่งแต่พูดฝรั่งแทบไม่เป็น
สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ต้องการความรับผิดชอบต่อส่วนรวมสูงมาก ( ในใจคิด-รู้สึกยังไงคนละประเด็นกันนะ) คนที่ปรับตัวได้ก็ยินดีด้วย และก็ไม่ใช่ความผิดของคนที่รู้สึกไม่ถูกจริตกับสังคมแบบนี้เช่นกัน ทุกเชื้อชาติมีทั้งคนดีและไม่ดี
เคยร่วมงานกับคน ญป. อยู่ประมาณ 2 ปี 2 ที่ทำงาน เจอทั้งแบบดีและไม่ดี แบบไม่ดีเขาจะมี กลุ่มคน ญป. ของเค้า และจะมองว่าเราอยู่ในเลเวลที่ต่ำกว่า เช่น รุ่นพี่ ผญ. ไทยที่ทำงานด้วยกันโดน ผช. ญป. ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ผจก. ให้กดชักโครกให้ตอนเช้า หลังๆ ก็หาวิธีเอาตัวรอดจนได้ 😅
เน้นว่าคนญี่ปุ่นก็เป็นคนปรกติเหมือนทุกเชื้อชาติมีดี-ไม่ดีปะปนกัน อาจจะเป็นที่จังหวะชีวิตเราว่าจะเหวี่ยงคนแบบไหนเข้ามาในชีวิตมากกว่า 😂
สำหรับคนไทย ญี่ปุ่นน่าเที่ยว น่าอยู่ระยะสั้น ไม่ได้น่าทำงาน หรืออยู่ระยะยาว ปล การทำงานจริงหนักและหักเหลี่ยมเฉือนคมกว่านี้เยอะ การเลิกงานสองทุ่ม-ตีสองเป็นเรื่องปกติมาก งานจริงมีกรอบเวลา ลค ไม่สนหรอกว่าคุณจะเหนื่อย ถ้าคนออกแบบจบงานไม่ได้ คนอีกเป็นร้อยก็ทำงานต่อไม่ได้ เท่ที่น้องเล่ามา บอกเลยว่าโคตรชิล
สู้ไทยก็ไม่ได้ หน้างานทำไปก่อน แบบตามมาทีหลัง หน้างานมาเร่งแบบด้วยทำแบบไวๆ หน่อย ทุ้ย ระบบ
@@workhardplayharder4924 พยายามเรียนรู้หน่อย ว่าญี่ปุ่นก็มีมุมเสียในระบบต่าง ๆ ของเขาอยู่เหมือนกัน อย่าพยายามกลบข้อเสียจากประเทศที่ตัวเองรัก ด้วยการแซะเรื่องอื่นของไทยเลย มันอนาถใจ
จริงที่สุด
@@tonygooog1887 ปกติของพวกเบียวอนิเมะครับคลั่งญี่ปุ่น ญี่ปุ่นดีทุกอย่าง สมบูรณ์แบบ ต่อให้มีคนมาแชร์ประสบการณ์มันก็จะเกทับแล้วบอก ดีกว่าประเทศไทยงั้นงู้นดูประเทศตัวเองก่อน
@@pololotusayasaki9791 เห็นด้วยครับ
ผมเป็นลูกครึ่งคนญี่ปุ่นครับ คุณแม่ผมเป็นคนญี่ปุ่นและผมจะเข้าใจดีกับสังของเขา ถ้าคุณแม่ผมบอกว่าเจอกัน 7:00 น ผมต้องมาก่อน30 นาทีครับ
ในโรงเรียนญี่ปุ่นเด็กนักเรียนจะเป็นคนที่ทำความสะอาดในห้องนักเรียนห้องน้ำและครัวครับ เขาสร้างวินัยให้คนมีความทนทานและเป็นคนที่มีประโยชน์กับสังคมครับประเทศเขามีระเบียบเพราะประชาชนเขาลงทุนกับงานและประเทศของเขาด้วยครับ สิ่งที่คุณกำลังบ่นว่าเป็นสิ่งที่เหนื่อยสำหรับคุณเป็นสิ่งที่ปกติสำหรับเขา
ผมให้คุณแม่ดูวีดีโอนี้ เขาบอกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนญี่ปุ่นครับ เขาไม่เห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าเหนื่อยครับ แต่ถ้าจะให้คุณพ่อที่เป็นคนไทยดูวีดีโอนี้เขาก็จะบอกว่าเหนื่อยมากแต่คุณพ่อก็จะยอมรับว่าเขาขี้เกียจครับ เอาเป็นว่าwork ethicระหว่างสองประเทศไม่เหมือนกันครับ
ญี่ปุ่นขี้อายมากและพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ต้องมาฝึกโซนยุโรปนะคะ คนละความรู้สึกเลย เราฝึกงานที่นอร์เวย์กลับเข้าออกตรงเวลาเป๊ะค่ะ😅 และเค้าไม่ค่อยจู้จี้ขอแค่รับผืดชอบหน้าที่ตัวเองพอ หัวหน้าก็สบายๆเหมือนเพื่อนๆกัน สงสัยอะไรก็ถามไปเลยค่ะ แถมกฏหมายบังคับห้ามอยู่เกิน1ชั่วโมงหลังเลิกงาน ถ้าเกินบริษัทต้องจ่ายโอที ซึ่งฝรั่งเคัาไม่อยากจ่ายเงิน มีแต่ไล่เรากลับบ้านเร็ว เข้าทางเราเลย🤣🤣
555ดีจัง😂❤
จริง นี่เคยทำงาน บ.นอร์เวย์ในไทย เจ้านายดีมาก ใจดี และจะขอโทษเสมอถ้าโทรหาเราหลัง 5 โมง เค้าเกรงใจมาก เสียดาย เค้าขายกิจการ ไม่งั้นคงทำงานที่นี่ไปตลอด
ญี่ปุ่นชาตินิยมค่ะเขาไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษหรอก แต่ก็พูดได้นะเราเคยเจอกับตัวไปซื้อของที่ช็อป ถามเป็นภาษาอังกฤษเขาไม่พูดด้วย แต่พาไปชี้ให้ดูแล้วเดินหนีเฉย🙉
เรื่องงานต้องยกให้ยุโรปเลยครับดีมากๆ ญี่ปุ่นเรื่องงานนี้เครียดตายได้เลย
เราว่าไม่เสมอไปค่ะ คนญี่ปุ่นพูดกันไม่ได้เพราะเรื่องไวยากรณ์ และ การออกเสียงของ2 ประเทศนี้ต่างกันมากเลยค่ะ เราเรียนญี่ปุ่นในระยะสั้นๆ +มีพื้นฐานอังกฤษกล้าพูดเลยค่ะต่างกันหลายจุด@@milanmilan9495
วัฒนธรรมคนญี่ปุ่นครับ ชาตินิยมไว้ก่อน แต่เมื่อไหร่ที่เค้ามองว่าเราเป็นเพื่อน เป็นคนที่ไว้ใจได้ เค้าจะให้หมดใจเลยครับ และยังแถมเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและกลุ่มของเค้าอีก กี่สิบปีก็ไม่เคยเปลี่ยน
เห็นด้วยครับ ดีกับผมซะจนคิดว่าชาติที่แล้วเคยไปทำดีอะไรกับเขาไว้
เข้าใจความรู้สึกเลยครับ
1.ถัานั่งกันหลายๆคน ต่อให้เลิกงานแล้ว ถ้าผู้ใหญ่กว่ายังไม่ลุก อย่าคิดริอาจลุก (แต่ผมเองก็เปิดแบบไม่เกรงใจเขาเสมอ)
2. เรื่องนอกในนี้ จริงที่สุดครับ ถ้าเราไม่ใช่ญี่ปุ่นไม่ว่าจะตำแหน่งไหน อายุเท่าไหร่ ภาษาญี่ปุ่นเก่งแค่ไหน ก็เปนได้แค่คนนอก ในขณะที่ ญี่ปุ่นคนอื่นเป็นผู้น้อยกว่าจะได้รับสิทธิ์มากกว่าอยู่ดี
หลังจากที่ลูกโดยไม่เกรงใจ โดนเขานินทราป่าวคะ หรือคนญี่ปุ่นเขาไม่นินทรา
@@ลู่ซือ-ซ3ต ที่เก่าผมโดนนินทา บางทีมีเหน็บแนม , แต่ที่ทำอยู่ปัจจุบันคือเลิกงานแล้วลุกได้ทันทีเลยไม่ต้องนั่งต่อเลย
@@ลู่ซือ-ซ3ต เราเคยทำพาทไทม์ โดนนินทาต่อหน้าเลยจ้าาา 🤣 ถามว่าแคร์ไหม อย่าไปแคร์ค่ะ เคยเจอหัวหน้าใหญ่ด่าค่ะ แค่เรื่องไม่รู้ว่าต้องเก็บลังตรงไหน ด่าเราเสร็จ ไปด่าหัวหน้าเราต่ออีกที เขาคงคิดว่านางอันนี้ฟังไม่ออกแน่ๆ เลยไปด่าหัวหน้าเรา 😂 และอื่นๆอีกมากมาย (นี่แค่พาทไทม์ค่ะ เป็นพาทไทม์พนักงานโรงแรมค่ะ)
@@kirasouda8778 พึ่งเจอใน ตต วันนี้เลยค่ะเขาบอกคนญี่ปุ่นนินทราต่อหน้า เป็นเราคงแบบท้อเลยไปต่างบ้านต่างเมือง ยังไปถูกเจ้าบ้านด่าอีก
@@ลู่ซือ-ซ3ต เท่าที่เราเจอนะ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยชอบเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ 😂 ตอนไปแลกเปลี่ยนมีคลาสนึงที่รวมหลายมหาลัย กลุ่มเรามี ญี่ จีน แคนาดา เรา(ไทย) กัมพูชา เรากับเพื่อนกัมพูชานั่งมองหน้ากันเลย ญี่ปุ่นไม่ชวนคุยด้วยเลย คงคิดว่าเราพูดไม่ได้มั้ง แต่เราก็ทำได้แต่คุยญี่กับเพื่อนกัมพูชากันอยู่ 2คน 😂 และที่เราโดนญี่ปุ่นเหยียดอีกมากมายยยยย เจอตอนสมัยไปแลกเปลี่ยน แต่คิดว่าเพราะไปเมืองเล็กๆไม่ใช่เมืองใหญ่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เลยเจอมั้งนะ 😂
ผมเป็นวิศวกรที่ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นปีกว่าเมื่อ20ปีก่อน พูดญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ตอนแรกจนพูดได้ การtreatsที่ผมได้รับต่างจากน้องมาก ผมจะปรับตัวให้เหมือนคนญี่ปุ่นหรือแทบจะทำงานหนักกว่า ดีกว่าคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ จนคนทั้งบริษัทยอมรับและมองผมเป็นคนญี่ปุ่นไปเลย ต่างกับเพื่อนคนไทยที่ไปด้วยกันที่ติดนิสัยคนไทยคือสบายๆ ทำอะไรก็ไม่จริงจัง ทำให้คนญี่ปุ่นไม่ชอบเพื่อนผมและมองเหมือนเป็นคนอีกชนชั้นนึง สังคมญี่ปุ่นชอบอะไรที่มีระเบียบวินัยนะครับ ถ้าจะไปแสดงออกตามนิสัยคนไทย จะไม่ได้รับการยอมรับ
พอเจอระเบียบวินัยหน่อย บ่นกันใหญ่คนไทย ทำงานมันต้องจริงจังหรือเปล่าน่ะ แปลกใจจัง
สังคมเค้าไม่ต้อนรับคนต่างชาติเหรอครับ ไม่แปลกพวกคนจีนชอบบอกคนญี่ปุ่นซ่อนดาบในรอยยิ้ม ยิ่งนอบน้อมยิ่งต้องระวัง ผมไม่ชอบคอมมี่จีนนะแต่ต้องยอมรับคนจีนคบง่ายกว่าเยอะ คนเกาหลีก็ไม่ต่างมองเหยียดตัเงแต่หัวยันเท้าเลยจากนั้นไม่เคยไปเหยียบอีกเลย แต่ญี่ปุ่นเที่ยวสนุก และกลับคนญี่ปุ่นที่ออกมาอยู่นอกประเทศหรือชอบเที่ยวต่างประเทศ คนพวกนี้ทัศนคติดีมากคือเบิกเนตรแล้วมุมมองกว้างไกลกว่าคนในสังคมทั่วไปของญี่ปุ่นละมั้ง ไม่แปลกที่บ้านเค้าจะมีพวกเก็บตัวกับพวกฆ่าตัวตายเยอะ สังคมเค้าโหดร้ายมาก
จีนพูดง่ายกว่าจริงครับทำงานด้วยเป็นกันเองแต่แม้งงกจัดบริษัทมีกำไรแต่ปิดบัญชีจ่ายโบนัสนิดเดียวแต่ญี่ปุ่นโปร่งใสเรื่องบัญชีโบนัสสูงกว่าทุกบริษัทต่างชาติ
แต่ถ้าเป็นต่างประเทศไปทำงานผมมองว่าญี่ปุ่นมีสวัสดิการดีกว่าทุกชาติในเอเชียครับเขาไม่ให้คนงานอยู่แบบสลัมหรอกที่พักโรงบาลพร้อม
ผมเคยไปทำงานเป็น Creative ที่ญี่ปุ่นหลายปีนะครับ (บริษัทแม่ที่ไทยส่งไป) สังคมการทำงานที่นั่น เลิกคิดเรื่อง Work Life Balance ไปได้เลย เรื่องระเบียบในการทำงาน การทำงานหนัก กลับบ้านดึก เป็นเรื่องปกติในทุกๆ วันครับ (ที่นั่นการกลับบ้านเร็วเป็นเรื่องไม่ปกติ 555) ส่วนเรื่องการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน น่าจะแล้วแต่บริษัทมากกว่า เพราะอย่างที่บริษัทผม หัวหน้า เพื่อนร่วมงานดีมาก ให้เกียรติเราเท่าเทียมหรืออาจจะดีกว่าคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ อันนี้ลองแชร์ในอีกแง่มุมนะครับ
5555 ผมก็เป็นครีเอทีฟครับ เคยทำงาน บ.ญี่ปุ่นในเมืองไทย เห็นด้วยกับเม้นนี้ และขอพูดประเด็น Work Life Balance นิดนึง ...
เวลามีเด็กมาสมัครงานกับผมแล้วขอเรื่อง Work Life Balance ซึ่งมันก็เป็น iDeal ขอทุกคนอ่ะนะ ไม่ผิด แต่ผมจะรู้สึกแปลกๆว่า เอิ่ม... ตกลงAttitudeคุณเป็นไงนะ? คุณขยันมั้ย รักงานมั้ยเนี่ยะ 555
แล้วสายงานประเภทนี้ มันเป็นงานอาร์ตไง จบง่ายซะที่ไหน ไม่ใช่งานบัญชี 1+1=2 ถูกต้อง จบ กลับบ้านได้ 5555
@@puriratanakorn9639บัญชีก็จบยากน่ะ ระบบภาษีเปลี่ยนตลอด เราจะเห็นว่า หลายๆ ที่ เลิกงานเร็ว แต่จริงๆ ต้องมานั่งเก็บงานอีกเป็นชั่วโมง ชาวบ้านทำงานไปข้างหน้า บัญชีคอยเก็บงานของทุกๆแผนกอยู่ข้างหลัง ซึ่งการตามงาน ตามบิลจากคนที่ไร้ความรับผิดชอบ มันเหนื่อยใจมาก อยากเบิกก็เบิก ไม่ตรงต่อเวลา ซึ่งระบบการเงิน ผิดแล้วชดเอง เราเขียนหนังสือและทำสนง.บัญชี งานบัญชีมีวันเสร็จ แต่งานครีเอทีฟ จะเสร็จวันไหนก่อน😂
จีนผลิต EV ญี่ปุ่นผลิต AV
จากที่ผมรู้มามีเรื่องเเบบว่าขยันทำงานชั่วโมงฟรีด้วยไหมครับ ประมาณว่าใครทำงานล่วงเวลาฟรี ๆ เยอะ ๆ ยิ่งดูเหมือนคนทุ่มเทให้กับบริษัท
เลิกคิดเรื่องWork life balance????? หืมมม น้องครับที่ญี่ปุ่น%Work life balance สูงกว่าเราอีกนะครับ😅
พึ่งดูน้องครั้งแรกเลย ดูจนจบเลยครับ ผมก็จบสถาปัตมาทำงานสถาปัตอยู่ที่ภูเก็ตเหมือนกัน น้องสาวน่าชื่นชมมากเลยคับ เก่งมากๆเลย เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญมากนิสัยน่ารักมากๆ วางตัวแบบว่าไม่ให้คนไทยเสียชื่อเลย ทำได้ดีมากคับสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงที่อยู่ต่างบ้านต่างเมือง ทำให้คนญี่ปุ่นรู้ว่าคนไทยน่ารักและฝีมืองานสถาปัตคนไทยก็ไม่ได้เป็นรองใครเลย เป็นกำลังใจให้นะครับ✌️
สู้ๆครับ รุ่นพี่ที่จบอักษรศาสตร์จุฬา ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นก็เข็ดกันหมดทุกคน ต่างคนต่างมีเรื่องเล่ามาแชร์กัน ประเทศญี่ปุ่นน่าจะเหมาะกับการไปเที่ยวมากกว่าไปทำงาน
ญี่ปุ่นเหมาะสำหรับ นิวเคลียร์ อีกลูก
@@สายัณห์โสดาวงษ์-พ2ห นั้นมันก็เวอร์ไปครับ มันเป็นเรื่องอ่อนไหวมากถึงการสูญเสียกกับเหตุการณ์ครั้งนั้น ผมว่าเราน่าจะเห็นอกเห็นใจผู้อื่นดีกว่า ในเมื่อคนญี่ปุ่นดีกับเราก็คนมิตรที่ดีกับญี่ปุ่นครับ 🙂
@@สายัณห์โสดาวงษ์-พ2ห ญี่ปุ่นเขาแค่มีวัฒนธรรมที่ทำให้เครียด แต่คุณน่ะ ตรรกป่วยแล้ว
ไปทำงานที่ไหน ก็ควรตระหนักรู้ก่อน ว่า วัฒนธรรม (Culture) และ บรรทัดฐาน (Norms) การใช้ชีวิตของแต่ละที่เป็นอย่างไร จึงจะสามารถปรับตัวได้เร็ว
ไม่มีที่ไหนหรอกครับ ที่ Culture & Norms จะเป็นมาตรฐานเดียวกัน (Standardization).
เราเป็นคนนึงที่ชอบญี่ปุ่นมากๆ ทั้งวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยว แต่ถ้าให้ไปทำงานที่นั่นหรือกินอยู่เรียนที่นั่น เราคงไม่เอาถึงจะชอบแค่ไหนจากที่ฟังมาหลายๆคนนี่คงจะรับควากดดันของสังคมบ้านเขาไม่ไหว🥹
@@Nobitasan777 เราคงสือผิดมั้งคะ งั้นเปลี่ยนจากวัฒนธรรมเป็นพวก อาหาร เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย อะไรแบบนั้นแล้วกันเนอะ พวกที่จับต้องได้
@@junebboo8589
55555😁😆😅😂🤣
เข้าใจมาก เวลาไปอยู่ญี่ปุ่น ในฐานะนักท่องเที่ยวกับคนทำงานคืออารมณ์ต่างกันมากๆ เวลาไปเที่ยวรู้สึกสนุก ที่นี่น่าอยู่ แต่เวลาไปทำงาน ก็คือคนละแบบ เราแอบคิดว่าเนเจอร์ของคนแต่ละชนชั้น(ส่วนใหญ่) จะไม่ค่อยเหมือนกัน พอไปทำงานที่ ญป ไม่ใช่ว่านิสัยเค้าหรือวิธีการทำงานของเค้าไม่ดีนะ เพียงแต่ว่ามันไม่ค่อยชิน หรือไม่เข้ากับ ไลฟ์สไตล์ของเราแค่นั้นเอง
ซึ่งถ้าเราเกิดหรือเราโตที่ ญป ก็อาจจะมองเรื่องแบบนี้้เป็นเรื่องธรรมดาก็ได้
แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าคนไทยทุกคนจะมีนิสัยเหมือนกันหมด ซึ่งอาจจะมีคนที่ชอบทำงานเยอะ หรือมองว่าการทำงานล่วงเวลาไม่ใช่เรื่องเดือดร้อน ก็จะมองว่าเออสังคมการทำงานที่ ญป น่าอยู่จัง ก็ได้นะ
ทรมานวิถี บุชิโด มันโหดร้าย ทำงานจนตัวตาย กับนายเดียว รุ่งก็รุ่งกับบริษัทร่วงก็ร่วงไปด้วยกัน ญี่ปุ่นน่าเที่ยว แต่ไม่น่าทำงาน นิสัยคนไทยไม่ได้ถูกฝึกให้ก้มหัว ถวายชีวิตแบบนั้น แต่ให้ยืนด้วยลำแข็งตัวเองมากกว่า แอดทำถูกแล้ว
ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่คือร้อยล่ะเกือบทั้งร้อย จะไม่ค่อยเปลี่ยนบริษัทหรือเปลื่ยนงานกัน เพราะถ้าคุณเปลี่ยนงาน เวลาสัมภาษณ์งานที่ใหม่ แน่นอนว่าทุกที่เขาจะถามทุกที่ว่าทำไมคุณถึงออกจากงานที่เก่า และถ้าเหตุผลไม่พอฟังได้แล้วล่ะก็ เขาจะถือว่าคุณเป็นคนที่ไม่สู้งาน เป็นคนไม่เอางานเอาการ และถ้าเข้าที่โน้นได้เดือนหรือสองเดือน หรือเข้าได้ปีหรือสองปี แล้วคุณลาออกแล้วล่ะก็ ถ้าเป็นการเปลื่ยนงานแค่บริษัทเดียวหรือสองบริษัท ก็ยังพอได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นที่สามหรือบริษัทที่สี่แล้วล่ะก็ เป็นเรื่องค่อนข้างยากมากที่เขาจะรับคุณเข้าทำงาน และทุกครั้งในการเปลี่ยนไปเริ่มต้นทำงานที่บริษัทใหม่ คุณจะยุ่งยากมากสุดๆในการที่จะปรับตัวให้เข้ากับคนที่เขาอยู่มาก่อนให้ได้ พูดง่ายๆคือคุณจะต้องไปเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่ในการเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าคนเข้าใหม่ จะต้องตั้งใจทำงานแบบไปให้ดีให้ได้ เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะไปเริ่มต้นที่ไหนก็ตาม คุณจะเหนื่อยกับทุกอย่างมากกว่า จนกว่าจะปรับตัวให้เข้ากับทุกคนและทุกอย่างได้ค่ะ
นับว่าโชคดีมาก ที่ได้งานที่สามารถทำได้ ส่วนผมทำงานในไทยนี่แหละ เจองานแรก ๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงด้วยซ้ำ คลำอยู่นานสัก 2 เดือนค่อยเจอ พูดภาษาไทยได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ทำต้องลองทำเองครับ แต่ก็ผ่านมาได้นานมากแล้วแต่ยังจำได้ดี คิดเพียงว่าได้ของเล่นใหม่ ไม่เคยคิดว่าทำงานเลยจนเดี๋ยวนี้
เรื่องการทำงานผมเคยทำงานที่ ญป มาหลายปีครับ เจอหนักกว่าที่น้องเล่าอีกครับ ทั้งโดนด่า โดนใช้โหด ไม่พอใจที่เราสื่อสารไม่ได้ ปัจจุบันย้ายกลับไทยเรียบร้อย
ไป ทำงาน ประเทศ เขา เขาไม่เป็น มิตรกับเราหรอก เขาคิดว่า เรา ไป แย่งงาน คน ประเทศเขา
บางทีไม่มีอะไรทำก็ต้องฝืนให้ตัวเองดูมีอะไรทำ
ประชุม3-4ชม.แต่มีแต่น้ำ นี่ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโดนเกาหลีกับจีนแย่งตลาดจนอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อก่อนผมเคยเป็นล่ามบริษัทรถที่นึง รัฐบาลจะให้ทำรถไฟฟ้า แต่เค้ากลัวพาร์ทเนอร์ปรับตัวไม่ทันก็เลยไม่ผลิต
ตอนนี้ตลาดรถไฟฟ้าโดนเมกากับจีนเอาไปหมดละ
@@theseastarless4798 กลับกันไทยเราอวยหนักมาก เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่ง 😂
@@theseastarless4798 ทำไมเขาไม่คิดกลับกันบ้างล่ะว่า
ก็เพราะคนในประเทศของตัวเอง ไม่ทำงานกันหรือมีแรงงานไม่พอรึเปล่า เขาถึงเอาคนต่างชาติมาแทนที่
มันยากนะ ที่คนนอกประเทศจะได้ทำงานก่อนคนในประเทศ เว้นแต่เก่งจริงๆ
โดนแบบนี้เหมือนกันครับ ตอนเข้าไปใหม่ๆใช้งานโหดมาก ทำผิดนิดเดียวด่าแบบไปฆ่าพ่อใครมา หัวหน้าแผนกมาแนวเดียวกับหัวหน้าทหารญี่ปุ่นในWW2เลย
แต่พอทำงานไปปีนึงทุกอย่างดีขึ้นมากครับเพราะเราเป็นงานทุกอย่างแล้ว หัวหน้าก็พูดดีขึ้นมากๆ แต่งานก็หนักสัสเหมือนเดิม
เข้าใจเลย นี่ ทำงานวิศวกรที่ไทย แล้วโรงงานให้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น 1 ปี แล้วให้ตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อไหม.กลับบ้านครับ คิดถึงไทยมาก ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่อยู่ไทยสบายใจกว่ามากจริงจริง.สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้ครับ น้อง
อย่าอยู่เลยครับญี่ปุ่น เสียเวลาชีวิต ผมอยู่มา 6 ปีแล้ว เก็บเงินได้ยากมาก อยู่อเมริกา 2 ปี ได้แตะล้าน ยังหาทางไปเมกาให้ได้คับ
ญี่ปุ่นทำงานโง่ๆ คับ ทำช้า ไม่รู้จักเวลา สร้างภาพทำงานนาน ไร้ประสิทธิภาพ นี่อาจจะเป็นระดับบริษัท หรือร้านทั่วไป บริษัทชั้นนำหรือที่มีการทำงานร่วมกับต่างชาติเยอะอาจจะต่างออกไป
ทำช้าจริง
ทั้งหมดคือ Japanese Culture ที่เจอมาไม่มีอะไรแปลกครับ เค้าก็ปฏิบัติกับเราแบบพวกไกจินนั่นหละ เรา culture shock กับสิ่งที่เป็นปกติของเค้า เราก็ควรปฏิบัติตามวิถีของเค้าครับ ไม่ถือสิทธิอะไรทั้งนั้น การกลับก่อนหัวหน้าในฐานะเด็กฝึกงาน เทียบกับพนักงานจริงๆ ผลกระทบที่ตามมามันต่างกันมากครับ
ผมทำงานกับบริษัทค่ายรถญี่ปุ่น เลิกสองสามทุ่มเกือบทุกวัน วันรุ่งขึ้นเจอนายญี่ปุ่นส่งเมล์กัน สามสี่ทุ่ม คือแบบ ชีวิตพวกเขานี่เคร่งเครียดและละเอียดกับงานมากและไม่สามารถหนี ลาออกได้ เพราะวัฒนธรรมเขาไม่เปลี่ยนงาน และอยากอยู่ไปยาวๆ สำหรับคนไทยแบบผม ผมคงทำไม่นาน เพราะอยากมีเวลาไปใช้กับครอบครัว
ส่วนตัวคิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแต่ไม่ค่อยเหมาะแก่การอาศัยทำงานและใช้ชีวิต ถึงจะเทียบว่าตอนนี้เค้าเปิดกว้างกว่ายุคก่อนก็เถอะ วิธีคิด/วัฒนธรรม/ความเชื่อหลายๆอย่างในสังคมที่เหมือนจะเปิดกว้างมากขึ้นแต่มันยังไม่เปิดขนาดนั้นในองค์กร
เคยไปฝึกงานที่มหาลัยชิบะ โชคดีมากคือเพื่อนร่วมงานชิลมากทุกคน รวมถึง Professor ที่ดูแลเรา สิ่งแรกที่ งง คือ เรามาเร็วกว่าเด็กญี่ปุ่นทุกคน และเค้าก็กลับเร็วด้วย จนแบบสิ่งที่รู้มาจากเน็ตในไทยมันไม่จริงนี่ที่ว่าตรงต่อเวลา สอง เพื่อนร่วมงานยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง และพยายามพาเที่ยวหลังเลิกงาน สามเด็กที่ทำงานร่วมกันแอบโกงรายงาน ตอนเราอ่านเราก็แนะนำเค้าไปว่าเนื้อหามันผิดนิ แต่นางก็ปล่อยเบลอสุด เลยแบบเออวัฒนธรรมไหนๆก็คงมีคนหลากหลายแบบแหละ อย่าเหมารวม
ถ้าไประยะสั้น เขาจะ treat เราอีกแบบครับ ผมเคยไปที่ Kyushu University ทุกคนมากันแปดโมงกว่าไม่เกิน 9 โมง กลับกัน 4-5 ทุ่ม วันไหนเร็วหน่อยก็ 2-3 ทุ่มครับ แต่ Prof. บอกผม 5 โมงก็กลับได้(เขาไม่อยากให้เราทำงานหนัก อยากให้เราชิลๆเพราะแค่มาไม่กี่เดือน)
เคยไปอีกครั้ง ที่ Osaka University ทุกคนต้องมาก่อน 11 โมง แล้ว 5 โมงก็กลับได้เลยถ้างานเสร็จ
1. เรื่องเวลาเข้านี่แล้วแต่แลบวิจัย เนื้องานและ Prof. จริงๆครับ บางที่พยายามปรับให้ work-life balance
2. เรื่องตรงเวลานี่เคยเจอครับ มาสายคือโดนตำหนิแน่ แต่เขาจะไม่ได้ว่าตรงๆครับ
3. เรื่องเที่ยวนี่แล้วแต่คนเหมือนกันครับ เขาก็จะพาเราไปเที่ยวบ้าง ปาร์ตี้บ้าง อย่างของผมด้วยความที่พอรู้จักกับเด็กญี่ปุ่นเพราะเขาเคยมาไทยแล้วผมพาเที่ยวเขาก็เลยพาเที่ยวบ้าง แต่ผมเห็นพี่คนไทยที่มาเรียน ป.โท ป.เอก มักจะไปกับคนไทยไม่ก็ต่างชาติอื่นๆมากกว่า เพราะคนญี่ปุ่นจะค่อนข้างปิดถ้าเราพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เว้นแต่คนที่พูดอังกฤษได้ครับ
ปล. พี่ในแลบเขามากระซิบบอกผมว่า Prof. เขาไม่อยากให้เราทำงานหนักน่ะครับ อยากให้เราประทับใจกับการมาที่ญี่ปุ่น เผื่อเราสนใจอยากเรียนต่อจะได้มาอยู่กับเขา เขาค่อนข้างอยากได้เด็กต่างชาติมาเรียนน่ะครับ เพราะคนญี่ปุ่นเรียนต่อน้อย อยากได้คนมาช่วยทำงาน ตีเปเปอร์ ดัน ranking ของ ม.
ปล.2 ตอนผมอยู่ Fukuoka รู้จักกับพี่ญี่ปุ่นคนนึงพูด eng ค่อนข้างคล่องเลยทำให้สนิทที่สุดแถมพี่แกเป็นคนกวนๆซนๆแบบชินจัง ตลกๆนิดนึง ฮ่าา วันก่อนกลับแกก็พาไปเลี้ยงครับ พร้อมบอกว่าปีหน้าจบแล้วจะไปทำงานที่ osaka ถ้ามาอีกพี่แกบอกว่าให้บอกนะ พอดี 2 ปีต่อมาผมได้มาโอซาก้า 2 เดือน จริงๆคิดถึงพี่แกมากครับแต่กลัวแกลืมผมไปละ พอดีวันก่อนจะกลับ 1 วัน ผมทักพี่เขาไปว่ามาโอซาก้า พี่แกเลยจะมาหา ทีแรกจะไปหาที่สนามบินซึ่งนั่งรถเป็นชั่วโมงเพื่อมาเจอผมไม่กี่นาที ผมเลยบอกไม่ต้องมา เปลี่ยนมาเจอกันที่แถวๆมหา'ลัยโอซาก้า ก็เลยหาไรกินกันแล้วพี่เขาก็เลี้ยงผมด้วย ปรากฏว่าพักอยู่สถานีรถไฟใกล้ๆกันเลย เสียดายไม่ได้ทักไปตอนมาวันแรกๆ ไม่งั้นพี่เขาจะพาเที่ยว พูดแล้วยังคิดถึงพี่เขาเลยครับ (แต่พี่เขาจะค่อนข้างเปิดใจคุยกับต่างชาติมากกว่า คนอื่นๆนะครับ เท่าที่ผมรู้สึก เลยคิดว่าขึ้นอยู่กับบุคคลจริงๆครับ)
ปล.3 ตอนกลับมาไทยก็เล่าให้ อ. ฟังเหมือนกัน อ. เลยบอกว่าสมัย อ. ไปเรียน(น่าจะเกือบ 30 ปีได้) พวกเขาจะแทบไม่คุยไม่ยุ่งกับ นร. ต่างชาติเลย ต่างจากสมัยนี้เปิดใจคุยกันมากขึ้นและก็อาจจะด้วยเด็กรุ่นใหม่ในรั้วมหา'ลัย พยายามพูดอังกฤษกันมากขึ้นด้วยครับ
@@dokmaisailom9953 เรามีเพื่อนคณะอีกกลุ่มนึง 4 คนไปมหาลัยจังหวัดข้างล่างโตเกียว (จำชื่อไม่ได้) เค้าเล่าให้ฟังว่าของเค้าคือเคร่งมาก ขยับตัวไม่ได้เลย ต้องรายงานเนื้อหาวิจัยทุกวัน ดูนางเครียดแบบในคลิปเลย 555 ก็เลยเข้าใจว่าไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่อยู่(3 เดือน) น่าจะอยู่ที่หัวหน้า ของเราเหรอถ้างานเสร็จนี่นั่งอ่านนิยายจ้า เค้าจะดูความคืบหน้ามากกว่า ถือว่าโชคดีที่เค้าเอางาน มากกว่าวัฒนธรรมที่ต้องแกล้งขยันต่อหน้าตลอดเวลา
@@sinj2667 จริงครับ ญี่ปุ่นนี่ขึ้นชื่อมากครับเรื่อง overload ตอนไปวิจัยเจอคนเครียดจนเป็นซึมเศร้าหรืออยู่ดีๆหายไปจากแลบก็มี 😥 คุณโชคดีมากครับ ที่แลบไม่เคร่ง 555 เราก็ว่าเราแอบโชคดี (เพื่อนเราบางคนนี่กลับสี่ทุ่ม ห้าทุ่มแทบทุกวัน)
แค่ยังไม่เจอของจริง
ของผมก็เป็นคับ ที่ญี่ปุ่นถ้ายังไม่ได้รับการสอนจากหัวหน้างาน ต่อให้ทำเป็น ซ่อมเป็น ก็ห้ามทำ ได้แค่ของบอกคนญี่ปุ่นให้ทำให้แทนโดยที่เราบอกขั้นตอน ตลกดี
เราอยู่ญี่ปุ่นมา 36ปี มาตั้งหลักปักฐาน จบพณิชยการ ที่ไทย ภาษาเลือกญี่ปุ่น ถ้าคุยไม่รู้เรื่องและมีนิสัยไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเลย อยู่ยาก เพราะต้อง สุขุมและอดทนในทุกระบบ แต่สำหรับเรา เป็นตัวตนที่แท้จริงได้สบายๆๆมากๆๆ เหมือนได้มาฝึกธรรมแบบ สมาธิ เป็นผลพลอยได้จริงๆ ไม่เรื่องมาก ในทุกสถานการณ์
โม้
ผมอยู่ไทยมีบ้านมีกินมีเน็ตอยู่กับธรรมชาติเจริญอานาปานสติบ้างเบาๆ สบายๆ ไม่แสวงหาและไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆ เกินไป ก็ มีความสุขดีครับ ทุกข์มันเกิดจากความคิด หยุดคิดได้ เป็นสุขยิ่งฯ 🌏
เข้าใจในโลกธรรม8 และ ขันธ์5 อ่อ
ชอบที่มาแชร์มากเลยครับ🥰 มีทั้งประสบการณ์ที่ดีและไม่ดี แต่ว่าสักวันนึงอยากลองทำงานที่ญี่ปุ่นเหมือนกันนะคับ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่แค่ม.ปลาย😂
ปกติญี่ปุ่นก็เป็นสังคมที่กดขี่ผู้หญิงอยู่แล้ว จบมาความรู้ดีแค่ไหนก็ต้องมาทํางานเจนเนอรัลเบ๊ในออฟฟิส ชงชากาแฟถ่ายเอกสารให้เพื่อนร่วมงานชาย แต่ยุคหลังผู้หญิงก็เริ่มไม่ยอม หวยก็มาออกที่แรงงานต่างชาติแทน
กำแพงใหญ่มาก ที่ญี่ปุ่น ที่เคยเจอคนส่วนใหญ่จะพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ หรือพูดได้ก็จะฟังยากมาก ถ้าใครได้ ญี่ปุ่นไปด้วย จะดีมากๆเลย ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์นะครับ สนุกมาก ☺️
ก็อาจจะอารมณ์เหมือน ถ้าออฟฟิตเรามี คนพม่า คนลาว คนกัมพูชา แม้ว่าจะทำหน้าที่เดียวกัน ตำแหน่งเท่ากัน แต่กลุ่มคนไทยก็คงมีคนที่ไม่เห็นเสมอกัน ผมเดานะครับ ก็คงอารมณ์เดียวกับที่คนญี่ปุ่นมองคนไทย เรื่องการเหยียดมีทุกประเทศ ทุกเชื้อชาติ แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกา ยุโรป หลายคนนี่ชอบเหยียดเลย แบบตัวเองสูงส่ง ลองคิดตามความเป็นจริงว่า ถ้ามีคนพม่า คนกัมพูชา คนดอยชนเผ่า ถ้าเรามองเป็นคนเท่ากันแสดงว่าเราก้าวข้ามเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าเรายังแบ่งแยกว่า เราเป็นคนไทย เขาเป็นคนดอยชนเผ่า เป็นคนเขมร คนพม่า แบบนั้นเราก็ไม่ต่างจากคนญี่ปุ่นที่มองไทย
เยี่ยมมากเลย รักษากฎของบริษัท พร้อมๆกับรักษาความเป็นตัวของเราไปพร้อมๆกัน ไม่เอาเปรียบบริษัท แต่ก็ไม่ให้บริษัทเอาเปรียบเราเกินไปเช่นกัน ทำจนเขาชินกับสิ่งที่ถูกต้องนี้ ว่าไปแล้วฟังดูคนญี่ปุ่นเหมือนน่าสงสารนะครับในเรื่องที่เกิดมาเหมือนได้อิสระภาพในการเป็นตัวของตัวเองน้อยกว่าเรา🥰 รักกันไว้...
ผมเคยฝีกงานและทำงานพาร์ทไทม์ที่เยอรมัน เลิกเวลาไหนก็เวลานั้นครับ ไม่มีใครต้องรอใคร
กับหัวหน้างานคนเยอรมันไม่มีปัญหาอะไร สั่งงานจ่ายงานเหมือนๆกัน ยิ่งเห็นเรากระตือรือล้นเขายิ่งชอบ
แต่ที่มีปัญหาคือกับพวกคนต่างชาติอื่นๆ อย่างพวกอิตาลี มันชอบวางอำนาจเหนือคนชาติอื่น
เคยทำบริษัทเจ้าของเปนคนเยอรมัน เข้างาน10โมงเลิกบ่าย2 งานค้างจนบ่าย2.15 เขาไล่กลับเลยส่วนคนอื่นบ่าย2ลุกกลับเลย ทำได้3ปี บริษัทปิด เสียดายมาก
เคยไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น 3 เดือน บริษัทในไทยส่งไป ช่วงปี 1999 กลายเป็นว่า เรื่องเวลาเรากับเพื่อนไปเช้ากว่าคนญี่ปุ่นตลอดทั้ง 3 เดือนซะงั้น ช่วงเช้าและเย็น จะมีช่วงเวลาทำความสะอาดบริเวณที่เราทำงาน และผลัดกันออกมานำกล่าวเกี่ยวกับข้อระมัดระวังในการทำงาน ไม่ให้เสี่ยงบาดเจ็บ .. มีคนญี่ปุ่นที่อายุเยอะบอกเราว่า คนที่นี่บางครั้งต้องเสแสร้งว่าตั้งใจทำงาน แม้ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆก็ตาม โดยแสดงออกว่าเคร่งเครียดซะเหลือเกิน เราก็เออ…มีแบบนี้ด้วยเว้ย ผิดกับนิสัยคนไทยที่ทำงานแบบสบายๆ ที้งทีาบางทีงานยาก… อันนี้ที่ผมประสบมากับตัวเองนะ…และผมว่าสังคมในบริษัทญี่ปุ่นแต่ละที่น่าจะแตกต่างกัน…
เราอยู่ไต้หวัน คนที่นี่ก็ไม่แพ้ญี่ปุ่นหมือนกัน เราก็เจอเหตุการณ์แบบนี้วนหลูปไป😂
เราเพิ่งมาที่ญี่ปุ่นได้ไม่นานในวีซ่าผู้ฝึกงาน ไม่อยากพูดเลยค่ะว่าเจอหนักเหมือนกัน ต่อหน้ายิ้มๆ แต่ลับหลังเอาไปพูดอีกอย่าง บอกเราอีกอย่าง แต่ไปพูดกับคนอื่นอีกอย่าง รวมถึงรูมเมทและรุ่นพี่คนไทยก็เข้ากับเราไม่ได้ เพียงแค่เพราะเราไม่ชอบดื่มเหล้า รู้สึกกดดันมากๆเลยค่ะตอนนี้ 😢
สุ้ๆๆน้า
ที่ญี่ปุ่นไม่มีแม่บ้านทำความสะอาดทุกคนจะต้องช่วยกันทำความสะอาดออฟฟิต เป็นเรื่องปกติ
ถูกต้องแล้วครับ ญี่ปุ่นค่อนข้างรักษาความลับ เรื่อง product ของเขา ปกติครับ ไม่ต้องเอาความเป็นจุฬาไปด้วยครับ ทิ้งไว้เลย คนไทยออกไปข้างนอก ก็เหมือนพม่าแหละครับ อย่าไปคิดว่าตัวเองเก่ง พรีเมี่ยม ต้องได้ทุกอย่างเท่ากับคนในชนชาตินั้นๆ
ชีวิตการทำงานจริงในไทยก็แบบนี้ครับ work life balance แค่คำสวยๆ … ยังมีโลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องเผชิญอีกเยอะ
ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นยังถือว่าหย่อนว่าในภาพรวมเลยแหละครับ
สมัยเราฝึกงานบ. ไทย คือกลับตั้งแต่ห้าโมง พอตอนจบใหม่ ก็ใฝ่ฝันถึงคำว่า work life balance แต่พอมาทำงานจิง ทุกบ.ไม่มีหรอกโอที เลิกตรงเวลา ยิ่งตอนมาทำงานบริษัท ญี่ปุ่น 2 ปี คือโดนเต็มๆค่ะ กลับดึกทุกวันน เวลาเลิกงานจิงคือ หกโมง กลับจิง สามสี่ทุ่มค่ะ หัวหน้าทำงานหนักแบบถวายชีวิต แบบยอมตายเพื่องานได้ โดนประเมินผล
งานสับแหลกทุกเดิอน ตารางเวลาเละเทะ เหมือนคนเป็นซอมบี้ จากตอนสมัยเรียนต้องไปโยคะทุกเย็น พอทำงานปุ๊บคือมีแต่งาน แต่ตอนนี้ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว คือ เงินไม่มาก แต่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เพื่อนรอบตัว จบมา 5 ปีละ มี work life balance ได้คนเดียวค่ะ อยู่ บ.ใหญ่ วันหยุดเยอะ เลิกงานไม่เกินห้าโมง ไม่มีมาตามงาน เงินเดือนจุกๆ นอกนั้นคือเหมือนซอมบี้มนุษย์เงินเดือนค่ะ ชีวิตที่วาดฝัน ตอนจบกับตอนเรียนต่างกันสุดๆ ยิ่งอาชีพสถาปนิก เอาอะไรมา work life balnce คะ ตอนเรียนอาจทำได้ แต่ตอนทำงานคือคนละเรื่องเลย
ผมก็เคยทำออฟฟิศสถาปนิกช่วงนึง แต่ในไทยเลิกงานแล้วก็ไม่มีใครกลับตรงเวลานะ เลิก5โมงกลับนู้น2ทุ่มแทบทุกวัน ถ้าติดงานลากยาวถึง4ทุ่มเป็นปกติ ถ้ามีส่งงานก็ค้างออฟฟิศนอนใต้โต๊ะ
เราได้ฝึกงานที่ญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ เค้าเกรงใจเรามากแต่เราก็กดดันและกรูมมากเหมือนกัน เค้าให้เราเป็นเศษแบบคุณเลยค่ะ เด็กญี่ปุ่นต้องมีชิ้นงาน แต่เราไม่รู้เลยว่าเราต้องทำอะไรไปให้เขา ไม่บอกเลย เราไม่รู้เลยว่าสัปดาห์นั้นๆต้องเจออะไร เหมือนปิดตาตีแตงโม แล้วคนญี่ปุ่นไม่กล้าคุยจริงๆ ฝึกสองเดือนผ่านมาเดือนนึงยังอโลนอยู่เลยค่ะ55555555555
ใช้ความอดทนอย่างมาก ถ้าได้รุ่นพี่ดีก็โชคดีนะ มาเช้า ขยันเรียนรู้เร็ว ทำทุกอย่างจร้า สู้ๆๆๆ ประสพการ5ปี ภาษางูๆๆปลาๆๆ ใช้ความอดทนล้วนๆๆ😅🇯🇵
เคยทำงานกับญี่ปุ่นแท้ๆที่พม่าเป็นซับของเขาอีกที รายละเอียดต้องเป๊ะมากๆ มีคำถามกลับมาให้หาคำตอบตลอด งานตกแต่งภายในแค่ห้องเล็กๆ แต่การทำแบบ ทำเป็นปีเลยครับ เหนื่อยจริงๆ เขาเป๊ะแล้วก็ระเอียดจริงๆครับ ถ้าผมไปทำงานที่ญี่ปุ่นสงสัยจะไม่รอด เก่งมากครับที่ฝึกงานกะเขาได้ ยอมรับเลยครับ
😍ฟังเรื่องของพี่สาวแล้วต้องบอกว่าเก่งมากๆ👍
😊แชร์ประสบการณ์ที่คุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยหนุ่มๆ ประเทศที่อยากไปมากๆคือญี่ปุ่นพร้อมเรียนภาษาติดตัวไปนิดหน่อย และก็ได้ไปสมใจแต่เมื่อได้ไปถึงกลับรู้สึกตกใจและไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตัวเองมโนภาพเอาไว้ แล้วภาษาที่เรียนจากเมืองไทยไปตอนนั้นคือใช้ไม่ได้เลยต้องไปเริ่มต้นเรียนใหม่ที่นู่น งานแรกที่เริ่มคือร้านอาหารเนื้อย่างเป็นเด็กหลังร้านคอยล้างถ้วยล้างชาม ขัดตระแกรงเหล็ก ก็โดนสารพัดค่ะสมัยนั้นทั้ง โดนด่าทอ ตบหัว ถุยน้ำลายใส่ ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะดูถูกคนไท่นิดๆเพราะเราเป็นต่างด้าว แต่ก็ต้องอดทนเพราะตัดสินใจมาแล้วภาษาอังกฤษสมัยนั้นคือไม่พูดกันเลยค่ะ และคนญี่ปุ่นเข้าถึงได้ยาก มีโลกส่วนตัวสูง ก็ต้องยอมรับว่าเขาชาตินิยมมากๆ คุณจะต้องทำตามวัฒณธรรมของเขาเท่านั้น อาจจะเป็นชาติที่ชาตินิยมมากที่สุดในเอเชียด้วยค่ะ คุณพ่อก็ย้ายงานไปเรื่อยๆและเกือบจะท้อใจเพราะเจอแต่บอสไม่ดีใช้แรงงานหนักค่าแรงก็น้อย จนวันนึงคุณพ่อได้เคยช่วยเหลือหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นคู่นึงเอาไว้ระหว่างเดินทางกลับอพาทเม้นท์หลังเลิกงาน ทั้งสองโดนรถชนเสียชีวิต1บาดเจ็บ1 เป็นข่าวดังจนนักข่าวท้องถิ่นตามตัวคุณพ่อเพราะมีคุณลุงท่านนึงเห็นว่ามีผู้ชายคนนึงช่วยปฐมพยาบาล และลากเขา2คนเข้าข้างทาง แต่ไม่แน่ใจว่าคนจีนหรือเวียดนามเพราะพูดญี่ปุ่นไม่ชัด แต่คุณพ่อไม่อยากปรากฏตัวเพราะวีซ่าขาดค่ะกลัวจะถูกส่งตัวกลับเพราะจะโดนแบนหลายปีเลย จนมีผู้ชายคนนึงมาตามคุณพ่อจนเจอ ซึ่งเขาเป็นพ่อของผู้หญิงที่ถูกรถชนค่ะ เขามาขอบคุณและช่วยเหลือคุณพ่อเพราะแกก็เปิดร้านอาหารเลยดึงให้คุณพ่อไปเป็นเชฟดูแลที่ร้าน แกใจดีมากๆและรักลูกน้องมากๆทั้งคนไทยคนจีน พ่อเล่าให้ฟังว่าวันนึงแกนั่งชงนมชมพู กับ ชาไทยกินหลังร้าน แล้วบอสมาขอชิมว่าน้ำอะไรแกบอกอร่อยมาก สุดท้ายที่ร้านบอสให้เพิ่มเมนูชาไทย กับ นมชมพูเลยค่ะ555 สุดท้ายพ่อได้ทำร้านอาหารในญี่ปุ่นกว่า30ปี ปัจจุบันก็ได้กลับมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นที่เมืองไทยค่ะ แค่อยากบอกว่าทุกๆที่ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี และต้องถามตัวเองว่าไลฟ์สไตล์ของเราเข้ากับวัฒณธรรมภาษา ความบีบคั้นกดดันของเขาได้หรือไม่? ต้องตอบตัวเองให้ได้ เพราะความเป็นจริงมันอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิดค่ะ อยากให้กำลังใจสู้ๆนะคะสำหรับคนที่รักญี่ปุ่น "กัมบัตเตะเนะ🇯🇵💞"
อ่านประวัติการทำงานของคุณพ่อคุณ@K−raelly# แล้ว ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลยค่ะ
@@nonghajit5986 😍ขอบคุณค่ะ💞🙏
ถ้าเค้ามองเธอแบบนอกในจริงๆเธอคงไม่ได้กลับก่อนเพื่อนด้วยซ้ำ นอกในก็ไม่ต่างอะไรกับระบบอุปถัมภ์ในองค์กรของทุกชาติ อีกอย่างเธอก็ต้องเข้าใจด้วยว่าการฝคกงานมันไม่ใช่การทำงานที่เต็มและทำในรูปแบบพนักงานที่ควรจะเป็น การรับรู้การศึกษาและมหาวิทยาลัยของต่างชาติไม่ได้เข้าถึงคนญี่ปุ่นขนาดนั้น แต่เชื่อเราเถอะไม่มีคนแบบนั้นทุกคนในองค์กรหรอก คุณจะเจอคนที่เข้าใจคุณในองค์กรเอง ถ้าคุณไม่ได้ยึดติดแค่กลุ่มคนกลุ่มงานเดิมๆ สู้ๆนะ
เข้าใจความรู้สึกดีเลยคับ เราก็เจอบ่อย นี้เป็นคนมอญนะ มาทำงานที่ไทย แต่ไม่เกี่ยวกับการงาน แต่ก็จะมีสายตากัน เพียงเพราะเราเป็นแรงงานต่างด้าว!!
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ
ญี่ปุ่นจะมองคนต่างชาติเป็นบุคคลชั้นสองค่ะรวมถึงลูกครึ่งญี่ปุ่นด้วย..เขาจะให้ความสำคัญกับคนญี่ปุ่นแท้ๆค่ะ..เป็นประเทศที่เหมาะจะไปเที่ยวแต่ไม่เหมาะจะไปอยู่ค่ะ
เหมือนกันเลยค่ะ ทำงานกับคนญี่ปุ่นเราเป็นโรคซึมเศร้าทานยาเลยค่ะ ไม่เอาอีกแล้วค่ะ
คือผมเองก็ทำงานเป็นช่างซ่อมแม่พิมพ์โลหะอยู่ญี่ปุ่นมา 7 ปี ในส่วนตัวก็ไม่เห็นจะมีอะไรมาก เพราะสิ่งที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญนั้น จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องปรกติของคำว่างาน แต่ถ้าไม่พอใจที่จะให้คนอื่นมาสั่ง ผมแนะนำได้แค่คุณต้องทำธุรกิจของตัวเองครับ อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลยครับ ตอนอยู่เมืองไทยผมทำงาน 9โมงเช้าเลิกเที่ยงคืนสัปดาห์ล่ะ7วัน เพราะเช่นนั้นมันอยู่ที่สโคปของคุณว่า คุณยอมรับงานได้แค่ไหน เพราะถ้าขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวยอ่ะนะ
ชอบความคิดของน้องน่ะค่ะ มีความรู้สึกว่าถ้าน้องเจอปัญหาแล้วพยายามหาทางแก้ไขไม่นั่งจมปลักอยู่กับปัญหาจนออกจากปัญหาไม่ได้กลายเป็นซึมเศร้าไป ขอให้น้องประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวค่ะ
เก่งมากจ้า การอยู่อาศัยค่างประเทศ คนไทยแบบเราต้องกล้าคุยกล้าพูด กล้าวิ่งเข้าหา ปัดความกลัว ความไม่กล้าทิ้ง กล้านำเสนอ พี่เคยยุญี่ปุ่นมา5 ถึง6ปี ผ่านมาหลายงาน คือฉันต้องเป็นผู้นำเขาให้ได้55555
เราแค่ยังไม่ชินกับวัฒนธรรมบ้านเขาครับ เราเคยไปทำงานที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ในโซนสแกนดิเนเวีย เราปรับตัวอยู่ประมาณสองเดือนกว่าจะเข้าที่
เข้างาน 7:00-15:00 ที่นั่นทำงานแค่7:30 พัก30นาที มีแคนทีนบุฟเฟ่ เสียตังนะ
ปกตินะครับ เพราะเริ่มงานช้า เหมือนๆบ. ญป ต่างๆ ในไทยครับ น้องปรับตัวได้เก่งครับ
ถึงจะไม่ได้ทำถาปัต แต่มาฟังคอนเทนต์แนวนี้ก็รู้สึกคิดถึงตอนมาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆทุกที จนป่านนี้ไม่เคยชินกับปัญหาที่นี่หรอกนะ ขมๆไป จะเรียกว่าชินก็ไม่เชิง เพราะในใจลึกๆยังต่อต้านเรื่องแบบนี้ แต่ไกจินอย่างเรามันเป็นคนส่วนน้อย จะออกเสียงมันก็ยาก เราเปลี่ยนอะไรเค้าไม่ได้ ทุกวันนี้เลยได้กลืนๆอยู่กับเค้า จนเค้าแยกไม่ออกไปละ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความสุขแต่พอจะอยู่ที่นี่ต่อไปวันๆได้
มันเพิ่งเริ่มครับ ของจริงหนักกว่านี้เยอะ สู้ๆ นะ
ยิ่งผ่านความลำบากมากเท่าไหร่ และทนอยู่กับมันได้ จนสำเร็จ เราจะเป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ
ส่วนที่ทำงาน ลำบากๆ แค่ 1-2 อาทิตย์แล้วเลิก
แบบนี้ ไม่นับนะ 555
เห็นคนเครียดจัด จนฆ่าตัวตายมาเท่าไหร่ละ ชีวิตคนมันต้องทำงานหนักขนาดนั้นเลยหรอ ถึงเวลาก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตได้แล้วมั้ง ไม่ใช่ต้องมานั่งรอคนอื่นกลับเราถึงได้กลับ
@@imwasher3812 ใช่คนทำงานต้องหนักขนาดนั้น ถ้าไม่รวยตั้งแต่เกิด หรือ โชคดีในการหาเงิน ทำใจรอได้เลยครับ
@@wanida170 เฉพาะเอเชียนั่นแหละ
@@khaschen จริง
สู้ๆ ครับ น้องที่รู้จักก็ไปทำงานในโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ติดตรงที่โอกาสในการเลื่อนตำแหน่งเงินเดือนไม่มีเพราะเขาจะกั๊กไว้ให้คนญี่ปุ่น แต่คนป่วยกลับชอบน้องเขาเพราะเป็นกันเองคอยช่วยเหลือ เห็นแม่น้องบอกว่าหากหมดสัญญาอาจะไปทำงานต่อที่ออสเตรเลียครับ ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
ประสบการ ของผม และ เพื่อนที่รู้จักต่างกันมากก กะที่เล่าเลยครับ
ของผมก็ฝึกงานอยู่ญี่ปุ่นณปัจจุบัน
พี่ๆที่ทำงานนี้ก็ใจดีสุดๆเลย ชอบเอาขนม ของฝากมาให้ตลอดเวลาเขาไปเที่ยวใหนมา
เย็นๆเลิกงานพี่บางคนก็ชอบพาไปหาอะไรกินด้วย เขาเลี้ยงด้วยอีกต่างหาก
เสา อาทิตหยุดยาวก็ชอบพาไปเที่ยว ที่ต่างๆ
บ้านที่อยู่นี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ฟรีๆเลย
จ่ายแค่ค่าน้ำ ไฟต่างๆ
คนญี่ปุ่นในความคิดผมก่อนมาเหมือนที่เล่าเลย แต่พอมาจริงๆผิดคาดมาก
คนญี่ปุ่นในมุมผมนี้โคตรน่ารักเลยนะ
ไม่ใช่แค่บริษัท ผมทำงานนะครับ เพื่อนๆที่รู้จักด้วยเหมือนนะ หลายๆคน
ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นนี่ชอบมาก แต่พอได้ทำงานในองค์กรญี่ปุ่นคือความคิดหมดเลย ส่วนตัวไม่ค่อยชอบวัฒนธรรมองค์กรแนวนี้เลย😅
เข้าใจความรู้สึกของคนที่ลาออกงานที่ีญี่ปุ่นมาอยู่ไทยหรือยัง ไทยแลนด์น่าอยู่สุด
เราเลือกไม่ได้ว่าจะเจอปัญหามั้ย แต่เลือกวิธีตอบสนองได้ เยี่ยมจริงๆ เรื่องราวมันจริงและเป็นประโยชน์มากๆครับ ผมเป็นคนรุ่นเก่ารับชมยังได้ประโยชน์มากๆเลยครับ
จริงมากเลยค่ะอันนี้ เราเองเคยไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นมาเหมือนกัน ขนาดว่าเราเป็นเป็นบ.ที่ค่อนข้างจะไม่ได้ญี่ปุ่นมากกกอะไรขนาดนั้นนะคะเพราะประธานจบนอกมาก แต่เดือนครึ่งที่อยู่ที่นั่นคือทรมานมากจริงๆ ทั้งๆที่เลยไปเรียนนานกว่านี้ยังไม่เป็นไรเลย เราเป็นเด็กฝึกงานคนเดียวในบริษัทตอนนั้นค่ะ ออฟฟิศชั้นเดียวบ.ไม่ใหญ่มากทุกวันเรานั่งอยู่เลยเวลาเลิกงานตลอดเพราะทุกคนไม่มีใครกลับเลยแบบไม่มีลุกกลับตรงเวลาเลยจริงๆค่ะ เหมือนนาฬิกายังไม่ถึงเวลาเลิกงานอะไรแบบนั้นอะ5555 แต่ข้อนี้คือน็อตเซอร์ไพรเพราะพอรู้อยู่แล้วเราก็ไม่อะไร แค่มันลำบากใจเพราะเราไม่มีงานอะไรให้ทำแล้วจะเล่นมือถือก็ไม่ดีแน่นอนคำตอบคือนั่งเฉยๆค่ะ รอจนคนในนั้นมาถามว่าไม่กลับเหรอ กลับมั้ย เราถึงได้ลุกเก็บของเป็นงี้ทุกวันตลอดการฝึกงานเลย เรื่องคนนอกคนในอันนี้ก็เจอเหมือนกัน เราอยู่ในระดับที่พูดโต้ตอบสนทนาทั่วไปได้ค่ะ แต่ก็ยังรู้สึกว่าเค้ามีกำแพงกับเราอยู่ซึ่งมันทำให้อึดอัดมากเราไปอยู่คนเดียวแบบไม่มีเพื่อนเลย ช่วงกลางวันความจริงเราอยากออกมาหายใจหายคอคนเดียวบ้างนะ แต่ทุกคนคือกินข้าวที่บ.กันหมดเราก็ต้องอยู่กับเค้าค่ะ ทั้งวันอยู่แต่ในตึกที่แทบไม่มีใครคุยกับเราถ้าไม่จำเป็น โคตรอึดอัดเลยจริงๆ55555 คิดถึงบ้านมากตอนฝึกงานอยู่ที่นั่น
เราอยู่ออสเตรเลีย ทุกเย็นเราไล่เด็กฝึกงานกลับบ้านเอง เราบอกเด็กฝึกงานเสมอว่าพวกเทอได้เงินน้อย 4.00 pm ปะกลับบ้าน แต่เด็กฝึกงานบางคนถึงเวลาเขาก็กลับเลย ยุ่งไม่ยุ่งเพราะถึงเวลาเขาแล้วนะ
สุ้ๆๆนะผ่านมันมาแล้ว
เข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ ในความเป็นระเบียบความเรียบร้อย และมีมาตรฐานแบบญี่ปุ่น แฝงไปด้วยรายละเอียดยิบย่อย ขนบและอะไรหลายๆอย่างที่ชาวต่างชาติไม่ได้รับเป็นข้อยกเว้น ต้องทำให้ได้แบบคนญี่ปุ่น ถ้าเจ้านายหัวโบราณมากๆ ก็ปวดหัวไปอีก เป็นความกดดันแบบเงียบๆ เป็นการแบนแบบเงียบๆ แล้วคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยช่วยเหลือ ไม่ใช่เพราะไม่มีน้ำใจนะ แต่สังคมเขาไม่สอนเรื่องนี้อะ คือต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง คือเขาจะไม่โอ๋ จะแบ่งเรื่องของชั้นเรื่องของเธอสูงมาก ซึ่งมันก็โยงมาสู่เรื่องระเบียบวินัยอีก คือต้องจิตใจเข้มแข็งและด้านชาอยู่ประมาณหนึ่งถึงอยู่ได้นะ สังคมแบบปิด
เขายังเรียกเราว่าไกจินเลยค่ะที่ไปฝึกงาน จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้เชิดชูคนต่างชาติขนาดนั้น ดูได้เจ้าของบริษัทเป็นคนญี่ปุ่น แต่ของเรานี่เจ้าของนี่เป็นฝรั่งจะดีใจมากคนไทยก็แปลกคืออยากทำงานกับคนต่างชาติ ชาตินิยมของเราไม่เท่าเขา
เวลาใครถามอยากย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น
เราจะบอกเสมอว่า ญี่ปุ่นเหมาะกับมาเที่ยวนะ แน่ใจจริงๆเหรอ ว่าอยากมาอยู่จริงๆ ต้องถามตัวเองมากๆ เพราะการมาใช้ชีวิต ทำงานหาเงิน มันไม่สวยหรูอย่างที่คิดนะ มันเครียด หนัก และเหนื่อยนะ ทุกที่มีข้อดี ข้อเสีย ต้องลองชั่งน้ำหนักดู ว่าเหมาะกับเรามั้ยค่ะ 😄❤️
คนญี่ปุ่น ก็คือ คนแหละค่ะ
เขาเองก็พยายามอดทนกับสภาพแวดล้อมนั้น จนเคยชิน แล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสภาวะนั้นไปในตัว
เข้าใจเลยค่ะว่า ทำไม เมื่อคนญี่ปุ่น ได้มาสัมผัส บรรยากาศการทำงานในไทย และการใช้ชีวิตของคนไทย เขาจึง มีความสุขมาก ผ่อนคลาย และไม่ค่อยอยากกลับประเทศ
เพราะบ้านเรา มี มิตรภาพ ที่เป็นความอบอุ่นอย่างไม่มีกีดกั้น และนั่นคือ อิสรภาพจากความแบ่งแยก ในสังคม ที่เขาเติบโตกันมา จึงทำให้เขาได้พบประสบการณ์ ความสุข ในแบบที่เขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ไม่อ่ะ คนญี่ปุ่นก็ไม่ได้อยากมาไทยขนาดนั้น เขาอยากไปยุโรปเนาะ
บริษัทญี่ปุ่นในไทยก็คล้ายๆกันแหละครับ เข้างาน 8.30 ยังไงก็ควรมาถึง 8.00 ถ้ามาถึงใกล้ๆ เวลางานก็โดนมองไม่ดีแล้วครับ เวลาทำงานก็ไม่มีพูดคุย มีแบบแผนลำดับงานแต่ละวันชัดเจน ถ้าเป็นคนชอบไม่พูดคุย เงียบๆ มีความเป็นระเบียบ ก็เหมาะที่จะทำงานครับ
เราอยากแชร์ประสบการณ์ ฝึกงานที่บริษัทญี่ปุ่นในไทยมั่งจัง เราไปฝึกงานมา 1 ปีเต็มๆเข้าร่วมแทบจะทุก event ของบริษัทเลย ซึ่งเราฝึกงานเป็น พนักงาน IT Support ซึ่งผมก็รู้สึกถูกเอาเป็นเศษเหมือนกันไม่รู้ว่าเพราะอะไรอาจจะเพราะรูปร่างหน้าเราหรือป่าว ความสามารถเราก็มากกว่าเพื่อนทำได้หมดแต่เวลามีงานอะไรส่วนใหญ่จะให้เพื่อนไปแล้วปล่อยเราไว้ที่โต๊ะคนเดียว แล้วเวลาหัวหน้ามองมาก็กดดันอีกเพราะงานIT Support ไม่ใช่ว่าจะมีงานเข้าตลอด บางวันมีแค่1เคสก็มี ยังมีเรื่องอีกเยอะเลย
แย่เลยครับตำแหน่วที่ไใ่ค่อยเจอคน คนดันมาหาเราถึงที่
จบญี่ปุ่นครับ จริงๆแล้วตอนจบ ถ้าทำงานบริษัทอเมริกันก็จบ แล้วหาโอกาสย้ายไปอยู่ยุโรปหรืออเมริกา ก็จบ แต่ก็นั่นแหละ เบื่อวิธีการทำงานแบบญี่ปุ่น มันไม่เวิร์คหรอกสำหรับสังคมปัจจุบัน เพราะมันทำให้คนไม่อยากอยู่ สุดท้ายคนก็เกิดน้อย ค่อยๆเป็นสังคมคนชรา อีกสามสิบปี คนหนุ่มสาวก็น่าจะเหลือน้อยมากกกก
คนญี่ปุ่นลงดีเทลมากกก เวลาเราจะพูดอะไรควรลงดีเทลในระดับนึงเลยค่ะ 555 เคยโดนเซนเซถามคำถามนึง เราก็ตอบสั้นๆ ปรากกฏว่าโดนถามต่อแบบยาวมากว่าเพราะอะไร ทำไม แบบไหน คือถ้าเราไม่ลงดีเทลเองเขาจะถามกลับมาแบบเยอะมาก
เคยถามคนญี่ปุ่นที่อเมริกาว่า มาอยู่ที่อเมริกาทำไม ในเมื่อประเทศตัวเองก็เป็นประเทศพัฒนาแล้ว เค้าบอกว่า เงินที่หาได้น้อยกว่าอเมริกามาก ถ้าทำงานแบบเดียวกัน และเงินที่ได้ ไม่เคยคุ้มกับความเครียดที่ได้รับ
รอทริปโยโกฮาม่าของDaisukiเลยครับ !!!
ขอบคุณที่มาแบ่งปันประสบการณ์ และเล่าเรื่องราวความประทับใจนะครับคุณพี่สาว~^^
ก่อนทำงานเค้าจะออกกำลังกายก่อนเวลาทำงานเค้าจริงจังมากแต่
เวลาพัก เค้าปล่อยตัว บุหรี่สูบมวนต่อมวน
(แต่เค้าสูบเเค่ครึ่งตัวทิ้ง)เรื่องเวลาสำคัญมาก
โดยรวมมีระเบียบมากๆๆๆเค้าถึงเจริญ
ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังค่ะ เก็บไว้เป็นความรู้ ต้องกล้าที่จะทักก่อน 🥺
ที่ญี่ปุ่น ถ้าหัวหน้ายังไม่กลับจะยังกลับบ้านไม่ได้ เป็นวัฒนธรรมบ้านเค้าเลย ก่อนไปควรศึกษาชีวิตคนในประเทศเค้าดีๆ เกาหลีหนักกว่านี้อีก
เคยเรียนอยู่ห้าปี ในแลป ก็เข้มงวดประมาณนึง เข้าแลปเก้าโมง ออกแลปสองทุ่ม อาจารย์ไม่กลับ ก็กลับไม่ได้ วิธีแก้ไขคือ ขออนุญาตกลับบ้านไปอาบน้ำ กินข้าว ก่อน แล้วกลับเข้ามานั่งทำงานต่อ ค่ะ จะทำอะไร ก็ทำไป ขออย่าหนีหายออกไปจากแลป โดยไม่บอก ก็พอ อยู่กับคนญี่ปุ่นต้องทำตัวเหมือนเครื่องดนตรี คือ ขึงสายให้ตึง เสียงไม่เพี้ยน แล้วก็เล่นเพลงไปตามที่ชอบ หมายถึง เมนเทนกฏข้อบังคับ ดูแลรักษางานของส่วนรวม และมีกิจกรรมส่วนตัวที่เหมาะสม เช่น ออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน ถ่ายภาพ
แต่คนไทยบางคน เอาแต่ด่าเมืองไทย ทั้งที งานสบาย ไม่กดดันมาก ทำไปเล่นมือถือไป คุยกันไป เจ้านายยังไม่ว่า …..
ใช่ ญี่ปุ่นมีวินัย ระเบียบ มีความปลอดภัย บ้านเมืองสวย แต่ ชีวิตจริงการทำงานกดดันโคตรๆ คนญี่ปุ่นมีความกดดันและความเครียดสูงในการแข่งขันการใช้ชีวิต
ประเทศที่เหมาะกับการไปท่องเที่ยว แต่ไม่เหมาะที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ ที่คุณจะเจอแน่ๆคือความเครียด มากถึงมากสุด และอื่นๆอีกมากมาย
จากใจคนที่เคยทำงานในบริษัทญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นคงไม่ตอบโจทย์สำหรับการไปทำงาน เหมาะสำหรับจะไปท่องเที่ยวระยะสั้นมากกว่า
ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะคะ เสียงพี่สาวน่าฟัง ฟังเพลินมาก ๆ
ผู้หญิงทำงานในญี่ปุ่นมักไม่ก้าวหน้า และเป็นปะเทศที่ทำงานเครียดทำงานมากกว่าแปดชั่วโมง ผู้หญิงมักไม่ค่อยมีความสุขอยู่ญี่ปุ่น มักจะหนีมาอยู่ไทย เคยไหมได้ยินทำงานจนตาย ชีวิตประจำวัน ดูเหมือนเงิน้ดือยเยอะแต่หีกโน่นหักนี่ก็ไม่ค่อยมีอะไรเหลือเก็บ
เอ่อ การเขียนชื่อเค้าเป็นภาษาไทยก็ดีไปอีกแบบนะ ถ้าเป็นเราเราก็ดีใจเหมือนกันถ้าได้ชื่อเราในภาษาเค้า ไม่เคยคิดมุมนี้เลย ขอบคุณที่นำมาแชร์ครับ
เพื่อนผมพึ่งย้ายกลับญี่ปุ่น เรื่องงานมันบอกว่า ตั้งแต่พนักงานลูกจ้างจนถึงระดับประธานบริษัท ต่างทำงานหนักและเหนื่อยทั้งนั้น
พ่อมันเสียก่อนจะตายบอกว่า หมดเวลาสบายแล้ว กลับมาลำบากที่ญี่ปุ่นซะ ผมก็งง มันลำบากตรงไหน พอเห็นกิจวัตรประจำวันทั้งทำงานกับกลับมานอนแล้ว ถ้าให้เลือกคงอยู่แบบจนในไทยดีกว่า
ไปบริษัทก่อนพนักงาน ออกบริษัทหลังพนักงาน บางวันนอนในห้องทำงานเลยก็มี มีทั้งงาน ประชุม พบลูกค้า พบหุ้นส่วน ตีกอล์ฟ แบต เทนนิส ว่ายน้ำ สารพัด ทำงาน 7/7 วัน ถามวันไปว่าเคยไปเที่ยวกับพ่อก่อนแกเสียไหม มันตอบไม่เคยเลย พ่อกุทำงาน 365 วันตลอดปี พนักงานยังมีโอกาสได้พัก เสาร์อาทิตย์ แต่ระดับผู้บริหาร เห็นยิ้มแย้มสบาย แต่ภายในหนังหน้าที่ยิ้มแย้ม ต้องแบกรับทั้งกำไร ขาดทุน กิจการซบเซา ค่าแรงลูกน้อง และที่สำคัญเข้ามาวงการนี้ ยกเรื่องเวลาว่างให้กับครอบครัว ทิ้งมันไปได้เลย
เราเคยทำงาน บ ญี่ปุ่น ในไทยค่ะ HQ อยู่ที่ญป วัฒนธรรมคือใช่เลยค่ะ ทั้งโต๊ะจะเห็นกันหมดคุยอะไร นายหัวโต๊ะได้ยินกันหมด ถ้าลางาน ก็ต้องเข้ามาเคลียร์งานในวันนั้น เพราะวันต่อไปจะมีงานเข้ามาอีก ถ้าลางาน 2 วันต้องมีใบรับรองแพทย์ เคยเห็นหัวหน้าร้องไห้ด้วยค่ะ เพราะเข้าประชุมกับนาย ญป แล้วนาย ญป ถามว่างานจะเสร็จวันไหน นายบอก tomorrow เค้าก็ถามว่า Why not today? และก็มีการประชุมกันสักพักค่ะ ออกมานายคือซึมค่ะ 😮 เรื่องเลิกงาน 17.00 ไม่มีใครลุก คือจริงค่ะ เพราะนายยังไม่ลุก นายลุก 18.00 หรือ 18.30
วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน อันนี้แค่ฝึกงาน ถ้าได้assign งานจริงจังจะเข้าใจ งานวิศวกร งานสถาปนิก ไม่ค่อยรู้จัก work &life balance ความมุ่งมั่นของคนไทยขึ้นชื่อว่าน้อยในสายตาประเทศอื่น ต้องวิ่งเข้าหาโอกาศ
ผมไม่เห็นด้วยเหมือนกันนะวัฒนธรรมเลิกงานหกแล้วไม่มีใครกล้าลุก เอาจริงๆถ้างานเสร็จ ไม่ได้น่าเกลียดเลยถ้าจะลุก ในประเทศไหนก็ตาม
งงบางคนที่มาคอมเมนท์ว่าการที่เอามุมมองตัวเองมาแดกดันคนอื่น คนเรามุมมองในการใช้ชีวิตมันก็ต่างกันอยู่แล้วมั้ย มาเมนท์เอาสะใจ แล้วระบายชีวิตตัวเองหรอคะ งง
คนบางคนก็คอมเม้นแซะคนอื่นไปทุกเมื่อเช่นกัน
โดนแค่นี้บอกโคตรทรมาน แค่นี้ยังชิลล์ๆ คนญี่ปุ่น ถือ "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" ครับ ผมทำงานที่ญี่ปุ่นมา 2 ปี จนตอนนี้มาเป็นราชการในไทย บอกเลย "ทำงานที่ไทยสบายมากครับ" ไร้วินัย ไร้ระเบียบดี
ในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว โซนเอเชียตะวันออกอย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น สังคมไม่ค่อยน่าทำงาน หรือไปใช้ชีวิตอยู่
จริงมาก แต่คนไทยก็อวย ลางเนื้อชอบลางยา เห็นในคลิปคนที่เขาประสบความสำเร็จเรื่องมีผัว เรื่องทำคลิปโชว์กินข้าว ก็อยากจะเอาแบบเขา แต่ไม่รู้ว่า เบื้องหลังลึกๆ สังคม วัฒนธรรมของเกาหลีญี่ปุ่นเข้มงวด กดดัน ความเครียดสูง ผิดกับไทย ชิลๆ
คนไทยเเปลกมากเเทนที่จะเอาความรู้ที่พ่อเเม่ส่งเรียนมาพัฒนาประเทศไห้เจริญเเต่กลับอยากไปเป็นขี้ข้าเค้าพูดภาษาเค้า มันน่าภูมิใจตรงไหน.
@@wanamwiang3032 เห็นด้วยกับคอมเม้นท์หลักนะ แต่อันนี้ไม่เห็นด้วย ประเทศไม่ได้พัฒนาเพียงประชากร แต่มันอยู่ที่ภาครัฐก่อน ค่าแรง และปัจจัยต่างๆ ศึกษาเอานะคะ เพราะมันเยอะมาก สาเหตุที่เขาทำงานต่างประเทศคือสภาพแวดล้อมดี สวัสดิการ เงิน แต่มันก็มีข้อดีข้อเสียปนกันไป แต่เงินคือปัจจัยหลัก บางประเทศค่าเงินเยอะ อาหารกลางวันฟรี รถประจำทางฟรี และอีกมากมาย
@@rinnn7178 เห็นด้วยเรื่องภาครัฐนะเเต่ปัญหาตอนนี้คือรัฐบาลคิดเองไม่เป็นไง ประชาชนมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศ
ไอคนที่เก่งๆก็ออกไปทำงานต่างประเทศกันหมด เหลือเเต่คนที่ไม่มีการศึกษา ประเทศต้องการคนเก่งมาขับเคลื่อน ทุกอย่างมันเริ่มที่ตัวเราหมด ถ้าคุณคิดเเต่จะออกไปทำงานต่างประเทศ หวังพึ่งเเต่รัฐบาลห่วยๆ เเล้วเมื่อไหร่ไทยจะเจริญ
ญี่ปุ่นเมื่อก่อนก็เคยจนยังไม่พัฒนา เค้าลงทุนส่งลูกส่งหลานไปเรียนหนังสือถึงต่างประเทศ เมื่อจบการศึกษาเเล้ว จะใด้เอาความรู้เหล่านั้นมาขับเคลื่อนบ้านเมืองจนกลายเป็นมหาอำนาจ คิดดูนะครับประชาชนมีความสำคัญมากเเค่ไหน.
ที่คอมเม้นไปไม่ได้บอกว่า ไม่ควรไปเรียน ทำงาน ที่ญี่ปุ่น เกาหลี หรือ ต่างประเทศอื่นๆนะ มันก็ขึ้นอยู่กับคน ส่วนดีมันมีมากกว่าส่วนที่ไม่ดีอยู่แล้ว (โดยเฉพาะเรื่องความรู้และรายได้) แต่มันก็ได้ความรู้อะไรหลายๆอย่างที่ไม่สามารถหาในประเทศได้ อาจจะมีสาเหตุต่างๆเช่น รายได้ ฝึกระเบียบ ได้ภาษา มีประสบการณ์ สามารถเอามาใช้ในไทยได้ แต่ก็นะ สภาวะแบบนี้ ถ้ามีโอกาสได้เรียน หรือทำงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ไปเถอะ แต่ส่วนตัวที่เม้นแบบนี้เพราะถ้าเลือกไปทำงานใช้ชีวิตในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ จะเลือกประเทศตะวันตก หรือใช้ภาษาอังกฤษ ก่อน เพราะเขาไม่มีธรรมเนียมอะไรฝืนๆ แปลกๆ แค่ไม่ไปทำงานสาย มีผลงานดี เสร็จตามเวลา ก็พอแล้ว
เด็กไป เหมือนเด็กไทยจบใหม่สมัยนี้ คิดมากไป เป็นการฝึกให้อดทน ไม่ควรคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป หรือคอยแต่ให้คนอื่นมาบอก น่าจะค่อยคิด ค่อยคุยไป อีกอย่าง ฝึกงานสั้นไป ไม่มีเวลาปรับตัว
ญี่ปุ่นนี่สังคมโคตรDARK ยิ่งกว่าค่ายหนังDC....
นานๆจะมาแนวซีเรียส ขอบคุณสำหรับสาระครับ
#応援
@@rumaon ดูจากสถิติก็รู้ละครับ ญี่ปุ่นอันดับการฆ่าตัวตายสูงมาก
@@rumaon สังคมการทำงานตรึงเครียดมาก ต้องเป๊ะทุกอย่าง ไม่สนุกเหมือนในอนิเเมะสักนิด
@@rumaon มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่เเล้วครับบ้านเมืองเขาถึงได้เจริญขนาดนี้
@@rumaon สบายครับทุกวันนี้ สิ้นเดือนมาเงินก็เดินมาเข้าประเป๋าตังเอง ไม่ต้องหาให้เหนื่อย
@@rumaon ถ้ามันเจริญจริงอ่ะ ทำไมต้องให้ทำงานดึกๆเกือบทุกวัน
คนเยอรมันทำงานเป๊ะทุกอย่างอ่ะ แต่เขาเลิกงานตรงเวลา
คนญี่ปุ่นที่มาทำงานที่ไทยแทบไม่อยากกลับไปญี่ปุ่นอีกเลย เช่นโรงงานที่ผมทำอยู่ คนไทยทำงานแบบสบายๆ อยากขาดงานวันไหนก็ขาด กินในเวลางานก็ได้ มาสายเป็นเรื่องปกติ แถมยังมีจัดไปเที่ยวทุกปี เมาเหล้าให้อ้วกกันไปเลย แต่ที่ญี่ปุ่นทำแบบนี้กันไม่ได้ ผู้จัดการแผนกผมที่มาจากญี่ปุ่น มาแรกๆถึงกับงง พออยู่นานไป ก็เละเหมือนกันเลยที่นี่555 เขาบอกคนไทยเป็นคนชอบสังสรรค์จริงๆ
พี่สาวเก่งมากๆค่ะ ขอบคุณที่มาแชร์นะคะ😊
เข้าใจครับ เท่าที่ผมทราบมา คนญี่ปุ่นเองก็ไม่อยากเจอสภาพการทำงานแบบนี้
ญี่ปุ่นมาเที่ยวพอค่ะ ถ้าคิดจะมาอยู่รึมาทำงานต้องคิดดีๆ คนญี่ปุ่นบางคนเห็นดูใจดียิ้มแย้ม แต่ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอเยอะค่ะ เค้าจะเป็นคนประเภทที่จะไม่ทำอะไรนอกกรอบเลย
เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะที่ญี่ปุ่น ถ้าคุณไม่เข้าพวกกับทุกคน คุณจะอยู่ได้ยากมาก เพราะเขาจะมองว่าคุณเข้ากับคนอื่นๆหรือคนส่วนมากไม่ได้แล้วล่ะก็ เขาจะมองว่าเรานั่นแหละคือตัวปัญหาค่ะ
งื้อ สู้ๆนะครับ จากใจคนทำงานไกลบ้าน กดดันมากๆ จนเราต้องแสดงให้เขาเห็นเองว่าเราทำได้นะ แต่บางทีงานที่เราทำได้เขาก็แอบโยนงานให้เราทำ กินแรงแหละแต่สุดท้ายอะไรพวกนี้ ทำให้เรากล้าพูดมากขึ้น ฮึ๊บๆคับ
ผมฝึกงานที่ ญี่ปุ่น 8 เดือน เชื่อไหม
ทรมานมาก....
แต่ไม่มีใครรู้หรอกเก็บไว้คนเดียวตลอด
จนกว่าจะจบแต่ในใจอยากกลับบ้าน
ตลอด..วันไหนพ่อกับแม่โทรมา ใจสั่น
จากคนที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไร
ผมโสตายเลยครับ ช่วง1-4เดือนแรก ทำงานวันละ12ชม. แขนขาแทบหลุด โดนด่าทุกวัน
@@parinyasaubon2075ทำเกี่ยวกับไรหรอครับงานที่ทำ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ เป็นการแชร์ประสบการณ์ที่มีประโยชน์มากเลยค่ะ
ส่วนตัวนะครับ จากการที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นมา ทำงานกับคนญี่ปุ่นมาเยอะ
ผมมองว่าอาจเป็นเพราะบุคลิกด้วยรึป่าว ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมกับคนญี่ปุ่นเลยครับ
แค่เวลางานคือจริงจัง เวลาเบรกหรือวันหยุดคือต้องสนุกให้เต็มที่ แล้วก็อย่าลืมไปโนมิไกกับเพื่อนๆในออฟฟิศด้วยนะ สำคัญมากๆ
เหมือนกันครับ ทำงานแรกๆเขาไม่กล้าคุยไม่กล้าว่า พอทำงานพลาดเขาก็ไม่กล้าพูด เพราะเขาไม่รู้ว่าคนต่างชาติพูด ญี่ปุ่นได้ พอเขารู้แค่นั้นแหละ งานพลาดมาด่ายับ55555555555
5555😂😂
อันที่เป็รเศษ เราว่าอันนี้คล้ายๆ คนไทยอยู่เหมือนกัน เหตุคงเพราะกลัวเรื่องการสื่อสารกับคนต่างชาติ ของเรา เคยมีต่างชาติมาฝึกงาน คือแบบก้อดูเค้าติ่งๆ นะ สงสารอยู่ เพราะไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง คนต่างชาติคนนั้นเค้าก้อเกร็ง ไม่กล้าพูดคุยกับคนไทย อาจจะด้วยกังวลเรื่อง cross culture กลัวการพูดที่ไม่เหมาะสม บวกกับเค้าพูดไทยไม่ได้เลย มันน่าจะคล้ายๆกัน สรุปคือจะไปฝึกงานที่ไหน เราคงต้องฝึกการเข้าหาเค้าให้เป็น ถ้าพูดภาษาเค้าได้จะดีมากๆๆ เมาท์มอยเข้าไว้ ก้อจะช่วยลดปัญหาติ่งไปได้เยอะเลย